ตะวันปัญญ์ใจ [ปวิรดา]
เอกตะวันอาจารย์มาดขรีมที่นักศึกษากลัวกันทั้งมหาวิทยาลัย จู่ๅ ก็ต้องดูแลเจ้าเด็กแสบ ที่ทั้งไม่มีมารยาท เอาแต่ใจตัวเอง หัวสูง สารพัด ... ไอ้เด็กแสบคนนี้แหละที่ทำให้ชีวิตนิ่งๆ ของเขาโกลาหลอลหม่านไปหมด
Tags: นิยายวาย
ตอน: โลกวุ่นวายเพราะนายคนเดียว
ร่างสูงขาวผมยาวที่มัดไว้ลวกๆ กลางหลัง กำลังนั่งกอดอกเอนหลังพิงพนักเก้าอี้หลับตา ชายหนุ่มซึ่งดูจากใบหน้าน่าจะอายุไม่ถึงยี่สิบปีสวมกางเกงยีนแนบลำตัวเสื้อยืดแขนยาวพับแขนถึงศอกมีรอยขีดข่วนที่ใบหน้าและแขนอย่างละนิดละหน่อย หนักสุดก็เป็นรอยข่วนเป็นทางยาวตรงข้อศอกซึ่งตอนนี้เลือดแห้งเป็นสีเข้มตัดกับผิวขาวละเอียด
แต่ขนาดดูมอมแมมอย่างนั้นร่างสูงยังโดดเด่นและดูดีเกินเด็กหนุ่มทั่วไป
เกือบเช้า ตอนนี้เพื่อนๆ ของเขาทุกคนกลับบ้านไปหมดแล้ว ก็เหลือแต่เขาที่...ยังต้องรอ
เป็นแบบนี้เสมอๆ … เกิดเรื่องทีไรก็จะต้องอยู่เป็นคนสุดท้ายทุกครั้ง
เพื่อนๆ อยากจะรอเขา แต่ทุกคนถูกผู้ปกครองลากตัวกลับไป ไม่มีใครอยากอยู่ในสถานที่แบบนี้หรอก โรงพักนี้ดีหน่อยที่มีแอร์คอนดิชัน เด็กหนุ่มเคยมีกรณีคล้ายๆ อย่างนี้ที่โรงพักในจังหวัดติดกรุงเทพฯ คืนนั้นต้องนั่งตบยุงรอพ่อจนเกือบสว่างเหมือนกัน
คู่ชกของเขากลับไปแล้วตั้งแต่เที่ยงคืน...รายนั้นทั้งพ่อและแม่มารับพร้อมกัน ลูบหลังลูบไหล่ลูกพร้อมกับมองมาที่เด็กหนุ่มร่างสูงคู่อริอย่างอาฆาต
เสียงโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงดังขึ้น เด็กหนุ่มกดรับสาย
“อยู่ตรงไหน” น้ำเสียงของคนปลายสายห้วนสั้น
“ชั้นสอง...ห้องด้านใน” เด็กหนุ่มร่างสูงบอกก่อนจะเปิดปากหาว
“ผู้ปกครองมาแล้วรึ” นายตำรวจที่กำลังพิมพ์เอกสารอยู่ที่โต๊ะตรงข้ามถาม
เด็กหนุ่มเพียงแต่พยักหน้า ถอนหายใจทำสีหน้าเบื่อๆ
“ผมขอเตือนว่าคุณควรเรียกเจ้านายคุณมาคุยด้วยนะครับ ไม่งั้นคุณจะเดือดร้อน ยุ่งยาก”
“ขู่ฉันเรอะ” นายตำรวจขึ้นเสียงไม่พอใจ “ไม่ให้ไปนอนรอในนั้นก็ดีเท่าไหร่แล้วทั้งชกต่อย ทั้งแข่งรถในที่ห้ามแข่ง” นายตำรวจชี้มือไปที่ด้านในซึ่งเป็นห้องขัง “เด็กบ้าอะไร ประวัตินี่บอกว่าถูกจับไปหลายรอบไม่รู้จักหลาบจำ”
เสียงเปิดประตู เสียงฝีเท้าเดินเข้ามา...ไม่รีบร้อน
“สวัสดีครับคุณตำรวจ” ชายหนุ่มร่างสูง แต่งตัวภูมิฐานทั้งๆ ที่เป็นชุดอยู่บ้านเอ่ยทักนายตำรวจที่นั่งอยู่คนเดียว “ปัญญ์” คนมาใหม่หันไปทักอีกคนที่นั่งกอดอกอยู่หน้านายตำรวจ “เป็นยังไงบ้าง”
คนมาใหม่มองรอยถลอกที่ข้อศอกซึ่งเลือดซิบๆ นั่นแห้งกรังไปแล้ว “ลูกบาดเจ็บด้วย”
คนถูกถามยักไหล่ ไม่แม้แต่จะยกมือไหว้ทำความเคารพผู้สูงวัยกว่า
“สบายดี แค่นี้เด็กๆ ”
…..
หนึ่งชั่วโมงต่อจากนั้น เด็กหนุ่มผมยาวก็เปิดประตูด้านหลังรถหรูสีดำคันใหญ่ ในขณะที่ผู้ชายที่แสดงตัวเป็นผู้ปกครองและทำเรื่องประกันตัวเขาออกมาเปิดประตูอีกด้าน
“กลับบ้านเลยไหมครับท่าน” คนขับรถถามอย่างนอบน้อมแบบคนขับที่ได้รับการฝึกเรื่องมารยาทมาอย่างดี
ผู้ที่ถูกเรียกว่า - ท่าน - พยักหน้า
รถคันใหญ่ค่อยๆ เคลื่อนออกจากลานจอดรถผ่านหน้าสถานีตำรวจ
เด็กหนุ่มเอนหลังพิงพนัก หลับตา
“หิวฉิบ ลุงพน แวะแมคให้หน่อยได้ไหม”
“ยังจะกินอีกรึ” คนที่นั่งอยู่ข้างๆ ตะคอกใส่อย่างอารมณ์เสียทันที
“ก็หิว ตั้งแต่เย็นยังไม่ได้กินอะไรเลยนะพ่อ”
ผู้เป็นพ่อพ่นลมหายใจออกจมูก พลางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลา “พ่อมีประชุมสำคัญ ต้องรีบกลับ”
เด็กหนุ่มเลิกคิ้ว “ตอนนี้เนี่ยนะ”
“คุยเรื่องงานกับทีมที่อยู่อเมริกา สำคัญมากพลาดไม่ได้” อีกฝ่ายบอก “ฉันต้องถึงบ้านในอีกครึ่งชั่วโมง ไปหากินที่บ้านเอาก็แล้วกัน นี่แวบมาเอาแกออกจากโรงพักได้ก็บุญเท่าไหร่แล้ว”
คนฟังกลอกตา งาน งาน งาน
“แต่ผมหิว…ยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เย็น”
“ปัญญ์!! ให้มันสำนึกบ้างนะ มอเตอร์ไซค์ที่พังไปราคาครึ่งล้าน ซื้อมาไม่ถึงสี่เดือน ไหนจะเงินค่าปรับอีกหลายหมื่นที่เอาแกออกมา ไหนจะต้องไปบากหน้าคุยกับตำรวจเป็นชั่วโมง เสียเวลาพ่อนะ”
“เงินแค่นี้ไม่ทำให้พ่อล่มจมหรอก...บ่นเป็นคนแก่ไปได้”
“ปัญญ์มันไม่ใช่แค่เรื่องเงินนะ ขึ้นโรงพักแบบนี้มันหมายถึงประวัติติดตัว ถ้าจบแล้วไปทำงาน มีประวัติขึ้นโรงพักเป็นว่าเล่นแบบนี้ใครเขาจะรับเข้าทำงาน พ่อตามไปช่วยเราไม่ได้ทุกครั้งหรอกนะ อีกหน่อยต้องดูแลตัวเอง… ต้องทำงานเข้าใจไหม”
“ก็ไม่ได้อยากให้มาช่วย ตำรวจขอเบอร์ แล้วก็โทรไปเอง อยากลองนอนในตารางดูเหมือนกัน เผื่อจะดัง… ลูกชายดอกเตอร์กรุณย์”
“ปัญญ์!!”
คนฟังยักไหล่ “พ่อห่วงผม หรือห่วงว่าไอ้ประวัติของผมที่มันเลวเกินเด็กปกติทั่วไปมันจะทำให้ชื่อเสียงในวงการวิชาการของพ่อเสื่อมเสีย”
คนเป็นพ่อหรี่ตา ก่อนสะบัดหน้า
“พน ขับเร็วๆ หน่อยฉันรีบ เดี๋ยวไม่ทันประชุม”
“ครับท่าน” คนขับรถตอบแล้วเร่งความเร็วอีกนิด
…..
เด็กหนุ่มร่างสูงอาบน้ำสระผมเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เวลานี้เขาควรจะพักผ่อน เพราะเหนื่อยกับการแข่งรถ การทะเลาะกับตำรวจ มาตั้งแต่เย็นจนเกือบสว่าง
แต่เขานอนไม่หลับ เจ้าตัวมองไปรอบห้องกว้างของตัวเองที่เพียบพร้อมไปด้วยโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ เกมเพลย์ต่างๆ ตู้ด้านข้างเป็นของสะสม พวกหุ่นยนต์ ซูเปอร์ฮีโรตัวโปรด ซึ่งล้วนเป็นของหายาก และราคาตัวละหลายหมื่น บางตัวเป็นรุ่นที่ทำมาไม่กี่ตัวในโลก ถัดมาก็โมเดลมอเตอร์ไซค์อีกนับสิบคันที่จัดเรียงในตู้กระจก
ตอนนี้ของทุกอย่างขวางหูขวางตาไปหมด
“เชี่ย” เด็กหนุ่มสบถ “ถ้าไม่กลัวว่าจะเป็นข่าวคงไม่ไปประกันตัวใช่ไหม” เขาทุบกำแพงห้องสองที “โว้ย เซ็ง…”
เสียงเคาะประตูเบาๆ
เด็กหนุ่มเดินเร็วๆ ไปเปิดประตู ไม่ใช่คนที่เขาคิด
“ป้านิ่ม”
“คุณพ่อให้ป้าทำข้าวต้มให้คุณปัญญ์ค่ะ เรียบร้อยแล้ว คุณปัญญ์จะทานที่ห้องหรือลงไปทานที่ห้องทานข้าวคะ”
คนฟังหรี่ตา “ใครบอกว่าผมจะกิน! สอดรู้นัก”
“ก็” คนฟังหน้าถอดสี ปกตินายน้อยจะไม่ได้เป็นเด็กอารมณ์ร้ายอะไร แต่เวลาอารมณ์ไม่ดีก็เหมือนพายุ “ป้า...เอ่อ”
“ไปบอกคนสั่งด้วย ว่าผมไม่กิน จะนอน ไปได้แล้ว”
ประตูปิดตามหลังเสียงดัง คนที่ยืนอยู่หน้าประตูถอนหายใจ ก่อนจะหันหลังกลับ “ไปโกรธใครมาเนี่ยคุณปัญญ์”
“ไม่กินเหรอ” เสียงทักจากด้านข้าง แม่บ้านหันไป
“คุณรุณย์...เอ่อ คุณปัญญ์คงเหนื่อยแล้วก็ง่วงมั้งคะ”
ร่างสูงสง่าหน้าตาคมคายและดูอ่อนวัยกว่าชายหนุ่มอายุสี่สิบห้าทั่วไปซึ่งมีบางอย่างที่บอกว่าเด็กหนุ่มชื่อปัญญ์คนนั้นถอดแบบมาจากเขาส่ายหน้า
“ไหนบอกว่าหิว นิ่มเลยต้องเสียเวลาทำให้ ขอโทษนะ”
แม่บ้านยิ้ม “ไม่เป็นไรค่ะคุณรุณย์ นิ่มตื่นเช้าอยู่แล้ว คุณรุณย์รับข้าวต้มไหมคะ นี่ยังไม่ได้นอนใช่ไหม”
ดร.กรุณย์พยักหน้า “ประชุมกับทางอเมริกาเพิ่งเลิก เดี๋ยวมีอีกประชุมค่อยนอน กินอะไรหน่อยก็ดีนะ นิ่มตักไปให้ที่ห้องทำงานนะ ขอบใจ”
พูดจบร่างสูงก็หันหลังกลับ เดินตรงไปยังส่วนที่เป็นห้องทำงานของตัวเอง ห้องที่เจ้าของใช้มันมากกว่าห้องนอนส้วนตัว และมากกว่าบริเวณอื่นๆ ในบ้านหลังใหญ่หลังนี้
แม่บ้านซึ่งดูแลสองพ่อลูกมาหลายปีสา่ยหน้า
พ่อก็เอาแต่ทำงาน
ลูกก็เอาแต่เที่ยวเล่น หาเรื่องเกเรไปวันๆ
ไม่เคยมีเวลาที่จะได้คุยกันดีๆ มาหลายปีแล้ว
แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่จะได้เข้าใจกันสักทีนะ คุณรุณย์ เก่งเสียเปล่า เลี้ยงลูกวัยรุ่นไม่เป็นเอาเสียเลย….
แต่ขนาดดูมอมแมมอย่างนั้นร่างสูงยังโดดเด่นและดูดีเกินเด็กหนุ่มทั่วไป
เกือบเช้า ตอนนี้เพื่อนๆ ของเขาทุกคนกลับบ้านไปหมดแล้ว ก็เหลือแต่เขาที่...ยังต้องรอ
เป็นแบบนี้เสมอๆ … เกิดเรื่องทีไรก็จะต้องอยู่เป็นคนสุดท้ายทุกครั้ง
เพื่อนๆ อยากจะรอเขา แต่ทุกคนถูกผู้ปกครองลากตัวกลับไป ไม่มีใครอยากอยู่ในสถานที่แบบนี้หรอก โรงพักนี้ดีหน่อยที่มีแอร์คอนดิชัน เด็กหนุ่มเคยมีกรณีคล้ายๆ อย่างนี้ที่โรงพักในจังหวัดติดกรุงเทพฯ คืนนั้นต้องนั่งตบยุงรอพ่อจนเกือบสว่างเหมือนกัน
คู่ชกของเขากลับไปแล้วตั้งแต่เที่ยงคืน...รายนั้นทั้งพ่อและแม่มารับพร้อมกัน ลูบหลังลูบไหล่ลูกพร้อมกับมองมาที่เด็กหนุ่มร่างสูงคู่อริอย่างอาฆาต
เสียงโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงดังขึ้น เด็กหนุ่มกดรับสาย
“อยู่ตรงไหน” น้ำเสียงของคนปลายสายห้วนสั้น
“ชั้นสอง...ห้องด้านใน” เด็กหนุ่มร่างสูงบอกก่อนจะเปิดปากหาว
“ผู้ปกครองมาแล้วรึ” นายตำรวจที่กำลังพิมพ์เอกสารอยู่ที่โต๊ะตรงข้ามถาม
เด็กหนุ่มเพียงแต่พยักหน้า ถอนหายใจทำสีหน้าเบื่อๆ
“ผมขอเตือนว่าคุณควรเรียกเจ้านายคุณมาคุยด้วยนะครับ ไม่งั้นคุณจะเดือดร้อน ยุ่งยาก”
“ขู่ฉันเรอะ” นายตำรวจขึ้นเสียงไม่พอใจ “ไม่ให้ไปนอนรอในนั้นก็ดีเท่าไหร่แล้วทั้งชกต่อย ทั้งแข่งรถในที่ห้ามแข่ง” นายตำรวจชี้มือไปที่ด้านในซึ่งเป็นห้องขัง “เด็กบ้าอะไร ประวัตินี่บอกว่าถูกจับไปหลายรอบไม่รู้จักหลาบจำ”
เสียงเปิดประตู เสียงฝีเท้าเดินเข้ามา...ไม่รีบร้อน
“สวัสดีครับคุณตำรวจ” ชายหนุ่มร่างสูง แต่งตัวภูมิฐานทั้งๆ ที่เป็นชุดอยู่บ้านเอ่ยทักนายตำรวจที่นั่งอยู่คนเดียว “ปัญญ์” คนมาใหม่หันไปทักอีกคนที่นั่งกอดอกอยู่หน้านายตำรวจ “เป็นยังไงบ้าง”
คนมาใหม่มองรอยถลอกที่ข้อศอกซึ่งเลือดซิบๆ นั่นแห้งกรังไปแล้ว “ลูกบาดเจ็บด้วย”
คนถูกถามยักไหล่ ไม่แม้แต่จะยกมือไหว้ทำความเคารพผู้สูงวัยกว่า
“สบายดี แค่นี้เด็กๆ ”
…..
หนึ่งชั่วโมงต่อจากนั้น เด็กหนุ่มผมยาวก็เปิดประตูด้านหลังรถหรูสีดำคันใหญ่ ในขณะที่ผู้ชายที่แสดงตัวเป็นผู้ปกครองและทำเรื่องประกันตัวเขาออกมาเปิดประตูอีกด้าน
“กลับบ้านเลยไหมครับท่าน” คนขับรถถามอย่างนอบน้อมแบบคนขับที่ได้รับการฝึกเรื่องมารยาทมาอย่างดี
ผู้ที่ถูกเรียกว่า - ท่าน - พยักหน้า
รถคันใหญ่ค่อยๆ เคลื่อนออกจากลานจอดรถผ่านหน้าสถานีตำรวจ
เด็กหนุ่มเอนหลังพิงพนัก หลับตา
“หิวฉิบ ลุงพน แวะแมคให้หน่อยได้ไหม”
“ยังจะกินอีกรึ” คนที่นั่งอยู่ข้างๆ ตะคอกใส่อย่างอารมณ์เสียทันที
“ก็หิว ตั้งแต่เย็นยังไม่ได้กินอะไรเลยนะพ่อ”
ผู้เป็นพ่อพ่นลมหายใจออกจมูก พลางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลา “พ่อมีประชุมสำคัญ ต้องรีบกลับ”
เด็กหนุ่มเลิกคิ้ว “ตอนนี้เนี่ยนะ”
“คุยเรื่องงานกับทีมที่อยู่อเมริกา สำคัญมากพลาดไม่ได้” อีกฝ่ายบอก “ฉันต้องถึงบ้านในอีกครึ่งชั่วโมง ไปหากินที่บ้านเอาก็แล้วกัน นี่แวบมาเอาแกออกจากโรงพักได้ก็บุญเท่าไหร่แล้ว”
คนฟังกลอกตา งาน งาน งาน
“แต่ผมหิว…ยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เย็น”
“ปัญญ์!! ให้มันสำนึกบ้างนะ มอเตอร์ไซค์ที่พังไปราคาครึ่งล้าน ซื้อมาไม่ถึงสี่เดือน ไหนจะเงินค่าปรับอีกหลายหมื่นที่เอาแกออกมา ไหนจะต้องไปบากหน้าคุยกับตำรวจเป็นชั่วโมง เสียเวลาพ่อนะ”
“เงินแค่นี้ไม่ทำให้พ่อล่มจมหรอก...บ่นเป็นคนแก่ไปได้”
“ปัญญ์มันไม่ใช่แค่เรื่องเงินนะ ขึ้นโรงพักแบบนี้มันหมายถึงประวัติติดตัว ถ้าจบแล้วไปทำงาน มีประวัติขึ้นโรงพักเป็นว่าเล่นแบบนี้ใครเขาจะรับเข้าทำงาน พ่อตามไปช่วยเราไม่ได้ทุกครั้งหรอกนะ อีกหน่อยต้องดูแลตัวเอง… ต้องทำงานเข้าใจไหม”
“ก็ไม่ได้อยากให้มาช่วย ตำรวจขอเบอร์ แล้วก็โทรไปเอง อยากลองนอนในตารางดูเหมือนกัน เผื่อจะดัง… ลูกชายดอกเตอร์กรุณย์”
“ปัญญ์!!”
คนฟังยักไหล่ “พ่อห่วงผม หรือห่วงว่าไอ้ประวัติของผมที่มันเลวเกินเด็กปกติทั่วไปมันจะทำให้ชื่อเสียงในวงการวิชาการของพ่อเสื่อมเสีย”
คนเป็นพ่อหรี่ตา ก่อนสะบัดหน้า
“พน ขับเร็วๆ หน่อยฉันรีบ เดี๋ยวไม่ทันประชุม”
“ครับท่าน” คนขับรถตอบแล้วเร่งความเร็วอีกนิด
…..
เด็กหนุ่มร่างสูงอาบน้ำสระผมเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เวลานี้เขาควรจะพักผ่อน เพราะเหนื่อยกับการแข่งรถ การทะเลาะกับตำรวจ มาตั้งแต่เย็นจนเกือบสว่าง
แต่เขานอนไม่หลับ เจ้าตัวมองไปรอบห้องกว้างของตัวเองที่เพียบพร้อมไปด้วยโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ เกมเพลย์ต่างๆ ตู้ด้านข้างเป็นของสะสม พวกหุ่นยนต์ ซูเปอร์ฮีโรตัวโปรด ซึ่งล้วนเป็นของหายาก และราคาตัวละหลายหมื่น บางตัวเป็นรุ่นที่ทำมาไม่กี่ตัวในโลก ถัดมาก็โมเดลมอเตอร์ไซค์อีกนับสิบคันที่จัดเรียงในตู้กระจก
ตอนนี้ของทุกอย่างขวางหูขวางตาไปหมด
“เชี่ย” เด็กหนุ่มสบถ “ถ้าไม่กลัวว่าจะเป็นข่าวคงไม่ไปประกันตัวใช่ไหม” เขาทุบกำแพงห้องสองที “โว้ย เซ็ง…”
เสียงเคาะประตูเบาๆ
เด็กหนุ่มเดินเร็วๆ ไปเปิดประตู ไม่ใช่คนที่เขาคิด
“ป้านิ่ม”
“คุณพ่อให้ป้าทำข้าวต้มให้คุณปัญญ์ค่ะ เรียบร้อยแล้ว คุณปัญญ์จะทานที่ห้องหรือลงไปทานที่ห้องทานข้าวคะ”
คนฟังหรี่ตา “ใครบอกว่าผมจะกิน! สอดรู้นัก”
“ก็” คนฟังหน้าถอดสี ปกตินายน้อยจะไม่ได้เป็นเด็กอารมณ์ร้ายอะไร แต่เวลาอารมณ์ไม่ดีก็เหมือนพายุ “ป้า...เอ่อ”
“ไปบอกคนสั่งด้วย ว่าผมไม่กิน จะนอน ไปได้แล้ว”
ประตูปิดตามหลังเสียงดัง คนที่ยืนอยู่หน้าประตูถอนหายใจ ก่อนจะหันหลังกลับ “ไปโกรธใครมาเนี่ยคุณปัญญ์”
“ไม่กินเหรอ” เสียงทักจากด้านข้าง แม่บ้านหันไป
“คุณรุณย์...เอ่อ คุณปัญญ์คงเหนื่อยแล้วก็ง่วงมั้งคะ”
ร่างสูงสง่าหน้าตาคมคายและดูอ่อนวัยกว่าชายหนุ่มอายุสี่สิบห้าทั่วไปซึ่งมีบางอย่างที่บอกว่าเด็กหนุ่มชื่อปัญญ์คนนั้นถอดแบบมาจากเขาส่ายหน้า
“ไหนบอกว่าหิว นิ่มเลยต้องเสียเวลาทำให้ ขอโทษนะ”
แม่บ้านยิ้ม “ไม่เป็นไรค่ะคุณรุณย์ นิ่มตื่นเช้าอยู่แล้ว คุณรุณย์รับข้าวต้มไหมคะ นี่ยังไม่ได้นอนใช่ไหม”
ดร.กรุณย์พยักหน้า “ประชุมกับทางอเมริกาเพิ่งเลิก เดี๋ยวมีอีกประชุมค่อยนอน กินอะไรหน่อยก็ดีนะ นิ่มตักไปให้ที่ห้องทำงานนะ ขอบใจ”
พูดจบร่างสูงก็หันหลังกลับ เดินตรงไปยังส่วนที่เป็นห้องทำงานของตัวเอง ห้องที่เจ้าของใช้มันมากกว่าห้องนอนส้วนตัว และมากกว่าบริเวณอื่นๆ ในบ้านหลังใหญ่หลังนี้
แม่บ้านซึ่งดูแลสองพ่อลูกมาหลายปีสา่ยหน้า
พ่อก็เอาแต่ทำงาน
ลูกก็เอาแต่เที่ยวเล่น หาเรื่องเกเรไปวันๆ
ไม่เคยมีเวลาที่จะได้คุยกันดีๆ มาหลายปีแล้ว
แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่จะได้เข้าใจกันสักทีนะ คุณรุณย์ เก่งเสียเปล่า เลี้ยงลูกวัยรุ่นไม่เป็นเอาเสียเลย….
สิรินดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 ต.ค. 2564, 20:50:54 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ต.ค. 2564, 20:51:08 น.
จำนวนการเข้าชม : 464
เรื่องวุ่นๆ ของเอกตะวัน >> |