สาวสุดเซอร์ฯ: Special Chapter
ความรักไม่ได้สวยงามเสมอไป บนเส้นทางของความรักของหนุ่มสาวสองคนที่แตกต่าง วันหนึ่งเมื่อรอยร้าวมันเกิดขึ้น ในที่สุดก็ถึงจุดที่ต้องเลือก
Tags: สิรินดา, สาวสุดเซอร์, นรี, คีตา

ตอน: แค่มี...

- - - Naree part - - -

แสงแดดอุ่น ๆ ส่องผ่านหน้าต่างที่มีม่านผืนบางสีอ่อนมาถึงเตียงนอนกว้าง ภายในห้องยังเย็นฉ่ำด้วยแอร์คอนดิชันที่เปิดไว้ทั้งคืน แสงสว่างจึงเพียงทำให้รำคาญตานิด ๆ เท่านั้น

ฉันค่อย ๆ เปิดเปลือกตารู้สึกได้ว่าที่ไหล่ถูกลูบไล้อย่างเบามือ กลั้นใจไม่ขยับตัวเพราะอยากรู้ว่าคนที่นอนกอดฉันไว้ทั้งคืนจะทำอะไรต่อ

‘คืนนี้พี่นอนห้องนี้นะ’

ทั้ง ๆ ที่ถูกทุบ ถูกบอกว่าเกลียด ถูกไล่ไปหลายรอบ แต่ร่างสูงของคุณคีตาก็ดูจะไม่สะดุ้งสะเทือน หลังจากฉันหยุดร้องไห้ คนป่วยก็ทำเสียงอ้อนขอนอนด้วย

‘พี่ขี้เกียจเดินลง มันดึกมากแล้ว’ ร่างสูงที่กอดฉันไว้หลวม ๆ บอกต่อ ทำเนียนกดจมูกลงมาที่ข้างแก้มที่เปื้อนน้ำตาไปประมาณห้าลิตรของฉัน

เวลาห้าทุ่มเนี่ยนะดึก มุกสิ้นคิดไปนิดนะคุณคีตา

“งั้นนรีลงไปนอนโซฟาข้างล่างได้ค่ะ คุณนอนบนนี้” ฉันตอบ

คนป่วยส่ายหน้า ‘ไม่เอาอยากนอนกับนรี’

คุณคีตานี่นะ เรื่องที่เราอยากให้บอก ก็ไม่เคยบอกตรงไปตรงมา เก็บความลับเสียมากมาย แต่บางเรื่องไม่ต้องบอกก็ได้ไหม…คนก็เขินเป็นนะ

‘ไม่ได้เป็นอะไรกัน’ ฉันตอบ ‘นอนนี่ ฉันลงไปนอนข้างล่าง’

‘ทำไมจะไม่ได้เป็นอะไรกัน ก็นรีเป็นเมียพี่ ยังไม่ได้หย่า’ ตรงอีกแล้ว

‘มีคนบอกว่าจะหย่าให้’ ฉันทวงสัญญา ‘นรีเก็บข้อความนั้นไว้นะ’

‘ไม่หย่าแล้ว เดี๋ยวจะเขียนโปรแกรมส่งบอตไปลบข้อความในมือถือนรีให้หมดเลย’

‘คนบ้า เกเร’

วิญญาณคีตาคนเก่ากลับมาแล้ว ถึงแม้จะเข้าร่างยังไม่สมบูรณ์เต็มร้อยก็เถอะ

‘นอนกันนะ ดึกแล้ว’

‘นรีต้องลงไปปิดไฟ ปิดแอร์ข้างล่างก่อน ยังไม่ได้เก็บไม่ได้ปิดอะไรเลย’ ฉันบ่น ก็หนีเขาร้องไห้ขึ้นมาบนนี้เสียก่อน

‘ให้เวลาห้านาที พี่นอนรอ’

‘…’ ฉันกลอกตามองบน ส่วนร่างสูงทำไม่รู้ไม่ชี้ ขยับตัว หยิบหมอนมาตบ ๆ แล้วก็เลิกผ้าห่มแทรกตัวลงไปนอนบนเตียงกว้างหน้าตาเฉย ‘เอ้า รีบไปสิ คนป่วยต้องนอนเร็วนะ’

นั่นแหละทำให้ฉันต้องลุกไปปิดไฟ เก็บของแล้วก็กลับขึ้นมาบนห้องนอนอีกรอบ

กลับเข้ามาคราวนี้ห้องนอนปิดไฟ ม่านหัวเตียงถูกเปิดออกชั้นหนึ่ง ทำให้แสงสว่างจากภายนอกส่องเข้ามาได้เลือนราง เจ้าของห้องครึ่งหนึ่งนอนชิดเตียงด้านในเปิดผ้าห่มออกกว้างรออยู่ตั้งแต่เปิดประตูเข้าไปแล้ว

‘นอนเถอะค่ะ ดึกแล้ว’ ฉันเอ่ยแบบไม่จริงจังนัก รู้สึกเขินสุด ๆ กับการขึ้นเตียงครั้งนี้

เราไม่ได้นอนกอดกันมาเกือบเจ็ดเดือนแล้ว เจ็ดเดือนกับเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้น

‘อะ’

‘ก็ไม่ได้คุย แค่กอด’

ฉันแกล้งถอนหายใจ พลิกตัวหันหลังให้ แล้วก็เป็นอย่างที่คิด คนที่ผอมไปหลายกิโลกรัมแต่ยังแรงดีอยู่ขยับมานอนกอดซ้อนหลังแบบที่ชอบทำทันที

‘ดีจังที่ได้กอดนรีไว้อีกแบบนี้’ ปลายนิ้วเกลี่ยที่ข้างแก้ม ‘คิดถึง’

ฉันเองก็คิดถึงเขา คิดถึงมาก ในช่วงเวลาแห่งความน้อยใจ สับสน ส่วนลึกในใจยังโหยหาอ้อมกอดอุ่น ๆ ของเขาอยู่เสมอ ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้

‘แล้วก็เรียกว่าพี่คีเหมือนเดิมได้ไหม ไม่ชอบคำว่าคุณเลย มันดูห่างเหินกันชะมัด’

ฉันถอนหายใจ ยังไม่หายโกรธนะยะ อย่ามาเรื่องมากขอโน่นขอนี่ ชักจะเอาใหญ่แล้ว

อ้อมกอดที่อบอุ่นคุ้นเคย ปลายนิ้วที่เกลี่ยข้างแก้ม และความอ่อนเพลียจากเรื่องราวมากมายที่ถาโถมเข้ามาในวันเดียวทำให้ฉันหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ จำได้แค่ว่าจู่ ๆ ก็รู้สึกง่วงนอน และแค่เพียงหลับตาก็ดำดิ่งลงสู่การหลับลึก

แล้วก็ตื่นเพราะคนกวนจับโน่นจับนี่แต่เช้า...ชิ

“นอนขี้เซานะ”

ฉันขยับตัวเมื่อถูกจับได้ว่าตื่นแล้ว

“เดี๋ยวสิ จะรีบลุกไปไหน”

“สายแล้ว” ฉันมองออกไปนอกหน้าต่าง “พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว”

“จูบอีกได้ไหม”

“...” ถามอะไรนะพ่อคุณ ใครจะไปกล้าตอบ จู่ ๆ ก็ถามทะลุกลางปล้อง แถมรั้งแขนเอาไว้ไม่ให้ลุก

ตาสบตา ฉันเห็นแววตาอุ่น ๆ ในดวงตาของคนตรงข้ามแล้วก็ต้องรีบหรุบตาลงต่ำ

“เรากำลังจะหย่ากันนะ” ฉันทวนความทรงจำ เมื่อคืนคุณคีตายังพูดถึงเรื่องหย่ากันได้หน้าตาเฉย

“หย่าแล้ว…กลับมาเป็นแฟนกันใหม่ ก็ได้”

ว่าอะไรนะ...อีกทีสิ!

“นรีอยู่อีกอาทิตย์หนึ่งใช่ไหม”

ฉันพยักหน้า เมื่อคืนเราตกลงกันแบบนั้น กำหนดเดินทางของฉันคืออีกหนึ่งอาทิตย์ข้างหน้า ทุกอย่างเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว

“ถ้าอย่างนั้นก่อนไป พี่ขอกอด ขอนอนด้วยทุกคืน แล้วก็...”

“แล้วนรีจะได้อะไร เสียเปรียบทุกประตู”

“ได้ความรักจากพี่ไง”

หน้าร้อนขึ้นมาทันใด คุณคีตาภาคโรยน้ำตาลกลับมาแล้ว นี่เขาไม่คิดจะกังวลกับเรื่องความเจ็บป่วย หรือการกลับเข้าไปรักษาตัวเองในโรงพยาบาลหรือไงนะ ทำท่าทางยังกับอาการปกติทุกอย่าง

“ไม่คิดเรื่องนั้นสิ” เหมือนเขาจะอ่านสายตาของฉันออก เจ้าตัวนอนตะแคงข้างมองกัน ก่อนจะส่ายหน้า

“แต่...”

“พี่อยากชดเชย...สำหรับเวลาที่หายไปของเราหลายเดือน”

เมื่อคืนก่อนนอน ฉันบอกเขาว่าไม่ต้องการให้เขาทำอะไรที่เป็นการเสียสละให้อีก เพราะฉันไม่ได้ต้องการแบบนั้น

คำว่า ‘เรา’ ของคุณคีตา มันหมายความอย่างนั้น เขาไม่ได้ต้องการทำอะไรเพื่อฉัน แต่ต้องการเพื่อให้เกิดความทรงจำที่ดีกับเราทั้งคู่

มันไม่ใช่การเสียสละ แต่มันเป็นการให้และรับ ที่เท่าเทียม

ความรู้สึกบางอย่างอัดแน่นอยู่ในอก สายตาของเราพบกันอีกรอบ โลกภายนอกกำลังหมุน แต่ความรู้สึกของฉันตอนนี้เหมือนเวลาหยุดเดินไปชั่วขณะ

...เวลาของเรา...

ไม่มีร่องรอยความเจ็บปวดในสายตาของคนตรงหน้า มีแต่ความสุขอยู่ในนั้นเต็มไปหมด

“เมื่อสี่ปีก่อน...เราแต่งงานกันแบบข้ามขั้นตอนการเป็นแฟน ตอนนี้...ขอโอกาสนั้นกลับมาได้ไหม”

มาขอเรื่องแบบนี้ บนเตียง ตอนเช้า

มันใช่ไหม!



.....



การจูบอ้อยอิ่งแบบมาราธอนนี่มันคืออาการของคนที่มีสถานภาพเป็นแฟนกันจริงไหม? ฉันถามกับตัวเองระหว่างที่จัดอาหารเช้า สมองวนเวียนคิดแต่เรื่องที่ถูกกระทำก่อนจะถูกปล่อยให้ลงมาเตรียมอาหาร ซึ่งก็ไม่มีอะไรมากนอกจาก ขนมปังปิ้ง กาแฟร้อน แยม ไส้กรอก

“ได้ จัดการไปตามที่คิดเลยไรอัน ให้เจตน์เขาช่วยตัดสินใจนั่นแหละ ฉันโอเค”

เสียงคุณคีตาพูดโทรศัพท์เดินลงมาจากชั้นบนแบบไม่เบานัก หมออนุญาตให้ใช้โทรศัพท์แต่ขอให้ไม่เอามาแนบหู การคุยกันจึงต้องเปิดลำโพง และทำให้ฉันพอจะเดาได้ว่าไรอันกลับเข้าไปช่วยดูแลบริษัทให้แต่ก็ยังมีเรื่องบางเรื่องที่ต้องการการตัดสินใจ

“ไรอันมันจะกลายเป็นคนไทยอยู่แล้ว” เสียงคุณคีตาดังอยู่ที่หน้าประตูครัว “เกรงใจเรื่องการจัดการบริษัท ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนมันทำอะไรเคยเกรงใจใครที่ไหน”

“ก็ดีแล้วนี่คะ พนักงานคนไทยจะได้ไม่ตกใจ”

พี่เก๋เคยเล่าให้ฟังเหมือนกันว่าตอนพบกันครั้งแรก ๆ ไรอันดุ และใส่ใจในรายละเอียดมาก หากอยู่ในโหมดของคนทำงาน

“ก็จริง สบายใจล่ะ มีคนดูแลบริษัทจริงจังแล้ว พักได้จริง ๆ เสียที”

ฉันชะงักกับคำว่า ‘พัก’ ของเขา

“พี่ช่วยนะ” คนพูดเดินมาช่วยจัดของใส่ถาด “เราไปกินนอกบ้านกันใช่ไหม”

ฉันพยักหน้า “เดินไหวไหมคะ” ถามไปหน้าแดงไป

คนที่กำลังจะยกถาดอาหารเลิกคิ้ว

“มากกว่านี้ก็ไหว ถ้านรีโอเค”

หมายถึงอะไรกัน...คุณแฟน! ฉันก้มหน้า หลบตา หลบฉากเดินมาเปิดตู้เย็น “เอาไปที่โต๊ะหน้าบ้านได้เลยนะ เดี๋ยวนรียกนมสดตามไป”

อาหารเช้ามื้อนั้นเป็นอาหารเช้าที่เรียบง่ายที่สุดมื้อหนึ่งของฉัน

ที่โต๊ะนั่งเล่นหน้าบ้าน มองออกไปเห็นสวนเล็ก ๆ ที่ปลูกไม้ดอกไม้ใบแบบทนน้ำ ทนอากาศ ความสูงและสีของใบแตกต่างกันไป มีก้อนหินก้อนเล็กใหญ่ประดับเป็นระยะ สวนสวยง่าย ๆ และอยู่ได้นาน

บทสนทนาที่เรื่อยเปื่อยของเรา บทสนทนาที่ห่างไกลเรื่องทุกข์ร้อนที่กำลังเผชิญอยู่ เก้าอี้ที่ถูกขยับจากตรงข้ามมานั่งข้าง ๆ คนป่วยที่อ้อนให้ป้อนขนมปังให้เหมือนเป็นเด็กอนุบาลสอง ไม่ใช่เจ้าของบริษัท

เวลาเจ็ดเดือนแห่งความเจ็บปวดที่ยังไม่อาจลบเลือน...แต่ขยับสั้นลงทีละนิด ทีละนิดอย่างน่าประหลาด

"ดีจัง พี่คีกินได้เยอะมากเลยวันนี้...อะ" 

ฉันเผลอกลับไปเรียกเขาแบบเดิมที่เคยเรียก คำสรรพนามแทนตัวเองที่เขาขอให้กลับไปเรียก แต่ฉันทำเฉย ... พี่คี

"นรี..." 

จู่ ๆ คุณคีตาก็วางแก้วนมแล้วขยับเก้าอี้เข้ามาชิดอีกนิด

กำลังจะเอ่ยปากดุ เพราะตัดขนมปังในจานไม่ถนัด....แต่ทำได้เพียงแค่วางช้อนเพราะถูกคนข้าง ๆ ดึงตัวไปกอดแนบชิดเสียก่อน

ไม่มีคำพูด...มีแต่เสียงนก เสียงลมเบา ๆ รอบตัว

สิ่งที่รู้สึกได้คือ อ้อมกอดนั้นอบอุ่น คนที่กำลังกอดสั่นนิด ๆ จริง ๆ ไม่ใช่แค่ไหล่ เขาสั่นไปทั้งตัวขณะที่กอดฉันไว้

- - พี่คีร้องไห้! - -

"ขอบคุณนะนรี" คนที่กอดฉันอยู่เอ่ยเสียงเบาแทบจับคำพูดไม่ได้

ฉันหลับตาลง...ปล่อยให้ความเงียบทำงานหลายนาที

และน้ำตาของตัวเองไหลลงข้างแก้มอีกรอบ หัวใจสั่นไหวด้วยความรู้สึกบางอย่างสาดซัดเข้าใส่

ความทุกข์ ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่แค่ไหน

เราก็พบความสุข ได้ง่าย ๆ แค่นั้นเอง

ความสุขที่ไม่ต้องคิดถึงอดีต ไม่ต้องคิดถึงอนาคต มีแต่ปัจจุบัน

มีแต่ ‘เรา’

.

.

.

.

.



สิรินดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 มี.ค. 2565, 19:51:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 มี.ค. 2565, 19:51:11 น.

จำนวนการเข้าชม : 616





<< มากกว่า...คำว่ารัก   ระยะทำใจ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account