วานวาสนา: ร่มเกศ (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
เรื่องย่อ:
เมื่อทุกอย่างสูญสิ้น ‘น้อย’ ชายหนุ่มชีวิตอาภัพ จำต้องออกเดินทางจากบ้านสู่พระนครที่ห่างไกล เพื่อตามหาหญิงสาวอันเป็นที่รัก แต่ก็ต้องพบเจอกับอุปสรรคและความผิดหวังซ้ำๆ ‘เพชราวสี’ คือนิยามของคำว่าสมบูรณ์แบบ เป็นแก้วมณีที่ผู้ชายทุกคนใฝ่ฝัน แต่ก็ต้องฝันสลาย เพราะแก้วมณีดวงนี้ได้ถูกจองให้แก่ ‘หม่อมเจ้าภาณุมาศ’ เพียงผู้เดียวเท่านั้น
ทุกอย่างคงจะเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น หากโลกไม่หมุนคนที่แตกต่างทั้งสองคนให้มาพบเจอกัน
หนึ่งรอยยิ้มพิมพ์ใจ กับแววตาอ่อนหวานละไมของเธอ เป็นดั่งแสงสว่างนำพาชายหนุ่มที่สิ้นหวังก้าวไปสู่โลกอีกใบที่ไม่เคยค้นพบ จากความประทับใจ ก็เริ่มแปรเปลี่ยนไปเป็นความรัก
ใครจะไปคิดว่าชายหนุ่มอ่อนแอ จะลุกขึ้นมาต่อสู้กับโชคชะตาเพื่อเอาชนะคำดูถูกของทุกคน การหาคำตอบว่าตัวเองเป็นใครจึงเริ่มต้นขึ้น ท่ามกลางปริศนา ปมความรักต่างชนชั้น เรื่องราวเลวร้ายมากมายที่เขาจะต้องเผชิญและจับมือฝ่าฝันอุปสรรคไปพร้อมกันกับเธอ
. . . . . . . . . . . . . .
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "ร่มเกศ" เป็นหนึ่งในนิยายจากโครงการ "ช่องวันอ่านเอา" ที่ได้รับการสร้างเป็นละครโทรทัศน์ทางช่อง One31 และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 50% ของเรื่องนะคะ
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่ม
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.ผ่าน www.plaipakkabooks.com หรือ inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 600 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 409฿ จากราคาปก 454฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 454฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 479฿)
ค่าจัดส่ง Kerry 65฿ (รวมเป็น 474฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket และ NaiinPann***
เมื่อทุกอย่างสูญสิ้น ‘น้อย’ ชายหนุ่มชีวิตอาภัพ จำต้องออกเดินทางจากบ้านสู่พระนครที่ห่างไกล เพื่อตามหาหญิงสาวอันเป็นที่รัก แต่ก็ต้องพบเจอกับอุปสรรคและความผิดหวังซ้ำๆ ‘เพชราวสี’ คือนิยามของคำว่าสมบูรณ์แบบ เป็นแก้วมณีที่ผู้ชายทุกคนใฝ่ฝัน แต่ก็ต้องฝันสลาย เพราะแก้วมณีดวงนี้ได้ถูกจองให้แก่ ‘หม่อมเจ้าภาณุมาศ’ เพียงผู้เดียวเท่านั้น
ทุกอย่างคงจะเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น หากโลกไม่หมุนคนที่แตกต่างทั้งสองคนให้มาพบเจอกัน
หนึ่งรอยยิ้มพิมพ์ใจ กับแววตาอ่อนหวานละไมของเธอ เป็นดั่งแสงสว่างนำพาชายหนุ่มที่สิ้นหวังก้าวไปสู่โลกอีกใบที่ไม่เคยค้นพบ จากความประทับใจ ก็เริ่มแปรเปลี่ยนไปเป็นความรัก
ใครจะไปคิดว่าชายหนุ่มอ่อนแอ จะลุกขึ้นมาต่อสู้กับโชคชะตาเพื่อเอาชนะคำดูถูกของทุกคน การหาคำตอบว่าตัวเองเป็นใครจึงเริ่มต้นขึ้น ท่ามกลางปริศนา ปมความรักต่างชนชั้น เรื่องราวเลวร้ายมากมายที่เขาจะต้องเผชิญและจับมือฝ่าฝันอุปสรรคไปพร้อมกันกับเธอ
. . . . . . . . . . . . . .
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "ร่มเกศ" เป็นหนึ่งในนิยายจากโครงการ "ช่องวันอ่านเอา" ที่ได้รับการสร้างเป็นละครโทรทัศน์ทางช่อง One31 และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 50% ของเรื่องนะคะ
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่ม
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.ผ่าน www.plaipakkabooks.com หรือ inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 600 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 409฿ จากราคาปก 454฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 454฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 479฿)
ค่าจัดส่ง Kerry 65฿ (รวมเป็น 474฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket และ NaiinPann***
Tags: พีเรียด โรแมนติก ดราม่า ละคร ช่องวัน อ่านเอา
ตอน: บทที่ 17 สร้อยวิรุณวงษ์ (100%)
สุภาวดีถอนหายใจยาว ลำบากใจที่จะพูดอยู่เหมือนกัน เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อนต่อจิตใจคนฟัง แต่เมื่อชั่งใจดูแล้ว ระหว่างต้องเห็นเพื่อนรักช้ำใจในอนาคต หรือเลือกที่จะให้เจ็บแล้วจบเสียตั้งแต่ตอนนี้ คำตอบที่ได้คืออย่างหลัง
สุภาวดีสูดหายใจลึก ก่อนจะเอ่ยว่า
“เมื่อบ่ายวันนี้ ฉันไปทำธุระแถวเจริญกรุง เห็นยัยพิมคนดีของเธอนั่งทานข้าวออเซาะอยู่กับท่านชายภาสสองต่อสอง เห็นพระคู่หมั้นของเธอนั่งโอบกอดยัยพิม ซ้ำยังจับมือถือแขนกัน หยอกล้อกันกะหนุงกะหนิงราวกับคู่รัก ตอนนี้ใครๆ เขาต่างก็ซุบซิบกันว่าท่านชายภาสมีหญิงอื่น นั่นก็คือคนใกล้ตัวของเธอ ยัยพิม!”
คำบอกเล่าของเพื่อนนั้น แทนที่เพชราวสีจะตกใจหรือนิ่งอึ้งไป เธอกลับขำพรืดออกมาราวกับเป็นเรื่องตลก
“ไม่จริง” เธอส่ายหน้ายิ้มๆ “มันจะเป็นไปได้ยังไง พี่ชายภาสแสนดีขนาดนั้น ส่วนพิมเองก็รักฉันมาก ทั้งสองคนไม่มีวันหักหลังฉันหรอก เธอน่ะคิดมากไป คนที่เธอเห็น อาจจะแค่บังเอิญหน้าคล้าย หรือไม่ก็ตาฝาดไปเองหรือเปล่า”
“คิดแล้วว่าเธอต้องพูดแบบนี้” ทั้งเหตุผลที่พิมนอนป่วยอยู่ในห้อง และตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าหม่อมเจ้าภาณุมาศอยู่ที่ไหน... แต่สุภาวดีเชื่อว่าสองคนนั้นจะต้องอยู่ด้วยกันในห้องนอนของพิม!
“มากับฉัน มาพิสูจน์กันว่ามันจะเป็นเรื่องจริงอย่างที่ฉันพูดหรือเปล่า” ว่าแล้วคนใจร้อนก็คว้าแขนเพื่อนสาวออกไปทันที
“ยัยสุ นี่เธอจะพาฉันไปไหน” เพชราวสีตกใจ แต่สุภาวดีไม่ตอบ
***********************
แล้วก็เป็นจริงอย่างที่สุภาวดีคาดการณ์ไว้ ในห้องนอนของพิมเวลานี้มีหม่อมเจ้าภาณุมาศอยู่ด้วย เหตุการณ์ก็เชื่อมต่อหลังจากที่ไปดูละครเวทีกับเพชราวสี แล้วก็ข่มขู่พิมไปคราวนั้น
หม่อมเจ้าภาณุมาศรู้สึกผิดต่อพิม เขายอมรับว่าที่ผ่านมาไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของหล่อนเลย และพิมก็พยายามหลบหน้าหลบตา ไม่ยอมส่งข่าวหรือโทร.มาหาเขาอีกเลยนับแต่นั้น ภาณุมาศรู้ตัวว่าทำให้พิมโกรธ เขาเองก็เสียใจที่พูดออกไปแบบนั้น ประจวบเหมาะกับเมื่อสองสัปดาห์ก่อนที่มาส่งเพชราวสีที่วัง หลังจากที่เพชราวสีไปเยี่ยมพระบิดาพระมารดาของเขาที่วังอาภาภิรมย์...เขาก็ได้พบพิมอีกครั้ง เขาพยายามงอนง้อขอคืนดีกับหล่อน ไม่นานหล่อนก็ยอมใจอ่อน จากนั้นทั้งสองก็ติดต่อกันไม่ขาดสายเรื่อยมา
และความสัมพันธ์ครั้งใหม่ก็ดูเหมือนจะหอมหวานกว่าครั้งก่อนมาก บางครั้งทั้งสองก็นัดแนะกันไปเที่ยวเล่นบ้าง แต่ไม่บ่อยนักเพราะยังกลัวคำติฉินนินทาจากสังคม แต่พอทำบ่อยเข้าแล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้น ภาณุมาศก็ชะล่าใจ เดินควงแขนพิมไปเที่ยวไหนต่อไหนด้วยกันอย่างเปิดเผย ในเมื่อเลือกใครไม่ได้ เขาก็อยากจะเก็บไว้ทั้งสอง
ภาณุมาศไม่เคยคิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำเป็นสิ่งที่ผิด เพราะไม่ว่าเขาจะมีผู้หญิงอีกสักกี่คน ผู้หญิงใจกว้างอย่างเพชราวสีก็คงจะรับได้ เพราะหากพลาดจากเขาไปแล้วก็คงไม่มีชายใดเหมาะสมกับเธอมากไปกว่าเขาอีกแล้ว ภาณุมาศคิดอย่างลำพองในฐานะและความเพียบพร้อมของตนเอง ต่อให้เขาทำเรื่องที่ผิด...คนในสังคมก็จะมองว่าถูกอยู่วันยังค่ำ
“ท่านชาย!” พิมครางออกมา ทันทีที่เห็นร่างสูงใหญ่เปิดประตูเข้ามาในห้องนอนของเธอ
หม่อมเจ้าภาณุมาศมองร่างบางซุกตัวอยู่ในผ้าห่มด้วยความกังวล เขาคงไม่เสี่ยงมาหาพิมถึงในห้อง ถ้าวันนี้ตอนที่ออกไปเดินเที่ยวด้วยกัน จู่ๆ เธอก็เป็นลมแดดล้มลงไปกลางตลาดทำเอาผู้คนแถวนั้นแตกตื่น รีบเอายาดมยาหม่องมาพัดวีให้เธอกันอลหม่าน พอเขาจะพาเธอไปหาหมอที่โรงพยาบาล เธอก็ร้องห้ามอ้างว่าไม่อยากทำให้เขาเสื่อมเสีย เขาไม่รู้จะทำอย่างไรก็ปล่อยเลยตามเลย แต่พอกลับไปถึงวังก็อดเป็นห่วงเธอไม่ได้อยู่ดี จึงเป็นสาเหตุให้เขาต้องมาอยู่ที่นี่ เวลานี้
“เธอเป็นยังไงบ้าง” เขารี่เข้ามาประคองร่างบางลุกขึ้นนั่ง แล้วลดตัวนั่งข้างๆ เธอ
“ได้กินยา ดีขึ้นแล้วเพคะ” เธอยิ้มบางๆ ให้เขา ยิ่งได้เห็นเขาใส่ใจเป็นห่วงเป็นใย พิมก็ยิ่งหลงระเริง คิดว่าเธอให้ความสุขกับเขาได้ ในแบบที่เพชราวสีไม่มีวันให้
“แต่หน้าเธอยังดูซีดอยู่เลย ไปหาหมอไหมเดี๋ยวฉันพาไป”
ภาณุมาศปัดผมเผ้ายุ่งเหยิงออกจากใบหน้านวล แต่หล่อนยังยิ้มให้ไม่แสดงอาการอ่อนล้าให้เห็น
“ขอบพระทัยเพคะที่เป็นห่วงพิม แต่พิมดีขึ้นแล้วเพคะ นอนสักพักก็คงจะหายดี” ความจริงเธอก็แค่เวียนหัว เจอแดดมากๆ เมื่อตอนบ่ายก็เลยหน้ามืดไม่ได้เป็นอะไรหนักหนาขนาดนั้น เขาคิดมากไปเอง แค่ได้เห็นหน้าเขา เห็นเขาห่วงใย เธอก็ยิ้มได้และหายเป็นปลิดทิ้งแล้ว
มือหนารวบไหล่เล็กเข้ามาแนบชิด ปล่อยให้ใบหน้าของเธอซบลงที่อกอย่างเคยชิน
“ฉันเป็นห่วงเธอมากนะ ถ้าไม่สบายก็อย่าดื้อ” เขาว่าแกมค้อน มือหนาเลื่อนขึ้นลูบเรือนผมของเธออย่างแผ่วเบาอ่อนโยน
นี่สินะ! คือสิ่งที่เธอโหยหาจากเขามาโดยตลอด พิมน้ำตารื้น มือบางโอบกอดเขาอย่างไม่มีเคอะเขิน เธอหลับตาพริ้มสัมผัสได้ถึงไอร้อนจากแผงอกกว้าง และหัวใจของเขามันเต้นแรงแต่เป็นจังหวะสม่ำเสมอ ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลาย อบอุ่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน...
แต่แล้วความสุขเล็กๆ ของเธอก็มลายหาย ทันทีที่แรงเล็กๆ ผลักประตูผลัวะเข้ามา ตามด้วยเสียงเรียกแหบพร่า ดึงความสนใจจากหม่อมเจ้าภาณุมาศไปจนหมด
“พิม! พี่ชายภาส!”
หม่อมเจ้าเพชราวสีเปิดประตูเข้ามาตาค้าง อยู่ๆ เข่าทั้งสองข้างก็เหมือนจะอ่อนแรงลงในทันที เพชราวสียกมือขึ้นปิดปากไม่ให้มีเสียงร้องไห้เล็ดลอดออกมา และสมองก็สั่งให้เท้าเล็กรีบวิ่งออกไปจากตรงนั้นเสีย
“น้องวสี! เดี๋ยวก่อนน้องวสี!!” ภาณุมาศหัวใจสลาย ลุกพรวดจากเตียงจะตามหล่อนไป แต่โดนสุภาวดีก้าวขวางไว้
“อย่าตามไปเลยเพคะ” สุภาวดีกัดฟันกรอด เลื่อนสายตาไปมองผู้หญิงที่นั่งฉีกยิ้มอยู่บนเตียงด้วยความรังเกียจถึงที่สุด ก่อนจะวิ่งตามเพื่อนสาวหายลับไปอีกคน
“โธ่เว้ย!” ภาณุมาศเตะขอบประตู คำรามอย่างหงุดหงิด
น้อยที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดก็เศร้าตาม... คิดไว้อยู่แล้วว่าจะต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้เข้าสักวัน ใจจริงเขาอยากจะบอกเธอตั้งแต่วันแรกที่รู้เรื่องระหว่างพิมกับท่านชายภาณุมาศ แต่ตอนนั้นเขาไม่มีหลักฐาน ถึงบอกไปเพชราวสีก็คงไม่เชื่ออยู่ดี และที่สำคัญเขาไม่อยากทำให้เธอต้องเสียใจ รู้ดีว่าการถูกปฏิเสธนั้นมันเจ็บปวดมากแค่ไหน มันไม่ง่ายเลยที่จะทำใจ แต่มันก็ไม่ยากที่จะลืมเรื่องราวเลวร้ายเช่นกัน
หนังสือวางขายที่ร้านหนังสือ “ศูนย์หนังสือจุฬาฯ” และช่องทางออนไลน์
ตจว.มีที่ “ร้านเล่า เชียงใหม่”
eBook โหลดได้ที่ App Meb และ App Naiin
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
สุภาวดีสูดหายใจลึก ก่อนจะเอ่ยว่า
“เมื่อบ่ายวันนี้ ฉันไปทำธุระแถวเจริญกรุง เห็นยัยพิมคนดีของเธอนั่งทานข้าวออเซาะอยู่กับท่านชายภาสสองต่อสอง เห็นพระคู่หมั้นของเธอนั่งโอบกอดยัยพิม ซ้ำยังจับมือถือแขนกัน หยอกล้อกันกะหนุงกะหนิงราวกับคู่รัก ตอนนี้ใครๆ เขาต่างก็ซุบซิบกันว่าท่านชายภาสมีหญิงอื่น นั่นก็คือคนใกล้ตัวของเธอ ยัยพิม!”
คำบอกเล่าของเพื่อนนั้น แทนที่เพชราวสีจะตกใจหรือนิ่งอึ้งไป เธอกลับขำพรืดออกมาราวกับเป็นเรื่องตลก
“ไม่จริง” เธอส่ายหน้ายิ้มๆ “มันจะเป็นไปได้ยังไง พี่ชายภาสแสนดีขนาดนั้น ส่วนพิมเองก็รักฉันมาก ทั้งสองคนไม่มีวันหักหลังฉันหรอก เธอน่ะคิดมากไป คนที่เธอเห็น อาจจะแค่บังเอิญหน้าคล้าย หรือไม่ก็ตาฝาดไปเองหรือเปล่า”
“คิดแล้วว่าเธอต้องพูดแบบนี้” ทั้งเหตุผลที่พิมนอนป่วยอยู่ในห้อง และตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าหม่อมเจ้าภาณุมาศอยู่ที่ไหน... แต่สุภาวดีเชื่อว่าสองคนนั้นจะต้องอยู่ด้วยกันในห้องนอนของพิม!
“มากับฉัน มาพิสูจน์กันว่ามันจะเป็นเรื่องจริงอย่างที่ฉันพูดหรือเปล่า” ว่าแล้วคนใจร้อนก็คว้าแขนเพื่อนสาวออกไปทันที
“ยัยสุ นี่เธอจะพาฉันไปไหน” เพชราวสีตกใจ แต่สุภาวดีไม่ตอบ
***********************
แล้วก็เป็นจริงอย่างที่สุภาวดีคาดการณ์ไว้ ในห้องนอนของพิมเวลานี้มีหม่อมเจ้าภาณุมาศอยู่ด้วย เหตุการณ์ก็เชื่อมต่อหลังจากที่ไปดูละครเวทีกับเพชราวสี แล้วก็ข่มขู่พิมไปคราวนั้น
หม่อมเจ้าภาณุมาศรู้สึกผิดต่อพิม เขายอมรับว่าที่ผ่านมาไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของหล่อนเลย และพิมก็พยายามหลบหน้าหลบตา ไม่ยอมส่งข่าวหรือโทร.มาหาเขาอีกเลยนับแต่นั้น ภาณุมาศรู้ตัวว่าทำให้พิมโกรธ เขาเองก็เสียใจที่พูดออกไปแบบนั้น ประจวบเหมาะกับเมื่อสองสัปดาห์ก่อนที่มาส่งเพชราวสีที่วัง หลังจากที่เพชราวสีไปเยี่ยมพระบิดาพระมารดาของเขาที่วังอาภาภิรมย์...เขาก็ได้พบพิมอีกครั้ง เขาพยายามงอนง้อขอคืนดีกับหล่อน ไม่นานหล่อนก็ยอมใจอ่อน จากนั้นทั้งสองก็ติดต่อกันไม่ขาดสายเรื่อยมา
และความสัมพันธ์ครั้งใหม่ก็ดูเหมือนจะหอมหวานกว่าครั้งก่อนมาก บางครั้งทั้งสองก็นัดแนะกันไปเที่ยวเล่นบ้าง แต่ไม่บ่อยนักเพราะยังกลัวคำติฉินนินทาจากสังคม แต่พอทำบ่อยเข้าแล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้น ภาณุมาศก็ชะล่าใจ เดินควงแขนพิมไปเที่ยวไหนต่อไหนด้วยกันอย่างเปิดเผย ในเมื่อเลือกใครไม่ได้ เขาก็อยากจะเก็บไว้ทั้งสอง
ภาณุมาศไม่เคยคิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำเป็นสิ่งที่ผิด เพราะไม่ว่าเขาจะมีผู้หญิงอีกสักกี่คน ผู้หญิงใจกว้างอย่างเพชราวสีก็คงจะรับได้ เพราะหากพลาดจากเขาไปแล้วก็คงไม่มีชายใดเหมาะสมกับเธอมากไปกว่าเขาอีกแล้ว ภาณุมาศคิดอย่างลำพองในฐานะและความเพียบพร้อมของตนเอง ต่อให้เขาทำเรื่องที่ผิด...คนในสังคมก็จะมองว่าถูกอยู่วันยังค่ำ
“ท่านชาย!” พิมครางออกมา ทันทีที่เห็นร่างสูงใหญ่เปิดประตูเข้ามาในห้องนอนของเธอ
หม่อมเจ้าภาณุมาศมองร่างบางซุกตัวอยู่ในผ้าห่มด้วยความกังวล เขาคงไม่เสี่ยงมาหาพิมถึงในห้อง ถ้าวันนี้ตอนที่ออกไปเดินเที่ยวด้วยกัน จู่ๆ เธอก็เป็นลมแดดล้มลงไปกลางตลาดทำเอาผู้คนแถวนั้นแตกตื่น รีบเอายาดมยาหม่องมาพัดวีให้เธอกันอลหม่าน พอเขาจะพาเธอไปหาหมอที่โรงพยาบาล เธอก็ร้องห้ามอ้างว่าไม่อยากทำให้เขาเสื่อมเสีย เขาไม่รู้จะทำอย่างไรก็ปล่อยเลยตามเลย แต่พอกลับไปถึงวังก็อดเป็นห่วงเธอไม่ได้อยู่ดี จึงเป็นสาเหตุให้เขาต้องมาอยู่ที่นี่ เวลานี้
“เธอเป็นยังไงบ้าง” เขารี่เข้ามาประคองร่างบางลุกขึ้นนั่ง แล้วลดตัวนั่งข้างๆ เธอ
“ได้กินยา ดีขึ้นแล้วเพคะ” เธอยิ้มบางๆ ให้เขา ยิ่งได้เห็นเขาใส่ใจเป็นห่วงเป็นใย พิมก็ยิ่งหลงระเริง คิดว่าเธอให้ความสุขกับเขาได้ ในแบบที่เพชราวสีไม่มีวันให้
“แต่หน้าเธอยังดูซีดอยู่เลย ไปหาหมอไหมเดี๋ยวฉันพาไป”
ภาณุมาศปัดผมเผ้ายุ่งเหยิงออกจากใบหน้านวล แต่หล่อนยังยิ้มให้ไม่แสดงอาการอ่อนล้าให้เห็น
“ขอบพระทัยเพคะที่เป็นห่วงพิม แต่พิมดีขึ้นแล้วเพคะ นอนสักพักก็คงจะหายดี” ความจริงเธอก็แค่เวียนหัว เจอแดดมากๆ เมื่อตอนบ่ายก็เลยหน้ามืดไม่ได้เป็นอะไรหนักหนาขนาดนั้น เขาคิดมากไปเอง แค่ได้เห็นหน้าเขา เห็นเขาห่วงใย เธอก็ยิ้มได้และหายเป็นปลิดทิ้งแล้ว
มือหนารวบไหล่เล็กเข้ามาแนบชิด ปล่อยให้ใบหน้าของเธอซบลงที่อกอย่างเคยชิน
“ฉันเป็นห่วงเธอมากนะ ถ้าไม่สบายก็อย่าดื้อ” เขาว่าแกมค้อน มือหนาเลื่อนขึ้นลูบเรือนผมของเธออย่างแผ่วเบาอ่อนโยน
นี่สินะ! คือสิ่งที่เธอโหยหาจากเขามาโดยตลอด พิมน้ำตารื้น มือบางโอบกอดเขาอย่างไม่มีเคอะเขิน เธอหลับตาพริ้มสัมผัสได้ถึงไอร้อนจากแผงอกกว้าง และหัวใจของเขามันเต้นแรงแต่เป็นจังหวะสม่ำเสมอ ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลาย อบอุ่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน...
แต่แล้วความสุขเล็กๆ ของเธอก็มลายหาย ทันทีที่แรงเล็กๆ ผลักประตูผลัวะเข้ามา ตามด้วยเสียงเรียกแหบพร่า ดึงความสนใจจากหม่อมเจ้าภาณุมาศไปจนหมด
“พิม! พี่ชายภาส!”
หม่อมเจ้าเพชราวสีเปิดประตูเข้ามาตาค้าง อยู่ๆ เข่าทั้งสองข้างก็เหมือนจะอ่อนแรงลงในทันที เพชราวสียกมือขึ้นปิดปากไม่ให้มีเสียงร้องไห้เล็ดลอดออกมา และสมองก็สั่งให้เท้าเล็กรีบวิ่งออกไปจากตรงนั้นเสีย
“น้องวสี! เดี๋ยวก่อนน้องวสี!!” ภาณุมาศหัวใจสลาย ลุกพรวดจากเตียงจะตามหล่อนไป แต่โดนสุภาวดีก้าวขวางไว้
“อย่าตามไปเลยเพคะ” สุภาวดีกัดฟันกรอด เลื่อนสายตาไปมองผู้หญิงที่นั่งฉีกยิ้มอยู่บนเตียงด้วยความรังเกียจถึงที่สุด ก่อนจะวิ่งตามเพื่อนสาวหายลับไปอีกคน
“โธ่เว้ย!” ภาณุมาศเตะขอบประตู คำรามอย่างหงุดหงิด
น้อยที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดก็เศร้าตาม... คิดไว้อยู่แล้วว่าจะต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้เข้าสักวัน ใจจริงเขาอยากจะบอกเธอตั้งแต่วันแรกที่รู้เรื่องระหว่างพิมกับท่านชายภาณุมาศ แต่ตอนนั้นเขาไม่มีหลักฐาน ถึงบอกไปเพชราวสีก็คงไม่เชื่ออยู่ดี และที่สำคัญเขาไม่อยากทำให้เธอต้องเสียใจ รู้ดีว่าการถูกปฏิเสธนั้นมันเจ็บปวดมากแค่ไหน มันไม่ง่ายเลยที่จะทำใจ แต่มันก็ไม่ยากที่จะลืมเรื่องราวเลวร้ายเช่นกัน
หนังสือวางขายที่ร้านหนังสือ “ศูนย์หนังสือจุฬาฯ” และช่องทางออนไลน์
ตจว.มีที่ “ร้านเล่า เชียงใหม่”
eBook โหลดได้ที่ App Meb และ App Naiin
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 พ.ค. 2565, 09:50:18 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 พ.ค. 2565, 09:50:18 น.
จำนวนการเข้าชม : 251
<< บทที่ 17 สร้อยวิรุณวงษ์ (70%) | บทที่ 18 แตกหักกันไปข้าง (50%) >> |