วานวาสนา: ร่มเกศ (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
เรื่องย่อ:
เมื่อทุกอย่างสูญสิ้น ‘น้อย’ ชายหนุ่มชีวิตอาภัพ จำต้องออกเดินทางจากบ้านสู่พระนครที่ห่างไกล เพื่อตามหาหญิงสาวอันเป็นที่รัก แต่ก็ต้องพบเจอกับอุปสรรคและความผิดหวังซ้ำๆ ‘เพชราวสี’ คือนิยามของคำว่าสมบูรณ์แบบ เป็นแก้วมณีที่ผู้ชายทุกคนใฝ่ฝัน แต่ก็ต้องฝันสลาย เพราะแก้วมณีดวงนี้ได้ถูกจองให้แก่ ‘หม่อมเจ้าภาณุมาศ’ เพียงผู้เดียวเท่านั้น
ทุกอย่างคงจะเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น หากโลกไม่หมุนคนที่แตกต่างทั้งสองคนให้มาพบเจอกัน
หนึ่งรอยยิ้มพิมพ์ใจ กับแววตาอ่อนหวานละไมของเธอ เป็นดั่งแสงสว่างนำพาชายหนุ่มที่สิ้นหวังก้าวไปสู่โลกอีกใบที่ไม่เคยค้นพบ จากความประทับใจ ก็เริ่มแปรเปลี่ยนไปเป็นความรัก
ใครจะไปคิดว่าชายหนุ่มอ่อนแอ จะลุกขึ้นมาต่อสู้กับโชคชะตาเพื่อเอาชนะคำดูถูกของทุกคน การหาคำตอบว่าตัวเองเป็นใครจึงเริ่มต้นขึ้น ท่ามกลางปริศนา ปมความรักต่างชนชั้น เรื่องราวเลวร้ายมากมายที่เขาจะต้องเผชิญและจับมือฝ่าฝันอุปสรรคไปพร้อมกันกับเธอ
. . . . . . . . . . . . . .
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "ร่มเกศ" เป็นหนึ่งในนิยายจากโครงการ "ช่องวันอ่านเอา" ที่ได้รับการสร้างเป็นละครโทรทัศน์ทางช่อง One31 และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 50% ของเรื่องนะคะ
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่ม
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.ผ่าน www.plaipakkabooks.com หรือ inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 600 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 409฿ จากราคาปก 454฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 454฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 479฿)
ค่าจัดส่ง Kerry 65฿ (รวมเป็น 474฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket และ NaiinPann***
เมื่อทุกอย่างสูญสิ้น ‘น้อย’ ชายหนุ่มชีวิตอาภัพ จำต้องออกเดินทางจากบ้านสู่พระนครที่ห่างไกล เพื่อตามหาหญิงสาวอันเป็นที่รัก แต่ก็ต้องพบเจอกับอุปสรรคและความผิดหวังซ้ำๆ ‘เพชราวสี’ คือนิยามของคำว่าสมบูรณ์แบบ เป็นแก้วมณีที่ผู้ชายทุกคนใฝ่ฝัน แต่ก็ต้องฝันสลาย เพราะแก้วมณีดวงนี้ได้ถูกจองให้แก่ ‘หม่อมเจ้าภาณุมาศ’ เพียงผู้เดียวเท่านั้น
ทุกอย่างคงจะเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น หากโลกไม่หมุนคนที่แตกต่างทั้งสองคนให้มาพบเจอกัน
หนึ่งรอยยิ้มพิมพ์ใจ กับแววตาอ่อนหวานละไมของเธอ เป็นดั่งแสงสว่างนำพาชายหนุ่มที่สิ้นหวังก้าวไปสู่โลกอีกใบที่ไม่เคยค้นพบ จากความประทับใจ ก็เริ่มแปรเปลี่ยนไปเป็นความรัก
ใครจะไปคิดว่าชายหนุ่มอ่อนแอ จะลุกขึ้นมาต่อสู้กับโชคชะตาเพื่อเอาชนะคำดูถูกของทุกคน การหาคำตอบว่าตัวเองเป็นใครจึงเริ่มต้นขึ้น ท่ามกลางปริศนา ปมความรักต่างชนชั้น เรื่องราวเลวร้ายมากมายที่เขาจะต้องเผชิญและจับมือฝ่าฝันอุปสรรคไปพร้อมกันกับเธอ
. . . . . . . . . . . . . .
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "ร่มเกศ" เป็นหนึ่งในนิยายจากโครงการ "ช่องวันอ่านเอา" ที่ได้รับการสร้างเป็นละครโทรทัศน์ทางช่อง One31 และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 50% ของเรื่องนะคะ
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่ม
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.ผ่าน www.plaipakkabooks.com หรือ inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 600 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 409฿ จากราคาปก 454฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 454฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 479฿)
ค่าจัดส่ง Kerry 65฿ (รวมเป็น 474฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket และ NaiinPann***
Tags: พีเรียด โรแมนติก ดราม่า ละคร ช่องวัน อ่านเอา
ตอน: บทที่ 20 เสียงปืนกลางป่า (70%)
เมื่อตรงนั้นเหลือเพียงสองสาว เพชราวสีก็หันไปค้อนให้เพื่อนตัวดี มายังไม่ถึงครึ่งวันก็จะเปิดศึกใส่กันเสียแล้ว ดูเหมือนทริปพักผ่อนครั้งนี้จะไม่ราบรื่นดั่งที่หวังแล้วละสิ
“เธอนี่ ไปทะเลาะกับพวกนั้นทำไม ฉันอยากจะมาพักผ่อนเงียบๆ นะ ไม่ได้อยากจะมาเห็นคนตบตีกัน”
สุภาวดีนิ่วหน้า “ขอโทษ...แต่มันคุมไม่อยู่จริงๆ ออดอ้อนออเซาะกันอยู่นั่นแหละ คุณกฤติเดชอย่างโน้น คุณกฤติเดชอย่างนี้ ขวางหูขวางตาเสียจริงๆ!”
เพชราวสีเห็นสุภาวดีทำท่าล้อเลียนอรอนงค์และไพลินก็ลอบอมยิ้ม “ฉันไปขี่ม้าเล่นดีกว่า”
“จะไปตอนนี้เนี่ยนะ เธอไม่เมื่อยบ้างหรือไงเพิ่งเดินทางมาถึงแท้ๆ”
“ก็ดีกว่าอุดอู้อยู่ในห้องก็แล้วกัน”
“อ้าว! ทิ้งฉันอีกละ”
สุภาวดีมองตามเพชราวสีที่เดินไปยังบริเวณคอกม้า แล้วที่ตรงนั้นก็เหลือเธอยืนอยู่เพียงคนเดียว เมื่อทุกคนต่างก็แยกย้าย เธอก็จะไปนอนเก็บแรงไว้สำหรับงานเลี้ยงตอนเย็นเช่นกัน พอคิดเท่านั้นก็อ้าปากหาวหวอด จนต้องยกมือขึ้นมาปิดปาก ตามด้วยยืดสุดแขนบิดขี้เกียจเอี้ยวซ้ายหันขวา
ในเวลาเดียวกัน ณ พุ่มไม้ใกล้ๆ บริเวณนั้น มีดวงตาสองคู่หลบซ่อนอยู่ กำลังจ้องมองความเป็นไปของทั้งสองสาวอย่างมุ่งมั่น เมื่อเห็นหญิงสาวเป้าหมายแยกออกไปก่อนแล้ว เจ้าของดวงตาทั้งสองก็รีบตามไปทันที แต่ไม่ไวไปกว่าสายตาคมกริบของน้อย ที่เห็นคนทั้งสองแอบตามนายสาวไปอย่างมีพิรุธ ชายหนุ่มประหวั่นใจ กลัวจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับเพชราวสี กำลังจะก้าวเท้าตามไป แต่ธันก็มารั้งเอาไว้...
“ไอ้น้อยเอ็งจะไปไหนวะ”
“ข้าจะไปหาท่านหญิง” น้อยใจเต้นรัว ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น รีบเดินไปที่คอกม้า มองตามเพชราวสีที่ขึ้นม้าขี่ออกไปไกลลิ่ว เขารีบคว้าจักรยานของคนงานที่จอดทิ้งไว้ปั่นตามเธอไปทันที
“อ้าว! ไอ้น้อย...” เสียงธันตะโกนไล่หลังไปด้วยความเป็นห่วง เขาสังหรณ์ใจ เดี๋ยวก็เกิดเรื่องขึ้นอีกจนได้
***********************
เพชราวสีควบม้าขาวสูงสง่า ข้ามผ่านทุ่งหญ้ากว้างไปอย่างรวดเร็ว เธอจำได้ว่าตอนที่นั่งอยู่ในรถ กฤติเดชบอกทางไปน้ำตกที่ท้ายไร่ ฟังแค่ครั้งเดียวสมองก็จำได้แม่น แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้น เพชราวสีก็ลองควบม้าเที่ยวชมธรรมชาติในไร่แสงรุ้งไปเรื่อยๆ ตอนนี้เธอรู้สึกมีความสุขมากที่ได้ชมนกชมไม้ สิ่งรอบกายที่เธอไม่ค่อยมีโอกาสได้สัมผัสมันบ่อยนักเมื่อตอนอยู่ในเมืองใหญ่
เพชราวสีถามใจตัวเองว่าเธอยังรู้สึกเจ็บอยู่ไหม ก็พบว่าเธอไม่เจ็บแล้ว... ภาพเรื่องราวร้ายๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้า เริ่มจางหายไป ราวกับมันไม่เคยมีอยู่ในเสี้ยวความทรงจำของเธอ
เธอไม่เข้าใจ ว่าทำไมตัวเองถึงลืมเรื่องของหม่อมเจ้าภาณุมาศได้ง่ายดายนัก มันเป็นความรู้สึกโกรธเคือง ผิดหวัง แต่ไม่ได้หึงหวง ไร้ชีวิต ชีวา หรือร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร ซึ่งเป็นอาการของคนอกหัก จะว่าไปแล้วในส่วนลึกของความรู้สึกนั้นเธอกลับยินดีด้วยซ้ำถ้าเขากับพิมครองคู่กันไปได้ด้วยดี หรือบางที...เธออาจจะไม่ได้รักเขาเลยก็ได้ ที่ผ่านมาเขาทำให้เธอรู้สึกอบอุ่น แต่ไม่เคยต้องการให้เขามาสนใจ แต่กับอีกคน...
ปัง! ปัง!
เพชราวสีสะดุด... ทันทีที่ม้าของเธอได้ยินเสียงปืนดังขึ้น มันตื่นตกใจ ยกขาหน้าร้องขึ้นอย่างพยศ เพชราวสีต้องจับบังเหียนไว้แน่น แต่มันพยายามสลัดตัวเธอออกอย่างบ้าคลั่ง เสี้ยววินาทีนั้นเพชราวสีก็สติหลุด เธอกรีดร้องแล้วพลัดตกลงมากระแทกพื้นจนสลบไป ก่อนที่ม้าของเธอจะวิ่งเตลิดหายไปในที่สุด
น้อยได้ยินเสียงปืนดังสนั่น พร้อมเสียงสัตว์ปีกโผบินขึ้นบนท้องฟ้าพร้อมๆ กันด้วยความแตกตื่น เขารู้โดยสัญชาตญาณว่าจะต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับเพชราวสี...
***********************
เปลือกตาบางลืมตาขึ้นตอบสนองกับลำแสงที่ส่องผ่านเงาต้นไม้ใหญ่ลงมา เพชราวสีรู้สึกเจ็บระบมไปทั้งตัว เธอกำลังจะยกมือขึ้นมา แต่เหมือนมีบางอย่างฉุดรั้งข้อมือของเธอเอาไว้อย่างผิดปกติ
เพชราวสีตกใจ ก้มมองดูก็พบว่าทั้งมือและเท้าถูกมัดไว้อย่างแน่นหนา
“ว่าไงจ๊ะ ท่านหญิงคนสวย” เสียงยียวนของคนโฉดดังขึ้นทักทาย
เพชราวสีมองคนตัวใหญ่สองคนย่างสามขุมเข้ามาใกล้ๆ ท่าทางน่ากลัว
“พวกแกเป็นใคร จับฉันมาทำไม” เพชราวสีเงยหน้ามองทั้งสองคนหน้าซีด ถ้าไม่ถูกพันธนาการไว้เธอจะรีบวิ่งหนีไปอย่างไม่คิดชีวิต
เจิดแสยะยิ้ม หรี่ตามองหญิงสาวตรงหน้าแล้วชอบใจ ครั้งแรกที่ได้เห็นใบหน้าสวยพริ้มของเพชราวสี ก็ทำให้เจิดตกหลุมรักเข้าอย่างจัง หากเทียบแล้วจะบอกว่าเธอสวยกว่าโสมรภีก็คงไม่ผิด เธอสวยแบบพิมพ์นิยมสาวในฝันของผู้ชาย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหม่อมเจ้าภาณุมาศถึงได้รักได้หลงเพชราวสีหัวปักหัวปำขนาดนี้ ตอนแรกที่ได้รับคำสั่งมา เขาก็อยากจะเอาใจโสมรภี และหวังในทรัพย์สินของเธอบ้างเล็กน้อย แต่ตอนนี้ความรู้สึกแบบนั้นหายวับไปจากหัว บอกตามตรง...ไม่เคยพบใครที่ถูกใจได้เท่าเธอคนนี้มาก่อน เขาจึงไม่ได้ทำเพราะคำสั่ง แต่จะทำเพราะความต้องการของตัวเองล้วนๆ
“เอ...ผู้ชายฉุดผู้หญิงเข้ามาในที่ลับ เขาจะทำอะไรกันวะไอ้พงษ์” เจิดย่อตัวลง เชยคางละมุนขึ้นมาอย่างทะนุถนอม แต่เพชราวสีสะบัดหน้าออกฮึดฮัด พงษ์เอ่ยขึ้นบ้าง
“แล้วยิ่งเป็นผู้หญิงสวยๆ อย่างนี้ เขาจะทำอะไรกันนอกจากเรื่อง...” พงษ์หยุดไว้แค่นั้น จงใจยั่วหล่อนเล่น
หนังสือวางขายที่ร้านหนังสือ “ศูนย์หนังสือจุฬาฯ” และช่องทางออนไลน์
ตจว.มีที่ “ร้านเล่า เชียงใหม่”
eBook โหลดได้ที่ App Meb และ App Naiin
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
“เธอนี่ ไปทะเลาะกับพวกนั้นทำไม ฉันอยากจะมาพักผ่อนเงียบๆ นะ ไม่ได้อยากจะมาเห็นคนตบตีกัน”
สุภาวดีนิ่วหน้า “ขอโทษ...แต่มันคุมไม่อยู่จริงๆ ออดอ้อนออเซาะกันอยู่นั่นแหละ คุณกฤติเดชอย่างโน้น คุณกฤติเดชอย่างนี้ ขวางหูขวางตาเสียจริงๆ!”
เพชราวสีเห็นสุภาวดีทำท่าล้อเลียนอรอนงค์และไพลินก็ลอบอมยิ้ม “ฉันไปขี่ม้าเล่นดีกว่า”
“จะไปตอนนี้เนี่ยนะ เธอไม่เมื่อยบ้างหรือไงเพิ่งเดินทางมาถึงแท้ๆ”
“ก็ดีกว่าอุดอู้อยู่ในห้องก็แล้วกัน”
“อ้าว! ทิ้งฉันอีกละ”
สุภาวดีมองตามเพชราวสีที่เดินไปยังบริเวณคอกม้า แล้วที่ตรงนั้นก็เหลือเธอยืนอยู่เพียงคนเดียว เมื่อทุกคนต่างก็แยกย้าย เธอก็จะไปนอนเก็บแรงไว้สำหรับงานเลี้ยงตอนเย็นเช่นกัน พอคิดเท่านั้นก็อ้าปากหาวหวอด จนต้องยกมือขึ้นมาปิดปาก ตามด้วยยืดสุดแขนบิดขี้เกียจเอี้ยวซ้ายหันขวา
ในเวลาเดียวกัน ณ พุ่มไม้ใกล้ๆ บริเวณนั้น มีดวงตาสองคู่หลบซ่อนอยู่ กำลังจ้องมองความเป็นไปของทั้งสองสาวอย่างมุ่งมั่น เมื่อเห็นหญิงสาวเป้าหมายแยกออกไปก่อนแล้ว เจ้าของดวงตาทั้งสองก็รีบตามไปทันที แต่ไม่ไวไปกว่าสายตาคมกริบของน้อย ที่เห็นคนทั้งสองแอบตามนายสาวไปอย่างมีพิรุธ ชายหนุ่มประหวั่นใจ กลัวจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับเพชราวสี กำลังจะก้าวเท้าตามไป แต่ธันก็มารั้งเอาไว้...
“ไอ้น้อยเอ็งจะไปไหนวะ”
“ข้าจะไปหาท่านหญิง” น้อยใจเต้นรัว ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น รีบเดินไปที่คอกม้า มองตามเพชราวสีที่ขึ้นม้าขี่ออกไปไกลลิ่ว เขารีบคว้าจักรยานของคนงานที่จอดทิ้งไว้ปั่นตามเธอไปทันที
“อ้าว! ไอ้น้อย...” เสียงธันตะโกนไล่หลังไปด้วยความเป็นห่วง เขาสังหรณ์ใจ เดี๋ยวก็เกิดเรื่องขึ้นอีกจนได้
***********************
เพชราวสีควบม้าขาวสูงสง่า ข้ามผ่านทุ่งหญ้ากว้างไปอย่างรวดเร็ว เธอจำได้ว่าตอนที่นั่งอยู่ในรถ กฤติเดชบอกทางไปน้ำตกที่ท้ายไร่ ฟังแค่ครั้งเดียวสมองก็จำได้แม่น แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้น เพชราวสีก็ลองควบม้าเที่ยวชมธรรมชาติในไร่แสงรุ้งไปเรื่อยๆ ตอนนี้เธอรู้สึกมีความสุขมากที่ได้ชมนกชมไม้ สิ่งรอบกายที่เธอไม่ค่อยมีโอกาสได้สัมผัสมันบ่อยนักเมื่อตอนอยู่ในเมืองใหญ่
เพชราวสีถามใจตัวเองว่าเธอยังรู้สึกเจ็บอยู่ไหม ก็พบว่าเธอไม่เจ็บแล้ว... ภาพเรื่องราวร้ายๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้า เริ่มจางหายไป ราวกับมันไม่เคยมีอยู่ในเสี้ยวความทรงจำของเธอ
เธอไม่เข้าใจ ว่าทำไมตัวเองถึงลืมเรื่องของหม่อมเจ้าภาณุมาศได้ง่ายดายนัก มันเป็นความรู้สึกโกรธเคือง ผิดหวัง แต่ไม่ได้หึงหวง ไร้ชีวิต ชีวา หรือร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร ซึ่งเป็นอาการของคนอกหัก จะว่าไปแล้วในส่วนลึกของความรู้สึกนั้นเธอกลับยินดีด้วยซ้ำถ้าเขากับพิมครองคู่กันไปได้ด้วยดี หรือบางที...เธออาจจะไม่ได้รักเขาเลยก็ได้ ที่ผ่านมาเขาทำให้เธอรู้สึกอบอุ่น แต่ไม่เคยต้องการให้เขามาสนใจ แต่กับอีกคน...
ปัง! ปัง!
เพชราวสีสะดุด... ทันทีที่ม้าของเธอได้ยินเสียงปืนดังขึ้น มันตื่นตกใจ ยกขาหน้าร้องขึ้นอย่างพยศ เพชราวสีต้องจับบังเหียนไว้แน่น แต่มันพยายามสลัดตัวเธอออกอย่างบ้าคลั่ง เสี้ยววินาทีนั้นเพชราวสีก็สติหลุด เธอกรีดร้องแล้วพลัดตกลงมากระแทกพื้นจนสลบไป ก่อนที่ม้าของเธอจะวิ่งเตลิดหายไปในที่สุด
น้อยได้ยินเสียงปืนดังสนั่น พร้อมเสียงสัตว์ปีกโผบินขึ้นบนท้องฟ้าพร้อมๆ กันด้วยความแตกตื่น เขารู้โดยสัญชาตญาณว่าจะต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับเพชราวสี...
***********************
เปลือกตาบางลืมตาขึ้นตอบสนองกับลำแสงที่ส่องผ่านเงาต้นไม้ใหญ่ลงมา เพชราวสีรู้สึกเจ็บระบมไปทั้งตัว เธอกำลังจะยกมือขึ้นมา แต่เหมือนมีบางอย่างฉุดรั้งข้อมือของเธอเอาไว้อย่างผิดปกติ
เพชราวสีตกใจ ก้มมองดูก็พบว่าทั้งมือและเท้าถูกมัดไว้อย่างแน่นหนา
“ว่าไงจ๊ะ ท่านหญิงคนสวย” เสียงยียวนของคนโฉดดังขึ้นทักทาย
เพชราวสีมองคนตัวใหญ่สองคนย่างสามขุมเข้ามาใกล้ๆ ท่าทางน่ากลัว
“พวกแกเป็นใคร จับฉันมาทำไม” เพชราวสีเงยหน้ามองทั้งสองคนหน้าซีด ถ้าไม่ถูกพันธนาการไว้เธอจะรีบวิ่งหนีไปอย่างไม่คิดชีวิต
เจิดแสยะยิ้ม หรี่ตามองหญิงสาวตรงหน้าแล้วชอบใจ ครั้งแรกที่ได้เห็นใบหน้าสวยพริ้มของเพชราวสี ก็ทำให้เจิดตกหลุมรักเข้าอย่างจัง หากเทียบแล้วจะบอกว่าเธอสวยกว่าโสมรภีก็คงไม่ผิด เธอสวยแบบพิมพ์นิยมสาวในฝันของผู้ชาย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหม่อมเจ้าภาณุมาศถึงได้รักได้หลงเพชราวสีหัวปักหัวปำขนาดนี้ ตอนแรกที่ได้รับคำสั่งมา เขาก็อยากจะเอาใจโสมรภี และหวังในทรัพย์สินของเธอบ้างเล็กน้อย แต่ตอนนี้ความรู้สึกแบบนั้นหายวับไปจากหัว บอกตามตรง...ไม่เคยพบใครที่ถูกใจได้เท่าเธอคนนี้มาก่อน เขาจึงไม่ได้ทำเพราะคำสั่ง แต่จะทำเพราะความต้องการของตัวเองล้วนๆ
“เอ...ผู้ชายฉุดผู้หญิงเข้ามาในที่ลับ เขาจะทำอะไรกันวะไอ้พงษ์” เจิดย่อตัวลง เชยคางละมุนขึ้นมาอย่างทะนุถนอม แต่เพชราวสีสะบัดหน้าออกฮึดฮัด พงษ์เอ่ยขึ้นบ้าง
“แล้วยิ่งเป็นผู้หญิงสวยๆ อย่างนี้ เขาจะทำอะไรกันนอกจากเรื่อง...” พงษ์หยุดไว้แค่นั้น จงใจยั่วหล่อนเล่น
หนังสือวางขายที่ร้านหนังสือ “ศูนย์หนังสือจุฬาฯ” และช่องทางออนไลน์
ตจว.มีที่ “ร้านเล่า เชียงใหม่”
eBook โหลดได้ที่ App Meb และ App Naiin
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 มิ.ย. 2565, 23:02:57 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 มิ.ย. 2565, 23:02:57 น.
จำนวนการเข้าชม : 373
<< บทที่ 20 เสียงปืนกลางป่า (35%) | บทที่ 20 เสียงปืนกลางป่า (100%) >> |