วานวาสนา: ร่มเกศ (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
เรื่องย่อ:
เมื่อทุกอย่างสูญสิ้น ‘น้อย’ ชายหนุ่มชีวิตอาภัพ จำต้องออกเดินทางจากบ้านสู่พระนครที่ห่างไกล เพื่อตามหาหญิงสาวอันเป็นที่รัก แต่ก็ต้องพบเจอกับอุปสรรคและความผิดหวังซ้ำๆ ‘เพชราวสี’ คือนิยามของคำว่าสมบูรณ์แบบ เป็นแก้วมณีที่ผู้ชายทุกคนใฝ่ฝัน แต่ก็ต้องฝันสลาย เพราะแก้วมณีดวงนี้ได้ถูกจองให้แก่ ‘หม่อมเจ้าภาณุมาศ’ เพียงผู้เดียวเท่านั้น
ทุกอย่างคงจะเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น หากโลกไม่หมุนคนที่แตกต่างทั้งสองคนให้มาพบเจอกัน
หนึ่งรอยยิ้มพิมพ์ใจ กับแววตาอ่อนหวานละไมของเธอ เป็นดั่งแสงสว่างนำพาชายหนุ่มที่สิ้นหวังก้าวไปสู่โลกอีกใบที่ไม่เคยค้นพบ จากความประทับใจ ก็เริ่มแปรเปลี่ยนไปเป็นความรัก
ใครจะไปคิดว่าชายหนุ่มอ่อนแอ จะลุกขึ้นมาต่อสู้กับโชคชะตาเพื่อเอาชนะคำดูถูกของทุกคน การหาคำตอบว่าตัวเองเป็นใครจึงเริ่มต้นขึ้น ท่ามกลางปริศนา ปมความรักต่างชนชั้น เรื่องราวเลวร้ายมากมายที่เขาจะต้องเผชิญและจับมือฝ่าฝันอุปสรรคไปพร้อมกันกับเธอ
. . . . . . . . . . . . . .
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "ร่มเกศ" เป็นหนึ่งในนิยายจากโครงการ "ช่องวันอ่านเอา" ที่ได้รับการสร้างเป็นละครโทรทัศน์ทางช่อง One31 และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 50% ของเรื่องนะคะ
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่ม
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.ผ่าน www.plaipakkabooks.com หรือ inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 600 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 409฿ จากราคาปก 454฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 454฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 479฿)
ค่าจัดส่ง Kerry 65฿ (รวมเป็น 474฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket และ NaiinPann***
เมื่อทุกอย่างสูญสิ้น ‘น้อย’ ชายหนุ่มชีวิตอาภัพ จำต้องออกเดินทางจากบ้านสู่พระนครที่ห่างไกล เพื่อตามหาหญิงสาวอันเป็นที่รัก แต่ก็ต้องพบเจอกับอุปสรรคและความผิดหวังซ้ำๆ ‘เพชราวสี’ คือนิยามของคำว่าสมบูรณ์แบบ เป็นแก้วมณีที่ผู้ชายทุกคนใฝ่ฝัน แต่ก็ต้องฝันสลาย เพราะแก้วมณีดวงนี้ได้ถูกจองให้แก่ ‘หม่อมเจ้าภาณุมาศ’ เพียงผู้เดียวเท่านั้น
ทุกอย่างคงจะเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น หากโลกไม่หมุนคนที่แตกต่างทั้งสองคนให้มาพบเจอกัน
หนึ่งรอยยิ้มพิมพ์ใจ กับแววตาอ่อนหวานละไมของเธอ เป็นดั่งแสงสว่างนำพาชายหนุ่มที่สิ้นหวังก้าวไปสู่โลกอีกใบที่ไม่เคยค้นพบ จากความประทับใจ ก็เริ่มแปรเปลี่ยนไปเป็นความรัก
ใครจะไปคิดว่าชายหนุ่มอ่อนแอ จะลุกขึ้นมาต่อสู้กับโชคชะตาเพื่อเอาชนะคำดูถูกของทุกคน การหาคำตอบว่าตัวเองเป็นใครจึงเริ่มต้นขึ้น ท่ามกลางปริศนา ปมความรักต่างชนชั้น เรื่องราวเลวร้ายมากมายที่เขาจะต้องเผชิญและจับมือฝ่าฝันอุปสรรคไปพร้อมกันกับเธอ
. . . . . . . . . . . . . .
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "ร่มเกศ" เป็นหนึ่งในนิยายจากโครงการ "ช่องวันอ่านเอา" ที่ได้รับการสร้างเป็นละครโทรทัศน์ทางช่อง One31 และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 50% ของเรื่องนะคะ
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่ม
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.ผ่าน www.plaipakkabooks.com หรือ inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 600 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 409฿ จากราคาปก 454฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 454฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 479฿)
ค่าจัดส่ง Kerry 65฿ (รวมเป็น 474฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket และ NaiinPann***
Tags: พีเรียด โรแมนติก ดราม่า ละคร ช่องวัน อ่านเอา
ตอน: บทที่ 21 ใจปั่นป่วน (40%)
เมื่อน้อยกลับมาถึงไร่ ระหว่างนั้นเพชราวสีก็ได้หมดสติไปพอดี เขาเห็นกฤติเดช สุภาวดี และผู้ร่วมทริปทั้งหลายยืนอยู่หน้าตาขึงขัง รู้สึกได้ว่าทุกคนต่างมองเขาเหมือนเป็นผู้ร้าย...ทั้งหมดรีบกรูเข้ามาหาด้วยความตื่นตระหนกตกใจเมื่อเห็นร่างของเพชราวสีนอนแน่นิ่งอยู่ในอ้อมแขนของน้อย ผมเผ้ายุ่งเหยิงเหมือนเพิ่งผ่านสมรภูมิรบมาอย่างไรอย่างนั้น
“ท่านหญิงเป็นอะไร นายทำอะไรเธอ!” ดวงตาของกฤติเดชวาวโรจน์ พุ่งเข้ามากระชากคอเสื้อน้อยทันที
ตอนแรกที่ได้ยินเรื่องจากชาติชายและปรีชา ที่เล่าว่าก่อนออกจากป่ามา เห็นน้อยกับเพชราวสีอยู่ในป่าด้วยกันสองต่อสอง เขาก็ไม่ได้อยากจะเชื่อนักหรอก เพราะรู้นิสัยคนพวกนั้นดี แต่พอเห็นน้อยอุ้มเพชราวสีกลับมาด้วยในสภาพดูแทบไม่ได้เช่นนี้ ไม่เพียงแค่เขา ทุกคนในที่นี้ก็คิด ว่าน้อยทำมิดีมิร้ายกับเพชราวสี
อันที่จริงกฤติเดชก็ได้ยินเสียงปืนแว่วๆ แต่เขามองว่าเป็นเรื่องปกติของพวกล่าสัตว์แถวนี้อยู่แล้ว จึงไม่ได้เฉลียวใจ ชายหนุ่มเจ้าของไร่กระวน-กระวายใจ นึกถึงคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับพระองค์เจ้าทิวากรก่อนมา ว่าจะดูแลเพชราวสีให้ดีที่สุด แต่นี่มาไม่ถึงวัน เขาก็ทำให้เธอได้รับบาดเจ็บเสียแล้ว
กฤติเดชกัดฟันด้วยความโกรธ อยากจะจัดการน้อย แต่อาการของเพชราวสีก็สำคัญ เขาจึงเข้าไปแย่งร่างบอบบางมาจากมือน้อย เอาไว้ให้ท่านหญิงฟื้นก่อนเถอะ แล้วค่อยมาสะสางกันต่อ
สุภาวดีมองเพื่อนสาวในอ้อมแขนของกฤติเดชแล้วสะเทือนใจ เวรกรรมอะไรของเพชราวสีนักหนา ทำไมไม่จบไม่สิ้นกันเสียที คิดว่ามาพักผ่อนก็น่าจะทำให้เพชราวสีรู้สึกดีขึ้นบ้าง แต่เปล่าเลย...ดูเหมือนอะไรๆ ก็ยิ่งแย่ลงกว่าเดิมด้วยซ้ำ
“คุณเดชรีบพาท่านหญิงขึ้นไปพักก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวสุจะไปโทร.ตามคุณหมอมาดูอาการให้”
กฤติเดชพยักหน้าเห็นด้วย อุ้มร่างบางผละออกไปอย่างทะนุถนอม น้อยยืนมองเพชราวสีตาละห้อย สงสารเธอจับใจ ถ้าเธอเป็นอะไรไป เขาจะไม่มีวันให้อภัยตัวเองและพวกคนชั่วที่ทำร้ายดวงใจของเขาเป็นอันขาด
น้อยหันไปอีกทางเห็นสายตาดูถูกเหยียดหยามจากฝั่งเพื่อนนิสัยไม่ดีของกฤติเดช พวกเขามองมาด้วยความรังเกียจ ไม่นานก็สะบัดหน้าหันหลังแยกย้ายเดินจากไป เขาไม่สนใจสายตาคนพวกนั้นเท่าไร เพราะชินชากับมันมาตั้งนานแล้ว
“ไอ้น้อย ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่วะ แล้วที่เขาคุยกันว่าเอ็งกับท่านหญิง...” ธันสะดุด ไม่กล้าเอ่ยต่อ
น้อยถอนใจ ไม่ยอมให้ทุกคนเข้าใจอะไรผิดๆ ไปกว่านี้ โดยเฉพาะธัน เพื่อนที่ดีที่สุดของเขาในเวลานี้
“ข้าไม่เคยคิดจะทำให้ท่านหญิงต้องหม่นหมอง” เขาสวนทันควัน
ธันเชื่อใจน้อย ถึงจะรู้จักกันได้ไม่นานแต่เขาก็พอจะดูออก รู้ดีว่าน้อยเป็นคนอย่างไร... แต่เรื่องที่น่าตกใจยิ่งกว่าข่าวลือนั่น
“ไอ้น้อย เอ็งมีเลือดออก!” ธันตาโตตกใจเมื่อเห็นเลือดที่ซึมออกมาผ่านเสื้อบริเวณสีข้างของน้อย อาการหนักขนาดนี้มันก็ไม่บอกกันสักคำ
“ข้าไม่ได้เป็นอะไร แค่ถูกยิงถากๆ” น้อยกุมแผลที่สีข้างเอาไว้ รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาเหมือนกัน แต่ในเมื่อยังยืนไหว ก็คิดว่าคงไม่ได้ร้ายแรงอะไรมากมาย
“งั้นรีบไปทำแผลก่อนเถอะว่ะ” ธันแนะ
***********************
งานเลี้ยงช่วงหัวค่ำที่ว่าก็ต้องเลื่อนออกไปก่อน ท่ามกลางความไม่พอใจของบรรดาผองเพื่อนของเจ้าของไร่ที่เตรียมจะสนุกกันเต็มที่ แต่ กฤติเดชไม่มีอารมณ์จะทำอะไรทั้งนั้น ในเมื่อเพชราวสียังนอนเจ็บอยู่แบบนี้ และเขาก็ตั้งใจที่จะจัดงานนี้ขึ้นเพื่อเพชราวสีโดยเฉพาะ แล้วเขาจะจัดต่อได้อย่างไร
หมอทำแผลที่มุมปากที่ถูกตบจนช้ำ และตรวจร่างกายเพชราวสีแล้วไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่ผ่านไปจนหลายชั่วโมงแล้วเพชราวสีก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นขึ้นมาเลย สุภาวดีและกฤติเดชอดไม่ได้ที่จะเป็นกังวล แต่หมอก็ให้คำมั่น ว่าไม่เกินพรุ่งนี้ เธอจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเอง
สุภาวดีเห็นสภาพของเพชราวสีก็ระทมหนัก ไม่รู้ว่าเพื่อนเธอไปเอาบาดแผลพวกนี้มาจากที่ไหน และเมื่อครู่นี้ธันก็เข้ามาบอกว่าน้อยเองก็ถูกยิงได้รับบาดเจ็บเช่นเดียวกัน กฤติเดชและสุภาวดีจึงต้องหันกลับมาคิดทบทวนใหม่ รู้สึกได้ว่าเรื่องนี้มีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากล ทั้งสองรู้ดีว่าเพชราวสีไม่ใช่ผู้หญิงไม่ดี แบบที่ชาติชายและปรีชาพยายามกล่าวหา และเธอก็รักนวลสงวนตัวมาก ไม่มีวันทำเรื่องไม่ดีแบบนั้นแน่นอน
กลางดึกคืนนั้น น้อยกำลังนอนอยู่ เตียงข้างๆ กันมีธันนอนกรนเสียงดัง จนเขานอนไม่หลับ อีกใจก็วิตกกังวลจนอยู่ไม่สุข อยากรู้ความเป็นไปของเพชราวสีใจจะขาด ข่าวล่าสุดที่เขารู้มาตั้งแต่เกิดเรื่องจนถึงตอนนี้คือเธอยังไม่ฟื้นเลย
น้อยไม่อาจทนรอได้อีกต่อไป ตัดสินใจลุกออกมาจากห้อง สาวเท้ายาวๆ ไปตามเสียงใจเรียกร้องจนมาถึงหน้าห้องนอนของเพชราวสี
น้อยพบว่าประตูห้องปิดเงียบ แต่ถึงกระนั้นก็พอนึกออกว่าภายในห้องนอกจากเพชราวสีที่ยังคงนอนหลับอยู่บนเตียง ก็คงมีสุภาวดีอีกคนนอนเฝ้าเพื่อนรักอยู่ไม่ห่าง แม้เขาจะไม่ได้เห็นหน้าเพชราวสี แต่แค่ได้มายืนอยู่ใกล้ๆ ก็สบายใจขึ้นเป็นกอง และหวังว่าพรุ่งนี้เช้า เธอจะลุกขึ้นมายิ้มหวานให้ดอกไม้ทั้งไร่นี้ได้เขินอายอีกครั้ง
วันรุ่งขึ้น อรอนงค์และไพลิน ต่างก็คะยั้นคะยอให้กฤติเดชพาไปเที่ยวน้ำตกแสงรุ้งตามที่เขาได้ให้สัญญาเอาไว้ตั้งแต่มาถึง กฤติเดชจึงต้องไปตามสัญญา สุภาวดีเห็นแล้วเคืองไม่น้อย ถ้าไม่ติดว่าจะต้องเฝ้าเพื่อนรักที่นอนหลับไม่ได้สติ เธอก็จะตามไปเป็นตัวป่วน ไม่ให้ทั้งอรอนงค์และไพลินได้สุขสมหวังกับกฤติเดชง่ายๆ อย่างที่พวกหล่อนปรารถนา แต่เอาจริงระหว่างเพื่อนกับผู้ชาย ยังไงเธอก็เลือกเพื่อนดีกว่า เพราะถ้ากฤติเดชไม่แยแสเธอเลย สุดท้ายก็ยังมีเพชราวสีนี่แหละที่พร้อมจะขึ้นคานไปด้วยกัน
ข้ามเที่ยงวันจนถึงบ่ายแก่ๆ ทั้งสามกลับมาจากน้ำตก แต่เพชราวสีก็ยังไม่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเลย สุภาวดีกังวลเอามากๆ เธอกลัวเพื่อนรักจะเป็นอะไรไป ร้องห่มร้องไห้ออกมาไม่หยุดหย่อน จนกฤติเดชต้องเข้าไปปลอบ...ระหว่างนั้นเอง เสียงแหบพร่าแต่แผ่วเบาเหลือเกิน เรียกชื่อใครบางคนดังขึ้นมาคล้ายละเมอ
“น้อย...”
“ท่านหญิงฟื้นแล้ว” กฤติเดชร้องดีใจลั่นห้อง
ลงให้อ่านทุกวันอังคาร พฤหัส และเสาร์เช่นเคยนะคะ
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
“ท่านหญิงเป็นอะไร นายทำอะไรเธอ!” ดวงตาของกฤติเดชวาวโรจน์ พุ่งเข้ามากระชากคอเสื้อน้อยทันที
ตอนแรกที่ได้ยินเรื่องจากชาติชายและปรีชา ที่เล่าว่าก่อนออกจากป่ามา เห็นน้อยกับเพชราวสีอยู่ในป่าด้วยกันสองต่อสอง เขาก็ไม่ได้อยากจะเชื่อนักหรอก เพราะรู้นิสัยคนพวกนั้นดี แต่พอเห็นน้อยอุ้มเพชราวสีกลับมาด้วยในสภาพดูแทบไม่ได้เช่นนี้ ไม่เพียงแค่เขา ทุกคนในที่นี้ก็คิด ว่าน้อยทำมิดีมิร้ายกับเพชราวสี
อันที่จริงกฤติเดชก็ได้ยินเสียงปืนแว่วๆ แต่เขามองว่าเป็นเรื่องปกติของพวกล่าสัตว์แถวนี้อยู่แล้ว จึงไม่ได้เฉลียวใจ ชายหนุ่มเจ้าของไร่กระวน-กระวายใจ นึกถึงคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับพระองค์เจ้าทิวากรก่อนมา ว่าจะดูแลเพชราวสีให้ดีที่สุด แต่นี่มาไม่ถึงวัน เขาก็ทำให้เธอได้รับบาดเจ็บเสียแล้ว
กฤติเดชกัดฟันด้วยความโกรธ อยากจะจัดการน้อย แต่อาการของเพชราวสีก็สำคัญ เขาจึงเข้าไปแย่งร่างบอบบางมาจากมือน้อย เอาไว้ให้ท่านหญิงฟื้นก่อนเถอะ แล้วค่อยมาสะสางกันต่อ
สุภาวดีมองเพื่อนสาวในอ้อมแขนของกฤติเดชแล้วสะเทือนใจ เวรกรรมอะไรของเพชราวสีนักหนา ทำไมไม่จบไม่สิ้นกันเสียที คิดว่ามาพักผ่อนก็น่าจะทำให้เพชราวสีรู้สึกดีขึ้นบ้าง แต่เปล่าเลย...ดูเหมือนอะไรๆ ก็ยิ่งแย่ลงกว่าเดิมด้วยซ้ำ
“คุณเดชรีบพาท่านหญิงขึ้นไปพักก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวสุจะไปโทร.ตามคุณหมอมาดูอาการให้”
กฤติเดชพยักหน้าเห็นด้วย อุ้มร่างบางผละออกไปอย่างทะนุถนอม น้อยยืนมองเพชราวสีตาละห้อย สงสารเธอจับใจ ถ้าเธอเป็นอะไรไป เขาจะไม่มีวันให้อภัยตัวเองและพวกคนชั่วที่ทำร้ายดวงใจของเขาเป็นอันขาด
น้อยหันไปอีกทางเห็นสายตาดูถูกเหยียดหยามจากฝั่งเพื่อนนิสัยไม่ดีของกฤติเดช พวกเขามองมาด้วยความรังเกียจ ไม่นานก็สะบัดหน้าหันหลังแยกย้ายเดินจากไป เขาไม่สนใจสายตาคนพวกนั้นเท่าไร เพราะชินชากับมันมาตั้งนานแล้ว
“ไอ้น้อย ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่วะ แล้วที่เขาคุยกันว่าเอ็งกับท่านหญิง...” ธันสะดุด ไม่กล้าเอ่ยต่อ
น้อยถอนใจ ไม่ยอมให้ทุกคนเข้าใจอะไรผิดๆ ไปกว่านี้ โดยเฉพาะธัน เพื่อนที่ดีที่สุดของเขาในเวลานี้
“ข้าไม่เคยคิดจะทำให้ท่านหญิงต้องหม่นหมอง” เขาสวนทันควัน
ธันเชื่อใจน้อย ถึงจะรู้จักกันได้ไม่นานแต่เขาก็พอจะดูออก รู้ดีว่าน้อยเป็นคนอย่างไร... แต่เรื่องที่น่าตกใจยิ่งกว่าข่าวลือนั่น
“ไอ้น้อย เอ็งมีเลือดออก!” ธันตาโตตกใจเมื่อเห็นเลือดที่ซึมออกมาผ่านเสื้อบริเวณสีข้างของน้อย อาการหนักขนาดนี้มันก็ไม่บอกกันสักคำ
“ข้าไม่ได้เป็นอะไร แค่ถูกยิงถากๆ” น้อยกุมแผลที่สีข้างเอาไว้ รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาเหมือนกัน แต่ในเมื่อยังยืนไหว ก็คิดว่าคงไม่ได้ร้ายแรงอะไรมากมาย
“งั้นรีบไปทำแผลก่อนเถอะว่ะ” ธันแนะ
***********************
งานเลี้ยงช่วงหัวค่ำที่ว่าก็ต้องเลื่อนออกไปก่อน ท่ามกลางความไม่พอใจของบรรดาผองเพื่อนของเจ้าของไร่ที่เตรียมจะสนุกกันเต็มที่ แต่ กฤติเดชไม่มีอารมณ์จะทำอะไรทั้งนั้น ในเมื่อเพชราวสียังนอนเจ็บอยู่แบบนี้ และเขาก็ตั้งใจที่จะจัดงานนี้ขึ้นเพื่อเพชราวสีโดยเฉพาะ แล้วเขาจะจัดต่อได้อย่างไร
หมอทำแผลที่มุมปากที่ถูกตบจนช้ำ และตรวจร่างกายเพชราวสีแล้วไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่ผ่านไปจนหลายชั่วโมงแล้วเพชราวสีก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นขึ้นมาเลย สุภาวดีและกฤติเดชอดไม่ได้ที่จะเป็นกังวล แต่หมอก็ให้คำมั่น ว่าไม่เกินพรุ่งนี้ เธอจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเอง
สุภาวดีเห็นสภาพของเพชราวสีก็ระทมหนัก ไม่รู้ว่าเพื่อนเธอไปเอาบาดแผลพวกนี้มาจากที่ไหน และเมื่อครู่นี้ธันก็เข้ามาบอกว่าน้อยเองก็ถูกยิงได้รับบาดเจ็บเช่นเดียวกัน กฤติเดชและสุภาวดีจึงต้องหันกลับมาคิดทบทวนใหม่ รู้สึกได้ว่าเรื่องนี้มีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากล ทั้งสองรู้ดีว่าเพชราวสีไม่ใช่ผู้หญิงไม่ดี แบบที่ชาติชายและปรีชาพยายามกล่าวหา และเธอก็รักนวลสงวนตัวมาก ไม่มีวันทำเรื่องไม่ดีแบบนั้นแน่นอน
กลางดึกคืนนั้น น้อยกำลังนอนอยู่ เตียงข้างๆ กันมีธันนอนกรนเสียงดัง จนเขานอนไม่หลับ อีกใจก็วิตกกังวลจนอยู่ไม่สุข อยากรู้ความเป็นไปของเพชราวสีใจจะขาด ข่าวล่าสุดที่เขารู้มาตั้งแต่เกิดเรื่องจนถึงตอนนี้คือเธอยังไม่ฟื้นเลย
น้อยไม่อาจทนรอได้อีกต่อไป ตัดสินใจลุกออกมาจากห้อง สาวเท้ายาวๆ ไปตามเสียงใจเรียกร้องจนมาถึงหน้าห้องนอนของเพชราวสี
น้อยพบว่าประตูห้องปิดเงียบ แต่ถึงกระนั้นก็พอนึกออกว่าภายในห้องนอกจากเพชราวสีที่ยังคงนอนหลับอยู่บนเตียง ก็คงมีสุภาวดีอีกคนนอนเฝ้าเพื่อนรักอยู่ไม่ห่าง แม้เขาจะไม่ได้เห็นหน้าเพชราวสี แต่แค่ได้มายืนอยู่ใกล้ๆ ก็สบายใจขึ้นเป็นกอง และหวังว่าพรุ่งนี้เช้า เธอจะลุกขึ้นมายิ้มหวานให้ดอกไม้ทั้งไร่นี้ได้เขินอายอีกครั้ง
วันรุ่งขึ้น อรอนงค์และไพลิน ต่างก็คะยั้นคะยอให้กฤติเดชพาไปเที่ยวน้ำตกแสงรุ้งตามที่เขาได้ให้สัญญาเอาไว้ตั้งแต่มาถึง กฤติเดชจึงต้องไปตามสัญญา สุภาวดีเห็นแล้วเคืองไม่น้อย ถ้าไม่ติดว่าจะต้องเฝ้าเพื่อนรักที่นอนหลับไม่ได้สติ เธอก็จะตามไปเป็นตัวป่วน ไม่ให้ทั้งอรอนงค์และไพลินได้สุขสมหวังกับกฤติเดชง่ายๆ อย่างที่พวกหล่อนปรารถนา แต่เอาจริงระหว่างเพื่อนกับผู้ชาย ยังไงเธอก็เลือกเพื่อนดีกว่า เพราะถ้ากฤติเดชไม่แยแสเธอเลย สุดท้ายก็ยังมีเพชราวสีนี่แหละที่พร้อมจะขึ้นคานไปด้วยกัน
ข้ามเที่ยงวันจนถึงบ่ายแก่ๆ ทั้งสามกลับมาจากน้ำตก แต่เพชราวสีก็ยังไม่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเลย สุภาวดีกังวลเอามากๆ เธอกลัวเพื่อนรักจะเป็นอะไรไป ร้องห่มร้องไห้ออกมาไม่หยุดหย่อน จนกฤติเดชต้องเข้าไปปลอบ...ระหว่างนั้นเอง เสียงแหบพร่าแต่แผ่วเบาเหลือเกิน เรียกชื่อใครบางคนดังขึ้นมาคล้ายละเมอ
“น้อย...”
“ท่านหญิงฟื้นแล้ว” กฤติเดชร้องดีใจลั่นห้อง
ลงให้อ่านทุกวันอังคาร พฤหัส และเสาร์เช่นเคยนะคะ
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 มิ.ย. 2565, 19:10:47 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 มิ.ย. 2565, 19:10:47 น.
จำนวนการเข้าชม : 291
<< บทที่ 20 เสียงปืนกลางป่า (100%) | บทที่ 21 ใจปั่นป่วน (100%) >> |