หนามร้ายในใจรัก (Yuri)
Tags: นิยายยูริ, รัก, เพื่อนสนิท, แอบรัก
ตอน: คนเบื้องหลัง
บรรยากาศตอนตื่นนอนกับคนที่นอนอยู่ข้างกาย เหมือนฝันที่วาดไว้ว่าได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ตลอดไป
"ตื่นแล้วเหรอ" สกาวใจกะพริบตาปริบๆ แล้วลุกขึ้นนั่งส่ายหน้าเบาๆ ทำไมรู้สึกยังไม่หายง่วง
"อืม ตื่นก่อนได้นอนมองหน้าคนนอนหลับน้ำลายยืด"
"ไม่จริงสักหน่อย" คนถูกแซวรีบเช็ดปากแม้จะไม่ได้เป็นอย่างที่ได้ยินก็ตาม
"ลงไปหาอะไรกินกันไหม" ตั้งแต่เมื่อคืนยังไม่ได้ทานอาหารอร่อยให้เต็มที่ มีแต่เมนูลอยเข้ามาและคิดว่าแถวนี้น่าจะมีร้านอร่อยถูกปากแน่นอน
"ไปสิ กินโจ๊กไหม มีโจ๊กไก่อร่อยๆ ด้วยนะ พวกพี่ๆ ในแผนกชอบซื้อมากินกัน" จำได้ว่าแถวนี้มีร้านประจำของพวกพี่และเพื่อนร่วมงาน พอนึกได้ก็อยากชวนลงไปทานด้วยกัน
"อืม ก็ดีนะ" นัทนันท์ลุกนั่งแล้วพยักหน้า พอคิดว่าทานโจ๊กตอนเช้าก็น่าจะดีกว่าทานอาหารย่อยยาก แต่ก่อนจะลงไปนั้นก็ควรเปลี่ยนเสื้อผ้าให้มิดชิดเสียหน่อย
"เดี๋ยวก่อน นัดเปลี่ยนชุดก่อน แตงก็ต้องเปลี่ยนนะ"
สกาวใจพยักหน้ารัวๆ และเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า สังเกตเห็นกระเป๋าใบโตเก็บอยู่ในตู้แต่ไม่กล้าถามว่ามันคืออะไร จึงได้แต่เลือกเสื้อผ้ากับทำธุระส่วนตัวให้เสร็จก่อนออกไปพร้อมกัน
ร้านโจ๊กที่ว่าเดินไปไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้วนั้น กว่าจะได้ที่นั่งต้องรอหลายนาที
"เดี๋ยวก็มาแล้ว" ตื่นเต้นกับการรอคอย นานมากแล้วจริงๆ ที่ไม่ได้มานั่งทานอาหารแบบสบายใจที่ร้านแบบนี้
เมื่อโจ๊กร้อนๆ อยู่ตรงหน้าคนทั้งสอง จึงได้เวลาลงมือทาน หลังจากผ่านเหตุการณ์เมื่อคืนไปแล้วนั้น พอได้ทานอาหารอร่อยจึงทำให้ลืมทุกอย่างไปเสียหมด นัทนันท์ยิ้มน้อยๆ ขาเรียวยาวใต้โต๊ะได้เผลอไปโดนสกาวใจอย่างลืมตัว
"คือ...แฮ่ม...อร่อยไหม" คนโดนสัมผัสเริ่มหน้าแดงระเรื่อ จนเกือบจะทำช้อนในมือร่วง
ผ่านไปสักพัก เสียงของโทรทัศน์ในร้านดังขึ้น เป็นข่าวที่ทุกคนให้ความสนใจจนเจ้าของร้านต้องเปิดเสียงให้ดัง ข่าวการตายของนายชวกร
"คนเราก็ทำกันได้เนอะ"
"ไม่อยากจะเชื่อ รักกันแบบไหนกันแน่"
เสียงพูดคุยเริ่มมีหลายโต๊ะจนทั้งสองต้องหันไปมอง และได้ยินผู้ประกาศข่าวกำลังอ่านสาเหตุการตายของผู้ที่ตกเป็นประเด็นร้อนในเช้าวันนี้
"นะ...นัด" สกาวใจมองหน้านัทนันท์ด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด เหตุการณ์ที่เธอตีหัวเขาอย่างแรงนั้น จะเป็นสาเหตุหลักให้เขาต้องจบชีวิตลงใช่หรือไม่
"แตง อย่าเพิ่งคิดอะไร ฟังดีๆ" นัทนันท์จับมือสกาวใจไว้ ถ้าเธอได้ยินไม่ผิด นายชวกรเสียชีวิตด้วยมีดทำอาหาร และคนร้ายที่ก่อเหตุได้มอบตัวรับสารภาพเรียบร้อยแล้ว
"พวกเราไปกันเถอะ" สกาวใจหันมองบรรยากาศรอบๆ แม้ว่านัทนันท์จะไม่ใช่จุดสนใจในตอนนี้ ถึงอย่างนั้นก็ควรออกจากที่นี่โดยเร็ว ความรู้สึกบอกเช่นนั้น
นัทนันท์ใส่หมวกและแว่นตาก่อนที่จะเรียกพนักงานมาเก็บเงิน อาหารเช้าวันนี้คงไม่อาจทานได้ลง ปัญหาเกิดขึ้นจำเป็นต้องเผชิญหน้ากับหลายอย่างที่กำลังตามเข้ามา
ทั้งสองเดินกลับห้องโดยที่ไม่มีใครพูดหรือเอ่ยสิ่งใดออกมาก่อน ทั้งคู่ควานหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋า เพราะคิดว่าต้องมีใครสักคนโทรหาอย่างแน่นอน
"นัด" สกาวใจเห็นทั้งข้อความและจำนวนตัวเลขการโทรเข้าของลิลลี่มีจำนวนมาก เธอจึงหันไปมองหน้านัทนันท์ที่กำลังมองโทรศัพท์มือถือของตัวเองเหมือนกัน
หนึ่งในจำนวนข้อความที่ลิลลี่ส่งมาให้สกาวใจอ่านคือลิงก์แหล่งข่าวและคอมเมนต์มากมายในโซเชียล คงไม่ต่างกันกับข้อมูลที่ถูกส่งเข้ามาบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือของนัทนันท์ และเหล่าผู้คนที่รู้จักโทรเข้าเครื่องจำนวนมาก หนึ่งในนั้นมีสายของเท็นโด้
"อืม" นัทนันท์สะดุ้งเล็กน้อยกับเบอร์ที่จู่ๆ ก็โทรเข้ามาให้เธอรับ
"เข้าใจแล้วพี่เท็น นัดจะรีบกลับ"
เมื่อวางสายสำคัญกับคำสั่งที่รับมา เธอได้หันไปมองสกาวใจอีกครั้ง
"ไปส่งที" สกาวใจยิ้มเจือน ๆ ถึงแม้ว่าไม่อยากออกไปไหนและอยู่เพื่อรับรู้ปัญหา แต่ดูท่าทางของนัทนันท์แล้ว สิ่งที่ต้องรับรู้คงมีมากจนเธออาจจะสร้างความหนักใจให้ได้
"ไม่ต้องห่วงนะ นัดจะจัดการปัญหาให้เรียบร้อย จะไม่มีอะไรมากวนแตงได้เลย"
สกาวใจไม่พูดอะไรต่อ ได้แต่พยักหน้าเล็กน้อย ถึงจะได้ยินแบบนั้นก็ตาม ความกังวลใจก็ยังไม่หายไปอยู่ดี
รถของนัทนันท์มาจอดที่หน้าที่พักของสกาวใจ ผู้คนไม่พลุกพล่านจึงง่ายต่อการมองสกาวใจเดินกลับขึ้นไป
"มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่" เธอกดหาข้อมูลทุกอย่างที่เป็นไปได้และปรากฏบนโลกออนไลน์ ไม่มีข่าวไหนระบุถึงการปรากฏตัวของเธอเลยสักนิด
ชายหนุ่มหน้าคุ้นที่ตกเป็นฆาตกรยิ่งทำให้เธอสงสัย บวกกับข้อความปริศนาในโทรศัพท์ของสกาวใจ เหมือนกับรู้ว่าวันนั้นจะเกิดอะไรขึ้น และคนที่จะช่วยตอบความสงสัยในครั้งนี้ได้ก็คงเป็นเท็นโด้ที่บอกให้เธอรีบกลับบ้าน
ในจังหวัดมือกำลังจะหมุนพวงมาลัยเลี้ยวรถนั้น คุณแม่ได้โทรเข้าเครื่องพอดี
"ค่ะ หนูกำลังรีบกลับ" รีบบอกก่อนที่จะพูดอะไร แต่ทว่ากลับต้องตกใจสิ่งที่ได้ยิน
"ว่ายังไงนะคะ คุณพ่อ..." สิ่งที่เธอได้ยินไม่ผิดแน่นอนแม้จะปนเสียงสะอื้นก็ตาม ตอนนี้คุณพ่อของเธอกำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล
"หนูจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ"
รีบวางสายและขับออกจากที่นี่เพื่อไปหาคนป่วยอาการทรุดจากโรคหัวใจที่ถูกปิดบังเอาไว้ไม่ให้เธอรับรู้ อย่างน้อยน่าจะบอกกันบ้างว่าป่วยอยู่ ทำไมต้องปิดบังลูกสาวคนนี้ด้วย
ณ.หน้าห้องผู้ป่วยในโรงพยาบาล
เวลาเดินทางกลับได้ใช้มากพอสมควร จึงไม่กล้าเข้าไปข้างใน ได้แต่ยืนรอยู่หน้าประตูจนกระทั่งเท็นโด้เดินเข้ามาใกล้
"ไม่เข้าไปหรือครับ"
"ยังไม่อยากเข้าไปเลย"
"ไปหาที่นั่งคุยกันไหมครับ ผมมีบางอย่างจะบอก" เขารู้ว่าเรื่องที่เข้ามามันอาจจะหนักเกินไป แต่ถ้าไม่อธิบายทุกอย่างที่เขารู้คงไม่อาจจะย้อนเวลากลับไปได้
"อืม บนดาดฟ้าแล้วกัน"
ทั้งสองขึ้นมาอยู่ข้างบนอย่างที่ตั้งใจไว้ และเป็นเวลาเหมาะที่ไม่มีใครอยู่ตรงนี้
"นี่ครับ"
"อะไร...เอ๊ะ คนนี้" คนที่ฆ่านายชวกรตามข่าวที่เธอได้ยิน
"ครับ เขาชื่อ พีเจ เป็นเลขาของคุณชวกร" แม้ว่าคนคนนี้จะรับสารภาพทุกอย่างจนหมด และตำรวจก็ไม่สงสัยหรือสืบต่อเพราะทางฝั่งของนายชวกรไม่ต้องการเช่นนั้น
"เขาทำไปทำไม" ในตอนแรกไม่คิดว่าทั้งสองคนจะเป็นคนรักกัน แอบตกใจที่ได้ยินแบบนั้น ถึงจะรักกันจริงก็ไม่น่าถึงขนาดปลิดชีวิตอีกฝ่าย
"คงเป็นเพราะรักมั้งครับ"
"แบบนั้นเหรอ" คงไม่อาจเข้าใจความรักของพวกเขาได้ เพราะลำพังเรื่องของเธอเองก็ยังมีแต่จุดที่ไม่ลงตัว จากจะหย่ากลับกลายเป็นหม้ายเสียอย่างนั้น
"แล้วเรื่องที่จะบอกมีเพียงเท่านี้ใช่ไหม" เธอมองหน้าเขา อย่างเท็นโด้คงไม่ได้มาแค่บอกเรื่องที่เธอหาอ่านจากอินเทอร์เน็ตได้อย่างเดียวแน่
"ไม่ครับ จริงๆ แล้ว ที่คุณผู้ชายอาการทรุด มาจากท่านทราบเรื่องที่คุณชวกรทำกับคุณหนูครับ เขาให้คนตามและส่งข่าวตลอด"
"แล้ว...เพื่อน...ไม่สิ แตงจะเดือดร้อนไหม"
"ไม่ครับ เพราะไม่มีหลักฐานอะไรที่บ่งบอกว่าทั้งคุณหนูและเธอคนนั้นอยู่ในห้อง"
นัทนันท์แทบกลั้นหายใจกับความกังวลที่จะทำให้สกาวใจเดือดร้อน ในเมื่อไม่มีอะไรต้องกังวลแล้วทำไมทุกอย่างถึงดูง่ายไปเสียหมด
"คุณผู้ชายครับ ทั้งคุณผู้ชายและทางฝั่งของคุณชวกรแก้ปัญหาทุกอย่างให้ครับ และทางฝั่งนั้นก็ขอโทษกับสิ่งที่ทายาทของพวกเขาทำกับคุณหนู" ถ้าถูกสืบสวนไปมากกว่านี้และสื่อออกข่าวในเรื่องเสื่อมเสีย มันจะกระทบทุกอย่างแล้วที่สำคัญ คนผิดจริงๆ ได้สารภาพทุกอย่างจนหมดโดยไม่มีพวกเธอมาเกี่ยวข้อง
"อย่างนั้นเหรอ" เธอนิ่งไปสักพักแล้วตัดสินใจเดินกลับลงไปหาผู้เป็นบิดา ในเวลาแบบนี้ เธอควรทำหน้าที่มากกว่าคิดอย่างอื่น
เท็นโด้มองลูกสาวของเจ้านาย เขาโล่งใจกับสิ่งที่บอกไป ความเป็นห่วงที่ไม่แสดงออกของผู้เป็นพ่อ แม้กระทั่งยอมทิ้งผลประโยชน์ทางธุรกิจเมื่อรู้สิ่งต่างๆ ที่ทางนั้นทำกับลูกสาวของเขา แม้จะสายไปเสียหน่อยแต่ก็ยังไม่ถึงกับตัดสัมพันธ์กันไปเลยทีเดียว
"แค่นี้ก็ดีแล้วล่ะนะ" เขายิ้มน้อยๆ และหันไปมองท้องฟ้า ลมอ่อนๆ กำลังพัดผ่านกระทบกับผิวหน้า เหมือนกับส่งกำลังใจให้เขารู้สึกดีขึ้น
"ตื่นแล้วเหรอ" สกาวใจกะพริบตาปริบๆ แล้วลุกขึ้นนั่งส่ายหน้าเบาๆ ทำไมรู้สึกยังไม่หายง่วง
"อืม ตื่นก่อนได้นอนมองหน้าคนนอนหลับน้ำลายยืด"
"ไม่จริงสักหน่อย" คนถูกแซวรีบเช็ดปากแม้จะไม่ได้เป็นอย่างที่ได้ยินก็ตาม
"ลงไปหาอะไรกินกันไหม" ตั้งแต่เมื่อคืนยังไม่ได้ทานอาหารอร่อยให้เต็มที่ มีแต่เมนูลอยเข้ามาและคิดว่าแถวนี้น่าจะมีร้านอร่อยถูกปากแน่นอน
"ไปสิ กินโจ๊กไหม มีโจ๊กไก่อร่อยๆ ด้วยนะ พวกพี่ๆ ในแผนกชอบซื้อมากินกัน" จำได้ว่าแถวนี้มีร้านประจำของพวกพี่และเพื่อนร่วมงาน พอนึกได้ก็อยากชวนลงไปทานด้วยกัน
"อืม ก็ดีนะ" นัทนันท์ลุกนั่งแล้วพยักหน้า พอคิดว่าทานโจ๊กตอนเช้าก็น่าจะดีกว่าทานอาหารย่อยยาก แต่ก่อนจะลงไปนั้นก็ควรเปลี่ยนเสื้อผ้าให้มิดชิดเสียหน่อย
"เดี๋ยวก่อน นัดเปลี่ยนชุดก่อน แตงก็ต้องเปลี่ยนนะ"
สกาวใจพยักหน้ารัวๆ และเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า สังเกตเห็นกระเป๋าใบโตเก็บอยู่ในตู้แต่ไม่กล้าถามว่ามันคืออะไร จึงได้แต่เลือกเสื้อผ้ากับทำธุระส่วนตัวให้เสร็จก่อนออกไปพร้อมกัน
ร้านโจ๊กที่ว่าเดินไปไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้วนั้น กว่าจะได้ที่นั่งต้องรอหลายนาที
"เดี๋ยวก็มาแล้ว" ตื่นเต้นกับการรอคอย นานมากแล้วจริงๆ ที่ไม่ได้มานั่งทานอาหารแบบสบายใจที่ร้านแบบนี้
เมื่อโจ๊กร้อนๆ อยู่ตรงหน้าคนทั้งสอง จึงได้เวลาลงมือทาน หลังจากผ่านเหตุการณ์เมื่อคืนไปแล้วนั้น พอได้ทานอาหารอร่อยจึงทำให้ลืมทุกอย่างไปเสียหมด นัทนันท์ยิ้มน้อยๆ ขาเรียวยาวใต้โต๊ะได้เผลอไปโดนสกาวใจอย่างลืมตัว
"คือ...แฮ่ม...อร่อยไหม" คนโดนสัมผัสเริ่มหน้าแดงระเรื่อ จนเกือบจะทำช้อนในมือร่วง
ผ่านไปสักพัก เสียงของโทรทัศน์ในร้านดังขึ้น เป็นข่าวที่ทุกคนให้ความสนใจจนเจ้าของร้านต้องเปิดเสียงให้ดัง ข่าวการตายของนายชวกร
"คนเราก็ทำกันได้เนอะ"
"ไม่อยากจะเชื่อ รักกันแบบไหนกันแน่"
เสียงพูดคุยเริ่มมีหลายโต๊ะจนทั้งสองต้องหันไปมอง และได้ยินผู้ประกาศข่าวกำลังอ่านสาเหตุการตายของผู้ที่ตกเป็นประเด็นร้อนในเช้าวันนี้
"นะ...นัด" สกาวใจมองหน้านัทนันท์ด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด เหตุการณ์ที่เธอตีหัวเขาอย่างแรงนั้น จะเป็นสาเหตุหลักให้เขาต้องจบชีวิตลงใช่หรือไม่
"แตง อย่าเพิ่งคิดอะไร ฟังดีๆ" นัทนันท์จับมือสกาวใจไว้ ถ้าเธอได้ยินไม่ผิด นายชวกรเสียชีวิตด้วยมีดทำอาหาร และคนร้ายที่ก่อเหตุได้มอบตัวรับสารภาพเรียบร้อยแล้ว
"พวกเราไปกันเถอะ" สกาวใจหันมองบรรยากาศรอบๆ แม้ว่านัทนันท์จะไม่ใช่จุดสนใจในตอนนี้ ถึงอย่างนั้นก็ควรออกจากที่นี่โดยเร็ว ความรู้สึกบอกเช่นนั้น
นัทนันท์ใส่หมวกและแว่นตาก่อนที่จะเรียกพนักงานมาเก็บเงิน อาหารเช้าวันนี้คงไม่อาจทานได้ลง ปัญหาเกิดขึ้นจำเป็นต้องเผชิญหน้ากับหลายอย่างที่กำลังตามเข้ามา
ทั้งสองเดินกลับห้องโดยที่ไม่มีใครพูดหรือเอ่ยสิ่งใดออกมาก่อน ทั้งคู่ควานหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋า เพราะคิดว่าต้องมีใครสักคนโทรหาอย่างแน่นอน
"นัด" สกาวใจเห็นทั้งข้อความและจำนวนตัวเลขการโทรเข้าของลิลลี่มีจำนวนมาก เธอจึงหันไปมองหน้านัทนันท์ที่กำลังมองโทรศัพท์มือถือของตัวเองเหมือนกัน
หนึ่งในจำนวนข้อความที่ลิลลี่ส่งมาให้สกาวใจอ่านคือลิงก์แหล่งข่าวและคอมเมนต์มากมายในโซเชียล คงไม่ต่างกันกับข้อมูลที่ถูกส่งเข้ามาบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือของนัทนันท์ และเหล่าผู้คนที่รู้จักโทรเข้าเครื่องจำนวนมาก หนึ่งในนั้นมีสายของเท็นโด้
"อืม" นัทนันท์สะดุ้งเล็กน้อยกับเบอร์ที่จู่ๆ ก็โทรเข้ามาให้เธอรับ
"เข้าใจแล้วพี่เท็น นัดจะรีบกลับ"
เมื่อวางสายสำคัญกับคำสั่งที่รับมา เธอได้หันไปมองสกาวใจอีกครั้ง
"ไปส่งที" สกาวใจยิ้มเจือน ๆ ถึงแม้ว่าไม่อยากออกไปไหนและอยู่เพื่อรับรู้ปัญหา แต่ดูท่าทางของนัทนันท์แล้ว สิ่งที่ต้องรับรู้คงมีมากจนเธออาจจะสร้างความหนักใจให้ได้
"ไม่ต้องห่วงนะ นัดจะจัดการปัญหาให้เรียบร้อย จะไม่มีอะไรมากวนแตงได้เลย"
สกาวใจไม่พูดอะไรต่อ ได้แต่พยักหน้าเล็กน้อย ถึงจะได้ยินแบบนั้นก็ตาม ความกังวลใจก็ยังไม่หายไปอยู่ดี
รถของนัทนันท์มาจอดที่หน้าที่พักของสกาวใจ ผู้คนไม่พลุกพล่านจึงง่ายต่อการมองสกาวใจเดินกลับขึ้นไป
"มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่" เธอกดหาข้อมูลทุกอย่างที่เป็นไปได้และปรากฏบนโลกออนไลน์ ไม่มีข่าวไหนระบุถึงการปรากฏตัวของเธอเลยสักนิด
ชายหนุ่มหน้าคุ้นที่ตกเป็นฆาตกรยิ่งทำให้เธอสงสัย บวกกับข้อความปริศนาในโทรศัพท์ของสกาวใจ เหมือนกับรู้ว่าวันนั้นจะเกิดอะไรขึ้น และคนที่จะช่วยตอบความสงสัยในครั้งนี้ได้ก็คงเป็นเท็นโด้ที่บอกให้เธอรีบกลับบ้าน
ในจังหวัดมือกำลังจะหมุนพวงมาลัยเลี้ยวรถนั้น คุณแม่ได้โทรเข้าเครื่องพอดี
"ค่ะ หนูกำลังรีบกลับ" รีบบอกก่อนที่จะพูดอะไร แต่ทว่ากลับต้องตกใจสิ่งที่ได้ยิน
"ว่ายังไงนะคะ คุณพ่อ..." สิ่งที่เธอได้ยินไม่ผิดแน่นอนแม้จะปนเสียงสะอื้นก็ตาม ตอนนี้คุณพ่อของเธอกำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล
"หนูจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ"
รีบวางสายและขับออกจากที่นี่เพื่อไปหาคนป่วยอาการทรุดจากโรคหัวใจที่ถูกปิดบังเอาไว้ไม่ให้เธอรับรู้ อย่างน้อยน่าจะบอกกันบ้างว่าป่วยอยู่ ทำไมต้องปิดบังลูกสาวคนนี้ด้วย
ณ.หน้าห้องผู้ป่วยในโรงพยาบาล
เวลาเดินทางกลับได้ใช้มากพอสมควร จึงไม่กล้าเข้าไปข้างใน ได้แต่ยืนรอยู่หน้าประตูจนกระทั่งเท็นโด้เดินเข้ามาใกล้
"ไม่เข้าไปหรือครับ"
"ยังไม่อยากเข้าไปเลย"
"ไปหาที่นั่งคุยกันไหมครับ ผมมีบางอย่างจะบอก" เขารู้ว่าเรื่องที่เข้ามามันอาจจะหนักเกินไป แต่ถ้าไม่อธิบายทุกอย่างที่เขารู้คงไม่อาจจะย้อนเวลากลับไปได้
"อืม บนดาดฟ้าแล้วกัน"
ทั้งสองขึ้นมาอยู่ข้างบนอย่างที่ตั้งใจไว้ และเป็นเวลาเหมาะที่ไม่มีใครอยู่ตรงนี้
"นี่ครับ"
"อะไร...เอ๊ะ คนนี้" คนที่ฆ่านายชวกรตามข่าวที่เธอได้ยิน
"ครับ เขาชื่อ พีเจ เป็นเลขาของคุณชวกร" แม้ว่าคนคนนี้จะรับสารภาพทุกอย่างจนหมด และตำรวจก็ไม่สงสัยหรือสืบต่อเพราะทางฝั่งของนายชวกรไม่ต้องการเช่นนั้น
"เขาทำไปทำไม" ในตอนแรกไม่คิดว่าทั้งสองคนจะเป็นคนรักกัน แอบตกใจที่ได้ยินแบบนั้น ถึงจะรักกันจริงก็ไม่น่าถึงขนาดปลิดชีวิตอีกฝ่าย
"คงเป็นเพราะรักมั้งครับ"
"แบบนั้นเหรอ" คงไม่อาจเข้าใจความรักของพวกเขาได้ เพราะลำพังเรื่องของเธอเองก็ยังมีแต่จุดที่ไม่ลงตัว จากจะหย่ากลับกลายเป็นหม้ายเสียอย่างนั้น
"แล้วเรื่องที่จะบอกมีเพียงเท่านี้ใช่ไหม" เธอมองหน้าเขา อย่างเท็นโด้คงไม่ได้มาแค่บอกเรื่องที่เธอหาอ่านจากอินเทอร์เน็ตได้อย่างเดียวแน่
"ไม่ครับ จริงๆ แล้ว ที่คุณผู้ชายอาการทรุด มาจากท่านทราบเรื่องที่คุณชวกรทำกับคุณหนูครับ เขาให้คนตามและส่งข่าวตลอด"
"แล้ว...เพื่อน...ไม่สิ แตงจะเดือดร้อนไหม"
"ไม่ครับ เพราะไม่มีหลักฐานอะไรที่บ่งบอกว่าทั้งคุณหนูและเธอคนนั้นอยู่ในห้อง"
นัทนันท์แทบกลั้นหายใจกับความกังวลที่จะทำให้สกาวใจเดือดร้อน ในเมื่อไม่มีอะไรต้องกังวลแล้วทำไมทุกอย่างถึงดูง่ายไปเสียหมด
"คุณผู้ชายครับ ทั้งคุณผู้ชายและทางฝั่งของคุณชวกรแก้ปัญหาทุกอย่างให้ครับ และทางฝั่งนั้นก็ขอโทษกับสิ่งที่ทายาทของพวกเขาทำกับคุณหนู" ถ้าถูกสืบสวนไปมากกว่านี้และสื่อออกข่าวในเรื่องเสื่อมเสีย มันจะกระทบทุกอย่างแล้วที่สำคัญ คนผิดจริงๆ ได้สารภาพทุกอย่างจนหมดโดยไม่มีพวกเธอมาเกี่ยวข้อง
"อย่างนั้นเหรอ" เธอนิ่งไปสักพักแล้วตัดสินใจเดินกลับลงไปหาผู้เป็นบิดา ในเวลาแบบนี้ เธอควรทำหน้าที่มากกว่าคิดอย่างอื่น
เท็นโด้มองลูกสาวของเจ้านาย เขาโล่งใจกับสิ่งที่บอกไป ความเป็นห่วงที่ไม่แสดงออกของผู้เป็นพ่อ แม้กระทั่งยอมทิ้งผลประโยชน์ทางธุรกิจเมื่อรู้สิ่งต่างๆ ที่ทางนั้นทำกับลูกสาวของเขา แม้จะสายไปเสียหน่อยแต่ก็ยังไม่ถึงกับตัดสัมพันธ์กันไปเลยทีเดียว
"แค่นี้ก็ดีแล้วล่ะนะ" เขายิ้มน้อยๆ และหันไปมองท้องฟ้า ลมอ่อนๆ กำลังพัดผ่านกระทบกับผิวหน้า เหมือนกับส่งกำลังใจให้เขารู้สึกดีขึ้น

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 มิ.ย. 2566, 08:44:45 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 มิ.ย. 2566, 08:44:55 น.
จำนวนการเข้าชม : 49
<< มาได้ไง | แค่ให้เวลารักษา >> |