เศษหนึ่งส่วนสองยกกำลังศูนย์

เป็นเรื่องราวของคนหน้าตาไม่เข้าตา ไม่เป็นที่นิยม
ไม่ฮิต ไม่ฮอตของคนสองคน...
ที่ไม่สมบูรณ์แบบ มีตำหนิ...ภาพประวัติไม่สวยงาม...
แต่นิสัยที่ซ่อนไว้ค่อนข้างสวยสดงดงาม...
แฝงไว้ด้วยเสน่ห์แห่งการมีชีวิต...การสร้างครอบครัว


เศษหนึ่งส่วนสอง หรือ ครึ่งหนึ่งของชีวิตหนึ่ง
มาพบกับ อีกครึ่งหนึ่งของอีกชีวิตหนึ่ง
แล้วยกกำลังด้วยศูนย์...

เลขศูนย์ที่ดูไร้ค่า ไร้ความหมาย แค่เลขกลมๆเลขนึง

หากมันได้ทำให้ เศษหนึ่งส่วนสองยกกำลังศูนย์
มีค่าเท่ากับ หนึ่งได้!

สมการทางคณิตศาสตร์ที่น่าพิศวงนี้
นำมาสู่สมการของความรักของทั้งสอง...

ทั้งคู่ที่ชีวิตไม่สมบูรณ์แบบและมีตำหนิ
จะหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวได้อย่างไร...

เรื่องนี้มีคำตอบ!!!


Tags: ดราม่า ขุนพล ไนค์ บิลกีส

ตอน: บทที่ 19 เจ้าของเธอคือฉัน

การนัดกินข้าวเพื่อดูตัวดำเนินไปอย่างราบรื่น โดยที่ฝ่ายชายรู้สึกพึงพอใจในตัวของฝ่ายหญิง
เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะในความสวยงามทั้งรูปร่างหน้าตา การแต่งกาย ทุกอย่างถูกใจฝ่ายชาย
เป็นอย่างมาก แม้แต่วาจาที่อ่อนหวาน ไพเราะ นุ่มนวล โดยเฉพาะรอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้า
อย่างสม่ำเสมอนั่นทำให้หัวใจคนมองถูกดึงดูดด้วยพลังงานอำนาจที่มองไม่เห็น ความสดใส
แววตาที่ทอประกายไปด้วยความสุขจากภายในที่เปล่งออกสู่ภายนอกผ่านดวงตานั่นอีกเล่า
ยากจะถอดถอนหัวใจออกห่างได้เลย เหมือนเธอเกิดมาเพื่อเป็นที่รักของคนรอบข้างก็มิปาน
ทำไมหนอ ในอดีตกาลก่อน เธอจึงทำตัวร้ายกาจแสบสันจนวงการสื่อถึงกับขยาด
ผิดกับดุจมณีในยามนี้เหลือเกิน

"นี่ครับ พี่เตรียมมาให้น้องไอซ์" ชายหนุ่มยื่นกล่องของขวัญให้หญิงสาวที่นั่งตรงกลางระหว่าง
พี่ชายกับพี่สะใภ้

"ขอบคุณค่ะ"

"แกะดูสิครับว่าชอบมั้ย" ดุจมณียิ้มดีใจ

"แกะได้เลยหรือคะ" แววตาหญิงสาวดูตื่นเต้นอย่างเปิดเผย

"ได้สิครับ" เท่านั้นแหละ หญิงสาวก็ค่อยๆ แกะกล่องของขวัญอย่างใจเย็น
ก่อนจะยิ้มกว้างทีเดียวเมื่อเห็นว่าอะไรอยู่ในกล่องนั้น

"สวยจังเลยค่ะ นี่เค้กจริงๆ หรือคะ ทำไมไม่เห็นมันเลอะเลยละคะ ไอซ์แกะไม่ระวังเลยค่ะเมื่อกี้"
คนให้ถึงกับยิ้มด้วยความเอ็นดูในคำถามนั้น

"มันเป็นเค้กจำลองครับ เอาไว้น้องไอซ์ค่อยนำไปวางไว้หน้าร้านเค้กของน้องไอซ์ไงครับ"
แววตาหญิงสาวทอประกายแห่งความดีใจอย่างไม่คิดปกปิด หันไปมองคนให้ด้วยแววตาที่
แทนคำพูดนับล้านคำ

"ขอบคุณมากๆ นะคะ มันสวยมาก เหมือนจริงมากๆ และก็ มันก็เป็นกำลังใจให้ไอซ์
มีแรงสู้เพื่อจะไปให้ถึงเป้าหมายค่ะ" คนฟังถึงกับปลื้มปริ่มกับถ้อยคำที่แสนจริงใจนั้นของหญิงสาว
หันไปทางขุนพล อดไม่ได้ที่จะชื่นชมบุคคลที่ดูแลหญิงสาวคนนี้

"คุณไนค์เก่งมากๆ เลยนะครับที่ดูแลเอาใจใส่น้องสาวได้ขนาดนี้"

"อัลฮัมดุลิลลาห์" ขุนพลยิ้มบาง แล้วหันไปทางภรรยา

"กีสเค้ามีส่วนในการดูแลมากกว่าผมครับ อีกอย่างหมอปองขวัญก็คอยเอาใจใส่
ด้านสุขภาพจิตด้วยอีกแรง" ว่าพลางก็หันไปทางปองขวัญที่มาร่วมกินข้าวด้วยในวันนี้

"ปองอ่ะมาทีหลังค่ะ จริงๆ เป็นความโชคดีของน้องไอซ์ที่ลืมราวต่างๆ ในอดีตค่ะ
การลืมมีข้อดีมากๆ ค่ะ ก็อย่างที่เห็นค่ะ น้องไอซ์จำอะไรไม่ได้ว่าเคยเกิดอะไรขึ้นบ้าง
และก็ไม่ได้กังวลว่าตัวเองต้องจำด้วย ดูจะพอใจที่ตัวเองไม่ต้องจำเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นซะด้วยค่ะ
เพราะปองเคยถามหลายต่อหลายครั้งว่า อยากจำอะไรๆ ได้มั้ย
น้องก็บอกว่า ตอนนี้ก็ดีแล้วค่ะ ไม่จำก็ไม่เป็นไร ไอซ์อยู่ได้ เขาว่าของเขาแบบนี้เลยค่ะ"
ปองขวัญยิ้มด้วยความเอ็นดูคนป่วยในการดูแลของตน ทำให้ดุจมณีถึงกับยิ้มกว้างทีเดียว

"ก็ไอซ์ไม่ซีเรียสจริงๆ นี่คะ ตอนนี้ชีวิตไอซ์ก็ดีสุดๆ แล้วค่ะ มีพี่ไนค์มีพี่กีสที่ดีกับไอซ์
มีพี่ปองและคนอื่นๆ ที่คอยสนับสนุน ถึงไอซ์จะไม่จำอะไรในอดีตเหล่านั้นไปตลอดหลังจากนี้
ไอซ์ก็ไม่เป็นไรแล้วค่ะ คิดว่าอยู่ต่อไปได้ค่ะ อยู่ไปแบบไม่จำเรื่องเหล่านั้น"

ปองขวัญยิ้มบางให้ดุจมณี

"นั่นแหละ น้องจึงมีความสุขได้ง่ายๆ กับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ รอบๆ ตัว
ไม่มีอะไรที่ต้องคิดมาก เพราะว่าลืมไปหมดแล้ว
ได้เริ่มต้นอะไรใหม่ๆ ได้ก้าวไปข้างหน้าโดยไม่มีอดีตใดๆ มาคอยฉุดรั้ง มองคนอื่นๆ
ด้วยสมองที่ไร้ข้อมูลเก่าๆ ในอดีต เลยไร้อคติใดๆ ใครดีด้วยก็ดีด้วย ใครไม่ดีด้วยก็หลีกเลี่ยง
ปองว่า นี่คือ ความโชคดีมากๆ เลยค่ะ"

"พี่เห็นด้วยกับปองนะ พี่ว่าไอซ์เป็นแบบนี้ก็ไม่ได้เสียหายอะไร" ตะวันเอ่ยเสริม

"แต่ไอซ์อยากโตกว่านี้ค่ะ พี่ไนค์บอกว่าไอซ์เหมือนเด็กมัธยมค่ะ" นั่นทำเอาทุกคนในวงกินข้าว
ถึงกับหัวเราะออกมา

"อยากโตเป็นสาวปริญญาตรีหรือครับ" กัชฟีเริ่มรู้สึกสนิทใจกับหญิงสาวตรงหน้าจนกล้าหยอก

"ใช่ค่ะ สาวปริญญาน่ะ แต่ละคนสวยและฉลาด มีความรู้กันทั้งนั้น ในขณะที่ไอซ์
มีสมองที่โล่งๆ ไปค่ะ ต้องหาความรู้ใส่สมองค่ะ"

"ดีเลย พี่เป็นครูสอนศาสนา ถ้าน้องไอซ์ไม่รังเกียจ พี่ยินดีเอาความรู้ในหัวพี่
ใส่ลงไปในหัวน้องไอซ์ครับ" กัชฟีขันอาสาเป็นครูให้หญิงสาวทันที

"ไอซ์ไม่รังเกียจเลยค่ะ อยากสวย ฉลาด มีความรู้แบบพี่ปอง เก่งและชำนาญสารพัดอย่างแบบพี่กีส
และใจดี มีเมตตาแบบพี่ตาม" อดไม่ได้ที่จะหันไปทางตามตะวันที่นั่งยิ้มบางอย่างมีความสุข
ที่ทุกอย่างดูราบรื่นไปได้ด้วยดี ดุจมณีไม่ได้มีท่าทีรังเกียจน้องชายของเพื่อนสนิทเธอเลย
แถมดูทั้งสองจะสนิทกันง่ายกว่าที่คิด ไม่มีอาการกระอักกระอ่วนใดๆ เห็นแบบนี้แล้วมันทั้งโล่งใจ
สบายใจ และมีความสุขเหลือเกิน

"แล้วไอซ์จะเอาเค้กนี้ไปวางไว้หน้าบ้านนะคะ ไว้พอมีร้านแล้วค่อยย้ายไปไว้หน้าร้านเลยค่ะ
สวยขนาดนี้ ลูกค้าต้องหันมามองแล้วเดินจากไปไม่ได้แน่นอนค่ะ ต้องเข้าร้านไอซ์ชัวร์ๆ อิอิ"
พูดไปก็ยิ้มสดใสจนคนมองได้แต่มองเพลินไม่รู้เบื่อ บรรยากาศจึงดูสบายๆ ผ่อนคลาย


เมื่อต่างก็แยกย้ายกันไปแล้ว ดุจมณีที่นึกขึ้นได้ว่า ลืมซื้อแป้งทำเค้กกับสตรอว์เบอร์รี
เลยขอให้พี่ชายพาไปซื้อ ขณะเดินเลือกซื้อผลไม้อยู่ บิลกีสอยากเข้าห้องน้ำขึ้นมา
เดือดร้อนผู้เป็นสามีต้องประคองภรรยาที่ท้องโตไปห้องน้ำ ดุจมณีเลยถูกทิ้งให้เลือกซื้อผลไม้ไปก่อน
และนั่นทำให้เงาที่เฝ้าตามติดเธอมาทั้งวันปรากฏตัวขึ้นทางด้านหลังเธอเงียบๆ ประชิดแผ่นหลังเธอ
ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบส้มผลใหญ่ที่ดุจมณีกำลังเอื้อมไปหยิบ ทำเอาหญิงสาวถึงกับสะดุ้งสุดตัว
ก่อนจะกระเด้งตัวออกมาจากเขาทันที สีหน้าตื่นๆ นั่นทำเอาชายหนุ่มกระตุกมุมปาก
แววตานิ่งลึกขณะจ้องมองใบหน้างามที่ค่อยๆ แดงระเรื่อขึ้นเรื่อยๆ นั่น

"ขอโทษครับ สงสัยเราจะใจตรงกัน อยากได้ส้มผลเดียวกัน แต่พี่ยกให้ครับ" ว่าพลางยื่นผลส้ม
ในมือให้หญิงสาว ดุจมณีมองเขาแล้วยื่นมือไปรับผลส้มนั้นมาถือไว้

"พี่ฆินทร์มาซื้อของด้วยหรือคะ"

"ครับ อยากได้สตรอว์เบอร์รีกับส้มไปฝากแม่ครับ แม่พี่ท่านชอบ"

"เหมือนไอซ์เลยค่ะ ไอซ์ก็ชอบสตรอว์เบอร์รีกับส้มค่ะ ให้ไอซ์ช่วยเลือกให้มั้ยคะ"

"จะไม่รบกวนหรือครับ"

"ไม่รบกวนเลยค่ะ เพราะไอซ์ก็กำลังอยากได้ทั้งส้มทั้งสตรอว์เบอร์รีพอดีด้วยค่ะ" แล้วเธอก็ชวน
ชายหนุ่มคุยเรื่องของกินและขนมขณะที่เลือกผลไม้ให้เขาไปด้วย

"เนี่ย ไอซ์กำลังจะทำเค้กส้มกับเค้กสตรอว์เบอร์รีค่ะ พี่ฆินทร์ชอบกินมั้ย"

"ชอบครับ"

"งั้นเอาไว้ไอซ์ให้ไลน์แมนส่งไปให้ชิมถึงบ้านพี่ฆินทร์เลยดีมั้ยคะ"

"แล้วถ้า พี่จะขอไปกินเค้กที่บ้านน้องไอซ์ไม่ได้หรือครับ"

"พี่ไนค์จะไม่ว่าหรือคะ"

"ไม่น่าจะว่านะครับ เพราะพี่แค่ขอไปกินเค้กฝีมือน้องไอซ์เอง และพี่ก็มีเรื่องงาน
ที่ต้องคุยกับคุณกีสเค้าด้วยครับ"

"ก็ถ้าพี่ฆินทร์เอาพี่กีสไปคุยงานซะแล้ว ไอซ์จะให้ใครช่วยสอนทำเค้กให้ละคะ"

"ก็พี่รอให้น้องไอซ์ทำเค้กเสร็จก่อนแล้วค่อยคุยงานก็ได้นี่ครับ"

"งั้นโอเค พรุ่งนี้นะคะ ไอซ์จะทำเค้กพรุ่งนี้เช้าๆ เลยค่ะ พี่ฆินทร์จะได้ไม่ต้องรอนาน"

"ครับ พี่ก็ไม่อยากรอนานๆ แล้วครับ อยากกินตอนนี้เลยด้วยซ้ำ" ไม่พูดเปล่า
แววตาของเขาจับจ้องที่หญิงสาวราวกับหมายมาด ทำเอาคนถูกมองถึงกับรู้สึกวูบวาบ

"เอาไว้ เราเจอกันพรุ่งนี้นะครับ งั้นพี่ลาก่อนนะครับ ขอบคุณที่ช่วยเลือกผลไม้ให้แม่พี่นะครับ"

"ไม่เป็นไรเลยค่ะ บ๊ายบายค่ะ" หญิงสาวยิ้มสดใสพร้อมโบกมือไปมา ทำเอาคนมองถึงกับเผลอยิ้มตาม
ก่อนจะเดินสวนทางกับขุนพลที่กำลังประคองภรรยา มุมปากฆินทร์กระตุกยิ้มเพียงนิดขณะทักทาย
ขุนพลด้วยประโยคที่ทำเอาคนฟังถึงกับหัวใจกระตุก

"ถ้าอยากได้ตัวน้องชายคืน ก็พาตัวน้องสาวมาแลกนะ ไม่งั้นฉันจะส่งน้องชายนายไปเรือนจำ
คราวนี้คงอยู่เรือนจำยาวเลยล่ะ" บิลกีสเองที่ได้ยินก็จะถึงตาค้าง ช็อกไปกับประโยคนั้น

"หมายความว่าไง"

"อยากรู้อะไร พรุ่งนี้ก็นั่งเครื่องไปเจอกันที่สิงคโปร์ เอาน้องสาวนายไปด้วยนะ
เพราะถ้าไม่มีดุจมณี ก็จะไม่มีการพูดคุยเจรจาอะไรทั้งนั้น" ว่าแล้วก็วางซองเอกสารขนาดเล็ก
ในมือขุนพล

"ฉันเคยบอกนายแล้วใช่มั้ยว่าอีกไม่นาน ฉันจะอัพสถานะมาเป็นคนใกล้ชิดนายน่ะ
อยู่ที่นายเลือกนะขุนพล แต่ฉันพูดคำไหนก็คำนั้น เธอคือของฉัน และฉันจะไม่มีวันให้เธอ
ตกเป็นของใครทั้งนั้น" ร่างสูงเด่นสง่าเดินจากไปด้วยท่วงท่ามาดมั่น ทว่า ขุนพลแทบเข่าทรุด
เมื่อเปิดซองเอกสารดูข้างใน

"อย่าเพิ่งคิดอะไรตอนนี้เลยนะคะ กลับบ้านกันก่อน ไปตั้งหลักกันก่อนแล้วค่อยคิดหาหนทางกัน"
บิลกีสลูบหลังสามีที่ตอนนี้เธอมองออกว่าเขากำลังฟิวส์ขาด

"ผมไม่คิดว่ามันจะมาไม้นี้ ไม่คิดเลยจริงๆ" ขุนพลยกสองมือขึ้นคลึงขมับตัวเอง หน้าถอดสี
ทำให้ดุจมณีที่เดินยิ้มร่าเริงมาพร้อมตะกร้าที่มีผลไม้อยู่ในนั้นถึงกับเอียงคอมองพี่ชาย
ด้วยแววตางุนงง

"พี่ไนค์เป็นอะไรคะพี่กีส"

"ได้ผลไม้ครบแล้วใช่มั้ยคะ"

"ครบแล้วค่ะ"

"งั้นเดี๋ยวไปจ่ายตังค์แล้วกลับบ้านกันเลยนะคะ"

แล้วก็รีบพากันกลับไปยังบ้านที่ตอนนี้พยาบาลพิเศษรอเตรียมพร้อมที่จะกลับบ้านของตนอยู่
เมื่อเห็นเจ้าของบ้านกลับมาถึง เธอก็รีบขอตัวกลับทันที ส่วนดุจมณีนำผลไม้ไปเก็บในตู้เย็น
และนำเค้กจำลองไปวางไว้ตรงตู้โชว์ที่ห้องรับแขก เอียงคอมองมันไปมาแล้วยิ้มอย่างสุขใจ

"พ่อต้องไม่รู้เรื่องนี้นะกีส"

"ค่ะ ฉันจะไม่บอกท่านเด็ดขาด" ว่าแล้วก็นั่งลงข้างๆ ขุนพลแล้ววางมือบนบ่าของเขา
นวดเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ นวดต้นคอและขมับทั้งสอง

"ชอบมั้ยคะ" ขุนพลหันมามองคู่ชีวิตแล้วสวมกอดเธอเอาไว้แน่น นานกว่าเขาจะยอมผละจาก

"ผมต้องยอมแลกหรือกีส ระหว่างชีวิตลมหายใจนายไลค์กับความสุขของไอซ์ ผมต้องแลกมันใช่มั้ย"

"ถ้าคุณไลค์โดนจับเข้าเรือนจำ เค้าอาจจะถูกสั่งเก็บ เพราะคู่กรณีของเค้ามีมาก
และล้วนมีอิทธิพลที่อยากจะเก็บเค้า ฉันเข้าใจคุณนะคะว่ามันไม่ง่ายที่จะตัดสินใจ
เพียงแค่คุณฆินทร์คงไม่คิดจะทำอย่างนั้นกับคุณไลค์ก็ได้"

"คุณก็ได้ยินมันพูดแล้ว ผมรู้จักมันดี มันเอาจริง มันต้องการไอซ์จนสามารถทำยังไงก็ได้แล้วในตอนนี้
ต่อให้ส่งนายไลค์ไปสู่ความตายมันก็จะทำ มันทำแน่" ขุนพลเริ่มหัวเสีย ชกกำปั้นไปยังโซฟา

"ผมมันห่วย ที่ทำไรไม่ได้เลยกีส ผมมันกระจอก คุณได้ยินมั้ยว่าผมมันกระจอก"
บิลกีสคว้ามือของเขามาแนบแก้มพร้อมกับบอกว่า

"ฉันไม่เคยคิดว่าคุณกระจอกเลยค่ะ คุณเก่งที่สุด เข้มแข็งที่สุด อดทนที่สุด"

"แต่ผมช่วยอะไรพี่น้องตัวเองไม่ได้ คุณก็เห็น คุณจะให้ผมส่งยัยไอซ์ไปให้เค้าได้ยังไง
ผมทำไม่ได้ ผมทำมันไม่ได้หรอกกีส" ขุนพลยกมือขึ้นกุมขมับ ก้มหน้ามองพื้นราวกับสิ้นหวัง

"ส่งไอซ์ไปให้ใครหรือคะพี่ไนค์" เสียงใสดังขึ้น ทำให้ทั้งสองถึงกับสะดุ้ง เงยหน้าขึ้นมองดุจมณี
ที่เดินมายืนตรงเบื้องหน้าพี่ชาย ก่อนจะทรุดเข่าลงกับพื้น

"ไอซ์เห็นพี่ฆินทร์ยืนคุยกับพี่ไนค์ในห้าง แล้วพี่ไนค์ก็หน้าซีด เค้าพูดอะไรกับพี่ไนค์หรือคะ"

"เธอเรียกเค้าว่าพี่ฆินทร์หรอไอซ์" ดุจมณีพยักหน้า ก่อนจะสารภาพออกมาหมดว่า

"ที่พี่ไนค์พยายามเค้นถามไอซ์ว่าใครคือเจ้าของสร้อยข้อมือไอซ์ แล้วไอซ์ไม่ยอมตอบ
จริงๆ แล้ว พี่ฆินทร์เป็นคนให้ไอซ์เองค่ะ ไม่ใช่พี่เพลิงกับพี่ตามอย่างที่ไอซ์โกหก"
แล้วจึงเปิดปากเล่าจนหมดว่าได้มายังไง แบบไหนบ้าง เมื่อเล่าจบทั้งหมดก็ปล่อยน้ำตาออกมา

"ไอซ์โล่งค่ะ ที่ได้สารภาพทั้งหมดออกไป เรื่องนี้ทำให้ไอซ์รู้สึกผิดต่อพี่ไนค์และพี่กีสมาตลอด
ที่ปกปิดและโกหกทั้งๆ ที่ไม่ควรทำเลย ไอซ์จะเอาทุกอย่างไปคืนเค้าค่ะ เพราะไอซ์ไม่ควรรับของ
จากเค้าเลย ไอซ์รู้ว่าพี่ไนค์ไม่ลงรอยกับเขา แต่ไอซ์ก็ยังรับของจากเขา ไอซ์ผิดเองค่ะ"
ขุนพลลูบหัวน้องสาวก่อนจะดึงร่างนั้นเข้ามาสวมกอดเอาไว้แน่น

"ไม่เป็นไร พี่ไม่ได้ว่าไอซ์เรื่องนี้ แค่ พี่ขอได้มั้ยว่าต่อไปห้ามโกหกพี่อีกไม่ว่าจะยังไง ได้ไหม"

"ได้ค่ะ ไอซ์จะไม่โกหกพี่ไนค์"

"แล้วน้องไอซ์รู้สึกยังไงกับเค้าคะ บอกพี่ได้มั้ย" ดุจมณีก้มหน้างุด ก่อนจะส่ายหน้า

"ไอซ์ไม่รู้ค่ะพี่กีส ไอซ์ไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไง" บิลกีสกุมขมับ เป็นเธอที่ปวดหัวตามไปติดๆ อีกคน
เพราะคำตอบนี้ค่อนข้างชัดเจนสำหรับเธอแล้วว่าดุจมณีรู้สึกยังไง เพราะหญิงสาวใสๆ ซื่อๆ คนนี้
จะปฏิเสธทันทีถ้าไม่ชอบไม่รู้สึกพึงพอใจอีกฝ่ายอย่างตอนที่เธอถามถึงคีตา เจ้าตัวก็แทบไม่มี
อาการสับสนเช่นนี้ ตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า ไม่ได้รู้สึกอะไร นอกจากประทับใจที่เขาใจดีด้วย

ไม่ทันแล้วสินะ เธอชะล่าใจ ปล่อยปละละเลยดุจมณีจนเกิดอะไรแบบนี้ได้

"ฉันผิดเองค่ะที่ปล่อยปละละเลยจนเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น" บิลกีสสารภาพด้วยแววตาเจ็บปวด
เธอรู้ว่าฝ่ายชายประสงค์สิ่งใดจากดุจมณี

"อย่าโทษตัวเองเลยกีส เพราะผมเองก็ผิด"

"ไม่ต้องโทษหรอกค่ะ ไอซ์ไม่ได้เป็นอะไรเลยค่ะ ไอซ์โอเคดีค่ะ หายห่วง" รอยยิ้มสดใส
ของดุจมณีทำเอาขุนพลถึงกับดึงร่างนั้นเข้ามาสวมกอดไว้อีกครั้ง

ถ้าพรุ่งนี้เขาตกลงจะแลกเปลี่ยนตัว ดุจมณีก็จะหายไปจากชีวิตเขา หายไปจากบ้านหลังนี้
เขารับไม่ได้หรอกนะ ทำใจไม่ได้เลยจริงๆ ถ้าต้องส่งน้องสาวไปให้คนที่เขาก็รู้ว่าต้องการอะไร
จากน้องสาวของเขา เธอที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยอีกแล้ว เพราะไม่ได้จดจำอะไรได้อีก

"เดี๋ยวคุณไปช่วยไอซ์เก็บเสื้อผ้านะกีส" ขุนพลตัดสินใจในที่สุด เขาจำเป็นต้องตัดสินใจเช่นนี้
เพราะไม่อาจส่งน้องชายไปสู่ความตายได้ เขาทำไม่ได้

"ทำไมต้องเก็บเสื้อผ้าละคะ" ดุจมณีมองทั้งสองอย่างไม่เข้าใจ

"พรุ่งนี้ เราจะไปเที่ยวสิงคโปร์ด้วยกันครับ" ดุจมณียิ้มกว้างทีเดียวเมื่อได้ยินเช่นนั้น

"จริงหรือคะ นี่ไอซ์จะได้ไปเที่ยวไกลๆ แล้วจะได้นั่งเครื่องบินด้วยใช่มั้ยคะ" ขุนพลพยักหน้า
และนั่นทำเอาดุจมณีถึงกับดีใจอย่างที่สุด โผเข้ากอดพี่ชายและหอมแก้มซ้ายขวา

"เย้ๆๆๆ ไอซ์จะได้นั่งเครื่องบินแล้ว ดีใจจังเลย"

"คุณอยู่ดูแลคุณพ่อจะกีส ผมเป็นห่วงพ่อ"

"ได้ค่ะ ฉันจะดูแลเป็นอย่างดี ไม่ต้องกังวลนะคะ" ก่อนจะหันไปทางดุจมณี จูงมือหญิงสาว

"ไปจัดกระเป๋ากันเถอะค่ะ เดี๋ยวจะนอนดึก ตื่นมาไม่สวยเอาน้า"

"เอ่อ แล้วไปกันกี่โมงคะ ไอซ์ขอทำเค้กก่อนได้มั้ยคะ ไอซ์ซื้อของมาครบแล้วด้วย
ไอซ์อยากให้พี่กีสสอนไอซ์ทำเค้ก ไอซ์อยากกินเค้กฝีมือตัวเองก่อนไปเที่ยวค่ะ"

ขุนพลหันมามองหน้าบิลกีส ก่อนจะพยักหน้า นั่นทำเอาบิลกีสถึงกับน้ำตาคลอเบ้า
ก่อนจะพยายามกลบเกลื่อนมันด้วยการเดินนำดุจมณีขึ้นห้องไปก่อน

"พี่กีสเป็นไรคะพี่ไนค์" ขุนพลเองก็จุกแน่นในหัวอกจนต้องแค่นพูดออกมาว่า

"เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะอยู่เป็นลูกมือช่วยทำเค้กด้วยดีมั้ย" ดุจมณียิ้มดีใจอย่างไม่คาดคิดว่า
จะได้ยินอะไรแบบนี้จากพี่ชายที่แสนยุ่งมาก่อน

"เราจะทำเค้กกันสามคนเลยหรือคะ พี่ไนค์ไม่ได้อำไอซ์เล่นใช่มั้ย" ขุนพลลูบหัวน้องสาว

"จริง พี่จะอยู่ทำด้วย แล้วเราค่อยออกเดินทางไปเที่ยว ดีมั้ย"

"ดีที่สุดเลยค่ะ เย้" เสียงใสยิ้มร่าเริงเบิกบาน ในขณะที่พี่ชายน้ำตาซึมจนต้องเดินหลบขึ้นห้อง
ไปอีกคน ดุจมณีจึงวิ่งตามขึ้นห้องไปด้วย

...........................................

"เอาเค้กนี้ไปกินด้วยนะคะ" บิลกีสที่มายืนส่งขุนพลกับดุจมณีตรงหน้าบ้านยื่นกล่องเค้กให้ดุจมณี
ที่บัดนี้แต่งตัวสวยน่ามองเหลือเกิน ใบหน้าแววตานั่นเปี่ยมไปด้วยความสุขความดีใจ

"เอาไว้ค่อยกลับมากินก็ได้นี่คะ เก็บไว้ในตู้เย็นก็น่าจะกลับมากินทันอยู่ค่ะพี่กีส"

"เอาไปเถอะค่ะ พี่อยากให้น้องไอซ์เอาไปกินด้วยจริงๆ นะ"

"ก็ได้ค่ะ" หญิงสาวจึงรับกล่องเค้กในถึงผ้ามาถือเอาไว้

"ขอพี่กอดอีกสักครั้งได้มั้ยคะ" ดุจมณีกางแขนอ้ารับบิลกีสทันทีด้วยรอยยิ้มที่เปิดกว้าง

"พี่กีสทำเหมือนไอซ์จะไปนานๆ เลยอ่ะ กอดแล้วกอดอีกจนไอซ์เริ่มรู้สึกเศร้าๆ ขึ้นมา
ก็ไอซ์แค่ไปเที่ยวเอง เดี๋ยวก็กลับมาแล้ว" บิลกีสถึงกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป
หญิงสาวร้องไห้ออกมาอย่างมิอาจหักห้าม กอดร่างระหงนั่นเอาไว้แน่น ไม่อยากปล่อยเลยด้วยซ้ำ

"พี่ขอโทษนะคะ ขอโทษที่ช่วยอะไรไม่ได้เลย" ดุจมณีขมวดปมคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
ดันร่างพี่สะใภ้ออก แล้วมองใบหน้าที่เปื้อนน้ำตา นิ้วเรียวสวยจึงช่วยเกลี่ยน้ำตานั้นออก

"โอ๋ๆๆๆ ไม่ร้องนะคะพี่กีส ไอซ์กับพี่ไนค์แค่ไปสิงคโปร์แป๊บเดียวเอง ไม่เห็นต้องขอโทษกันเลย"
ขุนพลเองก็ถึงกับแหงนหน้าขึ้นมองฟ้า ให้น้ำตามันไหลย้อนกลับเข้าไปข้างใน

"พี่กีสอยากได้อะไรคะ เดี๋ยวไอซ์ซื้อมาฝากดีมั้ย เป็นการปลอบใจ" บิลกีสส่ายหน้า
น้ำตายังคงหลั่งออกมาไม่ยอมหยุด

"พี่ไม่ต้องการข้าวของอะไรเลยค่ะ แค่ แค่อยากให้น้องไอซ์ปลอดภัย มีความสุข เข้มแข็ง
และไปอยู่ที่ไหนก็ขอให้มีแต่คนรัก" ดุจมณียิ้มบาง ปาดน้ำตาบนแก้มให้บิลกีส

"พี่กีสก็เช่นกันนะคะ ดูแลตัวเองด้วย ไอซ์อยากเห็นหลานจะแย่อยู่แล้ว" ว่าแล้วก็ลูบหน้าท้อง
ของบิลกีสแล้วโน้มหน้าลงไปหาหน้าท้อง

"อาไอซ์ไปก่อนนะคนดี อย่าเกเรกับแม่ล่ะ เป็นเด็กดีนะรู้มั้ย แล้วเจอกันนะจ๊ะ"
บิลกีสปาดน้ำตาตัวเอง ก่อนจะยอมปล่อยให้ดุจมณีขึ้นรถไป ขุนพลพยักหน้าให้ภรรยาแล้วโบกมือ

รถคันเก่าค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากตัวบ้าน ทิ้งให้บิลกีสยืนร้องไห้ สะอื้นฮัก
ก่อนจะทรุดกายลงนั่งกับพื้นหญ้าหน้าบ้าน ลูกแมวสองตัววิ่งมาหาเธอ ลูกแมวของดุจมณี
กระโดดมานั่งบนตักของเธอ หญิงสาวก้มลงมองเจ้าเหมียวแล้วยิ่งร้องไห้หนักขึ้น

ไม่คิดว่า 'คำลา' จะเดินทางมารวดเร็วแบบไม่ทันได้ตั้งตัวเช่นนี้


.....................................โปรดติดตามตอนต่อไป..............................................



yoraya
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ก.ค. 2566, 00:44:25 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ก.ค. 2566, 00:44:25 น.

จำนวนการเข้าชม : 132





<< ่บทที่ 19 ประชิดเมือง   บทที่ 21 พี่ชาย >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account