หนามร้ายในใจรัก (Yuri)
Tags: นิยายยูริ, รัก, เพื่อนสนิท, แอบรัก
ตอน: แหวนนั้น
ทุกวันหลังจากเคลียร์เอกสารมากมายที่เท็นโด้นำมาวางไว้ให้ คือการมานั่งทานข้าวหน้ามหาวิทยาลัยก่อนที่จะขับรถกลับคอนโด บรรยากาศรอบตัวเริ่มคึกคักเพราะเป็นเวลาพักผ่อนของนิสิตนักศึกษา ยิ่งมองยิ่งคิดถึงวันเก่าๆ ในช่วงเวลานั้น
"คิดถึงจังเลย" นิ้วเรียวลูบแหวนวงเดิมที่เป็นของแทนใจถูกสวมใส่บนนิ้วนางข้างซ้ายไว้เพื่อรออีกคนให้มาสวมเหมือนกัน
ถึงอย่างนั้นก็คงเป็นเพียงแค่คิดถึงความเป็นไปได้ ในเวลาปัจจุบันสิ่งที่คิดยังทำไม่สำเร็จ แม้ทุกอย่างจะลงตัวแต่ทว่างานมันรัดตัวจนแทบไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่น ตลอดเวลาที่บิดาของเธอทำงานมาตลอดชีวิต ในตอนนี้เธอรู้แล้วว่ามันยากลำบากเพียงไหน
"หนีไปเลยดีไหม" ไหนๆ ก็พิสูจน์ความสามารถและประธานตัวจริงก็ดูแข็งแรงเหมือนคนปกติ ดีไม่ดีอาจจะแข็งแรงมากกว่าคนหนุ่มสาวแบบเธอก็เป็นได้
"เอาไงดี" นัทนันท์บ่นพึมพำ ขณะเดินมาถึงหน้าห้อง
"อ้าว กลับมาแล้วหรือคะ" เสียงใสๆ ของเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามทักทาย เมื่อเจ้าตัวเปิดประตูออกมาเจอพอดี
"อืม" หันไปตอบพร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย ช่วงเวลาแบบนี้ในวันนี้ รู้เลยว่าทักกันทำไม
"ไม่ลืมนะคะ" รอยยิ้มที่ถูกส่งมา ยิ่งย้ำเตือนสิ่งที่ถาม
"อืม ไม่ลืมหรอก ทำตามสัญญาแล้วกัน"
"แน่นอนอยู่แล้ว"
ครบอีกหนึ่งเดือนที่เธอต้องจ่ายค่าเช่าคอนโดตามสัญญา และคนที่ทำสัญญาร่วมด้วยอย่างฟอจูนก็ไม่เคยทำพลาดเลยสักครั้ง บัญชีเดิมเป็นชื่อของฟอจูน แล้วเจ้าตัวก็พร้อมโอนให้กับเจ้าของตัวจริงอย่างสกาวใจ พร้อมกับสัญญาที่จะไม่บอกว่าคนเช่าห้องนั้นเป็นใคร นั่นก็คุ้มค่ากับเปอร์เซ็นต์ที่ฟอจูนได้รับ ในคราแรกอยากจะซื้อขาดจะได้ไม่ต้องมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับเพื่อนบ้าน แต่ถึงอย่างนั้นตัวเธอเองยังอยากได้ข้อมูลเกี่ยวกับสกาวใจผ่านทางฟอจูนว่าทำอะไรอยู่ที่ไหน รู้สึกอย่างไร ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีเรื่องของตัวเธอเลยในช่วงหลังมานี้
"ทำอะไรอยู่นะตอนนี้น่ะ" บ่นพึมพำกับตัวเองแล้ววางกระเป๋าบนโต๊ะ มองเวลาบนนาฬิกาข้อมือ
"สองทุ่มแล้วสินะ" ช่วงเวลามักผ่านไปเร็ว จนไม่ได้ติดต่อกับนักสืบว่าในตอนนี้สกาวใจเป็นอย่างไรบ้าง
จังหวะที่เธอเปลี่ยนท่าเพื่อที่จะไปห้องน้ำ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นและคนที่โทรเข้ามาหาเธอไม่ใช่ใคร นอกเสียจากมารดาของเธอนั่นเอง
"ค่ะ คุณแม่"
"อาทิตย์นี้กลับบ้านมาหาแม่หน่อยได้ไหม"
"อ่า...น่าจะได้ค่ะ ยังไงคงต้องเลื่อนนัดคุยงานไปก่อน หนูจะทำตัวให้ว่าง จะได้ทานอาหารฝีมือคุณแม่เสียที"
"อย่าลืมนะ รีบกลับบ้านให้ได้"
น้ำเสียงของมารดาทำให้นัทนันท์สงสัย แต่ถึงอย่างนั้นคงไม่มีอะไรมากไปกว่ากลับไปเจอหน้าครอบครัวบ้างเท่านั้นเอง
"ค่ะ คุณแม่"
เมื่อเวลานั้นมาถึง ตารางงานของเธอจึงว่างตามที่กำหนดไว้ เพื่อกลับไปหาครอบครัวตามคำสั่ง แต่ที่น่าแปลกใจ เหมือนมีแขกคนสำคัญ
"นี่ ถามหน่อย คุณพ่อมีแขกเหรอ" เธอดักถามสาวใช้ที่กำลังถือถาดใส่ขนมหวานเดินผ่านเข้ามาพอดี
"ค่ะ คุณ..." สาวน้อยกำลังจะบอกชื่อของเธอคนนั้น แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นพิมลดากำลังโบกมือเบาๆ ให้รีบไปทำงาน
ส่วนตัวของเธอนั้น เดินเข้าไปหาลูกสาวตัวดีที่นานๆ ทีจะกลับมาบ้าน ถ้ากลับมาบ่อยๆ คงได้เห็นอะไรดีๆ มากกว่าที่คิดแน่นอน
"อ้าว คุณแม่"
"มาอ้าวอะไร ทำไมไม่รีบกลับมาให้เร็วกว่านี้ล่ะ มาซะจะมืดค่ำ"
"ก็เพิ่งเคลียร์งานเสร็จค่ะ คุณพ่อไม่เข้าบริษัท หนูก็ต้องทำงานแทน ไหนจะพวกลุงๆ เรื่องเยอะอีก" นัทนันท์ทำหน้ามุ่ยแล้วบ่น
พิมลดายิ้มเมื่อเห็นท่าทางของลูกสาว ถึงจะบ่นแต่ก็ทำให้ด้วยความเต็มใจ งานที่ออกมาแต่ละครั้งก็ดีไม่มีที่ติ สิ่งที่ลูกสาวเพียงคนเดียวทำ เป็นความภาคภูมิใจอย่างหนึ่งที่เธอและสามีรู้สึกแม้จะไม่ต้องพูดออกมาก็ตาม
"ทำไมคุณพ่อเสียงดังจัง อยู่กับแขกคนไหนกัน" นัทนันท์หันไปมองห้องนั่งเล่นแล้วพูดกับตัวเอง ถึงไม่เปิดประตูเข้าไปก็รู้ว่ากำลังสนุกกับเกมในห้องกันอยู่
"อยู่กับหนูแตง" พิมลดาเดินเข้าไปใกล้แล้วกระซิบเบาๆ
"แตง?" มีเพียงคนเดียวที่ชื่อนี้ และคงไม่มีญาติผู้ใหญ่คนไหนถูกเรียกคำว่าหนูแน่นอน
พิมลดาได้แต่ยิ้มให้กับลูกสาวของเธอ แม้จะแอบขำในใจกับความตกใจของเจ้าตัวก็ตาม ถึงอย่างนั้นก็ยังดีกว่าตั้งแง่งอนกันไปจนบรรยากาศตึงเครียดไปเสียเปล่า
"หนูเข้าไปนะ"
"เข้าไปสิ ไปขัดจังหวะสักที จะได้ออกมาทานข้าวเย็นด้วยกัน" เธอดันหลังลูกสาวให้กล้าเปิดประตูเข้าไป ใจจริงก็อยากเห็นสีหน้าของสามี ที่จะทำหน้าตกใจกับการปรากฏตัวของคนที่คาดไม่ถึง เพราะเธอไม่ได้บอกว่าจะกลับมาทานข้าวเย็นพร้อมหน้าครอบครัว
นัทนันท์อึ้งเล็กน้อยที่เห็นสกาวใจกำลังเล่นหมากรุกกับคุณพ่อของเธอ บรรยากาศเป็นกันเองมากจนรู้สึกว่าเป็นไปได้ยังไง หรือเธอกำลังฝันไปอย่างนั้นหรือ
"เมื่อไหร่จะเลิกเล่นกันสักทีค่ะ เตรียมอาหารพร้อมแล้วนะ" พิมลดาเดินเข้าไปใกล้ กำลังเตรียมจะล้มกระดานแต่ทว่าถูกห้ามไว้เสียก่อน
"เดี๋ยวสิคุณ ผมกำลังเล่นอยู่นะ ตานี้ผมชนะแน่"
"จะมาชนะอะไรกัน ตั้งแต่เปิดห้องมานั่งเล่น ไม่เคยชนะสักตานะ รบกวนหนูแตงต้องมานั่งแข่งกับคุณเนี้ย ไปกันได้แล้วคุณ จะทำตัวเป็นเด็กไปถึงเมื่อไหร่" เสียงบ่นของพิมลดาทำให้นายดนัยต้องทำหน้ายุ่ง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังยอมทำตามอย่างว่าง่าย
นัทนันท์งุนงงกับภาพเหตุการณ์ตรงหน้า ว่าเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่ดูเหมือนครอบครัวกลายเป็นครอบครัวจริงๆ
"สามเดือนแล้ว" สกาวใจลุกเดินเข้าไปใกล้เพื่อจะกระซิบบอก กลับทำให้นัทนันท์ยิ่งมองด้วยความมึนงงกว่าเดิม
"ก็สีหน้าของนัดเหมือนจะถามแบบนั้นนี่น่า แตงเลยตอบจะได้คลายข้อสงสัย" เธออมยิ้ม คงจะตกใจไม่น้อยกับการปรากฏตัวของคนที่ไม่น่าจะเข้ามายืนอยู่ในบ้านนี้ได้
"แล้ว...แตงมาได้ยังไง" มาถูกทั้งๆ ที่นัทนันท์ไม่เคยพามาเลยสักครั้ง ที่สำคัญทำยังไงถึงดูสนิทกับทุกคนได้
"พี่เท็นมาส่งน่ะสิ" จะว่ามาส่งอย่างเดียวก็ไม่น่าใช่ ทั้งนัดเวลา รอรับและพากลับห้องพักอีก ทุกอย่างก็เป็นคำสั่งของดนัยทั้งหมด
"เดี๋ยวก่อนนะ ทำไมเรียกพี่ได้ล่ะ" น่าแปลกที่เท็นโด้ไม่ค่อยสนิทกับใครถึงขนาดเรียกพี่เรียกน้องกันได้ แต่ทำไมสกาวใจกลับเป็นกรณีพิเศษ
"ก็...คุณลุงบอกให้สนิทกันไว้" คนตัวเล็กตอบ ตลอดเวลาสามเดือนที่ผ่านมา เธอรู้สึกมีความสุขมากจนเหมือนมีครอบครัวจริงๆ ไปแล้ว ถึงแม้ว่าครั้งแรกที่ถูกพามาที่นี่จะตื่นเต้นจนเหงื่อออกมากก็ตาม แต่ทุกอย่างกลับเป็นไปได้ด้วยดีและกลายเป็นเพื่อนเล่นหมากรุกแก้เหงาให้กับคุณพ่อของนัทนันท์
"อย่าเรียกลุงสิ เรียกพ่อได้แล้ว" ดนัยเอ็ด
นัทนันท์มองทั้งสองด้วยความไม่เข้าใจ ตลอดสามเดือนมานี้ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
"ไม่ต้องแปลกใจหรอก แม่น่ะขำ พ่อของลูกไปหาเพื่อนที่โรงพยาบาลของหนูแตง แล้วทีนี้ก็ไปเจอที่แผนกอย่างบังเอิญ บังเอิญมากจริงๆ " พูดไปก็อมยิ้มไป สามีของเธออยากเห็นใกล้ๆ และทำความรู้จักคนที่ลูกสาวรัก แต่ไปก็ต้องมีเหตุการณ์ให้บังเอิญไปเจอ จะไปหาตรงๆ ก็คงไม่กล้าเผชิญหน้า
สถานการณ์คงพาให้สกาวใจมาที่บ้าน และกลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวประหนึ่งลูกสาวอีกคน นัทนันท์หน้ามุ่ยเล็กน้อย ทำไมไม่มีใครบอกเธอเลยล่ะ
"งอนเหรอ" สกาวใจแอบดึงเสื้อและพูดเบาๆ
"เปล่า ไม่ได้งอน กำลังดูสถานการณ์อยู่ ว่าแต่ แตงเล่นหมากรุกเป็นด้วยเหรอ" นัทนันท์เปลี่ยนเรื่อง
"เป็นสิ แต่ไม่ได้เล่นนานแล้ว" หัวเราะแห้งๆ จริงๆ เธอฝีมือตกไปมาก
"ขนาดไม่ได้เล่นนานแล้วนะ ยังชนะคุณพ่อได้"
"ก็นะ..." สกาวใจเกาแก้มเบาๆ แก้เขิน มันเป็นของชอบนี่น่า เมื่อลงเล่นจะไม่มีการออมมือให้เด็ดขาด
"กินข้าวแล้วมาเล่นกับพ่ออีก คราวนี้ชนะแน่นอน"
"พอเลยคุณ ไปทานข้าวกันได้แล้ว เดี๋ยวเย็นหมด" พิมลดาส่ายหน้าเบาๆ จะจริงจังอะไรกับแค่เล่นเกม
พอพิมลดาพาดนัยไปที่โต๊ะกินข้าว พร้อมเสียงบ่นและโต้เถียงของผู้เป็นสามี นัทนันท์ก็เกี่ยวก้อยของสกาวใจให้ตามพวกท่านไป คนตัวเล็กก้มมองแหวนที่นิ้ว เธอจำได้ว่าแหวนนั้นคือของเธอ
"ยังไม่ทิ้งอีกเหรอ"
"ไม่ทิ้งหรอก เหมือนกับที่อยู่บนคอของแตงไง" นัทนันท์หันมายิ้มให้ ถึงไม่บอกก็รู้ว่าไม่เคยทิ้งเหมือนกัน สร้อยเดิม แหวนเดิม อยู่ที่เดิมกับคนเดิมไม่มีเปลี่ยน
"คิดถึงจังเลย" นิ้วเรียวลูบแหวนวงเดิมที่เป็นของแทนใจถูกสวมใส่บนนิ้วนางข้างซ้ายไว้เพื่อรออีกคนให้มาสวมเหมือนกัน
ถึงอย่างนั้นก็คงเป็นเพียงแค่คิดถึงความเป็นไปได้ ในเวลาปัจจุบันสิ่งที่คิดยังทำไม่สำเร็จ แม้ทุกอย่างจะลงตัวแต่ทว่างานมันรัดตัวจนแทบไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่น ตลอดเวลาที่บิดาของเธอทำงานมาตลอดชีวิต ในตอนนี้เธอรู้แล้วว่ามันยากลำบากเพียงไหน
"หนีไปเลยดีไหม" ไหนๆ ก็พิสูจน์ความสามารถและประธานตัวจริงก็ดูแข็งแรงเหมือนคนปกติ ดีไม่ดีอาจจะแข็งแรงมากกว่าคนหนุ่มสาวแบบเธอก็เป็นได้
"เอาไงดี" นัทนันท์บ่นพึมพำ ขณะเดินมาถึงหน้าห้อง
"อ้าว กลับมาแล้วหรือคะ" เสียงใสๆ ของเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามทักทาย เมื่อเจ้าตัวเปิดประตูออกมาเจอพอดี
"อืม" หันไปตอบพร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย ช่วงเวลาแบบนี้ในวันนี้ รู้เลยว่าทักกันทำไม
"ไม่ลืมนะคะ" รอยยิ้มที่ถูกส่งมา ยิ่งย้ำเตือนสิ่งที่ถาม
"อืม ไม่ลืมหรอก ทำตามสัญญาแล้วกัน"
"แน่นอนอยู่แล้ว"
ครบอีกหนึ่งเดือนที่เธอต้องจ่ายค่าเช่าคอนโดตามสัญญา และคนที่ทำสัญญาร่วมด้วยอย่างฟอจูนก็ไม่เคยทำพลาดเลยสักครั้ง บัญชีเดิมเป็นชื่อของฟอจูน แล้วเจ้าตัวก็พร้อมโอนให้กับเจ้าของตัวจริงอย่างสกาวใจ พร้อมกับสัญญาที่จะไม่บอกว่าคนเช่าห้องนั้นเป็นใคร นั่นก็คุ้มค่ากับเปอร์เซ็นต์ที่ฟอจูนได้รับ ในคราแรกอยากจะซื้อขาดจะได้ไม่ต้องมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับเพื่อนบ้าน แต่ถึงอย่างนั้นตัวเธอเองยังอยากได้ข้อมูลเกี่ยวกับสกาวใจผ่านทางฟอจูนว่าทำอะไรอยู่ที่ไหน รู้สึกอย่างไร ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีเรื่องของตัวเธอเลยในช่วงหลังมานี้
"ทำอะไรอยู่นะตอนนี้น่ะ" บ่นพึมพำกับตัวเองแล้ววางกระเป๋าบนโต๊ะ มองเวลาบนนาฬิกาข้อมือ
"สองทุ่มแล้วสินะ" ช่วงเวลามักผ่านไปเร็ว จนไม่ได้ติดต่อกับนักสืบว่าในตอนนี้สกาวใจเป็นอย่างไรบ้าง
จังหวะที่เธอเปลี่ยนท่าเพื่อที่จะไปห้องน้ำ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นและคนที่โทรเข้ามาหาเธอไม่ใช่ใคร นอกเสียจากมารดาของเธอนั่นเอง
"ค่ะ คุณแม่"
"อาทิตย์นี้กลับบ้านมาหาแม่หน่อยได้ไหม"
"อ่า...น่าจะได้ค่ะ ยังไงคงต้องเลื่อนนัดคุยงานไปก่อน หนูจะทำตัวให้ว่าง จะได้ทานอาหารฝีมือคุณแม่เสียที"
"อย่าลืมนะ รีบกลับบ้านให้ได้"
น้ำเสียงของมารดาทำให้นัทนันท์สงสัย แต่ถึงอย่างนั้นคงไม่มีอะไรมากไปกว่ากลับไปเจอหน้าครอบครัวบ้างเท่านั้นเอง
"ค่ะ คุณแม่"
เมื่อเวลานั้นมาถึง ตารางงานของเธอจึงว่างตามที่กำหนดไว้ เพื่อกลับไปหาครอบครัวตามคำสั่ง แต่ที่น่าแปลกใจ เหมือนมีแขกคนสำคัญ
"นี่ ถามหน่อย คุณพ่อมีแขกเหรอ" เธอดักถามสาวใช้ที่กำลังถือถาดใส่ขนมหวานเดินผ่านเข้ามาพอดี
"ค่ะ คุณ..." สาวน้อยกำลังจะบอกชื่อของเธอคนนั้น แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นพิมลดากำลังโบกมือเบาๆ ให้รีบไปทำงาน
ส่วนตัวของเธอนั้น เดินเข้าไปหาลูกสาวตัวดีที่นานๆ ทีจะกลับมาบ้าน ถ้ากลับมาบ่อยๆ คงได้เห็นอะไรดีๆ มากกว่าที่คิดแน่นอน
"อ้าว คุณแม่"
"มาอ้าวอะไร ทำไมไม่รีบกลับมาให้เร็วกว่านี้ล่ะ มาซะจะมืดค่ำ"
"ก็เพิ่งเคลียร์งานเสร็จค่ะ คุณพ่อไม่เข้าบริษัท หนูก็ต้องทำงานแทน ไหนจะพวกลุงๆ เรื่องเยอะอีก" นัทนันท์ทำหน้ามุ่ยแล้วบ่น
พิมลดายิ้มเมื่อเห็นท่าทางของลูกสาว ถึงจะบ่นแต่ก็ทำให้ด้วยความเต็มใจ งานที่ออกมาแต่ละครั้งก็ดีไม่มีที่ติ สิ่งที่ลูกสาวเพียงคนเดียวทำ เป็นความภาคภูมิใจอย่างหนึ่งที่เธอและสามีรู้สึกแม้จะไม่ต้องพูดออกมาก็ตาม
"ทำไมคุณพ่อเสียงดังจัง อยู่กับแขกคนไหนกัน" นัทนันท์หันไปมองห้องนั่งเล่นแล้วพูดกับตัวเอง ถึงไม่เปิดประตูเข้าไปก็รู้ว่ากำลังสนุกกับเกมในห้องกันอยู่
"อยู่กับหนูแตง" พิมลดาเดินเข้าไปใกล้แล้วกระซิบเบาๆ
"แตง?" มีเพียงคนเดียวที่ชื่อนี้ และคงไม่มีญาติผู้ใหญ่คนไหนถูกเรียกคำว่าหนูแน่นอน
พิมลดาได้แต่ยิ้มให้กับลูกสาวของเธอ แม้จะแอบขำในใจกับความตกใจของเจ้าตัวก็ตาม ถึงอย่างนั้นก็ยังดีกว่าตั้งแง่งอนกันไปจนบรรยากาศตึงเครียดไปเสียเปล่า
"หนูเข้าไปนะ"
"เข้าไปสิ ไปขัดจังหวะสักที จะได้ออกมาทานข้าวเย็นด้วยกัน" เธอดันหลังลูกสาวให้กล้าเปิดประตูเข้าไป ใจจริงก็อยากเห็นสีหน้าของสามี ที่จะทำหน้าตกใจกับการปรากฏตัวของคนที่คาดไม่ถึง เพราะเธอไม่ได้บอกว่าจะกลับมาทานข้าวเย็นพร้อมหน้าครอบครัว
นัทนันท์อึ้งเล็กน้อยที่เห็นสกาวใจกำลังเล่นหมากรุกกับคุณพ่อของเธอ บรรยากาศเป็นกันเองมากจนรู้สึกว่าเป็นไปได้ยังไง หรือเธอกำลังฝันไปอย่างนั้นหรือ
"เมื่อไหร่จะเลิกเล่นกันสักทีค่ะ เตรียมอาหารพร้อมแล้วนะ" พิมลดาเดินเข้าไปใกล้ กำลังเตรียมจะล้มกระดานแต่ทว่าถูกห้ามไว้เสียก่อน
"เดี๋ยวสิคุณ ผมกำลังเล่นอยู่นะ ตานี้ผมชนะแน่"
"จะมาชนะอะไรกัน ตั้งแต่เปิดห้องมานั่งเล่น ไม่เคยชนะสักตานะ รบกวนหนูแตงต้องมานั่งแข่งกับคุณเนี้ย ไปกันได้แล้วคุณ จะทำตัวเป็นเด็กไปถึงเมื่อไหร่" เสียงบ่นของพิมลดาทำให้นายดนัยต้องทำหน้ายุ่ง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังยอมทำตามอย่างว่าง่าย
นัทนันท์งุนงงกับภาพเหตุการณ์ตรงหน้า ว่าเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่ดูเหมือนครอบครัวกลายเป็นครอบครัวจริงๆ
"สามเดือนแล้ว" สกาวใจลุกเดินเข้าไปใกล้เพื่อจะกระซิบบอก กลับทำให้นัทนันท์ยิ่งมองด้วยความมึนงงกว่าเดิม
"ก็สีหน้าของนัดเหมือนจะถามแบบนั้นนี่น่า แตงเลยตอบจะได้คลายข้อสงสัย" เธออมยิ้ม คงจะตกใจไม่น้อยกับการปรากฏตัวของคนที่ไม่น่าจะเข้ามายืนอยู่ในบ้านนี้ได้
"แล้ว...แตงมาได้ยังไง" มาถูกทั้งๆ ที่นัทนันท์ไม่เคยพามาเลยสักครั้ง ที่สำคัญทำยังไงถึงดูสนิทกับทุกคนได้
"พี่เท็นมาส่งน่ะสิ" จะว่ามาส่งอย่างเดียวก็ไม่น่าใช่ ทั้งนัดเวลา รอรับและพากลับห้องพักอีก ทุกอย่างก็เป็นคำสั่งของดนัยทั้งหมด
"เดี๋ยวก่อนนะ ทำไมเรียกพี่ได้ล่ะ" น่าแปลกที่เท็นโด้ไม่ค่อยสนิทกับใครถึงขนาดเรียกพี่เรียกน้องกันได้ แต่ทำไมสกาวใจกลับเป็นกรณีพิเศษ
"ก็...คุณลุงบอกให้สนิทกันไว้" คนตัวเล็กตอบ ตลอดเวลาสามเดือนที่ผ่านมา เธอรู้สึกมีความสุขมากจนเหมือนมีครอบครัวจริงๆ ไปแล้ว ถึงแม้ว่าครั้งแรกที่ถูกพามาที่นี่จะตื่นเต้นจนเหงื่อออกมากก็ตาม แต่ทุกอย่างกลับเป็นไปได้ด้วยดีและกลายเป็นเพื่อนเล่นหมากรุกแก้เหงาให้กับคุณพ่อของนัทนันท์
"อย่าเรียกลุงสิ เรียกพ่อได้แล้ว" ดนัยเอ็ด
นัทนันท์มองทั้งสองด้วยความไม่เข้าใจ ตลอดสามเดือนมานี้ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
"ไม่ต้องแปลกใจหรอก แม่น่ะขำ พ่อของลูกไปหาเพื่อนที่โรงพยาบาลของหนูแตง แล้วทีนี้ก็ไปเจอที่แผนกอย่างบังเอิญ บังเอิญมากจริงๆ " พูดไปก็อมยิ้มไป สามีของเธออยากเห็นใกล้ๆ และทำความรู้จักคนที่ลูกสาวรัก แต่ไปก็ต้องมีเหตุการณ์ให้บังเอิญไปเจอ จะไปหาตรงๆ ก็คงไม่กล้าเผชิญหน้า
สถานการณ์คงพาให้สกาวใจมาที่บ้าน และกลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวประหนึ่งลูกสาวอีกคน นัทนันท์หน้ามุ่ยเล็กน้อย ทำไมไม่มีใครบอกเธอเลยล่ะ
"งอนเหรอ" สกาวใจแอบดึงเสื้อและพูดเบาๆ
"เปล่า ไม่ได้งอน กำลังดูสถานการณ์อยู่ ว่าแต่ แตงเล่นหมากรุกเป็นด้วยเหรอ" นัทนันท์เปลี่ยนเรื่อง
"เป็นสิ แต่ไม่ได้เล่นนานแล้ว" หัวเราะแห้งๆ จริงๆ เธอฝีมือตกไปมาก
"ขนาดไม่ได้เล่นนานแล้วนะ ยังชนะคุณพ่อได้"
"ก็นะ..." สกาวใจเกาแก้มเบาๆ แก้เขิน มันเป็นของชอบนี่น่า เมื่อลงเล่นจะไม่มีการออมมือให้เด็ดขาด
"กินข้าวแล้วมาเล่นกับพ่ออีก คราวนี้ชนะแน่นอน"
"พอเลยคุณ ไปทานข้าวกันได้แล้ว เดี๋ยวเย็นหมด" พิมลดาส่ายหน้าเบาๆ จะจริงจังอะไรกับแค่เล่นเกม
พอพิมลดาพาดนัยไปที่โต๊ะกินข้าว พร้อมเสียงบ่นและโต้เถียงของผู้เป็นสามี นัทนันท์ก็เกี่ยวก้อยของสกาวใจให้ตามพวกท่านไป คนตัวเล็กก้มมองแหวนที่นิ้ว เธอจำได้ว่าแหวนนั้นคือของเธอ
"ยังไม่ทิ้งอีกเหรอ"
"ไม่ทิ้งหรอก เหมือนกับที่อยู่บนคอของแตงไง" นัทนันท์หันมายิ้มให้ ถึงไม่บอกก็รู้ว่าไม่เคยทิ้งเหมือนกัน สร้อยเดิม แหวนเดิม อยู่ที่เดิมกับคนเดิมไม่มีเปลี่ยน

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ส.ค. 2566, 14:27:46 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 ส.ค. 2566, 14:27:53 น.
จำนวนการเข้าชม : 29
<< แค่ให้เวลารักษา |