เล่ห์วารี(ชื่อใหม่ของเหลี่ยมนางฟ้า)

Tags: นางฟ้า,อ้วน,ดำ,วิรัตต์ยา

ตอน: + + + + + + 17 + + + + + +



ตลอดเวลาที่เดินตามอาคมไปยังห้องทำงานของเขา นิลเนตรรับรู้ว่ามีสายตาแห่งความพิศวงระคนตื่นเต้นของป้าพรหล้ามองตามมา ซึ่งก็อยากหันไปบอกแกเหมือนกันว่า หล่อนเองก็พิศวงและตื่นเต้นไม่แพ้แก

ทำไมป้าพรหล้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้ นักสืบที่อนงค์จ้างให้สืบหาแกรายงานล่าสุดว่า แกขึ้นไปอยู่ทางเหนือกับญาติๆ ที่แต่งงานกับชาวต่างชาติไม่ใช่หรือ ไม่นึกเลยว่าแกจะมาอยู่ที่ปลายจมูกศัตรูนี่เอง แกลืมไปหรืออย่างไรว่าอาคมทำให้ครอบครัวหล่อนต้องบ้านแตกสาแหรกขาด

ทำไมแสงแดงซึ่งติดตามคุณอาคมมานาน ถึงไม่เคยเห็นแกบ้าง? ศรัณย์ล่ะ เวลามาที่นี่ เขาจะไม่เคยเห็นแกเชียวหรือ เป็นไปได้ยังไง?

แล้วทำไมคนที่นี่ถึงใจร้าย ให้แกทำงานหนักขนาดนั้นนะ งานแม่บ้านเบาๆ อาคมไม่มีให้แกเลยหรือ

จริงอยู่ ตอนอยู่ที่บ้านหล่อน แกก็ไม่ได้สบายนักหรอก ก็ต้องทำงานเหมือนกัน แต่เห็นว่าแกอายุมากแล้ว แม่จึงสั่งห้ามแกยกของหนักๆ อีกเด็ดขาด แกจึงมีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยภายในบ้านและดูแลหล่อนเป็นพิเศษ

สภาพป้าพรหล้าในตอนนี้ ยิ่งกระพือไฟแค้นในใจนิลเนตรให้ยิ่งลุกฮือ

“ร้านของผม ยังถือว่าเป็นร้านขนาดกลาง มีของขายครบทุกประเภทก็จริง แต่เรื่องการบริการยังไม่ครบวงจร” เสียงของอาคมเรียกสมาธิของนิลเนตรให้กลับมาอยู่ที่เขา ไฟในใจโหมขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งเมื่อได้ยินคำว่า ร้านของผม!

“คุณอาขยันจังเลยค่ะ ขนมก็ขาย แล้วยังมาทำร้านนี้อีก เหนื่อยแย่เลย” หล่อนฝืนส่งยิ้มชื่นชมไปให้เขา

“ไม่หรอก ร้านขนมน่ะ ผมรับจ้างเขาทำ” เขาพูดกลั้วหัวเราะ “มีร้านนี้แหละที่เป็นของผมเอง”

“ค่ะ...แล้วร้านนี่เปิดมานานแล้วสิคะ หนูสังเกตเห็นลูกค้าเข้าออกตลอดเวลาเลย แสดงว่าได้รับความไว้ใจอยู่พอสมควร”

“เปิดมานานแล้วละ แต่ผมเพิ่งได้เข้ามาดูแลเต็มตัวก็เมื่อสองปีที่แล้วนี่เอง...”

หลังจากโม้เกี่ยวกับ ‘ร้านของเขา’ ต่ออีกสักพัก อาคมก็บอกว่า ถ้าหากหล่อนไม่รังเกียจร้านเล็กๆ อย่างนี้ เขาก็พอมีตำแหน่งว่างให้

“หนูไม่มีสิทธิ์รังเกียจหรือเลือกงานมากนักหรอกค่ะ งานทุกวันนี้หายากจริงๆ แต่ไอ้ครั้นจะไม่เลือกเลยก็ไม่ได้ จะให้หนูไปเสิร์ฟอาหาร หรือให้ไปล้างรถ แบบนั้นหนูก็...ต้องคิดหนักเหมือนกันล่ะค่ะ ไม่ใช่รังเกียจนะคะ แต่หนูเสียดายวิชาความรู้ที่เรียนมา และคิดว่าตัวเองน่าจะทำอะไรได้ดีกว่านั้น”

อาคมพยักหน้าอย่างเห็นด้วยและมองหล่อนอย่างชื่นชมในความคิด

“ผมยินดีและถือว่าเป็นเกียรติ ถ้าหากว่าร้านของผมจะมีโอกาสให้หนูได้ใช้ความรู้ความสามารถที่เรียนมา”

“เอ่อ คุณอา...ตัดสินใจเร็วไปหรือเปล่าคะ คือ...ดูประวัติของหนูหน่อยดีมั้ยคะ จะได้แน่ใจว่าหนูไม่ได้หลอกอะไรคุณอา” นิลเนตรกล่าวอย่างเกรงใจพลางยื่นแฟ้มไปตรงหน้า แต่หนุ่มใหญ่กลับหัวเราะและผลักมันกลับ

“ผมขอแค่ประวัติส่วนตัวเล็กๆ น้อยๆ ก็พอ”

นิลเนตรยิ้มกว้าง

“ด้วยความยินดีค่ะ เมื่อก่อนครอบครัวของหนูก็ถือว่ามีฐานะดีครอบครัวหนึ่ง แต่ตอนหลังกิจการของครอบครัวโดนเพื่อนโกงไป พ่อเสียชีวิต แม่เลยพาหนูไปอยู่เมืองนอก แล้วก็ทำงานหาเงินเรียนเองจนจบ แต่หนูรักเมืองไทยมากค่ะ อยู่ที่ไหนก็ไม่อบอุ่นใจเหมือนบ้านเรา เลยว่าจะกลับมาปักหลักที่นี่ และถ้าตั้งหลักได้ หนูก็จะบินไปรับแม่มาอยู่ด้วยกัน...”

หล่อนเว้นช่วงนิดหนึ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้เขาดูออกว่า ท่องบทมา

“แต่หางานมาเกือบเดือนแล้ว ก็ยังไม่ได้เสียที พอดีมีเพื่อนๆ ชวนไปเป็นพริตตี้ หนูเห็นว่าไม่เสียหายอะไร ก็เลยไปทำอย่างที่คุณอาเห็นนั่นล่ะค่ะ แต่คุณอาก็คงทราบดี อาชีพนี้เสี่ยงเหลือเกินกับการถูกมองในแง่ไม่ดี แล้วยังต้องทนฟังเสียงเสนอราคาตัวเรา เหมือนเป็นสินค้าอะไรซักอย่างอีกต่างหาก หนูไม่ใช่คนอดทนเก่งเสียด้วย เลยคิดว่าตัวเองคงไม่เหมาะกับงานนั้นเท่าไร”

เป็นเรื่องจริงบวกเรื่องโกหกที่ทำให้อาคมต้องมองด้วยความสงสาร เห็นใจและชื่นชม ดังนั้นเอง ผ่านไปเพียงยี่สิบนาที นิลเนตรก็ได้งานทำในฐานะเลขาส่วนตัวของเขา ซึ่งเมื่อก่อนไม่เคยมี เพราะเขามีผู้จัดการร้านคอยรับคำสั่งตลอดจนรายงานความเป็นไปของร้านนี้อยู่แล้ว

“สันติเขางานเยอะแล้ว มีหนูมาช่วยแบ่งเบาเขาจะได้สบายขึ้นหน่อย” พูดจบเขาก็กดโทรศัพท์สายใน และเรียกสันติให้เข้ามาพบ พอวางสาย เขาก็หันมาทางหล่อนอีกครั้ง “สันติเป็นคนเก่าแก่ ทำงานที่นี่มาก่อนผมเสียอีก ฉะนั้นเขาจะรู้ทุกเรื่อง รู้ทุกปัญหาของที่นี่ดี”

ดี หล่อนกำลังอยากเจอเขาอยู่พอดี ดูซิ จะมีความสุขมากแค่ไหน มีร่องรอยความเสียใจที่ได้ ‘ขายตัว’ ให้คนที่ ‘ฆ่า’ อดีตเจ้านายตัวเองอยู่บ้างหรือเปล่า

ไม่นาน สันติก็กระหืดกระหอบมาถึง เขาชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นหล่อน แต่สักพักก็หันไปทางอาคมด้วยท่าทางนอบน้อม

“ขอโทษทีครับ พอดีผมทำงานติดพันอยู่ที่โกดัง เลยไม่ได้มารอพบท่าน”

“ฮื่อ ผมไม่ใช่เจ้านายประเภทต้องวางโตให้ลูกน้องมาตั้งแถวรอรับซักหน่อยน่า...คุณทำงานน่ะดีแล้ว นี่ผมยังคิดเลยว่า คุณอาจจะทำงานหนักไป เลยว่าจะหาคนมาแบ่งเบาภาระของคุณ”

พออาคมพูดอย่างนั้น สันติก็มองมาทางหล่อนอีกครั้ง นิลเนตรที่รออยู่แล้วรีบส่งยิ้มไปให้เพื่อเป็น
การผูกไมตรี แต่ดูท่าทางอีกฝ่ายจะไม่อยากมีไมตรีด้วยเท่าไร ไม่เพียงไม่ส่งยิ้มกลับ เขายังหันไปพูดกับอาคมอีกว่า

“งานของผมไม่ได้หนักอะไรนะครับท่าน ผมยังทำไหว อีกอย่างผมก็มีผู้ช่วยอยู่แล้วด้วย”

“ผมรู้ว่าคุณยังไหว แต่ผมว่าสองปีมานี้ คุณทำงานหนักเกินไปน่ะ ให้หนูอัปสรช่วยอีกแรงก็แล้วกัน”อาคมเอ่ยเสียงเด็ดขาดและสันติก็ไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป


+ + + + + + + + + + + + + + +


“ทุเรศ ที่แท้ก็แค่จะหาที่ซ่อนตัวเมียน้อย!” สันติบ่นด้วยความโมโหทันทีที่ประตูห้องทำงานแบบกระจกของเขาปิดลง หนุ่มใหญ่กระแทกแฟ้มงานลงกับโต๊ะแรงๆ ตามอารมณ์กรุ่นที่พยายามเก็บไว้ “ถุย ทำเป็นสร้างภาพว่ารักครอบครัว...”

ยามอยู่ลับหลังเช่นนี้ ความเคารพยำเกรงต่อผู้ที่ตัวเองบ่นถึงไม่มีเหลือสักกระผีก ซ้ำยังมีความเกลียดชังแฝงอยู่ด้วย ความเกลียดชังซึ่งต้องเก็บและกดมันเอาไว้ให้มิดชิด ไม่เช่นนั้น อนาคตในร้านนี้อาจดับวูบได้ง่ายๆ ขนาดเขาจงรักภักดี ด้วยการยอมทรยศ ‘วิญญาณเจ้านายเก่า’ แต่อาคมก็ยังไม่ให้เกียรติเขาเพียงพอ

ไม่เพียงแค่เรื่อง ‘เมียน้อย’ ที่ปุบปับเอามาซ่อนตัวไว้ที่นี่เท่านั้น เรื่องงานที่ผ่านๆ มาก็เช่นกัน หลายต่อหลายครั้งที่เขามีหน้าที่เป็นเพียงผู้รับฟังและทำตามคำสั่งเท่านั้น แทบไม่เคยได้แสดงความคิดเห็นอะไร หรือแสดงไปแล้วก็ไม่เคยได้รับการสนใจ ไม่เหมือนเจ้านายคนเก่า นั่นเป็นเจ้าของที่แท้จริง แต่เวลาจะทำอะไรสักอย่าง เป็นต้องเรียกทุกคนเข้ามาร่วมประชุมขอความคิดเห็นเสมอ

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ สันติก็ยิ่งรู้สึกผิดและเสียใจกับการกระทำของตัวเอง ที่ ‘วันนั้น’ ไม่เข้มแข็งและมั่นคงพอที่จะเลือกความถูกต้อง

“ก๊อก ก๊อก” เสียงเคาะประตูบ่งบอกความร้อนรนดังขัดความคิด และยังไม่ทันจะร้องอนุญาต คนเคาะก็ผลักเข้ามาก่อนแล้ว สันติหันไปมองก็พบว่าเป็นหญิงวัยไล่เลี่ยกับเขา ร่างท้วม ผิวสองสี แต่งตัวด้วยชุดฟอร์มของส่วนสำนักงานของร้าน...ภรรยาของเขานั่นเอง...

“พี่สัน ข้างนอกมันพูดกันให้แซ่ดว่าคุณอาคมมีเมียน้อย จริงหรือเปล่า” สีหน้าหล่อนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น อยากรู้อยากเห็น ตามปกติสันติจะรำคาญนิสัยนี้ของภรรยา แต่วันนี้เป็นการดีที่หล่อนถาม เขาจะได้ระบายสิ่งที่อัดอั้นออกเสียบ้าง

“จริงสิ เอามาเบียดงานฉันอยู่นี่ไง”

“เป็นไปได้หรือพี่ คุณอาคมเขารักลูกรักเมียยังกะอะไรดี ผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกเป็นหลานเขาหรือเปล่า” อีกฝ่ายทำท่าไม่อยากเชื่อ

“มันก็สร้างภาพกันทั้งนั้นล่ะวะ เจอเด็กสาวๆ สวยๆ ยิ้มหวาน คุณอาคะ คุณอาขา เข้าไปหน่อย ก็ลืมลูกลืมเมียหมดแล้ว” สันติทำเสียงเหยียดๆ

“แล้วได้ข่าวว่าสวยมากเลยเหรอ ผู้หญิงคนนั้นน่ะ ฉันเห็นพวกหนุ่มๆ ข้างนอกมันกระดี๊กระด๊ากันใหญ่”

“สวย และฉันก็คุ้นหน้ามากด้วย ไม่รู้ว่าเคยเห็นที่ไหน” เขาพูดพลางทำท่าคิดไปด้วย แต่สักพักก็สั่นหน้าไปมาเพราะคิดไม่ออก “ช่างหัวเถอะ จะเป็นใครมาจากไหนไม่สำคัญหรอก สำคัญที่ตอนนี้ มันกำลังจะมาแย่งงานแย่งเงินฉัน”

“หมายความว่า คุณเขาจะลดเงินเดือนพี่เหรอ พี่สัน แบบนี้อย่าไปยอมนะ”

“ไม่ได้ลด แต่คงจะไม่ได้เพิ่ม เพราะต้องแบ่งเงินไปบำรุงบำเรอเมียน้อย...”

และแล้วการสนทนาของสองสามีภรรยาก็จำต้องหยุดลง เมื่อสันติเหลือบไปเห็นร่างของใครคนหนึ่งด้อมๆ มองๆ อยู่แถวประตู และกำลังมองเข้ามาในห้องด้วยความไม่แน่ใจ

ป้าพรหล้านั่นเอง

เห็นอย่างนั้นเขาก็เดินอ้อมร่างท้วมของภรรยาไปเปิดประตูรับแก

“มีอะไรหรือป้า ได้ข่าวว่า ทำกระเบื้องแตกอีกแล้วใช่มั้ย” ถามพลางก็กวาดตามองร่างผอมบางของแกด้วยความเวทนา สันติยังจำวันที่แกและคนรับใช้ของบ้านนิรุทธิ์ทั้งหมดโดนอาคมต้อนมาทำงานที่นี่ได้

‘ไม่มีที่ไปก็มาอยู่เสียที่นี่แหละ แต่งานคงไม่สบายเหมือนอยู่ที่นั่นนะ’ อาคมเอ่ยพลางไล่สายตามองพวกเขาเหล่านั้นช้าๆ ‘ฉันเองก็ไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำอะไร แต่ให้อยู่บ้านหลังนั้นไม่ได้จริงๆ เพราะมีคนมาซื้อไปแล้ว...สันติ คุณดูงานให้พวกเขาด้วยก็แล้วกัน’

สั่งเสร็จ อาคมก็เดินขึ้นไปชั้นสอง สันติจึงทำหน้าที่แบ่งงานให้ทุกคน โดยป้าพรหล้านั้นเขายกตำแหน่งแม่บ้านให้แก แต่ปรากฏว่าแม่บ้านคนเก่าของที่นี่ไม่ยอมแถมยังบอกว่าไม่ต้องการผู้ช่วย เขาจึงไปปรึกษาอาคม อาคมก็ปัดไล่อย่างรำคาญ หาว่าปัญหาแค่นี้เขาก็แก้ไม่ได้

‘ป้าลงไปอยู่สต็อกก็แล้วกัน มีอะไรที่พอจะช่วยคนอื่นได้ก็ช่วยหยิบๆ จับๆ เขาไป’

เขาเคยถามป้าพรหล้าว่า ไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยหรือที่ต้องทำงานกับคนที่ทำให้ครอบครัวเจ้านายแกต้องเป็นแบบนี้

‘ป้าไม่มีทางเลือก จะกลับไปอยู่บ้านนอก ก็ไม่เหลืออะไรแล้ว น้องๆ หลานๆ ป้ามันขายบ้านขายที่ไม่เหลือซักแปลง แล้วก็ย้ายไปอยู่ที่อื่นกันหมด...ที่สำคัญ ป้าจะอยู่ที่นี่อย่างมีความหวังค่ะ ป้าหวังว่า ซักวันหนึ่ง คุณหนูของป้าจะกลับมา ป้าจะรอคุณหนูนิลอยู่ที่นี่’



“จริงๆ นะ ทำไมป้าไม่ลาออกจากที่นี่ไปหางานเบาๆ ทำเสียทีล่ะคะ นี่พวกที่มาจากบ้านนั้นก็ลาออกไปเป็นคนใช้บ้านอื่นหมดแล้ว เพราะที่นี่งานมันหนัก” เสียงภรรยาทำให้สันติต้องปล่อยความคิดของวันเก่าๆ ให้ผ่านไป แล้วหันมาสนใจหญิงชราตรงหน้าต่อ

“ไม่มีที่ไหนรับคนแก่อย่างป้าเข้าทำงานหรอกค่ะคุณเจี๊ยบ อีกอย่าง อย่างที่ป้าเคยบอก ป้าอยู่รอคุณหนูของป้าด้วยค่ะ”

“แล้วป้ามาหาผมมีเรื่องอะไรหรือเปล่า จะให้ผมช่วยคุยกับคุณอาคมเรื่องหักเงินนี่หรือ”

“เปล่าหรอกค่ะ” แกส่ายหน้าไปมา แววตาเต็มไปด้วยความลังเลระคนตื่นเต้น “คือ...คุณสันติพอจะรู้มั้ยคะ ว่าผู้หญิงที่มากับคุณอาคมเมื่อครู่นี้เป็นใคร”

“หือ? ป้าถามทำไม” สันติหันไปสบตาภรรยา ก็เห็นว่าหล่อนมีสีหน้าสงสัยเช่นกัน

“เอ้อ...ป้า...รู้สึกคุ้นๆ เธอน่ะค่ะ เลยคิดว่าอาจจะเป็นคนที่ป้ารู้จัก”

“ป้าคิดว่าใครหรือคะ...พี่สันติบอกว่า เขาเป็นเมียน้อยของคุณอาคมน่ะค่ะ”

ป้าพรหล้ายกมือทาบอกด้วยความตระหนก ดวงตาแกเบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อ

“เมียน้อยหรือคะ”

“ใช่ ผมว่าผมเดาไม่ผิดนะ ป้า ไม่อย่างนั้นผู้หญิงสวยๆ แบบนั้นคงไม่ยอมมาทำงานอยู่ในร้านแบบนี้หรอก เขามีทางเลือกที่ดีกว่านี้อยู่แล้ว...ว่าแต่ป้าคิดว่าเป็นใครงั้นหรือ”

“เอ้อ...เปล่าหรอกค่ะ สงสัยว่าป้าจะเข้าใจผิดไปเอง...ป้าขอตัวก่อนนะคะ” พูดจบแกก็ผลุนผลันกลับออกไปด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ สองสามีภรรยาเลยได้แต่หันสบตากันอีกครั้งอย่างงงๆ

+ + + + + + + + + + + + + + + +

ทางด้านนิลเนตร ทันทีที่ก้าวออกมายืนด้านหน้าร้าน หล่อนก็แอบชกลมเบาๆ ด้วยความสะใจ ที่แผนขั้นที่สองสำเร็จลงอย่างงดงาม

นี่สินะ โอกาสของคนสวย ที่หล่อนในสภาพอ้วนดำไม่มีวันได้เจอ!

เป็นอีกครั้งที่หล่อนต้องขอบคุณอนงค์ที่ให้โอกาสหล่อน ขอบคุณบรรดาครูๆ ที่เคี่ยวเข็ญและเอาจริงเอาจังกับหล่อน และสุดท้ายต้องขอบคุณตัวเองที่ผ่านมามีความอดทนมากพอ ตอนนี้ผลของความอดทนของหล่อนใกล้สัมฤทธิ์ผลแล้ว...อีกไม่นาน...อีกไม่นาน...

หญิงสาวหันไปมองร้านอีกครั้ง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรฯ หาแสงแดงด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“พี่แดง นิลเจอป้าพรหล้าแล้ว พาแกออกมาให้ได้ภายในวันนี้ พาไปที่คอนโดเลย ตอนกลางวันอ้อไม่อยู่ เขาไปทำงานไง...เที่ยงสามสิบนาที พี่กับป้าพรหล้าต้องถึงคอนโด งานนี้ เรามีเรื่องต้องคุยกันเยอะหน่อยนะ พี่แดง!”

วางสายจากแสงแดงไม่ทันไร เสียงโทรศัพท์มือถือของหล่อนก็ดังขึ้น และนิลเนตรก็ต้องยิ้มสมใจออกมาอีกครั้ง เมื่อเห็นชื่อที่แสดงอยู่หน้าจอ ปรานนต์นั่นเอง

“คุณเนตรอัปสรยุ่งอยู่หรือเปล่าครับ”

“ไม่ยุ่งและกำลังนึกถึงคุณอยู่พอดีเลยค่ะ” หล่อนหยอดคำหวานลงไปนิดหน่อย พอให้ปลายสายปลื้มเปรม

“ผมดีใจที่เราใจตรงกัน...คืนนี้เพื่อนผม...คนที่เป็นเจ้าบ่าวคืนนั้นน่ะครับ เขาจัดปาร์ตี้ก่อนไปฮันนีมูน คุณสนใจหรือเปล่า เป็นปาร์ตี้สบายๆ มีแต่คนกันเองน่ะ”

“แต่ฉันไม่รู้จักใครเลย จะเป็นกันเองกับใครได้ยังไงล่ะคะ” หล่อนกรอกเสียงทีเล่นทีจริงลงไป ปรานนต์หัวเราะเบาๆ มาตามสาย

“คุณเอาคนที่คุณบอกว่าคิดถึงไปไว้ที่ไหนล่ะครับ...ตกลงนะ เดี๋ยวคืนนี้ผมจะไปรับ” เขาเร่งรัดมาในตอนท้าย

“อืม...เอาไว้เย็นๆ ฉันโทรฯ ให้คำตอบก็แล้วกันค่ะ” นิลเนตรกระตุกรั้งสายสัมพันธ์ไม่ให้ถูกถักทอจนเร็วเกินไป ไม่อย่างนั้นเขาอาจผิดสังเกต แม้จะดูเป็นคนใจร้อน ไม่ใคร่รอบคอบนัก แต่ปรานนต์ก็ไม่ใช่คนโง่ แต่ก็ตั้งใจว่าจะไม่ทอดเวลาให้เนิ่นนานจนเกินไป หล่อนต้องลงมือก่อนที่เหมือนมุกจะทันรู้ตัว!

นิลเนตรเดินนึกถึงแผนที่กำลังเดินหน้าไปได้ด้วยดีของตัวเองด้วยความครึ้มอกครึ้มใจ ถ้าหากทุกอย่างเป็นไปอย่างที่อนงค์วางแผนไว้ให้ทุกเรื่อง ใช้เวลาไม่เกินสี่เดือน การแก้แค้นของหล่อนก็จะจบลงอย่างสวยงาม

ปรานนต์กับเหมือนมุกจะถูกหล่อน “ประหาร”

ร้านของปู่ย่าจะคืนกลับมาเป็นของหล่อน

แล้วแค้นของอนงค์ล่ะ? จู่ๆ คำถามนี้ก็ผ่านเข้ามาในความคิดของนิลเนตร

อนงค์ต้องการอะไรคืนกลับจากศัตรูของตัวเองบ้าง? แค่หล่อนแก้แค้นสำเร็จ อนงค์ก็พอใจอย่างนั้นหรือ? ความแค้นที่เก็บงำมานาน ต้องการเพียงเท่านี้จริงๆ หรือ?


+ + + + + + + + + + + + +


การพาตัวป้าพรหล้าออกมาหานิลเนตรไม่ใช่เรื่องยากเท่าไรนัก แสงแดงเข้าไปในร้านและขอพบแก โดยบอกว่าเขาเป็นหลานแก เพิ่งมาจากต่างจังหวัด ครั้นพบแก เขาก็บอกไปตามตรงว่า มาจากคุณหนูนิลเนตร

ป้าพรหล้ามองหน้าเขาอย่างชั่งใจ แสงแดงจึงต้องงัดประวัติคุณหนูเมื่อสองปีก่อน รวมทั้งนิสัยบางอย่างขึ้นมาพูด นั่นเอง แกถึงยอมวิ่งไปลางานกับสันติแล้วเดินตามเขาออกไป

สิบสองนาฬิกาสามสิบนาที ตรงตามเวลาเส้นตายที่นิลเนตรกำหนดให้พอดิบพอดี แสงแดงก็พาป้าพรหล้าไปหยุดอยู่หน้าห้อง

พอประตูเปิดออก ป้าพรหล้าก็ค่อยๆ ก้าวเข้าไปและกวาดตามองห้องชุดที่ตกแต่งสวยงามหรูหรานั้นด้วยความไม่แน่ใจปนตื่นเต้น แล้วแกก็ต้องร้องลั่นออกมาคำหนึ่งเมื่อรู้สึกว่าร่างของแกถูกชน ก่อนที่คนชนจะกอดรัดร่างผอมบางของแกเอาไว้แน่น ตามมาด้วยเสียงสะอื้นไห้

ป้าพรหล้าก้มลงมอง ก็เห็นเพียงศีรษะที่ปกคลุมด้วยเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนหอมกรุ่นที่ซุกอยู่กับอกแก มือหยาบกร้านจึงค่อยๆ ผลักร่างนั้นออก เพื่อมองหน้าคุณหนูของแกให้ชัด

“คุณหนู...คุณหนูของป้าจริงๆ หรือคะ”

“นิลของแท้และแน่นอนค่ะ...” นิลเนตรพยักหน้าทั้งน้ำตา

นิลเนตรใช้เวลาหลังจากนั้นเล่าเรื่องทุกอย่างให้พี่เลี้ยงที่เลี้ยงหล่อนมาแต่อ้อนแต่ออกฟัง ซึ่งป้าพรหล้าก็ออกอาการตาเบิกกว้างเป็นระยะๆ ส่วนแสงแดงนั้นลากลับไปตั้งนานแล้ว ด้วยรู้ดีว่า เมื่อคุยกับพี่เลี้ยงเสร็จ คุณหนูจะต้องหันมา “คุย” กับเขาบ้าง

ครั้นเรื่องจบลง หลังจากอดคุณหนู(เคย)อ้วนดำของแกให้สมกับความรักความคิดถึง แกก็เอ่ยปากด้วยความเป็นห่วงในสิ่งที่หล่อนกำลังทำอยู่

“ไม่เสี่ยงไปหน่อยหรือคะ คุณหนู ไม่มีวิธีอื่นที่ดีกว่าการเอาตัวเข้ามาเสี่ยงแบบนี้หรือคะ”

“ไม่มีหรอกค่ะ คนพวกนั้นทำให้นิลเจ็บปวด ทำให้ชีวิตนิลพังไม่มีชิ้นดี นิลต้องเป็นคนเอาคืนด้วยตัวนิลเอง และตอนนี้ เราก็เริ่มต้นได้ด้วยดีเสียด้วย ไม่มีใครจำนิลได้ซักคน”

“แล้วคุณอ้อล่ะคะ จะจำคุณหนูไม่ได้เชียวหรือ สนิทกันมาตั้งหกปี คลุกคลีตีโมงด้วยกันมาก็เยอะ ซึ่งป้าก็แน่ใจว่า ถ้าคุณอ้อจำได้ เขาจะไม่มียอมให้คุณหนูทำแบบนี้แน่ๆ”

“ตอนนี้อ้ออาจจะแค่สงสัยในตัวเนตรอัปสรเท่านั้นค่ะ แต่เขาจะไม่มีทางรู้ความจริงเด็ดขาด...” นิลเนตรทรุดกายลงนั่งคุกเข่าตรงหน้าป้าพรหล้าซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ “นิลจึงอยากขอร้องป้า ถ้าหากว่าอ้อเจอป้าแล้วขอเบอร์โทรศัพท์ป้านุ่ม ป้าอย่าให้เขาเด็ดขาดนะคะ”

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ แต่จะว่าไป ตั้งแต่เกิดเรื่อง ตั้งแต่คุณหนูออกไปจากบ้าน ป้าก็ไม่ได้เจอคุณอ้ออีกเลยนะคะ ไม่รู้ป่านนี้จะเปลี่ยนไปยังไงบ้าง จะผอมเหมือนคุณหนูของป้าหรือเปล่า”

“เอ๊ะ อ้อไม่เคยไปที่ร้านเลยหรือคะ” นิลเนตรถามด้วยความแปลกใจ

“ตั้งแต่ป้าเข้าไปทำงาน ยังไม่เคยเห็นคุณอ้อสักครั้งเลยค่ะ ซึ่งป้าก็รู้ว่าเพราะอะไร...คุณอ้อไม่พอใจในสิ่งที่คุณอาคมทำ และไม่อยากยุ่งเกี่ยว...นี่ไงคะ คุณหนู ที่ป้าบอกว่า คุณอ้อไม่มีวันเห็นด้วยกับสิ่งที่พ่อเขาทำ ถ้ารู้แต่ต้น คนดีๆ อย่างคุณอ้อจะไม่มีวันยอมให้เกิดขึ้นแน่นอน” ป้าพรหล้าพูดด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ แต่นิลเนตรก็อดหมั่นไส้คนที่ป้าชื่นชมไม่ได้ อยากให้ป้ารู้นักว่า คนดีของป้าทำอะไรกับหล่อนบ้าง!

“คุณหนูคะ...แล้วคุณอนงค์คนนี้ไว้ใจได้แค่ไหนคะ” ป้าอนงค์เอ่ยถามในสิ่งที่ค้างคาใจ นับแต่รับฟังเรื่องราวภายในสองปีของคุณหนูของแก “เอ่อ คือ ป้าแค่รู้สึกแปลกๆ ที่จู่ๆ เขาก็เข้ามาช่วยคุณหนู แล้วก็ทุ่มเทให้ขนาดนี้ แม้ว่าเขาเองก็จะมีเรื่องแค้นใจกับคนบ้านนั้นเหมือนกันก็เถอะ”

“บางครั้งนิลเองก็คิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกันค่ะ ป้า แต่นิลเชื่อในพลังของความแค้นว่ามันสามารถสั่งให้เราทำอะไรก็ได้ น้าอนงค์ถูกทำร้ายไม่น้อยไปกว่านิล เจ็บปวดและแค้นไม่น้อยไปกว่านิล...น้าอนงค์เคยเล่าให้ฟังว่า ตอนแรกกะจะให้สาวใช้คนใดคนหนึ่งเป็นคนทำหน้าที่ที่นิลกำลังทำอยู่ คนใช้บ้านนั้นสวยและเก่งทุกคนค่ะ น้าอนงค์เขาฝึกมาดี แต่พอเห็นและรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับนิลบ้าง น้าอนงค์จึงเลือกนิล และตอนนี้ เราทั้งคู่ต่างก็มีศักยภาพพอที่จะเอาคืนคนพวกนั้นแล้ว”

ป้าพรหล้าเงียบไปอย่างไม่สบายใจนักตามประสาคนที่ผ่านโลกผ่านร้อนผ่านหนาวมามากกว่า แต่เมื่อเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความรักและความศรัทธาในตัวอนงค์ของคุณหนูแล้ว แกก็ยอมปิดปากเงียบ แล้วบอกว่า

“ป้าคงต้องขอตัวกลับก่อนนะคะ คุณหนู แล้ววันหลัง ป้าจะหาโอกาสมาเยี่ยมคุณหนูใหม่...ป้าดีใจนะคะ ที่ได้เจอและได้รู้ว่าคุณหนูสบายดี”

“อั๊ย ป้า นิลหาป้าเจอแล้ว คิดว่านิลจะยอมให้ป้ากลับเข้าไปทำงานงกๆ ให้นายอาคมจิกหัวใช้แบบนั้นอีกเหรอ” นิลเนตรจับมือแกไว้ “ป้าไม่ต้องไปทำงานที่นั่นแล้ว เดี๋ยวนิลจะขอน้าอนงค์ให้ป้าไปอยู่ที่ลานนางฟ้าก่อน แล้วพอนิลแก้แค้นเสร็จ นิลจะไปรับป้ามาอยู่กับนิล”

“เอ้อ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณหนู ป้ายังทำงานไหว ป้าไม่อยากรบกวนคุณอนงค์น่ะค่ะ”

“โอ๊ย ไม่รบกวนหรอกค่ะ นิลเชื่อว่าน้าอนงค์จะต้องยินดีอย่างแน่นอน น้าอนงค์เขารักนิล เขาก็ต้องรักคนของนิลด้วย...” เมื่อเห็นป้าพรหล้ายังทำหน้าเกรงใจ นิลเนตรก็โอบเอวแกอย่างประจบ “นิลเหลือป้าที่เป็นญาติผู้ใหญ่คนเดียวนะคะ นิลจะปล่อยให้ญาติของนิลไปตกระกำลำบากอีกได้ยังไง อยู่กับนิลนะคะ แล้วคืนนี้ ป้าก็ต้องนอนกับนิลด้วย ให้นิลกอดป้าสมกับที่เราจากกันไปตั้งนานนะ นะคะ นะคะ”

+ + + + + + + + + + + + + +


กล่อมป้าพรหล้าเรียบร้อย ส่งข้อความตอบรับไปงานเลี้ยงกับปรานนต์เรียบร้อย นิลเนตรก็ส่งข้อความหาอนงค์ว่าตอนนี้หล่อนกลับมาถึงคอนโดแล้ว ผ่านไปประมาณยี่สิบนาที อนงค์ก็โทรฯ มาหา หลังจากรายงานผลการทำงานที่น่าพอใจแล้ว พออนงค์รู้ว่า ป้าพรหล้าอยู่ที่ร้านนั่น ก็บอกว่า แกควรจะอยู่ที่นั่นต่อไป

“...คุณจำเป็นต้องมีผู้ช่วยในนั้น”

“แต่นิลไม่อยากให้ป้าต้องยุ่งกับเรื่องนี้ด้วยนี่คะ อีกอย่าง แกก็อายุมากแล้ว แกไม่ควรต้องทำงานหนักขนาดนั้นแล้ว”

“ใช้ความเป็น ‘อัปสร’ ให้เป็นประโยชน์สิ” อนงค์แนะนำมาสั้นๆ แต่ไม่ยอมบอกว่าให้หล่อนทำอะไร แล้วก็ตัดสายไป นิลเนตรได้แต่มองมือถือนิ่งราวจะให้มันผุดคำตอบมาให้ว่า หล่อนควรจะตัดสินใจเรื่องป้าพรหล้าอย่างไร แล้วจะใช้ความเป็น ‘อัปสร’ ยังไง

แต่เมื่อคิดไม่ออก หล่อนก็ปัดมันทิ้งไปก่อน หันมาเตรียมตัวสำหรับ “ปาร์ตี้พิเศษ” ค่ำคืนนี้ ตามเคย ป้าพรหล้าอดเป็นห่วงหล่อนไม่ได้ กลัวจะพลาดให้ปรานนต์จับได้ในที่สุด

“ป้าดูนิลสิ นิลเหมือนยายนิลพังแป้นนี่ตรงไหนบ้างล่ะคะ มีอะไรตรงไหนที่จะทำให้เขาจำนิลได้บ้าง” นิลเนตรว่าพลางใช้หลังมือไล่ลงมาตั้งแต่ใบหน้า ผ่านลำคอระหง หน้าอกครัดเคร่งตามวัยสาว เอวคอดและสะโพกผายได้สัดส่วนของตนเอง ป้าพรหล้านิ่งอยู่ครู่หนึ่งก็พยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงเศร้าๆ ว่า

“นี่ถ้าคุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายอยู่ ได้เห็นคุณหนูในตอนนี้ ท่านจะว่ายังไงบ้างนะ”

ได้ยินอย่างนั้น นิลเนตรก็เดินมากอดแกและซบหน้าลงกับไหล่ “ถ้าคุณพ่อคุณแม่ยังอยู่ นิลอาจจะยังเป็นยายพังแป้นอ้วนดำอยู่เหมือนเดิม เป็นลูกแหง่ที่ไม่รู้จักโต แล้วก็อ่อนแอให้คนเขารังแกและเอาเปรียบอยู่เหมือนเดิมก็ได้...อย่างน้อยในความโชคร้ายที่นิลเจอ ก็ยังมีสิ่งดี อยู่นะคะ ป้า”

ป้าพรหล้ากอดตอบคุณหนูของแกพลางพยักหน้าหงึกหงักอย่างเห็นด้วย พร้อมกันนั้นก็ให้รู้สึกภูมิใจยิ่งนักที่คุณหนูของแกโตเป็นผู้ใหญ่แล้วจริงๆ



แสคสั้นสีดำแขนกุดคอปาดเผยลาดไหล่อิ่มสวย ผมถูกจับดัดหยิกเป็นลอนใหญ่ การแต่งหน้าที่เข้มจัดสมกับไปปาร์ตี้ตอนกลางคืน ทำให้นิลเนตรกลายเป็นสาวสวยสะพรั่งชวนตะลึงลาน และก็ทำให้ป้าพรหล้าซึ่งไม่เคยเห็นคุณหนูของแกในมาดใหม่และการแต่งตัวที่เต็มยศมาก่อน ได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยความชื่นชม และเอ่ยชมหล่อนไม่ขาดปาก

“แบบนี้สวยพอที่จะให้นนต์หลงหรือเปล่าคะ”

ป้าพรหล้าที่เพิ่งรู้ว่าปรานนต์ทำอะไรกับคุณหนูของแกเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ พยักหน้ายืนยัน

“งั้นนิลไปก่อนนะ ไม่เกินสามชั่วโมง นิลจะกลับมา อ้อ แล้วอย่าลืมที่นิลบอกนะคะ อย่าออกไปเพ่นพ่านเด็ดขาด อ้ออยู่ห้องตรงข้ามนี่เอง ไม่อย่างนั้นล่ะก็ จบเห่แน่ๆ”

แกพยักหน้ารับคำมั่นเหมาะ ก่อนจะโอบเอวหล่อนพาไปส่งที่ประตู นิลเนตรก้มลงหอมแก้มแกฟอดหนึ่ง ก็ผละออก แล้วเปิดประตูห้องออกไป ครั้นแล้วหล่อนก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าศรัณย์ก็เพิ่งเปิดประตูออกมาเช่นกัน

นิลเนตรหันขวับไปมองประตูตัวเอง ครั้นเห็นว่ามันแง้มอยู่และเขาก็อาจมองเข้าไปเห็นป้าพรหล้า หล่อนก็รีบปิดประตูฉับและหันมาสบตาเขาด้วยมาดนิ่งๆ

“พี่เลี้ยงคุณมาอยู่ด้วยแล้วหรือ” ศรัณย์ซึ่งอยู่ในชุดเตรียมพร้อมออกข้างนอกถามพลางเขม้นมองเข้าไปในห้องแม้ว่าหล่อนจะปิดประตูสนิทแล้วก็ตาม

“เปล่า ฉันอยู่คนเดียว”

“แต่ผมเห็นเงาคนแล้วก็ได้ยินเสียงเหมือนคุณพูดกับใครอยู่” ศรัณย์ยังไม่ยอมแพ้ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันด้วยท่าทีครุ่นคิด “และผมก็คุ้นเสียงนั้นด้วย”

“ฉันว่าคุณหูฝาดแล้วละ” นิลเนตรส่ายหน้าไปมาเชิงระอา และเริ่มต้นออกเดิน ศรัณย์ยังคงยืนมองประตูต่ออีกครู่หนึ่งก็ก้าวตามหล่อน

“จะไปไหนหรือคุณ”

“ฉันนัดเพื่อนไว้” หล่อนตอบกลับสั้นๆ ให้เขารู้ว่าไม่ได้อยากคุยด้วย แล้วก็โชคดีที่โทรศัพท์มีสายเรียกเข้าพอดี ปรานนต์นั่นเอง “ค่ะ... ลาดพร้าว ๔๘ ใช่มั้ยคะ ค่ะ...ค่ะ ถ้าหาไม่เจอเอาไว้ฉันจะโทรฯถามอีกทีก็แล้วกัน อุ๊ย ไม่ต้องมารับหรอกค่ะ ฉันไปถูกแน่นอนค่ะ” หล่อนปฏิเสธพัลวันเมื่อเขาบอกว่าจะมารับให้ได้

แล้วนิลเนตรก็ต้องสะดุ้งเมื่อจู่ๆ ผู้ชายที่เดินอยู่ข้างๆ และจับใจความบทสนทนาของหล่อนได้ เอะอะขึ้น

“นี่อย่าบอกนะว่า คุณไปปาร์ตี้บ้านพี่โอบด้วยน่ะ”

หญิงสาวหันขวับไปมองเขาด้วยความตกใจ เพราะก็คุ้นๆ ว่า ชื่อเพื่อนของปรานนต์จะเป็นชื่อนี้ แล้วนี่อย่าบอกนะว่า เขาก็จะไปที่นั่นด้วย

โอย อะไรกันนี่ หล่อนจะหนีเขาไม่พ้นจริงๆ ใช่ไหม นิลเนตรครางในอกเซ็งๆ

“นายนนต์ชวนล่ะสิ” พอเห็นสีหน้าหล่อน ศรัณย์ก็เดาเรื่องออก น้ำเสียงนั้นจึงเต็มไปด้วยแววเยาะ ตอนนั้นทั้งคู่เดินมาถึงลิฟต์แล้ว “ผมอยากรู้นักว่ามันชวนแฟนมันไปด้วยหรือเปล่า”

นิลเนตรไหวไหล่น้อยๆ เป็นเชิงว่า ไม่รู้ ไม่สน และไม่แคร์ พอดีกับที่ลิฟต์มาถึง หล่อนจึงก้าวเข้าไปก่อน

“ไหนๆ ก็ไปงานเดียวกัน คุณจะติดรถผมไปก็ได้นะ พลังงานต้องหารสองก็จริง แต่ผมไม่หารค่าน้ำมันคุณก็ได้” พอลิฟต์ปิดลงเขาก็พูดขึ้นแต่ไม่หันมามองหน้าหล่อน นิลเนตรได้แต่ทำมึนทำเงียบใส่เขา ครั้นลงมาถึงชั้นล่างสุด แล้วลิฟต์เปิดออกนั่นละ หล่อนจึงหันมาพูดว่า

“ฉันรู้ตัวเองดีว่าฉันเป็นคนสวย เสน่ห์ก็แรง เพราะฉะนั้นฉันไม่จำเป็นต้องทดสอบเสน่ห์ด้วยการควงผู้ชายอีกคนไปให้ผู้ชายอีกคนหึงหรอก แค่นี้ก็สับรางไม่หวาดไม่ไหว”

แต่พอพูดแบบเชิดๆ ออกไปแล้ว เดินนำเขาออกมาแล้ว หล่อนถึงนึกได้ว่า งานวันนี้พละจะเป็นคนไปส่งหล่อน และตอนนี้เขาก็รออยู่แล้วในลานจอดรถของคอนโด!

“เอ่อ แต่งานนี้ฉันเห็นด้วยกับเรื่องพลังงานหารสองนะ” หล่อนหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้าเขาและส่งยิ้มเซ็กซี่ไปให้ ศรัณย์มองหน้าหล่อนนิ่งอยู่ครู่ก็ยิ้มแบบรู้เท่าทัน

“จริงๆ แล้วคุณกำลังพยายามปกปิดความจริงบางอย่างอยู่ใช่มั้ย”

“ปกปิดอะไรไม่ทราบ คุณจ้องจะจับผิดฉันมากไปหรือเปล่า คุณอ้อ”

“คุณเหมือนนิลอยู่อย่าง เวลาโกหกอะไรแล้วไม่ค่อยเนียน เพียงแต่กับนิลน่ะ ผมจับได้เสมอว่าเธอโกหกเรื่องอะไร”

“อ้อ คุณก็เลยพยายามจะจับโกหกฉันงั้นสิ”

ศรัณย์ตอบกลับมาเพียงเสียงหัวเราะหึหึในลำคอ แล้วเริ่มต้นออกเดินอีกครั้ง พอเข้ามาใกล้หล่อนเขาก็เอ่ยด้วยเสียงลอดไรฟันว่า

“และผมจะจับให้ได้ด้วย!”

เปลี่ยนใจไม่นั่งรถไปด้วยยังทันหรือไม่!

(จบบทที่ ๑๗)




ทักท้าย

อ้อม...หวังว่าบทนี้จะไม่มีปัญหา อิอิ

โอ...ช่าย ยายนิลอาจอยากร้องเพลง แต่เราก็หากันจนเจอ อิอิ

อัญ...๕๕๕๕๕๕ ยังไม่ได้ปลุกเสกเลย เดี๋ยวเขียนจบก่อน จัดชุดใหญ่ เอิ๊ก ส่วนเรื่องเขียนคอมมาดี้ พี่ก็แปลกใจตัวเองเหมือนกัน ทั้งที่ความจริงชอบดราม่ามากกว่าอ่ะ

คุณ violette...อิอิ รอดูฤทธิ์นายอ้อค่ะ (จะมีฤทธิ์มีเดชอะไรกะเค้ามั้ยน้อ ๕๕๕๕)

คุณ น้องอุด้ง...คาดว่านายอ้อก็อยากถามตัวเองเหมือนกันว่า ตกลง ตรูควรจะเอาไงดีว้า อิอิ

คุณ gozilar...อิอิ ป้าพรหล้าแอบ




วิรัตต์ยา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 ส.ค. 2554, 01:39:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 ส.ค. 2554, 01:39:10 น.

จำนวนการเข้าชม : 1810





<< 16    + + + + + + 18 + + + + + + >>
violette 30 ส.ค. 2554, 04:11:46 น.
ฮ่าๆ ตกลงใครจะจับผิดใครคะเนี่ย
รอลุ้นตอนต่อไปค่า


ตุ๊งแช่ 30 ส.ค. 2554, 06:00:44 น.
จับผิดไม่เท่าไหร่ อย่าเผลอไปจับอย่างอื่นน๊าาาา 555


wane 30 ส.ค. 2554, 06:20:55 น.
ยัยนิลหลุดให้อ้อจับได้ตลอด ตลอด


น้องอุด้ง 30 ส.ค. 2554, 09:10:27 น.
อ่า...ตกลงน้าอนงค์มีความแค้นอารายน้า อยากรุ้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ(><) รอต่อไปค่า


anOO 30 ส.ค. 2554, 13:31:18 น.
นายอ้อเริ่มสงสัยขึ้นเรื่อยๆ แล้ว เพียงแต่ยังไม่มั่นใจมากกว่า
ตกลงน้าอนงค์คือนายใหญ่รึป่าวหว่า


XaWarZd 1 ก.ย. 2554, 12:39:57 น.
เห็นด้วยว่าทำไมคุณอนงค์หาป้าพรหล้าไม่เจอ แล้วก็ความแค้นอันน่าสงสัย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account