กลรัก สลับหัวใจ
เมื่อเพื่อนสาวจอมยุ่ง จับผลัดจับพลูให้เธอนัดไปดูตัวกับคาสโนว่าหนุ่มแลกกับค่าจ้างหนึ่งหมื่น ม่านนทีจึงยอมเซย์เยส แปลงร่างเป็นนางซินวางแผนตัดสัมพันธ์แทนเพื่อนสาวเสียดิบดี แต่ที่ไหนได้เขาทั้งหล่อ เท่ แถมยังมีรอยยิ้มบาดใจ ทำเอาเธอชักหวั่นไหวซะแล้วสิ
Tags: รักโรแมนติก,รักหวานๆ,รักใส ๆ

ตอน: นางฟ้าผู้อารี

บทที่ 7
นางฟ้าผู้อารี

ในชุมชนแออัดบริเวณท่าเรือคลองเตยริมแม่น้ำเจ้าพระยา เต็มไปด้วยบ้านเรือนที่ทำจากแผ่นไม้อัดและสังกะสีเก่าคลาคล่ำเบียดตัวกันแน่นขนัด สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยผู้คนจากหลากหลายถิ่นที่ย้ายเข้ามาอยู่ในชุมชนคลองเตย ส่วนใหญ่เป็นผู้ใช้แรงงานที่หาเช้ากินค่ำที่ต้องเผชิญกับปัญหาค่าครองชีพสูง และปัญหายาเสพติดซึ่งเปรียบเสมือนภาพลักษณ์ ที่ทำให้บุคคลภายนอกมองด้านลบมาตลอด

“เย้ พวกเรา พี่น้ำมาแล้ว”

ทันทีที่ม่านนทีเปิดประตูรั้วเดินเข้าไปภายในลานสนามเด็กเล่น ด้านหน้าอาคารสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เด็กกลุ่มใหญ่ก็วิ่งกรูเข้าหาห้อมล้อมเธอ พร้อมกับส่งเสียงดังเซ็งแซ่เต็มไปหมด

“สวัสดีจ้ะ เด็ก ๆ วันนี้เป็นเด็กดีหรือเปล่า” ม่านนทีเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม พวกเด็ก ๆ ต่างตอบรับเสียงดัง

“เป็นเด็กดีทุกวันเลยค่ะ/ครับ”

“เก่งจริง ๆ เลย วันนี้พี่น้ำซื้อขนมเค้กมาฝากพวกเราด้วย ใครอยากกินยกมือขึ้น”

“อยากกิน หนูอยากกิน”

เด็กตัวเล็กยื้อแย่งกันชูมือขึ้นสูงด้วยความดีใจ ที่วันนี้มีผู้ใจดีซื้อขนมหวานมาแบ่งปัน

ชุมชนร่มเกล้าแห่งนี้ คือหนึ่งในจำนวนผู้คนกลุ่มเล็ก ๆ ที่เข้ามาปักหลักถิ่นฐานทำกินอยู่บริเวณท่าเรือมานานหลายปี ภายในซอยดังกล่าวเป็นสถานที่ตั้งของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าหลังเล็ก ก่อตั้งโดยชุมชนที่ต้องการให้ลูกหลานที่เป็นเด็กกำพร้า หรือเด็กเร่ร่อน ไร้ที่พึ่ง เนื่องจากครอบครัวฐานะยากจน ซึ่งม่านนทีเป็นหนึ่งในผู้อุปการะและจัดหาเงินทุนอาหารกลางวันมาเลี้ยงเด็กเป็นประจำทุกเดือน

“เด็ก ๆ อย่ายื้อแย่งพี่เขาแบบนั้นสิจ้ะ มารยาทไม่ดีเลย”

ครูพี่เลี้ยงเด็กร่างท้วมเดินออกมาเอ็ดเสียงดัง ม่านนทีจึงเดินเข้าไปพนมมือไหว้อย่างนอบน้อม

“สวัสดีค่ะครูวิภา”


“สวัสดีจ้ะหนูน้ำ เป็นยังไงบ้างสบายดีหรือเปล่า ไม่ได้เห็นหน้ากันตั้งนาน” ครูวิภา หรือครูภา พี่เลี้ยงวัยกลางคนผู้อุทิศตนให้แก่ชุมชนร่มเกล้ามาช้านาน เอ่ยยิ้ม

“น้ำสบายดีค่ะ พอดีช่วงนี้ยุ่งกับงานหลายอย่างเลยไม่ค่อยได้เข้ามาเยี่ยมเด็ก ๆ แล้วครูละคะสุขภาพเป็นยังไงบ้าง สบายดีหรือเปล่า”

“ก็เรื่อย ๆ ตามประสาคนแก่นั่นแหละ มาเถอะเข้าไปข้างในกันดีกว่า เด็กคนอื่น ๆ รอเธออยู่ตั้งนานแล้ว พอได้ยินว่าวันนี้จะมาหา ก็ตั้งหน้าตั้งตาคอยใหญ่เชียว”

“ค่ะ”

ม่านนทีตอบรับ ก่อนที่ทั้งคู่จะพากันเดินเข้าไปในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าห้อมล้อมไปด้วยเด็กตัวเล็ก ๆ กำลังวิ่งซนไปมา...ภาพดังกล่าว อยู่ในสายตาของใครบางคนที่กำลังยืนอยู่อีกฟากฝั่งหนึ่งของถนนถัดไปไม่ไกลนัก เตชิตเฝ้าขับรถติดตามม่านนทีมาตั้งนานแล้ว นับตั้งแต่ตอนที่เธอขับรถเลี้ยวออกมาจากหน้าบริษัท

ดวงตาสีน้ำตาลเจือไปด้วยความแปลกใจ เนื่องจากคิดไม่ถึงว่าอีกด้านหนึ่งของหญิงสาวทำงาน จะเข้ามาเยือนถิ่นชุมชนแออัดพร้อมกับถุงใส่ขนมใบใหญ่ ร่างสูงภายใต้เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงิน จ้องมองเธอเนิ่นนานจนกระทั่งประตูด้านหน้าปิดสนิท เตชิตจึงเดินออกมาจากที่ซ่อน เปิดประตูรั้วก้าวเข้าไปภายในอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว

“เอาล่ะเด็ก ๆ วันนี้พี่น้ำซื้อหนังสือนิทานมาด้วย เดี๋ยวพวกเรากินไปด้วยนั่งฟังไปด้วยดีหรือเปล่า”

“ดีฮะ พวกเราอยากฟังนิทาน”

“เอาเรื่องหมาป่ากับเด็กเลี้ยงแกะนะพี่น้ำ”

“ไม่เอา จะฟังเรื่องเจ้าหญิงนิทรา” เด็ก ๆ เริ่มหันไปส่งเสียงเอะอะ ม่านนทีหัวเราะเสียงใสพร้อมกับพูดเสียงดัง

“ไม่ต้องแย่งกัน ใครอยากฟังนิทานเรื่องอะไร เดี๋ยววันนี้พี่น้ำจะเล่าให้ครบหมดทุกเรื่องเลย”

“ไชโย ดีใจจัง”

ภาพม่านนทีกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ท่ามกลางเด็กกำพร้ากลุ่มใหญ่ กำลังรับประทานขนมเค้กอย่างมีความสุขและนั่งฟังนิทานไปด้วย เปรียบเสมือนภาพนางฟ้าผู้อารีบินลงมาโปรดคนยากไร้ เตชิตเฝ้ามองเธอผ่านทางบานกระจกหน้าต่างสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ด้วยแววตาอ่อนโยนกว่าที่เคย

นับจากคืนสุดท้ายที่พบกัน ชายหนุ่มก็เฝ้าสืบข่าวคราวและประวัติของม่านนทีมาโดยตลอด กระทั่งสืบทราบว่าเธอทำงานเป็นผู้จัดการอยู่ในบริษัทรับจ้างทำโฆษณาในเว็บไซต์แห่งหนึ่ง นับตั้งแต่นั้นมาเตชิตก็เฝ้าขับรถยนต์เฝ้าจับตาดูหญิงสาวนานหลายวัน จนแน่ใจว่าม่านนทีเป็นหญิงสาวคนละคนกับ ‘ปิ่นแก้ว วัฒนะเอกดำรง’ ว่าที่คู่หมั้นสาว ตามที่เขาคิดเอาไว้จริง ๆ

“คุณน้ำนะ..คุณน้ำ หลอกให้เราสับสนอยู่ตั้งนาน” เตชิตยืนพิงขอบหน้าต่าง มองดูพี่เลี้ยงสาวด้วยรอยยิ้ม

สำหรับเขา การที่ม่านนทีจะเป็นใครมาจากไหนไม่ใช่เรื่องสำคัญ และหากว่ากันตามความจริงแล้ว เตชิตกลับรู้สึกโล่งใจกว่าด้วยซ้ำ ที่รู้ว่าเธอไม่ใช่คู่หมั้นของราเมศ ตามที่เข้าใจแต่แรก

ชายหนุ่มปรารถนาให้โลกหยุดหมุน เพื่อที่จะได้มีเวลาเฝ้ามองม่านนทีนาน ๆ แต่โชคไม่เข้าข้างนัก เมื่อเด็กผู้หญิงตัวเล็กหันมาเห็นเข้าพอดี จึงร้องตะโกนพร้อมกับชี้นิ้วมาที่เขา

“คนร้าย พวกมันบุกเข้ามาอีกแล้ว”

สิ้นเสียงตะโกนก็เกิดความโกลาหลขึ้นภายในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าทันที เสียงดังเอะอะทำให้ครูวิภาวิ่งหน้าตาตื่นออกมาจากด้านหลังอาคาร

“เกิดอะไรขึ้นเด็ก ๆ”

“คนร้ายค่ะ พวกมันหลบอยู่ตรงหน้าต่างด้านนอก” เด็ก ๆ วิ่งกรูเข้าไปหลบอยู่ด้านหลังพี่เลี้ยงร่างท้วม

ม่านนทีเห็นท่าไม่ดีลุกขึ้นเดินตรงไปยังหน้าต่าง ทำใจดีสู้เสือร้องตะโกนถามออกไป

“ใครน่ะ ออกมาเดี๋ยวนี้นะ”

เมื่อเห็นว่าซ่อนตัวต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ เตชิตจึงตัดสินใจก้าวออกมาให้เห็นชัด ๆ ตรงบานกระจกหน้าต่าง ใบหน้าคมคายเหยียดยิ้มแกน ๆ อย่างไม่รู้จะวางท่าทางอย่างไรดี ทำเอาม่านนทีถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกใจ

“คุณราเมศ” เธออุทานเสียงดัง รีบเปิดประตูวิ่งออกไปหาเขาทันที

“สวัสดีครับคุณน้ำ”

เตชิตยิ้มให้เธอ พร้อมรับคำตำหนิทุกข้อกล่าวหา

“คุณมาทำอะไรที่นี่ อย่าบอกนะคะว่าบังเอิญหลงเข้ามา” น้ำเสียงหวานปนคาดคั้น

“เปล่าครับ ผมตั้งใจขับรถมาเลยต่างหาก” เขาตอบอย่างตรงไปตรงมา

“หรือว่าคุณ” ม่านนทีขมวดคิ้วมุ่น “คุณสะกดรอยตามฉันมางั้นเหรอคะ”

เตชิตเพียงแต่ยิ้มรับ ไม่คิดปฏิเสธหรือหาข้อแก้ตัวใด ๆ การกระทำของเขาในครั้งนี้ส่งผลให้ม่านนทีโกรธจัด ถึงขั้นไม่อยากเห็นหน้าเขา

“ไม่อยากเชื่อเลยนะคะ ว่าคุณจะทำตัวไร้มารยาทถึงขนาดนี้” เธอตวัดเสียง “เชิญคุณกลับไปเถอะค่ะ ที่นี่มันไม่เหมาะกับคนอย่างคุณหรอก”

ม่านนทีทำท่าจะหมุนตัวเดินกลับเข้าไป เตชิตจึงรีบคว้าข้อมือบางเอาไว้ทันควัน

“เดี๋ยวสิครับคุณน้ำ” เขาพยายามอธิบาย “ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้คุณโกรธ เพียงแต่อยากหาโอกาสคุยกับคุณเป็นการส่วนตัวเท่านั้นเอง”

“การเที่ยวสะกดรอยตามผู้หญิง ยังเรียกว่าหาโอกาสไม่พออีกเหรอคะ” เธอกล่าวประชด

เตชิตคิดหาคำอธิบายอย่างหนัก หากแต่ทั้งคู่ยังไม่ทันได้ปรับความเข้าใจกัน ครูวิภากับพวกเด็ก ๆ ก็วิ่งกรูออกมาห้อมล้อมตัวเธอ พากันหันไปมองหน้าชายหนุ่มผู้มาใหม่อย่างหวาดระแวง

“ใครหรือหนูน้ำ”

“เอ่อ..คือเขา” ม่านนทีไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร เตชิตจึงหันมาแนะนำตัวอย่างชาญฉลาด

“สวัสดีครับคุณครู ผมชื่อราเมศเป็นเพื่อนของคุณน้ำ บังเอิญวันนี้ว่างพอดีก็เลยนัดกับคุณน้ำเอาไว้ว่าจะเข้ามาเยี่ยมเด็ก ๆ กัน” ชายหนุ่มเผยยิ้มอย่างเป็นมิตร ยื่นมือออกไปทักทาย

ครูวิภาถอนหายใจโล่งอก จับมือทักทายกับผู้มาใหม่ด้วยความเป็นมิตรมากยิ่งขึ้น

“ยินดีต้อนรับสู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าค่ะ แหม...ตอนแรกคิดว่าเจ้าพวกนั้นกลับมาอีกซะแล้ว”

“ใครหรือครับ ‘เจ้าพวกนั้น’” เตชิตเอ่ยปากถามอย่างสงสัย แต่ม่านนทีชิงตัดบทขึ้นเสียก่อน

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่พวกว่างงานเท่านั้นเอง”

“เชิญตามสบายนะคะคุณราเมศ ที่นี่มีแต่คนกันเองทั้งนั้น” ครูวิภาเชื้อเชิญอย่างใจดี

“ขอบคุณครับ”

“น้ำเองก็เหมือนกัน พาเพื่อนมาด้วยก็ไม่บอก ปล่อยให้คุณราเมศยืนคอยอยู่ด้านนอกตั้งนาน” ครูวิภาออกปากตำหนิม่านนทีเบา ๆ หญิงสาวได้แต่ก้มหน้าชำเลืองมองไปยังตัวต้นเหตุอย่างไม่สู้พอใจนัก

“อย่าโทษคุณน้ำเลยครับ ผมต่างหากที่เป็นฝ่ายผิด ที่มาโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียง” เขาออกหน้ารับผิดแทน

“ดิฉันขอตัวพาเด็ก ๆ เข้าไปข้างในก่อนนะคะ”

“เชิญตามสบายครับ”

หลังจากที่พวกเด็ก ๆ กลับเข้าไปในอาคารหมดแล้ว ม่านนทีก็หันไปจ้องหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง เดินนำเขาไปยังบริเวณใต้ต้นไม้ข้างอาคารปลอดผู้คน ก่อนหันมายืนกอดอกเตรียมเปิดฉากปะทะคารมรอบสอง

“คิดเหรอว่าทำแบบนี้แล้ว ฉันจะยกโทษให้กับคุณ” เธอเอ่ยปากตามตรง

เตชิตถอนหายใจยาว ยอมรับความผิดอย่างไร้แก้ตัวว่า การกระทำของตนในครั้งนี้ ค่อนข้างเกินเลยไปหน่อย

“ผมขอโทษ”

“บอกมาซิ ว่าทำแบบนี้เพื่ออะไร”

ดวงตาสีน้ำตาลมองเธออย่างชั่งใจ ก่อนหันมายืดอกรับผิดอย่างลูกผู้ชาย

“ผมต้องขอโทษจริง ๆ ที่ทำตัวเสียมารยาทกับคุณ...แต่ที่ทำไปทั้งหมดก็เพราะต้องการทราบทุกอย่างเกี่ยวกับตัวคุณ ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้ผมผิดหวังเลย”

ม่านนทีหันไปมองเขาอย่างคิดไม่ถึง

“คุณราเมศ”

“ความจริงผมสงสัยมานานแล้วว่าคุณไม่ใช่คน ๆ เดียวกับคุณปิ่นแก้ว แต่เพราะไม่แน่ใจก็เลยจำเป็นต้องใช้วิธีสะกดรอยแทน”

เตชิตสารภาพอย่างตรงไปตรงมา

“ตั้งแต่คืนแรกที่เรานัดพบกัน ผมก็รู้สึกแล้วว่าคุณมีบางอย่างแตกต่างไปจากคนอื่น และยิ่งสงสัยหนักขึ้น หลังจากพบคุณเดินสะพายกล้องถ่ายรูปอยู่แถวตลาดริมคลอง ซึ่งเมื่อดูจากการแนวใช้ชีวิตตามแบบสาวทำงานสมัยใหม่ ก็ยิ่งทำให้เชื่อได้ว่าคุณกับคุณหนูปิ่นแก้ว เป็นคนละคนกัน”

ม่านนทีคอแข็งขึ้นมาชั่วขณะ รู้สึกคล้ายกับมีก้อนแข็ง ๆ จุกอยู่ในลำคอจนพูดอะไรไม่ออก

“ผมพูดถูกใช่ไหม” เตชิตถามเสียงราบเรียบ มองลึกเข้าไปในดวงตากลมโตราวกับกำลังค้นหาคำตอบ

“....”

“คุณน้ำ”

“ค่ะ” ม่านนทีกระซิบแผ่ว “คุณพูดถูกแล้ว ฉันไม่ใช่ปิ่นแก้วจริง ๆ”

ร่างบางไม่ลังเลที่จะกล่าวความจริงออกไป เนื่องจากตัวเธอเองก็เหนื่อยเต็มทีกับการสวมบทบาทเป็นคนอื่น ม่านนทีได้แต่ก้มหน้ายอมรับคำตำหนิ เรื่องทุกอย่างจะกล่าวโทษว่าเป็นความผิดของเพื่อนสนิทฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ เนื่องจากตัวเธอเองก็เป็นฝ่ายตกปากรับคำเพราะความเห็นแก่เงินด้วยเช่นกัน

ใบหน้าคมคายอ่อนโยนลง แววตายามทอดมองเธอก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับเจือด้วยความรู้สึกบางอย่างที่มีความหมาย โดยที่ม่านนทีไม่ทันได้สังเกตเห็นแม้แต่น้อย

“ในที่สุดคุณก็ยอมพูดความจริงกับผมเสียที” เขากระซิบแผ่ว

“ในเมื่อคุณรู้ขนาดนี้แล้ว ฉันก็ไม่มีความจำเป็นอะไรต้องปิดบังแล้วละค่ะ” ม่านนทีรวมรวมกำลังใจเชิดหน้าสู้ความจริง “ก็อย่างที่คุณทราบนั่นแหละค่ะ ฉันเองก็ไม่ใช่ลูกผู้ดีมีเงินมาจากไหน การแสดงตัวเป็นคุณหนูนาน ๆ สักวันความจริงก็ต้องเผยตัวออกมาอยู่ดี”

น่าแปลก ที่ม่านนทีไม่ได้รู้สึกแย่มากเหมือนกับที่เคยคิดเอาไว้ หรือถ้าไม่อย่างนั้น...ก็อาจเป็นเพราะเตชิตเป็นฝ่ายออกปากพูดก่อนก็เป็นได้

“ขอโทษนะคะที่หลอกลวงคุณ คุณคงจะผิดหวังมาก ที่ฉันไม่ใช่ปิ่นแก้วตามที่เคยหวังเอาไว้” หญิงสาวฝืนยิ้มได้ยากเย็นเต็มที

แต่เตชิตไม่ได้คิดอย่างนั้น

“เปล่าเลย ผมกลับคิดว่ามันเป็นการดีมากกว่า เพราะอย่างน้อยมันก็ช่วยให้พวกเราได้รู้จักตัวตนของกันและกันได้ง่ายขึ้น”

“เมื่อกี้คุณว่าอะไรนะคะ”

ชายหนุ่มยิ้มบาง ๆ ส่งผลให้ใบหน้าคมคายชวนมองมากยิ่งขึ้น “ถ้าผมจะบอกว่าผมไม่ได้ชื่อราเมศ รัตนะโสภาสิริ คุณน้ำจะเชื่อผมหรือเปล่า”

ม่านนทีเงยหน้ามองเขา เหมือนไม่อยากเชื่อหู

“นี่อาจเป็นความบังเอิญที่ฟังดูเหลือเชื่อก็ได้ แต่ในคืนวันดูตัวที่เราพบกัน ผมเองก็ได้รับการขอร้องจากนายราเมศเพื่อนสนิทให้มาดูตัวแทนเช่นเดียวกัน จนกระทั่งได้มีโอกาสพบกับคุณ” เตชิตกล่าวต่อ “...ผู้หญิงที่ผมอยากทำความรู้จักด้วยไม่ใช่คุณปิ่นแก้วหรอกนะครับ แต่เป็นคุณต่างหาก คุณน้ำ”

“ไม่จริง...” หญิงสาวเบิกตาโต

“ผมพูดความจริง” เตชิตกล่าวยืนยัน “บอกตามตรง ทีแรกผมไม่สนใจหรอกว่าคุณจะเป็นคน ๆ เดียวกับคุณปิ่นแก้วหรือเปล่า เพราะคิดไม่ถึงว่าจะต้องเป็นฝ่ายไล่ตามคุณอย่างนี้ แต่ในเมื่อความตั้งใจมันเปลี่ยนไป ผมก็อยากมองตรงไปที่คุณคนเดียว ไม่ใช่คนอื่น”

ม่านนทีได้ยินเสียงหัวใจเต้นแรงภายในอก คิดไม่ถึงว่าแผนการที่ตัวเองวางเอาไว้จะถูกซ้อนแผนสลับซับซ้อนขนาดนี้ ร่างสูงขยับปลายเท้าเข้ามาใกล้พร้อมกับดึงมือบางขึ้นมากุมเอาไว้แผ่วเบา

“ต่อไปนี้ผมอยากให้คุณเรียกผมว่า ‘เตชิต’” ใบหน้าคมคายยิ้มอบอุ่น ดวงตาเป็นประกาย “ทีนี้...คุณจะบอกชื่อจริงให้ผมรู้ได้หรือยัง”

นับตั้งแต่วันที่ความจริงเปิดเผย สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าในชุมชนร่มเกล้าก็กลายเป็นสถานที่อีกแห่งหนึ่ง ที่ชายหนุ่มมักเป็นฝ่ายออกปากชวนม่านนทีกลับมาเยี่ยมเยียนเด็ก ๆ อีกหลายครั้งในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ หากแต่เตชิตไม่ได้มามือเปล่า แต่ยังขนเอาเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นจำนวนมากมาบริจาคให้แก่ครูวิภาเพื่อแจกจ่ายให้กับเด็กกำพร้าอีกด้วย

การมาของเตชิตทำให้เขากลายเป็นขวัญใจของพวกเด็ก ๆ ที่รอคอยกินขนมหวานและเสื้อผ้าใหม่ ๆ ที่ชายหนุ่มนำมาให้ ในขณะที่ม่านนทีเองก็นำเงินส่วนตัวไปซื้อของมาทำอาหารแจกจ่ายเป็นมื้อกลางวันให้แก่ทุกคน ทำให้บรรยากาศภายในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า เต็มไปด้วยความสุขอย่างที่ไม่เคยได้รับมาหลายปี

“ทายซิว่าวันนี้ พี่ซื้ออะไรมาฝาก”

“ตุ๊กตาใช่มั้ยคะ” เด็กผู้หญิงรีบยกมือทาย

“เกือบถูก แต่ไม่ใช่” เตชิตรู้สึกสนุกที่ได้มีโอกาสพูดคุยกับเจ้าตัวเล็ก

ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ของทุกอาทิตย์ภาพชายหนุ่มหน้าตาดี ขับรถยนต์ยี่ห้อหรูเข้ามาจอดหน้าสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าร่มเกล้า พร้อมกับกล่องของขวัญใบใหญ่ เริ่มกลายเป็นภาพคุ้นชินสำหรับคนภายในชุมชน และส่วนใหญ่ก็ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น

“รองเท้าใหม่ใช่หรือเปล่าฮะ”

“ขนมลูกกวาดสีสวย”

“เลิกทาย แล้วมาช่วยกันเปิดดูดีกว่า”

เตชิตย่อตัวลงวางกล่องกระดาษบนพื้นอาคาร โดยมีเด็กกลุ่มใหญ่วิ่งกรูเข้ามาห้อมล้อม ทันทีที่ฝากล่องถูกเปิดออกมา เด็ก ๆ ต่างก็อุทานออกมาด้วยความยินดี มองดูชุดเครื่องเขียนและสมุดวาดภาพระบายสีภายในดวงตาเป็นประกาย

“ไม่ต้องแย่งกัน ถ้าเป็นเด็กดีพี่จะให้ครบทุกอันเลย” ชายหนุ่มหยิบขึ้นมาแจกทีละคน โดยเด็ก ๆ ต้องทำการเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบ เป็นการฝึกวินัยไปในตัว

ม่านนทีมองดูภาพเหล่านั้นอย่างเป็นสุข เช่นเดียวกับครูวิภาที่รู้สึกตื้นตันใจจนพูดอะไรไม่ออก เป็นเวลานานมากแล้วที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ถูกลืมเลือน ไม่ค่อยมีผู้ใจบุญแวะเวียนเข้ามามากเหมือนแต่ก่อน ดังนั้นการมาเยือนของม่านนทีและเตชิตจึงเปรียบเสมือนของขวัญสำหรับพวกเขาอย่างแท้จริง

“มีอะไรเหรอคะครูวิภา” ม่านนทีหันไปถาม เมื่อเห็นอีกฝ่ายมองมาเนิ่นนาน

“ครูดีใจจริง ๆ ที่มีวันนี้ ถ้าหากว่ามีคนในชุมชนแห่งนี้เหมือนกับเธอสักสิบคน ชุมชนของเราคงมีสภาพดีขึ้นมากกว่านี้แน่ ๆ”

ม่านนทียิ้มน้อย ๆ ความจริงไมใช่มีแต่เธอหรอกที่ทำให้ชุมชนน่าอยู่ แต่เป็นเพราะมีผู้เสียสละอย่างครูวิภาอยู่ด้วยต่างหาก จึงทำให้มีวันนี้

“น้ำก็แค่อยากตอบแทนบุญคุณของที่นี่เท่านั้นเอง”

จะมีใครกี่คนที่รู้ความจริงว่า ม่านนทีเคยเป็นเด็กกำพร้าที่เกิดและเติบโตอยู่ในชุมชนแออัดแห่งนี้ นับตั้งแต่ที่เธอลืมตาดูโลก ม่านนทีก็ถูกพ่อแม่ทอดทิ้งให้อยู่กับญาติตามลำพัง ซึ่งภายหลังก็ได้ความอนุเคราะห์เลี้ยงดูจากครูวิภา ซึ่งเป็นอาสาสมัครในสมัยนั้นคอยป้อนข้าวป้อนน้ำ กระทั่งมีครอบครัวผู้ใจบุญรับไปเลี้ยงดูในภายหลัง ส่งเสียให้เรียนจบออกมาทำงานจนถึงปัจจุบันนี้

“แล้วพ่อกับแม่ล่ะ ท่านเป็นยังไงบ้าง” ครูวิภาเอ่ยปากถาม

“ท่านสุขภาพแข็งแรงดีค่ะ ทีแรกก็ไม่ยอมให้น้ำมาใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ ตามลำพัง แต่เป็นเพราะทนรบเร้าไม่ไหว ก็เลยต้องปล่อยไป” ม่านนทีหัวเราะแผ่ว “แต่ช่วงวันหยุดยาว น้ำก็จะกลับไปเยี่ยมท่านที่จังหวัดลำปางทุกครั้งนะคะ”

“ดีแล้วล่ะ ฝากความคิดถึงไปให้ทั้งคู่ด้วยนะ”

“ค่ะครูวิภา”

ทั้งสองช่วยกันจัดเตรียมโต๊ะเลี้ยงอาหารกลางวันจนกระทั่งเรียบร้อย ครูพี่เลี้ยงร่างท้วมจึงหันมาถามม่านนที ถึงเพื่อนชายผู้มีน้ำใจ

“ว่าแต่เมื่อไหร่คุณเตชิตกับหนูน้ำ สองคนจะเข้าพิธีแต่งงานกันเมื่อไหร่ล่ะ ครูจะได้เตรียมซื้อของขวัญเอาไว้แต่เนิ่น ๆ”

คำถามพาซื่อของครูวิภา ทำเอาหญิงสาวถึงกับหน้าแดงจรดใบหู

“แต่งงานอะไรกันคะ คุณเตชิตเขาเป็นคนรู้จักของน้ำเท่านั้นเอง” เธอรีบแก้ตัว แต่คนฟังกลับทำหน้าไม่เชื่อ

“อะไรกัน ไม่ใช่แฟนกันหรอกหรือ”

“เข้าใจผิดแล้วค่ะ คือ...เราสองคนแค่”

ทว่ายังไม่ทันที่ม่านนทีจะอธิบายเพื่อแก้ไขความเข้าใจผิด เตชิตที่ยืนฟังอยู่ด้านหลังก็รีบชิงเอ่ยปากขึ้นพร้อมด้วยรอยยิ้ม

“ผมกับคุณน้ำเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นานน่ะครับ เกรงว่าคงต้องให้เวลาคุณน้ำอีกสักหน่อย แล้วค่อยพูดเรื่องการสู่ขอกัน”


************

คู่หวานค่ะ...สองคนนี้
ความจริงตอนแรกอยากยื้อความจริงมากกว่านี้อีกหน่อย
แต่กลัวว่าชื่อของ ‘ราเมศ’ จะออกมามากเกินไป จนทำให้คนอ่านสับสน
ส่วนเรื่องวุ่น ๆ นั้น ปล่อยให้คู่หมั้นตัวจริงเขาแก้ไขกันเองดีกว่าค่ะ ^ ^


เบลินญา



เบลินญา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 ส.ค. 2554, 14:58:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 ส.ค. 2554, 14:58:58 น.

จำนวนการเข้าชม : 2468





<< ตอนที่ 6 พายุป่วนหัวใจ   ความในใจ >>
anOO 31 ส.ค. 2554, 17:40:36 น.
วันนี้เอาคู่หวานมาให้อ่าน สลับกับคู่มันส์ตอนหน้าใช่ไหมค่ะ ไรเตอร์


เบลินญา 1 ก.ย. 2554, 09:19:00 น.
แหม รู้ใจจัง อิอิ


Zephyr 1 ก.ย. 2554, 10:42:44 น.
คู่หวานกับคู่แซ่บ น่ารักเกินบรรยาย แต่คุณเตชิตนี่เนียนนะคะ โมเมเฉยเลยอ่ะ หนูน้ำยอมเหรอ อิอิ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account