เลือดรักทระนง
เด็กหญิงคนหนึ่งซ฿งถือกำเนิดมาจากโจร ปล้นฆ่า และเลือดอีกส่วนมาจากแม่ที่ไม่ยอมรับในความเป้นลูกของเธอ กระถินยังยืนหยัดที่จะอยู่อย่างทระนงในศักดิ์ศรีและค่าแห่งความเป้นคน ด้วยความรัก และซื่อสัตย์ต่อผู้มีพระคุณ
Tags: ศักดิ์ศรี คือสิ่งที่ต้องรักษา

ตอน: ลูกเสือลูกจระเข้

นางกุเลาร้อนผ่าวที่ขอบตา หากไม่ช้านางตัดใจได้ เพราะสภาพกระถินที่นางได้ดูแล เป็นไปอย่างตามมีตามเกิดทุกวัน บางทีกาจอาจจะเลี้ยงได้ดีกว่าถ้าสามารถเอากระถินไปให้พุดกรองได้อย่างที่กาจตั้งใจ
นางกุเลาเหลือบมองเด็กหญิงซึ่งขึ้นจากปลักควาย เดินตรงมาบ้าน นางสั่งเด็กหญิงว่า
“ไปอาบน้ำให้สะอาดก่อนนังกระถิน”
กาจหันไปร้องบอกเด็กหญิงเพิ่มเติมว่า
“กระถินไปอาบน้ำเสียไป พ่อจะพาไปหาแม่”
“นี่ไงแม่” เด็กหญิงตอบห้วน ชี้ไปที่นางกุเลา
“ไม่ใช่ยายกุเลา แต่แม่แท้ ๆ ของมึงชื่อพุดกรอง”
“กูไม่ไป กูไม่ไปกูจะอยู่กับแม่กูคนเดียว” เด็กหญิงตัดเยื่อขาดใย เดินไปอาบน้ำโครม ๆ ที่โอ่งล้างเท้า
กาจขัดใจตามไปเอาน้ำราดหัวลูก เด็กหญิงดิ้นแถกไม่ยอมผู้ให้กำเนิด เตะถีบไม่ให้อีกฝ่ายได้เข้าใกล้
“ปล่อยกู กูจะอยู่กับแม่กู ปล่อย”
“กูเป็นพ่อมึงนะกระถิน”
“พ่อกูไปหาปลายังไม่กลับ มึงไม่ใช่พ่อกู ปล่อยกูนะ”เด็กหญิงมากฤทธิ์ ดิ้นรนจากการถูกจับตัว เรี่ยวแรงของเธอมีมากอย่างที่กาจคาดไม่ถึง เธอใช้ขันน้ำขว้างใส่อีกฝ่าย ถ่มน้ำลายรด โดดเข้าไปกัดแขนบิดาจนติดแน่น
กาจเจ็บปวดจนร้องโอดโอย
“โอ๊ยอีห่านี่เดี๋ยวกูตบ กูบอกจะพาไปหาแม่ปล่อย”
“กระถินหยุดนะ”นางกุเลาไม่อาจทนเห็นกระถินทำบาปต่อบุพการีที่แท้จริงได้จึงลุกเข้ามาหาอีกฝ่าย ดึงมาไว้พลางบอก
“นี่พ่อเอง พ่อแท้ๆของเอ็ง”
“พ่อแท้ พ่อไม่แท้อะไรแม่”
“ข้าไม่ใช่แม่จริงๆหรอก แม่เอ็งชื่อพุด นี่พ่อชื่อกาจ เขาจะมารับไปอยู่ด้วย”
“หนูไม่ไป หนูจะอยู่กับแม่”กระถินหันไปกอดนางกุเลา ร้องไห้โฮ “หนูจะอยู่กับแม่”
กาจว่า
“แต่เอ็งต้องไปกระถิน ไปหาแม่เอ็ง”กล่าวแล้วเขาอุ้มลูกขึ้นเรือนไม้เก่าคร่ำคร่า เขาหาเสื้อผ้ามาให้อีกฝ่ายใส่ แต่กระถินดิ้นไม่ให้อีกฝ่ายถูกตัวอีก กาจทนไม่ไหวจึงฟาดก้นอีกฝ่ายด้วยฝ่ามือ กระถินกรีดร้องพลางเตะอีกฝ่าย โดนกรามอย่างถนัดถนี่
นางกุเลาด่าขรมที่ญาติผู้น้องหักหาญ เด็กหญิงที่นางเลี้ยงดูมาตั่งแต่แบเบาะ
“ไอ้กาจมึงจะเอาลูกไปเป็นข้ออ้างเรียกนังพุดกลับมา กูไม่ว่าหรอก แต่มึงเบามือกับนังกระถินของกูหน่อยได้มั้ย”
“แม่” กระถินร้องหานางกุเลา นางกลัวหลานเจ็บจึงปลอบ
“กระถินอย่าดื้อนะ เอ็งไปกับพ่อกาจไม่นาน เดี๋ยวเขาก็พากลับมาหาแม่แล้ว”
“เดี๋ยวจริงนะแม่นะ”
“เออ” นางรับคำทั้งที่ไม่รู้กาจจะไปนานแค่ไหน และนางจะได้พบหน้าอีกฝ่ายหรือเปล่ายังไม่รู้
กาจพากระถินไปแล้ว นางกุเลาป้ายน้ำตาที่ร่วงรินด้วยความสงสารกระถิน แต่นางจำตัดใจจากนั้นนางค่อยคลี่เงินที่กาจปั้นมาส่งให้ สองพันบาท เงินจำนวนมากนั้นแล้วกำไว้แน่น นางคิดไปถึงเรื่องการไถ่ที่นาที่ไปจำนำนายทุนสี่ร้อย ดอกเบี้ยงามไปอีกพันกว่าบาท ยามนี้มีเงินในมือสองพัน นางจึงตัดใจจากกระถินได้ในระดับหนึ่ง
กระถินเอ๊ย เอ็งนี่ช่างมีบุญแท้ ทำให้คนใกล้ได้พึ่งพาใบบุญเอ็งได้...ขอให้จำเริญจำเริญเถอะนะ ตกน้ำอย่าให้ไหลตกกองไฟอย่าไหม้เลยนังหนู
นางกุเลาอวยชัยให้พรกระถินที่ต้องเดินทางตามผู้ให้กำเนิดไปด้วยความหวังว่า อีกไม่นานจะได้กลับมาหานางกุเลา!

รถไฟ วิ่งข้ามจังหวัด กว่าจะถึงจุดหมาย เป็นเวลามืดมากแล้ว
“กูหิวข้าวแล้วนะ”กระถินบ่น กาจหยิบไข่ต้มมาปอกเปลือกส่งไข่ต้มให้ลูกสาวกิน เด็กหญิงรับไปกัดกิน บ่นไปทั้งที่ไข่ยังเต็มปาก
“บอกว่าจะพากูมาเดี๋ยวเดียว มืดขนาดนี้ยังไม่พากูกลับอีก”
“จะบ่นทำห่าอะไรอีเด็กบ้า แม่มึงทั้งสวยทั้งรวย พ่อจะพามันกลับไปอยู่ด้วยกัน มึงจะได้มีแม่สวยๆไม่ชอบหรือไง”
“กูมีแม่แล้ว” กระถินเถียงลั่นจนคนโดยสารอื่นมองมาเป็นตาเดียว แล้วเบือนหนีสภาพเหมือนขอทานของคนทั้งคู่
กาจมองกระถิ่นซึ่งกินไข่ด้วยความหิวโหย แม้ฝืดคอแต่เด็กหญิงกลืนกินไปจนหมด กาจก้มถาม
“กินน้ำก่อนเดี๋ยวค่อยกินใหม่อีกลูก”
เขาส่งน้ำจากกระบอกไม้ไผ่ ปาดปล้องจนเป็นปากฉลามเพื่อง่ายแก่การดื่ม หากลบความคมด้วยการขัดด้วยกระดาษทรายขนหมดเสี้ยน ฝาจุกปากทำมาจากใบตองแห้งมัดทับสลับกัน แล้วมัดด้วยจักตอก คือเส้นไม้ไผ่ที่ผ่าเป็นเป็นเส้นเล็กๆ เรียกว่าจักตอก
ใบตองแห้งมีขนาดใหญ่ได้มากน้อยตามขนาดกระบอกไม้ไผ่ อึดุปากไม่ให้น้ำไหลออกมา เขาป้อนน้ำให้กระถินดื่มไปหลายอึ้ก จากนั้นกระถินทวงไข่ เพราะยังไม่อิ่ม กาจปิดฝากระบอกไม้ไผ่แล้วจึงปอกไข่ให้อีกฝ่าย พลางสั่งสอนว่า
“กูเป็นพ่อมึง มึงต้องไม่พูดกู กับกู เอ๊ยกับพ่อรู้มั้ยกระถิน”
“พ่อยังพูดกูกับกูเลย กูก็พูดกูอย่างนี้”
“เอ๊ะ กูเป็นพ่อ กูก็พูดได้สิ แต่มึงเป็นลูก พูดกูไม่ได้”
“กูก็พูดกูนี่ไงทำไมพูดไม่ได้ กูพูดแล้ว กู กู” กาจชนะทุกคนแต่แพ้เด็กหญิงกระถิน ซึ่งเถียงคำไม่ตกฟาก
กาจอุ้มกระถินขึ้นรถราง กระถินตื่นเต้นมาก ร้องอุทานด้วยความไร้เดียงสา
”ดีกว่าควาย ดีกว่าควายอีกนะ”
“เรียกพ่อ พ่อกาจ”
“พ่อกาจ ขี่ไอ้ตัวนี้แล้วพากูกลับบ้านนะ”
“อย่าพูดกูทำไมไม่ฟัง”
กระถินทำหน้าเฉยเสีย แต่หันไปซุกซน พลิกตัวเกาะพนังไม้ มองทิวทัศน์ของเกาะรัตนโกสินทร์ ไม่พูดอะไรออกมาอีก เวลานั้นจวนมืดเต็มที กาจลงจากรถเมื่อถึงจุดหมายหลายทาง กระถินหาวหวอด กาจจึงอุ้มอีกฝ่าย กระถินกอดคออีกฝ่าย หลับพักคาบ่า
การเดินทางของกาจมาสิ้นสุดที่วังนารายณ์ รั้วคอนกรีตราวป้อมปราการกั้นสายตาคนภายนอกไม่ให้เห็นชีวิตคนภายในได้โดยสะดวก เสือกาจมองด้วนสายตาแห่งความพยายามที่จะป่ายปีน บุกรุกเข้าไป หากไม่ได้รับการต้อนรับ
กระถินงัวเงียตื่น ทวงสัญญาว่า
“แม่อยู่ไหนละ”
“อยู่ในนี้”กาจตอบลูกสาว พลางเดนไปหน้าประตูรั้วเหล็ก ซึ่งปิดสนิท เสือกาจเดินเข้าไปเกาะลูกกรง และทันทีที่มือสัมผัสกรง เสียงตวาดอย่างไม่พอใจดังมากจากนายดำ ซึ่งเดินยามอยู่ในเวลานั้น
“เป็นใคร ต้องการอะไร”
กาจดีใจ มองฝ่าความมืดสลัวของแสงไฟไปหาชายผิวดำตัวใหญ่ พลางบอกว่า
“ฉันมาหาอีพุด เอ่อคุณพุดกรอง”
นายดำเดินมาเผชิญหน้าโดยมีลูกกรงกั้นเพื่อมองคนที่บอกว่าจะมาหาคุณผู้หญิงจอมเฮี้ยบยามอยู่ลับหลังท่านผู้เป็นเจ้าของบ้าน
เห็นสภาพอีกฝ่ายแล้วนายดำคิดว่าเขาดูดีกว่าเยอะ ดังนั้นจึงตะคอกถามว่า
“จะพบคุณผู้หญิงทำไม แกเป็นใคร แต่งตัวมอซออย่างนี้”
“ฉันมาจากบ้านนอก เป็นพี่ชายของคุณพุดกรอง ฉันยากจน แต่น้องสาวฉันมีความสุขแล้ว ฉันจะมาฝากให้พุดกรอง เขาเลี้ยงลูกฉัน ฉันเลี้ยงไม่ไหว ไม่มีจะกินแล้ว”กาจโป้ปดให้ดูน่าสงสาร วางกระถินลง กระถินใช้มือยีลูกตาด้วยความง่วง และหิว
“จะหาแม่ จะไปหาแม่”กระถินร้องโวยวาย “หิวแล้ว หิวข้าวแล้ว”
“ได้ยินมั้ย พี่ชายสงสารเด็กมันเถอะมันหิวข้าว”
นายดำไม่มีความเชื่อถือน้ำคำของกาจสักนิด เพราะกิริยาท่าทางซึ่งดูกระด้างหยาบเกินกว่าจะมีอาชีพสุจริตชน และเด็กน้อยที่กาจอ้างว่าเป็นลูกของพุดกรองดูมอซอเหมือนขอท่านยิ่งไม่น่าเชื่อ กาจเอ่ยซ้ำว่า
“ฉันชื่อพัด เป็นพี่ชายพุดกรอง นี่ลูกสาวฉัน มีศักดิ์เป็น น้องของสร้อยสน”
นายดำก้มมองเด็กหญิงซึ่งร้องไห้หาแม่ ซึ่งคือนางกุเลา แต่นายดำเข้าใจว่ากระถินร้องหาพุดกรอง ดังนั้นเขาจึงลังเลใจ
“หาแม่ กูจะหาแม่ พ่อหิวข้าวแล้ว หิวข้าว”
เวลานั้นจันทร์สาวใช้วัยสิบเจ็ดวัยสาวหน้าตาคมขำเดินผ่านมาเรียกนายดำไปกินข้าวมื้อเย็น หากว่าค่ำแล้ว เธอเห็นสองพ่อลูกท่าทางแปลกจึงถามนายดำ
“พี่ดำ มีอะไร แล้วใครกันนั่น”
“เขาบอกว่าชื่อพัดเป็นพี่ชายคุณพุดกรอง จะเอาลูกสาวมาให้คุณผู้หญิงเลี้ยง”
เป็นญาติคุณผู้หญิงก็พาเข้ามาสิพี่ เดี๋ยวคุณผู้หญิงก็เอ็ดเอาหรอกไม่รับญาติท่าน”
“ข้ากลัวว่าเป็นโจร ขอโทษเถอะนะ”นายดำบอกตามซื่อ ก่อนเปิดประตูรับคนทั้งสอง แล้วพาไปรอพุดกรองที่เก้าอี้ในสวน
ฝ่ายจันทร์รีบไปแจ้งข่าวให้พุดกรองทราบ โดยที่จันทร์ยอมเชื่อกาจว่าเป็นญาติเพราะว่าลับหลังคุณพระศานต์ พุดกรองคือคุณผู้หญิงที่วางอำนาจเป็นที่สุด ดังนั้นเธอจึงเกรงว่า หากไม่รับกาจเข้ามา แล้วพุดกรองรู้ที่หลัวเธอจะโดนเล่นงาน ดังนั้น จึงต้องรับเอาไว้ก่อน

ที่ห้องโถงขณะนั้นพุดกรองนั่งเลือกดูเพชรกับพระศานต์นั่งเคียงข้างให้เธอเลือกได้ตามใจ รามเดินกลับจากเรือนแถวของแม่นิ่ม ยืนมองอย่างปวดร้าวและชิงชัง เครื่องเพชรของแม่เขา กำลังเปลี่ยนไปอยู่ในมือของพุดกรอง แม่เลี้ยงที่เขาเกลียดยิ่งนัก เด็กชายมิอาจทำใจได้จึงหมุนกายกลับออกไปภายนอก
“คุณผู้หญิงขา มีญาติคุณผู้หญิงชื่อพัดมาขอพบค่ะ หนูให้รอที่สวนนอกค่ะ”
“พัด พี่ชายฉันกระมัง”พุถดกรองเอ่ยถึงพี่ชายแท้ๆของตนเอง
“ตายจริง แล้วทำไมมาเสียมืดค่ำอย่างนี้ มาจากต่างจังหวัดสินะ แล้วทำไมไม่เชิญเข้ามาล่ะ”
“หนูจะไปเชิญเข้ามานะคะ”
“ไม่ต้องล่ะฉันจะไปดูเอง” เธอเอ่ยกับสาวใช้ แล้วขอตัวจากคุณพระ
“ดิฉันขอตัวก่อนนะคะคุณพระ”
“เธอเป็นคนดีอย่างนี้เองพุดกรอง ไม่เคยลืมรักที่มีกับลูกและญาติ”
พุดกรองยิ้มรับ เดินออกประตูหลัง ก่อนเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา
“จะมาหาทำไมให้คนอื่นรู้ว่าฉันเป็นคนบ้านนอก เจอหน้าต้องว่าให้พอใจเทียว”
หญิงสาวผู้เป็นภรรยาใหม่เจ้าของวังนารายณ์ เดินไปตามที่จันทร์บอกว่า พี่ชายชื่อพัดรออยู่ด้วยสีหน้าท่าทางเคร่งเครียด อย่างพร้อมจะต่อว่าอีกฝ่าย
ส่วนรามหลังจากผละไปจากภาพแสลงใจเมื่อบิดานำเครื่องเพชรของมารดาของเขามาให้พุดกรองได้เลือก เขาไปหาแม่นิ่มที่เรือน ระหว่างทาง เขาพบพี่เลี้ยง ซึ่งกำลังตามหาเขาด้วย เพื่อให้เห็นชัดว่ารามได้หลับไปแล้ว แต่เมื่อมาเจออีกฝ่าย แม่นิ่มแปลกใจจึงถามด้วยความอาทร เกรงว่านายน้อยของตนจะมีเรื่องไม่สบายใจ
“คุณราม ทำไมยังไม่ขึ้นนอนล่ะคะ”
“จะให้รามหลับได้ลงเชียวรึ นม คุณพ่อเอาเครื่องเพชรของแม่มาหมดเลยนม ให้มัน รามเจ็บใจคุณพ่อเหลือเกินครับนม”
“สมบัตินอกกายค่ะคุณราม อย่าใส่ใจจนทุกข์ร้อนเลยนะคะ อีกหน่อยคุณรามโตมากกว่านี้ หาทรัพย์สินได้มากกว่า”
“แต่นั่นเป็นของแม่ราม รามจะหามาได้เหมือนกันกับของแม่หรือครับนม”
“คุณรามอย่าคิดอย่างผู้หญิงสิคะ”
“คิดอย่างผู้หญิงเป็นอย่างไรรึนม”
“คิดแต่เรื่องอิจฉาริษยาไม่ดีหรอกค่ะคุณราม”
เด็กชายหลุบตามองพื้น ครู่หนึ่ง เขาเพิ่งเข้าใจว่าการคิดเกลียดชิงชัง และอยากหาเรื่องสองแม่ลูกนั้นเป็นความอิจฉาอย่างผู้หญิง แล้วเด็กผู้ชายต้องทำอย่างไรในเมื่อโกรธมาก แค้นมากจนไม่อยากอยู่ร่วมบ้านกับอีกฝ่าย
“รามแค่อยากเก็บทุกอย่างที่เป็นของคุณแม่ไว้ให้อยู่เหมือนเดิมเท่านั้น ไม่อยากให้พุดกรองแตะต้องแม้แต่อย่างเดียว”
“ตอนนี้ของคุณแม่เป็นของคุณพ่อไปเสียหมดแล้วคุณรามอย่าคิดมากเลยค่ะ”
“ไม่ให้รามคิดเลยหรือ รามสิบสองแล้ว จะให้รามนั่งนิ่ง ดูเฉยต่อของของคุณแม่หรือครับนม”
“เพราะอายุมากขึ้นทุกวัน คุณรามจึงต้องเริ่มคิดให้มากกว่านี้”
“ราม...ต้องเสียแม้แต่คุณพ่อไปให้มันด้วยใช่มั้ยครับนม”
คำสารภาพของเด็กชาย ทำให้แม่นิ่มซึ่งหว่านล้อมอยู่นานได้รู้ก้นบึ้งแห่งหัวใจเด็กชายว่าแท้ที่จริงเขารักบิดามาก หวงมาก ไม่อยากให้พุดกรองได้ครอบครองแม้กระทั่งบิดาของเขาต่างหาก เด็กชายจึงรู้สึกขาดความอบอุ่นยิ่งนัก
“ถ้าคุณรามนอนบนตึกไม่ได้ คุณรามนอนที่เรือนริมน้ำของนมดีมั้ย จะได้สวดมนต์กับนม”
รามเดินไปกับพี่เลี้ยง ผ่านสุมทุมพุ่มไม้ ซึ่งมีแสงสลัวจากโคมไฟรูปปั้นผู้หญิงกรีก ส่องเป็นระยะ

พุดกรองเดินไปจนถึงเก้าอี้นั่งรอ เมื่อเธอเห็นชายที่เธอโกรธเกลียดชิงชังอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เธอไม่อาจระงับอารมณ์แห่งแค้นนั้นไม่ได้ เธอตวาดอย่างลืมตัว
“ไอ้เสือกาจ แก แกกล้าเข้ามาโกหกคนที่นี่ แกไสหัวออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้นะไอ้คนชิงหมาเกิด”
“พุด เอ็งอย่างมาไล่ข้าเหมือนหมูหมาอย่างนี้นะ ข้าเป็นผัวเอ็ง ผัวที่รักเอ็งมาก”
พุดก่อนถ่มน้ำลายรดหน้าอีกฝ่าย เสือกาจหลบไม่ทันน้ำลายจึงเต็มเบ้าตาข้างซ้าย เขาป้ายมันทิ้งระงับโทสะ เพราะหลงอีกฝ่ายเป็นอันมาก เขาไม่เคยมีวาจาที่ดี แต่กับพุดกรองเขาไม่อยากทำให้อีกฝ่ายเสียใจ
“ข้ารักเอ็งมากนะพุด เอ็งกลับไปอยู่กับข้าเถอะ”
“อ๊าย อ้ายชาติชั่ว”
เสียงพูดคุยโต้เถียงรุนแรงดัง แม่นิ่มและรามผ่านมาใกล้บริเวณนั้นจึงได้ยินชัดเจน ทั้งสองรีบหลบพุ่มไม้เป็นกำบังไม่ให้พุดกรองหรือคนที่นางกำลังทะเลาะด้วยได้เห็นว่ามีคนมาแอบฟัง
“ออกไปนะไอ้เสือกาจออกไป๊” พุดกรองกรีดร้องผละวิ่ง หากกาจรีบกระโจนรวบร่างอีกฝ่ายมากอดจูบด้วยความเสน่หาท่วมท้น
นิ่มยกมือทาบอก รามจ้องมองตาย ขณะที่เด็กหญิงร่างผอมแกร็นนั่งกับพื้น ปอกไข่กินอย่างไม่สนใจสิ่งรอบตัว
พุดกรองดิ้นรนจนเหนื่อยหอบ
“ปล่อย...ปล่อยกูเดี๋ยวนี้ไอ้กาจ กูเป็นเมียของผู้ดีมีสกุล เศษสถุลอย่างมึงอย่าบังอาจมาแตะต้องกูให้เป็นเสนียดเด็ดขาด”
“แต่กูเป็นผัวมึงนะอีพุด แล้วนี่อีกระถินลูกที่มึงทิ้งมันมาตั้งแต่แบเบาะ มึงไม่คิดว่ามันเป็นลูกเลยหรือไง”
พุดกรองทอดตามองเด็กหญิงแล้วทำท่าขยะแขยงไร้ความผูกพัน
“ลูกเสือลูกจะเข้อย่างนี้หรือ ให้มันไปขอทานหรือตามจี้ปล้น อย่างมึงเถิดไอ้เสือกาจ”
“อีพุด นี่ลูกมึงนะ นังกระถินเป็นลูกของมึง”
“ไม่ใช่ กูไม่รับมัน มึงไสหัวไปทั้งสองคน ไม่อย่างนั้นกูจะร้องเรียกให้คนช่วยเดี๋ยวนี้”
“กูไม่ไป ถ้าไปมึงต้องไปกับกู”
พุดกรองออกแรงสะบัดแขนให้พ้นจากการจับของกาจ เขาทำท่าจะตะครุบตัวอีก พุดกรองจึงร้องตะโกนให้คนอื่นได้ช่วยเหลือ
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย อ้ายเสือกาจมันปลอมตัวมาจี้ปล้นฉันแล้ว”
พระศานต์และคนงานตกใจกับเสียงร้อง ทนายทดเข้ามาปรึกษางานกับพระศานต์หลังจากพุดกรองออกมารับแขก เขารีบวิ่งนำหน้ามาพร้อมอาวุธปืนในมือพวกเขาพร้อมบริวารซึ่งเริ่มรู้ว่ามีเหตุร้ายต่าง เร่งฝีเท้ามาตามเสียงร้อง กาจกอดปล้ำไม่ให้พุดกรองได้เรียกคน เขาลากอีกฝ่ายไป
เด็กหญิงกระถินกลืนไข่คำสุดท้ายลงคอ กินน้ำจากกระบอกไม้ไผ่ เพิ่งได้หันไปสนใจพ่อบังเกิดเกล้า เธอได้เห็นกาจกำลังกอดปล้ำลากพุดกรองไปกับพื้น เด็กน้อยร้องโวยวาย แล้วผุดลุกไปแกะมือบิดาออกจากการฉุดลากพุดกรอง
“พ่อ พ่อปล่อยอีนั่นไป พ่อ พ่อปล่อยมัน”
“อีกระถิน นี่แม่มึง แม่ที่พ่อพามาหา เราจะกลับไปด้วยกัน”
“พ่อไปลากเขาเหมือนลากควายทำไม ปล่อย”
กระถินไร้เดียงสานัก เธอไม่รู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร เธอเห็นด้วยตาสองข้างว่าพ่อที่พร่ำบอกตลอดการเดินทางกำลังฉุดผู้หญิงสวย เธอไม่อยากให้พ่อทำอย่างนั้นเธอจึงแกะมือพ่อออก
มือเด็กน้อยไปถูกตัวพุดกรอง อีกฝ่ายถ่มน้ำลายรดกระถินด้วยความขยะแขยงไม่แผกกันกับเกลียดกาจ
พระศานต์ คนงานพากันวิ่งมาที่สวนทันทีภาพที่เห็นคือ ภรรยาเขากำลังต่อสู้กับชายรูปร่างผอมสูง
“พุดกรอง” พระศานต์เรียก กาจผงะมองความภูมิฐานอย่างคนมีอันจะกิน เขาบังเกิดความหึงหวงจึงปล่อยพุดกรอง แล้วกระโจนหาพระศานต์ ทดทนายประจำตัวลั่นกระสุนปืนเข้าใส่ทันที
กระถินได้เห็นผู้ให้กำเนิดหมุนคว้างราวนกปีกหัก ก่อนจะล้มลงนอนคว่ำขาดใจตายโดยไม่ได้สั่งเสียอันใดสักคำ กระถินพึงตั้งสติโผกอดร่างผู้ให้กำเนิดร้องไห้โฮ
“พ่อ พ่อ พ่อ เป็นอะไร พ่อพากูกลับบ้าน พ่อ พ่ออย่าหลับ ไม่เอา ไม่เอา พ่อตื่น พ่อ กระถินอยากกลับบ้าน กระถินอยากกลับบ้าน”
พุดกรองโผเข้าบอกสามีร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่นำพา เด็กหญิงผู้เป็นลูกและชายผู้ที่เคยฉุดคร่าเธอไปเป็นเมีย
“ใครแจ้งตำรวจมาดู ไอ้นี่มันเป็นโจรเข้ามาปลุกปล้ำเมียฉัน”
รามออกมาจากที่ซ่อน โดยที่แม่นิ่มจับทัน พระศานต์มองเห็นลูกชายจึงรีบถาม
“ราม ยังไม่นอนอีกหรือลูก”
“ยังขอรับคุณพ่อ”
จากนั้นทดขับรถออกไปแจ้งความ ระหว่างที่ทดไปกระถินเอาแต่คร่ำครวญกอด กาจ ปลุกเรียกให้อีกฝ่ายตื่น พระศานต์เวทนาเด็กผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ จึงให้บริวารไปดึงกระถินออกมาจากศพผู้เป็นพ่อ
แต่ไม่ว่าใคร พอเขาไปถูกตัวกระถิน เด็กหญิงหันมากัด มาถีบใส่ ไม่ให้ถูกตัว
กระถินร่ำอาละวาดจะพาพ่อจะกลับบ้าน
“กูจะพาพ่อกูกลับบ้าน”
“แล้วบ้านอยู่ที่ไหนล่ะ”แม่นิ่มก้มหน้าไปถามเสียงอ่อน กระถิน ส่ายหน้าตอบไม่ได้
“แล้วหนูชื่ออะไรจ๊ะ”
“กระถิน”ตอบแล้วค้อมตัวลงไปร้องไห้กับร่างไร้วิญญาณของกาจ แล้วพานหลับไปเสียเฉย
ไม่นานนัก นายตำรวจได้ขับรถจิ๊บเข้ามาสอบสวนที่เกิดเหตุ พุดกรองให้การว่า กาจเป็นโจรเข้ามาปล้นเธอหากเมื่อ นายตำรวจให้ความสนใจเด็กหญิงผอมแกร็นที่หลับใหลด้วยความไร้เดียงสาและเป็นเวลาเลยนอน
“เด็กคนนั้นเป็นใครครับ”
รามเดินเข้าไปสอดปากคำในห้องโถง แม่นิ่มรั้งไว้ไม่ทัน
“ผมได้ยินผู้ร้ายคนนั้นบอกว่าเป็นลูกพุดกรองครับคุณตำรวจ”
“ราม” พระศานต์ตกใจเช่นเดียวกับพุดกรอง ซึ่งไม่คาดว่าใครจะล่วงรู้ความลับนี้
“จริงหรือครับคุณหนู”
“แม่นิ่มก็ได้ยินครับ”เขาหาพยานอีกคน
พุดกรองรีบปฏิเสธเสียงแข็ง
“ไม่จริง ไม่จริงค่ะคุณตำรวจฉันไม่เคยรู้จักคนพวกนี้ จู่ ๆ มันมาหลอกว่าเป็นญาติของฉัน ฉันหลงเชื่อออกมาหาแต่มันกลับฉุดและทำร้าย จะชิงทรัพย์ดิฉัน”
“พุดกรองโกหก”รามชี้หน้าแม่เลี้ยง “เธอรู้จักกับคนร้าย เธอเรียกเขาว่าเสือกาจ เสือกาจยังบอกว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกของเธอ”
พระศานต์รีบให้นิ่มพารามจากไปนายตำรวจมองเด็กหญิงซึ่งหลับอุตุด้วยความอ่อนเพลียและร้องไห้มาก
“รามไม่ชอบแม่เลี้ยงจึงพูดไม่ระวังครับคุณตำรวจ”พระศานต์ว่า
นายตำรวจเชื่อถือ ยิ่งเมื่อไปพลิกแฟ้มเสือกาจเป็นโจรจึงแน่ใจในคำให้การของพุดกรองทุกประการ



นางแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 เม.ย. 2554, 21:51:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 เม.ย. 2554, 21:51:16 น.

จำนวนการเข้าชม : 3322





<< ชิงชัง   จากกระถินเป็นมินตรา >>
คิมหันตุ์ 10 เม.ย. 2554, 00:39:31 น.
มาให้กำลังใจอัพต่อไวไวนะคะ


นางแก้ว 10 เม.ย. 2554, 18:51:40 น.
ขอบคุณค่ะ บ้านใหม่เลยลงใหม่ แต่จริงๆคือ ฃเขียนแทรกใหม่ไปด้วยค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account