เพลิงแค้นภูวดล
"ภูวดล" ชายหนุ่มรูปงาม ด้วยความโกรธจากสาเหตุมาจากแม่เลี้ยงและเพื่อนสนิท และวันหนึ่งใครคนหนึ่งได้มอบพลังวิเศษให้กับเขา เขาจะใช้พลังวิเศษในทางชั่วร้ายหรือไม่ ความรักจะหยุดความร้ายกาจของเขาได้หรือไม่ โปรดติดตาม
Tags: ความรักจะหยุดความโกรธแค้นของเขาได้หรือไม่?

ตอน: บทที่ 1 (40%)

บทที่1

ภูวดลรีบแต่งตัวในชุดนักศึกษา ส่องกระจกพองามแล้วก้าวขาออกจากห้องส่วนตัว ข้างหลังมีกระเป๋าสพายสีดำใส่ตำราเรียน เพียงแค่ก้าวขาลงบันไดขั้นแรก เขาก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายของแม่เลี้ยงที่แสนใจร้ายของเขาตั้งแต่เช้า เพราะคนรับใช้วัย 50 ปีตักข้าวเลอะเสื้อของเธอ

“ทำอะไรไม่ระมัดระวังนะ บัวเผื่อน ดูซิเลอะเสื้อฉันหมด” หญิงวัย 40 ปีที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะกินข้าว ดุสาวใช้วัย 50 ปี ด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

“ขอโทษค่ะ คุณนาย” บัวเผื่อนพูดพลางหลบสายตา

“คุณอะไร?” เจ้านายวัย 40 ปี คนนั้นตวาดและถลึงตาใส่เธอ พร้อมกับถอนหายใจออกมาแบบกระฟัดกระเฟียด

“คุณผู้หญิงเจ้าค่ะ” บัวเผื่อนพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ไม่สบตาเจ้านายแต่อย่างใด

“ชักช้าอยู่นั่นแหละ ไปเอากระดาษทิชชูมาเช็ดให้ฉัน” หญิงวัย 40 ปีตวาดอีกพร้อมกับสั่งสาวใช้

“ค่ะ คุณผู้หญิง” สาวใช้รีบทำตามคำสั่งแบบกล้าๆกลัวๆ

“ไม่เอาน่ะคุณ พูดกับบัวเผื่อนมันดีๆก็ได้” ชายวัย 45 ปี ที่นั่งอยู่อีกฟากหนึ่งของโต๊ะกินข้าวพูดขึ้นเชิงตำหนิภรรยาของเขา พลางตักข้าวเข้าปาก

“ก็มันไม่ได้ดั่งใจฉันน่ะสิคะ คุณภูวไนย” หญิงวัย 40 ปีพูด ขณะที่บัวเผื่อนกำลังเช็ดข้าวที่เปื้อนเสื้อออกให้อย่างพิถีพิถัน

หญิงวัย 40 ปี คนนั้นชื่อ “สมพร” เป็นแม่เลี้ยงของภูวดลที่แสนใจร้าย และคนที่มักจะถูกเธอระบายอารมณ์ใส่ประจำก็คือ “บัวเผื่อน” สาวใช้คนเดียวในบ้าน แต่บัวเผื่อนก็ต้องอดทนต่อการระบายของเธอมาตลอด และนอกจากบัวเผื่อน ก็จะมีภูวดลและภูชิสส์ ที่มักจะถูกกลั่นแกล้งจากแม่เลี้ยงใจร้ายคนนี้เป็นประจำเวลาภูวไนยไม่อยู่บ้าน

ทันใดนั้นภูวดลก็เดินผ่านโต๊ะกินข้าวมา...เพราะเป็นทางผ่านก่อนออกจากบ้าน

“อ้าว! ลูกดลมาทานข้าวด้วยกันสิลูก” สมพรเสแสร้งพูดจาอ่อนหวานกับลูกชายเจ้าของบ้าน เพราะตอนนี้อยู่ต่อหน้าของผู้เป็นพ่อ

ภูวดลหยุดเดินทันควันและหันขวับไปสบตากับแม่เลี้ยงจอมเจ้าเล่ห์ “เชิญตามสบาย ฉันไม่มีวันนั่งร่วมโต๊ะกับคนอย่างแก” ภูวดลพูดด้วยน้ำเสียงกระแทกแดกดัน

“อ้าว! ดล ทำไมพูดกับแม่เขาแบบนั้นล่ะลูก” ภูวไนยผู้เป็นพ่อตักเตือนลูกชายด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

“คนเลวๆแบบมัน ผมไม่เรียกว่าแม่หรอกครับ” ภูวดลพูดพลางจ้องหน้าแม่เลี้ยงด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม พลางเบ้ปากใส่

“ลูกดล ทำไมพูดกับแม่แบบนี้ล่ะลูก” สมพรยังเสแสร้งทำเสียงหวานไม่เลิก

“นั่นสิดล อยู่กินด้วยกันสักมื้อนะ” ชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันกับภูวดลเปรยขึ้นพลางนั่งลงข้างๆสมพร

“หุบปากเลยไอ้ธงชัย แกมันก็เลวทั้งแม่ทั้งลูกแหละ” ภูวดลตวาดสองแม่ลูก แล้วหันมาพูดกับผู้เป็นพ่อ

“ถ้าพ่ออยากให้ผมนั่งกินข้าวด้วย โต๊ะนี้ต้องไม่มีมันสองคน”

ภูวไนยอึ้งกับคำพูดของลูกชายคนโต ไม่คิดว่าเขาจะมีอารมณ์ร้อนและพูดได้ร้ายกาจขนาดนี้ แต่เขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมลูกชายของเขาถึงไม่ชอบสองแม่ลูกนี่นัก ทั้งๆที่ตั้งแต่เด็กจนโต เขาก็เห็นสมพร ภรรยาคนใหม่กับลูกติดที่ชื่อ “ธงชัย” พูดและทำดีกับลูกชายทั้งสองของเขามาตลอด

สมพรกับธงชัยได้แต่เก็บความแค้นใจไว้ข้างใน ที่ถูกภูวดลด่าจนน่าเจ็บใจขนาดนี้

“คอยดูนะ ฉันจะเอาคืนแกแน่” สมพรหลุดปากออกมาเบาๆ พร้อมแววตาที่เต็มไปด้วยอาฆาตแค้น

“คุณว่าอะไรนะ คุณสมพร” ภูวไนยได้ยินไม่ถนัดจึงถามด้วยความสงสัย

“เปล่าค่ะ เรากินข้าวกันเถอะนะคะ” สมพรพูดเสียงหวานและยิ้มกลบเกลื่อน

“น้องภูอยู่ไหน ป้าบัวเผื่อน” ภูวดลถามหาน้องชาย ขณะที่บัวเผื่อนยืนอยู่ใกล้ๆกับโต๊ะทานข้าวข้างหลังภูวไนย

“คุณน้องภู นั่งรอคุณดลอยู่หน้าบ้านค่ะ”บัวเผื่อนพูดด้วยรอยยิ้ม

“ขอบคุณครับป้า”ภูวดลรีบเดินออกจากบ้านไปทันที

ภูชิสส์ในชุดนักเรียนยืนรอพี่ชายของเขาอยู่ที่หน้ารถเก๋งคันสีขาวคันหนึ่ง พลางเดินไปเดินมาตามประสาเด็กวัย 13 ปี

“อ้าวน้องภู ทานข้าวแล้วเหรอครับ” ภูวดลเอ่ยทักทายน้องชายด้วยเสียงใส พลางเดินเขาไปลูบหัวภูชิสส์เบาๆ

“ยังเลยครับ รอทานพร้อมพี่ดลแหละครับ” ภูชิสส์พูดพลางยิ้มๆ

“ปะ ขึ้นรถ เดี๋ยวไปกินข้าวกัน กินข้าวเสร็จแล้ว เดี๋ยวพี่จะไปส่งที่โรงเรียน” ภูวดลพูด พลางเปิดประตูรถให้น้อง แล้วขึ้นรถขับออกไปจากคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ชื่อ “คฤหาสน์เพชรธารา” แห่งตระกูลเพชรธารา เจ้าของกิจการห้างสรรพสินค้า มหาเศรษฐีอันดับต้นๆของประเทศ

งานวันเปิดโลกกิจกรรมในอาคารพละศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง มีซุ้มของแต่ละชมรมต่างๆมากมาย มีผู้คนมากมายเดินผ่านไปผ่านมาเพื่อแวะชมซุ้มของชมรมต่างๆ ประกอบกับมีการเล่นดนตรีอยู่บนเวที ทำให้บรรยากาศดูครึกครื้นขึ้นมาก

“ชมรมธอร์ปีโดคร้า รับสมัครสมาชิกนะคะ ใครอยากเป็นนักว่ายน้ำ และอยากถ่ายรูปกับเดือนมหาวิทยาลัยมาสมัครได้เลยนะคะ สมัครวันนี้ได้ถ่ายรูปกับภูวดลคร้า” สาวประเภทสองคนหนึ่งตะโกนเสียงดังเพื่อโฆษณาชมรมของตนเองด้วยประโยคเดิมไม่หยุด

“เมทตี้ พูดซะเว่อร์เชียวนะแก” ภูวดลที่ยืนอยู่ข้างๆพูดติดอายๆกับสาวประเภทสองเพื่อนร่วมแก๊ง จนเขาต้องหันหลังเดินเข้าซุ้มชมรมไป

“จะอายทำไมล่ะดล ก็เราต้องพูดชักชวนคนมาสมัครชมรมธอร์ปีโดของเราให้ได้มากที่สุด” สาวประเภทสองคนนั้นพูดพลางแสยะยิ้ม



ภูเขา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 ก.ย. 2554, 01:59:37 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 ก.ย. 2554, 02:00:37 น.

จำนวนการเข้าชม : 1280





<< แนะนำตัวละคร   บทที่ 1 (100%) >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account