เพลิงแค้นภูวดล
"ภูวดล" ชายหนุ่มรูปงาม ด้วยความโกรธจากสาเหตุมาจากแม่เลี้ยงและเพื่อนสนิท และวันหนึ่งใครคนหนึ่งได้มอบพลังวิเศษให้กับเขา เขาจะใช้พลังวิเศษในทางชั่วร้ายหรือไม่ ความรักจะหยุดความร้ายกาจของเขาได้หรือไม่ โปรดติดตาม
Tags: ความรักจะหยุดความโกรธแค้นของเขาได้หรือไม่?
ตอน: บทที่ 3 (100%)
“แม่เป็นอะไรมากไหมครับ” เขาถามพลางประคองหญิงวัย 40 ปีให้ลุกขึ้นนั่ง
“ไม่เป็นอะไรหรอกลูก” หญิงวัย 40 ปีพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
ภูวดลมองดูสองแม่ลูกด้วยความเวทนา แววตาของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความโกรธและเกลียดชังพวกเขามาก
“ก็ดูแม่แกทำกับน้องชายฉันก่อนเถอะ กล้าดียังไงมาทำร้ายน้องภู” ภูวดลพูดออกไปอย่างคับแค้นใจ
“แล้วแกจะเอายังไงกับพวกฉันอีกวะ” ธงชัยเดินเข้ามาหาภูวดลแบบท้าทาย
ธงชัยปล่อยหมัดออกไปก่อนหวังจะชกหน้าภูวดล แต่ก็ถูกภูวดลจับแขนไว้และถีบกระเด็นลงไปนอนราบคาบกับพื้นอย่างสะบักสะบอม
สมพรทนไม่ได้หวังจะเข้ามาตบภูวดลคืนให้ลูกชาย แต่ก็ถูกภูวดลจับมือไว้ และผลักลงไปนอนราบกับพื้นลูกชาย
“โอ้ย! แกกล้าทำกับฉันแบบนี้เชียวหรือ ไอ้ดล” สมพรเอ่ยอย่างแค้นใจมาก
“มากกว่านี้ ฉันก็ทำได้ สำหรับคนเลวๆอย่างพวกแก อย่าคิดนะว่าฉันไม่รู้ ว่าพวกแกหวังจะฮุบสมบัติของพ่อฉัน” ภูวดลพูดเสียงดังลั่นบ้าน แล้วเดินหนีจากตรงนั้นไป
สองแม่ลูกมองตามหลังภูวดลไปด้วยแววตาแห่งความอาฆาตแค้น แต่ก็เหมือนพวกเขาทำอะไรภูวดลไม่ได้เลยสักอย่าง
“ฉันจะจัดการแก ให้สาสม ไอ้ภูวดล” ธงชัยประกาศกร้าว และพยุงผู้เป็นแม่ขึ้นและพาไปนั่งบนโซฟา
“เราจะทำยังไงกับมันดีนะ ให้ไอ้ภูวดลมันเจ็บช้ำน้ำใจที่สุด” สมพรพูดอย่างแค้นใจ แววตาฉายวับด้วยความอาฆาต
“ผมคิดออกแล้วครับแม่” ธงชัยพูดขึ้น พลางแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์
“ทำอะไรลูก” สมพรถามด้วยความอยากรู้
ธงชัยกระซิบที่หูของผู้เป็นแม่ แล้วทั้งคู่ก็ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นบ้าน ราวกับเป็นเสียงหัวเราะของปีศาจ
ภูชิสส์กำลังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ทำสีหน้าไม่พอใจ ที่ได้ยินภูวดลพูดว่าเข้าไปทำร้ายแม่เลี้ยงและธงชัยถึงห้องรับแขก
“พี่ดลไม่น่าทำกับ น้าแกแบบนั้นเลยนะครับ” ภูชิสส์พูด โดยไม่สบตาพี่ชาย
“นี่ภู ทำไมไปเข้าข้างนังแม่เลี้ยงใจร้ายแบบนั้นล่ะ เขาทำร้ายเรานะ พี่ก็ต้องจัดการให้สิ” ภูวดลพูดด้วยน้ำเสียงปกติ ขณะนอนเล่นอยู่บนเตียงนอนของเจ้าของห้อง
“ก็พี่ดลทำรุ่นแรงเกินไป” ภูชิสส์เว้นจังหวะในการพูด แล้วหมุนเก้าอี้เพื่อหันมาสบตากับผู้สนทนาแล้วพูดต่อ
“ผมขอร้องล่ะพี่ ใจเย็นๆลงก็ได้นะครับ ควบคุมอารมณ์บ้างนะครับ ผมพูดด้วยความเป็นห่วงนะ”
ภูวดลถึงกับอึ้งที่ถูกเด็กอายุ 13 ปีสอน แต่ก็ไม่ได้รู้สึกโกรธอะไร “คร๊าฟ เดี๋ยวพี่จะใจเย็นลงกว่านี้นะ”
เด็กชายวัย 13 ปีได้แต่ยิ้มเมื่อได้ยินคำพูดของพี่ชายของเขา แล้วหมุนเก้าอี้กลับไปเล่นเกมส์ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ต่อ
ภูวดลเงียบไปชั่วครู่เมื่อหันไปเจอรูปแม่ของเขาวางอยู่บนหัวเตียงนอนของน้องชาย เขาหยิบรูปนั้นขึ้นมาดูด้วยความรู้สึกคิดถึงและเสียใจเพราะถ้าแม่เขายังอยู่ เขาก็คงมีความสุขมากกว่านี้ ปัญหาต่างๆภายในบ้าน และการแก่งแย่งชิงดีก็คงจะไม่เกิดขึ้น ซึ่งมันมีจุดเริ่มต้นตั้งแต่ 10 ปีที่แล้วที่พ่อของเขาแต่งงานใหม่หลังจากที่แม่เขาเสียชีวิตไปเพียง 1 ปี และตอนนั้นเขาอายุเพียง 9 ขวบเท่านั้น ส่วนภูชิสส์อายุเพียง 3 ขวบ
“นี่ถ้าแม่ยังอยู่ เราคงจะไม่ถูกใครรังแกง่ายๆสินะ” ภูวดลพึมพำ เขามองรูปนั้นอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะเอามันไปตั้งไว้ที่เดิม แล้วหันไปคุยกับผู้เป็นน้อง
“ เออ! น้องภูทานข้าวยังเนี่ย” ภูวดลถาม แล้วลุกขึ้นนั่งอยู่บนเตียงนอน
“ยังเลยครับ รอกินพร้อมพ่อดีไหม พ่อบอกจะกลับบ้านสองทุ่ม” ภูชิสส์เสนอ ขณะที่สายตายังจับจ้องที่หน้าจอคอมพิวเตอร์
“ไม่เอาอ่า ไม่อยากเจอหน้าสองแม่ลูกนั่น น้องภูจะไปกินก็ตามใจนะ พี่ไม่ว่า พี่จะลงไปกินก่อนละกันนะ”
ว่าแล้วภูวดลก็ลุกขึ้นจากเตียงและเดินออกจากห้องไป
บรรยากาศการทานข้าวเย็นของบ้านคฤหาสน์เพชรธาราเป็นไปอย่างเอร็ดอร่อย ที่โต๊ะกินข้าวขาดแต่เพียงภูวดลเท่านั้น แต่แล้วความเอร็ดอร่อยของภูวไนยก็ต้องหมดลง เมื่อเห็นรอยจ้ำแดงตามแขนขาและเนื้อตัวของภูชิสส์
“นี่น้องภูไปทำไรมาครับ ถึงเป็นจ้ำแดงตามตัวไปหมด” ภูวไนยถามลูกชายคนเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆ
“จะเป็นอะไรซะอีกล่ะคะ ก็คงจะวิ่งเล่นจนมดกัดอ่าค่ะ แม่บอกแล้วใช่ไหมน้องภู อย่าไปวิ่งเล่นแถวหลังบ้าน มดแดงมันเยอะ ใช่ไหมน้องภู” สมพรพูดแทนภูชิสส์ ทั้งเสแสร้งพูดน้ำเสียงหวาน ทั้งพยายามแก้ตัวสารพัด
“ครับ...” ภูชิสส์ตอบสั้นๆห้วนๆ โดยไม่สบตาใคร
ขณะที่ภูวไนยก็เหมือนจะคล้อยตามภรรยาไป โดยไม่ระแคะระคายเลยว่า มดแดงกัดอะไรจะผื่นแดงใหญ่ขนาดนี้
“คราวหลังก็ไม่ต้องไปวิ่งเล่นแล้วนะลูกหลังบ้าน เชื่อฟังแม่เขาบ้าง” ภูวไนยพูดเชิงสอนอีก
“มดแดงหรือถูกใครบางคนหยิกครับ” ภูวดลที่เดินมาได้ยินการสนทนาเมื่อครู่ทนฟังไม่ได้
“อะไรกันลูกดล ใครทำร้ายใครคะ” สมพรทำเป็นไม่รู้อิโหน่อิเหน่
“ก็แกไงล่ะ อย่าทำมาเป็นพูดดีหน่อยเลย” ภูวดลพูดแบบหมั่นไส้
“อะไรกันคุณ?” ภูวไนยเริ่มสงสัย
สมพรถึงกับหน้าตายและพยายามคิดหาเหตุผลในการแก้ตัวต่อ เธอได้แต่ก้มหน้าไม่กล้าสบตาผู้เป็นสามีแต่อย่างใด
“ผมทำร้ายน้องภูเองครับพ่อ” ธงชัยพูดขึ้นด้วยความฉะฉาน แห่งการโกหก
“โกหก”
ภูวดลพูดออกมาเสียงดัง จนบัวเผื่อนที่ยืนอยู่ข้างหลังโต๊ะภูวไนยสะดุ้งตกใจ เธอจึงต้องรีบเดินหนีตรงนั้นไป
“ดล ฟังชัยเขาพูดสิลูก” ภูวไนยพูดด้วยน้ำเสียงปกติ
“พอดีพวกเราทะเลาะกันเรื่องเล่นเกมส์อ่าครับ ต้องขอโทษด้วยนะครับ ขอโทษด้วยนะน้องภู ที่ทำให้เจ็บตัว” ธงชัยอธิบาย และเสแสร้งทำหน้าตาน่าสงสาร
“เอาล่ะ เอาล่ะ เรื่องมันก็ผ่านมาแล้ว คราวหลังชัยอย่าทำกับน้องแบบนี้อีก รู้ไหม? น้องมันยังเด็กนะ ไงๆก็ค่อยๆพูดค่อยจากัน ยังไงเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันนะ” ภูวไนยสั่งสอนธงชัย
“ครับ” ธงชัยรับคำสั้นๆ
ภูวดลหายใจกระฟัดกระเฟียดแสดงถึงความไม่พอใจ แล้วเดินกลับขึ้นห้องส่วนตัวของเขาไป
“คราวหลังชัยต้องใจเย็นๆรู้ไหม พูดกับน้องเขาดีๆบอกกี่ครั้งกี่หนแล้ว” สมพรได้ที ก็สวมบทบาทแม่เลี้ยงใจดีตามเคย
ภูชิสส์ไม่พูดจาอะไรต่อ ได้แต่นิ่งเงียบ และก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อไป ซึ่งด้วยความเป็นเด็กและไม่เอาแต่ใจเหมือนภูวดล ทำให้ภูชิสส์ถูกสองแม่ลูกทำร้ายแบบนี้มาบ่อยครั้งและหาข้อแก้ตัวและเอาตัวรอดได้ตลอด
“แล้วตาชัยล่ะ ไปต่อยกับใครมา หน้าช้ำเชียว” ภูวไนยถามธงชัยต่ออีก
“เออ ..พอดีทะเลาะกับเพื่อนที่มหา’ลัยอ่าครับพ่อ” ธงชัยตอบพลางก้มหน้า
“ไปมีเรื่องกับใครเขาอีกล่ะ พ่อบอกแล้วใช่ไหม อย่าพยายามไปมีเรื่องกับใคร” ภูวไนยสั่งสอน
“พอดีมันจะมาทุบรถของผมอ่าครับพ่อ...” ธงชัยยังหาเหตุผลแก้ตัวไปสารพัด
“เอาเถอะๆ คราวหน้าคราวหลังก็ใจเย็นกว่านี้หน่อยนะ พ่อเข้าใจลูกผู้ชายอย่างเราๆก็แบบนี้แหละ” ภูวไนยพูดแบบพยายามเข้าใจ
ธงชัยแอบยิ้มในใจ แล้วยกมือขอโทษภูวไนย “ขอโทษครับพ่อ ที่ผมเหมือนเป็นตัวสร้างความวุ่นวายเลย”
“ไม่เป็นไรลูก พยายามปรับปรุงตัวเองนะ” ภูวไนยสอนธงชัยด้วยความรักและหวังดี เพราะเขาก็คิดมาตลอดว่า ธงชัยเป็นลูกชายแท้ๆของเขาคนหนึ่ง
“ไม่เป็นอะไรหรอกลูก” หญิงวัย 40 ปีพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
ภูวดลมองดูสองแม่ลูกด้วยความเวทนา แววตาของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความโกรธและเกลียดชังพวกเขามาก
“ก็ดูแม่แกทำกับน้องชายฉันก่อนเถอะ กล้าดียังไงมาทำร้ายน้องภู” ภูวดลพูดออกไปอย่างคับแค้นใจ
“แล้วแกจะเอายังไงกับพวกฉันอีกวะ” ธงชัยเดินเข้ามาหาภูวดลแบบท้าทาย
ธงชัยปล่อยหมัดออกไปก่อนหวังจะชกหน้าภูวดล แต่ก็ถูกภูวดลจับแขนไว้และถีบกระเด็นลงไปนอนราบคาบกับพื้นอย่างสะบักสะบอม
สมพรทนไม่ได้หวังจะเข้ามาตบภูวดลคืนให้ลูกชาย แต่ก็ถูกภูวดลจับมือไว้ และผลักลงไปนอนราบกับพื้นลูกชาย
“โอ้ย! แกกล้าทำกับฉันแบบนี้เชียวหรือ ไอ้ดล” สมพรเอ่ยอย่างแค้นใจมาก
“มากกว่านี้ ฉันก็ทำได้ สำหรับคนเลวๆอย่างพวกแก อย่าคิดนะว่าฉันไม่รู้ ว่าพวกแกหวังจะฮุบสมบัติของพ่อฉัน” ภูวดลพูดเสียงดังลั่นบ้าน แล้วเดินหนีจากตรงนั้นไป
สองแม่ลูกมองตามหลังภูวดลไปด้วยแววตาแห่งความอาฆาตแค้น แต่ก็เหมือนพวกเขาทำอะไรภูวดลไม่ได้เลยสักอย่าง
“ฉันจะจัดการแก ให้สาสม ไอ้ภูวดล” ธงชัยประกาศกร้าว และพยุงผู้เป็นแม่ขึ้นและพาไปนั่งบนโซฟา
“เราจะทำยังไงกับมันดีนะ ให้ไอ้ภูวดลมันเจ็บช้ำน้ำใจที่สุด” สมพรพูดอย่างแค้นใจ แววตาฉายวับด้วยความอาฆาต
“ผมคิดออกแล้วครับแม่” ธงชัยพูดขึ้น พลางแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์
“ทำอะไรลูก” สมพรถามด้วยความอยากรู้
ธงชัยกระซิบที่หูของผู้เป็นแม่ แล้วทั้งคู่ก็ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นบ้าน ราวกับเป็นเสียงหัวเราะของปีศาจ
ภูชิสส์กำลังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ทำสีหน้าไม่พอใจ ที่ได้ยินภูวดลพูดว่าเข้าไปทำร้ายแม่เลี้ยงและธงชัยถึงห้องรับแขก
“พี่ดลไม่น่าทำกับ น้าแกแบบนั้นเลยนะครับ” ภูชิสส์พูด โดยไม่สบตาพี่ชาย
“นี่ภู ทำไมไปเข้าข้างนังแม่เลี้ยงใจร้ายแบบนั้นล่ะ เขาทำร้ายเรานะ พี่ก็ต้องจัดการให้สิ” ภูวดลพูดด้วยน้ำเสียงปกติ ขณะนอนเล่นอยู่บนเตียงนอนของเจ้าของห้อง
“ก็พี่ดลทำรุ่นแรงเกินไป” ภูชิสส์เว้นจังหวะในการพูด แล้วหมุนเก้าอี้เพื่อหันมาสบตากับผู้สนทนาแล้วพูดต่อ
“ผมขอร้องล่ะพี่ ใจเย็นๆลงก็ได้นะครับ ควบคุมอารมณ์บ้างนะครับ ผมพูดด้วยความเป็นห่วงนะ”
ภูวดลถึงกับอึ้งที่ถูกเด็กอายุ 13 ปีสอน แต่ก็ไม่ได้รู้สึกโกรธอะไร “คร๊าฟ เดี๋ยวพี่จะใจเย็นลงกว่านี้นะ”
เด็กชายวัย 13 ปีได้แต่ยิ้มเมื่อได้ยินคำพูดของพี่ชายของเขา แล้วหมุนเก้าอี้กลับไปเล่นเกมส์ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ต่อ
ภูวดลเงียบไปชั่วครู่เมื่อหันไปเจอรูปแม่ของเขาวางอยู่บนหัวเตียงนอนของน้องชาย เขาหยิบรูปนั้นขึ้นมาดูด้วยความรู้สึกคิดถึงและเสียใจเพราะถ้าแม่เขายังอยู่ เขาก็คงมีความสุขมากกว่านี้ ปัญหาต่างๆภายในบ้าน และการแก่งแย่งชิงดีก็คงจะไม่เกิดขึ้น ซึ่งมันมีจุดเริ่มต้นตั้งแต่ 10 ปีที่แล้วที่พ่อของเขาแต่งงานใหม่หลังจากที่แม่เขาเสียชีวิตไปเพียง 1 ปี และตอนนั้นเขาอายุเพียง 9 ขวบเท่านั้น ส่วนภูชิสส์อายุเพียง 3 ขวบ
“นี่ถ้าแม่ยังอยู่ เราคงจะไม่ถูกใครรังแกง่ายๆสินะ” ภูวดลพึมพำ เขามองรูปนั้นอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะเอามันไปตั้งไว้ที่เดิม แล้วหันไปคุยกับผู้เป็นน้อง
“ เออ! น้องภูทานข้าวยังเนี่ย” ภูวดลถาม แล้วลุกขึ้นนั่งอยู่บนเตียงนอน
“ยังเลยครับ รอกินพร้อมพ่อดีไหม พ่อบอกจะกลับบ้านสองทุ่ม” ภูชิสส์เสนอ ขณะที่สายตายังจับจ้องที่หน้าจอคอมพิวเตอร์
“ไม่เอาอ่า ไม่อยากเจอหน้าสองแม่ลูกนั่น น้องภูจะไปกินก็ตามใจนะ พี่ไม่ว่า พี่จะลงไปกินก่อนละกันนะ”
ว่าแล้วภูวดลก็ลุกขึ้นจากเตียงและเดินออกจากห้องไป
บรรยากาศการทานข้าวเย็นของบ้านคฤหาสน์เพชรธาราเป็นไปอย่างเอร็ดอร่อย ที่โต๊ะกินข้าวขาดแต่เพียงภูวดลเท่านั้น แต่แล้วความเอร็ดอร่อยของภูวไนยก็ต้องหมดลง เมื่อเห็นรอยจ้ำแดงตามแขนขาและเนื้อตัวของภูชิสส์
“นี่น้องภูไปทำไรมาครับ ถึงเป็นจ้ำแดงตามตัวไปหมด” ภูวไนยถามลูกชายคนเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆ
“จะเป็นอะไรซะอีกล่ะคะ ก็คงจะวิ่งเล่นจนมดกัดอ่าค่ะ แม่บอกแล้วใช่ไหมน้องภู อย่าไปวิ่งเล่นแถวหลังบ้าน มดแดงมันเยอะ ใช่ไหมน้องภู” สมพรพูดแทนภูชิสส์ ทั้งเสแสร้งพูดน้ำเสียงหวาน ทั้งพยายามแก้ตัวสารพัด
“ครับ...” ภูชิสส์ตอบสั้นๆห้วนๆ โดยไม่สบตาใคร
ขณะที่ภูวไนยก็เหมือนจะคล้อยตามภรรยาไป โดยไม่ระแคะระคายเลยว่า มดแดงกัดอะไรจะผื่นแดงใหญ่ขนาดนี้
“คราวหลังก็ไม่ต้องไปวิ่งเล่นแล้วนะลูกหลังบ้าน เชื่อฟังแม่เขาบ้าง” ภูวไนยพูดเชิงสอนอีก
“มดแดงหรือถูกใครบางคนหยิกครับ” ภูวดลที่เดินมาได้ยินการสนทนาเมื่อครู่ทนฟังไม่ได้
“อะไรกันลูกดล ใครทำร้ายใครคะ” สมพรทำเป็นไม่รู้อิโหน่อิเหน่
“ก็แกไงล่ะ อย่าทำมาเป็นพูดดีหน่อยเลย” ภูวดลพูดแบบหมั่นไส้
“อะไรกันคุณ?” ภูวไนยเริ่มสงสัย
สมพรถึงกับหน้าตายและพยายามคิดหาเหตุผลในการแก้ตัวต่อ เธอได้แต่ก้มหน้าไม่กล้าสบตาผู้เป็นสามีแต่อย่างใด
“ผมทำร้ายน้องภูเองครับพ่อ” ธงชัยพูดขึ้นด้วยความฉะฉาน แห่งการโกหก
“โกหก”
ภูวดลพูดออกมาเสียงดัง จนบัวเผื่อนที่ยืนอยู่ข้างหลังโต๊ะภูวไนยสะดุ้งตกใจ เธอจึงต้องรีบเดินหนีตรงนั้นไป
“ดล ฟังชัยเขาพูดสิลูก” ภูวไนยพูดด้วยน้ำเสียงปกติ
“พอดีพวกเราทะเลาะกันเรื่องเล่นเกมส์อ่าครับ ต้องขอโทษด้วยนะครับ ขอโทษด้วยนะน้องภู ที่ทำให้เจ็บตัว” ธงชัยอธิบาย และเสแสร้งทำหน้าตาน่าสงสาร
“เอาล่ะ เอาล่ะ เรื่องมันก็ผ่านมาแล้ว คราวหลังชัยอย่าทำกับน้องแบบนี้อีก รู้ไหม? น้องมันยังเด็กนะ ไงๆก็ค่อยๆพูดค่อยจากัน ยังไงเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันนะ” ภูวไนยสั่งสอนธงชัย
“ครับ” ธงชัยรับคำสั้นๆ
ภูวดลหายใจกระฟัดกระเฟียดแสดงถึงความไม่พอใจ แล้วเดินกลับขึ้นห้องส่วนตัวของเขาไป
“คราวหลังชัยต้องใจเย็นๆรู้ไหม พูดกับน้องเขาดีๆบอกกี่ครั้งกี่หนแล้ว” สมพรได้ที ก็สวมบทบาทแม่เลี้ยงใจดีตามเคย
ภูชิสส์ไม่พูดจาอะไรต่อ ได้แต่นิ่งเงียบ และก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อไป ซึ่งด้วยความเป็นเด็กและไม่เอาแต่ใจเหมือนภูวดล ทำให้ภูชิสส์ถูกสองแม่ลูกทำร้ายแบบนี้มาบ่อยครั้งและหาข้อแก้ตัวและเอาตัวรอดได้ตลอด
“แล้วตาชัยล่ะ ไปต่อยกับใครมา หน้าช้ำเชียว” ภูวไนยถามธงชัยต่ออีก
“เออ ..พอดีทะเลาะกับเพื่อนที่มหา’ลัยอ่าครับพ่อ” ธงชัยตอบพลางก้มหน้า
“ไปมีเรื่องกับใครเขาอีกล่ะ พ่อบอกแล้วใช่ไหม อย่าพยายามไปมีเรื่องกับใคร” ภูวไนยสั่งสอน
“พอดีมันจะมาทุบรถของผมอ่าครับพ่อ...” ธงชัยยังหาเหตุผลแก้ตัวไปสารพัด
“เอาเถอะๆ คราวหน้าคราวหลังก็ใจเย็นกว่านี้หน่อยนะ พ่อเข้าใจลูกผู้ชายอย่างเราๆก็แบบนี้แหละ” ภูวไนยพูดแบบพยายามเข้าใจ
ธงชัยแอบยิ้มในใจ แล้วยกมือขอโทษภูวไนย “ขอโทษครับพ่อ ที่ผมเหมือนเป็นตัวสร้างความวุ่นวายเลย”
“ไม่เป็นไรลูก พยายามปรับปรุงตัวเองนะ” ภูวไนยสอนธงชัยด้วยความรักและหวังดี เพราะเขาก็คิดมาตลอดว่า ธงชัยเป็นลูกชายแท้ๆของเขาคนหนึ่ง
ภูเขา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ก.ย. 2554, 19:57:51 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ก.ย. 2554, 19:57:51 น.
จำนวนการเข้าชม : 1275
<< บทที่ 3 (50%) |