ฝันรักสุดหัวใจ
เขา..เจ้าพ่อผู้เย็นชา อดีตคู่หมั้นของพี่สะใภ้คนสวย ศัตรูตัวร้ายของครอบครัว

เธอเกลียดเขา แม่เธอเกลียดเขา พี่ชายเธอเกลียดเขา
แม้แต่หมาของเธอยังเกลียดเขาเลย!


สามปีก่อน เธอกับเขาเคยมีเรื่องกันนิดหน่อย และเธอก็ได้สั่งสอนเขาให้หลาบจำไปแล้ว

เส้นทางชีวิตของเธอและเขาคงไม่มีวันบรรจบกันได้อีก ถ้าเขาไม่เที่ยวไปป่าวประกาศให้ใครต่อใคร-รวมถึงพี่ชายและแม่เธอด้วย-ว่าเป็นพ่อของลูกเธอ

อี๋! ไอ้ผู้ชายบ้า
Tags: น้องแพร พี่ตั้ม

ตอน: ตอนที่1: คนเรามักไม่ค่อยพอใจกับสิ่งที่ตัวเองเป็น...จริงๆนะ(ลงเพิ่ม100%)

-หนึ่ง-
เธอเป็นหญิงสาวได้รับการกล่าวถึงมากที่สุดคนหนึ่งในแวดวงธุรกิจทั้งในและต่างประเทศในฐานะผู้หญิงทำงานยุคใหม่ที่มากไปด้วยสามารถและประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย

เธอเริ่มต้นเก็บเกี่ยวประสบการณ์การทำงานด้วยการเป็นพนักงานแผนกการตลาดในบริษัทส่งออกสินค้าแห่งหนึ่ง และแยกตัวออกมาตั้งบริษัทของตัวเองไม่นานนักหลังจากนั้น กิจการของเธอล้มลุกคลุกคลานในทีแรก แต่ด้วยการดำเนินกลยุทธ์อันเฉียบแหลมเก่งกาจ ในที่สุดบริษัทของเธอก็มั่นคงและติดอันดับหนึ่งในยี่สิบของกิจการที่ทำรายได้มากที่สุดในแถบเอเซีย-แปซิฟิค

ทุกคนต่างยอมรับว่าเธอคืออัจฉริยะ แข็งกร้าวและฉลาดหลักแหลม เธอได้รับเสียงชื่นชมและยกย่องถึงความเป็นผู้นำรวมถึงทัศนวิสัยและสัญชาติญาณอันดีเยี่ยมจากสื่อมากกว่าผู้บริหารจากบริษัทใดๆบนตลาดหลักทรัพย์ หนังสือพิมพ์และนิตยาสารเกี่ยวกับการค้าและการลงทุนทั้งในและต่างประเทศต่างมาขอสัมภาษณ์และมีรูปเธอขึ้นปกมาแล้วมากมาย

ทั้งหมดนี่คือสิ่งที่เธอจะเป็นในอีกห้าปีข้างหน้า

หากเธอผ่านการสัมภาษณ์งานเฮงซวยครั้งนี้ไปได้ล่ะก็นะ!

ผู้หญิงแก่หน้าเหี่ยวที่แนะนำตัวเองว่าเป็นตัวแทนจากฝ่ายบุคคลก้มหน้าพลิกๆกระดาษประวัติย่อของเธออย่างไม่ใส่ใจและไม่เงยหน้าขึ้นมามองเธอเลยสักนิดเมื่อถามคำถาม นังบ้ามารยาททราม!

“ทำไมคุณถึงอยากเข้ามาร่วมงานที่บริษัทของเราคะ”

โง่รึเปล่าเนี่ย คำถามสร้างสรรค์กว่านี้ไม่มีรึไง ที่ไหนมีประกาศรับสมัครพนักงานฉันก็ร่อนสมัครหมดนั่นล่ะย่ะ!


พัดแพรขยับตัวปรับอารมณ์บนเก้าอี้เล็กน้อย ก่อนจะยกขาเรียวสวยในรองเท้าส้นสูงสุดหรูของเฟอร์รากาโม่ที่เธอฉุดกระชากลากถูไอ้พี่พจน์ไปซื้อมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะขึ้นไขว่ห้าง และตอบอย่างฉะฉานมั่นใจแบบที่เธอเห็นผู้บริหารระดับสูงในละครหลังข่าวมักจะพูด

“เพราะบริษัทนี้มีชื่อเสียง มั่นคง มีการบริหารจัดการที่ดี อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้พนักงานได้มีความก้าวหน้าค่ะ” เฮอะ! บริษัทหล่อนเป็นแค่ทางผ่านเท่านั้นแหละ คนมีความสามารถอย่างฉันไม่ดักดานอยู่ที่นี่นานนักหรอกย่ะ “อีกทั้งดิฉันรู้สึกว่า ดิฉันเหมาะกับงานนี้มากค่ะ”

“อ้อ เข้าใจล่ะค่ะ” นังบ้าหน้าเหี่ยวยักหน้าแบบที่น่าขัดใจเป็นที่สุด และหยุดสายตาที่สำเนาใบรายงานผลการศึกษาของเธอ “อืม..แต่เท่าที่เห็น เกรดเฉลี่ยของคุณไม่ค่อยดีเลยนี่ เพราะอะไรคุณถึงคิดว่าตัวเองเหมาะกับองค์กรของเรา”

กรี๊ดดด! กรี๊ดดด! กรี๊ดดด! ดูถูกกันนี่ เกรดตั้งสองจุดสามแปดยังไม่ดีตรงไหนอีก แล้วหล่อนพลิกประวัติฉันมาตั้งนานสองนาน ไม่เห็นรึไงว่าตอนอยู่มหาวิทยาลัยฉันเป็นถึงรองประธานชมรมมวยไทยเชียวนะ แถมยังออกค่ายทำโน่นนี่นั่นเยอะแยะไปหมด คนทำกิจกรรมขนาดนี้จะเอาเวลาที่ไหนไปเข้าเรียนล่ะยะ!


“เกรดเฉลี่ยไม่ใช่เครื่องมือวัดความสามารถในการทำงานเสมอไปหรอกค่ะ” เธอบอก “ดิฉันเห็นว่าคนที่เรียนและทำกิจกรรมที่หลากหลายไปพร้อมกันนั้นกลับความรู้และประสบการณ์ที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อการทำงานมากกว่าคนที่เอาแต่สนใจเรียนเพียงอย่างเดียวนะคะ”

ในคู่มือสมัครงานที่เธอพลิกเปิดอ่านผ่านๆ-แน่ล่ะ ฟรีด้วย-จากร้านหนังสือบอกว่าการสอบสัมภาษณ์งานคือการที่เราได้มีโอกาสได้พูดคุยเพื่อโฆษณาขายตัวเองให้บริษัท แต่คุยกันมาตั้งนาน ยัยป้าหน้าเหี่ยวโง่บรมนี่ดันถามแต่เรื่องไม่เป็นเรื่อง วิชาที่เรียนบ้างล่ะ ชีวิตวัยเด็กบ้างล่ะ ไม่ยอมเปิดช่องให้เธอได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวเองที่ตรงกับจุดมุ่งหมายของการสอบสัมภาษณ์งานเลย ดังนั้น เมื่อเห็นว่ายัยป้าอ้าปากจะถามไร้สาระอีก พัดแพรจึงรีบแย่งพูดตัดหน้า

“อย่างที่คุณเห็น ดิฉันเคยร่วมกิจกรรมต่างๆของทางมหาวิทยาลัยมามากมายนับไม่ถ้วน การเป็นดาวเด่นคนสำคัญของชมรมทำให้ดิฉันรู้จักการทำงานร่วมกับคนอื่นๆรวมทั้งแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี”

เธอเชิดหน้าและเปลี่ยนขาที่นั่งไขว่ห้างด้วยกิริยาอันงามสง่าดุจนางพญา

“ดิฉันขยันขันแข็ง มีความเป็นผู้นำ เคร่งครัดในกฎระเบียบ รักความท้าทาย กล้าได้กล้าเสีย มีความคิดสร้างสรรค์ กระตือรือล้นที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ พร้อมที่จะพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ดิฉันมุ่งมั่น มีความรับผิดชอบสูง มีความรู้ภาษาอังกฤษในระดับยอดเยี่ยมพร้อมทั้งการออกเสียงที่ไพเราะ ดิฉันสนใจในความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี พิมพ์ดีดแบบสัมผัสได้รวดเร็วแม่นยำ ยิ่งถ้าได้ใช้เครื่องแบล็กเบอร์รี่นะคะ ความเร็วในการพิมพ์ของดิฉันจะเพิ่มขึ้นอีกค่ะ ดิฉันละเอียด ถี่ถ้วน กระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวา ซ่อนพรสวรรค์เอาไว้มากมาย ยามว่างดิฉันติดตามข่าวสารบ้านเมืองและมีความรู้เกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจเป็นอย่างดีค่ะ”

“อื่อฮึ” ยัยป้าพยักหน้าอีกครั้ง “คุณคิดว่าตัวเองมีจุดเด่นอะไรเป็นพิเศษที่เราควรต้องรับคุณ แทนที่จะเป็นคนอื่นเข้าทำงานในตำแหน่งนี้คะ”

อี๋! นังบ้า ฉันเพิ่งสาธยายคุณสมบัติอันล้ำเลิศเฉิดฉายให้หล่อนฟังไปหยกๆ ความจำสั้นรึไงยะ!


“ดิฉันเป็นคนที่มีความอดทนมากค่ะ แม้ว่าคนที่ดิฉันจะต้องทำงานด้วยนั้นจะไม่ได้เรื่องไม่ได้ราวเลยก็ตาม แต่ดิฉันก็สามารถควบคุมอารมณ์ไม่แสดงความโกรธอันจะนำไปสู่ข้อขัดแย้งบาดหมางใหญ่โต ดิฉันคิดว่านี่เป็นคุณสมบัติที่คนส่วนใหญ่ไม่มีค่ะ”

ยัยป้าเงยหน้าขึ้นมามองเธอเหมือนจะประหลาดใจและประทับใจในเวลาเดียวกัน

ทึ่งในคำตอบอันฉลาดลึกซึ้งของฉันล่ะสิ หุหุ พัดแพรยิ้ม “และถึงแม้ว่าคุณสมบัติ ประสบการณ์และทักษะความสามารถทั้งหลายที่ดิฉันมี จะทำให้ดิฉันเหมาะสมกับตำแหน่งที่สูงกว่าพนักงานการตลาด แต่ดิฉันก็ยินดีที่จะเริ่มงานในระดับล่างไปก่อนเพื่อเรียนรู้โครงสร้างของระบบงานที่นี่ค่ะ”


ในคู่มือสมัครงานบอกว่า ผู้สมัครงานควรแสดงความทะเยอทะยานในหน้าที่การงานให้ผู้สัมภาษณ์เห็นด้วย เธอจึงเสริมต่อว่า


“ดิฉันฉลาดและมีปฏิพานไหวพริบเป็นเลิศ ไม่เคยมีใครฉวยโอกาสเอาเปรียบดิฉันได้ พี่ชายมักจะพูดว่าดิฉันก้าวล้ำเขาไปหนึ่งก้าวเสมอ คุณจะไม่ผิดหวังเลยถ้าตัดสินใจรับดิฉันเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่ ภายในสามเดือนข้างหน้า คุณจะเห็นว่าดิฉันเป็นพนักงานที่มีค่าและดีเยี่ยมที่สุดเท่าที่บริษัทเคยมีมา ไม่แน่ว่าดิฉันอาจจะได้เป็นส่วนหนึ่งของฝ่ายบริหารและก้าวหน้าจนถึงขั้นได้ขึ้นไปเป็นหัวหน้างานของคุณด้วยนะคะ”

คราวนี้ยัยป้าอ้าปากค้าง หุหุ ฉันทำให้ทึ่งอีกแล้วล่ะสิ และถาม “เคยมีคนบอกมั้ยว่าคุณเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองมากเกินไป”

คู่มือสมัครงานบอกว่าไม่ควรตอบคำถามในสิ่งที่ไม่จริง เพราะผู้สัมภาษณ์อาจจับข้อเท็จจริงได้ไม่ยาก ถึงยัยป้านี่ดูท่าทางออกจะโง่หน่อยก็เถอะ แต่เธอไม่เสี่ยงโกหกดีกว่า

“ก็เคยมีบ้างค่ะ” เธอยอมรับ “แต่ดิฉันไม่ค่อยเชื่อนักหรอกนะคะ ดิฉันรู้จักตัวเองมากกว่าใคร ดิฉันย่อมรู้ดีว่าตัวเองเป็นคนแบบไหนค่ะ”

ยัยป้าอ้าปากค้างอย่างประทับใจในคำตอบของเธออีกครั้ง “คุณคิดว่าตัวเองมีข้อบกพร่องที่ต้องปรับปรุงตรงไหนบ้างมั้ย”

“ไม่ค่ะ” เธอตอบทันทีโดยไม่เสียเวลาคิด หนังสือคู่มือบอกว่าไม่ควรถ่อมตัวจนเกินไป ผู้สัมภาษณ์มักจะรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่กับผู้สมัครงานที่รู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อย เพราะคนประเภทนี้มักจะอ่อนแอและไม่สามารถเผชิญหน้ากับอุปสรรค์ได้อย่างราบรื่นนัก “ดิฉันมีคุณสมบัติเพียบพร้อมไร้ที่ติ ไม่มีข้อบกพร่องที่ต้องปรับปรุงเลยแม้แต่น้อยค่ะ”

“เอาล่ะ” ยัยป้าถอนใจ “ดิฉันคิดว่าได้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับตัวคุณพอสมควรแล้วค่ะ คุณมีอะไรอยากจะถามเกี่ยวกับบริษัทนี้มั้ยคะ”

เมื่อยัยป้าหน้าเหี่ยวพูดแบบนี้แสดงว่าการสัมภาษณ์เสร็จสิ้นลงแล้ว และหนังสือคู่มือสมัครงานบอกว่า ผู้สมัครควรจะมีคำถามสักสองสามคำถาม เพื่อแสดงให้เห็นว่าผู้สมัครมีความสนใจในงานจริงๆ

“มีค่ะ” เธอยิ้ม “ถ้าที่นี่รับดิฉันเข้าทำงาน ดิฉันต้องทำงานล่วงเวลารึเปล่าค่ะ”

ยัยป้าหน้านิ่วคิ้วขมวด ไม่เคยเจอใครที่ถามคำถามละเอียดอ่อนแบบนี้ก่อนละสิ “นั่นขึ้นอยู่กับว่าช่วงนั้นแผนกการตลาดมีงานเข้ามามากรึเปล่า แต่โดยปกติ ถ้าไม่จะเป็นบริษัทไม่มีนโยบายให้พนักงานทำงานล่วงเวลาค่ะ” ยัยป้าตอบ “มีคำถามอีกมั้ยคะ”

“ค่ะ” เธอพยักหน้า “ดิฉันมีสิทธิ์ลาหยุดงานติดต่อกันได้นานที่สุดเท่าไหร่คะ”

ยัยป้าทำเสียงขลุกขลักในลำคอพร้อมๆกับที่สายตาจ้องมองเธอย่างประทับใจอีกครั้ง ให้ตายสิ! ที่นี่เอาคนปัญญานิ่มแบบนี้มาสัมภาษณ์พนักงานได้ยังไง นี่เป็นคำถามที่คนสมัครงานหน้าไหนก็ต้องอยากรู้กันทั้งนั้นเลยนะ

“วันหยุดงานของบริษัทขึ้นอยู่กับผลงาน ตำแหน่งหน้าที่และอายุการทำงานของตัวพนักงานเป็นรายบุคคลค่ะ” ยัยป้าตอบ “ยิ่งพนักงานคนไหนตำแหน่งสูง มีผลงานที่โดดเด่น หรือมีอายุงานเป็นปีสะสมมากกว่าก็จะมีวันหยุดต่อเนื่องที่ยาวค่ะ”

“แล้วที่นี่มีสหภาพแรงงานมั้ยคะ”

ยัยป้ากระพริบตาปริบๆ “อะไรนะคะ”

“สหภาพแรงงานค่ะ” เธออธิบาย “ประมาณว่าเป็นการรวมกลุ่มของเหล่าพนักงานเพื่อเรียกร้องสิทธิ์อันพึงได้จากบริษัทน่ะค่ะ เช่น การนัดหยุดงานเพื่อเรียกร้องเงินเดือนและสวัสดิการที่มากขึ้น อะไรทำนองนั้นน่ะค่ะ”

“เอ่อ..” ความฉลาดหลักแหลมของเธอทำให้ยัยป้าจะพูดไม่ออกอยู่นานเลยทีเดียว “คิดว่าไม่มีนะคะ บริษัทไม่สนับสนุนการรวมกลุ่มของพนักงานในลักษณะนี้ แต่เรามีแผนกบุคคลที่คอยดูแลรักษาผลประโยชน์ของพนักงานอยู่แล้วค่ะ”

“ตายจริง แผนกบุคคลอย่างเดียวจะไปพออะไรคะ พนักงานที่นี่เป็นอะไรกันไปหมด สหภาพแรงงานเป็นสิ่งที่ควรจะมีอย่างยิ่งเลยนะคะ” เธอถือโอกาสแสดงวิสัยทัศน์อันกว้างไกล “สิ่งที่ดิฉันจะทำอันดับแรกถ้าได้เข้ามาทำงานที่นี่คือตั้งสหภาพแรงงานค่ะ เหล่าพนักงานจะได้ไม่ถูกบริษัทเอารัดเอาเปรียบอีกต่อไป ดิฉันมีเพื่อนเป็นทนายความที่เก่งมากๆ ชื่อปรมี เขาจะช่วยเป็นที่ปรึกษาให้ดิฉัน เพราะฉะนั้นคุณจึงมั่นใจได้ว่าสหภาพแรงงานที่ดิฉันจัดตั้งจะไม่ดำเนินไปในทิศทางที่ขัดต่อกฎหมายหรือระเบียบของบริษัทค่ะ”

ยัยป้าอ้าปากค้างก่อนจะถอนใจ..อีกครั้ง “มีอะไรอื่นที่คุณอยากจะถามอีกมั้ยคะ”

“ไม่มีค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณคุณพัดแพรมากค่ะ ทางเราจะประเมินและแจ้งผลให้คุณทราบภายในสัปดาห์หน้านะคะ”

“ดิฉันก็ขอบคุณเช่นกันค่ะ” เธอลุกจากเก้าอี้และโบกมือลา “แล้วจะรอฟังข่าวดีจากคุณนะคะ”

ยัยป้าทำเสียงขลุกขลักในลำคอ ซึ่งเธอคิดว่ามันน่าจะเป็นสัญญาณที่ดี

โฮะๆ ชัวร์ล้านเปอร์เซ็น ฉันต้องได้งานที่นี่แน่เลย!

พัดแพรเดินลั้นลาออกมาจากอาคารสำนักงานอย่างมีความสุข และยิ้มกว้างยิ่งกว่าเดิมเป็นสองเท่าเมื่อเดินมาถึงลานจอดรถ

เจ้าลัมเบอร์กินี่ LP 640 JB R สีแดงเชอร์รี่แสนสวยของเธอช่างโดดเด่นเป็นสง่า มันไม่ใช่แค่รถสปอร์ตธรรมดา แต่มันคือซุปเปอร์คาร์ระดับเทพ เธอได้มันมาจากพี่ชายเมื่อสามเดือนก่อนเพราะเป็นฝ่ายชนะพนันว่าเธอจะเรียนจบและรับปริญญาพร้อมเพื่อนโดยไม่ตกรุ่นไปอยู่กับรุ่นน้อง ตอนที่ไอ้พี่พจน์กัดฟันส่งกุญแจรถให้เธอน่ะ หน้าตาดูไม่จืดเลย ฮ่าฮ่า สมน้ำหน้า นี่ล่ะผลของการดูถูกน้องสาวตัวเองดีนัก!

เธอก้าวเข้าไปในรถ หยิบแว่นตาดำสุดเก๋มาสวมและสตาร์ทเครื่องยนต์ ช่วงแรกๆ เจ้าลัมเบอร์กินี่คันนี้ขับยากมาก เข้าโค้งก็ยาก เหมือนม้าพยศนั่นแหละ แต่เมื่อเคยชินกับอัตราเร่งอันทรงพลังของมันแล้ว การขับรถแบบนี้น่ะแสนจะมันสะใจเป็นบ้า

คันเร่งถูกเหยีบจนมิด แล้วรถสปอร์ตคันสวยพุ่งทะยานสู่ท้องถนนด้วยความเร็วสูง ทิ้งเพียงรอยยางและเสียงดังกระหึ่มของเครื่องยนต์เจ็ดร้อยห้าสิบแรงม้าไว้เบื้องหลัง

พัดแพรหัวเราะอย่างร่าเริงเบิกบาน วันนี้เป็นวันดีของเธอจริงๆ ขนาดสัมภาษณ์งานครั้งแรก เธอยังทำได้ดีขนาดนี้ ดังนั้นเธอจึงค่อนข้างมั่นใจว่าเป้าหมายอนาคตที่เธอคาดหวังไว้จะมาถึงเร็วกว่าที่คิด

โฮะๆ ก็คนมันเก่งนี่นะ!
.....................................
.....................................

ศราวุธตรวจดูร่างสัญญาก่อสร้างรีสอร์ทระดับห้าดาวโครงการล่าสุดของเขาเป็นครั้งสุดท้าย อีเมล์กลับไปให้ทนายความ ก่อนจะถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย

เขาเคยเป็นเบื้องหลังคนสำคัญในการบริหารอาณาจักรธุรกิจทั้งในและนอกกฎหมายมูลค่านับพันล้านของเสี่ยทรงชัย อดีตเจ้าพ่อผู้ทรงอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งของประเทศ ก่อนจะประกาศแยกตัวอย่างเย็นชาและเข้าถือเอากิจการทั้งหมดมาเป็นของตัวเองเมื่อสามปีก่อน

หลายคนในวงการมองว่าเขาโหดเหี้ยมที่หาญกล้าบังอาจยึดอำนาจและแย่งชิงทุกสิ่งทุกอย่างไปจากผู้มีพระคุณ แต่ทว่าในเวลาเดียวกัน คนเหล่านั้นก็ต้องยอมรับว่าเขาเป็นเป็นคนรุ่นใหม่ที่เฉียบแหลมเก่งกาจและกร้าวกระด้างจนน่ากลัว เพียงไม่นานอำนาจบารมีของเขาขยายเป็นเท่าทวียิ่งกว่าเสี่ยงทรงชัยในอดีตมากนัก

และนอกจากนั้น เขายังได้ริเริ่มธุรกิจของตัวเองอีกมากมาย ทุกวันนี้เขาเป็นเจ้าคาสิโนรีสอร์ท โรงแรมห้าดาว และสถานบันเทิงต่างๆมากกว่าสี่สิบแห่งกระจายอยู่ตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศ รวมทั้งในสิงค์โปร ฮ่องกง และญี่ปุ่น นี่ยังไม่รวมถึงกิจการเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดิน การรับเหมาก่อสร้าง ท่าเรือส่งสินค้าและการเรียกเก็บค่าคุ้มครอง ทรัพย์สินมูลค่ามหาศาลที่เขามีนั้นกลายเป็นตำนานไปเสียแล้ว

นับจากวันที่สาบานกับตัวเองว่าจะไม่ยอมก้มหัวให้ใครอีก การแสวงหาอำนาจและทรัพย์สินเงินทองก็กลายเป็นจุดมุ่งหมายที่ทำให้เขาก้าวทะยานไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง แต่เมื่อประสบความสำเร็จอย่างใหญ่หลวงและก้าวข้ามจุดหมายในอนาตคที่เคยวาดฝันไปไกลแสนไกล เขาก็ตระหนักได้ว่า ความทะเยอทะยานทั้งหลายนั้นมันไม่มีความหมายอะไรเลย

ไม่มีเลยแม้แต่น้อย

ทุกวันของเขาจะเริ่มต้นออกกำลังกายด้วยการขี่จักรยาน วิ่งบนสายพานและยกน้ำหนักเป็นเวลาสองชั่วโมง จากนั้นก็อ่านข่าวธุรกิจสำคัญๆบนหน้าหนังสือพิมพ์ พร้อมกับดื่มกาแฟดำระหว่างหกโมงถึงเจ็ดโมงเช้า และนั่งทำงานเงียบๆโดยไม่หยุดพักหรือให้ใครเข้าไปขัดจังหวะจนกระทั่งถึงเวลาอาหารกลางวัน หลังจากนั้นเขาจะตระเวนไปตรวจงานยังสำนักงานสาขาต่างๆ ค้างคืนที่โรงแรม คาสิโนรีสอร์ท หรือชั้นบนของผับบาร์ที่เขาเป็นเจ้าของอยู่บ่อยครั้ง เวลาพักผ่อนของเขามีน้อยนิด แต่เขาจะยังไม่นอนจนกว่าจะได้ซ้อมยิงปืนกับเหล่าบอดีการ์ดเรียบร้อยแล้ว เขาทำงานหนักและไม่เคยได้หยุดพักอย่างจริงมาหลายปี ยิ่งอิทธิพลและความมั่งคั่งของเขาขยายออกไปมากเท่าใด ภาระหน้าที่และความรับผิดชอบก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น

และเขาจะต้องใช้ชีวิตน่าเบื่อหน่ายอย่างนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ และเพื่ออะไรกันแน่

อันที่จริง คำถามนี้ผุดขึ้นมารบกวนจิตใจเขาบ่อยครั้งมากในช่วงหลังมานี่

ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีวันได้รู้คำตอบเลย

ศราวุธถอนใจอีกครั้ง ก่อนจะหยิบกรอบรูปอันเล็กที่ตั้งอยู่บนโต๊ะทำงานขึ้นมาดู ในนั้นเป็นภาพถ่ายของคุณหนูเปรมมิกา หลานสาวและทายาทเพียงคนเดียวของเสี่ยทรงชัย เธออยู่ในชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์ดูสวยราวกับนางฟ้า และกำลังเต้นรำกับคุณพจน์บนหาดทรายขาวละเอียด รอยยิ้มของเธอกระจ่างใสและดวงตากลมโตทอประกายอ่อนโยนหวานเชื่อมบ่งบอกถึงความรักที่มีให้เจ้าบ่าวของเธออย่างเต็มหัวใจ

ครั้งหนึ่งปูเป้เคยเป็นคู่หมั้นของเขา แต่ผู้ชายเพียงคนเดียวที่เธอต้องการอยู่เคียงข้างและทำให้เธอมีความสุขได้นั้นกลับเป็นคุณพจน์ที่เธอเพิ่งรู้จักเพียงไม่นานเมื่อหนีออกจากบ้าน

ไม่ใช่เขาที่คอยดูแลเธอมาตลอดตั้งแต่เด็กแต่อย่างใด

น่าเจ็บปวดแต่ก็เป็นความจริงที่ต้องยอมรับ

นิ้วมือของศราวุธไล้วนใบหน้าหวานใสของเธอที่แนบชิดกับหน้าคุณพจน์บนภาพถ่าย มีหลายครั้งที่เขานึกอิจฉาและอยากจะเข้าไปแทนที่คุณพจน์ในตำแหน่งนั้นเหลือเกิน

เวลานี้คุณพจน์มีภรรยาที่แสนดีกว่าผู้หญิงคนไหน เป็นคุณพ่อลูกสองที่มีความสุขยิ่งกว่าใคร เกือบทุกอาทิตย์ คุณพจน์กับปูเป้พาลูกๆมาเยี่ยมเขากับเสี่ยทรงชัยที่บ้าน การได้เห็นสายตาที่คนทั้งสองมองกัน หรือการเห็นน้องภัทรกับน้องภูมิ ฝาแผดตัวน้อยวัยสองขวบ กระโดดโลดเต้น ส่งเสียงเจี๊ยวจ้าว รวมทั้งเวลาที่พวกแกวางฝ่ามือเล็กจ้อยบนมือที่ใหญ่กว่าของเขานั้นช่างน่าประทับใจ มันเป็นความสุขแบบง่ายๆที่มีค่ายิ่งกว่าอำนาจบารมีและทรัพย์สินที่เขามีมากมายนัก

แล้วริมฝีปากที่เป็นเส้นตรงของเขาก็ขยับโค้งขึ้นเล็กน้อย เมื่อเห็นสาวน้อยอีกคนที่ยืนยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้มบุ๋มที่แก้มทั้งสองข้าง

พัดแพร น้องสาวของคุณพจน์

ศราวุธเคลื่อนนิ้วไปยังใบหน้าของเธอที่เป็นฉากหลังของภาพ เขายังจำวันนั้นได้ดี เธออยู่ในชุดราตรีสั้นสีชมพูหวาน หน้าเชิดจมูกรั้นสะดุดตาโดดเด่น สวยอย่างหาตัวจับยาก เธอเบิกบานร่าเริง อัดล้นไปด้วยพลังและไม่เคยอยู่นิ่ง มีอะไรบางอย่างที่ดึงดูดสายตาเขาให้มองไปยังเธอเสมอ รวมทั้งสายตาของแขกผู้ชายหลายคนในงานแต่งงานวันนั้นด้วย

แต่สิ่งที่เห็นนั้นเป็นเพียงภาพลักษณ์ภายนอกเท่านั้น

ความจริงแล้วเธอเป็นนางมารร้ายดีๆ นี่เอง

นางมารร้ายที่น่าขบขันเอ็นดูที่สุดในโลกเสียด้วยนะ!

ความมั่นใจในตัวเองแบบโอเวอร์สุดขีดของเธอเป็นเสน่ห์โดยธรรมชาติที่ไม่เหมือนใคร บางครั้งเธอทำให้เขานึกถึงลูกแมวปราดเปรียวตัวเล็กๆที่คิดว่าตัวเองเป็นเสือ ศราวุธเจอพัดแพรครั้งแรกเมื่อสามปีก่อนในผับหรูหราแห่งใหม่ของเขาที่เพิ่งเปิดได้เพียงเดือนครึ่ง หลังจากที่เธอวาดลวดลายอาละวาดจนทุกอย่างพังพินาศ ตอนนั้นเขาพูดหยอกเธอเล่นเพียงเล็กเล็กน้อย แล้วเธอก็ตอบแทนด้วยการยกเข่าเตะกระแทกเป้ากางเกงเขาอย่างแรง ร้ายมั้ยล่ะ!

ครั้งที่สองที่เขาเจอเธอคือในงานเลี้ยงฉลองแต่งงานของปูเป้กับคุณพจน์ที่เกาะช้าง ดูเหมือนว่าสิ่งเดียวที่เธอสนใจในงานแต่งงานของพี่ชายคือกิน วิ่งเล่นกับเจ้าหมาตัวโตของเธอ จุดประทัดพลุไฟกับเพื่อนเสียงดังหนวกหู และคอยกันเขาไม่ให้เข้าใกล้พี่สะใภ้ ตอนนั้นเขาแค่อยากจะเต้นรำกับปูเป้เป็นครั้งสุดท้ายเท่านั้น แต่ผลของการเข้าใกล้พี่สะใภ้สุดหวงคือ พัดแพรยิงพลุไฟผ่านหน้าเขาไปอย่างฉิวเฉียดจนผมด้านหน้าของเขาไหม้ติดไฟทั้งหมด ยังดีที่เขาดับไฟได้อย่างรวดเร็ว ไม่อย่างนั้นหากไฟมันลามไปถึงผิวหนัง เขาคงหัวล้านไปตลอดชีวิตแน่ ร้ายมั้ยล่ะ!

ทีมบอดีการ์ดของเขากับเสี่ยทรงชัยสะดุ้งตกใจโวยวายกันเหมือนตัวตลกเชียวล่ะในตอนนั้น ศราวุธหัวเราะเบาๆ

เขาเจอเธอครั้งสุดท้ายที่โรงพยายบาลในวันที่ปูเป้คลอดน้องภัทรกับน้องภูมิ และถึงแม้จะมีการติดต่อไปมาหาสู่กับคุณพจน์และปูเป้เป็นประจำ แต่หลังจากนั้นเขากลับไม่เคยได้เจอพัดแพรอีกเลย

แม้จะผ่านมาเกือบสองปีแล้ว แต่ก็น่าแปลกที่เขามักจะคิดถึงช่วงเวลาสั้นๆ ที่ต้องเจ็บตัวเพราะน้องสาวของคุณพจน์อยู่บ่อยครั้ง

การคิดถึงเธออาจจะเป็นสีสันเพียงอย่างเดียวของชีวิตที่น่าเบื่อไร้ความหมายของเขาในระยะหลังนี้ก็ได้
“ลูกแมวน้อยของฉัน” ศราวุธลากนิ้วมือแตะเบาๆบนลักยิ้มของเธอในภาพอย่างเอ็นดู “ป่านนี้เธอจะยังแสบเหมือนเดิมรึเปล่านะ”

“ถ้าจนผ่านมานานขนาดนี้คุณตั้มยังแค้นยัยเหมียวไม่หาย ให้ผมส่งคนไปเก็บเธอเอามั้ยครับ” เมื่อได้ยินคำพูดที่เขาเผลอพึมพำออกไปโดยไม่รู้ตัว สันติ ผู้ช่วยและหัวหน้าบอดีการ์ดของเขาถามขึ้นลอยๆ ระหว่างที่กำลังเช็ดทำความสะอาดชิ้นส่วนของปืนด้วยน้ำมันหล่อลื่นที่ชุดโซฟาไม่ห่างกันนักจากโต๊ะทำงาน

“อย่าแม้แต่จะคิดเชียว” ศราวุธบอกพร้อมกับส่ายหน้าเล็กน้อยกับอารมณ์ขันอันร้ายกาจของสันติ สันติเป็นคนที่แปลก เงียบขรึมเยือกเย็นและมีความลับหลายอย่าง แต่เป็นลูกน้องชั้นยอดที่ไว้ใจถึงขั้นฝากชีวิตไว้ได้ สันติเชี่ยวชาญการใช้อาวุธทุกรูปแบบ ความสามารถพิเศษที่น่าจะเรียนรู้มาจากซุ้มมือปืนที่ไหนสักแห่งก่อนหน้าที่จะผันตัวเองมาเป็นบอดีการ์ดของเขา

“แต่ผมเห็นคุณตั้มชอบเผลอรำพึงถึงยัยแมวเหมียวบ่อยชะมัด” ศักดิ์ บอดีการ์อีกคนของเขาหันหน้ามาจากทางหน้าต่าง และตั้งข้อสังเกตุที่แสนจะไร้สาระ “ถ้าไม่ใช่เพราะความแค้นก็ต้องเป็นเพราะความรักฝังใจน่ะสิ”

เขากลอกตา ศักดิ์เป็นบอดีการ์ดที่เขาได้รับมรดกตกทอดมาจากเสี่ยทรงชัยหลังจากที่เขาประกาศยึดอำนาจ อันที่จริงตอนนั้นเสี่ยทรงชัยก็เตรียมเตะโด่งไล่หมอนี่ทิ้งไปอยู่แล้ว ด้วยความที่เป็นคนปากพล่อยพูดอะไรไม่รู้จักคิด ถ้าไม่ติดว่าหมอนี่เป็นเซียนอัจจริยะทางคอมพิวเตอร์ที่เก่งเป็นบ้า บางทีเขาก็อาจจะเตะโด่งไล่หมอนี่ทิ้งไปนานแล้วเหมือนกัน

แต่จะว่าไป ลูกน้องเขาก็ปากพล่อยกันทุกคน ไม่ใช่แต่เฉพาะศักดิ์หรอก เฮ้อ ฉันเป็นอภิมหาเจ้าพ่อผู้เย็นชาจริงๆรึเนี่ย!

“ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับน้องสาวคุณพจน์ทั้งนั้นแหละ” เขาพูดพร้อมกับพับปิดคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค “ฉันเพียงแต่เบื่อ แล้วก็คิดนั่นคิดนี่ไปเรื่อยเปื่อย ก็เท่านั้น”

สันติยิ้มให้เขาแบบล้อเลียน “แต่ผมชอบเธอนะ”

“ใช่ ผมว่าผมก็ชอบเธอเหมือนกัน” ศักดิ์ยิ้มกว้าง “ยัยเหมียวน้อยออกจะน่ารัก” และเสริมต่ออย่างสนุกสนานเมื่อเขาเลิกคิ้วมองอย่างสงสัย “ผมหมายถึง น่ารักแบบปีศาจน่ะนะ”

เขากับสันติหัวเราะร่วนเมื่อฟังความเห็นของศักดิ์

“ทุกคนกำลังคุยเรื่องอะไรกันน่ะครับ” ชัดถามพร้อมกับเดินเข้ามาในห้อง นี่ก็เป็นบอดีการ์ดอีกคนที่เขาได้รับมรดกมาจากเสี่ยทรงชัย ชัดอายุเท่าไหร่ไม่มีใครรู้ แต่ที่แน่ๆ หน้าตาของหมอนี่ดูอ่อนใสเหมือนหนุ่มน้อยอายุสิบแปดมาหลายปีแล้ว ชัดมีงานอดิเรกคือหมักเหล้ายาดองด้วยส่วนผสมพิลึกพิลั่น และเป็นไปได้ว่าเมื่อคืนหมอนี่อาจจะทดลองเปิดไหชิมเหล้าสูตรใหม่ล่าสุดเพราะวันนี้ชัดมีท่าทางราวกับเมาค้าง อันที่จริงหมอนี่ก็มีท่าทางหมือนคนเมาค้างเกือบตลอดเวลาอยู่แล้ว

“แมว” สันติตอบชัดคำเดียวเรียบๆ

ชัดคลี่ยิ้ม “น้องสาวของคุณพจน์น่ะเหรอครับ”

“ใช่” ศักดิ์บอก “จะมีใครอื่นได้อีกล่ะ”

“โอ๊ะโอ๋ คุณตั้มคิดถึงยัยลูกแมวอีกแล้วเหรอเนี่ย” ชัดพูดกลั้วหัวเราะ “ผมว่ามันบ่อยเกินไปจนน่าสงสัยนา”

“ชัดเอ๋ย นายก็พูดไปได้” ศักดิ์พูดด้วยแววตาแพรวพราว “คุณตั้มไม่ได้รู้สึกอะไรกับยัยเหมียวทั้งนั้นแหละ เขาแค่เบื่อก็เลยคิดอะไรเรื่อยเปื่อยเท่านั้นเอง”

“อ้อ เข้าใจล่ะ” ชัดพยักหน้า แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เข้าใจอย่างที่พูดจริงๆ เพราะหมอนี่หันมาพูดกับเขาต่อว่า “ถ้าคุณตั้มกำลังเบื่อก็หาผู้หญิงมานอนด้วยสักคนสิครับ ผู้ชายคนไหนที่ว่างเว้นกิจกรรมไปนานก็หมดอารมณ์ซู่ซ่ากันทุกคนนั้นแหละ”

ศราวุธครางออกมาอย่างละเหี่ยใจ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่เขาได้รับคำแนะนำแบบนี้จากชัด นอกจากเรื่องส่วนผสมเหล้ายาดองแล้ว ในหัวขี้เลื่อยของหมอนี่ก็มีแต่เรื่องอย่างว่าเต็มไปหมด

“ผมมีเจ๊ใหญ่ขาประจำหลายคนเหมือนกัน คุณตั้มให้ผมช่วยหาผู้หญิงให้มั้ยล่ะ” ชัดพูดต่อ “จะเอาแบบที่ขายาวหุ่นนางแบบสเป็คคุณตั้มอย่างยัยลูกแมวก็ยังได้ สั่งมาเลยครับ ผมจัดได้ทั้งนั้น”

“ยัยลูกแมวไม่ใช่สเป็คฉันซะหน่อย” เขาส่ายหน้า

ชัด ศักดิ์และสันติหันพร้อมใจกันหันมาจ้องเขา ใบหน้าแต่ละคนเจือด้วยรอยยิ้มล้อเลียนเหมือนกับจะบอกว่าไม่เชื่อที่เขาพูดเลยสักนิด ไอ้พวกนี้ชักจะเหิมเกริมกันขึ้นทุกวัน ให้ตายสิ!

“เอาล่ะ พอได้แล้ว” ศราวุธพูดพร้อมกับลุกจากเก้าอี้ “รถพร้อมรึยัง ฉันไม่อยากให้พ่อเลี้ยงองอาจรอ..” มุมปากเขาขยับโค้งเล็กน้อย “..นานเกินไป”

เที่ยงวันนี้-อันที่จริงก็เวลานี้-เขามีนัดทานอาหารฝรั่งเศสกับพ่อเลี้ยงองอาจ ก่อนที่ช่วงบ่ายจะขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินไปดูที่ดินริมแม่น้ำโขงในเขตพม่าที่พ่อเลี้ยงมาขอให้เขาร่วมหุ้นสร้างคาสิโนด้วยกัน และเป็นธรรมเนียมส่วนตัวของเขามักจะปล่อยให้คนที่นัดด้วยนั้นต้องนั่งรอการมาของเขาอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงเพื่อแสดงให้เห็นถึงอำนาจบารมีที่มากกว่า

ลูกน้องเขาทั้งสามคนหัวเราะร่วน

“รถพร้อมตั้งนานแล้วครับ” ศักดิ์บอกด้วยดวงตาพราวระยับเช่นเคย “ว่าแต่คุณตั้มไม่อยากให้พ่อเลี้ยงองอาจหรือว่าคุณหนูลิซซ่าคนสวยรอนานกันแน่”

มุมปากเขาบิดเบ้อย่างนึกรังเกียจทันทีที่ได้ยินชื่อคุณหนูลิซซ่า ลูกสาวคนสุดท้องที่พ่อเลี้ยงองอาจพยายามประเคนให้เขาเป็นของแถมในการซื้อที่ดินด้วย เจ้าหล่อนสวยดีอยู่หรอกแต่ไม่มีสมองโดยสิ้นเชิงและแรดเป็นบ้า ยังดีหน่อยที่อย่างน้อยก็ยังรู้จักเกรงกลัวสายตาคมกริบของเขาจนไม่กล้าเข้ามาใกล้มากเกินกว่าที่เป็นอยู่ แต่กระนั้นก็ยังน่ารำคาญสุดจะทน อันที่จริงพ่อลูกคู่นี้ก็น่ารำคาญกันทั้งสองคนนั่นแหละ

ศราวุธถอนใจ ก่อนจะเดินออกจากห้องสวีทหรูหราของโรงแรมที่เขาใช้เป็นที่พักในการเดินทางครั้งนี้ และถามตัวเองว่าจะอดทนไปพบพ่อเลี้ยงองอาจกับลูกสาวเพื่ออะไร ในเมื่อผลที่ได้รับก็คือการเป็นเจ้าของคาสิโนอีกแห่งหนึ่งเพิ่มจากที่เขามีอยู่แล้วมากมายนับไม่ถ้วน แต่ก็นะ


ดูเหมือนเขาจะไม่มีวันได้รู้คำตอบเลย

.................................................

สวัสดีคร๊า
ทักทาย ทักทาย เป็นไงบ้างคะ ชอบกันรึเปล่าเอ่ย อิอิ
ปกติลงอยู่ที่เว็บเด็กดี ไม่เคยลงสิรินดา ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะคะ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยน๊า
นิยายเรื่องนี้กำลังจะตีพิมพ์กับดอกหญ้านะคะ เร็วๆนี้ ยังไงก็ติดตามด้วยนะคะ

ขอบคุณมากๆค่ะ

ปล. พี่โก๊ะขา ขอบคุณพี่มากๆนะคะ รักพี่ที่สุด
เหมียวววๆๆๆ จุ๊บบบส์







พิมพ์ผกา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ก.ย. 2554, 20:39:30 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ก.ย. 2554, 16:34:19 น.

จำนวนการเข้าชม : 1537





   ตอนที่2: มารูจักครอบครัวแมวกันเถอะ >>
ann 11 ก.ย. 2554, 21:10:17 น.
รอเป็นหนังสือนะจ๊ะ


ทองหลาง 11 ก.ย. 2554, 22:10:05 น.
รอตอนต่อไป


panon 12 ก.ย. 2554, 15:48:55 น.
ถ้าเราเป็นป้าหน้าเหี่ยว เราจะอ้าปากจนแมลงวันเข้าปากไหมเนี่ยยยยยยยยย555555555555555


ทองหลาง 12 ก.ย. 2554, 15:54:14 น.
เข้ามาอ่านอีกรอบแก้เครียด ฮ่าๆๆๆๆๆ จะบอกว่าได้ผลจริงๆ


ทองหลาง 12 ก.ย. 2554, 19:14:26 น.
ชอบจ้า


Pat 12 ก.ย. 2554, 22:00:45 น.
55555 สาวมั่นเกินร้อย ถ้าเป็นยัยป้า จะกล้่ารับไหมเนี่ย อิอิ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account