รอยรักแรงพยาบาท
ที่แค้นนักเพราะรักมากนั่นเอง
Tags: รัก ชิงชัง พยาบาท

ตอน: เทวีซ้าย-ขวา

อีกหญิงสูงศักดิ์ที่เสด็จปรากฏโฉม สวมชุดทรงเยี่ยงนางเชื้อพระวงศ์สูงส่ง เกล้าเกศาสูง สวมปลอกทองคำครอบไว้ ดวงพักตร์เรียวรูปไข่งดงามหมดจด ขนงเนตรงามรับกันอย่างยิ่ง พระนาสิกเล็กๆโด่ง
งามอย่างได้ส่วน และที่มีความงามน่าประทับใจ คือริมพระโอษฐ์มีสีชมพูสดอ่อนหวานราวกลีบดอกไม้ ดูรูปลักษณ์ของพระนางแล้วไม่มีสักส่วนที่เป็นตำหนิ ทรงฉลองพระองค์สีทองดันพระถันเป็นเนินเต็มอิ่ม ผ้าคลุมอังสะบางเบาถักทอจากดิ้นไหมสีทองล้ำค่าคลุมยาวจดพระบาท ทรงพระภูษายาวกรอมพระบาทสีดำขลิบทอง สีชุดทรงส่งให้พระฉวีสีมะปรางสุกงดงามพิลาสล้ำเหนือกว่าสตรีใดในแหล่งหล้า ทรงมีความงดงามงามผุดผาดประมาณการได้ถึงพระสุรัสวดีมเหสีสีของพระพรหมมาดา
เมื่อพระนางแหงนเงยขึ้นมาทางด้านบน ทำให้รังสิมันตุ์พ่อเจ้าถึงกับย่อพระกายคุกพระชานุกับพื้น ส่งพระกรลงไปใคร่โอบอุ้มพระนางสู่อ้อมอุระอย่างลืมองค์ กิริยาชายแสดงแจ้งชัดดังนั้นแล้ว ทำให้เจ้านางอุษาวดี ถดพระกายหนี พ่อเจ้าเมืองครามรีบตรัสสั่ง
“รีบกราบพระบาทพ่อเจ้ารังสิมันตุ์บัดเดี๋ยวนี้อุษาวดี”
ดำรัสพระราชบิดาคือคำประกาศิต เจ้านางอุษาวดีทั้งเคืองขุ่นทั้งขามเขินพระทัย เพียง แรกพบพักตร์ พระนางได้ถูกชายแปลกหน้าต้องวรกายเสียแล้วทำให้พระนางอดสูพระทัยยิ่งนักแม้พระกรที่โอบประคองขึ้นมาจะมีความทะนุถนอมก็ตามที เมื่อทรงขึ้นมาข้างบนเรียบร้อย รังสิมันตุ์พ่อเจ้ายังไม่ปล่อยพระหัตถ์ให้พระนางเป็นอิสระ กลิ่นโลหิตจากบาดแผลของพระองค์ทำให้พระนางวิงเวียนพระเศียรจะซวนทรุด รังสิมันตุ์พ่อเจ้ายิ่งรัดพระกรแน่นเข้า พ่อเจ้าเมืองครามย่อมเห็นกิริยาที่ทรงเห็นว่ามิได้ให้เกียรติทั้งพระองค์และพระราชธิดา หากมิอาจทำประการใดได้แต่บังคับเสียงให้เรียบตรัสประชดว่า
“เมืองครามมีธิดาที่เป็นภัยแก่บ้านเมือง ถ้าอุษาวดีอยู่เมืองครามต่อไป เห็นจะมีภัยมิได้หยุด ข้าบาทขอถวายนางแทนเครื่องบรรณาการ ขอพระบาทเจ้าอย่าได้ทรงรังเกียจหญิงผู้มีความงามที่เป็นภัยแก่ตัวเยี่ยงอุษาวดีเลยพระเจ้าข้า”
กษัตริย์หนุ่มแห่งเมืองน่านฟ้าพระทัยเต้นรัวแรง ความอุธัจอัดแน่นจนหายพระทัยลำบาก ยังทรงกอดประทับเจ้านางอุษาวดีไว้เช่นนั้นด้วยความลืมองค์
แม่ทัพเมืองน่านฟ้าย่อมเห็นพ้องต้องกันว่า พระนางมีความงามเลิศล้ำสมควรเอาชีวิตเข้าแลกแล้ว ทรงทำให้ดวงหทัยบุรุษทุกนาม หยุดเต้นไปชั่วคราว ไม่มีสักผู้ไม่เกิดความกำซาบทั่วกายด้วยความยินดี ชายชาติทหารถอนใจลึก อย่าว่าแต่ยินดีในการมีชีวิตอยู่รอดเลย แม้เกิดสงครามที่ใดอันมีเหตุมาจากพระนาง พวกเขาล้วนเอาความตายเป็นประกัน
ในพระทัยของพ่อเจ้าแห่งน่านฟ้านครกระตุกครั้งแล้วครั้งเล่า ความกำซาบยินดีบังเกิดขึ้นไม่คลาย
แม้เปรียบเทียบกับเมื่อครั้งพ่อเจ้าประกาศพระนามพระองค์ขึ้นครองแผ่นดิน ความยินดียังมิได้สักครึ่งของในเวลานี้
พระเนตรคมจ้องจับไปที่เจ้านางอุษาวดีมิได้วางสักนาที นางงามผู้เลอโฉมดังนี้สมควรแล้วที่เหล่าบุรุษต่างยอมตายเพียงเพื่อได้ครอบครองเป็นเจ้าของชีวิตนาง
เจ้านางอุษาวดีใคร่ดิ้นรนให้พ้นอ้อมพระกร หากมิอาจทำได้ดังพระทัย ทรงอึกอัก ทั้งประหม่า ทั้งหวาดกลัว มิอาจทอดพระเนตรพระพักตร์รังสิมันตุ์เจ้า จึงได้แต่ก้มพักตร์ แลทอดดวงเนตรที่ปลายพระบาทพ่อเจ้าเท่านั้น รอบกายตกอยู่ในความเงียบเพราะพ่อเจ้ารังสิมันตุ์ไม่ขยับพระจริยาจนกระทั่ง เจ้านางอุษาวดีช้อนพระเนตรพราวระยับ ซึ่งมีความงามดั่งดาวในราตรีอันมืดมิดขึ้นสานสบพระเนตรคม กราบทูลด้วยเสียงอ่อนหวาน เป็นความไพเราะที่รังสิมันตุ์เจ้าชื่นพระทัยอย่างประหลาด
“ทรงเมตตาอุษาวดีสักนิดเพคะ”
“ที่มานี้ย่อมเมตตาเจ้าอยู่แล้ว”ทรงตอบอ่อนโยน อย่างที่แม่ทัพทั้งสี่ไม่เคยได้ยินมาก่อน“เพราะพ่อเจ้าของเจ้า ได้บอกว่า เจ้าถูกขังอยู่วังลับ พี่จึงได้รีบมา”
พระนางก้มพระพักตร์ หลบพระเนตรทูลตอบ ด้วยความรู้สึกอดสูพระทัยยิ่ง เพราะพระนางเป็นสตรีสูงศักดิ์ที่มิเคยมีชายใดได้แตะต้อง หากจู่ๆรังสิมันตุ์พ่อจ้าวกลับล่วงเกินต่อหน้าธารกำนัลอย่างเอาแต่พระทัย
“ข้าแต่พระบาทเจ้า...ชีวิตอันมีค่าน้อยนิดของอุษา ตกเป็นทาสรับใช้ของพระองค์ นับแต่เยื้องพระบาทมาช่วยชาวเมืองครามแล้วเพคะ”
รังสิมันตุ์เจ้ามิได้ปล่อยร่างนั้นเป็นอิสระ ทรงโอบประคองอย่างทะนุถนอม ดำรัสตอบด้วยพระเสียงทรงอำนาจ หากทุกคนที่ได้ยินต่างเห็นพ้องต้องกัน มีความอ่อนหวานในที
“พี่เข้ามาแผ่นดินนี้ในฐานะมิตร มิใช่อริราช เมื่อพี่มีชัย อย่าคิดว่าพี่จะจับเจ้าเป็นทาสเชลย
โดยเด็ดขาด พี่จะเชิญเจ้าไปน่านฟ้าในฐานะเทวีแห่งพี่ เจ้าจะว่าเยี่ยงไรอุษาวดี”
เจ้านางทรงแอบทอดพระเนตรเหลือบไปทางพระราชบิดา แลเห็นพระองค์ท่านพยักพระพักตร์รับนิดหนึ่ง เป็นความหมายให้เจ้านางยอมทุกประการ ดังนั้นเจ้านางจึงทำใจให้กล้า เอื้อมพระหัตถ์เรียว แตะต้องบาดแผล เบื้องอุระขวาของรังสิมันตุ์เจ้า หยาดโลหิตติดปลายดัชนีของพระนาง และทรงนำมาแตะเหนือกึ่งกลางระหว่างขนงโค้งเรียวทั้งสอง ปรากฏเป็นรอยแต้มดังเครื่องหมายหญิงผู้มีเจ้าของ จากนั้นจึงตรัสดังเป็นการประกาศให้ทุกคนได้รับรู้ว่า
“รังสิมันตุ์พี่เจ้า บัดนี้ ทรงเป็นแล้วยิ่งกว่าคำว่าพระสวามีของอุษาวดี”
เจ้าผู้ครองเมืองน่านฟ้าจับพระหัตถ์เรียวมาวางทาบเบื้องอุระซ้ายของพระองค์ พระทัยเต้นรัวแรง สานสบเนตรกันเพียงลำพัง ในหฤทัยเป็นสัญญา
“แผลนี้ภายนอกพี่ได้มาเพราะเจ้าเป็นเหตุ ส่วนแผลในใจก็พึ่งเกิดขึ้นเมื่อได้พบเจ้า เห็นทีว่าหน้าที่รักษาแผลเป็นของพี่ของเจ้าแล้วอุษาวดีที่ต้องให้หายโดยเร็ว”
...ความรักอันยิ่งใหญ่จักปรากฏนับแต่เพลานี้เป็นต้น

ขบวนเสด็จอันยิ่งใหญ่หากเป็นระเบียบ โดยมีองค์รังสิมันตุ์จ้าวและเจ้านางอุษาวดีเทวีสองกษัตริย์ประทับบนกูบคอคชสารคู่บารมี เสด็จจากเมืองครามสู่เมืองน่านฟ้า
สองกษัตริย์อิงแอบแนบข้างไม่ห่างกันแม้เศษเสี้ยวของลมหายใจ รังสิมันตุ์จ้าวทรงสนิท-
สิเน่หาในองค์เทวียิ่งนัก สตรีอื่นที่เป็นบาทบริจาริกา นับร้อย ไม่มีสักนางเดียวเทียบได้ แม้ยามหลับพระเนตร พระกรรัดรึงไว้แนบอุระ หวงแหน เพียงอุษาวดีขยับวรกาย รังสิมันตุ์จ้าว ทรงลืมพระเนตรแลหาทันที
มหานครน่านฟ้า ช่างสวยงามและมีความเจริญยิ่งกว่าเมืองใดๆในผืนปฐพีเดียวกันนี้ ภาพปราสาทราชวังที่ปรากฏตรงหน้า ช่างแข็งแรง และมีความสวยงาม
แม่น้ำสายหลักไหลผ่านกลางเมือง ดังเช่นที่เรียกกันว่าเมืองอกแตก อีกทั้งทิวทัศน์สองข้างทางร่มรื่นน่าชื่นชมยิ่งนัก ร้านรวงที่เคยมีการค้าขาย และเปลี่ยนสินค้าซึ่งมีอยู่ดาษดา พร้อมทั้งผู้คนชาวเมือง ต่างพร้อมใจกันหยุด เพื่อรอชมบารมีพ่อเจ้าผู้ครองนครด้วยความจงรักภักดี ทั้งยังรอยลสิริโฉมอันงดงามของอุษาวดีเทวี หญิงชาวเมืองต่างวัยต่างถือดอกไม้หอมไว้ในถาดโลหะ เมื่อขบวนเสด็จมาถึง ต่างส่งเสียงสรรเสริญบารมี ทั้งโยนดอกไม้หอมขึ้นสูง ก่อนร่วงลงมาดังฝนทิพย์หลากสีสันและหอมจรุงใจ อุษาวดีเทวีโปรยรอยแย้มสรวลให้ชาวเมือง รังสิมันตุ์เจ้าเบิกบานพระทัยยิ่งนัก เมื่อผู้คนได้ยลโฉมเจ้านางต่างอุทานลืมตัว
“โอ้นี่ข้าอยู่บนพรหมโลกหรือไร ข้าจึงได้เห็นพระสุรัสวดีเช่นนี้ได้”
“ภาคหนึ่งของลักษมีเทวี ใช่ฤาไม่”
“แน่แล้วนี่คือ อุษาวดี เจ้านางผู้เลอโฉม”
การก้าวพระบาทเหยียบแผ่นดินน่านฟ้า ก้าวแรก เจ้านางอุษาวดีมีแต่ความสุขเหลือประมาณ....
ส่วนอินทิราเทวีมเหสีเอกในรังสิมันตุ์พ่อเจ้าผู้ครองนครน่านฟ้า ประทับยืนรอเฝ้าพระสวามีด้วยพระทัยจดจ่อ หากภาพที่ทรงทอดพระเนตรเห็นการเคลียคลอไม่ห่างกันของพระสวามี และหญิงสูงศักดิ์ผู้เลอโฉม ทำให้พระนางร้อนในพระอุระดั่งมีเพลิงนรกแผดเผา มิอาจซ่อนความชิงชังไว้ได้ สายพระเนตรดุร้าย ริษยา เปล่งประกายอาฆาตอย่างเปิดเผย
...เผลอเมื่อใด อย่าพึงหวังรอดเงื้อมมือ ยิ่งรังสิมันตุ์พ่อจ้าวทรงเมตตาเท่าใด เจ้าจักมีอันตรายจากเรามากขึ้นเท่านั้น
อินทิราเทวีมหาเทวีนิทรามิอาจเป็นสุขได้ นับแต่เจ้านางอุษาวดีเยื้องพระบาทเข้าสู่น่านฟ้านคร....
รังสิมันตุ์พ่อเจ้า ทรงโปรดอุษาวดีเทวี ถึงกับอภิเษกขึ้นดำรงตำแหน่งมหาเทวีฝ่ายซ้าย และเมื่อนายไม่เป็นสุข บ่าวไพร่ย่อมไม่มีความสุขไปด้วย นางวิฬาร์ นางกำนัลคนสนิทของอินทิราเทวี เข้ามาหมอบกราบแทบบาทองค์มหาเทวี ด้านหลังเยื้องไปด้านข้างของนางวิฬาร์ คือชายร่างเตี้ย ปลอมกายในคราบอิสตรี แต่ดูแล้วยิ่งอัปลักษณ์กว่าสภาพที่มันเคยแต่งกายเป็นบุรุษ มันผู้นั้นวางถุงผ้าสีดำไว้ข้างกาย และสิ่งที่อยู่ในถุงนั้นขยับตัวโก่งไปมา เพราะมันกำลังหาทางออกจากที่กักขัง
“พระแม่เจ้า บัดนี้สิ่งที่ต้องประสงค์มาถึงแล้วเพคะ”
“เป็นหน้าที่ของเจ้า นังวิฬาร์ทำความภักดีนี้ให้ประจักษ์แก่ข้า”
“เพคะแม่เจ้า”วิฬาร์รับคำ นำพาชายร่างเตี้ยออกจากตำหนักกลางลอบออกไปที่ห้องพักของนาง และถ่ายทอดแผนร้ายให้อีกฝ่ายรับฟัง
ณ.เวลาใกล้พลบ เป็นเวลาที่เจ้านางอุษาวดีเทวี ต้องเข้าห้องสรงสนาน โดยมีนางสลาพระพี่เลี้ยงตามใกล้ชิด แมวลายเสือตัวโปรดของอุษาวดีเทวีย่างเยื้องตามมาด้วย
ภายในห้องสรงมีนางกำนัลสามคน ช่วยกันเทน้ำจากคนโทลงในอ่างศิลากลมซึ่งปริ่มขึ้นมาเกือบถึงขอบสระแล้ว อีกสองนางกำนัลโปรยดอกไม้หอมลงไป
นางสลาพร้อมทั้งนางอี่คำเข้าไปถวายงาน สลาทำหน้าที่ถอดเครื่องทรงประดับ ถอดรัดเกล้าออกจากพระเศียรทันใดนั้น เส้นเกศาก็พลิ้วสลวยลงมายาวถึงพระขนอง
อี่คำคลายเข็มขัดทองคำปลดเปลื้องผ้าทรงจากพระวรกายจนเปลือยเปล่า เจ้านางอุษาวดีจึงขยับบาทกำลังจะก้าวลงอ่างศิลากลม
ฉับพลันทันใดนั้นเอง ปรากฏเสียงขู่ฟู่ฟ่อมาจากมุมห้อง พร้อมๆกันกับมีงูเห่าหลายตัวเลื้อยคลานเข้ามารวดเร็ว เจ้านางและนางกำนัลคนสนิท ต่างหวีดร้องด้วยความตกใจ นางกำนัลคนหนึ่งลืมตัวผละวิ่ง ทำให้งูร้ายตัวหนึ่งแผ่พังพานพุ่งฉกใส่ทันทีที่สะโพกของนาง
“กรี๊ด”
เสียงหวีดร้องด้วยความหวาดกลัวสุดขีด เสียงกรีดร้อง ด้วยความหวาดกลัวดังออกมาจากตำหนักซ้าย จ่าโขลนผู้ทำหน้าที่อารักษ์ขาเยี่ยงองครักษ์รีบวิ่งเข้าไป หากพวกนางยังมีความช้ากว่า องค์รังสิมันตุ์พ่อเจ้าซึ่งกำลังเสด็จมา พระองค์ถึงกับสาวพระบาทรวดเร็วราวกับสายลมไปที่ต้นเสียง
ภาพความชุลมุนวุ่นวาย พรเอมงูร้ายเพ่นพ่านทั่วตำหนัก
“อุษาอยู่ที่ใด”พระองค์ตรัสหา พลางคว้าจับงูที่พุ่งฉกพระองค์ด้วยพระหัตถ์เปล่า พร้อมชักพระแสงมีดสั้นจากบั้นพระองค์ เชือดคองูร้าย แล้วขว้างทิ้ง อย่างไม่ไยดี งูร้ายชักดิ้น ชักงอพริบตาเดียวก็ตายคาพื้น
“ตายแล้ว ตายแล้วพี่เจ้า ตายแล้ว”เสียงอุษาวดีเทวีดังมาจากห้องสรงสนานแน่แล้ว รังสิมันตุ์พ่อเจ้ารีบเสด็จเร็วดังสายฟ้าแลบ
ภาพพระเทวีฝ่ายซ้ายทรุดนั่งเหยียดพระกาย นางสลาเอาตัวเข้าปกป้อง แมวลายกล้าทะยานเอาชีวิตเข้าแลก งูเห่าส่ายแม่เบี้ย แมวลายพองขนข่มขู่
บัดดลอสรพิษฉกวูบ เข้าที่คอสัตว์เลี้ยงของพระเทวี มันหลบปราดกางเล็บตบสู้ หากแล้ว สัตว์แสนรู้ตัวนั้นมิอาจสู้ได้ มันถูกงูกัดจมเขี้ยว ด้าวดิ้นทุรนทุราย อุษาวดีเทวีถลันจะเข้าไป นางสลากั้นไว้สุดชีวิต เจ้านางอุษาวดีเรียกหาพระสวามีอย่างคนเสียขวัญ พระนางกลัวจนแทบสิ้นสติอยู่แล้ว
“ตายแล้ว ตายแล้ว พี่เจ้าของข้าอยู่ที่ไหน พี่เจ้า พี่เจ้าช่วยอุษาด้วย ช่วยอุษาด้วย”
งูร้ายตัวใหญ่มาจากมุมหนึ่งเลื้อยปราดตรงไปที่อุษาวดีเทวี รังสิมันตุ์พ่อเจ้าเยียบเย็นไปทั้งพระทัย อุษาวดีเทวีทอดพระเนตรเห็นพระผู้เป็นเจ้าชีวิตเสด็จมาถึง ด้วยความดีพระทัยทำให้พระนางจะขยับพระกาย หากรังสิมันตุ์พ่อเจ้าโบกพระหัตถ์ห้ามไว้ เงาวูบจากเบื้องหลังส่งให้งูร้ายหันขวับกลับมาทางรังสิมันตุ์พ่อเจ้า มันพุ่งสูงถึงลำพระศอ อุษาวดีกรีดร้องถลันพระวรกาย พลุ่งไปหาพระสวามีสุดชีวิต
“อ๊าย...........พี่เจ้า”
เวลาเดียวกันรังสิมันตุ์พ่อเจ้า เบี่ยงพระองค์หลบอย่างรวดเร็ว พร้อมกับพระหัตถ์แกร่งคว้าจับคองูเห่าตัวนั้น ชูขึ้น อุษาวดีเทวีปิดพระพักตร์กรรแสงไห้ คิดว่ารังสิมันตุ์พ่อเจ้าถูกกัดแน่แล้ว
“อุษา”ทรงเรียกให้ได้สติ พระมเหสีฝ่ายซ้ายลดพระหัตถ์ลง จึงเห็นรังสิมันตุ์พ่อเจ้าใช้พระแสงมีดสั้นปาดฉับที่คองูพิษ จนเลือดเย็นเยียบของมันสาดกระจาย แล้วทรงโยนทิ้งไปห่าง
อุษาวดีเทวีโผผวาเข้าไปหาพระสวามี พระผู้ครองแผ่นดินน่านฟ้ารีบรับขวัญด้วยอ้อมกอดอันอบอุ่น พระองค์กอดร่างของพระมเหสีแนบพระอุระ
“พี่เจ้า”
“งูมาจากไหนมากเพียงนี้”
นางสลาหยิบผ้าทรง ถวายอุษาวดีเทวี พระนางเจ้าหันมารับทรงรับไปพันพระวรกาย นางสลากราบทูลต่อพ่อเจ้ารังสิมันตุ์ มีความมุ่งหมายไปที่อินทิราเทวีว่า
“ใครไหนเลยจะเข้ามาตำหนักชั้นในได้หากไม่ใช่พวกของ”นางไม่เอ่ยนามคนที่นางเชื่อแน่ว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง องค์รังสิมันตุ์เจ้าก็ทรงเข้าพระทัยได้ว่านางมุ่งหมายไปที่ใคร
“เห็นทีชีวิตแม่เจ้าอยู่ในอันตรายแล้วเพคะพ่อเจ้า”
รังสิมันตุ์พ่อเจ้าโอบพระเทวีออกจากห้องสรงสนาน มีรับสั่งให้มหาดเล็กเที่ยวค้นพระตำหนักซ้าย หางูให้เจอ และกำจัด มิให้เหลือแม้แต่ซาก….
ข่าวร้ายได้กระจายไปทั่วทั้งตำหนักในทั้งสองตำหนัก และ
อินทิราเทวีแค้นพระทัยแทบกระอักพระโลหิต เมื่อมิอาจฆ่าอุษาวดีได้สำเร็จ หนำซ้ำรังสิมันตุ์พ่อเจ้ายังมีพระราชกระแสรับสั่งให้พระนางไปเข้าเฝ้าที่ตำหนักซ้าย ซึ่งพระนางถือเป็นการหยามเกียรติยิ่งนัก เพราะเทวีฝ่ายซ้ายไม่เคยมากราบเฝ้า แต่เวลานี้พระนางยังต้องไปตำหนักอุษาวดีเทวีอีกซ้ำ!
หากจะขัดขืนพระราชโองการก็หาได้ไม่ ดังนั้นพระนางอินทิราเทวีจำต้องเยื้องพระบาทเข้าไปอยู่ท่ามกลางสายตาที่เกลียดชังหลายสิบคู่ของคนในตำหนักซ้าย
และภาพที่ปรากฏแก่สายพระเนตรขององค์เทวีนั้นเล่า ช่างเหมือนคมมีดกรีดพระทัยให้เกิดแผลฉกรรจ์ ทั้งเจ็บปวดและแค้นแน่นทวี ด้วยอุษาวดีเทวี ประทับนั่งแนบข้างรังสิมันตุ์พ่อเจ้าไม่ห่าง และอุษาวดีเทวียังหยามเกียรติของอินทิราเทวีด้วยการไม่ทำความเคารพ ทั้งที่อินทิราเทวีเป็นพระมหาเทวีมีอำนาจเหนือหญิงทั้งปวงในนครแห่งนี้ และองค์รังสิมันตุ์พ่อเจ้ายังทำเพิกเฉยเหมือนไม่รู้ราชประเพณีอันควรว่า ท้าวนางในแผ่นดินทุกคนต้องถวายบังคมอินทิราเทวี และเมื่อพระนางไปประทับนั่งยังต้องนั่งพระราชอาสน์ต่ำอุษาวดีเทวี เพราะพระนางไม่ยอมลุกจากราชอาสน์องค์เดียวกับพ่อเจ้ารังสิมันตุ์
เสียงกังวานตรัสออกจากพระโอษฐ์พ่อเจ้าว่า
“อินทิราฟังไว้ให้ดีบัดเดี๋ยวนี้ว่า แม้งูพวกนี้จะมาจากที่ใดก็ตาม อย่าให้เราได้ ยินสักนิดว่าเป็นฝีมือเจ้า หาไม่เราจักประหารเจ้าด้วยมือของเราเอง”
พระมหาเทวีมิอาจระงับกริ้ว ทรงเค้นพระเสียง สวนพระสวามีทันที
“รู้ทั้งแผ่นดินน่านฟ้าว่า ไม่มีใครที่ทรงโปรดเท่าอุษาวดีแห่งเมืองคราม ถึงแม้นางผู้นี้จะสิ้นชีวิตด้วยวิธีใด ก็ล้วนแล้วแต่เป็นผลร้ายต่อน้องทั้งนั้น แต่น้องสิเห็นมทีต้องตายก่อนนางเพราะคำครหาเยี่ยงนี้เป็นแน่แท้”
“พูดราวกับว่าเราไม่รู้สันดานริษยาของเจ้า”
“พี่เจ้า”
รังสิมันตุ์พ่อเจ้าขึงพระเนตรใส่ ไร้ความเมตตา
“นางในกี่คนที่ต้องหายตัวไปอย่างลึกลับ เราไม่อยากติดใจเอาความ แต่เราไม่ไปหาเจ้า เจ้าก็น่าจะรู้ตัวดีว่าไม่ว่าเจ้าคิดการใดล้วนทำให้เรารักไม่ได้ทั้งนั้น”
“โหดร้ายเหลือเกิน โหดร้ายนัก หาเหตุน้องเพราะชิงชังโดยแท้ เมื่อพระไม่ปราณีน้องจำต้องก้มหน้ามองแต่เพียงพื้นตำหนักอยู่แล้ว แต่นี่ทรงบริภาษต่อนางหญิงต่างเมืองดังนี้อีก ไยไม่ฆ่าน้องให้ตายไปเสียเลยเล่าเพคะ”
“ถ้ามีครั้งมีครั้งต่อไป ความตายเห็นจะถึงเจ้าแน่อินทิรา”
“ยุติธรรมต่อน้องบ้างสิเพคะพี่เจ้า”เทวีฝ่ายขวาวิงวอน “พี่เจ้าประจานน้องต่อหน้านางข้าทาส ไม่ไว้หน้า ยังทรงเอาผิดน้องโดยที่น้องมิได้รู้เห็น”
รังสิมันตุ์พ่อเจ้า เมินพระพักตร์จากพระพักตร์มหาเทวีฝ่ายขวา ก่อนตรัสออกมาว่า
“เราหมดเรื่องเตือนเจ้าเพียงแค่นี้ เจ้ากลับไปได้แล้ว”
อินทิราเทวีกัดพระโอษฐ์แน่น เพื่อบังคับมิให้เปล่งเสียงกร่นด่าอุษาวดีเทวีออกมา ทั้งยังทรงฝืนพระทัยกราบพระบาทพระสวามี โดยมีอุษาวดีเทวีประทับนั่งเคียงข้างอยู่ไม่ห่าง จึงดูเหมือนอินทิราเทวีต้องถวายบังคมเทวีฝ่ายซ้ายไปพร้อมกัน พระนางเครียดแค้นในพระทัยมากจนสุดประมาณได้
เจ้าแย่งสวามีข้ายังไม่พอ เจ้ายังทำเย้ยหยันด้วยท่าทีไร้เดียงสา ได้อย่างไม่ละอายใจ
อย่างเจ้าต้องถูกข้าเผาทั้งเป็นจึงสมควร นางอุษาวดี!




นางแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 เม.ย. 2554, 18:58:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 เม.ย. 2554, 18:58:27 น.

จำนวนการเข้าชม : 4076





<< อดีตชาติ   ความงามที่เป็ยภัย >>
Zephyr 11 เม.ย. 2554, 18:33:36 น.
อืม หูย อดีตยังเข้มข้นเยี่ยงนี้แล้วปัจจุบันเล่า เหอๆๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account