กุหลาบซ่อนกลิ่น (จบแล้ว)
นางเอกโตมาในไซด์งานก่อสร้าง ที่นั่นทำให้เธอรู้ว่า การแสดงตัวว่าเป็นหญิงเป็นเรื่องอันตราย ดังนั้นนางเอกจึงเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตัวเอง จนใคร ๆ มองว่าเป็นทอม แต่แท้จริงแล้ว เธอก็คือผู้หญิงคนหนึ่ง ที่มีรัก..และรักของเธอก็เป็นรักที่มีเวลามาเป็นตัวกำหนด....
Tags: โรแมนติก..
ตอน: 9. เหมือนจะรู้ใจตัวเองแล้ว..
9.
อรพิมมองร่างบอบบางในชุดเสื้อเชิ้ตคอปกสีเขียวกระโปรงสั้นสีดำเหนือเข่าและรองเท้าผ้าใบสีดำ ซึ่งกำลังบริการตักข้าวในโถให้ลูกค้าด้วยท่าทางกระฉับกระเฉงและใบหน้ามีรอยยิ้มสดชื่นก็พอเข้าใจได้ทันทีว่าทำไมสูรย์ถึงได้ดูพออกพอใจแม่ดอกไม้ซ่อนรูปซ่อนกลิ่นดอกนี้..
แม้จะดูเหมือนทอมบอย แต่อรพิมก็ยังรู้สึกว่ากุสุมาเป็นเพียงผู้หญิงห้าว ๆ ตรง ๆ แข็ง ๆ คนหนึ่งเท่านั้น เพราะเนื้อตัวของกุสุมาไม่ได้มีมัดกล้าม ไขมัน หรือปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้มีรูปร่างท้วมเหมือนทอมส่วนใหญ่ที่ตนเคยเห็น และถ้าไม่ได้เสื้อผ้าช่วยอำพรางก็จะดูสะโอดสะองอยู่ไม่น้อย
พอมองไปนาน ๆ อรพิมก็ยิ้มนิด ๆ ที่มุมปากก่อนจะเดินรี่ไปหาโต๊ะที่สี่สาวนั่งอยู่
“เราก็นึกว่าใครมองอยู่ตั้งนาน” อรพิมทักทายเพื่อนร่วมชั้นเรียนมหาวิทยาลัยที่แยกย้ายกันไปทำงาน ซึ่งเพื่อนกลุ่มนี้ ไม่ใช่เพื่อนสนิทกันนัก แต่อรพิมก็จำต้องเข้าไปปรากฏตัว
“พิมใช่ไหม”
“ใช่ มากันสี่คนเหรอ อาหารได้ครบหรือยัง”
“ตัวมากับใคร”
“ร้านแฟนเรา มาช่วยเขาดูแล” อรพิมพูดเต็มปากเต็มคำ กุสุมาที่กำลังรินน้ำลงแก้วชะงักมือแต่ก็ตั้งสติทัน หลังจากวางขวดน้ำแล้วกุสุมาก็ขยับไปยืนข้าง ๆ พลางปลายตาดูกิริยาผู้หญิงของสูรย์ที่กำลังตีบทเมียเจ้าของร้านให้เพื่อน ๆ ของตนเองดู กุสุมาแอบเบ้หน้า เพราะเดาออกว่า อรพิมออกมา ‘โอ่’ ทำไม และลึก ๆ กุสุมาก็รู้สึกอนาจใจกับอรพิม ซึ่งน่าจะรู้ทั้งรู้ว่าผู้ชายไม่เล่นด้วย ก็ยังไม่ยอมถอย และกุสุมาก็ต้องรีบเม้มปากเมื่อเหลือตาไปเห็นว่า อรพิมนั้นปลายตามองมาเห็นเธอตอนทำเบ้ปาก สายตาอรพิมวาวเข้าใส่กุสุมาก็เลยตั้งใจว่าจะเลี่ยงไปดูโต๊ะอื่น แต่ว่าอรพิมก็เรียกไว้
“นี่ ขอเก้าอี้ให้ฉันด้วย” อรพิมสั่ง กุสุมาเลิกคิ้ว ก่อนจะเดินเนือย ๆ ไปหาเก้าอี้ว่างที่อยู่โต๊ะอื่นมาให้ และเมื่อยกกึ่งลากเก้าอี้มาแล้ว หูของกุสุมาก็ได้ยินว่า
“เด็กร้านนี้ต้องกระตุ้นด้วยเสียง พูดเบา ๆ ไม่ค่อยได้ยินหรอก..หาวิธีอู้งานน่ะ”
“เก้าอี้ได้แล้วฮะ” กุสุมาแสดงความเป็นทอมเต็มตัว เพราะก่อนหน้านั้นสาว ๆ กลุ่มนี้หยอกเอินเธออยู่ และเธอก็ “ฮะฮะ” แบบ ‘ทัดดาว บุษยา’ เพื่อสร้างความครื้นเครงแต่ว่าอรพิมคงไม่เคยดูละครเรื่องนี้แน่ ๆ
“ฮะได้ไง ต้องคะสิ”
“ฮะ” กุสุมาแสร้งรวน
“ขยับหน่อยฮะจะได้วางเก้าอี้ให้”
อรพิมขยับไปทางซ้าย กุสุมาก็เลยยกเก้าอี้ไปวางแทนก่อนจะลูบพื้นไม้เงางามนั้นเป็นการบ่งบอกให้อรพิมรู้ว่า ‘นั่งได้แล้ว ฮะ..’
เมื่อนั่งแล้ว อรพิมชวนเพื่อนคุยพลางมองอาหารบนโต๊ะโดยมีน้ำลายสอ แต่ว่าก็บอกกับเพื่อน ๆ ไปแล้วว่าจะรอกินข้าวเย็นพร้อมกับสูรย์ ดังนั้น อรพิมจึงได้แต่นั่งเกร็งไม่ให้ท้องร้อง โดยสายตาก็พยายามมองหาสูรย์ไปด้วย และเมื่อมองไม่เห็นสูรย์ อรพิมจำต้องเบ่งกับคนงานอีกครั้ง..
“นี่ ๆ นี่ ๆ เธอ ๆ”
กุสุมาหันมาเมื่อมั่นใจว่าอรพิมเรียกตนเองแน่ ๆ
“คุณสูรย์ไปไหนอ่ะ เห็นบ้างไหม”
“ขับรถออกไปแล้วฮะ ไม่รู้เหมือนกันว่าไปไหน..ไปตั้งนานแล้วฮะ”
กุสุมาแปลกใจเมื่อเลิกงานแล้วพบถมยามานั่งรออยู่บนเบาะรถมอเตอร์ไซค์ของตัวเอง พนักงานคนอื่น ๆ ก็มอง ๆ ถมยาที่อยู่ในชุดกางเกงยีนเสื้อยืดรองเท้าแตะหูคีบ ก่อนจะคว้ามอเตอร์ไซค์ของตนขับออกจากร้าน
“มีอะไรรึ”
“มาขอบใจมึงนะสิ”
“อืม อย่าพลาดอีกแล้วกัน”
“ไม่มีแล้ว เข็ดว่ะ..ขอบใจมึงจริง ๆ นะม่า มีอะไรให้กูตอบแทน มึงบอกกูเลยนะ”
“มึงเมาหรือเปล่าไอ้ถม”
“อีบ้า กูสำนึกได้แล้ว เดี๋ยวกูทำงาน กูจะรีบใช้หนี้คุณสูรย์เขานะ มึงจะได้ไม่ต้องมาเป็นคนค้ำประกัน”
“อืม..ดีมาก แล้วมึงมาอย่างไง”
“นั่งรถเมล์มา..แต่มึงต้องกลับไปส่งกู”
“หาเรื่องให้กูเดือดร้อนจริง ๆ หมวกกูก็มีใบเดียว ตำรวจจับ มึงจ่ายนะ”
“มึงจะพูดให้มันได้ร้ายทำไม ซอกแซกซิวะ ว่าแต่มึงกินข้าวหรือยัง”
“กินแล้ว มึงละ กินข้าวเย็นหรือยัง” คำตอบของถมยาคือ ส่ายหน้า
แรกทีเดียวกุสุมาตั้งใจจะพาถมยาไปกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อน้ำตกเจ้าประจำ ซึ่งเธอกับเพื่อน ๆ จะมาฝากท้องหลังจากเตร็ดเตร่ด้วยกันจนค่ำ พอกินอิ่มแล้วต่างก็แยกย้ายบ้านใครบ้านมัน แต่วันนี้หลังจากซอกแซกพาถมยากลับหอพัก กุสุมาก็เบรกรถจนร่างถมยาไถลมาชิดหลังตัวเองที่มีกระเป๋าเป้กันไว้
“อะไรไอ้ม่า”
“ลงร้านนี้แหละ” ร้านนี้ คือกุสุมาเห็นว่ามีรถของสูรย์ที่หนีออกไปจากร้านตั้งแต่เย็นจอดอยู่ และถ้าเดาไม่ผิด เขาอาจจะมากับพี่ซ้ง และถ้าเป็นอย่างนั้น บางทีมื้อนี้ เธออาจจะไม่ต้องเสียเงินเลี้ยงถมยา เพียงแต่ตากหน้าแล้วก็ใช้วิชา ‘ชะเลีย’ ประจบประแจงคนนั่งอยู่หัวโต๊ะสักหน่อย
และพอกวาดตามองไปรอบ ๆ ร้าน กุสุมาก็ต้องยิ้มเผล่เมื่อเห็นสูรย์นั่งอยู่กับทรงฤทธิ์และเขาก็เหลือบตามาเห็นเธอก็ถมยาพอดี กุสุมาจึงรีบยกมือทักทายพลางยิ้ม สูรย์ปั้นหน้านิ่ง ๆ ให้ ทรงฤทธิ์จึงหันหลังมามอง แค่นี้กุสุมาก็มั่นได้ว่า คนในโต๊ะนั้นเต็มใจต้อนรับเธอกับถมยา
เมื่อเดินเข้าไปถึงโต๊ะ ถมยายกมือไหว้สูรย์และเลยไปไหว้เพื่อนของสูรย์ที่นั่งอยู่ด้วย
“คนนี้ไง” สูรย์แนะนำถมยาให้ทรงฤทธิ์รู้จักสั้น ๆ นั่นก็แสดงว่าระหว่างที่กุสุมากับถมยาเดินไปนั้น
ทั้งคู่ถูกเอ่ยถึงไปแล้วแน่นอน
“อืม พรุ่งนี้ไปสมัครงานได้แล้วมั้ง”
“ครับ..”
“นั่งกันก่อนสิ” สูรย์ที่มีตาเยิ้มเชื้อเชิญ กุสุมาก็เลยทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ ทรงฤทธิ์แต่ว่าเก้าอี้ตัวนั้นอยู่ตรงกันข้ามกับเขา ส่วนถมยาก็เดินอ้อมไปนั่งข้าง ๆ สูรย์ พอนั่งแล้วกุสุมาก็สำรวจเป็นโต๊ะอาหารของร้านข้าวต้มโต้รุ่งทันที อาหารในครัวอิ่มสุขดีกว่าแน่นอน แต่ว่ามันคนละอารมณ์ กุสุมาเดาว่า ถ้าสูรย์นั่งดื่มเบียร์อยู่ในร้าน มันก็จะดูไม่ดี แต่พอออกมานั่งในร้านนี้ เขาก็พับแขนเสื้อขึ้น แถมปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีดำลายขาวลงมาอีกสองเม็ดจนกระทั่งเห็นไขขนที่หน้าอก ดูสบาย ๆ แต่กุสุมาก็ไม่กล้ามองที่หน้าอกของเขาให้นานกว่านั้น..
“กินอะไรกัน” ทรงฤทธิ์เอ่ยถาม
“พี่กินอะไรม่าก็กินด้วย”
“แล้วก็ให้พี่เลี้ยง”
“งั้นม่ากับไอ้ถมขอข้าวผัดคนจานก็ได้” กุสุมาแสร้งทำเป็นเกรงใจ
“เบียร์สักหน่อยไหม” สูรย์ถามด้วยใบหน้าไม่สื่ออารมณ์ใด ๆ กุสุมาก็เลยส่ายหน้าแต่ดวงตาก็ยัง ยิ้ม ๆ อยู่กับหน้านิ่ง ๆ ของเขา และกุสุมาก็เห็นว่าเขาแอบยิ้มนิด ๆก่อนจะยกเบียร์ขึ้นดื่ม
“น้องขอจานเปล่ากับแก้วน้ำด้วยนะ” ทรงฤทธิ์ตะโกนบอกเด็ดเสิร์ฟในร้านที่มีไม่กี่คนและก็ดูยุ่งเป็นอย่างมาก
“ดื่มเนื่องในโอกาสอะไรกัน” ถามยังไม่ทันมีใครตอบ กุสุมาก็ต่อทันที “ฉลองหนีหญิงได้ใช่ป่ะ”
“อย่าจุ้น” สูรย์ว่าให้
“เช้าคน เย็นคนเสน่ห์แรง ๆ จริง ๆ เล้ย” กุสุมาเปรยออกมาโดยดวงตานั้นก็มองหน้าของทรงฤทธิ์เพราะถ้ามองสูรย์ เธอจะได้เห็นตาวาว ๆ ของเขาแน่ ๆ
“แต่ว่าก็ วิ่งหนีหมด ชักน่าสงสัย” ปากพูดไปตาก็จ้องตาของทรงฤทธิ์ไปด้วย
“หาเรื่องจ่ายเงินค่าข้าวเองอีกแล้วไอ้ม่า” ทรงฤทธิ์ว่าให้
“ม่าขอข้าวผัดสองจานนะ อิ่มแล้วก็จะกลับบ้าน จริง ๆ ว่าจะไปกินก๋วยเตี๋ยวกัน แต่ว่า เจอเจ้ามือก็เลย แวะหน่อย”
“สักหน่อยไหม” พอเด็กเสิร์ฟถือจานเปล่าช้อนส้อมและแก้วน้ำมา ทรงฤทธิ์ก็คว้าขวดเบียร์พลางถาม
“ไม่เอาหรอกพี่ ถมยาก็ไม่กิน มันสัญญาว่าจะเลิกเหล้าด้วย”
“กูพูดอย่างนั้นหรือวะ”
“เอ่อ เลิก ๆ ไปเหอะ ไม่มีอะไรดีหรอก”
“งั้นก็กินข้าวกับกับแกล้มนี่แหละ ไม่ต้องกินข้าวผัดหรอก เอ้า น้อง ขอข้าวเปล่าสองจานด้วยนะ พอไหมถมยา” ทรงฤทธิ์จัดแจงสรุป
หลังจากเห็นกุสุมาจ้วงไส้ตันทอดกระเทียม ต้มยำปลาช่อน ผัดพริกปลาดุกทอดกรอบ แกงเผ็ดเป็ดย่าง สูรย์ก็เอ่ยหยอกเจ้าหล่อนว่า “ซ้ง กูว่า ให้กินข้าวผัดจะประหยัดตังค์กว่าว่ะ”
“แหม ก็ของเขาอร่อย อร่อยมากกกกกก”
“อร่อยกว่าที่ร้านหรือเปล่า”
“สู้ร้านเราไม่ได้หรอก” ‘เรา’ ของกุสุมาเต็มปากเต็มคำ ได้ใจสูรย์ไม่น้อยและตาปรือ ๆ ของเขาก็ทำให้กุสุมาอดเป็นห่วงไม่ได้
“ตาเยิ้มแล้ว เจ้านายเมาหรือเปล่า”
“เมาแล้วจะทำไม”
“ขับรถกลับบ้านอย่างไง”
“ขับเหมือนที่เคยขับ”
“ภาวนาให้เจอตำรวจเรียกเป่าเถอะ จะได้เข็ดหลาบกันซะมั่ง”
“ตัวเองเถอะ จะเที่ยงคืนอยู่แล้ว ยังไม่ถึงบ้านเลย แล้วจะไปไหนต่อหรือเปล่า”
“ไปส่งมัน แล้วก็กลับบ้าน”
“ดึก ๆ ดื่น ๆ นี่นะ”
“แม่ให้กลับก่อนเที่ยงคืน กลับแบบนี้บ่อย ๆ”
“ระวังเถอะ” สูรย์เตือน
“ตัวเองก็ระวังเถ้อะ” กุสุมาหาได้ยอมแพ้
เมื่อทรงฤทธิ์สั่งเช็คบิล กุสุมาก็ขยับเป้ที่วางอยู่กับพื้นข้างขาโต๊ะมาไว้บนตัก
“ไม่ต้องเลยไอ้ม่า มื้อนี้พี่เลี้ยง พี่รวยกว่า”
“ตลกตายละ”
“กลับบ้านดี ๆ พรุ่งนี้เจอกันนะน้อง ไปแต่เช้า ๆ ก็ดี พี่ยังไม่ได้ออกไซด์งาน” ทรงฤทธิ์บอกถมยา ซึ่งเป็นผู้ฟังที่ดี และระหว่างที่เคี้ยวข้าวนั้น ถมยาก็รู้สึกว่า ดวงตาของกุสุมาที่มองสูรย์นั้นเป็นสายตาของ สาว ที่เล่นหูเล่นตากับผู้ชาย และถึงมันจะไม่มาก แต่ถมยาก็รู้สึกว่าใบหน้าของกุสุมาแดงระเรื่อผิดที่เคยเห็น สูรย์เองเล่าดวงตานั้นก็เปิดเผยความรู้สึกจากข้างใน และเมื่อเห็นเพื่อนเป็นอย่างนี้ถมยาก็อดเป็นห่วงไม่ได้
“งั้นม่าไปก่อนนะ พี่ซ้ง ขอบคุณนะฮะ ไปถม อิ่มแล้วก็กลับบ้าน” ว่าแล้วกุสุมาก็ยืนขึ้น
“เจ้านายม่ากลับก่อนนะ ขับรถระวัง ๆ หน่อยนะ พรุ่งนี้เจอกัน ไปละ” ว่าแล้วกุสุมาก็หมุนตัวแล้วย่างก้าว แต่เดินไปได้ไม่ถึงสิบเมตร กุสุมาก็เสียหลักล้มไปข้างหน้าเพราะถูกขาข้างหนึ่งของผู้ชายโต๊ะนั้นจงใจยื่นมาขวางไว้
“ม่า” สูรย์ลุกขึ้นทันแล้วกรากไปหากุสุมาที่ล้มไปกับพื้นแต่ก็ช้ากว่าถมยาที่รีบเข้าประคอง
กุสุมาเองพอเงยหน้ามาก็เห็นว่าใครเป็นคนทำให้เธอล้ม อารมณ์ของกุสุมาก็เหมือนถูกไฟลน
“จับกบเหรอน้อง”
“ไอ้” กุสุมาชี้หน้า ดีแต่ว่าถมยารวบมือไว้
“ไอ้ม่าอย่า”
“เดินไม่ดูตาม้าตาเรือเลย จะขอโทษพี่สักคำก็ไม่มี”
“ใครกันแน่ที่ต้องขอโทษ” กุสุมาเสียงดัง ทรงฤทธิ์กับสูรย์เดินมาหาแตะแขนกุสุมาเบา ๆ
“ไป ๆ กลับบ้าน กลับบ้าน” ทรงฤทธิ์จับแขนกุสุมาแล้วดึงออกจากร้าน ถมยากับสูรย์เดินตาม สูรย์นั้นพยายามคุมสติตัวเอง เพราะเขาเองก็อยากตั้นหน้าพวกมันอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน แต่ว่าเขาก็ยังไม่เมาจนกระทั่งคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้
“ไอ้เหี้ย” กุสุมาสบถแรง ๆ เมื่อเร่งความเร็วรถพาถมยาออกมาจากหน้าร้านแล้ว
“พวกโต๊ะบอลที่มันเล่นกูแหละไอ้ม่า”
“เหรอวะ แม่ง มึงเย็นอยู่ได้อย่างไง ทำไมไม่หาทางเอาคืน”
“มึงไม่มาเป็นกู มึงไม่รู้หรอก”
“ตาต่อตาฟันต่อฟันโว้ย เป็นกู กูจะเผาสำนักงานแม่งมันเลย แจ้งความให้ตำรวจจับก็ได้ เผารถแม่งมันเลยก็ได้”
“เหอะ ใจเย็น ๆ ข้างหน้าไฟแดง” ถมยาพยายามปรับอารมณ์ของเพื่อน ซึ่งเขามั่นใจว่า น่าจะเป็นเพื่อนแท้ของเขา
เมื่อส่งถมยาแล้ว กุสุมาก็บิดรถกลับบ้าน และเมื่อเลี้ยวเข้าซอยมาได้สองร้อยเมตร กุสุมามองกระจกส่องหลังก็รู้สึกว่ามีรถยนต์ขับตาม กุสุมาตัดสินใจหันไปมอง และพอเห็นทะเบียนใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อครู่ก็เปลี่ยนเป็นร้อน ๆ หนาว ๆ ขึ้นมา จนกระทั่งรถถึงหน้าบ้าน รถของสูรย์ก็เข้ามาจอดประชิดก่อนจะเลื่อนกระจกลง แล้วยิ้มนิด ๆ ให้ ดวงตานั้นเล่าก็หวานฉ่ำจนกุสุมารู้สึกว่าหน้าตัวเองมีเลือดสูบฉีด
“ตามมาทำไม” กุสุมาเปิดหน้าหมวกกันน็อกแล้วร้องถาม และคำตอบสั้น ๆ ก็ทำใบหน้าของกุสุมาวูบ ๆ วาบ ๆ หนักขึ้น
“เป็นห่วง”
“ถึงบ้านแล้ว ปลอดภัยแล้ว”
“เปิดประตู เข็นรถเข้าบ้านสิ”
กุสุมาถอดหมวกกันนอก ตั้งรถ แล้วเดินไปยังประตูรั้ว ไขกุญแจรั้วแล้วเดินมาเกาะประตูรถของเขา
“ขอบคุณนะคะ”
“เมื่อกี้เจ็บไหม”
“เจ็บใจมากกว่า”
“ระวังตัวบ้างแล้วกัน สองรอบแล้วนะ”
“ไม่กลัวหรอก แต่ไม่ชอบที่มันลอบกัดแบบนี้”
“สู้กับพวกหน้าตัวเมียน่ะ สู้ซึ่ง ๆ หน้าไม่ได้หรอก ระวัง ๆ ตัวหน่อยแล้วกัน ไป เข้าบ้าน อาบน้ำนอนดึกแล้ว พรุ่งนี้ต้องไปทำงานอีก”
“พรุ่งนี้วันหยุดม่า”
“เหรอ..ใช่เหรอ ยังทำงานไม่ครบเจ็ดวันเลย”
“ลาป่วย ไม่ ซะ บายยยยย”
“ไม่อ นุ ญาตตตตต... ไป ๆ เข้าบ้าน นอน ๆ”
“ฝันดีนะ นอนห่มผ้าด้วยละ” รู้สึกว่าเขินจนทนไม่ไหวกุสุมาก็รีบหันหลังแล้วเดินไปเข็นรถเข้าบ้านตั้งรถแล้วก็เดินมาปิดประตูรั้วลงล็อคก่อนจะยืนมองรถของสูรย์ที่แล่นตรงไปข้างหน้า
พอมาทำงานแล้วไม่เห็นสูรย์กุสุมาก็รู้สึกว่าการรอคอยที่จะให้ได้เห็นหน้าของเขามันยาวนานเหลือเกิน และเมื่องานในส่วนของตนเสร็จเรียบร้อย กอรปกับยังไม่มีลูกค้าเข้ามา กุสุมาจึงดึงโทรศัพท์ออกมาเล่น เข้าเว็บไซด์ก่อนจะพิมพ์คำว่า ‘ครัวอิ่มสุข’ และเธอก็เพิ่งรู้ว่าร้านนี้มีเว็บไซด์ กุสุมาเข้าไปคลิก ๆ อ่าน เห็นรูปเจ้าของร้านแล้วก็อมยิ้ม จนกระทั่ง โทรศัพท์ในมือของเธอดังขึ้น
“น้าอ้อย”
“ม่า สงกรานต์น้าจะกลับบ้านนะ”
“กลับมาทำไม ไหนว่าอีกหลายเดือน”
“เรื่องของอ๊อดเรียบร้อยแล้ว จะไปรับมาเลย ส่วนเรื่องของเรา เอกสารได้แล้ว เดี๋ยวน้าจะกลับไปวิ่งเต้นเอง แล้วเราเป็นไงมั่ง แม่บอกว่าไปเรียนทำอาหารไม่ใช่เหรอ แต่ไม่ได้ไปเรียนกับโรงเรียนนี่ ทำไมเป็นอย่างนั้นละ ตอนนี้มีเวลาน้อยแล้วนะ ไปเรียนจากโรงเรียนไปเลย ไม่ต้องเสียเวลาหรอก แต่ว่าไม่มีความรู้อะไรก็ไม่เป็นไรหรอกนะม่า มาที่นี่ ก็ทำนั่นทำนี่ช่วย ๆ กันเดี๋ยวก็เป็นเอง โอเคน่ะ ช่วงสงกรานต์น้ากลับบ้านคิดถึงยาย คิดถึงอ๊อด แล้วเจอกันละ..แค่นี้ก่อนนะ”
น้าอ้อยพูดอยู่คนเดียวตามเคย และก็วางสายไปโดยที่เธอยังไม่ได้พูดอะไรเหมือนเดิม
..กุสุมาถอนหายใจออกมาเบา ๆ เมื่อนึกถึงอนาคตของตัวเองที่จะต้องถูกน้าอ้อยเป็นผู้กำหนด กับนึกถึงวันเวลาที่จะต้องไปจากที่นี่..
“เป็นอะไรไอ้ม่า หน้าตาเอ็ง” วิชาญเดินเข้าหาพลางทรุดตัวลงนั่งตรงกันข้าม
“มีเรื่องอะไรไม่สบายใจ”
“คุณสูรย์ไปไหนไม่เห็นเข้าร้านสักที”
“หายใจเข้าออกเป็นคุณสูรย์เลยนะ”
“มีเรื่องจะคุยกับเขาน่ะ เรื่องสำคัญด้วย”
“ทำไมมีอะไรเหรอ”
“น้าอ้อยเลื่อนกำหนดเดินทาง ตอนแรกว่าจะเป็นสามเดือนตอนนี้ไม่ถึงแล้ว”
“เอ็งโชคดีมีน้าอยู่เมืองนอก”
“แกอยากไปเมืองนอกใช่ไหม”
“ก็..นะ คนเรา อะไรที่ยังไม่เคยเห็นเคยรู้ก็อยากเห็นอยากรู้”
“ก็ให้ข้าไปก่อน ถ้ามีช่องทาง แล้วจะบอก แต่แกเรียนให้จบตรีก่อนเถอะ”
“จริง ๆ นะม่า” อารามดีใจทำให้วิชาญยกมือทั้งสองข้างของกุสุมาขึ้นมาเขย่าเอาสัญญา และคนอย่างกุสุมานั้น ‘สัญญาต้องเป็นสัญญา’
“จริง คนดี ๆ อย่างเอ็ง มันน่าช่วย”
“ขอบใจเอ็งมากนะม่า ออสเตรเลียใช่ไหม เดี๋ยวข้าจะรีบไปหาข้อมูลมาเก็บไว้ จะได้สร้างเส้นทางฝัน”
วิชาญยิ้มเหมือนวีซ่าผ่านและมีตัวเครื่องบินวางอยู่ตรงหน้าแล้ว กุสุมาก็เลยขำเพื่อน แต่ว่าคนที่หงุดหงิดกับละครฉากนี้ ไม่ใช่มีแค่ กิ๊บซี่ ปลา แต่ว่าเป็นสูรย์อีกคนที่เพิ่งเดินมาถึง..
สูรย์เงยหน้าเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู แล้วพอเขาอนุญาตใบหน้าขาว ๆ ในกรอบผมสั้นสีดำก็โผล่มา สูรย์แสร้งก้มหน้าทำงาน อยากจะรู้เหมือนกันว่า วันนี้ไอ้ม่าของไอ้ซ้งจะมีอะไรมาทำให้เขายุ่งยากใจอีก
“เจ้านาย” กุสุมาทรุดตัวลงนั่งแล้วเอ่ยเรียกเขาเบา ๆ
“มีอะไร”
“งานยุ่งมากเลยเหรอ...เงยหน้าคุยกันหน่อยสิ”
“มีอะไรละ ก้มหรือเงยก็คุยกันได้” สูรย์ยังคงเขียนตัวเลขในสมุดบัญชีตรงหน้า มองกระดาษแผ่นนั้นทีแผ่นนี้ที เหมือนว่ากำลังต้องใช้สมาธิเป็นอย่างมาก
“ไม่เห็นหน้าไม่เห็นตาคุยไม่สนุก”
สูรย์เงยหน้าแล้วยกมือกอดอก แต่ที่ทำให้กุสุมารู้สึกประหลาดใจนั่นก็คือวันนี้เขาใส่แว่นตา
“สายตาสั้นเหรอ”
“มีอะไรก็พูดมา เวลาเป็นเงินเป็นทอง” เขาทำเสียงรำคาญ
“น้าอ้อยโทรมา
“จะไปแล้วสิ”
“ยังหรอก มาเที่ยวน่ะ แต่ว่ากำหนดเดินทางอาจจะเร็วกว่าเดิม..คือม่าว่าม่าไปอยู่ในครัวได้แล้วมั้ง เวลามันจำกัดนะ”
เวลาจำกัด เวลามีน้อยลง มันกำลังจะไป วิธีทอดเสียงของกุสุมาไม่แตกต่างจากน้ำเสียงของวรรณพรในวันนั้นเลยสักนิด ค่อย ๆ พูด พูดเพื่อให้เขาค่อย ๆ คลาย.. สูรย์สูดลมหายใจเข้าปอด พยายามตัดใจที่เริ่มวอกแวกไปหาไอ้เด็กหน้าขาว ๆ แต่ว่ายิ่งรับรู้ว่าเวลาเหลือน้อย ใจของเขาก็แกว่งอย่างแรง..
อรพิมมองร่างบอบบางในชุดเสื้อเชิ้ตคอปกสีเขียวกระโปรงสั้นสีดำเหนือเข่าและรองเท้าผ้าใบสีดำ ซึ่งกำลังบริการตักข้าวในโถให้ลูกค้าด้วยท่าทางกระฉับกระเฉงและใบหน้ามีรอยยิ้มสดชื่นก็พอเข้าใจได้ทันทีว่าทำไมสูรย์ถึงได้ดูพออกพอใจแม่ดอกไม้ซ่อนรูปซ่อนกลิ่นดอกนี้..
แม้จะดูเหมือนทอมบอย แต่อรพิมก็ยังรู้สึกว่ากุสุมาเป็นเพียงผู้หญิงห้าว ๆ ตรง ๆ แข็ง ๆ คนหนึ่งเท่านั้น เพราะเนื้อตัวของกุสุมาไม่ได้มีมัดกล้าม ไขมัน หรือปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้มีรูปร่างท้วมเหมือนทอมส่วนใหญ่ที่ตนเคยเห็น และถ้าไม่ได้เสื้อผ้าช่วยอำพรางก็จะดูสะโอดสะองอยู่ไม่น้อย
พอมองไปนาน ๆ อรพิมก็ยิ้มนิด ๆ ที่มุมปากก่อนจะเดินรี่ไปหาโต๊ะที่สี่สาวนั่งอยู่
“เราก็นึกว่าใครมองอยู่ตั้งนาน” อรพิมทักทายเพื่อนร่วมชั้นเรียนมหาวิทยาลัยที่แยกย้ายกันไปทำงาน ซึ่งเพื่อนกลุ่มนี้ ไม่ใช่เพื่อนสนิทกันนัก แต่อรพิมก็จำต้องเข้าไปปรากฏตัว
“พิมใช่ไหม”
“ใช่ มากันสี่คนเหรอ อาหารได้ครบหรือยัง”
“ตัวมากับใคร”
“ร้านแฟนเรา มาช่วยเขาดูแล” อรพิมพูดเต็มปากเต็มคำ กุสุมาที่กำลังรินน้ำลงแก้วชะงักมือแต่ก็ตั้งสติทัน หลังจากวางขวดน้ำแล้วกุสุมาก็ขยับไปยืนข้าง ๆ พลางปลายตาดูกิริยาผู้หญิงของสูรย์ที่กำลังตีบทเมียเจ้าของร้านให้เพื่อน ๆ ของตนเองดู กุสุมาแอบเบ้หน้า เพราะเดาออกว่า อรพิมออกมา ‘โอ่’ ทำไม และลึก ๆ กุสุมาก็รู้สึกอนาจใจกับอรพิม ซึ่งน่าจะรู้ทั้งรู้ว่าผู้ชายไม่เล่นด้วย ก็ยังไม่ยอมถอย และกุสุมาก็ต้องรีบเม้มปากเมื่อเหลือตาไปเห็นว่า อรพิมนั้นปลายตามองมาเห็นเธอตอนทำเบ้ปาก สายตาอรพิมวาวเข้าใส่กุสุมาก็เลยตั้งใจว่าจะเลี่ยงไปดูโต๊ะอื่น แต่ว่าอรพิมก็เรียกไว้
“นี่ ขอเก้าอี้ให้ฉันด้วย” อรพิมสั่ง กุสุมาเลิกคิ้ว ก่อนจะเดินเนือย ๆ ไปหาเก้าอี้ว่างที่อยู่โต๊ะอื่นมาให้ และเมื่อยกกึ่งลากเก้าอี้มาแล้ว หูของกุสุมาก็ได้ยินว่า
“เด็กร้านนี้ต้องกระตุ้นด้วยเสียง พูดเบา ๆ ไม่ค่อยได้ยินหรอก..หาวิธีอู้งานน่ะ”
“เก้าอี้ได้แล้วฮะ” กุสุมาแสดงความเป็นทอมเต็มตัว เพราะก่อนหน้านั้นสาว ๆ กลุ่มนี้หยอกเอินเธออยู่ และเธอก็ “ฮะฮะ” แบบ ‘ทัดดาว บุษยา’ เพื่อสร้างความครื้นเครงแต่ว่าอรพิมคงไม่เคยดูละครเรื่องนี้แน่ ๆ
“ฮะได้ไง ต้องคะสิ”
“ฮะ” กุสุมาแสร้งรวน
“ขยับหน่อยฮะจะได้วางเก้าอี้ให้”
อรพิมขยับไปทางซ้าย กุสุมาก็เลยยกเก้าอี้ไปวางแทนก่อนจะลูบพื้นไม้เงางามนั้นเป็นการบ่งบอกให้อรพิมรู้ว่า ‘นั่งได้แล้ว ฮะ..’
เมื่อนั่งแล้ว อรพิมชวนเพื่อนคุยพลางมองอาหารบนโต๊ะโดยมีน้ำลายสอ แต่ว่าก็บอกกับเพื่อน ๆ ไปแล้วว่าจะรอกินข้าวเย็นพร้อมกับสูรย์ ดังนั้น อรพิมจึงได้แต่นั่งเกร็งไม่ให้ท้องร้อง โดยสายตาก็พยายามมองหาสูรย์ไปด้วย และเมื่อมองไม่เห็นสูรย์ อรพิมจำต้องเบ่งกับคนงานอีกครั้ง..
“นี่ ๆ นี่ ๆ เธอ ๆ”
กุสุมาหันมาเมื่อมั่นใจว่าอรพิมเรียกตนเองแน่ ๆ
“คุณสูรย์ไปไหนอ่ะ เห็นบ้างไหม”
“ขับรถออกไปแล้วฮะ ไม่รู้เหมือนกันว่าไปไหน..ไปตั้งนานแล้วฮะ”
กุสุมาแปลกใจเมื่อเลิกงานแล้วพบถมยามานั่งรออยู่บนเบาะรถมอเตอร์ไซค์ของตัวเอง พนักงานคนอื่น ๆ ก็มอง ๆ ถมยาที่อยู่ในชุดกางเกงยีนเสื้อยืดรองเท้าแตะหูคีบ ก่อนจะคว้ามอเตอร์ไซค์ของตนขับออกจากร้าน
“มีอะไรรึ”
“มาขอบใจมึงนะสิ”
“อืม อย่าพลาดอีกแล้วกัน”
“ไม่มีแล้ว เข็ดว่ะ..ขอบใจมึงจริง ๆ นะม่า มีอะไรให้กูตอบแทน มึงบอกกูเลยนะ”
“มึงเมาหรือเปล่าไอ้ถม”
“อีบ้า กูสำนึกได้แล้ว เดี๋ยวกูทำงาน กูจะรีบใช้หนี้คุณสูรย์เขานะ มึงจะได้ไม่ต้องมาเป็นคนค้ำประกัน”
“อืม..ดีมาก แล้วมึงมาอย่างไง”
“นั่งรถเมล์มา..แต่มึงต้องกลับไปส่งกู”
“หาเรื่องให้กูเดือดร้อนจริง ๆ หมวกกูก็มีใบเดียว ตำรวจจับ มึงจ่ายนะ”
“มึงจะพูดให้มันได้ร้ายทำไม ซอกแซกซิวะ ว่าแต่มึงกินข้าวหรือยัง”
“กินแล้ว มึงละ กินข้าวเย็นหรือยัง” คำตอบของถมยาคือ ส่ายหน้า
แรกทีเดียวกุสุมาตั้งใจจะพาถมยาไปกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อน้ำตกเจ้าประจำ ซึ่งเธอกับเพื่อน ๆ จะมาฝากท้องหลังจากเตร็ดเตร่ด้วยกันจนค่ำ พอกินอิ่มแล้วต่างก็แยกย้ายบ้านใครบ้านมัน แต่วันนี้หลังจากซอกแซกพาถมยากลับหอพัก กุสุมาก็เบรกรถจนร่างถมยาไถลมาชิดหลังตัวเองที่มีกระเป๋าเป้กันไว้
“อะไรไอ้ม่า”
“ลงร้านนี้แหละ” ร้านนี้ คือกุสุมาเห็นว่ามีรถของสูรย์ที่หนีออกไปจากร้านตั้งแต่เย็นจอดอยู่ และถ้าเดาไม่ผิด เขาอาจจะมากับพี่ซ้ง และถ้าเป็นอย่างนั้น บางทีมื้อนี้ เธออาจจะไม่ต้องเสียเงินเลี้ยงถมยา เพียงแต่ตากหน้าแล้วก็ใช้วิชา ‘ชะเลีย’ ประจบประแจงคนนั่งอยู่หัวโต๊ะสักหน่อย
และพอกวาดตามองไปรอบ ๆ ร้าน กุสุมาก็ต้องยิ้มเผล่เมื่อเห็นสูรย์นั่งอยู่กับทรงฤทธิ์และเขาก็เหลือบตามาเห็นเธอก็ถมยาพอดี กุสุมาจึงรีบยกมือทักทายพลางยิ้ม สูรย์ปั้นหน้านิ่ง ๆ ให้ ทรงฤทธิ์จึงหันหลังมามอง แค่นี้กุสุมาก็มั่นได้ว่า คนในโต๊ะนั้นเต็มใจต้อนรับเธอกับถมยา
เมื่อเดินเข้าไปถึงโต๊ะ ถมยายกมือไหว้สูรย์และเลยไปไหว้เพื่อนของสูรย์ที่นั่งอยู่ด้วย
“คนนี้ไง” สูรย์แนะนำถมยาให้ทรงฤทธิ์รู้จักสั้น ๆ นั่นก็แสดงว่าระหว่างที่กุสุมากับถมยาเดินไปนั้น
ทั้งคู่ถูกเอ่ยถึงไปแล้วแน่นอน
“อืม พรุ่งนี้ไปสมัครงานได้แล้วมั้ง”
“ครับ..”
“นั่งกันก่อนสิ” สูรย์ที่มีตาเยิ้มเชื้อเชิญ กุสุมาก็เลยทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ ทรงฤทธิ์แต่ว่าเก้าอี้ตัวนั้นอยู่ตรงกันข้ามกับเขา ส่วนถมยาก็เดินอ้อมไปนั่งข้าง ๆ สูรย์ พอนั่งแล้วกุสุมาก็สำรวจเป็นโต๊ะอาหารของร้านข้าวต้มโต้รุ่งทันที อาหารในครัวอิ่มสุขดีกว่าแน่นอน แต่ว่ามันคนละอารมณ์ กุสุมาเดาว่า ถ้าสูรย์นั่งดื่มเบียร์อยู่ในร้าน มันก็จะดูไม่ดี แต่พอออกมานั่งในร้านนี้ เขาก็พับแขนเสื้อขึ้น แถมปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีดำลายขาวลงมาอีกสองเม็ดจนกระทั่งเห็นไขขนที่หน้าอก ดูสบาย ๆ แต่กุสุมาก็ไม่กล้ามองที่หน้าอกของเขาให้นานกว่านั้น..
“กินอะไรกัน” ทรงฤทธิ์เอ่ยถาม
“พี่กินอะไรม่าก็กินด้วย”
“แล้วก็ให้พี่เลี้ยง”
“งั้นม่ากับไอ้ถมขอข้าวผัดคนจานก็ได้” กุสุมาแสร้งทำเป็นเกรงใจ
“เบียร์สักหน่อยไหม” สูรย์ถามด้วยใบหน้าไม่สื่ออารมณ์ใด ๆ กุสุมาก็เลยส่ายหน้าแต่ดวงตาก็ยัง ยิ้ม ๆ อยู่กับหน้านิ่ง ๆ ของเขา และกุสุมาก็เห็นว่าเขาแอบยิ้มนิด ๆก่อนจะยกเบียร์ขึ้นดื่ม
“น้องขอจานเปล่ากับแก้วน้ำด้วยนะ” ทรงฤทธิ์ตะโกนบอกเด็ดเสิร์ฟในร้านที่มีไม่กี่คนและก็ดูยุ่งเป็นอย่างมาก
“ดื่มเนื่องในโอกาสอะไรกัน” ถามยังไม่ทันมีใครตอบ กุสุมาก็ต่อทันที “ฉลองหนีหญิงได้ใช่ป่ะ”
“อย่าจุ้น” สูรย์ว่าให้
“เช้าคน เย็นคนเสน่ห์แรง ๆ จริง ๆ เล้ย” กุสุมาเปรยออกมาโดยดวงตานั้นก็มองหน้าของทรงฤทธิ์เพราะถ้ามองสูรย์ เธอจะได้เห็นตาวาว ๆ ของเขาแน่ ๆ
“แต่ว่าก็ วิ่งหนีหมด ชักน่าสงสัย” ปากพูดไปตาก็จ้องตาของทรงฤทธิ์ไปด้วย
“หาเรื่องจ่ายเงินค่าข้าวเองอีกแล้วไอ้ม่า” ทรงฤทธิ์ว่าให้
“ม่าขอข้าวผัดสองจานนะ อิ่มแล้วก็จะกลับบ้าน จริง ๆ ว่าจะไปกินก๋วยเตี๋ยวกัน แต่ว่า เจอเจ้ามือก็เลย แวะหน่อย”
“สักหน่อยไหม” พอเด็กเสิร์ฟถือจานเปล่าช้อนส้อมและแก้วน้ำมา ทรงฤทธิ์ก็คว้าขวดเบียร์พลางถาม
“ไม่เอาหรอกพี่ ถมยาก็ไม่กิน มันสัญญาว่าจะเลิกเหล้าด้วย”
“กูพูดอย่างนั้นหรือวะ”
“เอ่อ เลิก ๆ ไปเหอะ ไม่มีอะไรดีหรอก”
“งั้นก็กินข้าวกับกับแกล้มนี่แหละ ไม่ต้องกินข้าวผัดหรอก เอ้า น้อง ขอข้าวเปล่าสองจานด้วยนะ พอไหมถมยา” ทรงฤทธิ์จัดแจงสรุป
หลังจากเห็นกุสุมาจ้วงไส้ตันทอดกระเทียม ต้มยำปลาช่อน ผัดพริกปลาดุกทอดกรอบ แกงเผ็ดเป็ดย่าง สูรย์ก็เอ่ยหยอกเจ้าหล่อนว่า “ซ้ง กูว่า ให้กินข้าวผัดจะประหยัดตังค์กว่าว่ะ”
“แหม ก็ของเขาอร่อย อร่อยมากกกกกก”
“อร่อยกว่าที่ร้านหรือเปล่า”
“สู้ร้านเราไม่ได้หรอก” ‘เรา’ ของกุสุมาเต็มปากเต็มคำ ได้ใจสูรย์ไม่น้อยและตาปรือ ๆ ของเขาก็ทำให้กุสุมาอดเป็นห่วงไม่ได้
“ตาเยิ้มแล้ว เจ้านายเมาหรือเปล่า”
“เมาแล้วจะทำไม”
“ขับรถกลับบ้านอย่างไง”
“ขับเหมือนที่เคยขับ”
“ภาวนาให้เจอตำรวจเรียกเป่าเถอะ จะได้เข็ดหลาบกันซะมั่ง”
“ตัวเองเถอะ จะเที่ยงคืนอยู่แล้ว ยังไม่ถึงบ้านเลย แล้วจะไปไหนต่อหรือเปล่า”
“ไปส่งมัน แล้วก็กลับบ้าน”
“ดึก ๆ ดื่น ๆ นี่นะ”
“แม่ให้กลับก่อนเที่ยงคืน กลับแบบนี้บ่อย ๆ”
“ระวังเถอะ” สูรย์เตือน
“ตัวเองก็ระวังเถ้อะ” กุสุมาหาได้ยอมแพ้
เมื่อทรงฤทธิ์สั่งเช็คบิล กุสุมาก็ขยับเป้ที่วางอยู่กับพื้นข้างขาโต๊ะมาไว้บนตัก
“ไม่ต้องเลยไอ้ม่า มื้อนี้พี่เลี้ยง พี่รวยกว่า”
“ตลกตายละ”
“กลับบ้านดี ๆ พรุ่งนี้เจอกันนะน้อง ไปแต่เช้า ๆ ก็ดี พี่ยังไม่ได้ออกไซด์งาน” ทรงฤทธิ์บอกถมยา ซึ่งเป็นผู้ฟังที่ดี และระหว่างที่เคี้ยวข้าวนั้น ถมยาก็รู้สึกว่า ดวงตาของกุสุมาที่มองสูรย์นั้นเป็นสายตาของ สาว ที่เล่นหูเล่นตากับผู้ชาย และถึงมันจะไม่มาก แต่ถมยาก็รู้สึกว่าใบหน้าของกุสุมาแดงระเรื่อผิดที่เคยเห็น สูรย์เองเล่าดวงตานั้นก็เปิดเผยความรู้สึกจากข้างใน และเมื่อเห็นเพื่อนเป็นอย่างนี้ถมยาก็อดเป็นห่วงไม่ได้
“งั้นม่าไปก่อนนะ พี่ซ้ง ขอบคุณนะฮะ ไปถม อิ่มแล้วก็กลับบ้าน” ว่าแล้วกุสุมาก็ยืนขึ้น
“เจ้านายม่ากลับก่อนนะ ขับรถระวัง ๆ หน่อยนะ พรุ่งนี้เจอกัน ไปละ” ว่าแล้วกุสุมาก็หมุนตัวแล้วย่างก้าว แต่เดินไปได้ไม่ถึงสิบเมตร กุสุมาก็เสียหลักล้มไปข้างหน้าเพราะถูกขาข้างหนึ่งของผู้ชายโต๊ะนั้นจงใจยื่นมาขวางไว้
“ม่า” สูรย์ลุกขึ้นทันแล้วกรากไปหากุสุมาที่ล้มไปกับพื้นแต่ก็ช้ากว่าถมยาที่รีบเข้าประคอง
กุสุมาเองพอเงยหน้ามาก็เห็นว่าใครเป็นคนทำให้เธอล้ม อารมณ์ของกุสุมาก็เหมือนถูกไฟลน
“จับกบเหรอน้อง”
“ไอ้” กุสุมาชี้หน้า ดีแต่ว่าถมยารวบมือไว้
“ไอ้ม่าอย่า”
“เดินไม่ดูตาม้าตาเรือเลย จะขอโทษพี่สักคำก็ไม่มี”
“ใครกันแน่ที่ต้องขอโทษ” กุสุมาเสียงดัง ทรงฤทธิ์กับสูรย์เดินมาหาแตะแขนกุสุมาเบา ๆ
“ไป ๆ กลับบ้าน กลับบ้าน” ทรงฤทธิ์จับแขนกุสุมาแล้วดึงออกจากร้าน ถมยากับสูรย์เดินตาม สูรย์นั้นพยายามคุมสติตัวเอง เพราะเขาเองก็อยากตั้นหน้าพวกมันอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน แต่ว่าเขาก็ยังไม่เมาจนกระทั่งคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้
“ไอ้เหี้ย” กุสุมาสบถแรง ๆ เมื่อเร่งความเร็วรถพาถมยาออกมาจากหน้าร้านแล้ว
“พวกโต๊ะบอลที่มันเล่นกูแหละไอ้ม่า”
“เหรอวะ แม่ง มึงเย็นอยู่ได้อย่างไง ทำไมไม่หาทางเอาคืน”
“มึงไม่มาเป็นกู มึงไม่รู้หรอก”
“ตาต่อตาฟันต่อฟันโว้ย เป็นกู กูจะเผาสำนักงานแม่งมันเลย แจ้งความให้ตำรวจจับก็ได้ เผารถแม่งมันเลยก็ได้”
“เหอะ ใจเย็น ๆ ข้างหน้าไฟแดง” ถมยาพยายามปรับอารมณ์ของเพื่อน ซึ่งเขามั่นใจว่า น่าจะเป็นเพื่อนแท้ของเขา
เมื่อส่งถมยาแล้ว กุสุมาก็บิดรถกลับบ้าน และเมื่อเลี้ยวเข้าซอยมาได้สองร้อยเมตร กุสุมามองกระจกส่องหลังก็รู้สึกว่ามีรถยนต์ขับตาม กุสุมาตัดสินใจหันไปมอง และพอเห็นทะเบียนใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อครู่ก็เปลี่ยนเป็นร้อน ๆ หนาว ๆ ขึ้นมา จนกระทั่งรถถึงหน้าบ้าน รถของสูรย์ก็เข้ามาจอดประชิดก่อนจะเลื่อนกระจกลง แล้วยิ้มนิด ๆ ให้ ดวงตานั้นเล่าก็หวานฉ่ำจนกุสุมารู้สึกว่าหน้าตัวเองมีเลือดสูบฉีด
“ตามมาทำไม” กุสุมาเปิดหน้าหมวกกันน็อกแล้วร้องถาม และคำตอบสั้น ๆ ก็ทำใบหน้าของกุสุมาวูบ ๆ วาบ ๆ หนักขึ้น
“เป็นห่วง”
“ถึงบ้านแล้ว ปลอดภัยแล้ว”
“เปิดประตู เข็นรถเข้าบ้านสิ”
กุสุมาถอดหมวกกันนอก ตั้งรถ แล้วเดินไปยังประตูรั้ว ไขกุญแจรั้วแล้วเดินมาเกาะประตูรถของเขา
“ขอบคุณนะคะ”
“เมื่อกี้เจ็บไหม”
“เจ็บใจมากกว่า”
“ระวังตัวบ้างแล้วกัน สองรอบแล้วนะ”
“ไม่กลัวหรอก แต่ไม่ชอบที่มันลอบกัดแบบนี้”
“สู้กับพวกหน้าตัวเมียน่ะ สู้ซึ่ง ๆ หน้าไม่ได้หรอก ระวัง ๆ ตัวหน่อยแล้วกัน ไป เข้าบ้าน อาบน้ำนอนดึกแล้ว พรุ่งนี้ต้องไปทำงานอีก”
“พรุ่งนี้วันหยุดม่า”
“เหรอ..ใช่เหรอ ยังทำงานไม่ครบเจ็ดวันเลย”
“ลาป่วย ไม่ ซะ บายยยยย”
“ไม่อ นุ ญาตตตตต... ไป ๆ เข้าบ้าน นอน ๆ”
“ฝันดีนะ นอนห่มผ้าด้วยละ” รู้สึกว่าเขินจนทนไม่ไหวกุสุมาก็รีบหันหลังแล้วเดินไปเข็นรถเข้าบ้านตั้งรถแล้วก็เดินมาปิดประตูรั้วลงล็อคก่อนจะยืนมองรถของสูรย์ที่แล่นตรงไปข้างหน้า
พอมาทำงานแล้วไม่เห็นสูรย์กุสุมาก็รู้สึกว่าการรอคอยที่จะให้ได้เห็นหน้าของเขามันยาวนานเหลือเกิน และเมื่องานในส่วนของตนเสร็จเรียบร้อย กอรปกับยังไม่มีลูกค้าเข้ามา กุสุมาจึงดึงโทรศัพท์ออกมาเล่น เข้าเว็บไซด์ก่อนจะพิมพ์คำว่า ‘ครัวอิ่มสุข’ และเธอก็เพิ่งรู้ว่าร้านนี้มีเว็บไซด์ กุสุมาเข้าไปคลิก ๆ อ่าน เห็นรูปเจ้าของร้านแล้วก็อมยิ้ม จนกระทั่ง โทรศัพท์ในมือของเธอดังขึ้น
“น้าอ้อย”
“ม่า สงกรานต์น้าจะกลับบ้านนะ”
“กลับมาทำไม ไหนว่าอีกหลายเดือน”
“เรื่องของอ๊อดเรียบร้อยแล้ว จะไปรับมาเลย ส่วนเรื่องของเรา เอกสารได้แล้ว เดี๋ยวน้าจะกลับไปวิ่งเต้นเอง แล้วเราเป็นไงมั่ง แม่บอกว่าไปเรียนทำอาหารไม่ใช่เหรอ แต่ไม่ได้ไปเรียนกับโรงเรียนนี่ ทำไมเป็นอย่างนั้นละ ตอนนี้มีเวลาน้อยแล้วนะ ไปเรียนจากโรงเรียนไปเลย ไม่ต้องเสียเวลาหรอก แต่ว่าไม่มีความรู้อะไรก็ไม่เป็นไรหรอกนะม่า มาที่นี่ ก็ทำนั่นทำนี่ช่วย ๆ กันเดี๋ยวก็เป็นเอง โอเคน่ะ ช่วงสงกรานต์น้ากลับบ้านคิดถึงยาย คิดถึงอ๊อด แล้วเจอกันละ..แค่นี้ก่อนนะ”
น้าอ้อยพูดอยู่คนเดียวตามเคย และก็วางสายไปโดยที่เธอยังไม่ได้พูดอะไรเหมือนเดิม
..กุสุมาถอนหายใจออกมาเบา ๆ เมื่อนึกถึงอนาคตของตัวเองที่จะต้องถูกน้าอ้อยเป็นผู้กำหนด กับนึกถึงวันเวลาที่จะต้องไปจากที่นี่..
“เป็นอะไรไอ้ม่า หน้าตาเอ็ง” วิชาญเดินเข้าหาพลางทรุดตัวลงนั่งตรงกันข้าม
“มีเรื่องอะไรไม่สบายใจ”
“คุณสูรย์ไปไหนไม่เห็นเข้าร้านสักที”
“หายใจเข้าออกเป็นคุณสูรย์เลยนะ”
“มีเรื่องจะคุยกับเขาน่ะ เรื่องสำคัญด้วย”
“ทำไมมีอะไรเหรอ”
“น้าอ้อยเลื่อนกำหนดเดินทาง ตอนแรกว่าจะเป็นสามเดือนตอนนี้ไม่ถึงแล้ว”
“เอ็งโชคดีมีน้าอยู่เมืองนอก”
“แกอยากไปเมืองนอกใช่ไหม”
“ก็..นะ คนเรา อะไรที่ยังไม่เคยเห็นเคยรู้ก็อยากเห็นอยากรู้”
“ก็ให้ข้าไปก่อน ถ้ามีช่องทาง แล้วจะบอก แต่แกเรียนให้จบตรีก่อนเถอะ”
“จริง ๆ นะม่า” อารามดีใจทำให้วิชาญยกมือทั้งสองข้างของกุสุมาขึ้นมาเขย่าเอาสัญญา และคนอย่างกุสุมานั้น ‘สัญญาต้องเป็นสัญญา’
“จริง คนดี ๆ อย่างเอ็ง มันน่าช่วย”
“ขอบใจเอ็งมากนะม่า ออสเตรเลียใช่ไหม เดี๋ยวข้าจะรีบไปหาข้อมูลมาเก็บไว้ จะได้สร้างเส้นทางฝัน”
วิชาญยิ้มเหมือนวีซ่าผ่านและมีตัวเครื่องบินวางอยู่ตรงหน้าแล้ว กุสุมาก็เลยขำเพื่อน แต่ว่าคนที่หงุดหงิดกับละครฉากนี้ ไม่ใช่มีแค่ กิ๊บซี่ ปลา แต่ว่าเป็นสูรย์อีกคนที่เพิ่งเดินมาถึง..
สูรย์เงยหน้าเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู แล้วพอเขาอนุญาตใบหน้าขาว ๆ ในกรอบผมสั้นสีดำก็โผล่มา สูรย์แสร้งก้มหน้าทำงาน อยากจะรู้เหมือนกันว่า วันนี้ไอ้ม่าของไอ้ซ้งจะมีอะไรมาทำให้เขายุ่งยากใจอีก
“เจ้านาย” กุสุมาทรุดตัวลงนั่งแล้วเอ่ยเรียกเขาเบา ๆ
“มีอะไร”
“งานยุ่งมากเลยเหรอ...เงยหน้าคุยกันหน่อยสิ”
“มีอะไรละ ก้มหรือเงยก็คุยกันได้” สูรย์ยังคงเขียนตัวเลขในสมุดบัญชีตรงหน้า มองกระดาษแผ่นนั้นทีแผ่นนี้ที เหมือนว่ากำลังต้องใช้สมาธิเป็นอย่างมาก
“ไม่เห็นหน้าไม่เห็นตาคุยไม่สนุก”
สูรย์เงยหน้าแล้วยกมือกอดอก แต่ที่ทำให้กุสุมารู้สึกประหลาดใจนั่นก็คือวันนี้เขาใส่แว่นตา
“สายตาสั้นเหรอ”
“มีอะไรก็พูดมา เวลาเป็นเงินเป็นทอง” เขาทำเสียงรำคาญ
“น้าอ้อยโทรมา
“จะไปแล้วสิ”
“ยังหรอก มาเที่ยวน่ะ แต่ว่ากำหนดเดินทางอาจจะเร็วกว่าเดิม..คือม่าว่าม่าไปอยู่ในครัวได้แล้วมั้ง เวลามันจำกัดนะ”
เวลาจำกัด เวลามีน้อยลง มันกำลังจะไป วิธีทอดเสียงของกุสุมาไม่แตกต่างจากน้ำเสียงของวรรณพรในวันนั้นเลยสักนิด ค่อย ๆ พูด พูดเพื่อให้เขาค่อย ๆ คลาย.. สูรย์สูดลมหายใจเข้าปอด พยายามตัดใจที่เริ่มวอกแวกไปหาไอ้เด็กหน้าขาว ๆ แต่ว่ายิ่งรับรู้ว่าเวลาเหลือน้อย ใจของเขาก็แกว่งอย่างแรง..
จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 เม.ย. 2554, 00:08:34 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 พ.ค. 2554, 12:00:43 น.
จำนวนการเข้าชม : 3041
<< 8.ยังไม่รัก แต่หึง.. | 10. ง่วงนอนมากกกกกก >> |
จุฬามณีเฟื่องนคร 11 เม.ย. 2554, 00:11:21 น.
สัญญาว่าจะมาวันจันทร์ มาถึงวันจันทร์(วันพระด้วย) ก็รีบมาทันที และอาจจะมีพิเศษด้วยครับ...เอาเป็นว่า ขอสิบเม้นท์แล้วกัน จะมาอีกตอน ฉลองสงกรานต์..
ขอบคุณจากทุก ๆ แรงใจนะครับ
เดี๋ยวอีกสองสามตอนข้างหน้า ไอ้ม่าเราจะมีพวกมาฮาอีกไม่น้อยครับ..
สัญญาว่าจะมาวันจันทร์ มาถึงวันจันทร์(วันพระด้วย) ก็รีบมาทันที และอาจจะมีพิเศษด้วยครับ...เอาเป็นว่า ขอสิบเม้นท์แล้วกัน จะมาอีกตอน ฉลองสงกรานต์..
ขอบคุณจากทุก ๆ แรงใจนะครับ
เดี๋ยวอีกสองสามตอนข้างหน้า ไอ้ม่าเราจะมีพวกมาฮาอีกไม่น้อยครับ..
mottanoy 11 เม.ย. 2554, 00:28:05 น.
งั้นจัดไปเลยหนึ่งเมนท์ นับเมนท์ข้างบนด้วยป่าวคะ
เวลามันสั้นแล้วคุณสูรย์จะทำคะแนนทันเหรอคะ
งั้นจัดไปเลยหนึ่งเมนท์ นับเมนท์ข้างบนด้วยป่าวคะ
เวลามันสั้นแล้วคุณสูรย์จะทำคะแนนทันเหรอคะ
หมูบิน 11 เม.ย. 2554, 00:38:57 น.
เม้นท์ที่สองค่าาาาา สนุกมากๆ
เม้นท์ที่สองค่าาาาา สนุกมากๆ
Kookkea 11 เม.ย. 2554, 00:54:58 น.
มารอตลอดเลยค่ะ
มารอตลอดเลยค่ะ
จุฬามณีเฟื่องนคร 11 เม.ย. 2554, 00:58:28 น.
เม้นท์แรกกับเม้นท์นี้ไม่นับครับ ...แหม ๆ..คุณสูรย์ทำคะแนนทันแน่นอนครับ ผู้ใหญ่เจ้าเล่ห์มีรึเด็กไร้เดียงสาจะหนีรอด..คริคริ
เม้นท์แรกกับเม้นท์นี้ไม่นับครับ ...แหม ๆ..คุณสูรย์ทำคะแนนทันแน่นอนครับ ผู้ใหญ่เจ้าเล่ห์มีรึเด็กไร้เดียงสาจะหนีรอด..คริคริ
เจ้าหญิงสุเอะ 11 เม.ย. 2554, 01:05:22 น.
เม้นที่สาม ตั้งหน้าตั้งตาริ
เม้นที่สาม ตั้งหน้าตั้งตาริ
ณิณ 11 เม.ย. 2554, 01:29:27 น.
เม้นที่ ห้า ช่วยกานทำคะแนนนน555
เม้นที่ ห้า ช่วยกานทำคะแนนนน555
จุฬามณีเฟื่องนคร 11 เม.ย. 2554, 01:37:32 น.
จะตีสองแล้วไม่ยอมหลับไม่ยอมนอนกัน ..คริคริ
จะตีสองแล้วไม่ยอมหลับไม่ยอมนอนกัน ..คริคริ
ก้อนอิฐ 11 เม.ย. 2554, 01:42:01 น.
โอ๊ย...ไหนคะ...ยังไม่เห็นลุงสูรย์เจ้าเล่ห์เลย
แสดงความเจ้าเล่ห์ มาเลยค่ะ...รอจับอยู่
คิคิ
โอ๊ย...ไหนคะ...ยังไม่เห็นลุงสูรย์เจ้าเล่ห์เลย
แสดงความเจ้าเล่ห์ มาเลยค่ะ...รอจับอยู่
คิคิ
จุฬามณีเฟื่องนคร 11 เม.ย. 2554, 01:45:06 น.
อีกสามเม้นท์นะ ให้เวลาถึง ตีสองครึ่ง..เฟื่อง ง่วงนอนจะแย่แล้ว..
อีกสามเม้นท์นะ ให้เวลาถึง ตีสองครึ่ง..เฟื่อง ง่วงนอนจะแย่แล้ว..
สิริกมล 11 เม.ย. 2554, 01:56:52 น.
จัดด่วนไปอีกหนึ่งเมนต์ :-)
จัดด่วนไปอีกหนึ่งเมนต์ :-)
จุฬามณีเฟื่องนคร 11 เม.ย. 2554, 01:58:43 น.
ยอมแพ้แล้วครับ ตามอ่านตอนที่ 10 ได้เลย พรุ่งนี้เช้า เจอกันอีกตอน ...zZZZZZZZZZZZZZZZZZZZZZZZZคร็อก..((เป็นโรคอะไรไม่รู้อ่ะ ถ้าง่วงจะฝืนตัวเองไม่ไหวเลย..รักษาสุขภาพกันด้วยนะครับ..
ยอมแพ้แล้วครับ ตามอ่านตอนที่ 10 ได้เลย พรุ่งนี้เช้า เจอกันอีกตอน ...zZZZZZZZZZZZZZZZZZZZZZZZZคร็อก..((เป็นโรคอะไรไม่รู้อ่ะ ถ้าง่วงจะฝืนตัวเองไม่ไหวเลย..รักษาสุขภาพกันด้วยนะครับ..