กุหลาบซ่อนกลิ่น (จบแล้ว)
นางเอกโตมาในไซด์งานก่อสร้าง ที่นั่นทำให้เธอรู้ว่า การแสดงตัวว่าเป็นหญิงเป็นเรื่องอันตราย ดังนั้นนางเอกจึงเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตัวเอง จนใคร ๆ มองว่าเป็นทอม แต่แท้จริงแล้ว เธอก็คือผู้หญิงคนหนึ่ง ที่มีรัก..และรักของเธอก็เป็นรักที่มีเวลามาเป็นตัวกำหนด....


Tags: โรแมนติก..

ตอน: 9. เหมือนจะรู้ใจตัวเองแล้ว..

9.

อรพิมมองร่างบอบบางในชุดเสื้อเชิ้ตคอปกสีเขียวกระโปรงสั้นสีดำเหนือเข่าและรองเท้าผ้าใบสีดำ ซึ่งกำลังบริการตักข้าวในโถให้ลูกค้าด้วยท่าทางกระฉับกระเฉงและใบหน้ามีรอยยิ้มสดชื่นก็พอเข้าใจได้ทันทีว่าทำไมสูรย์ถึงได้ดูพออกพอใจแม่ดอกไม้ซ่อนรูปซ่อนกลิ่นดอกนี้..

แม้จะดูเหมือนทอมบอย แต่อรพิมก็ยังรู้สึกว่ากุสุมาเป็นเพียงผู้หญิงห้าว ๆ ตรง ๆ แข็ง ๆ คนหนึ่งเท่านั้น เพราะเนื้อตัวของกุสุมาไม่ได้มีมัดกล้าม ไขมัน หรือปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้มีรูปร่างท้วมเหมือนทอมส่วนใหญ่ที่ตนเคยเห็น และถ้าไม่ได้เสื้อผ้าช่วยอำพรางก็จะดูสะโอดสะองอยู่ไม่น้อย

พอมองไปนาน ๆ อรพิมก็ยิ้มนิด ๆ ที่มุมปากก่อนจะเดินรี่ไปหาโต๊ะที่สี่สาวนั่งอยู่

“เราก็นึกว่าใครมองอยู่ตั้งนาน” อรพิมทักทายเพื่อนร่วมชั้นเรียนมหาวิทยาลัยที่แยกย้ายกันไปทำงาน ซึ่งเพื่อนกลุ่มนี้ ไม่ใช่เพื่อนสนิทกันนัก แต่อรพิมก็จำต้องเข้าไปปรากฏตัว

“พิมใช่ไหม”

“ใช่ มากันสี่คนเหรอ อาหารได้ครบหรือยัง”

“ตัวมากับใคร”

“ร้านแฟนเรา มาช่วยเขาดูแล” อรพิมพูดเต็มปากเต็มคำ กุสุมาที่กำลังรินน้ำลงแก้วชะงักมือแต่ก็ตั้งสติทัน หลังจากวางขวดน้ำแล้วกุสุมาก็ขยับไปยืนข้าง ๆ พลางปลายตาดูกิริยาผู้หญิงของสูรย์ที่กำลังตีบทเมียเจ้าของร้านให้เพื่อน ๆ ของตนเองดู กุสุมาแอบเบ้หน้า เพราะเดาออกว่า อรพิมออกมา ‘โอ่’ ทำไม และลึก ๆ กุสุมาก็รู้สึกอนาจใจกับอรพิม ซึ่งน่าจะรู้ทั้งรู้ว่าผู้ชายไม่เล่นด้วย ก็ยังไม่ยอมถอย และกุสุมาก็ต้องรีบเม้มปากเมื่อเหลือตาไปเห็นว่า อรพิมนั้นปลายตามองมาเห็นเธอตอนทำเบ้ปาก สายตาอรพิมวาวเข้าใส่กุสุมาก็เลยตั้งใจว่าจะเลี่ยงไปดูโต๊ะอื่น แต่ว่าอรพิมก็เรียกไว้

“นี่ ขอเก้าอี้ให้ฉันด้วย” อรพิมสั่ง กุสุมาเลิกคิ้ว ก่อนจะเดินเนือย ๆ ไปหาเก้าอี้ว่างที่อยู่โต๊ะอื่นมาให้ และเมื่อยกกึ่งลากเก้าอี้มาแล้ว หูของกุสุมาก็ได้ยินว่า

“เด็กร้านนี้ต้องกระตุ้นด้วยเสียง พูดเบา ๆ ไม่ค่อยได้ยินหรอก..หาวิธีอู้งานน่ะ”

“เก้าอี้ได้แล้วฮะ” กุสุมาแสดงความเป็นทอมเต็มตัว เพราะก่อนหน้านั้นสาว ๆ กลุ่มนี้หยอกเอินเธออยู่ และเธอก็ “ฮะฮะ” แบบ ‘ทัดดาว บุษยา’ เพื่อสร้างความครื้นเครงแต่ว่าอรพิมคงไม่เคยดูละครเรื่องนี้แน่ ๆ

“ฮะได้ไง ต้องคะสิ”

“ฮะ” กุสุมาแสร้งรวน

“ขยับหน่อยฮะจะได้วางเก้าอี้ให้”

อรพิมขยับไปทางซ้าย กุสุมาก็เลยยกเก้าอี้ไปวางแทนก่อนจะลูบพื้นไม้เงางามนั้นเป็นการบ่งบอกให้อรพิมรู้ว่า ‘นั่งได้แล้ว ฮะ..’

เมื่อนั่งแล้ว อรพิมชวนเพื่อนคุยพลางมองอาหารบนโต๊ะโดยมีน้ำลายสอ แต่ว่าก็บอกกับเพื่อน ๆ ไปแล้วว่าจะรอกินข้าวเย็นพร้อมกับสูรย์ ดังนั้น อรพิมจึงได้แต่นั่งเกร็งไม่ให้ท้องร้อง โดยสายตาก็พยายามมองหาสูรย์ไปด้วย และเมื่อมองไม่เห็นสูรย์ อรพิมจำต้องเบ่งกับคนงานอีกครั้ง..

“นี่ ๆ นี่ ๆ เธอ ๆ”

กุสุมาหันมาเมื่อมั่นใจว่าอรพิมเรียกตนเองแน่ ๆ

“คุณสูรย์ไปไหนอ่ะ เห็นบ้างไหม”

“ขับรถออกไปแล้วฮะ ไม่รู้เหมือนกันว่าไปไหน..ไปตั้งนานแล้วฮะ”



กุสุมาแปลกใจเมื่อเลิกงานแล้วพบถมยามานั่งรออยู่บนเบาะรถมอเตอร์ไซค์ของตัวเอง พนักงานคนอื่น ๆ ก็มอง ๆ ถมยาที่อยู่ในชุดกางเกงยีนเสื้อยืดรองเท้าแตะหูคีบ ก่อนจะคว้ามอเตอร์ไซค์ของตนขับออกจากร้าน

“มีอะไรรึ”

“มาขอบใจมึงนะสิ”

“อืม อย่าพลาดอีกแล้วกัน”

“ไม่มีแล้ว เข็ดว่ะ..ขอบใจมึงจริง ๆ นะม่า มีอะไรให้กูตอบแทน มึงบอกกูเลยนะ”

“มึงเมาหรือเปล่าไอ้ถม”

“อีบ้า กูสำนึกได้แล้ว เดี๋ยวกูทำงาน กูจะรีบใช้หนี้คุณสูรย์เขานะ มึงจะได้ไม่ต้องมาเป็นคนค้ำประกัน”

“อืม..ดีมาก แล้วมึงมาอย่างไง”

“นั่งรถเมล์มา..แต่มึงต้องกลับไปส่งกู”

“หาเรื่องให้กูเดือดร้อนจริง ๆ หมวกกูก็มีใบเดียว ตำรวจจับ มึงจ่ายนะ”

“มึงจะพูดให้มันได้ร้ายทำไม ซอกแซกซิวะ ว่าแต่มึงกินข้าวหรือยัง”

“กินแล้ว มึงละ กินข้าวเย็นหรือยัง” คำตอบของถมยาคือ ส่ายหน้า



แรกทีเดียวกุสุมาตั้งใจจะพาถมยาไปกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อน้ำตกเจ้าประจำ ซึ่งเธอกับเพื่อน ๆ จะมาฝากท้องหลังจากเตร็ดเตร่ด้วยกันจนค่ำ พอกินอิ่มแล้วต่างก็แยกย้ายบ้านใครบ้านมัน แต่วันนี้หลังจากซอกแซกพาถมยากลับหอพัก กุสุมาก็เบรกรถจนร่างถมยาไถลมาชิดหลังตัวเองที่มีกระเป๋าเป้กันไว้

“อะไรไอ้ม่า”

“ลงร้านนี้แหละ” ร้านนี้ คือกุสุมาเห็นว่ามีรถของสูรย์ที่หนีออกไปจากร้านตั้งแต่เย็นจอดอยู่ และถ้าเดาไม่ผิด เขาอาจจะมากับพี่ซ้ง และถ้าเป็นอย่างนั้น บางทีมื้อนี้ เธออาจจะไม่ต้องเสียเงินเลี้ยงถมยา เพียงแต่ตากหน้าแล้วก็ใช้วิชา ‘ชะเลีย’ ประจบประแจงคนนั่งอยู่หัวโต๊ะสักหน่อย

และพอกวาดตามองไปรอบ ๆ ร้าน กุสุมาก็ต้องยิ้มเผล่เมื่อเห็นสูรย์นั่งอยู่กับทรงฤทธิ์และเขาก็เหลือบตามาเห็นเธอก็ถมยาพอดี กุสุมาจึงรีบยกมือทักทายพลางยิ้ม สูรย์ปั้นหน้านิ่ง ๆ ให้ ทรงฤทธิ์จึงหันหลังมามอง แค่นี้กุสุมาก็มั่นได้ว่า คนในโต๊ะนั้นเต็มใจต้อนรับเธอกับถมยา

เมื่อเดินเข้าไปถึงโต๊ะ ถมยายกมือไหว้สูรย์และเลยไปไหว้เพื่อนของสูรย์ที่นั่งอยู่ด้วย

“คนนี้ไง” สูรย์แนะนำถมยาให้ทรงฤทธิ์รู้จักสั้น ๆ นั่นก็แสดงว่าระหว่างที่กุสุมากับถมยาเดินไปนั้น
ทั้งคู่ถูกเอ่ยถึงไปแล้วแน่นอน

“อืม พรุ่งนี้ไปสมัครงานได้แล้วมั้ง”

“ครับ..”

“นั่งกันก่อนสิ” สูรย์ที่มีตาเยิ้มเชื้อเชิญ กุสุมาก็เลยทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ ทรงฤทธิ์แต่ว่าเก้าอี้ตัวนั้นอยู่ตรงกันข้ามกับเขา ส่วนถมยาก็เดินอ้อมไปนั่งข้าง ๆ สูรย์ พอนั่งแล้วกุสุมาก็สำรวจเป็นโต๊ะอาหารของร้านข้าวต้มโต้รุ่งทันที อาหารในครัวอิ่มสุขดีกว่าแน่นอน แต่ว่ามันคนละอารมณ์ กุสุมาเดาว่า ถ้าสูรย์นั่งดื่มเบียร์อยู่ในร้าน มันก็จะดูไม่ดี แต่พอออกมานั่งในร้านนี้ เขาก็พับแขนเสื้อขึ้น แถมปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีดำลายขาวลงมาอีกสองเม็ดจนกระทั่งเห็นไขขนที่หน้าอก ดูสบาย ๆ แต่กุสุมาก็ไม่กล้ามองที่หน้าอกของเขาให้นานกว่านั้น..

“กินอะไรกัน” ทรงฤทธิ์เอ่ยถาม

“พี่กินอะไรม่าก็กินด้วย”

“แล้วก็ให้พี่เลี้ยง”

“งั้นม่ากับไอ้ถมขอข้าวผัดคนจานก็ได้” กุสุมาแสร้งทำเป็นเกรงใจ

“เบียร์สักหน่อยไหม” สูรย์ถามด้วยใบหน้าไม่สื่ออารมณ์ใด ๆ กุสุมาก็เลยส่ายหน้าแต่ดวงตาก็ยัง ยิ้ม ๆ อยู่กับหน้านิ่ง ๆ ของเขา และกุสุมาก็เห็นว่าเขาแอบยิ้มนิด ๆก่อนจะยกเบียร์ขึ้นดื่ม

“น้องขอจานเปล่ากับแก้วน้ำด้วยนะ” ทรงฤทธิ์ตะโกนบอกเด็ดเสิร์ฟในร้านที่มีไม่กี่คนและก็ดูยุ่งเป็นอย่างมาก

“ดื่มเนื่องในโอกาสอะไรกัน” ถามยังไม่ทันมีใครตอบ กุสุมาก็ต่อทันที “ฉลองหนีหญิงได้ใช่ป่ะ”

“อย่าจุ้น” สูรย์ว่าให้

“เช้าคน เย็นคนเสน่ห์แรง ๆ จริง ๆ เล้ย” กุสุมาเปรยออกมาโดยดวงตานั้นก็มองหน้าของทรงฤทธิ์เพราะถ้ามองสูรย์ เธอจะได้เห็นตาวาว ๆ ของเขาแน่ ๆ

“แต่ว่าก็ วิ่งหนีหมด ชักน่าสงสัย” ปากพูดไปตาก็จ้องตาของทรงฤทธิ์ไปด้วย

“หาเรื่องจ่ายเงินค่าข้าวเองอีกแล้วไอ้ม่า” ทรงฤทธิ์ว่าให้

“ม่าขอข้าวผัดสองจานนะ อิ่มแล้วก็จะกลับบ้าน จริง ๆ ว่าจะไปกินก๋วยเตี๋ยวกัน แต่ว่า เจอเจ้ามือก็เลย แวะหน่อย”

“สักหน่อยไหม” พอเด็กเสิร์ฟถือจานเปล่าช้อนส้อมและแก้วน้ำมา ทรงฤทธิ์ก็คว้าขวดเบียร์พลางถาม

“ไม่เอาหรอกพี่ ถมยาก็ไม่กิน มันสัญญาว่าจะเลิกเหล้าด้วย”

“กูพูดอย่างนั้นหรือวะ”

“เอ่อ เลิก ๆ ไปเหอะ ไม่มีอะไรดีหรอก”

“งั้นก็กินข้าวกับกับแกล้มนี่แหละ ไม่ต้องกินข้าวผัดหรอก เอ้า น้อง ขอข้าวเปล่าสองจานด้วยนะ พอไหมถมยา” ทรงฤทธิ์จัดแจงสรุป



หลังจากเห็นกุสุมาจ้วงไส้ตันทอดกระเทียม ต้มยำปลาช่อน ผัดพริกปลาดุกทอดกรอบ แกงเผ็ดเป็ดย่าง สูรย์ก็เอ่ยหยอกเจ้าหล่อนว่า “ซ้ง กูว่า ให้กินข้าวผัดจะประหยัดตังค์กว่าว่ะ”

“แหม ก็ของเขาอร่อย อร่อยมากกกกกก”

“อร่อยกว่าที่ร้านหรือเปล่า”

“สู้ร้านเราไม่ได้หรอก” ‘เรา’ ของกุสุมาเต็มปากเต็มคำ ได้ใจสูรย์ไม่น้อยและตาปรือ ๆ ของเขาก็ทำให้กุสุมาอดเป็นห่วงไม่ได้

“ตาเยิ้มแล้ว เจ้านายเมาหรือเปล่า”

“เมาแล้วจะทำไม”

“ขับรถกลับบ้านอย่างไง”

“ขับเหมือนที่เคยขับ”

“ภาวนาให้เจอตำรวจเรียกเป่าเถอะ จะได้เข็ดหลาบกันซะมั่ง”

“ตัวเองเถอะ จะเที่ยงคืนอยู่แล้ว ยังไม่ถึงบ้านเลย แล้วจะไปไหนต่อหรือเปล่า”

“ไปส่งมัน แล้วก็กลับบ้าน”

“ดึก ๆ ดื่น ๆ นี่นะ”

“แม่ให้กลับก่อนเที่ยงคืน กลับแบบนี้บ่อย ๆ”

“ระวังเถอะ” สูรย์เตือน

“ตัวเองก็ระวังเถ้อะ” กุสุมาหาได้ยอมแพ้




เมื่อทรงฤทธิ์สั่งเช็คบิล กุสุมาก็ขยับเป้ที่วางอยู่กับพื้นข้างขาโต๊ะมาไว้บนตัก

“ไม่ต้องเลยไอ้ม่า มื้อนี้พี่เลี้ยง พี่รวยกว่า”

“ตลกตายละ”

“กลับบ้านดี ๆ พรุ่งนี้เจอกันนะน้อง ไปแต่เช้า ๆ ก็ดี พี่ยังไม่ได้ออกไซด์งาน” ทรงฤทธิ์บอกถมยา ซึ่งเป็นผู้ฟังที่ดี และระหว่างที่เคี้ยวข้าวนั้น ถมยาก็รู้สึกว่า ดวงตาของกุสุมาที่มองสูรย์นั้นเป็นสายตาของ สาว ที่เล่นหูเล่นตากับผู้ชาย และถึงมันจะไม่มาก แต่ถมยาก็รู้สึกว่าใบหน้าของกุสุมาแดงระเรื่อผิดที่เคยเห็น สูรย์เองเล่าดวงตานั้นก็เปิดเผยความรู้สึกจากข้างใน และเมื่อเห็นเพื่อนเป็นอย่างนี้ถมยาก็อดเป็นห่วงไม่ได้

“งั้นม่าไปก่อนนะ พี่ซ้ง ขอบคุณนะฮะ ไปถม อิ่มแล้วก็กลับบ้าน” ว่าแล้วกุสุมาก็ยืนขึ้น

“เจ้านายม่ากลับก่อนนะ ขับรถระวัง ๆ หน่อยนะ พรุ่งนี้เจอกัน ไปละ” ว่าแล้วกุสุมาก็หมุนตัวแล้วย่างก้าว แต่เดินไปได้ไม่ถึงสิบเมตร กุสุมาก็เสียหลักล้มไปข้างหน้าเพราะถูกขาข้างหนึ่งของผู้ชายโต๊ะนั้นจงใจยื่นมาขวางไว้

“ม่า” สูรย์ลุกขึ้นทันแล้วกรากไปหากุสุมาที่ล้มไปกับพื้นแต่ก็ช้ากว่าถมยาที่รีบเข้าประคอง

กุสุมาเองพอเงยหน้ามาก็เห็นว่าใครเป็นคนทำให้เธอล้ม อารมณ์ของกุสุมาก็เหมือนถูกไฟลน

“จับกบเหรอน้อง”

“ไอ้” กุสุมาชี้หน้า ดีแต่ว่าถมยารวบมือไว้

“ไอ้ม่าอย่า”

“เดินไม่ดูตาม้าตาเรือเลย จะขอโทษพี่สักคำก็ไม่มี”

“ใครกันแน่ที่ต้องขอโทษ” กุสุมาเสียงดัง ทรงฤทธิ์กับสูรย์เดินมาหาแตะแขนกุสุมาเบา ๆ

“ไป ๆ กลับบ้าน กลับบ้าน” ทรงฤทธิ์จับแขนกุสุมาแล้วดึงออกจากร้าน ถมยากับสูรย์เดินตาม สูรย์นั้นพยายามคุมสติตัวเอง เพราะเขาเองก็อยากตั้นหน้าพวกมันอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน แต่ว่าเขาก็ยังไม่เมาจนกระทั่งคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้



“ไอ้เหี้ย” กุสุมาสบถแรง ๆ เมื่อเร่งความเร็วรถพาถมยาออกมาจากหน้าร้านแล้ว

“พวกโต๊ะบอลที่มันเล่นกูแหละไอ้ม่า”

“เหรอวะ แม่ง มึงเย็นอยู่ได้อย่างไง ทำไมไม่หาทางเอาคืน”

“มึงไม่มาเป็นกู มึงไม่รู้หรอก”

“ตาต่อตาฟันต่อฟันโว้ย เป็นกู กูจะเผาสำนักงานแม่งมันเลย แจ้งความให้ตำรวจจับก็ได้ เผารถแม่งมันเลยก็ได้”

“เหอะ ใจเย็น ๆ ข้างหน้าไฟแดง” ถมยาพยายามปรับอารมณ์ของเพื่อน ซึ่งเขามั่นใจว่า น่าจะเป็นเพื่อนแท้ของเขา



เมื่อส่งถมยาแล้ว กุสุมาก็บิดรถกลับบ้าน และเมื่อเลี้ยวเข้าซอยมาได้สองร้อยเมตร กุสุมามองกระจกส่องหลังก็รู้สึกว่ามีรถยนต์ขับตาม กุสุมาตัดสินใจหันไปมอง และพอเห็นทะเบียนใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อครู่ก็เปลี่ยนเป็นร้อน ๆ หนาว ๆ ขึ้นมา จนกระทั่งรถถึงหน้าบ้าน รถของสูรย์ก็เข้ามาจอดประชิดก่อนจะเลื่อนกระจกลง แล้วยิ้มนิด ๆ ให้ ดวงตานั้นเล่าก็หวานฉ่ำจนกุสุมารู้สึกว่าหน้าตัวเองมีเลือดสูบฉีด

“ตามมาทำไม” กุสุมาเปิดหน้าหมวกกันน็อกแล้วร้องถาม และคำตอบสั้น ๆ ก็ทำใบหน้าของกุสุมาวูบ ๆ วาบ ๆ หนักขึ้น

“เป็นห่วง”

“ถึงบ้านแล้ว ปลอดภัยแล้ว”

“เปิดประตู เข็นรถเข้าบ้านสิ”

กุสุมาถอดหมวกกันนอก ตั้งรถ แล้วเดินไปยังประตูรั้ว ไขกุญแจรั้วแล้วเดินมาเกาะประตูรถของเขา

“ขอบคุณนะคะ”

“เมื่อกี้เจ็บไหม”

“เจ็บใจมากกว่า”

“ระวังตัวบ้างแล้วกัน สองรอบแล้วนะ”

“ไม่กลัวหรอก แต่ไม่ชอบที่มันลอบกัดแบบนี้”

“สู้กับพวกหน้าตัวเมียน่ะ สู้ซึ่ง ๆ หน้าไม่ได้หรอก ระวัง ๆ ตัวหน่อยแล้วกัน ไป เข้าบ้าน อาบน้ำนอนดึกแล้ว พรุ่งนี้ต้องไปทำงานอีก”

“พรุ่งนี้วันหยุดม่า”

“เหรอ..ใช่เหรอ ยังทำงานไม่ครบเจ็ดวันเลย”

“ลาป่วย ไม่ ซะ บายยยยย”

“ไม่อ นุ ญาตตตตต... ไป ๆ เข้าบ้าน นอน ๆ”

“ฝันดีนะ นอนห่มผ้าด้วยละ” รู้สึกว่าเขินจนทนไม่ไหวกุสุมาก็รีบหันหลังแล้วเดินไปเข็นรถเข้าบ้านตั้งรถแล้วก็เดินมาปิดประตูรั้วลงล็อคก่อนจะยืนมองรถของสูรย์ที่แล่นตรงไปข้างหน้า



พอมาทำงานแล้วไม่เห็นสูรย์กุสุมาก็รู้สึกว่าการรอคอยที่จะให้ได้เห็นหน้าของเขามันยาวนานเหลือเกิน และเมื่องานในส่วนของตนเสร็จเรียบร้อย กอรปกับยังไม่มีลูกค้าเข้ามา กุสุมาจึงดึงโทรศัพท์ออกมาเล่น เข้าเว็บไซด์ก่อนจะพิมพ์คำว่า ‘ครัวอิ่มสุข’ และเธอก็เพิ่งรู้ว่าร้านนี้มีเว็บไซด์ กุสุมาเข้าไปคลิก ๆ อ่าน เห็นรูปเจ้าของร้านแล้วก็อมยิ้ม จนกระทั่ง โทรศัพท์ในมือของเธอดังขึ้น

“น้าอ้อย”

“ม่า สงกรานต์น้าจะกลับบ้านนะ”

“กลับมาทำไม ไหนว่าอีกหลายเดือน”

“เรื่องของอ๊อดเรียบร้อยแล้ว จะไปรับมาเลย ส่วนเรื่องของเรา เอกสารได้แล้ว เดี๋ยวน้าจะกลับไปวิ่งเต้นเอง แล้วเราเป็นไงมั่ง แม่บอกว่าไปเรียนทำอาหารไม่ใช่เหรอ แต่ไม่ได้ไปเรียนกับโรงเรียนนี่ ทำไมเป็นอย่างนั้นละ ตอนนี้มีเวลาน้อยแล้วนะ ไปเรียนจากโรงเรียนไปเลย ไม่ต้องเสียเวลาหรอก แต่ว่าไม่มีความรู้อะไรก็ไม่เป็นไรหรอกนะม่า มาที่นี่ ก็ทำนั่นทำนี่ช่วย ๆ กันเดี๋ยวก็เป็นเอง โอเคน่ะ ช่วงสงกรานต์น้ากลับบ้านคิดถึงยาย คิดถึงอ๊อด แล้วเจอกันละ..แค่นี้ก่อนนะ”

น้าอ้อยพูดอยู่คนเดียวตามเคย และก็วางสายไปโดยที่เธอยังไม่ได้พูดอะไรเหมือนเดิม

..กุสุมาถอนหายใจออกมาเบา ๆ เมื่อนึกถึงอนาคตของตัวเองที่จะต้องถูกน้าอ้อยเป็นผู้กำหนด กับนึกถึงวันเวลาที่จะต้องไปจากที่นี่..

“เป็นอะไรไอ้ม่า หน้าตาเอ็ง” วิชาญเดินเข้าหาพลางทรุดตัวลงนั่งตรงกันข้าม

“มีเรื่องอะไรไม่สบายใจ”

“คุณสูรย์ไปไหนไม่เห็นเข้าร้านสักที”

“หายใจเข้าออกเป็นคุณสูรย์เลยนะ”

“มีเรื่องจะคุยกับเขาน่ะ เรื่องสำคัญด้วย”

“ทำไมมีอะไรเหรอ”

“น้าอ้อยเลื่อนกำหนดเดินทาง ตอนแรกว่าจะเป็นสามเดือนตอนนี้ไม่ถึงแล้ว”

“เอ็งโชคดีมีน้าอยู่เมืองนอก”

“แกอยากไปเมืองนอกใช่ไหม”

“ก็..นะ คนเรา อะไรที่ยังไม่เคยเห็นเคยรู้ก็อยากเห็นอยากรู้”

“ก็ให้ข้าไปก่อน ถ้ามีช่องทาง แล้วจะบอก แต่แกเรียนให้จบตรีก่อนเถอะ”

“จริง ๆ นะม่า” อารามดีใจทำให้วิชาญยกมือทั้งสองข้างของกุสุมาขึ้นมาเขย่าเอาสัญญา และคนอย่างกุสุมานั้น ‘สัญญาต้องเป็นสัญญา’

“จริง คนดี ๆ อย่างเอ็ง มันน่าช่วย”

“ขอบใจเอ็งมากนะม่า ออสเตรเลียใช่ไหม เดี๋ยวข้าจะรีบไปหาข้อมูลมาเก็บไว้ จะได้สร้างเส้นทางฝัน”

วิชาญยิ้มเหมือนวีซ่าผ่านและมีตัวเครื่องบินวางอยู่ตรงหน้าแล้ว กุสุมาก็เลยขำเพื่อน แต่ว่าคนที่หงุดหงิดกับละครฉากนี้ ไม่ใช่มีแค่ กิ๊บซี่ ปลา แต่ว่าเป็นสูรย์อีกคนที่เพิ่งเดินมาถึง..




สูรย์เงยหน้าเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู แล้วพอเขาอนุญาตใบหน้าขาว ๆ ในกรอบผมสั้นสีดำก็โผล่มา สูรย์แสร้งก้มหน้าทำงาน อยากจะรู้เหมือนกันว่า วันนี้ไอ้ม่าของไอ้ซ้งจะมีอะไรมาทำให้เขายุ่งยากใจอีก

“เจ้านาย” กุสุมาทรุดตัวลงนั่งแล้วเอ่ยเรียกเขาเบา ๆ

“มีอะไร”

“งานยุ่งมากเลยเหรอ...เงยหน้าคุยกันหน่อยสิ”

“มีอะไรละ ก้มหรือเงยก็คุยกันได้” สูรย์ยังคงเขียนตัวเลขในสมุดบัญชีตรงหน้า มองกระดาษแผ่นนั้นทีแผ่นนี้ที เหมือนว่ากำลังต้องใช้สมาธิเป็นอย่างมาก

“ไม่เห็นหน้าไม่เห็นตาคุยไม่สนุก”

สูรย์เงยหน้าแล้วยกมือกอดอก แต่ที่ทำให้กุสุมารู้สึกประหลาดใจนั่นก็คือวันนี้เขาใส่แว่นตา

“สายตาสั้นเหรอ”

“มีอะไรก็พูดมา เวลาเป็นเงินเป็นทอง” เขาทำเสียงรำคาญ

“น้าอ้อยโทรมา

“จะไปแล้วสิ”

“ยังหรอก มาเที่ยวน่ะ แต่ว่ากำหนดเดินทางอาจจะเร็วกว่าเดิม..คือม่าว่าม่าไปอยู่ในครัวได้แล้วมั้ง เวลามันจำกัดนะ”

เวลาจำกัด เวลามีน้อยลง มันกำลังจะไป วิธีทอดเสียงของกุสุมาไม่แตกต่างจากน้ำเสียงของวรรณพรในวันนั้นเลยสักนิด ค่อย ๆ พูด พูดเพื่อให้เขาค่อย ๆ คลาย.. สูรย์สูดลมหายใจเข้าปอด พยายามตัดใจที่เริ่มวอกแวกไปหาไอ้เด็กหน้าขาว ๆ แต่ว่ายิ่งรับรู้ว่าเวลาเหลือน้อย ใจของเขาก็แกว่งอย่างแรง..



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 เม.ย. 2554, 00:08:34 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 พ.ค. 2554, 12:00:43 น.

จำนวนการเข้าชม : 3041





<< 8.ยังไม่รัก แต่หึง..   10. ง่วงนอนมากกกกกก >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 11 เม.ย. 2554, 00:11:21 น.
สัญญาว่าจะมาวันจันทร์ มาถึงวันจันทร์(วันพระด้วย) ก็รีบมาทันที และอาจจะมีพิเศษด้วยครับ...เอาเป็นว่า ขอสิบเม้นท์แล้วกัน จะมาอีกตอน ฉลองสงกรานต์..

ขอบคุณจากทุก ๆ แรงใจนะครับ

เดี๋ยวอีกสองสามตอนข้างหน้า ไอ้ม่าเราจะมีพวกมาฮาอีกไม่น้อยครับ..


mottanoy 11 เม.ย. 2554, 00:28:05 น.
งั้นจัดไปเลยหนึ่งเมนท์ นับเมนท์ข้างบนด้วยป่าวคะ

เวลามันสั้นแล้วคุณสูรย์จะทำคะแนนทันเหรอคะ


หมูบิน 11 เม.ย. 2554, 00:38:57 น.
เม้นท์ที่สองค่าาาาา สนุกมากๆ


Kookkea 11 เม.ย. 2554, 00:54:58 น.
มารอตลอดเลยค่ะ


จุฬามณีเฟื่องนคร 11 เม.ย. 2554, 00:58:28 น.
เม้นท์แรกกับเม้นท์นี้ไม่นับครับ ...แหม ๆ..คุณสูรย์ทำคะแนนทันแน่นอนครับ ผู้ใหญ่เจ้าเล่ห์มีรึเด็กไร้เดียงสาจะหนีรอด..คริคริ


เจ้าหญิงสุเอะ 11 เม.ย. 2554, 01:05:22 น.
เม้นที่สาม ตั้งหน้าตั้งตาริ


ณิณ 11 เม.ย. 2554, 01:29:27 น.
เม้นที่ ห้า ช่วยกานทำคะแนนนน555


จุฬามณีเฟื่องนคร 11 เม.ย. 2554, 01:37:32 น.
จะตีสองแล้วไม่ยอมหลับไม่ยอมนอนกัน ..คริคริ


คิมหันตุ์ 11 เม.ย. 2554, 01:40:04 น.
โห...จัดไปอีกหนึ่งคอมเม้นท์จะ...อยากอ่านม๊าก
อิอิ


ก้อนอิฐ 11 เม.ย. 2554, 01:42:01 น.
โอ๊ย...ไหนคะ...ยังไม่เห็นลุงสูรย์เจ้าเล่ห์เลย

แสดงความเจ้าเล่ห์ มาเลยค่ะ...รอจับอยู่

คิคิ


จุฬามณีเฟื่องนคร 11 เม.ย. 2554, 01:45:06 น.
อีกสามเม้นท์นะ ให้เวลาถึง ตีสองครึ่ง..เฟื่อง ง่วงนอนจะแย่แล้ว..


สิริกมล 11 เม.ย. 2554, 01:56:52 น.
จัดด่วนไปอีกหนึ่งเมนต์ :-)


จุฬามณีเฟื่องนคร 11 เม.ย. 2554, 01:58:43 น.
ยอมแพ้แล้วครับ ตามอ่านตอนที่ 10 ได้เลย พรุ่งนี้เช้า เจอกันอีกตอน ...zZZZZZZZZZZZZZZZZZZZZZZZZคร็อก..((เป็นโรคอะไรไม่รู้อ่ะ ถ้าง่วงจะฝืนตัวเองไม่ไหวเลย..รักษาสุขภาพกันด้วยนะครับ..


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account