องค์การบริหารส่วนหัวใจ # เฟื่องนคร
ประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน นำมาซึ่งความสุข
Tags: โรแมนติก คอมาดี้

ตอน: 8. “หนูแพ้ไม่ได้หรอกคะ หนูต้องชนะเท่านั้น”

8.






ขณะนั่งรถกลับมาดวงเดือนก็เล่าจนน้ำลายแตกฟองว่า กว่าเธอจะได้เป็นแชมป์มหาวิทยาลัยกลับมาเธอต้องผ่านการฝึกฝนอย่างหนักหน่วงขนาดไหน ถูกเตะถูกถีบมากี่ครั้งกี่หนและตบท้ายด้วยว่า เมื่อกี้มีคนถือหางเธออยู่หลายคนถือว่าเล่นการพนันหรือเปล่า

เมื่อรถของคุณตำรวจถึงที่บ้าน ดวงเดือนก็ลงจากรถค้อมตัวร่ำลาก่อนก่อนจะเดินตัวลีบมาหาบรรดาหมู่ญาติที่นั่งหน้าสลอน เตรียมเล่นงานเธอ..

“แม่ ทำไมไม่รอให้หนูกลับมาด้วยล่ะคะ”

“ไปได้ ก็คงกลับได้..งามหน้าไหมล่ะทีนี้..ตบกันเรื่องอะไร อย่าบอกนะว่าเรื่องผู้ชาย..”

หญิงสาวปรายตามองไปรอบๆ พบคนเป็นน้า เป็นอา ทั้งเขยและสะใภ้ รวมถึงชั้นหลานอีกหลายคน..นึกอยากจะวิ่งไปกระโดดน้ำเสียจริง แต่คนอย่างดวงเดือนไม่มีวันจนมุมหรอก

“ก็มันนะซิ นังนารีมันบอกว่าอย่างหนูลงสมัครผู้ใหญ่ไปก็ไม่มีใครเลือก...มันบอกว่าถ้าพ่อหนูไม่ด่วนตายไป ก็ต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน ดีนะที่พ่อมาตายหนีอายไปซะก่อน..”

“มันพูดถึงขนาดนั้นเชียวรึ..”

“ใช่ หนูจะโกหกทำไม” โกหกชี้นำเรื่องไปเสียอีกทาง เพราะพอรู้ว่า ..ญาติทั้งหลายต้องมาห้ามเธอลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านเป็นแน่ และก็จริงดังคาด จึงเสริมต่อว่า “แล้วอย่างนี้ ยังจะห้ามไม่ให้หนูลงรับสมัครให้มันคิดว่าเรากลัวอย่างนั้นหรือคะ..”

บรรดาญาติๆ หันไปปรึกษากัน..

“ถึงหนูไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร มาคิดๆ ดูแล้ว อย่างน้อยหนูทำให้คู่แข่งปั่นป่วนได้ก็น่าจะดี..เพราะตัวแปรคือญาติฝ่ายเรา..อย่าลืมนะคะ ว่าแพ้กันเพียงแค่คะแนนเดียว ก็อดเป็นผู้ใหญ่บ้าน..หนูคงไม่ได้หรอกค่ะแค่สนุกๆ เท่านั้น..อีกอย่างหนูก็อยากทำอะไรให้พ่อภูมิใจบ้าง..” พูดแค่นั้นดวงเดือนก็ร้องไห้ออกมา

“พ่ออยากให้หนูรับราชการ ย่าก็รู้ แม่ก็รู้ แต่หนูเรียนไม่เก่ง..สอบที่ไหนก็ไม่ได้..แต่การลงครั้งนี้ถ้าคน
เลือกหนู หนูก็มีสิทธิ์แต่งชุดสีกากี..รึถ้าแพ้ หนูก็ยังภูมิใจว่าได้ทำอะไรเพื่อรักษาเกียรติของพ่อไว้บ้าง”

เมื่อจำนนต่อเหตุผล ญาติทั้งข้างแม่ข้างพ่อจึงต้องสลายตัวกลับบ้าน..เมื่ออยู่กันตามลำพังกับย่าหนู ดวงเดือนก็พูดขึ้นว่า..

“หนูแพ้ไม่ได้หรอกคะ หนูต้องชนะเท่านั้น”


แล้ววันรุ่งขึ้น ดวงเดือนก็ขับรถยนต์คันที่พ่อถูกยิงจนตายออกไปที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบล ขอพบกับท่านมานะ เพื่อคุยเรื่องส่วนตัว..

“คิดถึงค่ะ อยากชวนไปเที่ยวไหนด้วยกัน” มานะงุนงง กับเรื่องที่ได้ยินเป็นอย่างมาก..แต่ก็พอรู้ว่าดวงเดือนทำเช่นนี้เพื่ออะไร..

คงอยากเอาชนะเรื่องนารี หรือไม่ต้องการให้เขาช่วยเป็นหัวคะแนน..กระทั่งนั่งอยู่กันตามลำพังในร้านอาหาร หน้าทางเข้าอุทยาน

“วันนี้วันเกิดพี่นะ หนูจำได้..สุขสันต์วันเกิดนะคะ” ว่าแล้วก็หยิบการ์ดใบเล็กๆ มายื่นให้..

“เดือน..” มานะเองก็ตกใจอยู่ไม่น้อย..

“จริงๆ หนูก็ยังแอบมีพี่นะอยู่ในหัวใจนะคะ..วันก่อนหนูไปเล่นกระโดดน้ำที่แก่ง หนูยังนึกถึงครูคนแรกที่ทำให้หนูสามารถตีลังกาเกลียวได้..แต่ตอนนี้เราโตกันมากๆ แล้ว พี่เอกก็เป็นเจ้าอาวาสไปแล้ว พี่ก็เป็นใหญ่เป็นโตในตำบลไปแล้ว..เหลือแต่หนูคนเดียวที่ยังเป็นเด็กกะโปโลไปวันๆ ..”

“เมื่อวานเจ็บมากไหม..” มานะเปลี่ยนเรื่องคุย

“เจ็บใจมากกว่า” มานะจ้องหน้าหญิงสาว ซึ่งผิวพรรณผุดผ่อง ปากนิดจมูกหน่อยและดวงตาโตแต่ชั้นเดียวแบบสาวญี่ปุ่น..ซึ่งเด็กๆ เธอมักจะถูกเพื่อนล้อเลียนว่า “ลาวดวงเดือน”

“ขำอะไรคะ”

“คิดถึงตอนเด็กๆ ตอนที่เดือนถูกเพื่อนที่โรงเรียนล้อว่าลาวดวงเดือน เดือนวิ่งมาฟ้องพี่แล้วก็ขอร้องให้พี่ไปช่วยจัดการให้”

“ตอนนี้ล่ะค่ะ”

“เปลี่ยนไปมาก เดือนสวยจนพี่....” ดวงตาของมานะยังจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าหญิงสาวอย่างหลงใหล

“ชมโฉมเก่งเสียด้วย..ใน อบต.มีสาวๆ เยอะแยะ..”

“ความรักมันเกิดขึ้นเองนะเดือน จะบังคับจะเค้นให้มันเกิดมันก็ไม่เกิดขึ้นมาหรอก เดือนก็รู้ดี”

ดวงเดือนปั้นหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วก็ชวนคุยเรื่องอื่น พอตะวันใกล้จะตกดิน หญิงสาวก็เห็นรักษ์ไทยวิ่งหน้าตั้งออกมาจากอุทยาน..เขาปรายตามามองแล้วก็วิ่งต่อไป..ดวงเดือนกับมานะคุยกันได้สักพักดวงเดือนก็ขอเอ่ยปาก “ขอตัวกลับก่อนนะคะ เย็นแล้วจะไปหุงข้าวให้ย่ากิน..”

ขณะจะลงบันได หญิงสาวก็หันมาพูดว่า

“หนูแพ้ไม่ได้นะคะ เข้าใจหนูด้วย..”


ดวงเดือนขับรถยนต์มาทันรักษ์ไทยเมื่อโค้งสุดท้ายก่อนจะถึงบ้าน ..หญิงสาวบีบแตรไล่หลัง แต่เขาไม่หันมามอง ยังคงวิ่งหน้าตั้งเหงื่อโทรมกายไปเรื่อยๆ..จนสุดท้ายหญิงสาวจำต้องแซงแล้วไป จอดรถขวางทางเข้าบ้านเขาไว้..“เป็นอะไร ทำไมไม่ยอมพูดกับฉัน”

“ผมไม่อยากคุยกับนักเลงโต.. กลัว..” ตอบไปเสียอีกทาง ทั้งที่จริงๆ ก็พอใจที่รู้ว่าหญิงสาวแสดงความเก่งกาจขนาดคว่ำนารีลงเสียได้..

“มันทำฉันก่อนนี่ ฉันแค่ป้องกันตัวตามกฎของเทควันโด”

“แต่คุณเล่นเขาซะอ่วมเลยเนี่ยนะ..” รักษ์ไทยก้มตัวใช้มือทั้งสองข้างจับหัวเข่าหายใจหอบแรงๆ

“มันช่วงชุลมุน เห็นใจฉันเถอะ..”

“ระวังตัวบ้างแล้วกัน คนบางคนแพ้ก็ยอมรับว่าแพ้ แต่บางคนแพ้แล้วมันมีแค้นตามมาด้วย”

“จากหนังสือเรื่อง สุดทางรัก นี่”

“เก่งนี่ ยังจำได้..”

“คนเรามันก็ไม่ได้หัวขี้เลื่อยไปเสียทุกเรื่องหรอก..เย็นนี้กินข้าวที่บ้านฉันไหม จะทำแกงเขียวหวานกับอะไรดี อยากกินอะไรล่ะ..จะทำให้..”

“เนื้อย่างเกาหลี มีไหมล่ะ”

“โอเคเลย ไปอาบน้ำนะอีกชั่วโมงค่อยมาหาฉันที่บ้าน..” ว่าแล้วชายหนุ่มก็เดินเลี่ยงเข้ารั้วบ้านตนไป หญิงสาวถอยรถออกมา ขับเข้าบ้าน พอกำลังจะปิดล็อคประตู ตาก็เหลือบไปเห็นรอยกระสุนที่ทำให้รถเป็นรู..อารมณ์ที่เย็นลงไปแล้ว กลับปะทุขึ้นมาอีกครั้ง....


ช่วงเทศกาลสงกรานต์ แม้ยังไม่ได้ลงสมัครเพื่อรับเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ แต่ผู้ตั้งท่าจะลงสมัครก็เริ่มออกหาเสียง

..เหล้า เป็นใบเบิกทาง ซึ่งนายต้อมมาบอกกับดวงเดือนว่า

“เริ่มหาเสียงได้แล้วเพราะคนอื่นเริ่มออกตัวกันแล้ว..”

หญิงสาวรู้สึกสังเวชใจอย่างยิ่ง อย่างคุณศรีเมียของครูสมชาย เมื่อรู้ว่าหญิงสาวจะลงเป็นคู่แข่ง เจ้าตัวขับรถมาหาที่บ้าน อ้างว่ามาเยี่ยมคนแก่ แล้วก็บอกให้เธอสู้ๆ..บอกว่าเล่นๆ สนุกๆ กัน ไม่ต้องซีเรียส สำหรับตัวเจ้าหล่อนแล้ว จะไม่มีการเลี้ยงเหล้าเลี้ยงสุราให้เปลืองเงินเปลืองทอง ใครรักเธอก็กาเบอร์เธอ ใครรักคนไหนก็กาคนนั้น แถมแนะนำด้วยว่าให้เข้าไปคุยกับทุกบ้านทุกหลังคาเรือน ไปแนะนำตัวให้ผู้เฒ่าผู้แก่ได้รู้จัก อย่าให้ใครมาว่าในภายหลังว่าเป็นคนหยิ่งยโส คำพูดนั้นทำให้ดวงเดือนรู้สึกเบาใจ แต่เอาเข้าจริงๆ นายต้อมอีกนั่นแหละที่มากระซิบบอกว่า

“คุณศรีแกก็เลี้ยง ไม่เลี้ยงได้อย่างไรเดือน ผู้ใหญ่สมบัติ แกตั้งท่าเลี้ยงซะขนาดนั้น แถมแกเป็นผู้ใหญ่เก่า เป็นพวกหัวคะแนน ส.ส. สจ. ก็เลยมีแรงหนุนมาช่วย ทำให้หมดงบตัวน้อยลง อีกเป็นเดือนกว่าจะลงคะแนนรับรองขี้เมาบ้านนาหัวราน้ำทุกวัน..”

“ถ้างั้นที่บ้านแกก็ปลูกสตอเบอรี่นะซิ พูดกับฉันอย่างทำอีกอย่าง” แววตาของหญิงสาวมีความเครียดและแค้น..

“แล้วแกก็จะได้รู้ ว่าในหมู่บ้านนี้มีใครบ้างที่สตอเบอรี่กับแก่”

ดวงเดือนนำเรื่องนี้ไปปรึกษาคนเป็นพี่ชาย..หลวงพี่จึงว่า..

“สมัยที่พ่อลงหาเสียงก็ทำเช่นนั้น แต่ถึงคราวโยม โยมก็สร้างภาพของตัวเองออกมาเองเถอะ..เอาเหล้าเข้าไป กับเอาความดีเข้าไป คิดดูเองแล้วกันว่าจะทำอย่างไหน จริงๆ คราวนี้โยมก็ยังไม่พร้อมที่จะลง ก็ถือเสียว่าเป็นบทเรียนของชีวิต..ไม่แน่หรอก คราวหน้าคนมันได้รู้ ได้เห็นว่าผู้ใหญ่คนเก่าที่เลือกซ้ำเข้าไปแล้ว มันไม่ได้มีอะไรดีขึ้นมากว่าเดิม มันอาจจะเลือกโยมก็ได้ เพียงแต่ห้าปีถัดไป โยมยังจะอยู่ให้เขาเลือกอีกหรือเปล่าเท่านั้น ต้องถามตัวเองด้วยว่ารักที่จะรับใช้คนหรือเปล่า มันอาจจะทำให้มีชื่อในบ้านนอก แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำเงินให้กับเรามากมาย โดยเฉพาะงานผู้ใหญ่บ้าน เป็นงานบริการ เงินเดือนจะพอกับค่าสังคมหรือเปล่ายังไม่รู้เลย ไหนจะค่ากินเลี้ยงอะไรต่อมิอะไรในอำเภออีก..แต่หลวงพี่ดีใจนะที่โยมกล้าจะทำอะไรที่มันทำได้ยาก..เรื่องเลี้ยงเหล้านั้น ..ท่าเลี้ยงแล้วได้มันก็ดี ถ้าเลี้ยงแล้วไม่ได้พวกเขาก็จะกินแล้วก็หัวเราะเยาะโยมไปด้วย..โยมทนได้รึ”

วันรับสมัครมาถึง ดวงเดือนไปถึงอำเภอในตอนบ่าย มีนายต้อมนั่งรถไปเป็นเพื่อน..พอไปถึง หญิงสาวก็เป็นคนที่สามจึงได้เบอร์ 3 ตามธรรมเนียม..ส่วนเบอร์หนึ่งเป็นของคุณศรี เบอร์สองของอดีตผู้ใหญ่บ้านสมบัติ..อย่างที่เธอต้องการ

เมื่อรู้ว่าตัวเองมีเบอร์ ความรู้สึกของหญิงสาวก็เปลี่ยนไป นึกถึงป้ายหาเสียงตามถนนในกรุงเทพฯ เมื่อคราวรับสมัคร ส.ส. ครั้งที่แล้ว มีภาพของผู้รับสมัครยิ้มหน้าบานไปทั่วทุกท้องถนน แถมมีนโยบายว่าจะทำอะไร มีเวทีปราศรัยพูดคุยกับประชาชน แต่เวที เล็กๆ อย่างนี้ มีเพียงเดินเข้าไปหาที่บ้าน แนะนำตัว ขอความเห็นใจ

ดวงเดือนกลับไปหาแม่ที่บ้านตึกแถว..

“แม่.. หนูรู้สึกเขินๆ อย่างไรก็ไม่รู้ ทำอย่างไรต่อไปดี มีเวลาอีกแค่สองสัปดาห์เอง”

“ทีอย่างนี้มาถาม แกนะแก มีทุนอยู่เท่าไหร่จะลงเล่นการเมือง..”

“ทุน..” คนเป็นลูกทำท่างุนงง..

“ใช่นะซิทุน..เบื้องต้นเตรียมซื้อเหล้าเลี้ยงเขา..”

“ก็ไหนว่าไม่มีการซื้อสิทธิ์ ขายเสียงกันแล้ว”

“มีแต่ในนโยบาย การปฏิบัติยังมีอยู่..นี่ผู้ใหญ่บ้านยังดี แค่ไม่กี่สัปดาห์กากบาทกันเลย สมัยที่พ่อแกลง สมาชิก อบต. สองเดือนกว่า ฉันแทบรากเลือด..งานนี้ลงทุนเองนะ ฉันไม่ลงให้หรอก”

“แม่อ๊ะ..”

แม่จันทราที่ไม่เล่นด้วยจริงๆ ..จะมีก็แต่โบ้ยส่งตัดรำคาญไปว่า..

“ไปหาน้าเอ็งแล้วกัน ขานั้นเขารู้จักคนเยอะ คงจะมีคนเกรง เขาอยู่บ้าง”

เมื่อเธอเดินไปหาเสียงกับน้าก็กลายเป็นว่า.. น้าเธอ จ้องแต่จะคุยถึงเรื่องไม่ดีของคู่แข่ง แล้วก็ชมเธอซะวิเศษเลิศเลอ วันหลังเธอจึงต้องไปหานายต้อม ..ซึ่งแรกทีเดียวคิดจะชวนรักษ์ไทยไปด้วย แต่มาคิดดู ถ้าเขาไปด้วย คนก็จะมองว่าเธอไม่แน่จริง อีกอย่างพี่มานะคงไม่พอใจ ไม่คิดช่วยเหลือเป็นแน่ ดวงเดือนไม่ได้บอกเหตุผลให้รักษ์ไทยได้รู้หรอก อ้างแต่ว่า “คุณไม่ใช่คนที่นี่ ขืนไปด้วยกัน เดี๋ยวคนอื่นก็ว่ามาทำไม...คงไม่เหมาะที่
คุณจะเดินตามตูดฉันเข้าบ้านนั้นออกบ้านนี้”

รักษ์ไทยทึ่งกับความคิดของหญิงสาว


“เดือน ..นโยบายที่แกวางไว้ว่าจะไม่เลี้ยงอะไรเลยนี่มันทะแม่งๆ ไหมว่ะ แกเห็นหรือเปล่าว่าคุณศรีแกมีอะไรติดท้ายรถไปบ้าง น้ำแข็ง เหล้า น้ำอัดลม ขนมอีกนิดหน่อยสำหรับแจกเด็กๆ แต่แกมามือเปล่า..และแกก็เห็นนี่ว่าผู้ใหญ่สมบัติเขามีอะไรไปบ้าง..นโยบายที่แกไปขายฝันเขาไว้ ใครเขาจะฟังแกวะ”

“มันต้องมีคนฟัง ..นโยบายเท่านั้นจะทำให้เราพาชาวบ้านเดินไปให้ถูกทางได้”


“ข้อ 1 เธอจะส่งเสริมการประกอบอาชีพเสริมให้มีรายได้เพิ่มขึ้นมา ถามจริงๆ เถอะ เธอจะให้เขาทำอะไรกัน แค่ทำนาแค่นี้ก็เหนื่อยจะตายห่าอยู่แล้ว..”

“นายเลี้ยงเป็ดใช่ไหมฉันก็จะส่งเสริมให้เอาไข่เป็ดมาแปรรูปให้เป็นไข่เค็มรวมตัวกันในชุมชนมันน่าจะขายได้นะ..”

“ขายใครว่ะ”

“ขายนักท่องเที่ยวไง บ้านเราสุดถนนคนมาเที่ยวป่านะโว้ย..อาจจะจัดให้มีตลาดตอนเย็น ให้ชาวบ้านเอาผักท้องถิ่นออกมาวางขาย ทำไปเรื่อยๆ เดี๋ยวคนก็รู้ มาเที่ยวแล้วต้องมาซื้อผักกับไปกิน ผักปลอดสารพิษด้วยนะ”

“หรือไม่ก็กินกันเอง..ฉันว่าแกไม่ต้องมีนโยบายอะไรหรอก เอาเหล้าไปเลี้ยงมันอย่างเดียวก็พอแล้ว..คนแถวนี้ชอบเหล้า ตอนหลวงพี่รณณรงค์ให้เทเหล้าเผาบุรี่ในวัด เกือบจะฆ่ากันตายไปทีหนึ่งแล้ว ถ้าแกอยู่แกขำตายห่า พระพูดอย่าง โยมคิดกันอีกอย่าง แต่ก็มีคนคล้อยตามนะ เพราะเกรงใจท่าน แต่ส่วนน้อยว่ะ”

หาเสียงไปได้สักห้าวัน ก็เริ่มมีกระแส..ปล่อยข่าวทำลายกัน

“อี้..นังเดือนนะรึ อดีตนักศึกษาขายตัว..ใครอยากได้ออหรี่เป็นผู้นำก็ตามใจ” และก็ตามด้วย

“เมื่อสมัยที่แล้วมันมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งหรือเปล่า ถ้าไม่ได้มา ถึงมันได้ไป มันก็ถูกตัดสิทธิ์อย่าเลือกมันเลย..เสียคะแนนเปล่าเลือกหนึ่งหรือสองไปเท่านั้น เบอร์ 3 มันลงเล่นๆ คงมีใครสักคนจ้างมันมาตัดคะแนน..”

“ใครเลือกผู้หญิงเมื่อวานซืนมาเป็นผู้นำก็บ้าแล้วครับ” ลิ่วล้อของเบอร์สอง เธอจำได้และได้ยินกับหูตัวเองเสียด้วยซ้ำ..

“ถึงฉันจะเป็นผู้หญิงฉันก็ไม่ได้คิดเดินตามก้นใคร ภูมิใจตัวเองมากๆ ค่ะ” เธอว่าเหน็บไว้ให้อย่างนั้น ถึงแม้จะปากดีแต่เมื่อกลับถึงบ้านพบว่าย่ามีท่าทีเฉยเมย เพราะหลานสาวดื้อดึงลงสมัคร..เธอเดินเข้าห้องไปร้องไห้เสียยกใหญ่

จะจำไว้เป็นบทเรียน แต่ไม่มีวันที่คนอย่างเธอจะยอมแพ้หรอก ตราบใดที่พระอาทิตย์ยังขึ้น เธอต้องมีความหวัง..ให้กำลังใจตนเองแล้วดวงเดือนก็ม่อยหลับไป..


วันรุ่งขึ้นพี่มานะมาหาพร้อมกับรอยยิ้ม..

“เหนื่อยไหมเดือน..พี่ออกไปช่วยหาเสียงด้วยไม่ได้นะ ดูไม่เป็นกลาง..แต่พี่ก็เอาใจช่วยอยู่ห่างๆ สู้เขานะ”

จริงๆ มานะพยายามบอกกับญาติๆ แต่ทุกคนรังเกียจเพราะว่าดวงเดือนเป็นฝ่ายทำร้ายนารีให้มีรอยเขี้ยวช้ำในวันนั้น..เขาเองจนใจ ...แต่ยังมีหวังว่า ถ้าเจ็บก็อยากให้ดวงเดือนเจ็บน้อยที่สุด อยากให้คะแนนสูสี..

บรรยากาศของหมู่ 1ตำบลบ้านนาในขณะนี้เริ่มเป็นฝักเป็นฝ่าย คนที่เกลียดผู้ใหญ่เก่าก็รอลุ้นกับผู้ใหญ่หญิงคนใหม่ คนที่ไม่ต้องการผู้หญิงมาเป็นผู้นำก็เชียร์ผู้ใหญ่เก่าเต็มที่ ดวงเดือนแวะเข้าไปบ้านไหน ก็จะได้ยินคำว่า “จะช่วย แบ่งๆ กัน” หมายถึง มีสามเสียงก็ลงกระจายให้คนละเสียง แต่นายต้อมว่าอย่างนี้..

“ถ้าให้ทั้งสามเสียง ก็จะชนะขาดช่วยหน่อยนะครับ ช่วยน้องผมหน่อย”

พอลับหลังดวงเดือน นายต้อมถูกเรียกไปคุย..

“จะช่วยอย่างไรไอ้ต้อม ทางนั้นเขาจ่ายเงินมาแล้ว ห้าร้อยแน่ะ เอ็งมีหกร้อยไหมล่ะ ถ้ามีข้าจะได้เอาห้าร้อยไปคืนเขา..” เมื่อได้ยิน นายต้อมแทบหมดแรง แค่นี้ดวงเดือนก็กระเป๋าฉีกแล้ว


ในความรู้สึกของดวงเดือน วันที่ชาวบ้านต้องเข้าคูหากากบาทมาถึงเร็วเหลือเกิน....ญาติพี่น้องที่ไปทำมาหากินอยู่ถิ่นอื่นแต่ยังมีทะเบียนอยู่ที่นี่ ถูกเรียกตัวกลับมาเกือบจะทุกตระกูล และนั่นหมายถึงใครสักคน หนึ่งในสามต้องช่วยค่ารถพวกเขากลับไป..เพื่อให้เขาเห็นว่าเป็นคนดีควรแก่การให้ความสนับสนุน..

เมื่อคืนดวงเดือนรู้สึกตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ พอได้ยินเสียงไก่ขัน เธอก็รีบลุกมาอาบน้ำเตรียมหุงข้าวหาอาหารสำหรับให้ย่าใส่บาตรพระ ขณะนั้นรู้สึกว่า ‘ใจ’ ต้องการที่พึ่ง..

เมื่อถึงคราวจะหวัง สิ่งเดียวที่น่าจะช่วยดลบันดาลให้ได้ นั่นคือสิ่งเร้นลับ..อยากให้เทวดาไปดลจิตดลใจจับมือคนให้กากบาทเบอร์ 3..หากหลวงพี่ได้รู้ก็จะว่างมงาย..เธอเองก็รู้ ‘ ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน’..ถ้าเธอทำดีย่อมได้ดี แต่เธอก็แค่ โครงการลมปาก ยังไม่ได้มีดีมีค่าคู่ควร เมื่อรู้ว่าหมดหวัง แต่ใช่ว่าจะยอมรับ..

อาจมีปาฏิหาริย์

เมื่อไปถึงวัด ผู้สมัครทั้งสามคนพร้อมหน้า เจ้าหน้าที่ทางอำเภอ แจ้งรายละเอียดขอตัวแทนของผู้สมัครแต่ละคน ช่วยเป็นผู้สังเกตการณ์ น้าของเธอช่วยทำหน้าที่นั้น..

ตั้งแต่สามโมงเช้าถึงบ่ายสาม ดวงเดือนรู้สึกว่าเวลามันหมุนช้าเหลือเกิน..หน้าที่เห็นสดชื่น ปากที่แย้มคล้ายจะเยาะ แต่เธอหารู้ใจใคร..ความจริงอยู่ในคูหา..หากผลคะแนนออกมา..รู้ว่าต้องฝึกใจให้เป็นนักกีฬา
แต่ใจมันยากจะควบคุม

ดวงเดือนมองหารักษ์ไทย เห็นเขายืนอยู่กับผู้เฒ่าผู้แก่และหลวงพี่ในที่ไกล..เขาจริงใจ เขาหวังดี..แต่เขาไม่มีสิทธิ์มีเสียงที่นี่

เมื่อเวลาบ่ายสามโมงเย็นมาถึง..ขณะนับคะแนน ใจของสาวดวงเดือนเต้นเป็นกองเพล ดีแต่มีแม่และพรรณนามายืนอยู่ใกล้ๆ ทำให้เธอ รู้สึกอุ่นใจรู้สึกอยากจะกอดและเชื่อคำของแม่..แล้วผลนับคะแนนที่เร็วปานสายฟ้าฟาดก็สำแดงออกมา เธอแพ้ทั้งสองเบอร์อย่างขาดลอย ผู้ใหญ่บ้านคนเก่าได้เป็นผู้ใหญ่บ้านเหมือนเดิม..

ดวงเดือนขับรถกลับบ้านมาด้วยความรู้สึกว่าใบหน้าของเธอนั้นมีปลายเข็มทิ่มแทงอยู่ทุกอนู..มันชาจนเธอไม่รู้ว่าอยากจะหัวเราะหรือว่าร้องไห้ เมื่อถึงบ้านได้ยินเสียงของย่าทำกับข้าวอยู่ในครัว แต่หลานสาวก็เลือกเดินไปที่ท่าน้ำ ไปยืนมองสะพานเชื่อมฝันของนายรักษ์ไทย ทอดอาลัยตายอยาก..นึกชิงชังระบบการ เมืองของประเทศไทย

“มีคนรักตั้ง 35 คน คุณไม่ดีใจหรอกรึ”

เมื่อได้ยินเสียง หญิงสาวรีบเช็ดน้ำตา..

“ฉันรู้ว่าต้องแพ้ แต่ไม่คิดว่ามันจะได้คะแนนทุเรศเท่านี้..มันน่าจะสูสีมากกว่าไม่เห็นฝุ่น”

“คุณก็รู้ว่าเขาทั้งคู่ซื้อเสียง เงินกับความสามารถ ความดีเป็นคุณ คุณก็เลือกเงินไม่ดีกว่ารึ..เพราะทั้งสามคน ก็ไม่ได้มีใครสักคนที่ทำให้มั่นใจได้ว่า เข้าไปแล้วจะทำอะไรได้มากไปจากเดิม ดังนั้นเวลาต่อไป ถ้าคุณรักที่จะเล่นการเมือง ก็ต้องรู้ตัวว่าจะวาง ตัวเองไว้ตรงไหนในสังคม”

“คุณหมายความว่าอย่างไร”

“หาเสียงตั้งแต่วันนี้ เป้าหมาย ใน อบต.”

“รักษ์ไทย คุณรู้ตั้งแต่แรกใช่ไหมว่าฉันต้องแพ้..”

“ใครๆ ก็รู้ว่าคุณต้องแพ้ เขาถึงห้ามปรามกันไง ดังนั้นเมื่อแพ้แล้ว คุณจะอ่อนแอให้ใครเห็นไม่ได้ คุณจะต้องให้เขารู้ว่า การแพ้ครั้งนี้ มันทำให้คุณดูน่ากลัวในวันหน้า อย่างน้อย คุณก็พูดไปแล้วไม่ใช่หรือว่า ถ้าคุณได้เป็นผู้ใหญ่บ้านคุณจะทำอะไรให้กับหมู่บ้าน และถ้าคุณไม่ได้เป็นผู้ใหญ่บ้าน คุณจะสามารถทำอะไรให้หมู่บ้านได้ไหม..ห้องสมุดนี้เป็นของคุณ..โครงการจุกจิกที่ผมทำไว้เป็นของคุณ คุณสามารถลงมาจัดการได้
เลย ถ้าคุณชนะใจคน 60 เปอร์เซ็นต์ของหมู่บ้านได้ ครั้งชนะได้แน่นอน คุณอย่าลืมนะว่า คนดีๆ ไม่ใช่พวกสุรายาเมานะมีเกินครึ่งของคนที่นี่.. คุณโอเคนะ..”

ดวงเดือนยิ้มออกมาทั้งน้ำตา...รู้สึกว่าตนไม่ได้อ้างว้างเดียวดายเช่นเมื่อครู่.. คนตั้ง 35 คนในหมู่บ้านรักเธอ ถ้ามายืนอยู่รอบๆ ตัวเธอ ก็ถือเป็นวงใหญ่สำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้

“ขอบคุณ คุณมากนะ..ที่ให้กำลังใจ..”

“เอาล่ะ กลับบ้านได้แล้ว วันนี้ผมจะแสดงฝีมือทำอาหารให้คุณกับคุณย่าได้ลองลิ้มชิมรสด้วยนะ”

เมื่อได้ยินดังนั้น ตาหญิงสาวเป็นประกายในทันที..

“สุกี้ยากี้..น้ำจิ้มในขวด น้ำซุปจากซองง่ายนิดเดียว”


“ดูแกไม่ได้ทุกร้อนใจอะไรเลยนะนังเดือน..เมื่อคืนยังมีหน้าไปแดนซ์กระจายในงานฉลองผู้ใหญ่ บ้านเขาได้เสียอีก..”

หลังจากกินสุกี้จนอิ่มแล้ว หญิงสาวก็ชวนรักษ์ไทยไปแสดงความยินดีกับผู้ใหญ่บ้านใหม่แต่คนเก่า และก็ได้อยู่ดื่มกินจนกระทั่งวงดนตรีเลิก เมื่อรูปการณ์เป็นอย่างนี้ส่งผลให้ คนกลางที่เป็นฝ่ายเลือกรู้สึกดีๆ กับหญิงสาวมากขึ้น และได้รู้ว่าตัวตนของดวงเดือนเป็นผู้หญิงน่ารักขนาดไหน..

ในตอนที่มีการเชิญผู้ใหญ่บ้านขึ้นไปบนเวทีเพื่อพูดอะไรสักอย่าง เธอยังกล้าที่จะขอเป็นพิธีกร..เพราะเธอเคยผ่านงานพวกนี้มาก่อน คนปรบมือให้ผู้ใหญ่บ้าน แต่ก็มีบางคนที่รู้สึกเสียดาย ที่ไม่ได้ลองให้เด็กผู้หญิงคนนี้ไปเป็นปากเป็นเสียงให้..

“ฉันก็ข่มใจไป แพ้แล้วไม่อยากให้คนอื่นหัวเราะเยาะโดยเฉพาะนังนารี ฝ่ายมันเองก็แพ้ แล้วเป็นไงเมื่อคืนเห็นกลุ่มญาติมันที่เชียร์คุณศรีนั่งกินเหล้ากันแหยๆ..”

“งานนี้หมดไปเท่าไหร่ล่ะ”

“ก็หลายบาทอยู่หรอก แต่ไม่เป็นไร ประสบการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ของชีวิตฉันล่ะ ถ้าไม่เสียคราวนี้ คราวหน้าฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าทำอย่างไรฉันถึงจะชนะ”

“ยังมีคราวหน้าอีกหรือ”

“กระโดดขึ้นบนเวทีไปแสดงแล้ว ชักสนุกแล้วซิ..แกปล่อยข่าวไปเลยอีกสามปีใครชอบฉันเจอะฉันในเวที อบต.แน่ ตอนนั้นฉันมีสิทธิ์ลุ้นนะ เพราะเมื่อคืนฉันก็ได้คะแนนข้างญาติผู้ใหญ่ไปหลายคน ส่วนญาติของคนเก่าๆ เขาอาจจะเบื่อญาติตัวเองบ้างก็ได้..”

“ฉันดีใจที่แกไม่เป็นอะไรมาก ขอโทษแกจริงๆ ที่ยุแกไม่เข้าเรื่อง”

“เข้าเรื่องอยู่เรื่องเดียวแหละแก ..ยุให้พี่มานะรักฉันไม่เลิกนี่แหละ”

“นังนารีมันยังแค้นแกไม่หายนะ ระวังตัวให้ดี..”

“ฉันก็จะไม่ปล่อยมันเหมือนกัน ..มันพาคนแดนซ์กระจายตอนเย็นๆ ได้ ฉันก็จะหากิจกรรมไปดึงคนมาจากมันบ้าง ไม่ได้เป็นผู้ใหญ่บ้านเนี่ยก็ดีแล้ว จะได้สู้กันให้ยิบตาไปเลย แกจำไว้นะ ต่อไปที่ลานกิจกรรมหน้า อบต. จะไม่มีคนไปเต้นแร้งเต้นกากับมันหรอก”


แรกทีเดียวรักษ์ไทยคิดว่า เมื่อพ่ายจากการเลือกตั้งในครั้งนี้ ดวงเดือนคงจะซึมเศร้าเหงาหงอย แต่ที่ไหนได้หญิงสาวยังระรื่น ดูมีความสุขกว่าวันเก่าเสียด้วย เขายังจำคืนวันที่ไปร่วมแสดงความยินดีกับผู้ใหญ่บ้านคนเก่าซึ่งได้รับเลือกกลับเข้ามาดำรงตำแหน่งอีกครั้ง

ดวงเดือนสนุกสนานยิ้มแย้ม ยิ่งตอนที่หล่อนขึ้นไปแสดงความสามารถบนเวทีด้วยการเป็นพิธีกร กล่าวชักชวนให้คนที่มาร่วมงานได้ร่วมแสดงความยินดี และได้ร้องเพลงคู่กับผู้ใหญ่บ้านคนใหม่...เขาจึงได้เห็นว่าผู้หญิงคนที่เขาคิดสบประมาท ทำอะไรได้อีกตั้งมากมาย แต่จะมีเวทีตรงไหนให้เธอได้แสดงความสามารถ ..

รักษ์ไทยอมยิ้มนึกถึงตอนที่เพลงมันส์ๆ ขึ้นมา เธอปรี่เข้ามาหาเขาแล้วก็ชุดกระฉากลากไปกลางวง..เป็นครั้งแรกที่เขาได้กล้าออกไปเล่นกับบรรยากาศสนุกสนานแบบบ้านนอกๆ..เต้นกันจนฝุ่นฟุ้งกระจายไอคอกแคกแต่ก็ไม่มีใครถอย.. นึกถึงรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเธอที่สามารถทำให้เขาเดินเข้ากลางวงแล้วทำท่าเด๋อๆ ด๋าๆ ได้..รอยยิ้มแบบนั้นมันน่าจะทำให้คนทั้งโลกมีความสุข เขารู้สึกอยากทำให้เธอมีรอยยิ้มแบบนั้นเพื่อคนทั้งโลก..

ดวงตามองจอคอมพิวเตอร์ แต่ใจเตลิดไปถึงคืนวันนั้น จนกระทั่งได้ยินเสียงเตือนจากคอมพิวเตอร์..เป็น msn จากเจริญสุข

“ว่างปะ” เป็นข้อความที่ส่งมา ส่วนใหญ่เขาจะทำงาน ผ่านคอมพิวเตอร์ เพียงเป็นผู้ตัดสินใจ เจริญสุขคือคนที่จะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย เขารออ่านต้นฉบับและตัดสินใจว่าจะพิมพ์หรือไม่..เวลาเที่ยงถึงเย็น ถ้าไม่ได้ออกไปไหน เขาจะซุ่มอยู่ในห้องในสุดของห้องสมุดที่กั้นกระจกมิดชิดติดแอร์เย็นฉ่ำ คุยกับเจริญสุขบ้าง ค้นหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตสำหรับเขียนหนังสือบ้าง..ชีวิตวันๆ วนเวียนอยู่อย่างนี้ แม้ใครๆ จะว่าเขาเพี้ยน แต่เขาก็ยอมรับว่าอยู่ดีมีสุขกว่าเมื่อก่อน..

“ญาติโกโหติกานายอยากให้กลับบ้านน่ะ..อยากเห็นหน้าค่าตาบ้างว่าเป็นอย่างไร โดยเฉพาะคุณหนูเล็ก..”

“ขี้เกียจขับรถ น้ำมันมันแพงด้วย” อ้างไปอย่างนั้นเอง แท้จริงแล้วเขามีเงินมากพอที่จะขึ้นเครื่องบินกลับไปด้วยซ้ำ..

“ก็นั่งรถ บขส. มาซิ ให้คนข้างบ้านมาส่งที่ท่ารถก็ได้..”

“ไปเองก็ได้”

“ให้เขามาส่งนะดีแล้ว จะได้มีเวลาร่ำลากัน..รู้นะว่าคิดอะไรอยู่..ระวังนะบ้านเรือนเคียงกันแอบมองทุกวันๆ..ช่วยกันไปช่วยกันมา..จะกลายเป็นรักกันโดยไม่รู้ตัว..”

“ไม่มีทางหรอก ชาตินี้ฉันไม่รักใครอีกแล้ว รักแล้วมันทุกข์โว้ย”

“แต่คุณหนูเล็กนี่จะทำอย่างไรละ ..เขารอแกอยู่นะ..เขาอยากเป็นตัวแทนของพี่สาว อยากดูแลแก นี่จะเรียนจบแล้วนะอย่าลืมนะโว้ย ผู้หญิงนี่แก่เร็ว 22-23 นี่กำลังจะเจริญพันธุ์นะ..”

“คุยเรื่องอื่นเถอะเปลืองค่าชั่วโมงเน็ต”

“ประหยัดมากไปหรือเปล่า..”

“เก็บเงินส่วนฟุ่มเฟือยเอาไว้สร้างคนดีของชาติดีกว่า”

ทุกวันนี้กิจกรรมที่เขาตั้งขึ้นมาเพื่อเด็ก ส่วนใหญ่ เขาเป็นคนออกทุนรอน อยากทำขนมอะไรกัน เขาก็จะเป็นคนจ่ายค่าวัตถุดิบให้ แล้วย่าหนูก็เป็นคนสอน อยากเล่นกีฬาแบบไหน ถ้าเขาซื้อให้ได้ เขาก็ให้ไป..บุญแบบนี้แหละเขาชอบ..



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 ก.ย. 2554, 08:53:35 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 ก.ย. 2554, 08:53:35 น.

จำนวนการเข้าชม : 1678





<< 7."ฉันแค่ป้องกันตัวเอง"   9.“จริงๆ แล้วคุณมีฝันอะไร..” >>
minafiba 29 ก.ย. 2554, 20:58:25 น.
^_________^


ธรากร 29 ก.ย. 2554, 21:34:22 น.
แวะมาเป็นกำลังใจให้ครับ พี่เฟื่อง


จุฬามณีเฟื่องนคร 30 ก.ย. 2554, 10:58:56 น.
ขอบคุณครับ..


คิมหันตุ์ 2 ต.ค. 2554, 22:42:39 น.
ความหลังของคุณรักษไทย เป็นยังไงเนี่ย?


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account