เวทีกามเทพ
การประกวดเดอะเธียเตอร์ ปรินเซส นำพาให้มนัญชยาได้ร่วมงานกับกีรดิตดารา นักร้องหนุ่มในดวงใจ ทั้งยังชักนำแรงใจมาให้ยศวันต์พี่ชายของเธอถึงข้างเวทีมวย

แต่เมื่อกีรดิตดูเหมือนจะมีความลับอะไรซ่อนอยู่ ทั้งกฤตินีที่ยศวันต์หลงรักแต่แรกพบก็คบหากับถิรเจตดาราหนุ่มร่วมค่ายของพี่ชาย อะไรต่ออะไรเลยไม่ง่ายอย่างที่คิด
Tags: กมลภัทร นักร้อง นักแสดง ละครเวที นักมวย

ตอน: ตอนที่ 6

“บ้านอยู่แถวไหนล่ะ ผมจะไปส่งให้”

แม้ถ้อยคำจะแสดงความเอื้อเฟื้อหากน้ำเสียงของกีรดิตฟังห้วนแห้งแล้งจนหญิงสาวที่แอบหลงใหลได้ปลื้มเขามานานปีต้องหันไปมอง เขาพูดโดยไม่ชายตาแลเธอเสียด้วยซ้ำ

“ที่จริง เกี๊ยวกลับเองได้นะคะ รถเมล์คงขาดระยะเท่านั้นเอง”

“ผมถอยรถรับคุณขึ้นมาก็เพราะมีเรื่องจะพูดกับคุณ”

มนัญชยาขมวดคิ้วไม่คิดว่าดารานักร้องชื่อดังอย่างเขาจะมีธุระอะไรมาพูดกับตนได้

“วันนี้ผมเห็นคุณเดินออกมาจากทางเดินข้างสตูดิโอกับซินดี้...”

“ค่ะ...เกี๊ยวเก็บต่างหูของคุณซินดี้ได้ก็เลยตามเอาไปให้” หญิงสาวตอบทั้งที่ยังไม่เข้าใจเจตนาของเขานักก่อนเอ่ยข้อสงสัยของตนบ้าง “แต่มันก็ไม่เห็นจะมีอะไรนี่คะ”

“ผมอยากจะเตือนคุณสักหน่อย ในฐานะที่คุณกำลังพยายามจะก้าวเข้าสู่วงการ”

คนฟังยิ่งงงเพราะไม่เข้าใจว่าดาราหนุ่มจะพูดถึงเรื่องอะไรกันแน่

“เรื่องของคนอื่น ถ้าคุณได้รับรู้หรือได้ยินอะไร นิ่งเฉยไว้บ้างจะเป็นผลดีกับตัวเอง”

“เกี๊ยว...”

มนัญชยาขยับจะปฏิเสธแต่ชายหนุ่มละมือซ้ายจากคันเกียร์ยกมือขึ้นเป็นเชิงห้าม

“นอกเสียจากว่าคุณเป็นพวกเห็นแก่เงิน อยากจะเอาเรื่องคนอื่นไปขายนักข่าวหรือไม่อย่างนั้นก็เบล็คเมล์เรียกเงิน”

น้ำเสียงและถ้อยคำของเขานั้นฟังดูหมิ่นหยามอย่างมาก เกม...กีรดิต นักร้องนักแสดงที่เธอชื่นชอบมานานที่จริงแล้วเป็นคนแบบนี้เองหรือ มองคนอื่นในแง่ร้ายอย่างนี้ ทั้งที่ยังไม่เห็นถึงนิสัยใจคอ จะว่าไปแล้วเขายังไม่ได้ทำความรู้จักกับเธอเลยด้วยซ้ำ

แรงดันบางอย่างอัดแน่นในอกจนเธอต้องหายใจเข้าลึก เร็ว แรงก่อนจะปล่อยมันออกมาในคราวเดียว ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงท้าทาย

“แล้วที่คุณเกมมาจอดรถรับเกี๊ยว พูดกับเกี๊ยวแบบนี้ ไม่กลัวเหรอคะ ว่าเกี๊ยวจะเอาไปพูดต่อ”

“ผมว่าแล้ว...”

แววบางอย่างในน้ำเสียงของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวต้องจับตาที่ใบหน้าของเขาเป็นพิเศษ เหมือนกับว่าเขาผิดหวังและเอ่ยประชดประชันกับตนเองมากกว่าที่จะกล่าวหาเธออย่างประโยคก่อนหน้า

“ผลประโยชน์ เงิน นี่มันไม่เข้าใครออกใครจริง ๆ นะ หลายคนถึงได้ยอมแลกศักดิ์ศรี แลกความเป็นคนเพื่อมัน แต่ถ้าคุณหวังจะเอาเรื่องผมไปพูดก็เปล่าประโยชน์ คุณก็รู้ว่าผมไม่เคยสนใจข่าว แล้วข่าวก็ไม่เคยมีผลอะไรกับผมเลย คำพูดของผู้หญิงที่พยายามผลักดันตัวเองเข้าวงการกับผมที่อยู่ในวงการมาได้เป็นยี่สิบปี คุณว่าคนเสพข่าวเขาจะเชื่อใคร”

“คุณเกมวางใจได้นะคะเรื่องนี้เกี๊ยวไม่พูดกับใครแน่” มนัญชยาคอแข็ง รู้สึกได้ว่าน้ำเสียงของตนก็แห้งขึ้นเล็กน้อยเช่นกัน “ไม่รู้นะคะว่าคุณเกมคิดว่าเกี๊ยวไปได้ยินได้ฟังอะไรมาจากคุณซินดี้ แต่เกี๊ยวไม่ชอบยุ่งเรื่องของใคร ต่อให้ได้ยินอะไรมาแล้วมันจะเกี่ยวข้องอะไรกับคุณเกม เกี๊ยวก็ไม่สนใจหรอกค่ะ”

หญิงสาวพูดทั้งที่ไม่ได้คิดอย่างนั้น...หากเรื่องที่ได้ยินสิรามลคุยโทรศัพท์เกี่ยวข้องกับกีรดิตเธอเองก็อยากรู้ว่ามันเป็นเรื่องอะไรกันแน่ แค่อยากรู้แต่ไม่ได้คิดว่าจะเอามันไปแพร่งพรายหาประโยชน์ใส่ตนอย่างที่เขาแคลงใจ แต่เป็นเพราะเธอสนใจเรื่องของเขาในฐานะ...แฟนคลับ

“ถ้าคุณเกมรับเกี๊ยวขึ้นรถเพราะอยากจะเตือนเรื่องนี้ เอาเป็นว่าเกี๊ยวเข้าใจค่ะ และกล้าสาบานด้วยว่าจะไม่เอาเรื่องที่คุณเกมพูดไปบอกใครแม้แต่คนเดียว จอดส่งตรงป้ายรถเมล์ข้างหน้าก็ได้นะคะ”

เขาเงียบไปไม่ตอบคำ ทั้งยังไม่ได้ชะลอรถเพื่อจอดที่ป้ายตามที่เธอบอก พักใหญ่กว่าจะปริปาก

“คุณยังไม่ตอบเลยว่าบ้านอยู่ไหน ผมจะไปส่งให้”

“เกี๊ยว...”

“ผมบอกว่าจะไปส่งผมก็จะทำตามคำพูด บอกมาเถอะว่าบ้านอยู่ไหน”

มนัญชยาขบริมฝีปากล่างของตัวเองระบายลมหายใจยาวเพราะน้ำเสียงของเขายังคงฟังแห้งแล้งเช่นเดิม ครั้นจะแย้งไม่ให้เขาไปส่งก็คงจะป่วยการเมื่อเขายืนกรานเช่นนั้น เธอจึงบอกถนนที่ตั้งของค่ายช.โชคชัย ก่อนจะนั่งเงียบไปตลอดทางจนถึงปากซอย

“เลี้ยวเข้าไปในซอยนี้ใช่ไหม”

“จอดเลยปากซอยไปก็ได้ค่ะ บ้านเกี๊ยวอยู่ไม่ลึกเดินเข้าไปได้”

“ผมบอกแล้วว่า...”

“พ่อเกี๊ยวคงไม่ค่อยชอบใจถ้ารู้ว่ามีผู้ชายมาส่งที่บ้าน ถ้าจะกรุณาจอดเลยปากซอยไปเถอะค่ะ”

จังหวะนั้นทั้งสองหันมามองกันพอดี สายตาดุของกีรดิตดูอ่อนลงเล็กน้อยเมื่อหญิงสาวฝืนยิ้มให้ เขาพยักหน้าเบา ๆ ก่อนขับรถไปจอดเลยจากปากซอยเข้าบ้านหญิงสาวเล็กน้อย เธอกล่าวคำขอบคุณก่อนจะเอื้อมมือไปดึงก้านล็อกประตู

“หมี่เกี๊ยว”

เสียงเรียกของชายหนุ่มหยุดหญิงสาวที่กำลังจะดันเปิดประตูรถ เธอหันไปเลิกคิ้วไม่ทันเอ่ยถามอะไรเขาก็พูดขึ้น

“ผมหวังว่าผมจะไว้ใจคุณได้นะ”

“รับรองได้ค่ะ เกี๊ยวพูดคำไหนคำนั้นแล้วก็ไม่ใช่พวกที่เห็นแก่เงินทอง ผลประโยชน์อะไรอย่างที่คุณเกมว่า...ไม่ใช่สิคะ ถ้าจะบอกว่าเกี๊ยวไม่อยากได้เงินคงโกหกคำโต เกี๊ยวอยากได้เงินค่ะ อยากได้มาก...แต่ถ้ามันต้องแลกมาด้วยการทำให้ใครเดือดร้อน เกี๊ยวคงไม่ทำ”

หญิงสาวตอบแล้วรีบก้าวลงจากรถทันที หัวใจเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แม้จะยินดีที่ได้ใกล้ชิดกับดารานักร้องหนุ่มที่แอบปลื้มมานานหากในความปิติยังเจือไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัวที่เขามองเธอในแง่ร้ายเช่นนั้น

บางทีคงเป็นอย่างที่เขาว่านั่นแหละ ต่อให้ภาพสวยงามเพียงใดแต่มันก็สมชื่อวงการมายานั่นแหละ หนุ่มเพียบพร้อมดูดีที่คนนอกวงการเห็นอาจจะเป็นคนอีกแบบนึงก็ได้

อุตส่าห์ปลื้มมาตั้งนาน...ที่แท้ พี่เกมก็เป็นคนแบบนี้เหรอ แล้วเขามีความลับอะไรของเขานะถึงสงสัยเรื่องที่เราอาจจะไปได้ยินได้ฟังอะไรจากคุณซินดี้

เดี๋ยวสิ...สองคนนั้นเคยมีข่าวว่าคบกันเมื่อนานมาแล้ว หรือว่าเรื่องที่คุณซินดี้คุยโทรศัพท์จะเกี่ยวข้องกับพี่เกมจริง ๆ



ห้าวันหลังจากวันบันทึกเทปการแสดงในบทสมทบของเหล่าผู้เข้าแข่งขัน เป็นวันประกาศผลซึ่งจะเป็นการออกอากาศสดทางสถานีโทรทัศน์ การประกาศผลผู้เข้ารอบสิบสองคนสุดท้ายจัดขึ้นในสตูดิโอซึ่งปกติใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำรายการคอนเสิร์ตรายสัปดาห์ของศิลปินในสังกัดทีโอพี มิวสิค

ในห้องแต่งตัววุ่นวายทั้งเรื่องเสื้อผ้า หน้าผม ทีมงานจัดเสื้อผ้าเอาไว้ให้ผู้เข้าแข่งขันเลือก หญิงสาวยี่สิบห้าคนรุมอยู่กับราวแขวนเสื้อสามราว ต่างก็เลือกเสื้อผ้าที่ตนถูกใจอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย จะเว้นก็แต่...

“ฉันเลือกตัวนี้ก่อนนะหมี่เกี๊ยว...ปล่อยมือเดี๋ยวนี้”

“อะไรกันปลา ฉันกำลังเอื้อมมือไปจะหยิบเสื้อตัวนี้ เธอก็ปราดเข้ามาดึงมันออกจากราว”

“ก็นั่นไงล่ะ ฉันดึงเสื้อตัวนี้จากราวแขวนก่อน”

“แต่ฉันกำลังจะเอื้อมมือไปหยิบนะปลา”

มนัญชยาเท้าเอวเตรียมเอาเรื่อง หากทีมงานที่ดูแลการแต่งตัว แต่งหน้าทำผม เอ่ยกระตุ้นให้รีบเลือกเสื้อผ้า เพราะจะได้ดูเรื่องการแต่งหน้าทำผมให้เข้ากับชุด ปริศนาหันหลังผละจากราวเสื้อผ้าทันทีและอาการที่เคลื่อนไหวเร็วเกินไปทั้งที่สวมส้นสูงแหลมก็ทำเอาเธอหมุนคว้างเซถลา ลงไปกองที่พื้น เรียกสายตาทุกคู่ให้หันมามอง

“กรรมเดี๋ยวนี้มันติดจรวดเนอะ” ลูกสาวเจ้าของค่ายมวยหันไปหัวเราะคิกคักกับเพื่อนที่ยังเลือกเสื้อไม่ได้เช่นกัน “อยู่ดี ๆ ก็หล่นตุบ ถลาลงไปกับพื้นซะอย่างนั้นแหละ”

คนที่ล้มลงไปเองดันตัวขึ้นยืนอย่างทุลักทุเลเพราะยังถือไม้แขวนเสื้ออยู่ในมือ

“ตายแล้ว น้องปลา ทำเสื้อสปอนเซอร์ขาดรึเปล่าคะเนี่ย ตาย ๆ ๆ แล้วพี่จะโดนดุไหมเนี่ย” เจ้าหน้าที่ฝ่ายเสื้อผ้าหญิงร่างท้วมรีบปรี่เข้าคว้าเสื้อผ้าในมือของปริศนาไปพลิกหน้าพลิกหลังตรวจดูความเรียบร้อย “โชคดีไปนะคะเนี่ยที่ไม่ขาด ไปค่ะ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมาแต่งหน้าทำผม”

สุดท้ายมนัญชยาก็เลือกได้เสื้อชุดกระโปรงเกาะอกสีน้ำเงินสวมทับด้วยเสื้อกั๊กสีครีม แม้จะไม่ได้สะดุดตามันเท่ากับตัวที่ปริศนาชิงไป แต่เมื่อสวมออกมาแล้วเพื่อนหลายคนก็เอ่ยปากชม สร้างความเชื่อมั่นให้หญิงสาวได้มาก

ใครคนหนึ่งซึ่งไม่ค่อยถูกชะตากับปริศนาและเป็นคนปากไวเปรยไปตามลม

“อย่างว่านะ หมี่เกี๊ยวเขาเป็นคนสวยแต่งยังไงชุดไหนก็สวย ไม่เหมือนบางคนถ้าไม่ได้ชุดที่แป๊ะจริง ๆ คงดูไม่ได้”

หญิงสาวเห็นแววในตาของปริศนาที่ลุกวาวขึ้นทันทีแล้วรู้ว่าเพื่อนสะกิดโดนจุด ขยับเข้าขวางเมื่อเห็นว่าคนที่ถูกเอ่ยกระทบปรี่เข้ามาทันที ใช้สายตามองหัวจรดเท้าก่อนเอ่ย

“แต่งชุดนี้สวยดีนะปลา ไม่เสียแรงที่ชิงไปจากฉันได้”

“นี่พวกเธอสองคนหาเรื่อง คิดจะรุมฉันเหรอ ฉันจะฟ้องทีมงาน”

“ทีมงานเขายุ่งกันอยู่ อยากไปฟ้องก็ไปสิ คนอื่นเขาคงมองเห็นความเป็นมืออาชีพในตัวเธอมากขึ้น” มนัญชยาพูดลอยหน้า “ลองดูหน่อยไหมล่ะ ฉันจะรอดูตอนเธอขี่ม้าสามศอกไปฟ้องแล้วไม่มีใครสนใจจะฟัง ฉันสองคนก็ไม่ได้พูดอะไรถึงเธอกันสักหน่อยอยู่ดี ๆ เสนอหน้า เอ๊ย...ไม่ใช่สิ ใช้คำว่าอะไรดี...เอาเป็นว่าเราไม่ได้พูดถึงเธอ ตกลงไหมต่างคนต่างอยู่ดีกว่า”

ปริศนาเม้มปากเหมือนเถียงไม่ออกสะบัดหน้าจะเดินหนีไปอีกทาง แต่หญิงสาวไม่ยอมให้อีกฝ่ายหนีไปแบบสบายหู เอ่ยท่องคำกรวดน้ำขึ้นมาทันทีและเมื่อรายนั้นหันขวับมามองเธอก็หยุดท่องแล้วหันไปพูดกับเพื่อน

“เธอว่าจะมีพวกสัมภเวสีผีเร่ร่อนแถวนี้มารับคำกวดน้ำ แผ่เมตตาของฉันไหม รู้สึกว่าพักนี้ดวงไม่ดียังไงไม่รู้ สงสัยพวกเจ้ากรรมนายเวรจะตามจ้องเล่นงาน”

ว่าแล้วเธอก็กล่าวคำกรวดน้ำแผ่เมตตาต่อ

เคยเจอแล้วไม่เข็ดหรือไงยะ เวลาคนอื่นเขาพูดลอย ๆ น่ะ หันนิ่งซะบ้างเถอะ ยัยปลากิ้งก่าซื่อบื้อ ต้องแสดงท่ารับขึ้นมาทุกทีสิน่า...ฉันมันก็พวกหยุดไม่ได้ซะด้วย เล่นแล้วก็ต้องเล่นให้ถึงที่สุด

หญิงสาวหันไปหัวเราะกับเพื่อนเมื่อเห็นปริศนาเดินกระแทกเท้าจากไป ลึก ๆ แล้วก็รู้สึกผิดอยู่บ้าง...นิดหน่อย และได้แต่หวังในใจว่าคงไม่ต้องข้องเกี่ยวกับปริศนาต่อไปอีกนานเท่าใดนัก



บ้าจริง...ฉันกับเธอไปทำกรรมกันมาแต่ชาติปางไหนนะยัยปลากิ้งก่าซื่อบื้อ ถึงได้ผูกติดกับเธอมาจนถึงรอบสุดท้ายแบบนี้

มนัญชยานึกถึงคำขอของตัวเองตั้งแต่วันเปิดตัวผู้เข้ารอบสุดท้ายแล้วไม่รู้จะพร่ำบ่นกับนรกหรือสวรรค์ หันซ้ายหันขวามองไปทางผู้เข้าประกวดเดอะเธียเตอร์ ปรินเซสที่ผ่านมาจนถึงรอบห้าคนสุดท้าย และหนึ่งในนั้นก็คือปริศนาที่เป็นไม้เบื่อไม้เมาหลังกล้องกันมาตลอดระยะเวลากว่าสองเดือนที่ผ่านมา

ผู้เข้าแข่งขันทั้งห้าคนต่างก็เคยได้คะแนนโหวตเป็นสามอันดับสุดท้ายด้วยกันทุกคนแต่โชคดีที่ไม่ใช่คนที่คณะกรรมการให้คะแนนน้อยที่สุดในการร้องและแสดง จึงสามารถผ่านพ้นมาได้จนถึงรอบตัดสิน

ผู้เข้าร่วมชมการแข่งขันในแต่ละสัปดาห์มีมากขึ้นเรื่อย ๆ ป้ายไฟเชียร์ผู้เข้าแข่งขันที่เหล่าคนดูชื่นชอบก็มีมากขึ้นเช่นกัน

‘หมี่เกี๊ยว ๆ ๆ ว้า...ทำไมน้อยกว่าป้ายไฟยัยปลาได้ล่ะ จะไหวไหมเนี่ยเรา’

หญิงสาวคิดว่าส่วนหนึ่งที่มีผู้เข้าชมการแข่งขันมากขึ้นทุก ๆ สัปดาห์ก็เพราะการปรากฏตัวของ ‘เขา’ ในฐานะผู้สังเกตการณ์ ซุปเปอร์สตาร์ที่ไม่ค่อยปรากฏตัวตามรายการไหนกลับมานั่งในสถานที่พิเศษบนเวทีซึ่งจัดเอาไว้ให้เขาโดยเฉพาะ สายตาคมแฝงแววดุนั้นทำให้เธอต้องเบือนหน้ากลับไปมองทางผู้ชม ซึ่งในรวมพ่อ ลุง และพี่ชายที่มาตามให้กำลังใจตั้งแต่วันแรกของการออกอากาศสด

เขาคิดอย่างไรกับเธอกันแน่...คำถามนี้รบกวนจิตใจของมนัญชยาเกือบตลอดเวลา แม้จะตั้งเป้าว่าต้องการได้งานซึ่งจะนำมาซึ่งเงินจุนเจือครอบครัวหากเมื่อได้ใกล้ชิดกับดาราหนุ่มที่ชื่นชอบเป็นใครก็คงอดใจไม่ให้คิดได้ยาก

ช่วงเวลาระหว่างที่การแข่งขันเริ่มต้นนั้น ผู้เข้าแข่งทั้งหมดจะต้องไปฝึกหัดร้องเต้นและแสดงที่อาคารทีโอพี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ยศวันต์อาสามาส่งน้องสาวทุกวัน ส่วนตอนเย็นนั้นเธอบอกพี่ชายว่าจะเดินทางกลับเองเนื่องจากไม่รู้กำหนดเวลาที่จะได้กลับบ้านแน่นอนและอยากให้พี่ชายวิ่งวินเพื่อหาเงินมาใช้จ่ายส่วนตัวและช่วยเหลือค่ายมวยมากกว่า

เย็นวันหนึ่งในสัปดาห์ที่สองของการเตรียมตัวเพื่อแข่งขัน เพื่อนผู้ร่วมแข่งขันซึ่งมักจะกลับบ้านพร้อมกับมนัญชยาขอตัวไปเข้าห้องน้ำ หญิงสาวจึงยืนรออยู่ที่โถงลิฟต์ มองซ้ายมองขวาไม่เห็นใครเพราะพนักงานส่วนหนึ่งกลับบ้านไปแล้ว ส่วนพนักงานที่ทำงานล่วงเวลาก็อยู่ในส่วนของสำนักงาน

ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินลงออกมาจากทางประตูบันไดซึ่งไม่ใคร่จะมีคนใช้เดินขึ้นลงตึกสูงขนาดนี้มากนัก เขาคงมองเธอผ่านช่องกระจกประตูอยู่พักใหญ่แล้วเมื่อมาหยุดยืนหน้าลิฟต์ในโถงเขาก็เอ่ยถามโดยไม่หันมามองเธอ

‘จะกลับบ้านแล้วเหรอ’

‘ค่ะ…รอเพื่อนอยู่น่ะค่ะ’

มนัญชยาหันไปตอบแล้วขมวดคิ้วอย่างสงสัยที่เขาพูดกับเธอแต่ทำเหมือนไม่ได้สนใจ หากเมื่อสายตาไปปะทะกับกล้องวงจรปิดหน้าประตูซึ่งเปิดออกไปยังบันไดเธอก็เข้าใจในทันที

‘ผมมีเรื่องจะคุยด้วย คุณหาทางปลีกตัวได้ไหม’

เธอไม่ทันขยับจะตอบเขาก็เอ่ยต่อ

‘ถัดจากนี้ไปสองซอย มีปั้มน้ำมันใหญ่อยู่กลางซอย ผมจะไปจอดรอคุณอยู่หน้าร้านกาแฟนะ’

กีรดิตบอกยี่ห้อ สีและทะเบียนรถของเขาก่อนจะก้าวเข้าไปในลิฟต์เมื่อประตูกล่องเหล็กเปิดออก

อะไรของเขานะสั่ง ๆ แล้วก็ไป แล้วทำไมจะต้องนัดให้มันลึกลับซับซ้อนขนาดนั้นด้วย ถ้าไม่อยากให้ใครรู้ ก็ไม่ต้องคุยกันซะดีกว่า



ราวครึ่งชั่วโมงต่อมา หญิงสาวก็เดินทางไปถึงสถานีบริการน้ำมันที่กีรดิตนัดแนะไว้ เขาเอี้ยวตัวมาดันผลักประตูรถให้เปิดออกแล้วเอ่ยเรียกให้เธอขึ้นไปนั่ง

ขนาดใส่แว่นดำมองไม่เห็นหน้าแบบนี้ยังดูดีชะมัด ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้

‘คุณอยากไปไหนก่อนกลับบ้านรึเปล่า’

‘คะ’

‘ผมถามว่าคุณอยากจะไปไหนหรือจะกลับบ้านเลย’

เขาไม่ได้ถามด้วยน้ำเสียงห้วนอย่างทุกครั้ง ทว่ามันก็ไม่ได้ฟังอ่อนหวานเพราะหูนัก

‘เกี๊ยวคิดว่าคุณเกมมีเรื่องจะคุยด้วยเสียอีกค่ะ คิดว่าคุณเกมอาจจะอยากแนะนำอะไรเกี๊ยวเกี่ยวกับการแสดงหรือการร้องเพลง’

‘คุณทำได้ดีอยู่แล้ว ทั้งร้องเพลงและแสดง แต่เรื่องเต้นอาจจะยังไม่คล่องเท่าไหร่’

‘แล้วตกลงคุณเกมจะพูดกับเกี๊ยวเรื่องนี้ใช่ไหมคะ หรือว่า…’ เธอนึกไปถึงเรื่องที่เขาเตือนเธอคราวก่อน บางทีเขาอาจจะอยากจะแค่ให้แน่ใจว่าเธอจะไม่ปูดเรื่องของสิรามลซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องกับเขาให้ใครได้ล่วงรู้

‘คุณคงเชื่อฟังที่ผมเตือนเป็นอย่างดีใช่ไหม’

‘ถ้าเป็นเรื่องนั้นคุณเกมวางใจได้ค่ะ เกี๊ยวขอตัวก่อนนะคะ’

เธอจะเอื้อมมือไปดึงคันเปิดล็อคแต่มือใหญ่ของชายหนุ่มคว้าเข้าที่ต้นแขน

‘ถ้าคุณไม่อยากแวะไปไหน ผมจะไปส่งคุณที่บ้าน’

มนัญชยาขยับจะค้านหากแววบางอย่างในดวงตาคมดุของกีรดิตหยุดปากเธอได้สนิท เขาคลายมือจากต้นแขนของหญิงสาว ติดเครื่องยนต์และนำรถยนต์คู่ใจออกจากสถานีบริการน้ำมันแห่งนั้น



กีรดิตขับรถไปตามท้องถนนในกรุงเทพโดยไม่ต้องคอยถามทางจากหญิงสาวอีกเพราะเคยไปส่งเธอมาแล้วครั้งหนึ่ง และครั้งนี้เมื่อถึงหน้าปากซอยเขาก็เลี้ยวรถเข้าไปทันที

‘คุณเกมคะ ถ้าจะกรุณา...จอดส่งหน้าปากซอยเถอะค่ะ’

‘ถ้าคุณกลัวว่าพ่อคุณจะเห็นว่าผมมาส่ง ผมก็จะจอดเลยบ้านคุณไปให้คุณลงจากรถเข้าบ้าน ผมอยากแน่ใจว่าส่งคุณถึงบ้านจริง ๆ’

‘แต่...’

‘ค่ายมวยช.โชคชัย อยู่ไม่ไกลจากปากซอยจริง ๆ ด้วยนะ แต่ถ้ากลับบ้านดึกดื่นเดินเข้าไปก็คงไม่ปลอดภัยนักสำหรับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างคุณ’

‘คุณเกมทราบด้วยเหรอคะ’

‘ผมก็ต้องดูรายการเดอะเธียเตอร์ ปรินเซสอยู่แล้ว เพราะผู้เข้าแข่งขันรายการนี้ถือเป็นว่าที่นักแสดงที่จะเล่นละครเวทีคู่กับผม’

‘จริงด้วยสินะคะ’

ว้า...นึกว่าพี่เกมอยากรู้เรื่องเราเป็นพิเศษเสียอีก

‘ขอบคุณคุณเกมอีกครั้งนะคะ ที่มาส่งเกี๊ยว’ เธอยังกลืนความผิดหวังไม่หมดดีเมื่อกล่าวกับเขา ขณะที่ชายหนุ่มจอดรถเลยจากหน้าประตูค่ายมวยช.โชคชัย ‘เกี๊ยวอยากยืนยันอีกครั้ง ว่าไม่เคยคิดจะเข้าวงการเพื่อหาประโยชน์จากใคร แค่อยากมีงานที่หาเงินได้มาก ๆ จะได้ช่วยให้พ่อเหนื่อยน้อยลงเท่านั้น’

เขานิ่งไปตอบคำของเธอ หากจอดรถรออยู่ขณะที่หญิงสาวเดินย้อนไปที่หน้าค่ายช.โชคชัย มนัญชยาระบายลมหายใจโล่งอกเมื่อไม่เห็นใครอยู่บริเวณที่ฝึกซ้อมหน้าค่าย เมื่อหันไปมองทางที่กีรดิตจอดรถอยู่ก็เห็นว่าเขาค่อยเคลื่อนรถออกไปช้า ๆ



มนัญชยาคงคิดว่าเขายังไม่ไว้ใจและอยากเตือนซ้ำเรื่องที่เคยบอกกับเธอหากไม่เพราะเช้าวันรุ่งขึ้น ชายหนุ่มขับรถมาจอดที่หน้าค่ายช.โชคชัย หญิงสาวจำรถยนต์ของเขาได้ในทันทีจึงรีบเดินไปหาก่อนที่ลุงกับพ่อจะกลับมาจากพานักมวยไปวิ่งออกกำลังกายและยศวันต์จะกลับจากวิ่งวินมอเตอร์ไซค์ช่วงเช้า

‘คุณเกม...มีธุระอะไรกับเกี๊ยวรึเปล่าคะ’

‘ผมจะไปทีโอพี ประชุมกับทีมเขียนบทเรื่องละครโทรทัศน์ เลยมารับคุณไปด้วย’

‘สักครู่พี่ชายของเกี๊ยววิ่งวินมอเตอร์ไซค์เสร็จก็จะมารับค่ะ แล้วเดี๋ยวพ่อกับลุงคงพาพวกนักมวยกลับจากไปวิ่ง’

‘ผมรู้...ถึงได้มาบอกคุณว่าผมจะไปจอดรถรออยู่ทางโน้น’ กีรดิตเอ่ย ‘ซ้อนมอเตอร์ไซค์ออกถนนใหญ่ช่วงนี้ไม่ค่อยดีหรอกนะ เกิดอุบัติเหตุขึ้นมา อาจจะมีผลกับการแข่งขันได้ บอกพี่ชายคุณว่าพ่อเพื่อนจะมารับก็แล้วกัน’

หญิงสาวอ้าปากจะแย้งเขาก็เลื่อนปิดกระจกเสียก่อนทั้งยังขับรถช้า ๆ ไปจอดห่างจากหน้าค่ายช.โชคชัยบริเวณที่เป็นอาคารพาณิชย์ซึ่งเป็นร้านอาหารอิสาน ร้านข้าวต้มที่ยังไม่เปิดขายในเวลาเช้าเช่นนี้

เช้านั้นและเช้าวันต่อ ๆ มายศวันต์มีเวลาพักผ่อนหลังจากวิ่งวินไม่ต้องไปส่งเธอที่ทีโอพี เพราะมี ‘พ่อเพื่อน’ มาจอดรอรับ และ ‘พ่อเพื่อน’ก็มีเหตุผลให้ต้องไปทีโอพีมาบอกกับหญิงสาวได้ทุกวันเช่นกัน



มนัญชยากลับมาตั้งสติกับปัจจุบันเมื่อพิธีกรรายการกล่าวเปิดรายการก่อนประกาศกติกาการแข่งขันเช่นเดียวกับที่เคยทำในทุกสัปดาห์ หากครั้งนี้มีบางสิ่งบางอย่างเพิ่มเติมขึ้นมา

“และทางผู้จัดการแข่งขันได้ตัดสินใจที่จะเพิ่มรางวัลสำหรับผู้ที่ได้คะแนนรวมผลโหวตและคะแนนจากคณะกรรมการเป็นอันดับสองของการแข่งขันในวันนี้”

หญิงสาวขมวดคิ้วแปลกใจเล็กน้อยหากไม่ได้คิดใส่ใจอะไรหากสายตาไม่เหลือบไปเห็นว่าดวงตาของกีรดิตดูเหมือนจะแข็งกระด้างขึ้นเล็กน้อยราวกับไม่พอใจกับสิ่งที่ได้ยินหากเขาคงรู้ตัวว่าอาจถูกกล้องจับมาได้ทุกเมื่อแววตาเช่นนั้นจึงแปรเปลี่ยนเป็นปกติอย่างรวดเร็ว

“โดยเธอผู้ที่ได้รับผลโหวตและคะแนนจากคณะกรรมการรวมกันได้เป็นอันดับที่สองจากผู้เข้าแข่งขันทั้งห้าคนนี้ ก็จะได้ร่วมแสดงใน ศึกรบบัลลังก์รัก ละครเวทีเดอะมิวสิคัลเรื่องแรกของทีโอพี ในบทสมทบสำคัญบทหนึ่งด้วยครับ”

ลูกสาวเจ้าของค่ายมวยพยายามมองลงไปบริเวณที่นั่งด้านล่างเวทีซึ่งพ่อ ลุงและพี่ชายนั่งอยู่ การแสดงบทบาทสั้น ๆ และร้องเพลงประจำสัปดาห์สุดท้ายผ่านไปตั้งแต่เมื่อค่ำวานแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาของการประกาศผลโหวตและผลคะแนนจากคณะกรรมการ

เธอไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้วนอกจากรอฟัง



กมลภัทร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 เม.ย. 2554, 10:56:49 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 เม.ย. 2554, 10:56:49 น.

จำนวนการเข้าชม : 2026





<< ตอนที่ 5   ตอนที่ 7 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account