เลือดรักทระนง
เด็กหญิงคนหนึ่งซ฿งถือกำเนิดมาจากโจร ปล้นฆ่า และเลือดอีกส่วนมาจากแม่ที่ไม่ยอมรับในความเป้นลูกของเธอ กระถินยังยืนหยัดที่จะอยู่อย่างทระนงในศักดิ์ศรีและค่าแห่งความเป้นคน ด้วยความรัก และซื่อสัตย์ต่อผู้มีพระคุณ
Tags: ศักดิ์ศรี คือสิ่งที่ต้องรักษา
ตอน: ไฟใกล้เชื้อ
ตอนที่ 4
อีกหลายวันต่อมา
ที่ห้องโถง
แม่นิ่มมานั่งฟังในฐานะผู้เลี้ยงดู พุดกรองเป็นคุณผู้หญิงของที่นี่มานาน นางเห็นความสำคัญของแม่นิ่มมีเท่ากับตนเอง เพราะทุกครั้งที่มีเรื่องสำคัญในบ้าน แม่นิ่มจะเป็นผู้ที่ออกความเห็นได้ และมีน้ำหนักในการรับฟัง แต่ที่พุดกรองยังไม่หาทางจัดการกับอีกฝ่ายเพราะเธอเห็นว่า แม่นิ่มไม่มาวุ่นวายกับเธอหรือกับลูกของเธอดังนั้นพุดกรองจึงได้แต่เพียง ลอบไม่พอใจเท่านั้น
รามนั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง เขาไม่เคยมองหน้าแม่เลี้ยงตรงๆ และหากมีเรื่องจะพูด ใบหน้า คมจะเชิดขึ้นอย่างถือตัว
“รามเรียนจบแล้ว พ่ออยากส่งรามไปเรียนต่ออังกฤษ”
พุดกรองลอบยิ้มยินดี เพราะความห่างเหินย่อมเป็นการดีสำหรับการโดนแทรกแซง
“ผมขอเรียนที่เมืองไทยอีกสักระยะครับจากนั้นจึงจะเรียนไปต่อไฮสคูลและเรียนให้ได้มากตามแต่คุณพ่อปรารถนา”
คุณพระศานต์เข้าไปค้อมร่างลงบีบบ่าลูกชายทั้งสองข้างก่อนเอ่ยว่า
“พ่อรักราม อยากให้รามดำเนินกิจการของพ่อ ค้าขายตามสภาพความเป็นจริงของตลาด เรียนต่อที่อังกฤษจะมีภาษีกว่าเพราะต่อรองกับอาณาประเทศได้ พ่อจึงอยากให้รามไปเรียนรู้การใช้ชีวิตอย่างผู้ดีอังกฤษเสียด้วย”
“คุณท่านเจ้าคะ คุณรามอายุยังน้อย รออีกสักระยะจะดีกว่านะคะ”แม่นิ่มรีบขัดเพราะเห็นว่ารามเริ่มลังเลใจ
“ทำไมเธอจึงคิดตามใจรามอย่างนั้นล่ะแม่นิ่ม”
“คุณรามต้องไปอยู่อย่างโดดเดี่ยวในประเทศที่มีคนไทยน้อยนัก ดิฉันเห็นใจคุณรามค่ะคุณท่าน”
พระศานต์พยักหน้ารับทราบตามเหตุผลของแม่นิ่มที่กล่าวอ้างออกมา แต่จะให้ยอมทั้งหมดท่านไม่อาจยอมจึงเดินกันครึ่งทางว่า
“เรียนจบเบื้องต้นแล้วไปต่อไฮสคูลก็แล้วกัน”
“ขอบคุณครับคุณพ่อ”รามไหว้บิดา พระศานต์จับบ่าลูกชายบีบเบาคราหนึ่ง แล้วจึงหันมาทางพุดกรองก่อนเอ่ยว่า
“เอาสร้อยสนไปเข้าเรียนเสียด้วยดีกว่า ฉันได้ยินแต่เจ้าซนของฉัน มันท่องหนังสือเสียงขรมทีเดียว แต่ ไม่ได้ยินเสียงสร้อยสนดังสักที ไหนท่องเป็นมั้ยสร้อย”
สร้อยสนก้มหน้าไม่กล้าสบตา คุณพระจึงตำหนิพุดกรองเรื่องนี้
“แทนที่เธอจะพาลูกเที่ยว เธอควรเอาใจใส่เรื่องการเรียนของสร้อยสนได้แล้ว พรุ่งนี้เธอไปกับทนายทด พาสร้อยสนไปเข้าเรียนเสียที อายุแปดขวบแล้วยังไม่ได้เรียนสักตัว เจ้ากระถินของฉันมันเพิ่งห้าหกขวบ แต่ฉันได้ยิน มันท่องหนังสือได้คล่องที่เดียว เดี๋ยวพี่จะเรียนไม่ทันน้อง ไม่ดี”
พุดกรองได้แต่เจ็บใจ ที่ฟังแล้วขัดหูคุณพระผู้เป็นสามีที่สุด เรื่องเอากระถินมาเปรียบกับสร้อยสน ที่สำคัญน้ำเสียงที่พูดถึง ‘นังลูกโจร’เต็มไปด้วยเมตตาจนน่าแค้นใจ
“เจ้าค่ะ พุดจะพาสร้อยไปเรียนหนังสือพรุ่งนี้ค่ะ”
“แล้วเธอไปดูแลกระถินบ้างมั้ย”
“มีคนดูแลอย่างที่คุณท่านพอใจแล้วนี่คะ”พุดกรองประชด แม่นิ่ม
“พุดไม่ขอยุ่งกับเด็กคนนั้น”
“ตามใจเธอ พ่อหมดธุระที่จะคุยแล้ว เรื่องการเรียนต่อเมืองนอกพักไว้ก่อนถึงเวลาแล้วต่อรองอีกไม่ได้เด็ดขาด”
รามรับคำบิดา เดินขึ้นตึกไป แม่นิ่มเดินออกไปข้างนอก ทันทีที่แม่นิ่มคล้อยหลังไป พุดกรองจึงเอ่ยออกมาว่า
“นางในของคุณพระคนนี้สำคัญนัก ทำไมไม่ออกหน้าออกตาล่ะเจ้าคะ”
“นี่เธอเข้าใจเรื่องฉันกับแม่นิ่มว่าอย่างไรพุดกรอง”
พุดกรองเล่นบทโศกขึ้นมาเพื่อเบี่ยงสิ่งที่ทำให้คุณพระไม่พอใจเรื่องการเลี้ยงดูสร้อยสน และไม่เคยสนใจกระถิน หากว่าท่านยังนำมาเปรียบเทียบได้อีกว่าคนที่นางไม่ใส่ใจกลับดูเอาดีได้มากกว่า
“พุดอดคิดมากไม่ได้นี่เจ้าคะ”เธอบีบน้ำตาเพียงนิดเดียว น้ำใสเอ่อคลอเรียกความสงสารให้พระศานต์ได้เห็นใจ ท่านเข้ามาดึงอีกฝ่ายไปสวมกอด
“อย่าคิดมากสิพุดกรอง ฉันแต่งงานกับเธอให้ความรักเธอ แต่เธอต้องอยู่ในฐานะคุณผู้หญิงที่เหมาะสมให้ได้ด้วยนะ เพราะฉันเป็นคนกว้างขวาง ฉันไม่อยากให้ใครมามองเมียฉันเป็นคนไม่ดี”
“ให้พุดได้เรียกคุณท่านว่าคุณพี่นะคะ”
พระศานต์หัวเราะชอบใจที่เมียสาวทำหึงหวง และขอเรียกนามใหม่อย่างที่ท่านพอใจ
คืนนั้นพุดกรองตั้งใจปรนนิบัติพระศานต์อย่างดี แต่พระศานต์ไม่เหมือนเมื่อตอนแต่งงานใหม่ๆ ท่านล่มแล้วล่มอีก จนกระทั่งพุดกรองลอบไม่พอใจ แต่ทำเป็นให้กำลังคุณพระจนท่านเข้มแข็งขึ้นมาต่อจนหมดยก
ท่านหอบหายใจ ก่อนสารภาพว่า
“ฉันคงจะแก่แล้วจริงๆ หมู่นี้ไม่ค่อยคิดเรื่องพวกนี้เลยทั้งที่เหล่อนยังสาวยังสวยมาก”
“ดิฉันรักคุณพี่ที่หัวใจนะเจ้าคะ”
“ฉันจะลองหาวิธีดูนะพุดกรอง”คุณพระปลอบใจเมียสาว
วัวเคยค้า ม้าเคยขี่ ท่านจึงรู้ว่าพุดกรองมีมากในเรื่องบนเตียง ท่านจึงไม่อาจย่อหย่อนได้ ไม่เช่นนั้นชีวิตรักอาจจะพังครืนลงมา
ท่านเป็นสุภาพบุรุษ จึงไม่อาจวางเฉยหรือละเลยต่อการเห็นภรรยานอนถอนใจด้วยความต้องการอ้อมกอดของสามีได้
คุณพระหายาไทยซึ่งขึ้นชื่อมาทาน แต่ก็ไม่นาน ท่านก็หมดไฟลงไปเสียดื้อ ครานี้ ปลุกปลอบอย่างไรไม่ขึ้นอีก พุดกรองได้แต่ทน อดทน ทำตัวซื่อสัตย์ต่อสามี หากว่าเพราะความต้องการอันเป็นความมืดในใจ ทำให้นางอดลอบมองคนวัยเดียวกันเสียไม่ได้ เมื่อมองแล้วนางจึงเก็บงำมาฝันหวาน...ความเพ้อฝัน การขาดความรักแต่แรก...ทำให้พุดกรองคิดเตลิดไกล
หากได้ครอบครองวังแห่งนี้พร้อมกับสมบัติมากค่าของคุณพระ โดยที่อีกฝ่ายไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว เธอจะแต่งงานใหม่ทันที!!
ที่บ้านทนายทด ซึ่งอยู่หลังสวนของพระศานต์ โดยพื้นที่ส่วนนั้นพระศานต์ได้ยกให้อีกฝ่ายเพราะทำงานด้วยกันมาตั้งแต่ทนายทดจบการศึกษาทางกฎหมายมาใหม่ๆ
เด็กชายวัยเดียวกับรามกำลังเก็บกวาดบ้านอย่างขยันขันแข็ง ทนายทดนั่งอ่านเอกสาร อยู่ครู่หนึ่งจึงใช้อีกฝ่าย
“ไปเอาน้ำมากินแก้วซินิธิ”
“ครับคุณอา”นิธิเด็กรุ่นร่างสูงโปร่งรีบไปทำงานให้ตามคำสั่งทันที ไม่นานนักเขานำแก้วน้ำพร้อมที่รองแก้วน้ำมาตั้งให้ผู้เป็นอาตามสายเลือด
ทนายทดมองอีกฝ่ายอย่างสังเกตถ้วนถี่ แล้วถามว่า
“แกตั้งใจเรียนเป็นอะไรนิธิ”
“ผมอยากเป็นหมอครับคุณอา”
“คงเป็นภาระฉันมากทีเดียวค่าเล่าเรียนไม่ใช่น้อยเลย พ่อแกไม่รู้จักเรียน ตายก็ไม่ทิ้งสมบัติอะไรไว้เลย”
นิธิก้มหน้าไม่ตอบว่าอะไร เขาเป็นเด็กที่สุภาพอ่อนโยน
“เอาเถอะทำตัวให้ดีก็แล้วกัน ไปทำอะไรก็ไปฉันจะอ่านสัญญานี่สักหน่อย”
นิธิรับคำ ค้อมหลังเดินจากไป
นมนิ่มกลับมาที่เรือนริมน้ำ กระถินรีบอ่านหนังสืออวดอีกฝ่าย พร้อมเขย่าแขนพี่เลี้ยงอีกคนที่ต้องสู้รบ
กันทุกวันว่า
“พี่จันทร์บอกแม่เร็วว่าวันนี้กระถินไม่ดื้อเลย”
“ค่ะไม่ดื้อสักนิด แต่แกล้งทำขันน้ำจมในโอ่งบ่อยๆ จันทร์ต้องงมหาจนหัวเปียกไปด้วย”
แม่นิ่มยิ้มในสีหน้า คำชมของพระศานต์ที่มีต่อกระถินดังแว่วเข้ามา นางเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย เชยคางมลขึ้นเพ่งพิศ ก่อนเอ่ยว่า
“อีกสองปีเรียนได้แล้ว ถ้าอ่านหนังสือเป็นเขียนได้จะได้เรียนขึ้นชั้นเร็วกว่าคนอื่นรู้มั้ยคะคุณกระถิน”
“ไม่รู้ค่ะ แต่กระถินรอแม่นิ่มมาค่ะ กระถินหิวข้าว”
“อ้าวจันทร์ทำไมไม่ดูแล ปล่อยให้คุณกระถินอดเกินเวลาได้ยังไง”
“คุณกระถินรอคุณนมค่ะ ไม่ยอมทาน กลัวแต่คุณนมจะโดนคุณรามริบไป”
“ไม่ได้ว่าอย่างนั้นนะ กระถินอยากกินข้าวพร้อมแม่ต่างหาก โกรธพี่จันทร์ร้อยปี ไม่ดีร้อยชาติ”เด็กหญิงทำหน้าบูด แม่นิ่มจึงว่า
“ทำหน้าบูดบึ้งไม่เก็บกิริยา ไม่สวยเลยนะคะ ตอนหลังห้ามนั่งรอ อีกนะคะได้เวลาต้องทานก่อน”
“กระถินกลัวแม่นิ่มอยู่บนตึกนี่คะ อุ๊บ”เด็กหญิงรีบปิดปากที่หลุดออกไป จันทร์ล้อเลียน
“นั่นแน่ ปลาหมอตายเพราะปากนี่เอง”
สองหญิงต่างวัยหากันหัวเราะเบาๆ สุดท้ายกระถินฉุดมือแม่นิ่มขึ้นเรือนไปทานข้าวพร้อมกัน
เวลาต่อมาในวันรุ่งขึ้น
ทนายทดมาทำงานแต่เช้าและได้รับคำสั่งให้พุดกรองพาสร้อยสนไปเข้าเรียน โรงเรียนสตรีมีระดับ สองแม่ลูกแต่งกายเสร็จเรียบร้อยแต่เช้า เมื่อทดมาแล้วจึงได้พากันไปทันที
ระหว่างการเดินทาง พุดกรองสอบถามทดด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า
“คุณทดพอจะรู้เรื่องของแม่นิ่มกับคุณพระบ้างมั้ย”
ทนายทดหยักยิ้มมุมปากอย่างรู้ทันความคิดของอีกฝ่าย พุดกรองเหลือบสายตามามองทนายความประจำตระกูล ทนายทดลอบมองสานสบตาอีกฝ่าย พุดกรองใจสั่นไปขณะหนึ่งก่อนแสร้งทำเสียงดุ
“ฉันถามคุณทดนะ ไม่ใช่ให้มามองฉันเล่นอย่างนี้”
“ผมไม่คิดเล่นหรอกครับคุณพุดกรอง ผมยอมตายทีเดียวถ้าคุณพุดกรองจะเรียกใช้ทุกอย่างที่ผมสามารถทำให้คุณได้”
พุดกรองมองเมินออกนอกรถไปทางอื่น ก่อนหันมาย้ำถามอีกฝ่าย
“ฉันถามเรื่องแม่นิ่งกับคุณพระ”
“แม่นิ่มเธอเป็นคนของคุณหญิง เป็นม่าย ไม่มีอะไรลึกซึ้งกับคุณพระหรอกครับ แม่นิ่มเธอครองตัวมาดี คุณพระเกรงใจเพราะว่าเธอดูแลคุณหญิงกระทั่งตาย คุณหญิงเธอเป็นวัณโรค ไม่มีคนกล้าใกล้ แต่แม่นิ่มดูแลพยาบาลจนถึงวาระ”
“ทำไมไม่ติดโรคนั้นด้วยนะ ฉันได้ยินมาว่าเป็นโรคติดต่อ”
“อยากให้คุณรามติดด้วยหรือครับคุณพุดกรอง”
พุดกรองหันขวับไปมองทนายทดว่ามีเจตนาอะไรถึงกล่าวโพล่งๆออกมา ทนายทดลำเลิกอย่างมีเจตนาแอบแฝงด้วยเรื่องอื่นขึ้นมาว่า
“ผมยิงเสือกาจตาย เพราะผมปกป้องคุณผู้หญิง ผมไม่เห็นแก่คุกตารางหรอกถ้าได้ทำเพื่อคุณ”
ทนายความกล่าวย้ำหลายครั้งทำให้พุดกรองเริ่มคิดว่า ทนายความคนนี้บอกความในใจกับตน หญิงสาวจึงแอบมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเพ่งพิศมากขึ้น
ทนายทดเป็นคนหน้าตาดี รูปร่างสูงโปร่ง เธอไม่เห็นเขามีผู้หญิง ที่บ้าน นอกจากเห็นว่ามีหลานชายเพิ่งเข้ามาอาศัยอยู่ด้วยเพียงคนเดียวเท่านั้น
เธอขาดเรื่องบนเตียงมาจากสามี...อาจบางที
พุดกรองสลัดความคิดเจ้ากรรมนั้นให้หลุด แต่ทนายทดยิ้มเป็นนัยน์บอกถึงความรู้เท่าทันในเรื่องนี้ พุดกรองจึงวนเวียนคิดถึงเรื่องการมีชู้อย่างย้ำคิดย้ำทำทีเดียว
หนึ่งนั้นเสนอ อีกหนึ่งนั้นขาดไม่ได้ ช่องว่างจึงถูกบาปกรรมบีบเข้ามาให้แนบสนิทชิดใกล้ พุดกรองเหมือนเชื้อที่รอไฟมาติด ทดคือไฟสวาทที่พร้อมเผาหญิงสาวสวยให้ลุกโพลง
เขาเปลื้องอาภรณ์ออกจากกายของพุดกรองอย่างง่ายดาย เฉกเดียวกับที่เขาถอดเสื้อตัวเองได้เพียงพริบตา และตามด้วยอาภรณ์ชั้นล่างสองชิ้น รูดกองลงบนพื้นอย่างไม่ใส่ใจ สายตาของทนายทดจับจ้องมองร่างเปลือย ขาวเนียนด้วยความละลานตา เขาระดมจูบอีกฝ่ายโดยแรงอย่างคนที่รอคอยมานานและได้สมหวัง พูดกรองความมือลงมาสัมผัสสิ่งที่เธอปรารถนาแต่พระศานต์หมดเชื้อเสียแล้ว ความอลังการของทนายทดทำให้เธอสูดลมหายใจเข้าปอดโดยแรงด้วยความพอใจอย่างยิ่งยวด ความพอใจทำให้เธอรูดเร่งโดยแรง ทนายทดสูดปากคราง แม้เสียววูบ แต่เจ็บวาบเช่นกัน เขาโอดครวญ เสียงสั่นพร่า ตาหรี่ปรือด้วยอารมณ์ใคร่ครุกรุ่น
“เบาหน่อยครับ ยังไงก็เป็นของคุณทั้งชีวิตผมแล้วคุณพุดกรอง”
ทดซุกหน้าลงซอกคอระหง ฟอนจูบไม่หยุดนิ่ง ทุกที่ที่เขาได้สูดกลิ่น ช่างกระตุ้นให้อารมณ์เขาเตลิดไกล อย่าว่าแต่มีช้างมาฉูดเลย แม้เวลานี้คุณพระศานต์มาเอาปืนจ่อกบาลชายหนุ่มเขายังคิดว่าจะตายคาอกซึ่งเขากำลังเคล้นคลึงอย่างอารมณ์ปั่นป่วนหญิงสาวแหงนหน้าเพริด ชายหนุ่มตามประกบจูบ
“คุณสวยไปทั้งตัว หอมมากเลยนะครับคุณพุดกรอง”ชายหนุ่มชมอย่างที่หญิงสาวพอใจ ก่อนที่จะเลื่อนกายลงไป พุดกรองตาเหลือกโพลง
“จะทำอะไรทด คุณจะทำอะไร”
“ทำให้คุณมีความสุขไงครับ”
“แต่นั่น ไม่ใช่”เธอแตกตื่น เพราะทั้งชีวิตไม่เคยสักครั้ง
ทดแทรกแซงด้วยปลายลิ้นลูบไล้ขึ้นบน หญิงสาวแอ่นกายเหยียดหยัดเป็นสุขอย่างประหลาดล้ำจนสารภาพลืมตัว
“ฉันชอบนะทด ชอบมาก ทำไมแบบนี้ถึงดีอย่างนี้เล่า”
พุดกรองออกปากชมทดอย่างที่เธอพึงพอใจ เขาช่างชำนาญเกมเหลือเกิน ชำนาญอย่างที่พุดกรองต้องหาเวลาเพื่อไขว้คว้าสิ่งที่เธอหลงใหล...กามรมย์
ทนายทดกอดร่างหญิงสาวแนบแน่น กระซิบบอกรักด้วยคำหวานจากใจ
“คุณพุดกรองรู้มั้ยว่าผมหลงรักคุณตั้งแต่แรกเห็น ผมรอวันนี้มานานแล้ว”
พุกกรองเสแสร้งมองค้อนอีกฝ่าย ตัดพ้อว่า
“นี่ทดจ้องจะเป็นชู้กับเมียนายตั้งแต่แรกเชียวหรือนี่ ฉันเพิ่งรู้นะ”
“คุณพระแก่เกินไปสำหรับคุณ”
ชายหนุ่มคลายกอดจากร่างงาม เปลี่ยนเป็นเค้นคลึงทรวงใหญ่ล้นหลาม บีบเบา และเริ่มแรงมากขึ้น ใบหน้าของทดซอนซุกลงบนสองเต้ากลมคลุกเค้าอย่างเมามันและเต็มไปด้วยแรงพิศวาสอย่างไม่ห้ามใจ
“อื๊อ ทด ทำอย่างนี้ ฉันก็ไปไหนจากทดไม่ได้แล้วล่ะสิ”
“อย่าไปจากผมเลยคุณพุดกรอง”
เขาเลื่อนมือเรียวยาววกสู่กึ่งกลางกาย พุดกรองค่อยเอนกายลงนอน สะบัดปลายขาขึ้นพาดไหล่อีกฝ่ายอย่างใจต้องการ
เสียงหอบหายใจแรง การวิงวอนเร่งเร้า
ทนายทดพลิกกายงนอน จับร่างงามขึ้นคร่อมร่างของเขา
“ทำตามใจคุณต้องการเลยครับคุณพุดกรอง”เขาเอ่ยเสียงกระเส่า นัยน์ตาพร่ามัว ริมฝีปากเปิดออกเพื่อผ่อนลมหายใจและครวญคราง
พุดกรองเป็นผู้นำทาง เธอเร่าร้อนอย่างที่ทนายทดรู้ เขาตามติดเพื่อสร้างความพอใจให้หญิงสาวให้มากที่สุดเท่าที่เขาทำได้
ชู้รักทั้งสองพึงพอใจในกันและกันมาก จึงเวียนหาเวลามาพบกันเสมอ!!
วันเวลาผ่านไปอีกสามปี
ร่างผอม ปราดเปรียว เติบโตขึ้นตามวัย กระถินอยู่ประถมหนึ่งแล้วได้พาสชั้นสองครั้ง ยามนี้เธอเรียนทันพี่สาวอยู่ชั้นเดียวกัน เจ้าตัวชอบใส่กางเกง เพราะชอบปีนป่ายต้นไม้ เธอเดินมาที่สร้อยสนซึ่งนั่งเล่นตุ๊กตาอยู่กับนางเฉียดขี้ข้าพลอยที่ชอบประจบสอพลอ นางละมุดวัยสาวพยักเพยิกให้สร้อยสนมองมาทางกระถิน
“อ้าวกระถินมานี่เร็วมาเล่นกับพี่”
กระถินรีบเดินมาหาพี่สาวต่างบิดา สร้อยสนส่งตุ๊กตาให้น้องอย่างไม่มีความรังเกียจแม้เพียงสักนิดเดียว
“พี่สร้อยเล่นอะไรไหนดูซิ”เธอแย่งจากมือพี่สาว ละมุดเอ็ดแย่งกลับ
“เอ๊ะคุณกระถินนี่ยังไงกัน คุณสร้อยอุตส่าห์ให้ดี ๆ แล้วนะ คุณกระถินยังจะแย่ง”
“หน็อย” กระถินคว้าผมยาวของละมุดขยุ้มดึงเต็มแรง
“ว้ายตายแล้ว ช่วยด้วยค่าช่วยด้วย”
“กระถินอย่าน้องอย่าทำเค้า”สร้อยสนดึงมือน้องสาวซึ่งไม่ยอมปล่อยออกง่าย จันทร์มาตามกระถิน เห็นภาพนายน้อยของตนกำลังออกแรงทึ้งผมคู่ปรับของตน ทั้งเตะถีบใส่ด้วยความดุร้าย จันทรืรีบเข้าไปดึงร่างกระถินออกมา เวลานั้นเองที่พุดกรองเดินเล่นผ่านมาพบเข้า คุณผู้หญิงของบ้าน ตวาดใส่จึงเอ็ดอึง”
“อะไรกันนั่น” พอเห็นลูกโจรตนก็โทสะพุ่งขึ้นสุดขีด
“หยุด หยุดเดี๋ยวนี้ นังกระถินแกมาอาละวาดเป็นคนบ้าที่นี่ได้อย่างไร” กระถินปล่อยมือจากผมของละมุด แต่ยังเหลือเส้นผมที่หลุดจากหนังศีรษะติดมากำใหญ่
นังละมุดรีบคลานเข่าปั้บ ๆ ไปฟ้องร้องพุดกรองด้วยรู้ว่าพุดกรองชังลูกคนนี้นัก นางน่าจะได้รับการปกป้อง และได้ยืมมือพุดกรองแก้แค้น
“คุณกระถินเกเรคุณสร้อย พอละมุดช่วยก็ทำร้ายละมุดค่ะ”
เด็กหญิงมินตราลุกปราดด่าทอไม่กลัวเกรง
“อีตอแหล”
“ตายแล้ว”พุดกรองไม่อาจทนกำพรืดต่ำช้านั้น จึงลืมตัวว่าตนเป็นผู้ดีแล้ว เธอตบหน้ากระถินจนกระเด็นตามแรงถลาล้ม จันทร์ปราดประคองนายไว้
“คุณกระถิน”
“ไปนะอีกระถินไปเดี๋ยวนี้ แล้วอย่ามายุ่ง กับคุณสร้อยอีกเด็ดขาด”
“คุณแม่”
“ฉันไม่ใช่แม่แก”พุดกรองกรีดร้องเสียงชิงชัง
“ไปให้พ้นเดี๋ยวนี้นะโน่นแม่แกแม่นิ่มโน่น ไปไป้”
กระถินกัดปากแน่นน้ำตาไหลเพียงหยดเดียววิ่งจากไปด้วยดวงใจที่เจ็บร้าวยิ่ง หากก็เจ็บจำในน้ำคำผู้ให้กำเนิด
หลังจากวันนั้นกระถินได้แต่แอบมองก็อยู่ไกลๆ โดยมิได้ย่างกรายมาใกล้พุดกรองอีกเลย
วันเวลาผ่านพ้นไปทุกเมื่อเชื่อวัน กระถินยังเป็นเด็กซน อยากรู้อยากเห็น และช่างจำ วันหนึ่งเด็กหญิงท่องอาขยานตามที่แม่นิ่มสอนทุกคืน เด็กน้อยจดจำได้ทุกหน้า แม้จะมีเล่มหนึ่งเล่มสอง แบ่งเป็นบท เด็กหญิงช่างจำได้หมด อ่านคล่องเขียนได้ เสียงใสๆท่องไปวิ่งไปบนพื้นที่ของวังนารายณ์
กระทั่งวิ่งเลยมาจนถึงศาลาลม ทรงกลมรูปโดมเล็กๆ กระถินชะเง้อเข้าไปเห็นคุณพระศานต์นั่งก้มหน้าทำงานอย่างขะมักเขม้น ท่านเปิดแผ่นกระดาษพลิกไปมา และบางทีเด็กหญิงเห็นคุณพระก้มอ่านนานๆ
ความอยากรู้ทำให้กระถินเข้าไปหาอีกฝ่าย คุณพระเหลือบสายตามาเห็นท่านจึงทำหน้าเข้ม ดุอีกฝ่ายอย่างไม่จริงจังนักว่า
“เอาแต่วิ่งเล่นอย่างนี้จะได้เรื่องหรือเรา”
“กระถินไม่ได้เอาแต่วิ่งเล่นเจ้าค่ะ กระถินท่องจำมาด้วยเจ้าค่ะ”ว่าพลางยืนท่องอาขยาน ให้ประมุขบ้านฟัง
‘หนูหล่อ พ่อเขาพาไปดูหมี ที่นาตาหมอหลอ
ตาหมอหลอแกก็เล่าให้รู้ว่า หมีแกดุ ได้มาใหม่ๆ
หนูหล่อไม่เชื่อแก เอาไม้เข้าไปแหย่หมี
หมีดุโผมา หนูหล่อหนีหมีมาปะทะไม้ ขาหวะเหวอะไป
ตาหมอหลอทำยาให้ทา แต่หนูหล่อไปไหนไม่ได้เก้าเวลา
พ่อเขาว่าแก่หนูหล่อให้รู้ตัวว่า ทีนี้ที่เสืออยู่ หมีอยู่ อย่าได้เข้าไป
ขาหวะเท่านี้พอหายาทาให้ ถ้าไม้ตำที่ตาหรือหู ก็จะเสียตาเสียหู
หายาอะไรมาทาตา ทาหูให้ดีไม่ได้แท้ๆ
หนูหล่อ พ่อว่า ก็เข้าใจว่าพ่อจะว่าให้ตัวดี
ทีนี้ที่ไหนมีหมีดุ หรือมีเสือดุ หมาดุ งูดุ หนูหล่อก็ไม่เข้าไป
หนูหล่อดี จำคำพ่อไว้ได้’
คุณพระศานต์มองอีกฝ่ายด้วยสายตาเพ่งพินิจอีกครั้งก่อนพยักหน้าเรียกให้มาหา
“ไหนมาหาฉันใกล้ๆซิ”
“ไม่ไปค่ะ”กระถินมักส่ายหน้าปฏิเสธใครก็ตามที่เรียกให้เธอเขาไปหาในครั้งแรกเสมอ เธอถึงได้ถูกต่อว่า ว่าดื้อ ซึ่งหากว่าแท้ที่จริงคือความฉลาดในการรู้จักปฏิเสธคนของเด็กหญิง
“อย่าดื้อกับฉัน เมื่อฉันเรียกให้มา ต้องมา”
กระถินเงยขึ้นมองด้วยสายตาคมกริบ ตากลมโตบอกความเฉลียวฉลาด เด็กหญิงค่อยๆเดินเข้าไปใกล้เมื่อคุณพระศานต์ส่งยิ้มอย่างมีเมตตามาให้
“ท่องได้มากอย่างนี้แล้วเขียนเป็นหรือไม่ เจ้ากระถิน”
“เขียนเป็นเจ้าค่ะ กระถินเรียนเก่งจนคุณครูชมว่า กระถินเป็นเด็กหัวแหลม กระถินหิวน้ำเจ้าค่ะ”
“บทท้ายๆนี่ไม่ใช่อาขยานแล้วนี่”คุณพระกล่าวพลางหัวเราะ จากนั้นรินน้ำชาจากกาซึ่งใส่ไว้ในลูกมะพร้าวทั้งเปลือก เพื่อถนอมความร้อนให้ยาวนานมากว่าเดิม
ท่านรินใส่จอกหนึ่งส่งให้กระถิน เด็กหญิงรับไปดื่มอย่างกระหาย คุณพระเอ่ยไปพลาง
“ตระโกนเสียงดังขนาดนั้นคอไม่แตกให้รู้ไป รู้มั้ย หัวแหลม เขาเรียกว่าหัวลิง แกมันซนเป็นลิงจริงเสียด้วย”
“น้ำขม ไม่อร่อยเหมือนน้ำมะตูมเลยนะเจ้าคะ กระถินเอาน้ำมะตูมมาให้นะเจ้าคะคุณท่าน แม่นมบอกว่าดื่มแล้วแก้กระหายน้ำ”
“เจ้าคนรู้มาก เจ้านี่มันรู้เยอะเกินเด็กไปทีเดียว นี่แม่นิ่มใส่อะไรมาในสมองของเจ้า เจ้าคงเปิดรับมาไว้หมดล่ะสิ”ท่านพูด แต่เด็กน้อยไม่เข้าใจเท่าไหร่ จึงไม่ใส่ใจจำ
เด็กน้อยชะเง้อมองสิ่งที่ตนสงสัยและสนใจแต่แรกว่าคุณพระเจ้าของวังนารายณ์ทำอะไร เธอได้เห็นกองหนังสือ และกระดาษซ้อนกันมาก ความซนของเด็กหญิงทำให้ห้ามใจไม่อยู่จึงเอื้อมมือไปหยิบ แต่คุณพระปรามไว้
“ของสำคัญอย่างนี้ เจ้าจะซนเที่ยวรื้อค้นไม่ได้นะเจ้ากระถิน”
“ของอะไรเจ้าคะจึงเรียกว่าสำคัญ”
“นี่เป็นบัญชี รู้จักมั้ยบัญชี”ท่านย้อนถาม กระถินส่ายหน้า ท่านจึงว่า
“บัญชีนี้คือตัวเลข และการจดบันทึกเป็นตัวหนังสือ การจดการใช้จ่าย เป็นรายรับ รายจ่าย ถ้าเราทำละเอียด ใครจะโกงเราไม่ได้”
“มีคนโกงคุณท่านด้วยหรือเจ้าคะ”
“มีสิ มีมากด้วย ดังนั้นฉันจึงต้องทำอย่างละเอียด”
“ให้กระถินช่วยทำไหมเจ้าคะ กระถินจะได้จับคนโกงให้คุณท่าน”
คุณพระหัวเราะชอบใจ ลูบศีรษะอีกฝ่ายด้วยความเอ็นดู ก่อนจับอีกฝ่ายขึ้นมานั่งบนตัก แล้วสอนให้นับเลข กระถินอวดโอ้
“กระถินยังคูณได้นะเจ้าคะ สองคูณหนึ่งเป็นสอง”
“ดีมากเจ้ากระถิน”
“กระถินจะไปเล่นก่อนนะเจ้าคะ กระถินอยากวิ่งไปดูตรงหน้าวังเจ้าค่ะ ไปดูว่าลุงดำแอบหลับหรือเปล่า”
คุณพระหัวเราะร่วนอย่างชอบอกชอบใจ ก่อนเอ่ย
“เรานี่มันซนนะเจ้าซน ต่อไปนี้ไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณท่านแล้ว เรียกคุณลุงก็พอ เรียกซิ”
“เจ้าค่ะคุณลุง”
“แล้วเรื่องบัญชีล่ะเจ้าซน”
“บัญชีที่จดไว้ไม่ให้คนโกงหรือเจ้าคะ”เด็กหญิงตอบอย่างคนช่างจำ คุณพระเกิดประกายตาคมวาวมาวูบหนึ่ง กระถินลงจากตักอีกฝ่าย ผละจากไปโดยมีสายตาของผู้เป็นประมุขวังแห่งนี้มองตามไปด้วยความเมตตายิ่งนัก
คุณพระอยากตามไปดูว่ากระถินจะไปสำแดงเดชอะไรกับนายดำซึ่งทำงานหลายหน้าที่ ทั้งเป็นคนรถ เป็นยาม และบางขณะทำสวน ทุกคนต่างชมนายดำว่าขยัน แต่ความซนของกระถิน เผลอบอกว่า นายดำ แอบหลับ วันนี้คุณพระอยากไปพิสูจน์เหมือนกันว่าจริงหรือเปล่า
ฝ่ายเด็กหญิงจอมซนวิ่งสลับเท้าไปเรื่อยไม่ได้รีบร้อน ปากท่องหนังสืออย่างนกแก้ว แต่ความจำเป็นเลิศ ครั้นใกล้ป้อมยามเล็กๆหน้าวังนารายณ์ กระถิน หยุดเท้า หยุดปาก ทำทีเป็นย่อง ดังแมวขโมย คูณพระตามมา ถึกลับลอบยิ้ม ทำย่องตามเด็กหญิงไปด้วย
กระถินเห็นนายดำหลับงีบอยู่ จึงป้องปาก ตะโกนเสียงแจ๋วว่า
“เปิดประตูหน่อยเจ้าข้าเอ๊ย เจ้าข้าเอ๊ยมีใครอยู่บ้าง”
นายดำสะดุ้งสุดตัว ลืมตาตื่น ป้ายน้ำลายมุมปากออก พอเห็นว่าเป็นกระถินเขารีบจุปาก
“คุณกระถินอีกแล้ว ซนที่ไหนไม่ซน ต้องมาซนแถวกระผมอยู่เรื่อย”
“ก็แถวนี้เป็นประตูนี่นา คนเข้าออกก็ต้องเข้าทางนี้นี่ลุงดำ”
นายดำทำท่าจะต่อปากต่อคำ แต่สายตาแลเลยไปข้างหลังจึงพบประมุขบ้าน นายดำนั่งไหว้ แต้ กระถินหันไปมอง แล้วทำสะดุ้ง
“คุณลุง”
“เออลุงตามเจ้ามา มาเห็นคนแอบหลับ น่าตัดเงินเดือนเสียจริงนายดำ ง่วงก็ไปนอน แล้วเรียกนายแย้มมาเฝ้าแทนไป”
“ขอรับคุณท่าน”
“เออแล้วเตือนเจ้าแย้มด้วยนะว่า ข้ามีตาแมวคอยดักจับคนแอบสันหลังยาว เจ้าซนของฉันนี่ล่ะ มันซนทั่วบ้านไปเชียว”ท่านบอกพลางดึงเด็กหญิงเข้ามาใกล้ลูบผมเปียกเหงื่ออย่างเอ็นดู
กระถินเงยขึ้นมองคุณพระท่านทอดสายตามองอย่างเมตตา
กระถินมีสายเลือดครึ่งหนึ่งที่ท่านรู้มาว่าเป็นเสือ เป็นโจร หากว่าเวลานี้ท่านเห็นความฉลาด เท่าทันคน และช่างสังเกตของเด็กหญิง ท่านอดคิดไม่ได้ว่า หากกระถินเป็นเสือ ท่านจะเลี้ยงไว้ให้เชื่อง เพื่อว่าวันหนึ่ง เสือตัวนี้จะเป็นเขี้ยวเล็บช่วยรามในวันข้างหน้า!
วันหนึ่งแม่นิ่มนั่งทำขนมเบื้อง กระถินทำหน้าที่โรยหน้า และทาครีม นมนิ่มแซะชิ้นที่สุกใส่จาน จันทร์เป็นลูกมือ พุดกรองเดินผ่านมาที่เรือนริมน้ำ นางสั่งแม่นิ่มราวกับสั่งคนใช้ว่า
“ฉันมีแขกรับน้ำชา แม่นิ่มยกขนมไปด้วยตัวเองนะ ไม่ต้องให้คนใช้ไป”
“กระถินยกไปให้ค่ะแม่นิ่ม กระถินไม่ใช่คนใช้”
“นังกระถิน นี่แกกล้าดียังไงมาขัดคำสั่งฉัน”
“ไม่ได้ขัดเสียหน่อย แต่ทำไมต้องมาใช้แม่ด้วยล่ะ”
แม่นิ่มรีบขัด เพราะไม่ชอบให้เด็กหญิงมีท่าทางกระด้างกระเดื่องต่อบุพการี
“ไม่เอาค่ะคุณกระถิน อย่าเถียงคุณแม่”
“ไม่ใช่แม่กระถิน เขาไม่ให้เรียกแม่”
“คุณกระถินหยุดนะ นมโกรธแล้วนะที่คุณดื้ออย่างนี้”แม่นิ่มดุเสียงเขียว กระถินก้มหน้างุด
พุดกรองมองเย้ยหยันมาที่แม่นิ่มกำชับว่า
“สั่งสอนกันให้ดีแม่นิ่ม ไม่ใช่มาพูดต่อหน้าฉันทำเป็นสอนดี แต่ลับหลังยุยงเด็กจนมาตีฝีปากกล้า”
กระถินโกรธจัด เธอเพิ่งได้รับความช้ำใจจากอีกฝ่ายอย่างไม่มีวันลืมได้ เธอถูกพุดกรองตบหน้าเพราะเข้าข้างละมุด
พุดกรองเห็นละมุดดีกว่าเธอ ทำให้กระถินเจ็บและจำ วันนี้พุดกรองมาจิกใช้แม่นิ่มคนที่เธอบูชา ดังนั้นความกล้าไม่กลัวใครทำให้กระถินลุกพรวดกระทืบเท้าเร่า เอาเรื่องพุดกรองว่า
“อย่ามาว่าแม่เค้านะ”
“คุณกระถิน”แม่นิ่มฟาดขากระถินเผียะใหญ่ด้วยฝ่ามืออย่างลืมตัว อย่าก้าวร้าวอย่างนี้นะคะ แม่สอนแล้วนะ แล้วนั่นคือคุณแม่ของคุณกระถิน อย่าทำกิริยาร้ายเข้าใส่คุณแม่อย่างนี้เด็ดขาด”
กระถินหันไปมองแม่นิ่มด้วยความไม่เข้าใจ พุดกรองเดินจากไป กระถินกระโจนพรวดๆลงเรือน จันทร์ขยับตาม แต่แม่นิ่มไม่ให้ตาม
เวลาต่อมาแม่นิ่มทำตามคำสั่งพุดกรองโดยนำขนมไปส่งให้ด้วยตนเอง พวกเพื่อนผู้ดีที่พุดกรองเชิญมา ต่างเอาพัดปิดปากนินทาตามหลังแม่นิ่มว่าเป็นเมียเก็บคุณพระศานต์ อย่างที่พุดกรองไปให้ร้าย
แม่นิ่มได้ยินแล้ว แต่จำใจเก็บงำไว้ในอกไม่บอกใคร...ทำไมแม่นิ่มจะไม่เข้าใจว่า พุดกรองใช้วิธีนี้บีบให้แม่นิ่มทนอยู่ไม่ได้ และให้ออกจากบ้านหลังนี้ไป แม่นิ่มรู้จึงไม่ตามตกหลุมพรางนั้น
เมื่อกลับถึงเรือน จันทร์เก็บของใช้ไปล้าง จัดทำสถานที่ทำขนมจนสะอาด แม่นิ่มถามถึงกระถิน ได้ความว่าหายไปไม่กลับมา แม่นิ่มจึงว่า
“เดี๋ยวก็กลับ”
เวลาเดี๋ยวของแม่นิ่มนานเกินไปเสียแล้ว เพราะพระอาทิตย์ตกไปนานกระถินยังไม่กลับมา แม่นิ่มและจันทร์ออกตามหาจนทั่ว
ยิ่งดึกยิ่งร้อนใจ สุดท้ายต้องเกณฑ์คนออกตามกันอีก บางคนเห็นความร้ายของกระถินที่เอาเรื่องกับคนที่ไม่ชอบเธอก็ไม่เต็มใจออกตาม
ฝนเริ่มตก แม่นิ่มเริ่มใจเสีย สุดท้ายตามพบที่โคนไม้ริมน้ำติดสวนทนายทด พอเห็นคนมาตาม กระถินกอดต้นไม้แน่นหนา ไม่ยอมกลับ
“ไม่ไป กระถินไม่กลับ แม่ไม่รักกระถินอีกแล้ว”
“แม่รักคุณกระถินนะคะ แต่แม้นิ่มต้องทำโทษที่คุณผิดนะคะ”
“กระถินไม่ผิด ไม่ผิด คุณผู้หญิงต่างหากที่ผิด คุณผู้หญิงผิด”
“คุณกระถิน”แม่นิ่มเขาไปแกะมือกระถินออกจากต้นไม้ แต่เด็กหญิงยิ่งรัดแน่นเข้า
แม่นมอ่อนใจมาก จึงนั่งลงกับพื้นเอ่ยกับบริวารที่ตามมาเฝ้าดุเหตุการณ์คุณกระถิน ‘ออกลาย’ ว่า
“ทุกคนกลับไปเถอะ ฉันจะนั่งกับคุณกระถินที่นี่ล่ะ”
“แม่นิ่มกลับไปนะ กระถินจะอยู่คนเดียว”
“ไม่กลับ ฝนตกจะได้เปียกด้วยกัน คุณกระถินป่วยแม่นิ่มก็ป่วย”
“แม่...”กระถินมืออ่อนปล่อยออกจากต้นไม้ โผเข้ากอดแม่นิ่ม ซึ่งรวบร่างอีกฝ่ายไว้ในอ้อมแขน เอ่ยทั้งน้ำตารินอาบสองแก้ม
“แม่รู้ รู้ค่ะว่าคุณกระถินรักแม่นม แต่ แม่เป็นเพียงคนใช้เท่านั้น คุณพุดกรองต่างหากเป็นแม่ที่แท้จริงของคุณกระถิน คุณอย่าไปกระด้างกระเดื่องอย่างนั้นนะคะมันบาป”
กระถินกอดอีกฝ่ายแน่น พยักหน้ารับคำแต่โดยดี
จันทร์รำพึงแต่เพียงว่า กลัวใจเหลือเกิน!
อีกหลายวันต่อมา
ที่ห้องโถง
แม่นิ่มมานั่งฟังในฐานะผู้เลี้ยงดู พุดกรองเป็นคุณผู้หญิงของที่นี่มานาน นางเห็นความสำคัญของแม่นิ่มมีเท่ากับตนเอง เพราะทุกครั้งที่มีเรื่องสำคัญในบ้าน แม่นิ่มจะเป็นผู้ที่ออกความเห็นได้ และมีน้ำหนักในการรับฟัง แต่ที่พุดกรองยังไม่หาทางจัดการกับอีกฝ่ายเพราะเธอเห็นว่า แม่นิ่มไม่มาวุ่นวายกับเธอหรือกับลูกของเธอดังนั้นพุดกรองจึงได้แต่เพียง ลอบไม่พอใจเท่านั้น
รามนั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง เขาไม่เคยมองหน้าแม่เลี้ยงตรงๆ และหากมีเรื่องจะพูด ใบหน้า คมจะเชิดขึ้นอย่างถือตัว
“รามเรียนจบแล้ว พ่ออยากส่งรามไปเรียนต่ออังกฤษ”
พุดกรองลอบยิ้มยินดี เพราะความห่างเหินย่อมเป็นการดีสำหรับการโดนแทรกแซง
“ผมขอเรียนที่เมืองไทยอีกสักระยะครับจากนั้นจึงจะเรียนไปต่อไฮสคูลและเรียนให้ได้มากตามแต่คุณพ่อปรารถนา”
คุณพระศานต์เข้าไปค้อมร่างลงบีบบ่าลูกชายทั้งสองข้างก่อนเอ่ยว่า
“พ่อรักราม อยากให้รามดำเนินกิจการของพ่อ ค้าขายตามสภาพความเป็นจริงของตลาด เรียนต่อที่อังกฤษจะมีภาษีกว่าเพราะต่อรองกับอาณาประเทศได้ พ่อจึงอยากให้รามไปเรียนรู้การใช้ชีวิตอย่างผู้ดีอังกฤษเสียด้วย”
“คุณท่านเจ้าคะ คุณรามอายุยังน้อย รออีกสักระยะจะดีกว่านะคะ”แม่นิ่มรีบขัดเพราะเห็นว่ารามเริ่มลังเลใจ
“ทำไมเธอจึงคิดตามใจรามอย่างนั้นล่ะแม่นิ่ม”
“คุณรามต้องไปอยู่อย่างโดดเดี่ยวในประเทศที่มีคนไทยน้อยนัก ดิฉันเห็นใจคุณรามค่ะคุณท่าน”
พระศานต์พยักหน้ารับทราบตามเหตุผลของแม่นิ่มที่กล่าวอ้างออกมา แต่จะให้ยอมทั้งหมดท่านไม่อาจยอมจึงเดินกันครึ่งทางว่า
“เรียนจบเบื้องต้นแล้วไปต่อไฮสคูลก็แล้วกัน”
“ขอบคุณครับคุณพ่อ”รามไหว้บิดา พระศานต์จับบ่าลูกชายบีบเบาคราหนึ่ง แล้วจึงหันมาทางพุดกรองก่อนเอ่ยว่า
“เอาสร้อยสนไปเข้าเรียนเสียด้วยดีกว่า ฉันได้ยินแต่เจ้าซนของฉัน มันท่องหนังสือเสียงขรมทีเดียว แต่ ไม่ได้ยินเสียงสร้อยสนดังสักที ไหนท่องเป็นมั้ยสร้อย”
สร้อยสนก้มหน้าไม่กล้าสบตา คุณพระจึงตำหนิพุดกรองเรื่องนี้
“แทนที่เธอจะพาลูกเที่ยว เธอควรเอาใจใส่เรื่องการเรียนของสร้อยสนได้แล้ว พรุ่งนี้เธอไปกับทนายทด พาสร้อยสนไปเข้าเรียนเสียที อายุแปดขวบแล้วยังไม่ได้เรียนสักตัว เจ้ากระถินของฉันมันเพิ่งห้าหกขวบ แต่ฉันได้ยิน มันท่องหนังสือได้คล่องที่เดียว เดี๋ยวพี่จะเรียนไม่ทันน้อง ไม่ดี”
พุดกรองได้แต่เจ็บใจ ที่ฟังแล้วขัดหูคุณพระผู้เป็นสามีที่สุด เรื่องเอากระถินมาเปรียบกับสร้อยสน ที่สำคัญน้ำเสียงที่พูดถึง ‘นังลูกโจร’เต็มไปด้วยเมตตาจนน่าแค้นใจ
“เจ้าค่ะ พุดจะพาสร้อยไปเรียนหนังสือพรุ่งนี้ค่ะ”
“แล้วเธอไปดูแลกระถินบ้างมั้ย”
“มีคนดูแลอย่างที่คุณท่านพอใจแล้วนี่คะ”พุดกรองประชด แม่นิ่ม
“พุดไม่ขอยุ่งกับเด็กคนนั้น”
“ตามใจเธอ พ่อหมดธุระที่จะคุยแล้ว เรื่องการเรียนต่อเมืองนอกพักไว้ก่อนถึงเวลาแล้วต่อรองอีกไม่ได้เด็ดขาด”
รามรับคำบิดา เดินขึ้นตึกไป แม่นิ่มเดินออกไปข้างนอก ทันทีที่แม่นิ่มคล้อยหลังไป พุดกรองจึงเอ่ยออกมาว่า
“นางในของคุณพระคนนี้สำคัญนัก ทำไมไม่ออกหน้าออกตาล่ะเจ้าคะ”
“นี่เธอเข้าใจเรื่องฉันกับแม่นิ่มว่าอย่างไรพุดกรอง”
พุดกรองเล่นบทโศกขึ้นมาเพื่อเบี่ยงสิ่งที่ทำให้คุณพระไม่พอใจเรื่องการเลี้ยงดูสร้อยสน และไม่เคยสนใจกระถิน หากว่าท่านยังนำมาเปรียบเทียบได้อีกว่าคนที่นางไม่ใส่ใจกลับดูเอาดีได้มากกว่า
“พุดอดคิดมากไม่ได้นี่เจ้าคะ”เธอบีบน้ำตาเพียงนิดเดียว น้ำใสเอ่อคลอเรียกความสงสารให้พระศานต์ได้เห็นใจ ท่านเข้ามาดึงอีกฝ่ายไปสวมกอด
“อย่าคิดมากสิพุดกรอง ฉันแต่งงานกับเธอให้ความรักเธอ แต่เธอต้องอยู่ในฐานะคุณผู้หญิงที่เหมาะสมให้ได้ด้วยนะ เพราะฉันเป็นคนกว้างขวาง ฉันไม่อยากให้ใครมามองเมียฉันเป็นคนไม่ดี”
“ให้พุดได้เรียกคุณท่านว่าคุณพี่นะคะ”
พระศานต์หัวเราะชอบใจที่เมียสาวทำหึงหวง และขอเรียกนามใหม่อย่างที่ท่านพอใจ
คืนนั้นพุดกรองตั้งใจปรนนิบัติพระศานต์อย่างดี แต่พระศานต์ไม่เหมือนเมื่อตอนแต่งงานใหม่ๆ ท่านล่มแล้วล่มอีก จนกระทั่งพุดกรองลอบไม่พอใจ แต่ทำเป็นให้กำลังคุณพระจนท่านเข้มแข็งขึ้นมาต่อจนหมดยก
ท่านหอบหายใจ ก่อนสารภาพว่า
“ฉันคงจะแก่แล้วจริงๆ หมู่นี้ไม่ค่อยคิดเรื่องพวกนี้เลยทั้งที่เหล่อนยังสาวยังสวยมาก”
“ดิฉันรักคุณพี่ที่หัวใจนะเจ้าคะ”
“ฉันจะลองหาวิธีดูนะพุดกรอง”คุณพระปลอบใจเมียสาว
วัวเคยค้า ม้าเคยขี่ ท่านจึงรู้ว่าพุดกรองมีมากในเรื่องบนเตียง ท่านจึงไม่อาจย่อหย่อนได้ ไม่เช่นนั้นชีวิตรักอาจจะพังครืนลงมา
ท่านเป็นสุภาพบุรุษ จึงไม่อาจวางเฉยหรือละเลยต่อการเห็นภรรยานอนถอนใจด้วยความต้องการอ้อมกอดของสามีได้
คุณพระหายาไทยซึ่งขึ้นชื่อมาทาน แต่ก็ไม่นาน ท่านก็หมดไฟลงไปเสียดื้อ ครานี้ ปลุกปลอบอย่างไรไม่ขึ้นอีก พุดกรองได้แต่ทน อดทน ทำตัวซื่อสัตย์ต่อสามี หากว่าเพราะความต้องการอันเป็นความมืดในใจ ทำให้นางอดลอบมองคนวัยเดียวกันเสียไม่ได้ เมื่อมองแล้วนางจึงเก็บงำมาฝันหวาน...ความเพ้อฝัน การขาดความรักแต่แรก...ทำให้พุดกรองคิดเตลิดไกล
หากได้ครอบครองวังแห่งนี้พร้อมกับสมบัติมากค่าของคุณพระ โดยที่อีกฝ่ายไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว เธอจะแต่งงานใหม่ทันที!!
ที่บ้านทนายทด ซึ่งอยู่หลังสวนของพระศานต์ โดยพื้นที่ส่วนนั้นพระศานต์ได้ยกให้อีกฝ่ายเพราะทำงานด้วยกันมาตั้งแต่ทนายทดจบการศึกษาทางกฎหมายมาใหม่ๆ
เด็กชายวัยเดียวกับรามกำลังเก็บกวาดบ้านอย่างขยันขันแข็ง ทนายทดนั่งอ่านเอกสาร อยู่ครู่หนึ่งจึงใช้อีกฝ่าย
“ไปเอาน้ำมากินแก้วซินิธิ”
“ครับคุณอา”นิธิเด็กรุ่นร่างสูงโปร่งรีบไปทำงานให้ตามคำสั่งทันที ไม่นานนักเขานำแก้วน้ำพร้อมที่รองแก้วน้ำมาตั้งให้ผู้เป็นอาตามสายเลือด
ทนายทดมองอีกฝ่ายอย่างสังเกตถ้วนถี่ แล้วถามว่า
“แกตั้งใจเรียนเป็นอะไรนิธิ”
“ผมอยากเป็นหมอครับคุณอา”
“คงเป็นภาระฉันมากทีเดียวค่าเล่าเรียนไม่ใช่น้อยเลย พ่อแกไม่รู้จักเรียน ตายก็ไม่ทิ้งสมบัติอะไรไว้เลย”
นิธิก้มหน้าไม่ตอบว่าอะไร เขาเป็นเด็กที่สุภาพอ่อนโยน
“เอาเถอะทำตัวให้ดีก็แล้วกัน ไปทำอะไรก็ไปฉันจะอ่านสัญญานี่สักหน่อย”
นิธิรับคำ ค้อมหลังเดินจากไป
นมนิ่มกลับมาที่เรือนริมน้ำ กระถินรีบอ่านหนังสืออวดอีกฝ่าย พร้อมเขย่าแขนพี่เลี้ยงอีกคนที่ต้องสู้รบ
กันทุกวันว่า
“พี่จันทร์บอกแม่เร็วว่าวันนี้กระถินไม่ดื้อเลย”
“ค่ะไม่ดื้อสักนิด แต่แกล้งทำขันน้ำจมในโอ่งบ่อยๆ จันทร์ต้องงมหาจนหัวเปียกไปด้วย”
แม่นิ่มยิ้มในสีหน้า คำชมของพระศานต์ที่มีต่อกระถินดังแว่วเข้ามา นางเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย เชยคางมลขึ้นเพ่งพิศ ก่อนเอ่ยว่า
“อีกสองปีเรียนได้แล้ว ถ้าอ่านหนังสือเป็นเขียนได้จะได้เรียนขึ้นชั้นเร็วกว่าคนอื่นรู้มั้ยคะคุณกระถิน”
“ไม่รู้ค่ะ แต่กระถินรอแม่นิ่มมาค่ะ กระถินหิวข้าว”
“อ้าวจันทร์ทำไมไม่ดูแล ปล่อยให้คุณกระถินอดเกินเวลาได้ยังไง”
“คุณกระถินรอคุณนมค่ะ ไม่ยอมทาน กลัวแต่คุณนมจะโดนคุณรามริบไป”
“ไม่ได้ว่าอย่างนั้นนะ กระถินอยากกินข้าวพร้อมแม่ต่างหาก โกรธพี่จันทร์ร้อยปี ไม่ดีร้อยชาติ”เด็กหญิงทำหน้าบูด แม่นิ่มจึงว่า
“ทำหน้าบูดบึ้งไม่เก็บกิริยา ไม่สวยเลยนะคะ ตอนหลังห้ามนั่งรอ อีกนะคะได้เวลาต้องทานก่อน”
“กระถินกลัวแม่นิ่มอยู่บนตึกนี่คะ อุ๊บ”เด็กหญิงรีบปิดปากที่หลุดออกไป จันทร์ล้อเลียน
“นั่นแน่ ปลาหมอตายเพราะปากนี่เอง”
สองหญิงต่างวัยหากันหัวเราะเบาๆ สุดท้ายกระถินฉุดมือแม่นิ่มขึ้นเรือนไปทานข้าวพร้อมกัน
เวลาต่อมาในวันรุ่งขึ้น
ทนายทดมาทำงานแต่เช้าและได้รับคำสั่งให้พุดกรองพาสร้อยสนไปเข้าเรียน โรงเรียนสตรีมีระดับ สองแม่ลูกแต่งกายเสร็จเรียบร้อยแต่เช้า เมื่อทดมาแล้วจึงได้พากันไปทันที
ระหว่างการเดินทาง พุดกรองสอบถามทดด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า
“คุณทดพอจะรู้เรื่องของแม่นิ่มกับคุณพระบ้างมั้ย”
ทนายทดหยักยิ้มมุมปากอย่างรู้ทันความคิดของอีกฝ่าย พุดกรองเหลือบสายตามามองทนายความประจำตระกูล ทนายทดลอบมองสานสบตาอีกฝ่าย พุดกรองใจสั่นไปขณะหนึ่งก่อนแสร้งทำเสียงดุ
“ฉันถามคุณทดนะ ไม่ใช่ให้มามองฉันเล่นอย่างนี้”
“ผมไม่คิดเล่นหรอกครับคุณพุดกรอง ผมยอมตายทีเดียวถ้าคุณพุดกรองจะเรียกใช้ทุกอย่างที่ผมสามารถทำให้คุณได้”
พุดกรองมองเมินออกนอกรถไปทางอื่น ก่อนหันมาย้ำถามอีกฝ่าย
“ฉันถามเรื่องแม่นิ่งกับคุณพระ”
“แม่นิ่มเธอเป็นคนของคุณหญิง เป็นม่าย ไม่มีอะไรลึกซึ้งกับคุณพระหรอกครับ แม่นิ่มเธอครองตัวมาดี คุณพระเกรงใจเพราะว่าเธอดูแลคุณหญิงกระทั่งตาย คุณหญิงเธอเป็นวัณโรค ไม่มีคนกล้าใกล้ แต่แม่นิ่มดูแลพยาบาลจนถึงวาระ”
“ทำไมไม่ติดโรคนั้นด้วยนะ ฉันได้ยินมาว่าเป็นโรคติดต่อ”
“อยากให้คุณรามติดด้วยหรือครับคุณพุดกรอง”
พุดกรองหันขวับไปมองทนายทดว่ามีเจตนาอะไรถึงกล่าวโพล่งๆออกมา ทนายทดลำเลิกอย่างมีเจตนาแอบแฝงด้วยเรื่องอื่นขึ้นมาว่า
“ผมยิงเสือกาจตาย เพราะผมปกป้องคุณผู้หญิง ผมไม่เห็นแก่คุกตารางหรอกถ้าได้ทำเพื่อคุณ”
ทนายความกล่าวย้ำหลายครั้งทำให้พุดกรองเริ่มคิดว่า ทนายความคนนี้บอกความในใจกับตน หญิงสาวจึงแอบมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเพ่งพิศมากขึ้น
ทนายทดเป็นคนหน้าตาดี รูปร่างสูงโปร่ง เธอไม่เห็นเขามีผู้หญิง ที่บ้าน นอกจากเห็นว่ามีหลานชายเพิ่งเข้ามาอาศัยอยู่ด้วยเพียงคนเดียวเท่านั้น
เธอขาดเรื่องบนเตียงมาจากสามี...อาจบางที
พุดกรองสลัดความคิดเจ้ากรรมนั้นให้หลุด แต่ทนายทดยิ้มเป็นนัยน์บอกถึงความรู้เท่าทันในเรื่องนี้ พุดกรองจึงวนเวียนคิดถึงเรื่องการมีชู้อย่างย้ำคิดย้ำทำทีเดียว
หนึ่งนั้นเสนอ อีกหนึ่งนั้นขาดไม่ได้ ช่องว่างจึงถูกบาปกรรมบีบเข้ามาให้แนบสนิทชิดใกล้ พุดกรองเหมือนเชื้อที่รอไฟมาติด ทดคือไฟสวาทที่พร้อมเผาหญิงสาวสวยให้ลุกโพลง
เขาเปลื้องอาภรณ์ออกจากกายของพุดกรองอย่างง่ายดาย เฉกเดียวกับที่เขาถอดเสื้อตัวเองได้เพียงพริบตา และตามด้วยอาภรณ์ชั้นล่างสองชิ้น รูดกองลงบนพื้นอย่างไม่ใส่ใจ สายตาของทนายทดจับจ้องมองร่างเปลือย ขาวเนียนด้วยความละลานตา เขาระดมจูบอีกฝ่ายโดยแรงอย่างคนที่รอคอยมานานและได้สมหวัง พูดกรองความมือลงมาสัมผัสสิ่งที่เธอปรารถนาแต่พระศานต์หมดเชื้อเสียแล้ว ความอลังการของทนายทดทำให้เธอสูดลมหายใจเข้าปอดโดยแรงด้วยความพอใจอย่างยิ่งยวด ความพอใจทำให้เธอรูดเร่งโดยแรง ทนายทดสูดปากคราง แม้เสียววูบ แต่เจ็บวาบเช่นกัน เขาโอดครวญ เสียงสั่นพร่า ตาหรี่ปรือด้วยอารมณ์ใคร่ครุกรุ่น
“เบาหน่อยครับ ยังไงก็เป็นของคุณทั้งชีวิตผมแล้วคุณพุดกรอง”
ทดซุกหน้าลงซอกคอระหง ฟอนจูบไม่หยุดนิ่ง ทุกที่ที่เขาได้สูดกลิ่น ช่างกระตุ้นให้อารมณ์เขาเตลิดไกล อย่าว่าแต่มีช้างมาฉูดเลย แม้เวลานี้คุณพระศานต์มาเอาปืนจ่อกบาลชายหนุ่มเขายังคิดว่าจะตายคาอกซึ่งเขากำลังเคล้นคลึงอย่างอารมณ์ปั่นป่วนหญิงสาวแหงนหน้าเพริด ชายหนุ่มตามประกบจูบ
“คุณสวยไปทั้งตัว หอมมากเลยนะครับคุณพุดกรอง”ชายหนุ่มชมอย่างที่หญิงสาวพอใจ ก่อนที่จะเลื่อนกายลงไป พุดกรองตาเหลือกโพลง
“จะทำอะไรทด คุณจะทำอะไร”
“ทำให้คุณมีความสุขไงครับ”
“แต่นั่น ไม่ใช่”เธอแตกตื่น เพราะทั้งชีวิตไม่เคยสักครั้ง
ทดแทรกแซงด้วยปลายลิ้นลูบไล้ขึ้นบน หญิงสาวแอ่นกายเหยียดหยัดเป็นสุขอย่างประหลาดล้ำจนสารภาพลืมตัว
“ฉันชอบนะทด ชอบมาก ทำไมแบบนี้ถึงดีอย่างนี้เล่า”
พุดกรองออกปากชมทดอย่างที่เธอพึงพอใจ เขาช่างชำนาญเกมเหลือเกิน ชำนาญอย่างที่พุดกรองต้องหาเวลาเพื่อไขว้คว้าสิ่งที่เธอหลงใหล...กามรมย์
ทนายทดกอดร่างหญิงสาวแนบแน่น กระซิบบอกรักด้วยคำหวานจากใจ
“คุณพุดกรองรู้มั้ยว่าผมหลงรักคุณตั้งแต่แรกเห็น ผมรอวันนี้มานานแล้ว”
พุกกรองเสแสร้งมองค้อนอีกฝ่าย ตัดพ้อว่า
“นี่ทดจ้องจะเป็นชู้กับเมียนายตั้งแต่แรกเชียวหรือนี่ ฉันเพิ่งรู้นะ”
“คุณพระแก่เกินไปสำหรับคุณ”
ชายหนุ่มคลายกอดจากร่างงาม เปลี่ยนเป็นเค้นคลึงทรวงใหญ่ล้นหลาม บีบเบา และเริ่มแรงมากขึ้น ใบหน้าของทดซอนซุกลงบนสองเต้ากลมคลุกเค้าอย่างเมามันและเต็มไปด้วยแรงพิศวาสอย่างไม่ห้ามใจ
“อื๊อ ทด ทำอย่างนี้ ฉันก็ไปไหนจากทดไม่ได้แล้วล่ะสิ”
“อย่าไปจากผมเลยคุณพุดกรอง”
เขาเลื่อนมือเรียวยาววกสู่กึ่งกลางกาย พุดกรองค่อยเอนกายลงนอน สะบัดปลายขาขึ้นพาดไหล่อีกฝ่ายอย่างใจต้องการ
เสียงหอบหายใจแรง การวิงวอนเร่งเร้า
ทนายทดพลิกกายงนอน จับร่างงามขึ้นคร่อมร่างของเขา
“ทำตามใจคุณต้องการเลยครับคุณพุดกรอง”เขาเอ่ยเสียงกระเส่า นัยน์ตาพร่ามัว ริมฝีปากเปิดออกเพื่อผ่อนลมหายใจและครวญคราง
พุดกรองเป็นผู้นำทาง เธอเร่าร้อนอย่างที่ทนายทดรู้ เขาตามติดเพื่อสร้างความพอใจให้หญิงสาวให้มากที่สุดเท่าที่เขาทำได้
ชู้รักทั้งสองพึงพอใจในกันและกันมาก จึงเวียนหาเวลามาพบกันเสมอ!!
วันเวลาผ่านไปอีกสามปี
ร่างผอม ปราดเปรียว เติบโตขึ้นตามวัย กระถินอยู่ประถมหนึ่งแล้วได้พาสชั้นสองครั้ง ยามนี้เธอเรียนทันพี่สาวอยู่ชั้นเดียวกัน เจ้าตัวชอบใส่กางเกง เพราะชอบปีนป่ายต้นไม้ เธอเดินมาที่สร้อยสนซึ่งนั่งเล่นตุ๊กตาอยู่กับนางเฉียดขี้ข้าพลอยที่ชอบประจบสอพลอ นางละมุดวัยสาวพยักเพยิกให้สร้อยสนมองมาทางกระถิน
“อ้าวกระถินมานี่เร็วมาเล่นกับพี่”
กระถินรีบเดินมาหาพี่สาวต่างบิดา สร้อยสนส่งตุ๊กตาให้น้องอย่างไม่มีความรังเกียจแม้เพียงสักนิดเดียว
“พี่สร้อยเล่นอะไรไหนดูซิ”เธอแย่งจากมือพี่สาว ละมุดเอ็ดแย่งกลับ
“เอ๊ะคุณกระถินนี่ยังไงกัน คุณสร้อยอุตส่าห์ให้ดี ๆ แล้วนะ คุณกระถินยังจะแย่ง”
“หน็อย” กระถินคว้าผมยาวของละมุดขยุ้มดึงเต็มแรง
“ว้ายตายแล้ว ช่วยด้วยค่าช่วยด้วย”
“กระถินอย่าน้องอย่าทำเค้า”สร้อยสนดึงมือน้องสาวซึ่งไม่ยอมปล่อยออกง่าย จันทร์มาตามกระถิน เห็นภาพนายน้อยของตนกำลังออกแรงทึ้งผมคู่ปรับของตน ทั้งเตะถีบใส่ด้วยความดุร้าย จันทรืรีบเข้าไปดึงร่างกระถินออกมา เวลานั้นเองที่พุดกรองเดินเล่นผ่านมาพบเข้า คุณผู้หญิงของบ้าน ตวาดใส่จึงเอ็ดอึง”
“อะไรกันนั่น” พอเห็นลูกโจรตนก็โทสะพุ่งขึ้นสุดขีด
“หยุด หยุดเดี๋ยวนี้ นังกระถินแกมาอาละวาดเป็นคนบ้าที่นี่ได้อย่างไร” กระถินปล่อยมือจากผมของละมุด แต่ยังเหลือเส้นผมที่หลุดจากหนังศีรษะติดมากำใหญ่
นังละมุดรีบคลานเข่าปั้บ ๆ ไปฟ้องร้องพุดกรองด้วยรู้ว่าพุดกรองชังลูกคนนี้นัก นางน่าจะได้รับการปกป้อง และได้ยืมมือพุดกรองแก้แค้น
“คุณกระถินเกเรคุณสร้อย พอละมุดช่วยก็ทำร้ายละมุดค่ะ”
เด็กหญิงมินตราลุกปราดด่าทอไม่กลัวเกรง
“อีตอแหล”
“ตายแล้ว”พุดกรองไม่อาจทนกำพรืดต่ำช้านั้น จึงลืมตัวว่าตนเป็นผู้ดีแล้ว เธอตบหน้ากระถินจนกระเด็นตามแรงถลาล้ม จันทร์ปราดประคองนายไว้
“คุณกระถิน”
“ไปนะอีกระถินไปเดี๋ยวนี้ แล้วอย่ามายุ่ง กับคุณสร้อยอีกเด็ดขาด”
“คุณแม่”
“ฉันไม่ใช่แม่แก”พุดกรองกรีดร้องเสียงชิงชัง
“ไปให้พ้นเดี๋ยวนี้นะโน่นแม่แกแม่นิ่มโน่น ไปไป้”
กระถินกัดปากแน่นน้ำตาไหลเพียงหยดเดียววิ่งจากไปด้วยดวงใจที่เจ็บร้าวยิ่ง หากก็เจ็บจำในน้ำคำผู้ให้กำเนิด
หลังจากวันนั้นกระถินได้แต่แอบมองก็อยู่ไกลๆ โดยมิได้ย่างกรายมาใกล้พุดกรองอีกเลย
วันเวลาผ่านพ้นไปทุกเมื่อเชื่อวัน กระถินยังเป็นเด็กซน อยากรู้อยากเห็น และช่างจำ วันหนึ่งเด็กหญิงท่องอาขยานตามที่แม่นิ่มสอนทุกคืน เด็กน้อยจดจำได้ทุกหน้า แม้จะมีเล่มหนึ่งเล่มสอง แบ่งเป็นบท เด็กหญิงช่างจำได้หมด อ่านคล่องเขียนได้ เสียงใสๆท่องไปวิ่งไปบนพื้นที่ของวังนารายณ์
กระทั่งวิ่งเลยมาจนถึงศาลาลม ทรงกลมรูปโดมเล็กๆ กระถินชะเง้อเข้าไปเห็นคุณพระศานต์นั่งก้มหน้าทำงานอย่างขะมักเขม้น ท่านเปิดแผ่นกระดาษพลิกไปมา และบางทีเด็กหญิงเห็นคุณพระก้มอ่านนานๆ
ความอยากรู้ทำให้กระถินเข้าไปหาอีกฝ่าย คุณพระเหลือบสายตามาเห็นท่านจึงทำหน้าเข้ม ดุอีกฝ่ายอย่างไม่จริงจังนักว่า
“เอาแต่วิ่งเล่นอย่างนี้จะได้เรื่องหรือเรา”
“กระถินไม่ได้เอาแต่วิ่งเล่นเจ้าค่ะ กระถินท่องจำมาด้วยเจ้าค่ะ”ว่าพลางยืนท่องอาขยาน ให้ประมุขบ้านฟัง
‘หนูหล่อ พ่อเขาพาไปดูหมี ที่นาตาหมอหลอ
ตาหมอหลอแกก็เล่าให้รู้ว่า หมีแกดุ ได้มาใหม่ๆ
หนูหล่อไม่เชื่อแก เอาไม้เข้าไปแหย่หมี
หมีดุโผมา หนูหล่อหนีหมีมาปะทะไม้ ขาหวะเหวอะไป
ตาหมอหลอทำยาให้ทา แต่หนูหล่อไปไหนไม่ได้เก้าเวลา
พ่อเขาว่าแก่หนูหล่อให้รู้ตัวว่า ทีนี้ที่เสืออยู่ หมีอยู่ อย่าได้เข้าไป
ขาหวะเท่านี้พอหายาทาให้ ถ้าไม้ตำที่ตาหรือหู ก็จะเสียตาเสียหู
หายาอะไรมาทาตา ทาหูให้ดีไม่ได้แท้ๆ
หนูหล่อ พ่อว่า ก็เข้าใจว่าพ่อจะว่าให้ตัวดี
ทีนี้ที่ไหนมีหมีดุ หรือมีเสือดุ หมาดุ งูดุ หนูหล่อก็ไม่เข้าไป
หนูหล่อดี จำคำพ่อไว้ได้’
คุณพระศานต์มองอีกฝ่ายด้วยสายตาเพ่งพินิจอีกครั้งก่อนพยักหน้าเรียกให้มาหา
“ไหนมาหาฉันใกล้ๆซิ”
“ไม่ไปค่ะ”กระถินมักส่ายหน้าปฏิเสธใครก็ตามที่เรียกให้เธอเขาไปหาในครั้งแรกเสมอ เธอถึงได้ถูกต่อว่า ว่าดื้อ ซึ่งหากว่าแท้ที่จริงคือความฉลาดในการรู้จักปฏิเสธคนของเด็กหญิง
“อย่าดื้อกับฉัน เมื่อฉันเรียกให้มา ต้องมา”
กระถินเงยขึ้นมองด้วยสายตาคมกริบ ตากลมโตบอกความเฉลียวฉลาด เด็กหญิงค่อยๆเดินเข้าไปใกล้เมื่อคุณพระศานต์ส่งยิ้มอย่างมีเมตตามาให้
“ท่องได้มากอย่างนี้แล้วเขียนเป็นหรือไม่ เจ้ากระถิน”
“เขียนเป็นเจ้าค่ะ กระถินเรียนเก่งจนคุณครูชมว่า กระถินเป็นเด็กหัวแหลม กระถินหิวน้ำเจ้าค่ะ”
“บทท้ายๆนี่ไม่ใช่อาขยานแล้วนี่”คุณพระกล่าวพลางหัวเราะ จากนั้นรินน้ำชาจากกาซึ่งใส่ไว้ในลูกมะพร้าวทั้งเปลือก เพื่อถนอมความร้อนให้ยาวนานมากว่าเดิม
ท่านรินใส่จอกหนึ่งส่งให้กระถิน เด็กหญิงรับไปดื่มอย่างกระหาย คุณพระเอ่ยไปพลาง
“ตระโกนเสียงดังขนาดนั้นคอไม่แตกให้รู้ไป รู้มั้ย หัวแหลม เขาเรียกว่าหัวลิง แกมันซนเป็นลิงจริงเสียด้วย”
“น้ำขม ไม่อร่อยเหมือนน้ำมะตูมเลยนะเจ้าคะ กระถินเอาน้ำมะตูมมาให้นะเจ้าคะคุณท่าน แม่นมบอกว่าดื่มแล้วแก้กระหายน้ำ”
“เจ้าคนรู้มาก เจ้านี่มันรู้เยอะเกินเด็กไปทีเดียว นี่แม่นิ่มใส่อะไรมาในสมองของเจ้า เจ้าคงเปิดรับมาไว้หมดล่ะสิ”ท่านพูด แต่เด็กน้อยไม่เข้าใจเท่าไหร่ จึงไม่ใส่ใจจำ
เด็กน้อยชะเง้อมองสิ่งที่ตนสงสัยและสนใจแต่แรกว่าคุณพระเจ้าของวังนารายณ์ทำอะไร เธอได้เห็นกองหนังสือ และกระดาษซ้อนกันมาก ความซนของเด็กหญิงทำให้ห้ามใจไม่อยู่จึงเอื้อมมือไปหยิบ แต่คุณพระปรามไว้
“ของสำคัญอย่างนี้ เจ้าจะซนเที่ยวรื้อค้นไม่ได้นะเจ้ากระถิน”
“ของอะไรเจ้าคะจึงเรียกว่าสำคัญ”
“นี่เป็นบัญชี รู้จักมั้ยบัญชี”ท่านย้อนถาม กระถินส่ายหน้า ท่านจึงว่า
“บัญชีนี้คือตัวเลข และการจดบันทึกเป็นตัวหนังสือ การจดการใช้จ่าย เป็นรายรับ รายจ่าย ถ้าเราทำละเอียด ใครจะโกงเราไม่ได้”
“มีคนโกงคุณท่านด้วยหรือเจ้าคะ”
“มีสิ มีมากด้วย ดังนั้นฉันจึงต้องทำอย่างละเอียด”
“ให้กระถินช่วยทำไหมเจ้าคะ กระถินจะได้จับคนโกงให้คุณท่าน”
คุณพระหัวเราะชอบใจ ลูบศีรษะอีกฝ่ายด้วยความเอ็นดู ก่อนจับอีกฝ่ายขึ้นมานั่งบนตัก แล้วสอนให้นับเลข กระถินอวดโอ้
“กระถินยังคูณได้นะเจ้าคะ สองคูณหนึ่งเป็นสอง”
“ดีมากเจ้ากระถิน”
“กระถินจะไปเล่นก่อนนะเจ้าคะ กระถินอยากวิ่งไปดูตรงหน้าวังเจ้าค่ะ ไปดูว่าลุงดำแอบหลับหรือเปล่า”
คุณพระหัวเราะร่วนอย่างชอบอกชอบใจ ก่อนเอ่ย
“เรานี่มันซนนะเจ้าซน ต่อไปนี้ไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณท่านแล้ว เรียกคุณลุงก็พอ เรียกซิ”
“เจ้าค่ะคุณลุง”
“แล้วเรื่องบัญชีล่ะเจ้าซน”
“บัญชีที่จดไว้ไม่ให้คนโกงหรือเจ้าคะ”เด็กหญิงตอบอย่างคนช่างจำ คุณพระเกิดประกายตาคมวาวมาวูบหนึ่ง กระถินลงจากตักอีกฝ่าย ผละจากไปโดยมีสายตาของผู้เป็นประมุขวังแห่งนี้มองตามไปด้วยความเมตตายิ่งนัก
คุณพระอยากตามไปดูว่ากระถินจะไปสำแดงเดชอะไรกับนายดำซึ่งทำงานหลายหน้าที่ ทั้งเป็นคนรถ เป็นยาม และบางขณะทำสวน ทุกคนต่างชมนายดำว่าขยัน แต่ความซนของกระถิน เผลอบอกว่า นายดำ แอบหลับ วันนี้คุณพระอยากไปพิสูจน์เหมือนกันว่าจริงหรือเปล่า
ฝ่ายเด็กหญิงจอมซนวิ่งสลับเท้าไปเรื่อยไม่ได้รีบร้อน ปากท่องหนังสืออย่างนกแก้ว แต่ความจำเป็นเลิศ ครั้นใกล้ป้อมยามเล็กๆหน้าวังนารายณ์ กระถิน หยุดเท้า หยุดปาก ทำทีเป็นย่อง ดังแมวขโมย คูณพระตามมา ถึกลับลอบยิ้ม ทำย่องตามเด็กหญิงไปด้วย
กระถินเห็นนายดำหลับงีบอยู่ จึงป้องปาก ตะโกนเสียงแจ๋วว่า
“เปิดประตูหน่อยเจ้าข้าเอ๊ย เจ้าข้าเอ๊ยมีใครอยู่บ้าง”
นายดำสะดุ้งสุดตัว ลืมตาตื่น ป้ายน้ำลายมุมปากออก พอเห็นว่าเป็นกระถินเขารีบจุปาก
“คุณกระถินอีกแล้ว ซนที่ไหนไม่ซน ต้องมาซนแถวกระผมอยู่เรื่อย”
“ก็แถวนี้เป็นประตูนี่นา คนเข้าออกก็ต้องเข้าทางนี้นี่ลุงดำ”
นายดำทำท่าจะต่อปากต่อคำ แต่สายตาแลเลยไปข้างหลังจึงพบประมุขบ้าน นายดำนั่งไหว้ แต้ กระถินหันไปมอง แล้วทำสะดุ้ง
“คุณลุง”
“เออลุงตามเจ้ามา มาเห็นคนแอบหลับ น่าตัดเงินเดือนเสียจริงนายดำ ง่วงก็ไปนอน แล้วเรียกนายแย้มมาเฝ้าแทนไป”
“ขอรับคุณท่าน”
“เออแล้วเตือนเจ้าแย้มด้วยนะว่า ข้ามีตาแมวคอยดักจับคนแอบสันหลังยาว เจ้าซนของฉันนี่ล่ะ มันซนทั่วบ้านไปเชียว”ท่านบอกพลางดึงเด็กหญิงเข้ามาใกล้ลูบผมเปียกเหงื่ออย่างเอ็นดู
กระถินเงยขึ้นมองคุณพระท่านทอดสายตามองอย่างเมตตา
กระถินมีสายเลือดครึ่งหนึ่งที่ท่านรู้มาว่าเป็นเสือ เป็นโจร หากว่าเวลานี้ท่านเห็นความฉลาด เท่าทันคน และช่างสังเกตของเด็กหญิง ท่านอดคิดไม่ได้ว่า หากกระถินเป็นเสือ ท่านจะเลี้ยงไว้ให้เชื่อง เพื่อว่าวันหนึ่ง เสือตัวนี้จะเป็นเขี้ยวเล็บช่วยรามในวันข้างหน้า!
วันหนึ่งแม่นิ่มนั่งทำขนมเบื้อง กระถินทำหน้าที่โรยหน้า และทาครีม นมนิ่มแซะชิ้นที่สุกใส่จาน จันทร์เป็นลูกมือ พุดกรองเดินผ่านมาที่เรือนริมน้ำ นางสั่งแม่นิ่มราวกับสั่งคนใช้ว่า
“ฉันมีแขกรับน้ำชา แม่นิ่มยกขนมไปด้วยตัวเองนะ ไม่ต้องให้คนใช้ไป”
“กระถินยกไปให้ค่ะแม่นิ่ม กระถินไม่ใช่คนใช้”
“นังกระถิน นี่แกกล้าดียังไงมาขัดคำสั่งฉัน”
“ไม่ได้ขัดเสียหน่อย แต่ทำไมต้องมาใช้แม่ด้วยล่ะ”
แม่นิ่มรีบขัด เพราะไม่ชอบให้เด็กหญิงมีท่าทางกระด้างกระเดื่องต่อบุพการี
“ไม่เอาค่ะคุณกระถิน อย่าเถียงคุณแม่”
“ไม่ใช่แม่กระถิน เขาไม่ให้เรียกแม่”
“คุณกระถินหยุดนะ นมโกรธแล้วนะที่คุณดื้ออย่างนี้”แม่นิ่มดุเสียงเขียว กระถินก้มหน้างุด
พุดกรองมองเย้ยหยันมาที่แม่นิ่มกำชับว่า
“สั่งสอนกันให้ดีแม่นิ่ม ไม่ใช่มาพูดต่อหน้าฉันทำเป็นสอนดี แต่ลับหลังยุยงเด็กจนมาตีฝีปากกล้า”
กระถินโกรธจัด เธอเพิ่งได้รับความช้ำใจจากอีกฝ่ายอย่างไม่มีวันลืมได้ เธอถูกพุดกรองตบหน้าเพราะเข้าข้างละมุด
พุดกรองเห็นละมุดดีกว่าเธอ ทำให้กระถินเจ็บและจำ วันนี้พุดกรองมาจิกใช้แม่นิ่มคนที่เธอบูชา ดังนั้นความกล้าไม่กลัวใครทำให้กระถินลุกพรวดกระทืบเท้าเร่า เอาเรื่องพุดกรองว่า
“อย่ามาว่าแม่เค้านะ”
“คุณกระถิน”แม่นิ่มฟาดขากระถินเผียะใหญ่ด้วยฝ่ามืออย่างลืมตัว อย่าก้าวร้าวอย่างนี้นะคะ แม่สอนแล้วนะ แล้วนั่นคือคุณแม่ของคุณกระถิน อย่าทำกิริยาร้ายเข้าใส่คุณแม่อย่างนี้เด็ดขาด”
กระถินหันไปมองแม่นิ่มด้วยความไม่เข้าใจ พุดกรองเดินจากไป กระถินกระโจนพรวดๆลงเรือน จันทร์ขยับตาม แต่แม่นิ่มไม่ให้ตาม
เวลาต่อมาแม่นิ่มทำตามคำสั่งพุดกรองโดยนำขนมไปส่งให้ด้วยตนเอง พวกเพื่อนผู้ดีที่พุดกรองเชิญมา ต่างเอาพัดปิดปากนินทาตามหลังแม่นิ่มว่าเป็นเมียเก็บคุณพระศานต์ อย่างที่พุดกรองไปให้ร้าย
แม่นิ่มได้ยินแล้ว แต่จำใจเก็บงำไว้ในอกไม่บอกใคร...ทำไมแม่นิ่มจะไม่เข้าใจว่า พุดกรองใช้วิธีนี้บีบให้แม่นิ่มทนอยู่ไม่ได้ และให้ออกจากบ้านหลังนี้ไป แม่นิ่มรู้จึงไม่ตามตกหลุมพรางนั้น
เมื่อกลับถึงเรือน จันทร์เก็บของใช้ไปล้าง จัดทำสถานที่ทำขนมจนสะอาด แม่นิ่มถามถึงกระถิน ได้ความว่าหายไปไม่กลับมา แม่นิ่มจึงว่า
“เดี๋ยวก็กลับ”
เวลาเดี๋ยวของแม่นิ่มนานเกินไปเสียแล้ว เพราะพระอาทิตย์ตกไปนานกระถินยังไม่กลับมา แม่นิ่มและจันทร์ออกตามหาจนทั่ว
ยิ่งดึกยิ่งร้อนใจ สุดท้ายต้องเกณฑ์คนออกตามกันอีก บางคนเห็นความร้ายของกระถินที่เอาเรื่องกับคนที่ไม่ชอบเธอก็ไม่เต็มใจออกตาม
ฝนเริ่มตก แม่นิ่มเริ่มใจเสีย สุดท้ายตามพบที่โคนไม้ริมน้ำติดสวนทนายทด พอเห็นคนมาตาม กระถินกอดต้นไม้แน่นหนา ไม่ยอมกลับ
“ไม่ไป กระถินไม่กลับ แม่ไม่รักกระถินอีกแล้ว”
“แม่รักคุณกระถินนะคะ แต่แม้นิ่มต้องทำโทษที่คุณผิดนะคะ”
“กระถินไม่ผิด ไม่ผิด คุณผู้หญิงต่างหากที่ผิด คุณผู้หญิงผิด”
“คุณกระถิน”แม่นิ่มเขาไปแกะมือกระถินออกจากต้นไม้ แต่เด็กหญิงยิ่งรัดแน่นเข้า
แม่นมอ่อนใจมาก จึงนั่งลงกับพื้นเอ่ยกับบริวารที่ตามมาเฝ้าดุเหตุการณ์คุณกระถิน ‘ออกลาย’ ว่า
“ทุกคนกลับไปเถอะ ฉันจะนั่งกับคุณกระถินที่นี่ล่ะ”
“แม่นิ่มกลับไปนะ กระถินจะอยู่คนเดียว”
“ไม่กลับ ฝนตกจะได้เปียกด้วยกัน คุณกระถินป่วยแม่นิ่มก็ป่วย”
“แม่...”กระถินมืออ่อนปล่อยออกจากต้นไม้ โผเข้ากอดแม่นิ่ม ซึ่งรวบร่างอีกฝ่ายไว้ในอ้อมแขน เอ่ยทั้งน้ำตารินอาบสองแก้ม
“แม่รู้ รู้ค่ะว่าคุณกระถินรักแม่นม แต่ แม่เป็นเพียงคนใช้เท่านั้น คุณพุดกรองต่างหากเป็นแม่ที่แท้จริงของคุณกระถิน คุณอย่าไปกระด้างกระเดื่องอย่างนั้นนะคะมันบาป”
กระถินกอดอีกฝ่ายแน่น พยักหน้ารับคำแต่โดยดี
จันทร์รำพึงแต่เพียงว่า กลัวใจเหลือเกิน!
นางแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 เม.ย. 2554, 09:12:40 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 เม.ย. 2554, 09:12:40 น.
จำนวนการเข้าชม : 4172
<< จากกระถินเป็นมินตรา | รู้เดียงสาเกินไป >> |
ก้อนอิฐ 12 เม.ย. 2554, 12:00:06 น.
มารอตอนต่อไปจ้า
มารอตอนต่อไปจ้า
นางแก้ว 12 เม.ย. 2554, 12:13:19 น.
พรุ่งนี้ตัดไปเข้าตอนใหม่เลยนะจ๊ะ
พรุ่งนี้ตัดไปเข้าตอนใหม่เลยนะจ๊ะ
ปิงปิง 12 เม.ย. 2554, 12:29:09 น.
รีไรท์ใหม่ด้วยเหรอคะป้ารุ่ง เพิ่มมาน่าอ่านมากกว่าเดิม อิอิ
รีไรท์ใหม่ด้วยเหรอคะป้ารุ่ง เพิ่มมาน่าอ่านมากกว่าเดิม อิอิ
นางแก้ว 12 เม.ย. 2554, 16:13:33 น.
ตกลง อ่านไปเรื่อยๆก็แล้วกันเนอะ เพราะรีไรท์ใหม่เกือบหมดเลยล่ะ เพิ่งเขียนตอนใหม่วันนี้เอง
ตกลง อ่านไปเรื่อยๆก็แล้วกันเนอะ เพราะรีไรท์ใหม่เกือบหมดเลยล่ะ เพิ่งเขียนตอนใหม่วันนี้เอง