กุหลาบซ่อนกลิ่น (จบแล้ว)
นางเอกโตมาในไซด์งานก่อสร้าง ที่นั่นทำให้เธอรู้ว่า การแสดงตัวว่าเป็นหญิงเป็นเรื่องอันตราย ดังนั้นนางเอกจึงเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตัวเอง จนใคร ๆ มองว่าเป็นทอม แต่แท้จริงแล้ว เธอก็คือผู้หญิงคนหนึ่ง ที่มีรัก..และรักของเธอก็เป็นรักที่มีเวลามาเป็นตัวกำหนด....
Tags: โรแมนติก..
ตอน: 12 เพลงบางเพลงถึงปิดมันก็ยังดังในหัวใจของเรา
12.
เมื่อถมยายืนยันว่าสูรย์เป็นคนดี ความหนักใจความเป็นห่วงเพื่อนก็คลายลงแต่ถึงกระนั้น พอพร้อมใจกันขึ้นไปบนฝั่ง ทุก ๆ คนก็รุมพิจารณาสูรย์จนกระทั่ง สูรย์ที่ถูกกุสุมาแนะนำให้เพื่อน ๆ รู้จัก รู้สึกว่าสายตาของแต่ละคนนั้น ไม่ชอบมาพากล แต่สูรย์ไม่ได้ถามว่าทุกคนคิดอะไรกับเขา แต่ว่าหนึ่งในนั้นก็หลุดคำถามคาดคั้นมาว่า
“ทำไมพี่ถึงมาเที่ยวชะอำคนเดียว”
“พี่ไม่ได้มาคนเดียว พี่มากับเพื่อน แต่เพื่อนพี่ไปงาน พี่ก็เลย..พี่ก็เลย นึกได้ว่าม่าเขามาชะอำก็เลยออกมาเดินหา แล้วก็เจอ..”
จริง ๆ เขาจอดรถและใช้เหรียญบาทโยนถามทางว่าจะไปซ้ายหรือขวาถึงจะเจอกุสุมา และด้าน ‘ก้อย’ ที่เขาเลือกไว้ก็พาเขามาพบกุสุมานั่งอ่านหนังสือตามลำพังโดยเพื่อน ๆ สนุก ๆ สนานดำผุดดำว่ายอยู่ในทะเล แต่เขาก็ลืมไปว่า วันนี้กุสุมาไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้ตามลำพัง เธอมีเพื่อน ๆ มีสังคมเป็นของตัวเอง ซึ่งต้องบอกว่า เพื่อนของกุสุมานั้นยังเป็นเด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมด้วยซ้ำ และเขาก็พอมองออกว่า เพื่อนผู้ชายเหล่านี้ ดูไม่พอใจที่เขาเข้ามาวุ่นวายอยู่ตรงนี้ แต่เขาก็ก้าวมาแล้ว และอะไรจะเกิดต่อไปเขาก็ต้องหาทางเอาตัวรอดไปให้ได้
“พี่จงใจตามไอ้ม่ามาหรือเปล่า”
“เขาก็บอกแล้วว่าบังเอิญ” กุสุมารีบเข้าข้างสูรย์ ทั้งที่รู้สึกใจคอไม่ดีที่เพื่อน ๆ พูดทำนองว่า สูรย์จงใจตามมาเพื่อจีบเธอ
“กูไม่เชื่อหรอก จงใจตามมา สารภาพมาซะดี ๆ เลยพี่..ต้องการอะไรแน่”
แม้ถมยาจะยืนยันแล้วว่าเขาเป็นคนดี แต่ว่าไม่มีซะหรอกที่จะไม่มีการซักฟอกให้ขาวสะอาด
“มึงเมาแล้ว ไปนั่งเลยไป” ถมยาตบหัวเพื่อนปากดี ก่อนจะดึงไปยังที่นั่งที่กลุ่มได้เช่าไว้ตัวเอง คน อื่น ๆ ยังยืนมองสูรย์อยู่ แม้บางคนจะนั่งกับพื้นทราย บางคนจะคุยกับแฟนตัวเอง แต่ก็มีอีกหลายคนยืนจังก้า ตั้งท่าจะคุยกับเขา สูรย์ยิ้ม ๆ ให้กลุ่มคนที่จ้องมอง ก่อนจะหันไปหากุสุมา
“ตกลงจะพาฉันไปดูที่พักไหม”
“ได้..” ว่าแล้วกุสุมาก็ลุกขึ้นเพราะตัวเองก็นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าเพื่อน ๆ จะเสียมารยาทกันขนาดนี้
“มึงจะไปไหนอีม่า” หนึ่งในสี่คนที่ยังยืนอยู่หาได้หยุดไต่ถาม
“ไปธุระกับพี่เขา พาไปหาที่พัก แถว ๆ นี้แหละ”
“เย็นนี้มึงต้องกลับมานะ อย่าหนีไปกับแฟนนะมึง” คนริมซ้ายช่วยเพื่อนเต็มกำลัง
“ไอ้บ้า แฟนอะไร เขาเจ้านายกู” กุสุมารีบด่าเพื่อนเพื่อกลบเกลื่อนความเขินอาย
“กูดูออกหรอกน่า เขามาจีบมึง”
สูรย์ปั้นหน้านิ่ง ๆ นึกดีใจที่ทรงฤทธิ์ไม่ได้เอาแว่นกันแดดลงไปด้วย ไม่งั้นเขาคงปั้นหน้าไม่ถูกแน่ ๆ และเพื่อตัดรำคาญ กับอยากให้กุสุมาคุยกับเพื่อนให้เรียบร้อย เขาจึงลุกขึ้นแล้วเดินนำออกไปก่อน
พอสูรย์คล้อยหลังไปแล้ว กุสุมาก็หันมาฉะเพื่อนชายที่เสียมารยาททันที
“พวกมึงเป็นอะไรกัน”
“มึงนั่นแหละเป็นอะไร”
“กูก็เป็นกู เป็นเหมือนเดิม”
“มึงตีตัวออกห่างพวกกู ทำตัวเหมือนสาว ๆ น้ำทะเลก็ไม่ยอมเล่น มึงจะมีแฟนใช่ไหม”
“อ้าว..ไอ้นี่..กูบอกแล้วว่าเขาเป็นเจ้านาย เขาบังเอิญมาที่นี่เหมือนกัน”
“เขามาเพื่อจะมาฟันมึงนะสิ”
“ปากมึงนะ” กุสุมาถกแขนเสื้อเตรียมเอาเรื่อง
“กูห่วงมึงหรอก กูต้องพูด” แม้จะรู้ว่ากำลังตัวเองเหนือผู้หญิง แต่ว่าเมื่อมีผู้หญิงเป็นเพื่อนก็ต้องปล่อยให้มันเก่งกล้าชูกล้ามว่าข้าแน่โดยไม่ถือเป็นเรื่องสำคัญ
ถมยานั่งมองกุสุมาออกฤทธิ์ออกเดชโดยพยายามซ่อนขำไว้และกุสุมาก็เหลือบตามาเห็นพอดี
“กูไม่อยากให้มึงน้ำตาเช็ดหัวเข่า” ใช่มันห่วง แต่ว่าพวกมันกำลังเข้าใจผิด..
“พวกมึงไปกันใหญ่แล้วนะ เขาเป็นเจ้านายกู เขาไม่ได้มาเพื่อฟันกู เขามาธุระกับพี่ซ้ง แล้วอีกอย่างกูก็ไม่ได้สวยจนทำให้เขาหน้ามืดได้หรอก”
“ผู้ชายบางคนมันก็อยากเอาชนะผู้หญิงอย่างมึง”
ใช่เพื่อนคนนั้นพูดถูก แต่ว่ากุสุมาไม่ยอมจำนนหรือทำท่าหวาดกลัวต่อคำพูดนั้น
“ขอบใจที่เป็นห่วง แต่กูดูแลตัวเองได้ และเขาก็ไม่ใช่คนอย่างที่มึงคิดกันด้วย เขาก็คงคิดเหมือนที่พวกมึงคิดกับกูนี่แหละ”
“แต่กูดูออกว่ามึงชอบเขา และไม่ใช่ชอบแบบเพื่อน พี่ พ่อ”
เจอคำพูดแสลงใจเข้าไป กุสุมาปั้นหน้าแทบไม่ถูกและเธอจะยอมรับง่าย ๆ ไม่ได้เช่นกัน
“กูอะนะชอบเขา มึงดูกันอย่างไง”
“สาบานไหมละ”
“กูก็ไม่ได้เกลียดเขา” มีหรือที่จะยอมสาบานให้ตายฟรีและจะให้ยอมรับว่าชอบเขาแบบชู้สาวเห็นทีจะยังไม่ได้
“แล้วพวกมึงจะเลิกเล่นน้ำกันได้หรือยัง เย็นแล้วนะ จะกลับบ้านพักไปหุงหาข้าวปลากินกันหรือยัง”
ข้าวสารหม้อหุงข้าวไฟฟ้าเตรียมมาจากบ้าน ถ้วยจานชามกระทะของที่บ้านพัก กุ้ง หอย ปู เนื้อหมู ลูกชิ้น ก็แวะซื้อที่ตลาดสดตั้งแต่ก่อนจะลงเล่นน้ำ เหลือแต่กลับไปตั้งวงเฮฮาดื่มกินกันตามประสาเพื่อน และงานนี้ ก็ถือเป็นทริปอำลาอาลัยกันด้วย เพราะบางคนก็รู้แล้วว่าได้งานที่ไหน หรือจะไปเรียนต่อที่ไหน บ้างก็มีเฟรนด์ชิฟติดมาให้เพื่อนเขียน และแน่นอนว่า ไม่ต้องสรรหาถ้อยคำที่มันสร้างสรรค์จรรโลงใจ..
“เดี๋ยวกลับ” มีเสียงหนึ่งตอบกลับมา
“งั้นเดี๋ยวกูตามไป..” พูดจบกุสุมาก็ตั้งท่าจะเดิน แต่ก็ต้องชะงักเท้า..
มองกราดไปยังเพื่อน ๆ และส่วนใหญ่ยังไม่ยอมละสายตาจากร่างของตน แต่อย่างไรเสียกุสุมาก็จะไม่ยอมหวั่น..
“ไม่ต้องนินทากูละ..หาเรื่องอื่นคุยกันเลยนะ..”
“กลัวมึง ..พวกกูก็ต้องเรียกมึงว่าแม่แล้ว..”
พอเจอตอกกลับมาอย่างนี้ กุสุมาจึงก้มลงกำทรายแล้วซัดใส่เพื่อน ๆ ก่อนจะรีบวิ่งหนีไปหาสูรย์
พอเดินมาถึงรถโทรศัพท์ของสูรย์ก็ดังขึ้น เป็นเบอร์ของทรงฤทธิ์ เขารีบกดรับ แต่ว่าก็ต้องเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหู
“ไอ้สูรย์มึง ๆ มึง นี่มัน มึงหลอกกู”
“เรื่องอะไรไอ้ซ้ง”
“มึงชอบไอ้ม่าใช่ไหม มึงตามไอ้ม่ามาเที่ยวใช่ไหม”
“ไอ้ห่า มึงเอาที่ไหนมาปรักปรำกู”
“มีคนเห็นว่ามึงนั่งพลอดรักกับไอ้ม่าอยู่ที่หัวหิน ชะชะไอ้นี่ รวดเร็วดีโว้ย แต่กูเจ็บใจที่มึงไม่บอกกูตรง ๆ”
“กูบังเอิญมาเจอมัน” ด้วยคุยกันหยาบ ๆ และมีคนมองสูรย์ก็เลยเปิดประตูรถเข้าไปนั่งสต๊าทเครื่องแล้วก็เปิดแอร์
“เชื่อมึง กูก็ออกลูกเป็นควายแล้ว”
“หาแม่ของลูกให้ได้ก่อนเหอะ”
“มึงรับมาก่อนว่ามึงชอบไอ้ม่า มึงรับมาซะเลย”
“ไม่รับ ทำไมกูต้องรับ” ดีนะที่ทรงฤทธิ์ไม่ได้อยู่ตรงนั้น ไม่งั้นเขาก็ต้องพยายามซ่อนสีหน้าประกอบการโกหกไปด้วย
“งั้นคืนนี้กูกลับกรุงเทพฯ”
“เรื่องของมึง แต่กูยืมรถไว้ก่อนแล้วกันนะ” พอดีกับสายตาของสูรย์เหลือบไปเห็นว่ากุสุมาวิ่งมาแล้วเคาะตรงกระจกฝั่งผู้โดยสารเขาก็เลยต้องรีบวางสายจากทรงฤทธิ์..
“แค่นี้ก่อนนะโว้ย เดี๋ยวกูโทรกลับ” วางสายแล้วสูรย์ก็กดปุ่มปลดล็อก กุสุมาดึงประตูแล้วเข้ามานั่งด้วยอาการเหนื่อยหอบ..แต่ใช่ว่ากุสุมาจะหันไปมองหน้าคนขับได้เต็ม ๆ ตา เพราะมันน่าเขินอยู่ไม่น้อยหากเรื่องที่เพื่อน ๆ พูดจะเป็นความจริง
“เหนื่อย” กุสุมาเปรยแรง ๆ สูรย์เร่งแอร์เพิ่มความเย็นแล้วก็ส่งขวดน้ำดื่มที่ยังไม่ได้เปิดฝาขวดไปให้
กุสุมาหันมารับบิดฝาขวดแล้วยกขึ้นดื่มโดยไม่ได้มองหน้าของเขาและเมื่อดื่มแล้วกุสุมาก็หมุนขวดในมือไปมา สูรย์เองก็พอดูออกว่ากุสุมามีอาการแปลก ๆ เขาเองก็เขินเช่นกัน แต่ว่าเขาก็ต้องเกลื่อนความรู้สึกนั้นให้แนบเนียน
“เราจะไปทางไหนกันดี”
“คุณสูรย์อยากพักแบบไหน” พอเขาชวนคุยกุสุมาก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้น
“บังกะโล”
“ที่..” กุสุมาอยากจะบอกว่าทีเดียวกันไหม แต่ว่า..นึกถึงเพื่อน ๆ กับพี่ซ้งที่จะตามมาในภายหลัง
“งั้นไปทางนี้” กุสุมาชี้ทางให้เขาไปคนละทิศกับที่เธอพักอยู่ แต่เขากลับเอ่ยปากถาม
“แล้วพวกเราพักกันที่ไหน..” มาถึงขั้นนี้แล้ว จะถูกล้อถูกเย้าแหย่อย่างไรก็ต้องทน แต่ว่าไป มีคนอื่นมาพูดแทนให้ มันก็เลยได้เห็นความรู้สึกของอีกฝ่ายมากขึ้น สูรย์มั่นใจว่ากุสุมามีใจให้เขาเช่นกัน แต่ว่า จะให้ยอมรับง่าย ๆ ก็คงไม่ได้ เขาเองถ้าหนี ไม่ทำตัวแบบพี่ชาย พวกนั้นก็จะว่ามีพิรุธอีก
“ไปพักด้วยกันแหละ ห้องคงไม่เต็มหรอก..”
“เอางั้นเหรอ”
“ดีทีเดียว..แต่ว่าอาหารที่ซื้อมากินกันน่ะพอไหม ไปหาซื้อมาเพิ่มไหม” ถามยังไม่ทันเอาคำตอบเขาก็ออกรถ กุสุมาก็เลยต้องปล่อยเลยตามเลย แต่ลึก ๆ ก็อดกังวลไม่ได้..แต่อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด
พอพากันเดินกลับมายังบังกะโลที่ได้เช่าไว้ เพื่อน ๆ ของกุสุมา ก็พากันแปลกใจเมื่อเห็น รถของสูรย์จอดอยู่หน้าบังกะโลหลังไม่ไกลจากที่พวกตนพัก และพวกเขาก็ต้องประหลาดใจยิ่งขึ้นเมื่อเห็นว่า กุสุมากำลังล้างปลาหมึก ล้างกุ้ง ล้างหอยแครงหอยแมลงภู่ รอท่าพวกเขา
“มึงเอามาจากไหนอีกไอ้ม่า..”
“มีให้แดกแล้วกัน อย่าถาม”
“แฟนมันซื้อให้มั้ง”
“พวกมึงหยุดเลยนะ” กุสุมาอารมณ์เสียงดังหน้าตาขึงขังบอกให้รู้ว่า ‘ของจริง’
“พวกมึงก็พอได้แล้ว ไป ๆ อาบน้ำ ผู้หญิงก็ช่วยไอ้ม่าหน่อย หุงข้าวหาปลากันซะให้ดิบดี เดี๋ยวผู้ชายอาบน้ำเสร็จจะออกมาช่วยจัดการ” ถมยาบอกเสียงดัง ผลก็คือถูกโห่..
กลิ่นคลุ้งของกุ้ง หอย ปู ปลาเผาเรียกน้ำย่อยไปทั่วบริเวณ กุสุมาที่อาบน้ำแต่งตัวด้วยเสื้อยืดคอกลมสีขาว กางเกงเลสีแดงสด เดินลงมาจากชั้นบน ใบหน้านั้นขาวนวลด้วยแป้งเด็ก เพื่อน ๆ ที่นั่งล้อมวง กินและดื่ม อยู่ในบ้านมองกันแล้วอมยิ้ม กุสุมาจะแสร้งทำเป็นไม่เห็น แต่ว่าสายตาพวกนั้นก็จ้องกันไม่เลิก..
“มองอะไรกัน”
“มองคนมีความรัก”
“ยัง ๆ ยังไม่เลิก..”
“อาหารสุกแล้ว มึงเอาไปให้พี่เขาหน่อยสิ ไอ้ถมยามันไปชวนพี่เขามาร่วมวงด้วย เขาบอกว่าตามสบาย แต่กูว่าเขาอยากให้มึงเอาไปประเคนให้ถึงปาก” ทั้งกลุ่มเพื่อนคนนี้ปากกล้าที่สุด..
“กูบอกให้หยุด..” กุสุมาถลึงตาเข้าใส่ พวกมันหดหัวแต่ว่าก็ยิ้ม ๆ กัน..
กุสุมาเลี่ยงออกไปหน้าบ้านที่มีสาว ๆ ช่วยกันปิ้ง ย่าง ที่ดูจะเหมือนเป็นการเผาเสียมากกว่า
“ม่า เอานี่ไปให้คุณสูรย์หน่อย..”
“ได้..” ไม่จำเป็นต้องกระบิดกระบวนเพราะยิ่งทำเหนียมอายขวยเขินก็จะยิ่งเป็นขี้ปาก
กุสุมาถือถาดที่มีกุ้ง ปู หอยแครง หอยแมลงภู่ ข้าวเปล่า น้ำจิ้ม ไปยังบ้านหลังที่อยู่ถัดไป ก่อนจะถึงกุสุมาก็ตะโกนเสียงห้าว ๆ นำทาง
“คุณสูรย์ คุณสูรย์”
สูรย์ที่อยู่ในชุดกางเกงขาสั้นเหนือเข่าเสื้อยืดสีขาวเช่นกันเปิดประตูออกมา
เขาใส่แว่นตา กุสุมาอยากจะมองเขาให้เต็ม ๆ ตาแต่ว่าก็ทำไม่ได้
“ม่าเอาไอ้นี่มาให้..กินหน่อยนะ”
เขาเดินออกมาที่ระเบียงอย่างรู้กาลควรไม่ควร แล้วทรุดตัวลงนั่ง กุสุมาวางถาดแล้วนั่งอยู่ด้วย
“แล้วเรากินหรือยัง”
“ยัง..”
“งั้นด้วยกันนี่แหละ เยอะไป คนเดียวไม่ไหวหรอก ปกติมื้อเย็นก็ไม่ค่อยเท่าไหร่อยู่แล้ว”
“พี่ซ้งล่ะ”
“เดี๋ยวไปรับมัน ไปด้วยกันไหม”
“ไม่เอาหรอก..”
“ไปเป็นเพื่อนกัน”
“เป็นขี้ปากพวกมันแย่”
“กลัวอะไร บริสุทธิ์ใจซะอย่าง”
ใจจริงกุสุมาอยากจะบอกว่า “ม่าเสียหายนะ” แต่ถ้าพูดไปอย่างนั้นมันจะดูเหมือนว่าเธอเป็นผู้หญิงและกำลังจะเรียกร้องให้เขารับผิดชอบ เพื่อให้เห็นว่าเธอเป็นประเภทถึงไหนถึงกัน กุสุมาจึงต้องบอกว่า
“งั้นก็ได้”
วางถาดลงแล้วกุสุมาก็เอ่ยเสียงดังให้เพื่อน ๆ ที่ล้อมวงกัน ดื่ม กิน ร้องเพลงและฟังเสียงกีตาร์ ว่า
“เดี๋ยวกูจะไปรับพี่ซ้งกับคุณสูรย์นะ..เดี๋ยวมา”
ไม่ทันฟังว่าจะมีใครถามอะไร กุสุมาก็หมุนตัวแล้ววิ่งอ้าวไปยังรถของสูรย์ที่สต๊าทเครื่องรอ และแน่นอนว่า กลิ่นของมันยังไม่ทันจาง ๆ เพื่อนที่ดีดกีตาร์ก็หยุดมือ แล้วก็พูดว่า
“ไหมละ กูนึกแล้วมันต้องออกไปข้างนอกกันอีก”
“เดี๋ยวนี้มีผัดหน้าด้วยนะมึง..”
“แต่มันก็สวยขึ้นมาเลยนะ..จริง ๆ สวยจริง ๆ”
“รู้สึกว่ามันเป็นสาวว่ะ มึงรู้สึกอย่างนั้นไหม มันมีนมด้วยนะโว้ย..”
“ภาวนาให้มันสมหวังกับรักแรกของมันกันเถอะ”
“งั้นเราเปลี่ยนมาเป็นสวดมนต์แทนร้องเพลง..”
“เอ้า..อะระหัง สัมมาฯ” ไม่แค่ขึ้นต้น แต่มันยังดีดกีตาร์คลอเสียงสวดมนต์ได้อีกด้วย..
รถแล่นไปบนถนนโดยที่กุสุมาก็งัดแงะเก๊ะข้างหน้าหาแผ่นเพลงมาเปิดเพลง แต่ว่าก็พบแต่พวกเพลงสมัยพ่อแม่เป็นหนุ่มเป็นสาว กุสุมาก็เลยเปรยเบา ๆ ว่า
“โบราณ ๆ แบบนี้ซิน่าถึงหาแฟนไม่ได้”
สูรย์ยิ้มพลางเอื้อมมือไปกดเปิดวิทยุ เสียงดีเจก็ดังแจ้ว ๆ มาว่า
“เพลงต่อไปเป็นเพลงที่ท่านผู้ฟังทางบ้านขอมา เขาให้บอกกับเพื่อนนักฟังเพลงด้วยกันว่าช่วงนี้เขาเจ็บ เจ็บที่ไว้ใจ ฟังเพลง ผิดที่ไว้ใจ ได้เลยค่ะ”
อึดใจเสียง เพลงผิดที่ไว้ใจ ของ sillyfools ก็ดังแผ่ว ๆ แต่เพลงนั้นก็ทำให้กุสุมาต้องหันหน้าไปมองข้างทางที่มีร้านรวงและแสงไฟ โดยไม่ได้เห็นว่าสูรย์นั้นเริ่มมีน้ำตาคลอ ๆ เมื่อเพลงเล่นไปได้ช่วงหนึ่ง..
‘อยากให้ลมหายใจ สุดท้าย ได้หยุดไป..ในตอนนี้ เจ็บจนเกินรับไว้ หัวใจจงหลับใหล ไปเสียที ผิดที่ฉันเอง ที่เฝ้ารัก จึงทำให้เธอนั้นมองข้ามไป ผิดที่ฉันเอง ที่ง่ายนัก ของตายก็มีความหมายแค่นั้น..ผิดที่ฉันยอมยกใจให้เธอไป..มันผิดที่ฉันยอมให้เธอเก็บไว้..มันผิดที่ฉันมองเห็นเธอด้วยหัวใจ ผิดตรงที่ไว้ใจ ฉันมองตัวเธอผิดไป..’
“ขออนุญาตปิดนะ”
กุสุมาหันไปมองหน้าเขาที่มีเสียงสั่น ๆ เขากระพริบเปลือกตาถี่ ๆ และปากของกุสุมาก็ไวเท่าความรู้สึก
“ฟังแล้วเจ็บเหรอ”
“อืม..ยังเจ็บ”
“ยังรักเขาอยู่นะสิ”
“ไม่แล้ว..มันจบไปนานแล้ว”
“เล่าได้ป่ะ..”
“มันไม่ใช่เรื่องตลกเลยนะ”
กุสุมาอยากจะบอกกับเขาว่า เธออยากรู้ แต่ว่าก็ต้องยั้งบอกปากไว้ แต่เขาก็พูดทำลายความเงียบงันชั่วขณะหนึ่งว่า
“ฉันรู้จักเขาในงานเลี้ยง เป็นงานแต่งของเพื่อน เค้าเป็นเพื่อนของฝ่ายเจ้าสาว ตอนนั้นฉันเพิ่งเรียนจบใหม่ ๆ ยังไม่มีใคร ฉันไม่เคยมีแฟน เพราะเรียนโรงเรียนชายล้วนมาตลอด แล้วก็ทำแต่งาน จนเข้ามหาวิทยาลัยก็เจอแต่เพื่อนผู้ชายอีก พอเจอเขาฉันก็ตกหลุมรักเขา เขาสวยมาก ถ้าตัดสินใจไปประกวดนางงามก็คงได้รางวัลแน่ ๆ”
ตอนนั้นกุสุมาหันหน้าไปทางข้างทางเห็นเงาตัวเองในกระจกลาง ๆ ก็ต้องบิดปากให้กับหน้าตาของตัวเองที่คงจะห่างไกลคำว่าสวยมากที่เขากำลังเอ่ยถึง
“เราคบกันอยู่เจ็ดปี เจ็ดปีที่ใคร ๆ พูดกันว่าอาถรรพ์ ถ้าผ่านไปได้ก็จะคบหากันได้ต่อไป แต่ว่าเอาเข้าจริง ๆ ฉันก็ผ่านไปไม่ได้ เพราะเขา.. จู่ ๆ เขาก็เข้ามาบอกกับฉันว่า เขาขอเป็นอิสระ คนที่เขาเคยรักตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมกลับมาหาเขา”
“แล้วช่วงก่อนหน้านั้น”
“ก่อนหน้านั้น หมอนั่นได้ทุนไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ปริญญาตรีมั้ง แล้วก็ทำโท ทำเอก ตอนหลังกลับมาทำงานที่สิงคโปร์ รวยขึ้นกว่าก่อน แล้วเขาก็กลับมาทวงสัญญากัน คนของฉันเขาก็เลยขอไป ไป
หาคนที่เขารักมากกว่า”
“ตอนนั้นคุณสูรย์เป็นอย่างไง”
“เมามันทุกวัน..รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นขยะ เหมือนของที่เขาทิ้งแล้ว เหมือนตัวเองไม่มีค่า และไอ้เพลงนี้มันก็เคยทำให้ฉันนั่งร้องไห้ต่อหน้าเพื่อน ๆ มาแล้ว..”
กุสุมายิ้มขื่น ๆ เรื่องเพื่อนร้องไห้เพราะความรักเธอเจอบ่อย และเธอก็ตอบอย่างคนที่ไม่เคยมีความรักจริง ๆ ไปว่า “หาใหม่ ๆ” หรือไม่ก็ “จะทุกข์กับผู้หญิงคนเดียวไปทำไม ผู้หญิงมีอยู่เกลื่อนโลก”
“เราเคยอกหักไหม”
“ม่าไม่เคยมีแฟน” กุสุมาตอบพลางยกมือมาขยี้เส้นผมไปด้วย สายตามองถนน สูรย์มองหน้าครึ่งเสี้ยวที่จมูกได้สัดส่วนริมฝีปากสีชมพู ยิ้มนิด ๆ แล้วก็เอ่ยตรง ๆ ชนิดที่คนฟังต้องหันมามองหน้า
“ฉันยังไม่เคยมีอะไรกับเขาหรอกนะ”
“ยังไม่ได้ถาม”
“อยากบอกไว้..” ใบหน้าของสูรย์ที่มีแว่นสายตาเปื้อนยิ้ม และก็ต้องสำลักน้ำลายเมื่อได้ยินคำถามจากคนข้าง ๆ “แล้วเคยมีอะไรกับใครไหม”
“ถามมาได้” เขาหันมาทำตาเขียวเสียงแข็งเข้าใส่
เจอเขาดุกุสุมาก็เลยหัวเราะ เพราะนึกอยู่แล้วว่าเขาต้องดุ และเขาก็คงไม่คิดว่าเธอจะถาม นอกจากหัวเราะกับเสียงดุ ๆ ของเขา กุสุมาก็หัวเราะกับความสุขของตัวเองด้วย ตอนนี้เขาเป็นโสด คงกำลังมองหาคนรู้ใจคนใหม่สักคน และถ้าคน ๆ นั้นเป็นเธอล่ะ ..
“หัวเราะอะไร..อย่าบอกนะว่าคิดว่าฉันโง่ ไร้เดียงสา”
“เปล่า ไม่กล้าสบประมาทหรอก ผู้ชายสมัยนี้ รวดเร็วกันจะตาย ไอ้พวกนั้นมาเล่าหมดแหละว่ามันขึ้นครูกันที่ไหน เมื่อไหร่ กับใคร กี่ยก”
“เราก็ทนฟังได้”
“ถ้าไม่ทำหน้าด้านจะคบกับพวกมันมาได้เหรอ ไอ้พวกนี้ หนังหนา ด่าก็ไม่เจ็บ”
“มีใครจีบหรือฉวยโอกาสกับเราบ้างไหม”
“มีบ้าง..แต่บอกมันไปตรง ๆว่า กลืนไม่ลง ฉวยมาก็ถูกทุบ มันก็จบ เป็นเพื่อนกัน แต่พวกสาขา อื่น ๆ ไว้ใจไม่ได้ มันมาจีบเพราะพนันกันไว้” เอ่ยถึงตรงนี้ กุสุมาก็นึกถึงคำพูดของเพื่อนผู้หวังดีขึ้นมา ดีไม่ดี คนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เธอนี้ อาจจะพนันกับใครมาก็ได้
“แต่ฉันไม่ได้พนันกับใครมานะ”
กุสุมากรอกตาไปมาหน้าตึง ๆ ก่อนจะเมินหน้าไปทางกระจก แล้วก็เปลี่ยนเรื่องคุย
“เปิดเพลงฟังเหอะ เพลงนั้นมันคงจบแล้ว”
“เพลงบางเพลงถึงปิด มันก็ดังอยู่ในใจเรานะม่า”
เมื่อถมยายืนยันว่าสูรย์เป็นคนดี ความหนักใจความเป็นห่วงเพื่อนก็คลายลงแต่ถึงกระนั้น พอพร้อมใจกันขึ้นไปบนฝั่ง ทุก ๆ คนก็รุมพิจารณาสูรย์จนกระทั่ง สูรย์ที่ถูกกุสุมาแนะนำให้เพื่อน ๆ รู้จัก รู้สึกว่าสายตาของแต่ละคนนั้น ไม่ชอบมาพากล แต่สูรย์ไม่ได้ถามว่าทุกคนคิดอะไรกับเขา แต่ว่าหนึ่งในนั้นก็หลุดคำถามคาดคั้นมาว่า
“ทำไมพี่ถึงมาเที่ยวชะอำคนเดียว”
“พี่ไม่ได้มาคนเดียว พี่มากับเพื่อน แต่เพื่อนพี่ไปงาน พี่ก็เลย..พี่ก็เลย นึกได้ว่าม่าเขามาชะอำก็เลยออกมาเดินหา แล้วก็เจอ..”
จริง ๆ เขาจอดรถและใช้เหรียญบาทโยนถามทางว่าจะไปซ้ายหรือขวาถึงจะเจอกุสุมา และด้าน ‘ก้อย’ ที่เขาเลือกไว้ก็พาเขามาพบกุสุมานั่งอ่านหนังสือตามลำพังโดยเพื่อน ๆ สนุก ๆ สนานดำผุดดำว่ายอยู่ในทะเล แต่เขาก็ลืมไปว่า วันนี้กุสุมาไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้ตามลำพัง เธอมีเพื่อน ๆ มีสังคมเป็นของตัวเอง ซึ่งต้องบอกว่า เพื่อนของกุสุมานั้นยังเป็นเด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมด้วยซ้ำ และเขาก็พอมองออกว่า เพื่อนผู้ชายเหล่านี้ ดูไม่พอใจที่เขาเข้ามาวุ่นวายอยู่ตรงนี้ แต่เขาก็ก้าวมาแล้ว และอะไรจะเกิดต่อไปเขาก็ต้องหาทางเอาตัวรอดไปให้ได้
“พี่จงใจตามไอ้ม่ามาหรือเปล่า”
“เขาก็บอกแล้วว่าบังเอิญ” กุสุมารีบเข้าข้างสูรย์ ทั้งที่รู้สึกใจคอไม่ดีที่เพื่อน ๆ พูดทำนองว่า สูรย์จงใจตามมาเพื่อจีบเธอ
“กูไม่เชื่อหรอก จงใจตามมา สารภาพมาซะดี ๆ เลยพี่..ต้องการอะไรแน่”
แม้ถมยาจะยืนยันแล้วว่าเขาเป็นคนดี แต่ว่าไม่มีซะหรอกที่จะไม่มีการซักฟอกให้ขาวสะอาด
“มึงเมาแล้ว ไปนั่งเลยไป” ถมยาตบหัวเพื่อนปากดี ก่อนจะดึงไปยังที่นั่งที่กลุ่มได้เช่าไว้ตัวเอง คน อื่น ๆ ยังยืนมองสูรย์อยู่ แม้บางคนจะนั่งกับพื้นทราย บางคนจะคุยกับแฟนตัวเอง แต่ก็มีอีกหลายคนยืนจังก้า ตั้งท่าจะคุยกับเขา สูรย์ยิ้ม ๆ ให้กลุ่มคนที่จ้องมอง ก่อนจะหันไปหากุสุมา
“ตกลงจะพาฉันไปดูที่พักไหม”
“ได้..” ว่าแล้วกุสุมาก็ลุกขึ้นเพราะตัวเองก็นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าเพื่อน ๆ จะเสียมารยาทกันขนาดนี้
“มึงจะไปไหนอีม่า” หนึ่งในสี่คนที่ยังยืนอยู่หาได้หยุดไต่ถาม
“ไปธุระกับพี่เขา พาไปหาที่พัก แถว ๆ นี้แหละ”
“เย็นนี้มึงต้องกลับมานะ อย่าหนีไปกับแฟนนะมึง” คนริมซ้ายช่วยเพื่อนเต็มกำลัง
“ไอ้บ้า แฟนอะไร เขาเจ้านายกู” กุสุมารีบด่าเพื่อนเพื่อกลบเกลื่อนความเขินอาย
“กูดูออกหรอกน่า เขามาจีบมึง”
สูรย์ปั้นหน้านิ่ง ๆ นึกดีใจที่ทรงฤทธิ์ไม่ได้เอาแว่นกันแดดลงไปด้วย ไม่งั้นเขาคงปั้นหน้าไม่ถูกแน่ ๆ และเพื่อตัดรำคาญ กับอยากให้กุสุมาคุยกับเพื่อนให้เรียบร้อย เขาจึงลุกขึ้นแล้วเดินนำออกไปก่อน
พอสูรย์คล้อยหลังไปแล้ว กุสุมาก็หันมาฉะเพื่อนชายที่เสียมารยาททันที
“พวกมึงเป็นอะไรกัน”
“มึงนั่นแหละเป็นอะไร”
“กูก็เป็นกู เป็นเหมือนเดิม”
“มึงตีตัวออกห่างพวกกู ทำตัวเหมือนสาว ๆ น้ำทะเลก็ไม่ยอมเล่น มึงจะมีแฟนใช่ไหม”
“อ้าว..ไอ้นี่..กูบอกแล้วว่าเขาเป็นเจ้านาย เขาบังเอิญมาที่นี่เหมือนกัน”
“เขามาเพื่อจะมาฟันมึงนะสิ”
“ปากมึงนะ” กุสุมาถกแขนเสื้อเตรียมเอาเรื่อง
“กูห่วงมึงหรอก กูต้องพูด” แม้จะรู้ว่ากำลังตัวเองเหนือผู้หญิง แต่ว่าเมื่อมีผู้หญิงเป็นเพื่อนก็ต้องปล่อยให้มันเก่งกล้าชูกล้ามว่าข้าแน่โดยไม่ถือเป็นเรื่องสำคัญ
ถมยานั่งมองกุสุมาออกฤทธิ์ออกเดชโดยพยายามซ่อนขำไว้และกุสุมาก็เหลือบตามาเห็นพอดี
“กูไม่อยากให้มึงน้ำตาเช็ดหัวเข่า” ใช่มันห่วง แต่ว่าพวกมันกำลังเข้าใจผิด..
“พวกมึงไปกันใหญ่แล้วนะ เขาเป็นเจ้านายกู เขาไม่ได้มาเพื่อฟันกู เขามาธุระกับพี่ซ้ง แล้วอีกอย่างกูก็ไม่ได้สวยจนทำให้เขาหน้ามืดได้หรอก”
“ผู้ชายบางคนมันก็อยากเอาชนะผู้หญิงอย่างมึง”
ใช่เพื่อนคนนั้นพูดถูก แต่ว่ากุสุมาไม่ยอมจำนนหรือทำท่าหวาดกลัวต่อคำพูดนั้น
“ขอบใจที่เป็นห่วง แต่กูดูแลตัวเองได้ และเขาก็ไม่ใช่คนอย่างที่มึงคิดกันด้วย เขาก็คงคิดเหมือนที่พวกมึงคิดกับกูนี่แหละ”
“แต่กูดูออกว่ามึงชอบเขา และไม่ใช่ชอบแบบเพื่อน พี่ พ่อ”
เจอคำพูดแสลงใจเข้าไป กุสุมาปั้นหน้าแทบไม่ถูกและเธอจะยอมรับง่าย ๆ ไม่ได้เช่นกัน
“กูอะนะชอบเขา มึงดูกันอย่างไง”
“สาบานไหมละ”
“กูก็ไม่ได้เกลียดเขา” มีหรือที่จะยอมสาบานให้ตายฟรีและจะให้ยอมรับว่าชอบเขาแบบชู้สาวเห็นทีจะยังไม่ได้
“แล้วพวกมึงจะเลิกเล่นน้ำกันได้หรือยัง เย็นแล้วนะ จะกลับบ้านพักไปหุงหาข้าวปลากินกันหรือยัง”
ข้าวสารหม้อหุงข้าวไฟฟ้าเตรียมมาจากบ้าน ถ้วยจานชามกระทะของที่บ้านพัก กุ้ง หอย ปู เนื้อหมู ลูกชิ้น ก็แวะซื้อที่ตลาดสดตั้งแต่ก่อนจะลงเล่นน้ำ เหลือแต่กลับไปตั้งวงเฮฮาดื่มกินกันตามประสาเพื่อน และงานนี้ ก็ถือเป็นทริปอำลาอาลัยกันด้วย เพราะบางคนก็รู้แล้วว่าได้งานที่ไหน หรือจะไปเรียนต่อที่ไหน บ้างก็มีเฟรนด์ชิฟติดมาให้เพื่อนเขียน และแน่นอนว่า ไม่ต้องสรรหาถ้อยคำที่มันสร้างสรรค์จรรโลงใจ..
“เดี๋ยวกลับ” มีเสียงหนึ่งตอบกลับมา
“งั้นเดี๋ยวกูตามไป..” พูดจบกุสุมาก็ตั้งท่าจะเดิน แต่ก็ต้องชะงักเท้า..
มองกราดไปยังเพื่อน ๆ และส่วนใหญ่ยังไม่ยอมละสายตาจากร่างของตน แต่อย่างไรเสียกุสุมาก็จะไม่ยอมหวั่น..
“ไม่ต้องนินทากูละ..หาเรื่องอื่นคุยกันเลยนะ..”
“กลัวมึง ..พวกกูก็ต้องเรียกมึงว่าแม่แล้ว..”
พอเจอตอกกลับมาอย่างนี้ กุสุมาจึงก้มลงกำทรายแล้วซัดใส่เพื่อน ๆ ก่อนจะรีบวิ่งหนีไปหาสูรย์
พอเดินมาถึงรถโทรศัพท์ของสูรย์ก็ดังขึ้น เป็นเบอร์ของทรงฤทธิ์ เขารีบกดรับ แต่ว่าก็ต้องเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหู
“ไอ้สูรย์มึง ๆ มึง นี่มัน มึงหลอกกู”
“เรื่องอะไรไอ้ซ้ง”
“มึงชอบไอ้ม่าใช่ไหม มึงตามไอ้ม่ามาเที่ยวใช่ไหม”
“ไอ้ห่า มึงเอาที่ไหนมาปรักปรำกู”
“มีคนเห็นว่ามึงนั่งพลอดรักกับไอ้ม่าอยู่ที่หัวหิน ชะชะไอ้นี่ รวดเร็วดีโว้ย แต่กูเจ็บใจที่มึงไม่บอกกูตรง ๆ”
“กูบังเอิญมาเจอมัน” ด้วยคุยกันหยาบ ๆ และมีคนมองสูรย์ก็เลยเปิดประตูรถเข้าไปนั่งสต๊าทเครื่องแล้วก็เปิดแอร์
“เชื่อมึง กูก็ออกลูกเป็นควายแล้ว”
“หาแม่ของลูกให้ได้ก่อนเหอะ”
“มึงรับมาก่อนว่ามึงชอบไอ้ม่า มึงรับมาซะเลย”
“ไม่รับ ทำไมกูต้องรับ” ดีนะที่ทรงฤทธิ์ไม่ได้อยู่ตรงนั้น ไม่งั้นเขาก็ต้องพยายามซ่อนสีหน้าประกอบการโกหกไปด้วย
“งั้นคืนนี้กูกลับกรุงเทพฯ”
“เรื่องของมึง แต่กูยืมรถไว้ก่อนแล้วกันนะ” พอดีกับสายตาของสูรย์เหลือบไปเห็นว่ากุสุมาวิ่งมาแล้วเคาะตรงกระจกฝั่งผู้โดยสารเขาก็เลยต้องรีบวางสายจากทรงฤทธิ์..
“แค่นี้ก่อนนะโว้ย เดี๋ยวกูโทรกลับ” วางสายแล้วสูรย์ก็กดปุ่มปลดล็อก กุสุมาดึงประตูแล้วเข้ามานั่งด้วยอาการเหนื่อยหอบ..แต่ใช่ว่ากุสุมาจะหันไปมองหน้าคนขับได้เต็ม ๆ ตา เพราะมันน่าเขินอยู่ไม่น้อยหากเรื่องที่เพื่อน ๆ พูดจะเป็นความจริง
“เหนื่อย” กุสุมาเปรยแรง ๆ สูรย์เร่งแอร์เพิ่มความเย็นแล้วก็ส่งขวดน้ำดื่มที่ยังไม่ได้เปิดฝาขวดไปให้
กุสุมาหันมารับบิดฝาขวดแล้วยกขึ้นดื่มโดยไม่ได้มองหน้าของเขาและเมื่อดื่มแล้วกุสุมาก็หมุนขวดในมือไปมา สูรย์เองก็พอดูออกว่ากุสุมามีอาการแปลก ๆ เขาเองก็เขินเช่นกัน แต่ว่าเขาก็ต้องเกลื่อนความรู้สึกนั้นให้แนบเนียน
“เราจะไปทางไหนกันดี”
“คุณสูรย์อยากพักแบบไหน” พอเขาชวนคุยกุสุมาก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้น
“บังกะโล”
“ที่..” กุสุมาอยากจะบอกว่าทีเดียวกันไหม แต่ว่า..นึกถึงเพื่อน ๆ กับพี่ซ้งที่จะตามมาในภายหลัง
“งั้นไปทางนี้” กุสุมาชี้ทางให้เขาไปคนละทิศกับที่เธอพักอยู่ แต่เขากลับเอ่ยปากถาม
“แล้วพวกเราพักกันที่ไหน..” มาถึงขั้นนี้แล้ว จะถูกล้อถูกเย้าแหย่อย่างไรก็ต้องทน แต่ว่าไป มีคนอื่นมาพูดแทนให้ มันก็เลยได้เห็นความรู้สึกของอีกฝ่ายมากขึ้น สูรย์มั่นใจว่ากุสุมามีใจให้เขาเช่นกัน แต่ว่า จะให้ยอมรับง่าย ๆ ก็คงไม่ได้ เขาเองถ้าหนี ไม่ทำตัวแบบพี่ชาย พวกนั้นก็จะว่ามีพิรุธอีก
“ไปพักด้วยกันแหละ ห้องคงไม่เต็มหรอก..”
“เอางั้นเหรอ”
“ดีทีเดียว..แต่ว่าอาหารที่ซื้อมากินกันน่ะพอไหม ไปหาซื้อมาเพิ่มไหม” ถามยังไม่ทันเอาคำตอบเขาก็ออกรถ กุสุมาก็เลยต้องปล่อยเลยตามเลย แต่ลึก ๆ ก็อดกังวลไม่ได้..แต่อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด
พอพากันเดินกลับมายังบังกะโลที่ได้เช่าไว้ เพื่อน ๆ ของกุสุมา ก็พากันแปลกใจเมื่อเห็น รถของสูรย์จอดอยู่หน้าบังกะโลหลังไม่ไกลจากที่พวกตนพัก และพวกเขาก็ต้องประหลาดใจยิ่งขึ้นเมื่อเห็นว่า กุสุมากำลังล้างปลาหมึก ล้างกุ้ง ล้างหอยแครงหอยแมลงภู่ รอท่าพวกเขา
“มึงเอามาจากไหนอีกไอ้ม่า..”
“มีให้แดกแล้วกัน อย่าถาม”
“แฟนมันซื้อให้มั้ง”
“พวกมึงหยุดเลยนะ” กุสุมาอารมณ์เสียงดังหน้าตาขึงขังบอกให้รู้ว่า ‘ของจริง’
“พวกมึงก็พอได้แล้ว ไป ๆ อาบน้ำ ผู้หญิงก็ช่วยไอ้ม่าหน่อย หุงข้าวหาปลากันซะให้ดิบดี เดี๋ยวผู้ชายอาบน้ำเสร็จจะออกมาช่วยจัดการ” ถมยาบอกเสียงดัง ผลก็คือถูกโห่..
กลิ่นคลุ้งของกุ้ง หอย ปู ปลาเผาเรียกน้ำย่อยไปทั่วบริเวณ กุสุมาที่อาบน้ำแต่งตัวด้วยเสื้อยืดคอกลมสีขาว กางเกงเลสีแดงสด เดินลงมาจากชั้นบน ใบหน้านั้นขาวนวลด้วยแป้งเด็ก เพื่อน ๆ ที่นั่งล้อมวง กินและดื่ม อยู่ในบ้านมองกันแล้วอมยิ้ม กุสุมาจะแสร้งทำเป็นไม่เห็น แต่ว่าสายตาพวกนั้นก็จ้องกันไม่เลิก..
“มองอะไรกัน”
“มองคนมีความรัก”
“ยัง ๆ ยังไม่เลิก..”
“อาหารสุกแล้ว มึงเอาไปให้พี่เขาหน่อยสิ ไอ้ถมยามันไปชวนพี่เขามาร่วมวงด้วย เขาบอกว่าตามสบาย แต่กูว่าเขาอยากให้มึงเอาไปประเคนให้ถึงปาก” ทั้งกลุ่มเพื่อนคนนี้ปากกล้าที่สุด..
“กูบอกให้หยุด..” กุสุมาถลึงตาเข้าใส่ พวกมันหดหัวแต่ว่าก็ยิ้ม ๆ กัน..
กุสุมาเลี่ยงออกไปหน้าบ้านที่มีสาว ๆ ช่วยกันปิ้ง ย่าง ที่ดูจะเหมือนเป็นการเผาเสียมากกว่า
“ม่า เอานี่ไปให้คุณสูรย์หน่อย..”
“ได้..” ไม่จำเป็นต้องกระบิดกระบวนเพราะยิ่งทำเหนียมอายขวยเขินก็จะยิ่งเป็นขี้ปาก
กุสุมาถือถาดที่มีกุ้ง ปู หอยแครง หอยแมลงภู่ ข้าวเปล่า น้ำจิ้ม ไปยังบ้านหลังที่อยู่ถัดไป ก่อนจะถึงกุสุมาก็ตะโกนเสียงห้าว ๆ นำทาง
“คุณสูรย์ คุณสูรย์”
สูรย์ที่อยู่ในชุดกางเกงขาสั้นเหนือเข่าเสื้อยืดสีขาวเช่นกันเปิดประตูออกมา
เขาใส่แว่นตา กุสุมาอยากจะมองเขาให้เต็ม ๆ ตาแต่ว่าก็ทำไม่ได้
“ม่าเอาไอ้นี่มาให้..กินหน่อยนะ”
เขาเดินออกมาที่ระเบียงอย่างรู้กาลควรไม่ควร แล้วทรุดตัวลงนั่ง กุสุมาวางถาดแล้วนั่งอยู่ด้วย
“แล้วเรากินหรือยัง”
“ยัง..”
“งั้นด้วยกันนี่แหละ เยอะไป คนเดียวไม่ไหวหรอก ปกติมื้อเย็นก็ไม่ค่อยเท่าไหร่อยู่แล้ว”
“พี่ซ้งล่ะ”
“เดี๋ยวไปรับมัน ไปด้วยกันไหม”
“ไม่เอาหรอก..”
“ไปเป็นเพื่อนกัน”
“เป็นขี้ปากพวกมันแย่”
“กลัวอะไร บริสุทธิ์ใจซะอย่าง”
ใจจริงกุสุมาอยากจะบอกว่า “ม่าเสียหายนะ” แต่ถ้าพูดไปอย่างนั้นมันจะดูเหมือนว่าเธอเป็นผู้หญิงและกำลังจะเรียกร้องให้เขารับผิดชอบ เพื่อให้เห็นว่าเธอเป็นประเภทถึงไหนถึงกัน กุสุมาจึงต้องบอกว่า
“งั้นก็ได้”
วางถาดลงแล้วกุสุมาก็เอ่ยเสียงดังให้เพื่อน ๆ ที่ล้อมวงกัน ดื่ม กิน ร้องเพลงและฟังเสียงกีตาร์ ว่า
“เดี๋ยวกูจะไปรับพี่ซ้งกับคุณสูรย์นะ..เดี๋ยวมา”
ไม่ทันฟังว่าจะมีใครถามอะไร กุสุมาก็หมุนตัวแล้ววิ่งอ้าวไปยังรถของสูรย์ที่สต๊าทเครื่องรอ และแน่นอนว่า กลิ่นของมันยังไม่ทันจาง ๆ เพื่อนที่ดีดกีตาร์ก็หยุดมือ แล้วก็พูดว่า
“ไหมละ กูนึกแล้วมันต้องออกไปข้างนอกกันอีก”
“เดี๋ยวนี้มีผัดหน้าด้วยนะมึง..”
“แต่มันก็สวยขึ้นมาเลยนะ..จริง ๆ สวยจริง ๆ”
“รู้สึกว่ามันเป็นสาวว่ะ มึงรู้สึกอย่างนั้นไหม มันมีนมด้วยนะโว้ย..”
“ภาวนาให้มันสมหวังกับรักแรกของมันกันเถอะ”
“งั้นเราเปลี่ยนมาเป็นสวดมนต์แทนร้องเพลง..”
“เอ้า..อะระหัง สัมมาฯ” ไม่แค่ขึ้นต้น แต่มันยังดีดกีตาร์คลอเสียงสวดมนต์ได้อีกด้วย..
รถแล่นไปบนถนนโดยที่กุสุมาก็งัดแงะเก๊ะข้างหน้าหาแผ่นเพลงมาเปิดเพลง แต่ว่าก็พบแต่พวกเพลงสมัยพ่อแม่เป็นหนุ่มเป็นสาว กุสุมาก็เลยเปรยเบา ๆ ว่า
“โบราณ ๆ แบบนี้ซิน่าถึงหาแฟนไม่ได้”
สูรย์ยิ้มพลางเอื้อมมือไปกดเปิดวิทยุ เสียงดีเจก็ดังแจ้ว ๆ มาว่า
“เพลงต่อไปเป็นเพลงที่ท่านผู้ฟังทางบ้านขอมา เขาให้บอกกับเพื่อนนักฟังเพลงด้วยกันว่าช่วงนี้เขาเจ็บ เจ็บที่ไว้ใจ ฟังเพลง ผิดที่ไว้ใจ ได้เลยค่ะ”
อึดใจเสียง เพลงผิดที่ไว้ใจ ของ sillyfools ก็ดังแผ่ว ๆ แต่เพลงนั้นก็ทำให้กุสุมาต้องหันหน้าไปมองข้างทางที่มีร้านรวงและแสงไฟ โดยไม่ได้เห็นว่าสูรย์นั้นเริ่มมีน้ำตาคลอ ๆ เมื่อเพลงเล่นไปได้ช่วงหนึ่ง..
‘อยากให้ลมหายใจ สุดท้าย ได้หยุดไป..ในตอนนี้ เจ็บจนเกินรับไว้ หัวใจจงหลับใหล ไปเสียที ผิดที่ฉันเอง ที่เฝ้ารัก จึงทำให้เธอนั้นมองข้ามไป ผิดที่ฉันเอง ที่ง่ายนัก ของตายก็มีความหมายแค่นั้น..ผิดที่ฉันยอมยกใจให้เธอไป..มันผิดที่ฉันยอมให้เธอเก็บไว้..มันผิดที่ฉันมองเห็นเธอด้วยหัวใจ ผิดตรงที่ไว้ใจ ฉันมองตัวเธอผิดไป..’
“ขออนุญาตปิดนะ”
กุสุมาหันไปมองหน้าเขาที่มีเสียงสั่น ๆ เขากระพริบเปลือกตาถี่ ๆ และปากของกุสุมาก็ไวเท่าความรู้สึก
“ฟังแล้วเจ็บเหรอ”
“อืม..ยังเจ็บ”
“ยังรักเขาอยู่นะสิ”
“ไม่แล้ว..มันจบไปนานแล้ว”
“เล่าได้ป่ะ..”
“มันไม่ใช่เรื่องตลกเลยนะ”
กุสุมาอยากจะบอกกับเขาว่า เธออยากรู้ แต่ว่าก็ต้องยั้งบอกปากไว้ แต่เขาก็พูดทำลายความเงียบงันชั่วขณะหนึ่งว่า
“ฉันรู้จักเขาในงานเลี้ยง เป็นงานแต่งของเพื่อน เค้าเป็นเพื่อนของฝ่ายเจ้าสาว ตอนนั้นฉันเพิ่งเรียนจบใหม่ ๆ ยังไม่มีใคร ฉันไม่เคยมีแฟน เพราะเรียนโรงเรียนชายล้วนมาตลอด แล้วก็ทำแต่งาน จนเข้ามหาวิทยาลัยก็เจอแต่เพื่อนผู้ชายอีก พอเจอเขาฉันก็ตกหลุมรักเขา เขาสวยมาก ถ้าตัดสินใจไปประกวดนางงามก็คงได้รางวัลแน่ ๆ”
ตอนนั้นกุสุมาหันหน้าไปทางข้างทางเห็นเงาตัวเองในกระจกลาง ๆ ก็ต้องบิดปากให้กับหน้าตาของตัวเองที่คงจะห่างไกลคำว่าสวยมากที่เขากำลังเอ่ยถึง
“เราคบกันอยู่เจ็ดปี เจ็ดปีที่ใคร ๆ พูดกันว่าอาถรรพ์ ถ้าผ่านไปได้ก็จะคบหากันได้ต่อไป แต่ว่าเอาเข้าจริง ๆ ฉันก็ผ่านไปไม่ได้ เพราะเขา.. จู่ ๆ เขาก็เข้ามาบอกกับฉันว่า เขาขอเป็นอิสระ คนที่เขาเคยรักตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมกลับมาหาเขา”
“แล้วช่วงก่อนหน้านั้น”
“ก่อนหน้านั้น หมอนั่นได้ทุนไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ปริญญาตรีมั้ง แล้วก็ทำโท ทำเอก ตอนหลังกลับมาทำงานที่สิงคโปร์ รวยขึ้นกว่าก่อน แล้วเขาก็กลับมาทวงสัญญากัน คนของฉันเขาก็เลยขอไป ไป
หาคนที่เขารักมากกว่า”
“ตอนนั้นคุณสูรย์เป็นอย่างไง”
“เมามันทุกวัน..รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นขยะ เหมือนของที่เขาทิ้งแล้ว เหมือนตัวเองไม่มีค่า และไอ้เพลงนี้มันก็เคยทำให้ฉันนั่งร้องไห้ต่อหน้าเพื่อน ๆ มาแล้ว..”
กุสุมายิ้มขื่น ๆ เรื่องเพื่อนร้องไห้เพราะความรักเธอเจอบ่อย และเธอก็ตอบอย่างคนที่ไม่เคยมีความรักจริง ๆ ไปว่า “หาใหม่ ๆ” หรือไม่ก็ “จะทุกข์กับผู้หญิงคนเดียวไปทำไม ผู้หญิงมีอยู่เกลื่อนโลก”
“เราเคยอกหักไหม”
“ม่าไม่เคยมีแฟน” กุสุมาตอบพลางยกมือมาขยี้เส้นผมไปด้วย สายตามองถนน สูรย์มองหน้าครึ่งเสี้ยวที่จมูกได้สัดส่วนริมฝีปากสีชมพู ยิ้มนิด ๆ แล้วก็เอ่ยตรง ๆ ชนิดที่คนฟังต้องหันมามองหน้า
“ฉันยังไม่เคยมีอะไรกับเขาหรอกนะ”
“ยังไม่ได้ถาม”
“อยากบอกไว้..” ใบหน้าของสูรย์ที่มีแว่นสายตาเปื้อนยิ้ม และก็ต้องสำลักน้ำลายเมื่อได้ยินคำถามจากคนข้าง ๆ “แล้วเคยมีอะไรกับใครไหม”
“ถามมาได้” เขาหันมาทำตาเขียวเสียงแข็งเข้าใส่
เจอเขาดุกุสุมาก็เลยหัวเราะ เพราะนึกอยู่แล้วว่าเขาต้องดุ และเขาก็คงไม่คิดว่าเธอจะถาม นอกจากหัวเราะกับเสียงดุ ๆ ของเขา กุสุมาก็หัวเราะกับความสุขของตัวเองด้วย ตอนนี้เขาเป็นโสด คงกำลังมองหาคนรู้ใจคนใหม่สักคน และถ้าคน ๆ นั้นเป็นเธอล่ะ ..
“หัวเราะอะไร..อย่าบอกนะว่าคิดว่าฉันโง่ ไร้เดียงสา”
“เปล่า ไม่กล้าสบประมาทหรอก ผู้ชายสมัยนี้ รวดเร็วกันจะตาย ไอ้พวกนั้นมาเล่าหมดแหละว่ามันขึ้นครูกันที่ไหน เมื่อไหร่ กับใคร กี่ยก”
“เราก็ทนฟังได้”
“ถ้าไม่ทำหน้าด้านจะคบกับพวกมันมาได้เหรอ ไอ้พวกนี้ หนังหนา ด่าก็ไม่เจ็บ”
“มีใครจีบหรือฉวยโอกาสกับเราบ้างไหม”
“มีบ้าง..แต่บอกมันไปตรง ๆว่า กลืนไม่ลง ฉวยมาก็ถูกทุบ มันก็จบ เป็นเพื่อนกัน แต่พวกสาขา อื่น ๆ ไว้ใจไม่ได้ มันมาจีบเพราะพนันกันไว้” เอ่ยถึงตรงนี้ กุสุมาก็นึกถึงคำพูดของเพื่อนผู้หวังดีขึ้นมา ดีไม่ดี คนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เธอนี้ อาจจะพนันกับใครมาก็ได้
“แต่ฉันไม่ได้พนันกับใครมานะ”
กุสุมากรอกตาไปมาหน้าตึง ๆ ก่อนจะเมินหน้าไปทางกระจก แล้วก็เปลี่ยนเรื่องคุย
“เปิดเพลงฟังเหอะ เพลงนั้นมันคงจบแล้ว”
“เพลงบางเพลงถึงปิด มันก็ดังอยู่ในใจเรานะม่า”

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 เม.ย. 2554, 13:55:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 เม.ย. 2554, 01:01:07 น.
จำนวนการเข้าชม : 3292
<< 11. มาถึงบ้านเกือบเลยวันจันทร์... | 13 หยุดบรรยายได้แล้ว ขอหลักฐานหน่อย >> |

จุฬามณีเฟื่องนคร 12 เม.ย. 2554, 13:58:01 น.
พอดีคุณณิณบอกว่า จะรีบไปเที่ยว อยากอ่านต่ออีกสักตอน ผมก็คนใจดีด้วย เหลืออีกสามเม้นท์ไม่ใช่ปัญหาครับ..
..ในวาระสงกรานต์เทศกาลแห่งความสุข เราก็สุขด้วยกันครับ..ตอนนี้ ฮา ๆหวาน ๆ ซึ้ง ๆ นะครับ
เจอกันอีกทีวันจันทร์ครับ...เที่ยวสงกรานต์ให้สนุกนะครับ แล้วก็ มีโอกาสก็ทำบุญทำกุศลกันด้วยนะครับ.. วันนี้ เมื่อกี้นี้ ผมไปบริจาคเกล็ดเลือดมา ครั้งที่ 73 แล้ว ก็ขออ้างเอาบุญนี้ ให้เพื่อน ๆ นักอ่าน มีความสุขยิ่ง ๆ ขึ้นในปีหน้า(ปีใหม่ไทย) นะครับ...
จุ๊บ ๆ
พอดีคุณณิณบอกว่า จะรีบไปเที่ยว อยากอ่านต่ออีกสักตอน ผมก็คนใจดีด้วย เหลืออีกสามเม้นท์ไม่ใช่ปัญหาครับ..
..ในวาระสงกรานต์เทศกาลแห่งความสุข เราก็สุขด้วยกันครับ..ตอนนี้ ฮา ๆหวาน ๆ ซึ้ง ๆ นะครับ
เจอกันอีกทีวันจันทร์ครับ...เที่ยวสงกรานต์ให้สนุกนะครับ แล้วก็ มีโอกาสก็ทำบุญทำกุศลกันด้วยนะครับ.. วันนี้ เมื่อกี้นี้ ผมไปบริจาคเกล็ดเลือดมา ครั้งที่ 73 แล้ว ก็ขออ้างเอาบุญนี้ ให้เพื่อน ๆ นักอ่าน มีความสุขยิ่ง ๆ ขึ้นในปีหน้า(ปีใหม่ไทย) นะครับ...
จุ๊บ ๆ

incanto 12 เม.ย. 2554, 14:19:16 น.
สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะ
สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะ

Pat 12 เม.ย. 2554, 17:56:11 น.
อ่านอย่างมีความสุข สวัสดีปีใหม่ไทยเช่นกันค่ะ เที่ยวให้สนุกนะคะ
อ่านอย่างมีความสุข สวัสดีปีใหม่ไทยเช่นกันค่ะ เที่ยวให้สนุกนะคะ


จิ๋วจ้า 12 เม.ย. 2554, 18:03:39 น.
สนุกดีค่ะ
สนุกดีค่ะ

dino 12 เม.ย. 2554, 18:26:14 น.
อนุโมทนา สาูธุ สาูธุ
อนุโมทนา สาูธุ สาูธุ

สิริกมล 12 เม.ย. 2554, 20:06:03 น.
ขอบคุณคนเขียน และ ขออนุโมทนาค่ะ บริจาคเลือดเหมือนกัน แต่ยังห่างไกลคุณจุฬาฯ
สวัสดีปีใหม่ไทย ขอให้โชคดีทั้งนักเขียนและนักอ่านทุกคนค่ะ
ขอบคุณคนเขียน และ ขออนุโมทนาค่ะ บริจาคเลือดเหมือนกัน แต่ยังห่างไกลคุณจุฬาฯ
สวัสดีปีใหม่ไทย ขอให้โชคดีทั้งนักเขียนและนักอ่านทุกคนค่ะ

Kookkea 12 เม.ย. 2554, 20:33:37 น.
Got to read before start working! This is going to be a great day. Thanks ka :)
Got to read before start working! This is going to be a great day. Thanks ka :)

mottanoy 12 เม.ย. 2554, 21:11:00 น.
สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าค่ะ ฝากเล่นสงกรานต์เผื่อด้วยนะคะ
สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าค่ะ ฝากเล่นสงกรานต์เผื่อด้วยนะคะ

สายลมแห่งรัก 13 เม.ย. 2554, 00:55:57 น.
ใจดีจัง คุณสูรย์น่ารัก
ใจดีจัง คุณสูรย์น่ารัก


loveleklek 13 เม.ย. 2554, 20:09:41 น.
ตามมาอ่าน
ตามมาอ่าน

เจ้าชายน้อย 15 เม.ย. 2554, 18:57:53 น.
ไม่ได้เข้าเสียนาน ได้อ่านจนตาแฉะกันเลยทีเดียว
คนเขียนใจดี๊ ใจดี ^^
รอตอนหน้าค้าบ
สวัสดีวันปีใหม่ไทยจ้า
ไม่ได้เข้าเสียนาน ได้อ่านจนตาแฉะกันเลยทีเดียว
คนเขียนใจดี๊ ใจดี ^^
รอตอนหน้าค้าบ
สวัสดีวันปีใหม่ไทยจ้า

ปิลันธน์ 19 มี.ค. 2555, 19:34:15 น.
นิสัยม่าโอเคเลยนะเฮียสูรย์...รักแล้วฮาดี(เพื่อนไอ้ม่าน่ะฮามาก)
นิสัยม่าโอเคเลยนะเฮียสูรย์...รักแล้วฮาดี(เพื่อนไอ้ม่าน่ะฮามาก)