รักนี้...หัวใจ (ไม่) กำมะลอ
“ ฉันไม่ใช่ผู้ชาย ฉันไม่ใช่กระเทย และแน่นอนว่าไม่ได้เป็นทอมด้วย!”
จุ๊ๆ ....จุ๊ๆ รู้แล้วเหยียบ รู้แล้วอย่าบอกใครเชียวนะ ว่าอีตาซุป’ตาร์ (บอด+บื้อ) คนนั้นทั้งตาบอดและตาต่ำยิ่งกว่าตาตุ่มแค่ไหน ที่ดั๊นมาติ๊ต่างเอาเองว่าสาวน้อยน่ารักอย่างฉันเป็นไอ้หนุ่มน้อยหน้าหยกไปซะได้ แถมยังไม่พออีตาบ้านั่นยังมายัดเยียดข้อหา “ไอ้หนูนักถ้ำมอง” แล้วจับฉันมาเล่นเป็นพระเอกมิวสิคให้มันอีกต่างหาก ฮึ! มันจะมากไปแล้วนะ ไอ้...ฝาหลุดเอ้ย...
เออ รู้แล้วน่าว่าฉันมันเป็นของแปลก แล้วไง หา...ช่วยไม่ได้นี่ที่ฉันอยากเกิดมาหล่อผิดมนุษย์แบบนี้ แต่ถึงหน้าตาฉันมันจะไม่เหมือนผู้หญิงทั่วไป นายก็ไม่มีสิทธ์มาปล้นหัวใจกันแบบนี้นะโว้ย
แล้วเมื่อไหร่นายจะรู้สักทีนะว่าไอ้หนูที่นายเก็บมาปั้นให้ดังในชั่วข้ามคืนคนนี้ แท้ที่จริงแล้วรู้สึกยังไงกับนายกันแน่...
ไม่มีคำอธิบายอะไร นอกจากลองอ่านดูสักครั้งสิ แล้วคุณจะหลงเสน่ห์ “นายซุปตาร์หนุ่มกำมะลอ” แสนน่ารักน่าหยิกคนนี้จนถอนตัวไม่ขึ้น คำเตือน++ อย่าเชื่อจนกว่าจะได้อ่านเองนะ ขอบอก!!!

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 1 หล่อไม่ต้องพาสเจอร์ไรท์

ตอนที่ 1
ร้านไอศกรีมแบรนด์นอกใจกลางสยามสแควร์เป็นที่นัดพบยอดฮิตของวัยรุ่นขาโจ๋ ทั้งประถม มัธยม ยันมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะวันหยุดเรียนเช่นนี้ย่านการค้าที่เต็มไปด้วยโรงเรียนสอนพิเศษยิ่งคึกคักด้วยลูกค้าหน้าใสมากเป็นพิเศษ
ประตูกระจกอัตโนมัติเปิดต้อนรับ ลูกค้าคนใหม่คือสตรีร่างสูงโปร่ง รูปร่างสะโอดสะองในชุดแซคสั้นเนื้อบางพลิ้วลายเสือดาวที่แสนเปรี้ยวจนเข็ดฟันสุดๆ เป็นที่สะดุดตาของลูกค้าหนุ่มน้อยทั้งหลายในร้าน ใบหน้าเรียวรูปไข่งามถูกแว่นตากันแดดอันบะเริ่มบดบังดวงตาคู่สวยไปกว่าครึ่งหน้าของหล่อนเหลียวซ้ายแลขวาเหมือนกำลังหาใครซักคน
“ นี่เธอเห็นผู้ชายคนนั้นไหม ขาย้าวยาว ท่าทางจะสูงนะ หน้าตาก็ล้อหล่อซะด้วย” สาวน้อยวัยกระเตาะกระซิบกับเพื่อนสาวหน้าใสข้างๆ ที่กำลังละเลียดไอศครีมอย่างเอร็ดอร่อย
“ไหน คนไหนยะ” เจ้าหล่อนชะเง้อหา
“ นี่ นิ่งๆหน่อยสิ เดี๋ยวเค้าก็รู้ตัวก่อนหรอก” เพื่อนสาวปราม แต่คนถูกปรามไม่ได้สนใจฟัง
“ว้าย... คนอะไรทั้งหล่อทั้งเท่ห์สุดๆอย่างกะดาราเกาหลีแน่ะ”
“ดาราคนไหนล่ะยะ”
“เออน่า อย่ามัวพูดมาก ช่วยกันดูซิว่าใช่ดาราหรือเปล่าน่ะ” เพื่อนสาววัยเดียวกันร่วมด้วยช่วยตื่นเต้น แหม ใครๆ ก็รู้ย่านนี้เป็นแหล่งยอดนิยมขึ้นชื่อของวัยรุ่นหรือแม้แต่ดารานักร้องก็ชอบมาเดินเล่นช็อปปิ้งกันอยู่เรื่อยๆ ฉะนั้นใครหล่อใครสวยก็ให้สันนิษฐานล่วงหน้าว่าน่าจะเป็นดาราค่ายไหนค่ายหนึ่งไว้ก่อน ถ้าใช่ก็จะได้เอาไปเม้าท์กับใครๆได้ หรือถ้าไม่ใช่ก็ไม่เห็นเป็นไรเพราะการได้มองคนหล่อคนสวยก็ถือว่าเป็นกำไรทางสายตาอย่างหนึ่งเหมือนกัน
“ ทำไมยะ” คนเป็นเพื่อนหมั่นไส้
“ จะเข้าไปขอลายเซ็นเรอะ”
“ เปล่าย่ะ ฉันจะเข้าไปขอถ่ายรูปไปลง Facebook ต่างหากล่ะ หล่อขั้นเทพแบบนี้รับรองคนต้องเข้ามาดูกันตรึม โอ้ย...คนอะไรยิ่งดูยิ่งหล่อ หล่อแบบไม่ต้องพาสเจอร์ไรท์เลย”
“เป็นยังไงยะ หล่อแบบไม่พาสเจอร์ไรท์ของแกเนี่ย” คนฟังงง
“ โอ้ย...ก็หมายความว่าหล่อแบบไม่ต้องปรุงแต่ง หล่อมาแต่กำเนิดไง เซ่อจริงๆ แก” คนพูดทำเป็นไม่เห็นค้อนวงยักษ์ที่เพื่อนสาวจงใจเขวี้ยงให้ “วุ้ย...ยิ่งดูยิ่งหล่อ”
บทสนทนานั้นทำให้คนแอบฟังโดยไม่เจตนาอดหันไปตามทางที่สาวน้อยพวกนั้นชี้ชวนกันไม่ได้ แล้วหล่อนก็ยิ้มออก เมื่อเห็น “คนหล่อแบบไม่ต้องพาสเจอร์ไรท์”คนนั้น
ภาพที่หล่อนเห็นนั้นแทบไม่ได้เกินกว่าคำอวดอ้างสรรพคุณของเด็กวัยรุ่นกลุ่มนั้นเลยแม้แต่น้อย คนที่กำลังตกเป็นหัวข้อสนทนาโดยไม่รู้ตัวนั้นหากคาดคะเนจากสายตาแล้วอายุอานามคงไม่เกิน 20 ต้นๆ มีรูปร่างสูงโปร่งแต่ค่อนข้างบางไม่ได้ล่ำบึ้กเช่นชายหนุ่มทั่วไป ใบหน้าคมคายประดับด้วยดวงตาเรียวยาวที่มีเพียงชั้นเดียวก็จริงหากกลับมิได้เล็กยิบหยีแบบที่เรียกว่าตาตี่ซะทีเดียว แถมล้อมกรอบด้วยขนตาดกเป็นแพดูคมจัด และคิ้วเข้มหนาโค้งได้รูปที่ตอนนี้ขมวดมุ่นบ่งบอกอารมณ์เจ้าของได้ดียิ่ง จมูกเล็กโด่งเป็นสัน รับกับริมฝีปากแดงอิ่มตัดกับสีผิวขาวละเอียดเกลี้ยงเกลาเนียนราวกับผิวของเด็กทารก ผมสีเหมือนอัลมอนต์อ่อนสลวยตัดสั้นกุดถูกเจ้าของทั้งเสยทั้งปัดจนดูยุ่งเหยิงเหมือนคนเพิ่งลุกจากที่นอนใหม่ๆ แต่ก็ดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบ
เจ้าตัวสวมเสื้อยืดสีฟ้าอ่อนคลุมทับด้วยแจ็กเก็ตผ้าฝ้ายสีขาวมีลายทางสีดำแบบมีฮูดกับกางเกงยีนส์ทรงเดปสีสนิมขาดเป็นริ้วๆ ที่ดูแสนจะเท่ห์แปลกตา เครื่องประดับที่เห็นมีเพียงสร้อยคอเงินรูปไม้กางเขนกับหัวกระโหลก กับนาฬิกาข้อมือมียี่ห้อที่เจ้าของเพียรยกขึ้นดูครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้าสมัยใหม่หน่อยก็อาจจะเรียกว่าหล่อแบบอินเทรนด์หนุ่มเกาหลีที่หล่อแบบตี๋หน้าหวานก็ไม่ผิดนัก
ไม่แปลกหรอกที่แม่สาวน้อยพวกนั้นจะหลงละเมอเพ้อพก ก็เล่นหน้าตาหล่อไม่บันยะบันยังสะท้านใจแบบนี้ไงเล่า คนมองนึกยิ้มกับตัวเองในใจ ถ้าไม่บังเอิญว่ารู้จักกันมาก่อนล่ะก็ หล่อนเองก็คงหลงใหลได้ปลื้มไปกับเจ้าชายโฉมงามนี่ด้วยอีกคน หญิงสาวนึกพลางเดินตรงเข้าไปหาพ่อหนุ่มน้อยหน้ามนผู้นั้นทันที
“ขอฉันนั่งด้วยคนนะคะ” เสียงหวานหยดย้อยเล่นเอาคนนั่งคิดอะไรเพลินๆ อยู่ก่อนถึงกับสะดุ้งโหยง รีบอ้าปากจะปฏิเสธแทบทันควัน
“ ไม่ได้...” หากเมื่อเห็นหน้าอีกฝ่ายชัดๆ นัยน์ตาคมสวยก็เบิกกว้าง
“ ยัยแพต”
คนถูกเรียก “ยัยแพต” หรือไพจิตรี ยิ้มกว้าง พลางถอดแว่นตากันแดดออกเผยให้เห็นดวงหน้างดงามที่ถูกตกแต่งจนจัดจ้านราวกับหลุดออกมาจากนิตยสารแฟชั่นก็ไม่ปาน
“ ไงจ๊ะ พ่อรูปหล่อรอนานไหม”
พ่อรูปหล่อทำหน้าหงิกเป็นพริกขาดน้ำ “ ไม่นานมั้ง แค่ก้นฉันกำลังงอกรากปากก็เริ่มงอกใบแค่นั้นแหละ”
“ แหมก็ฉันไม่ได้คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดอย่างหล่อนนี่ยะ เนี่ยพอถ่ายแบบเสร็จก็รีบบึ่งมาเนี่ย เอาน่าแก ก็คิดซะว่ามานั่งเป็นอาหารตาให้แม่พวกสาวน้อยเอาบุญละกันนะจ๊ะแม่ลมลำเพยจ๋า”
เจ้าของชื่อ ‘ลม’ ผู้มีนามกรสุดเก๋ไก๋ว่า พระพาย หน้างอทำท่าจะกลายเป็นลมบูดแทนลมลำเพย หากทว่ากลับทำให้ดูมีเสน่ห์ชวนมองไปอีกแบบ
“ อาหารตงอาหารตากะผีอะไรยะ แกนะแก จะนัดที่อื่นก็ไม่ได้ ผ่าอะไรมานัดในร้านไอติมกลางสยามฯแบบนี้ เด็กเยอะยังกะสนามเด็กเล่น แล้วดันมาช้า ฉันรอจนเบื่อแถมรำคาญจะแย่มองอะไรกันนักหนาก็ไม่รู้ ”
“ช่วยไม่ได้นี่นา ใครใช้ให้แกเกิดมาหล่อไม่บันยะบันยังแบบนี้ล่ะยะ”
“น้อยๆ หน่อยไอ้เพื่อนบ้า หล่อสะเหล่อที่ไหนกัน แกก็รู้ ฉันเนี่ยผู้หญิงทั้งแท่งนะยะ” คนพูดทำหน้าง้ำค้อน วิจารณ์กลับ
“ว่าแต่ฉัน แกเองก็เถอะใส่ชุดอะไรมาน่ะ ลายอย่างกะตุ๊กแกใส่มาได้ไง แล้วดูแต่งหน้าเข้า ถามจริงเหอะเสร็จจากนี่จะไปเล่นงิ้วที่ไหนต่อหรือจ๊ะแม่ดาราใหญ่”
“ หนอย ไอ้ลมปากเหม็น หล่อนนี่ช่างไม่รู้อะไรเลยนะ นี่น่ะเป็นแฟชั่นคอเล็กชั่นใหม่ล่าสุดเชียวนะยะ คอนเซ็ปลายเสือนี่กำลังมา รู้ไว้ซะยัยเต่าล้านปี” คนพูดลุกขึ้นหมุนตัวโพสท่าให้ดูด้วยมาดนางแบบมืออาชีพ “แล้วแต่งหน้าเทรนด์นี้ก็กำลังอินสุดๆ เลยด้วย”
“ พอๆ อย่าเพิ่งสาธยาย นั่งลงได้แล้วแค่นี้ฉันก็อายคนจะแย่” ไม่พูดเปล่าอีกฝ่ายทำท่าจะมุดลงใต้โต๊ะเสียให้ได้
“ แหม ว่าแต่ฉัน แล้วแกล่ะนึกพิเรนทร์อะไรตัดผมทรงอย่างกะหนูแทะ”
“ ก็ยัยช่างตัดผมน่ะสิ ฉันเผลอหลับหน่อยเดียวหั่นฉับๆ ไถคึ่ดๆ ตื่นมาก็เป็นอย่างเนี่ย ถ้าไม่รีบนะ แม่จะพังร้านให้เรียบเป็นหน้ากลองเลย” เจ้าของทรงหนูแทะลูบผมเผ้าตัวเองอย่างขัดอกขัดใจ อดเสียดายผมหยักศกสีน้ำตาลอ่อนสลวยที่เดิมยาวถึงกลางหลังของตัวเองไม่ได้
“ เอาน่าๆ ก็สวยดีนี่” คนเป็นเพื่อนปลอบ “ แล้วนี่ว่าแต่ลมอะไรหอบมาถึงกรุงเทพนี่ได้ แล้วดูเถอะกลับมาจากเมืองนอกทั้งทีจะส่งข่าวให้เพื่อนฝูงรู้สักนิดก็ไม่มี ” คนเป็นเพื่อนตัดพ้อต่อว่างอนๆ
“ ที่จริงยังไม่ได้ตั้งใจจะกลับมาตอนนี้หรอกกะว่าจะอยู่เที่ยวต่อซักปีสองปี แต่มันมีเหตุซะก่อนน่ะสิเลยต่อรีบกลับ”
“ เหตุอะไร” นางแบบสาวสงสัย หากยังไม่ทันได้ตอบก็มีคนเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน
“ ขอโทษนะคะ พี่แพตตี้ใช่หรือเปล่าคะ” คนพูดคือเด็กสาววัยรุ่นคนเดียวกับที่เอ่ยชมโฉมเพื่อนรักของไพจิตรีนั่นเอง
“ ใช่ค่ะ” ดาราสาวโปรยยิ้มทรงเสน่ห์ให้โดยอัตโนมัติ แอบเห็นหรอกว่าสายตาของเด็กสาวนั้นแลเลยไปทางเพื่อนของหล่อนไม่วางตาทีเดียว
“ เห็นไหม หนูว่าแล้วว่าต้องใช่พี่แน่ๆ แต่เพื่อนหนูมันบอกไม่ใช่ เมื่อคืนหนูดูละครเรื่องใหม่ที่พี่เล่นกับพี่เฟิร์สด้วยนะคะ แม่ยังบอกเลยว่าพี่แพตตี้ทั้งสวยแล้วก็เล่นละครเก่งสุดๆ เลยค่ะ”
“ ขอบคุณนะคะ” ไพจิตรียิ้มรับ หางตาแอบเห็นคนเป็นเพื่อนทำหน้าพะอืดพะอมแปลกๆอย่างน่าหมั่นไส้
“ ถ้ายังไงหนูขอลายเซ็นพี่หน่อยได้ไหมคะ จะเอาไปอวดแม่” เด็กสาวเอ่ยพลางยื่นสมุดเรียนของตัวเองให้ ดาราสาวรับมาเซ็นต์แล้วส่งคืนให้
“ เอ่อ...ถ้ายังไงหนูขอถ่ายรูปพี่ด้วยได้ไหมคะ”
“ เอาสิคะ” พูดพลางโพสท่าและส่งยิ้มให้อย่างเต็มใจ
“ เอ่อ...จะว่าอะไรไหมคะถ้าจะถ่ายรูปพี่คู่กับเอ่อ...แฟนพี่ด้วยน่ะค่ะ”
“ แฟน? ” ดาราสาวถึงกับอึ้ง พอเห็นสายตาเด็กสาวที่ทอดมองไปทางคนเป็นเพื่อนที่ทำหน้าเหรอหราก็ถึงบางอ้อ หล่อนแอบยักคิ้วแผล่บนึงให้แฟนกำมะลอของตัวเองอย่างล้อเลียน
“ ได้สิคะ แต่อย่าเอาไปลงข่าวนะคะ พี่เขาเขิน” ว่าพลางเขยิบกายไปชิดคนเป็นเพื่อนอย่างจงใจพลางแอบเหน็บแขนหมับเข้าให้อย่างหมั่นไส้ มิไยดีสายตาพิฆาตของอีกฝ่ายที่ส่งมาให้
“ พี่สุดหล่อยิ้มหน่อยค่ะอย่าทำหน้าบึ้งนักซิคะ ช่วยโอบพี่แพตซักนิดสิคะ” ช่างภาพมือสมัครเล่น บงการ นายแบบจำเป็นจึงจำต้องคลี่ยิ้มแบบฝืดๆ ยกมือโอบไหล่ไพจิตรีไปพลางนึกเคืองเพื่อนสาวของตนนัก
“ ขอบคุณพี่มากๆ เลยนะคะ แล้วหนูจะติดตามผลงานพี่ตลอดไปเลยค่ะ” เด็กสาวหยอดคำหวานให้ดาราสาวได้ปลื้มอีกคำรบก่อนขอตัวกลับไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง
“ เล่นอะไรของแกน่ะไอ้แพต” พอคล้อยหลังแฟนคลับสาว พระพายก็หันมาเอาเรื่อง
“ พุทโธพุทถัง พ่อรูปหล่อโมโหอะไรจ๊ะ ก็แฟนคลับเขาขอมา ปฏิเสธได้เรอะ ไม่เคยได้ยินหรือจ๊ะว่า ดาราน่ะเป็นบุคคลสาธารณะ”
“ ก็ฉันไม่ใช่ดารานี่”
“ เอาน่า คิดซะว่าเป็นเพื่อนดาราก็แล้วกัน อย่าเพิ่งโกรธน่า มาๆ เดี๋ยวฉันเลี้ยงไอติมนะเพื่อนนะ”
“ ไม่กงไม่กินล่ะ ฉันว่าเรารีบเผ่นไปที่อื่นก่อนเถอะ นู่นแน่ะ เดี๋ยวก็ยกโขยงมาให้คลึ่ก” คนพูดมองรอบกายที่สายตานับสิบคู่กำลังสาดส่องมาที่ตัวเองและเพื่อนอย่างเข็ดขยาด
“ อืม ก็ได้ๆ” ไพจิตรีไม่อิดออด หล่อนเองก็เบื่อหน่ายกับการที่จะต้องมานั่งปั้นยิ้มสยามเหมือนนางงามมิตรภาพเช่นกัน
“ เดี๋ยวแกไปจ่ายตังค์นะ ฉันจะไปเอารถมารอหน้าร้าน”
พระพายพยักหน้าหงึกหงัก พลางรีบจ้ำอ้าวไปที่แคชเชียร์เพื่อชำระเงิน แต่ทว่าก็ไม่วาย
“ ขอโทษนะคะ พี่เป็นแฟนพี่แพตตี้หรือเปล่าคะ” แคชเชียร์สาวถามยิ้มๆ พลางส่งตาเชื่อมให้ หากอีกฝ่ายส่งยิ้มเจื่อนๆไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธอะไร
“ วันก่อนหนูอ่านข่าวก็อซซิป เห็นเขาว่าพี่แพตตี้กำลังคบกับพี่เฟิร์สนี่คะ ทำไมถึงมาเป็นแฟนพี่ได้คะ” สาวน้อยไม่ลดละ
“ เฟิร์ส? ” พระพายพึมพำ
“ ค่ะ หนูยังแอบเชียร์ให้พี่แพตตี้กับพี่เฟิร์สจะเป็นแฟนกันเลย ทั้งสวยทั้งหล่อเหมาะสมกันดี”
“ ไม่ทราบเหมือนกัน ขอตัวก่อนนะค...เอ่อครับ” พระพายรีบกดลิ้นเปลี่ยนหางเสียงทันควัน
รถสปอร์ตสีแดงหรูจอดรอคนตัวสูงที่เดินจ้ำอ้าว หน้างอบอกบุญไม่รับมาแต่ไกล
“ ปัง” เสียงปิดประตูรถนั้นทำให้เจ้าของรถถึงกับค้อนขวับ
“ เก้าล้านนะยะ ไม่ใช่เก้าร้อยบาท ฉันยังผ่อนยังไม่หมด ปิดเปิดให้มันเบามือหน่อยจ้า”
“ อย่าพูดมากน่า ให้ประตูหลุดติดมือฉันก่อนเหอะค่อยบ่น”
เจ้าของรถส่งค้อนให้อีกหนึ่งดอกก่อนแกล้งกระชากรถออกอย่างแรงจนอีกฝ่ายหัวทิ่มหัวตำ
“ ไอ้เพต”
“แพตจ้ะ แพต เพตน่ะมันหมาแมว ฉันคนนะยะ” เจ้าของชื่อตาหลับตาเหลือกใส่
“ แล้วนี่จะบอกได้ยังว่ามีเหตุอะไรทำให้แม่คุณระเห็จมาหาฉันถึงกรุงเทพได้ หา”
พระพายถึงกับถอนใจเฮือกใหญ่ทีเดียว เมื่อนึกถึง “เหตุ” ที่ทำให้หล่อนต้องรีบเผ่นออกมาจากบ้าน ทั้งที่เพิ่งกลับมาได้ไม่ถึงเดือนดี
“ อาม่าอยากมีเหลน”
ประกาศิตนั้นทำให้สีหน้าของผู้ร่วมโต๊ะอาหารวันนั้นกระอักกระอ่วนไปตามๆกัน โดยเฉพาะพี่ชายทั้งสองของหล่อน พระลักษณ์ พี่ชายคนโตถึงกับสำลักข้าวต้มหน้าดำหน้าแดงจนแสงรวีพี่สะใภ้ของหล่อนต้องช่วยลูบหลังให้ ส่วนพระลอพี่ชายคนรองของหล่อนก็ทำหน้าเหมือนอมบอระเพ็ดทั้งท่อน แม้พระพายเองก็เถอะตีหน้าไม่ถูกเลยทีเดียว หากหล่อนก็มีกะใจขัดคอ
“ โธ่ๆ อาม่าขาหลานตั้งสามยังไม่พออีกเหรอจ๊ะ”
“ อั้วอยากมีเหลน” หญิงสูงวัยย้ำอีก “ เฮ้อ...อั้วแก่จะเข้าโลงอยู่แล้วนา อาลม แล้วพวกลื้อก็โตๆกันหมดแล้ว บ้านนี้น่าจะมีเด็กๆ ซักคนสองคนมันจะได้ไม่เงียบ อั้วเองก็อยากเห็นหน้าเหลนซักคนก่อนตาย”
“ โอ้ย...ตายเตยอะไร้ อาม่ายังเตะโอ่งดังอยู่เล้ย” คนพูดล้ออย่างขบขัน เพราะวันก่อนอาม่าของหล่อนเผลอเดินสะดุดโอ่งน้ำหัวทิ่ม ทำเอาต้องโล้งเล้งเด็กในบ้านเพราะโมโหยกใหญ่
“จริงๆ นาอาลอ อาลม เมื่อไหร่พวกลื้อสองคนจะแต่งงานกันซักที”
นั่นปะไร สาระแท้จริงของประเด็นนี้ พระพายแอบนึกปลง
“ โถ อาม่าขา ก็พี่ลักษณ์ก็แต่งกับพี่แสงไปคนนึงแล้วนี่คะ”
“ มันก็จริง แต่อียังไม่มีวี่แววว่าจะท้องซักทีนี่นา” อาม่าบ่นกระปอดกระแปด ทำเอาคนถูกบ่นหน้าถอดสีจนคนเป็นน้องนึกสงสาร หล่อนรู้ดีว่าแสงรวีพี่สะใภ้ของหล่อนนั้นมดลูกไม่แข็งแรง หล่อนแท้งลูกไปสามครั้งแล้วจนพี่ชายของหล่อนถึงกับลั่นวาจาไม่ขอมีลูกเด็ดขาด เพราะเป็นห่วงกลัวเมียเป็นอันตรายไปเสียก่อน
“ โธ่คุณแม่คะ ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะคะ” คุณนงราม ขัดขึ้นเพราะอดสงสารลูกสะใภ้เอกกับลูกชายคนโปรดไม่ได้
“ ผมยังไม่พร้อมจะมีครอบครัวตอนนี้ครับ งานที่ทำเพิ่งกำลังเข้าที่ ผมไม่อยากให้มีอะไรมาทำให้ห่วงหน้าพะวงหลัง” พระลอพี่ชายคนรองแทรกขึ้นเป็นครั้งแรก เขาเป็นคนเคร่งขรึม ออกจะเย็นชาจนน่าเกรงขามในบางเวลา ทำให้ทั้งแม่ทั้งย่าออกจะเกรงใจ หลังจากคุณภพพงศ์ประมุขของบ้านเสียชีวิตไปได้สามปีกว่าๆ ก็ได้เขาคนนี้เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญในการบริหารกิจการของครอบครัวแต่นั่นแหละบางครั้งเขาก็ออกจะน่าหมั่นไส้ในสายตาของคนเป็นน้องสาวไม่น้อย
หนอย...ไอ้พี่ลอบ้าดันชิ่งเอาตัวรอดคนเดียวอีกแล้วนะ เห็นแก่ตัวชะมัด พระพายนึกก่น
“ ไม่รู้ล่ะ มะรืนนี้อาลมต้องเข้าพิธีดูตัวกับหลานชายอาเง็กท้อเพื่อนอาม่า” คำพูดของอาม่าซัดเปรี้ยงเข้าให้ทำเอาคนฟังตกใจแทบหงายหลัง
“ ทำไมต้องหนูล่ะอาม่า” พระพายรีบโวย
“ ก็อาลักอีแต่งแล้ว อาลออีก็ทำงานงกๆ ไม่ว่าง เหลือแต่ลื้อที่ลอยไปลอยมาไร้สาระไปวันๆ”
“ ก็หนูเพิ่งกลับมาจากเมืองนอกนี่คะ ”
“ไม่รู้ล่ะยังไงลื้อก็ต้องไปเข้าพิธีดูตัว”
“ ไม่ไป!” หล่อนผุดลุกขึ้นเต็มความสูงที่เกินมาตรฐานหญิงไทย ดวงหน้าคมจัดงอง้ำขัดใจ
“ ยังไงหนูก็ไม่ยอมให้อาม่าคลุมถุงชนหรอก นี่มันพ.ศ.ไหนแล้วหัวโบราณชะมัด”
“ อาลม! โอย...อั้วจาเป็นลม” อาม่าพิโอดพิครวญ จนคุณนงรามต้องรีบกระวีกระวาดเข้ามาดูแลอย่างตกใจ
“ ไม่รู้ล่ะ ถ้าอาม่าขืนบังคับหนูล่ะก็ หนูจะหนีกลับอเมริกา คอยดู” หล่อนประกาศกร้าว
“ ยัยลมพอที” คุณนงรามรีบปรามลูกสาว
“ คุณแม่ก็บอกอาม่าสิคะว่าหนูยังไม่อยากแต่งงาน”
“ อานง...อั้วขอยาหอมที” จากนั้นทุกคนก็เข้ามะรุมมะตุ้มหญิงสูงวัยจนน่าเป็นลมแทน
“ แล้วแกก็เลยต้องระเห็จหนีการดูตัวมาหาฉันงั้นสิ” ไพจิตรีหัวเราะก๊าก
“ ไม่ขำเลยนะยัยเพต”
“ แพต!” เจ้าของชื่อแวดใส่ หากอีกฝ่ายแกล้งทำไม่ได้ยิน
“ทำไมอาม่าไม่บังคับพี่ลอแต่งงานบ้างนะ” คำรำพึงนั้นทำให้รถที่กำลังแล่นมาดีๆ มีอันสะดุดพรืด
“ ยัยลมบ้าหมู แล้วมันเรื่องอะไรต้องไปบังคับพี่เขาด้วยหา” ไพจิตรีว้ากเพ้ย พระพายถอนหายใจเฮือก ทำไมหล่อนจะไม่รู้ว่าคนเป็นเพื่อนรู้สึกอย่างไรกับพี่ชายคนกลาง แต่ก็นั่นแหละนะ พี่ชายจอมบื้อของหล่อนรู้ด้วยที่ไหน ดีแต่ทำงานเป็นบ้าเป็นหลังแบบนั้น นี่หล่อนยังกลัวใจว่าเขาอาจจะหนีเข้าป่าไปบวชด้วยซ้ำ
“ โอ้ย...ฉันเบื่อบ้าน เบื่อความเจ้ากี้เจ้าการของอาม่าขออยู่ที่นี่สักพักนะ”
“ อยู่ที่นี่? ที่ไหน”
“ โธ่ แพตจ๋า เพื่อนหนีร้อนมาพึ่งเย็นใจคอจะไม่ให้ความเอื้อเฟื้อซักนิดเลยเหรอ”
“ ฉันไม่ใช่นักสังคมสงเคราะห์นะจ๊ะ ขืนอาม่ารู้เข้ามาเอาเรื่อง ฉันก็ซวยกันพอดี”
“ก็อย่าบอกซิ เฮ้อ...อิจฉาแกชะมัด ไม่มีพ่อแม่พี่น้องมาคอยบังคับแบบนี้ อิสระดี”
“ อิสระแต่เหงานะยะ แกซะอีกที่น่าอิจฉา ญาติเยอะคึกคักจะตาย”
“ อิจฉาก็มาเปลี่ยนกับฉันไหมล่ะ”
“ โอ๊ะๆ ฉันยังไม่อยากแต่งงานกับอาตี๋ตาตี่นั่น ถ้าให้เป็นพี่สะใภ้แกก็ว่าไปอย่าง” คนพูดทำตาเล็กตาน้อย
“ งั้นแกก็ควรจะไปแต่งงานกับพี่ฉัน”
“ ก็ไปบอกพี่แกให้เขามาขอฉันซักทีสิ” นางเอกสาวฝันหวาน
“ ปีศาจบ้างานอย่างนั้นมีดีอะไร บ้างานก็เท่านั้น ทื่อมะลื่อเหมือนขี้เลื่อย”
“ ไอ้ลม! ห้ามว่าพี่ลอของฉันนะยะ ใครทื่อ ใครขี้เลื่อย พูดให้มันดีๆหน่อยเดี๋ยวก็จอดให้ลงเดินไปซะนี่”
“ เฮ้อ...เอาเป็นว่าฉันขออาศัยแกอยู่ซักระยะนะ ถ้าหาที่อยู่ใหม่ที่ปลอดภัยจากอาม่าได้ฉันจะรีบย้ายไปให้เร็วที่สุด” พระพายรวบรัดพลางทำหน้าละห้อยจนคนเป็นเพื่อนอดสงสารไม่ได้
“ ตามใจละกัน จะอยู่นานแค่ไหนก็อยู่ไป”
“ จริงเหรอ วูปี้” พระพายลืมตัวรีบกอดคอเพื่อนอย่างดีใจ
“ เฮ้ยๆ ฉันยังไม่อยากอ่านหนังสือพิมพ์กลางถนนนะยะ ปล่อยๆ หื้ย ขนลุก”
“ เออๆ เอาเป็นว่าฉันขอบใจแกมากๆ แล้วกัน ถ้าแกมีอะไรให้ช่วยก็บอกฉันได้เลยนะ”
“แหม...ฉันก็มีเรื่องเดียวแหละที่อยากให้แกช่วย” ดาราสาวยิ้มกรุ้มกริ่ม
“ จ้าๆ ถ้าฉันพ้นเคราะห์คราวนี้ได้ จะช่วยเป็นแม่สื่อให้แกสมหวังกับพี่ลอแล้วกันนะ” พระพายรีบให้คำมั่นเพราะกลัวเพื่อนเปลี่ยนใจ
“ แล้วนี่แกจะพาฉันไปไหนเนี่ย”
“ กองถ่าย”
“ อ้าว นี่แกมีงานเหรอ จะส่งฉันลงตรงนี้ไหม ให้ฉันกลับคอนโดคนเดียวก็ได้”
“ โอ้ย ถ่ายมิวสิควีดิโอน่ะ ไม่มีอะไรมากหรอก แกไปด้วยก็ได้ เสร็จแล้วค่อยกลับด้วยกัน”
“ ไม่กลัวเป็นข่าวเรอะ” พระพายหยั่งเชิง
“ ข่าวอะไร”
“ ก็ตอนนี้แกคบกับนายเฟิร์สอะไรนั่นอยู่ไม่ใช่เหรอ ไปกับฉันเดี๋ยวคนก็เข้าใจผิดหรอก”
“ ดีสิ เบื่อจะแย่ ข่าวลืออะไรไม่รู้ แค่เจอกันที่งานก็หาว่าควงมาด้วยกัน ไปเลี้ยงฉลองปิดกล้องที่โรงแรมก็หาว่าแอบเข้ามาพลอดรักกันสองต่อสอง เฮ้อ จะบ้าตาย กระดิกไปไหนไม่ได้เลย”
“ แล้วนายเฟิร์สอะไรนี่ใครล่ะ” คนไปอยู่เมืองนอกเมืองนาซะนานฉวยโอกาสอัพเดตแวดวงบันเทิงซะเลย
“ เดี๋ยวก็เจอ วันนี้ฉันไปถ่ายมิวสิคกับเขานี่แหละ เฮ้อ คอยดูเถอะ เดี๋ยวนักข่าวก็ได้เอาไปเขียนเม้าท์กันสนุกปากอีก” พระพายเห็นเพื่อนทำหน้าเบื่อหน่ายจึงเลิกถามเซ้าซี้ ทั้งสองนั่งเงียบไปตลอดทาง
กองถ่ายมิวสิคคือสตูดิโอแห่งหนึ่งที่ถูกสมมติให้เป็นบ้านของพระเอก ผู้คนในกองถ่ายเดินให้ควักจนน่าเวียนหัว
“ ให้ฉันรอข้างนอกไหม ดูท่าเขากำลังวุ่นๆนะ” พระพายเอ่ยอย่างเกรงใจ
“ เอางั้นเหรอ งั้นนั่งดูอยู่แถวนี้ก่อนแล้วกัน เดี๋ยวมา”
“ เดี๋ยวๆ ยัยแพต”
“ อะไรอีกล่ะ หรือเปลี่ยนใจ”
“ เปล่าฉันอยากเข้าห้องน้ำน่ะ ไปทางไหนเหรอ”
“ อ๋อ เดินตรงไปทางนู้นแน่ะพอสุดทางแล้วเลี้ยวซ้าย ห้องขวามือนะ อย่าเปิดผิดห้องซะล่ะ”
“เออน่า” พระพายพยักเพยิดอย่างเสียมิได้ก่อนจ้ำอ้าวไปหากพอถึงสุดทางหล่อนก็เลี้ยวซ้ายตามที่เพื่อนบอกทันที ประตูห้องน้ำแปะสัญลักษณ์ไว้ชัดเจน หล่อนจึงเอื้อมมือไปเปิดประตูห้องด้านขวามือทันที แล้วทันใดนั้นเอง ภาพที่เห็นตรงหน้าก็ทำให้คนเปิดตกใจแทบช็อค
“ ว้าย...” พระพายทรุดฮวบพลางรีบปิดตาตัวเองทันที



winchaya
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 ต.ค. 2554, 22:52:15 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 ต.ค. 2554, 22:53:42 น.

จำนวนการเข้าชม : 1980





   ตอนที่่ 2 ชีเปลือยรูปหล่อ vs ไอ้หนูถ้ำมอง >>
หมูอ้วน 8 ต.ค. 2554, 05:44:26 น.
รอติดตามตอนต่อไปค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account