เวทีกามเทพ
การประกวดเดอะเธียเตอร์ ปรินเซส นำพาให้มนัญชยาได้ร่วมงานกับกีรดิตดารา นักร้องหนุ่มในดวงใจ ทั้งยังชักนำแรงใจมาให้ยศวันต์พี่ชายของเธอถึงข้างเวทีมวย

แต่เมื่อกีรดิตดูเหมือนจะมีความลับอะไรซ่อนอยู่ ทั้งกฤตินีที่ยศวันต์หลงรักแต่แรกพบก็คบหากับถิรเจตดาราหนุ่มร่วมค่ายของพี่ชาย อะไรต่ออะไรเลยไม่ง่ายอย่างที่คิด
Tags: กมลภัทร นักร้อง นักแสดง ละครเวที นักมวย

ตอน: ตอนที่ 7

“พี่แหนมทอด”

เสียงเรียกของหญิงสาวดังขึ้นระหว่างช่วงพักเพื่อตัดเข้าสู่ข่าวต้นชั่วโมง ยศวันต์ที่มองเห็นกฤตินีตั้งแต่ก่อนจะเริ่มถ่ายทอดสอดรายการต้องทำเป็นเหมือนเพิ่งรู้ว่าเธอมาชมการถ่ายทอดสดในห้องส่งด้วย

เขาตั้งใจจะทักทายตั้งแต่รายการยังไม่เริ่มหากสายตาที่หญิงสาวมองไปทางนักแสดงหนุ่มซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการในวันนี้ทำให้เขาต้องชะงัก จากที่หมายจะลุกจากเก้าอี้เข้าไปทักทายเธอกลับนั่งลงบนเก้าอี้พับดังเดิมและคอยเหลือบไปมองทางที่อีกฝ่ายนั่งอยู่หลายครั้งและแทบทุกครั้งยศวันต์ก็ได้พบว่าสายตาของกฤตินีจับจ้องอยู่แต่ที่ถิรเจต

ผู้หญิงซึ่งเป็นน้องสาวของคนที่ทำงานในบริษัททีโอพีคนนี้น่าจะมีพี่ชายซึ่งทำงานตำแหน่งใหญ่โตพอประมาณ ดูจากฐานะการแต่งเนื้อแต่งตัวของเธอยศวันต์ก็พอเดาได้ และไม่ต้องคิดต่อก็รู้ว่ากฤตินีคงไม่มองนักมวยไร้อนาคตผู้คงสถิติในการแพ้บนเวทีมวยได้อย่างต่อเนื่องหาตัวจับยากอย่างเขาในเมื่อมีนักแสดงอนาคตไกลที่ยังคงมีงานอย่างต่อเนื่องอยู่ในสายตาตลอดเวลาอย่างนี้

“อ๋อ...น้องกิ่ง สวัสดีครับ”

“พี่แหนมทอด” กฤตินีเอ่ยด้วยรอยยิ้มหวาน ยกมือกระพุ่มไหว้โชคชัยและบุญช่วย “สวัสดีค่ะ...คุณลุง”

“น้องกิ่งครับนี่พ่อพี่ครับ ส่วนนี่ลุงพี่”

“กิ่งค่ะ...กิ่งทราบแล้วล่ะค่ะว่าคุณลุงทั้งสองเป็นคุณพ่อแล้วก็คุณลุงของพี่หมี่เกี๊ยว” หญิงสาวยังคงเอ่ยยิ้มแย้ม “กิ่งได้ดูรายการทางโทรทัศน์ค่ะ แต่เพิ่งจะกล้าขอพี่ชายมาดูในห้องส่งวันนี้เองเพราะเป็นวันตัดสิน กิ่งเชียร์พี่หมี่เกี๊ยวนะคะ”

บุญช่วยมองหน้าน้องชายสะกิดให้มองไปทางยศวันต์ ประสบการณ์ของคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อนบอกให้รู้ว่าคนเป็นลูกและหลานชายนั้นคิดอย่างไรกับหญิงสาวหน้าตาน่าเอ็นดูคนนี้ ทั้งบุญช่วยและโชคชัยต่างสังเกตเห็นว่าต่างก็มีสีหน้ากังวลขึ้นเล็กน้อย

คนเป็นพี่ชะโงกหน้าเข้าไปกระซิบกับน้องชาย “คงไม่มีอะไรหรอกไอ้โชค แม่หนูคนนี้คงเป็นคนที่ไอ้แหนมทอดมันเล่าให้ฟังตอนโน้น...ที่ว่าขับรถชนแมงกะไซค์มันนั่นแหละ มันคงรู้ตัวอยู่ว่าเป็นหมา...แหงนมองเครื่องบินนาน ๆ มันเมื่อยคอ”

“พี่ช่วย นี่ลูกผม หลานพี่นะ หาคำเปรียบให้มันดี ๆ หน่อยไม่ได้หรือไง”

“คุณลุงทั้งสองคนกับพี่แหนมแล้วก็พี่เกี๊ยวจะกลับบ้านกันยังไงคะ เดี๋ยวกิ่งไปส่งให้ไหมคะ”

เสียงของกฤตินีดึงให้บุญช่วยและโชคชัยผละออกจากกัน โชคชัยรีบเอ่ยตอบก่อน “กว่าเจ้าเกี๊ยวจะเสร็จได้กลับบ้านไม่รู้จะดึกรึเปล่า ลุงว่าหนู...เอ่อ หนูกิ่งใช่ไหม กลับบ้านไปก่อนดีกว่านะ”

“กิ่งก็คงต้องรอพี่ชายอยู่ดีคะ กว่าจะได้กลับ ให้กิ่งไปส่งนะคะ ไม่แน่นะว่ารถกิ่งอาจจะมีโอกาสได้เป็นสารถีให้เดอะเธียเตอร์ ปรินเซสก็ได้”

“แหม...แม่หนูกิ่งนี่ช่างพูดนะ” บุญช่วยเอ่ยประโยคแรกดังหากเมื่อชะโงกเข้าไปหาน้องชายอีกครั้งก็ลดเสียงให้ได้ยินกันเพียงสองคน “อย่างนี้ล่ะมั้ง ไอ้แหนมมันถึงได้ทำท่าอย่างกับมะ...แมวมองปลากระป๋อง”

ทีมงานรายการขานให้คิวกับผู้เข้าชมในห้องส่งให้เตรียมส่งเสียงเมื่อตัดเข้าช่วงรายการ กฤตินีจึงรีบเอ่ย

“กิ่งจะรออยู่ลานจอดรถทีมงานของสตูดิโอนะคะ แล้วเจอกันค่ะ”

ชายสามคนมองตามร่างเล็กของหญิงสาวผู้มีใบหน้าราวกับตุ๊กตากระเบื้องจนกระทั่งเธอนั่งลงประจำเก้าอี้ของตัวเอง รายการในช่วงประกาศผลกำลังจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่วินาที



รถยนต์ของกฤตินีไม่มีโอกาสได้เป็นพาหนะสำหรับส่งเดอะเธียเตอร์ ปรินเซสดังที่เธอลั่นวาจาไว้ บุญช่วย โชคชัย ยศวันต์และมนัญชยากลับบ้านด้วยรถแท็กซี่ที่เรียกจากหน้าสตูดิโอ

ลูกชายคนเดียวของโชคชัยมีรอยช้ำที่ริมฝีปาก เลือดยังคงไหลซึมจากแผลแตกเล็ก ๆ นั้น เขามองออกไปนอกหน้าต่างตลอดเวลา บุญช่วยที่นั่งเบาะหน้า รวมทั้งมนัญชยาและโชคชัยที่นั่งถัดจากเขาที่เบาะหลังต่างลอบมองกันเป็นระยะ คนในรถไม่มีใครพูดอะไรแม้แต่คำเดียวตลอดทางกลับค่ายมวย

“พี่แหนม”

มนัญชยาเอ่ยเรียกเมื่อพี่ชายเดินคอตกกลับเข้าไปในตัวบ้านไม่สนใจพ่อ ลุงและน้องสาว โชคชัยดึงแขนบุตรสาวเอาไว้

“ปล่อยไอ้แหนมมันอยู่คนเดียวสักพักเถอะเจ้าเกี๊ยว”

หญิงสาวอ้าปากค้างอย่างไม่รู้ว่าจะเอ่ยอะไรกับผู้ให้กำเนิด ระบายลมหายใจยาวเมื่อนึกได้ว่าเธอเองก็มีเรื่องที่จะต้องคิดเช่นกัน สายตาของกีรดิตที่มองเธอหลังจากงานประกาศผลผู้ชนะเดอะเธียเตอร์ ปรินเซสนั้นช่างต่างกันลิบลับกับช่วงก่อนเริ่มและระหว่างการดำเนินรายการ

สายตาดุที่ดูดุดันจริง ๆ ตอนที่มองมาราวกับว่ากำลังกล่าวหาอะไรเธออยู่

มนัญชยาส่ายหน้าอย่างจะปัดความกังวลใด ๆ ออกจากใจ คิดเพียงว่าโชคดีที่นอกจากผู้ที่เกี่ยวข้องแล้วไม่มีใครได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นนอกสตูดิโอหลังจากที่ผู้ชมกลับกันไปจนหมดและเธอให้สัมภาษณ์กับรายการของช่องทีโอพี เคเบิ้ลทีวีเสร็จไม่อย่างนั้นทั้งเธอที่ยังไม่ทันจะก้าวเท้าเข้าสู่วงการบันเทิงเต็มตัว รวมถึงกีรดิตและถิรเจตคงได้ตกเป็นข่าวใหญ่ของวงการแน่



ยศวันต์หย่อนตัวลงนั่งบนที่นอนเหมือนคนหมดแรง ยกมือขึ้นแตะบริเวณที่มีรอยแผลแตกแล้วส่งเสียงสูดปากเมื่อความรู้สึกแสบแปลบขึ้นมาทันทีที่นิ้วสัมผัสลงไป

หากความเจ็บนั้นดูเหมือนจะมีอิทธิพลกับเขาน้อยกว่าความรู้สึกแปลบในอก

หลังการประกาศผลการประกวดเดอะเธียเตอร์ ปรินเซสซึ่งน้องสาวของเขาได้รับตำแหน่งนั้น ทั้งครอบครัวต่างพากันอยู่รอเพราะมนัญชยาต้องให้สัมภาษณ์กับรายการโทรทัศน์ที่มารอทำข่าว และหญิงสาวที่ตกปากรับคำว่าจะรอขับรถส่งให้ก็รักษาสัญญาเป็นมั่นเหมาะ

หญิงสาวโบกมือให้เขาและครอบครัวเมื่อเขาเดินนำน้องสาว พ่อและลุงออกจากสตูดิโอทางด้านหลังซึ่งเป็นที่จอดรถของทีมงานรายการ และเป็นทางออกที่จัดไว้เฉพาะสำหรับผู้แข่งขันและเหล่าดาราที่มาร่วมงาน

ไม่ทันที่เขาจะก้าวถึงรถของกฤตินี รถยนต์ของใครคนหนึ่งก็แล่นเข้ามาภายในบริเวณลานจอด

‘พี่เจต’

ถิรเจตจอดรถยนต์ของเขาแล้วรีบเปิดประตูก้าวลงมาทันที

‘น้องกิ่ง ไหนน้องกิ่งบอกว่ารายการเสร็จแล้วจะรีบกลับบ้านไม่ใช่เหรอครับ ทำไมน้องกิ่งถึงได้มา…’ ดาราหนุ่มชะงักเล็กน้อยเมื่อมองผ่านเขาไปทางน้องสาว พ่อและลุงที่เดินตามหลัง ดวงตาคู่นั้นดูอ่อนลงเล็กน้อยก่อนที่ถิรเจตจะหันไปทางกฤตินีอีกครั้ง เอ่ยถามหญิงสาวด้วยรอยยิ้มละมุน ‘พี่หมายถึง...น้องกิ่งยังไม่กลับบ้านเหรอครับ นี่ก็ดึกมากแล้ว’

‘กิ่งจะไปส่ง ผู้ชนะเดอะเธียเตอร์ ปรินเซสที่บ้านน่ะค่ะ’

กฤตินีหันหลังขวับมาอย่างรวดเร็วด้วยความไม่ระวังจึงสะดุดขาตนเอง เซมาทางยศวันต์ เขารีบคว้าร่างของเธอเอาไว้ด้วยเกรงว่าหญิงสาวจะสะดุดล้ม ทว่าทันทีที่เธอหยัดตัวยืนได้ด้วยตนเอง ถิรเจตก็ปรี่เขามากระชากหญิงสาวออกจากอ้อมกอดของเขา ก่อนจะเหวี่ยงหมัดเข้าใส่

‘แก...ฉวยโอกาสกับน้องกิ่งเหรอ’

พ่อกับลุงของยศวันต์ซึ่งมีเลือดนักสู้เต็มเปี่ยมร้องขึ้นอย่างตกใจ หมายจะตรงเข้าไปเอาเรื่องคนที่ทำร้ายเขาแต่ชายหนุ่มที่เห็นว่ากฤตินีอยู่ระหว่างครอบครัวของตนและถิรเจตรีบยกมือขึ้นห้าม

‘พี่เจตคะ กิ่งจะล้ม...พี่แหนมทอดก็แค่เข้ามาช่วยประคองเท่านั้นเอง’

ดาราหนุ่มยังคงมองมาทางยศวันต์อย่างไม่ค่อยพอใจ หากเมื่อหันไปทางหญิงสาวก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่น ‘พี่เห็นนายคนนี้กอดน้องกิ่งนาน…คิดว่าเขาฉวยโอกาสกับน้องกิ่งก็เลยลืมตัวไป พี่ขอโทษด้วยนะครับ’

กฤตินีระบายลมหายใจยาวก้าวมาเอ่ยปากขอโทษกับยศวันต์และครอบครัว ท่าทีของเธอนั้นทำเอาไม่มีใครในครอบครัวของเขาอยากจะเอาเรื่องราว

หากเมื่อหญิงสาวมองผ่านพวกเขาไปทางสตูดิโอ เธอก็มีท่าทีตกใจขึ้นมาทันที ยศวันต์และครอบครัวหันไปมองตามก็พบพิธานและกีรดิตยืนอยู่หน้าประตูทางออก

ยศวันต์เพิ่งรู้หลังจากเหตุการณ์นั้นว่ากฤตินีเป็นน้องสาวของกีรดิต ดาราชื่อดังและดูเหมือนพี่ชายของเธอจะไม่พอใจอย่างมากที่ทั้งเขาและถิรเจตไปเกาะแกะน้องสาว



หน้าเขตรั้วของคฤหาสน์หลังใหญ่ที่กีรดิตไม่ค่อยได้ย่างกรายมาเยือนนักรถยนต์สองคันแล่นตามกันมาโดยทิ้งระยะห่างเล็กน้อย กฤตินีขับรถเข้าไปจอดหลังประตูรั้วที่ค่อย ๆ เลื่อนออกเมื่อเธอกดรีโมทประตูอัตโนมัติ มองกระจกหลังแล้วตระหนักว่าพี่ชายคงจะไม่เลี้ยวรถเข้ามาหากคงจะยืนคุยกับเธออยู่หน้าบ้าน

หญิงสาวระบายลมหายใจยาวก่อนจะผลักเปิดประตูรถแล้วก้าวไปทางหน้าประตูใหญ่

“พี่เกมจะไม่เข้าบ้านจริง ๆ เหรอคะ”

“พี่ไม่ได้ตั้งใจจะมาเพื่อเข้าไปในบ้าน แต่มาส่งกิ่ง” กีรดิตไม่แม้แต่จะขยับเท้า “แล้วก็อยากจะเตือนกิ่งด้วย ทั้งเรื่องนายแหนมอะไรนั่นแล้วก็ถิรเจต”

“กิ่งไม่ได้คิดอะไรกับพี่แหนมทอดนะคะ” หญิงสาวอธิบาย “เราแค่บังเอิญพบกันตอนที่กิ่งนัดกินข้าวกับพี่เกมที่ทีโอพีตอนกลับมาใหม่ ๆ กิ่งขับรถชนมอเตอร์ไซค์ของพี่เขาก็เลยต้องรับผิดชอบ แล้วก็มาเห็นว่าเขาเป็นพี่ชายของพี่หมี่เกี๊ยว ได้เจอกันก็เลยเข้าไปเสนอตัวว่าจะไปส่งว่าที่เดอะเธียเตอร์ ปรินเซสที่บ้าน...แล้วพี่หมี่เกี๊ยวก็ชนะจริง ๆ กิ่งก็แค่รักษาสัญญาเท่านั้น”

“คนที่รู้ว่ากิ่งเป็นน้องสาวพี่ก็ต้องรู้ว่ากิ่งเป็นทายาทของพ่อ เชื่อยากนะว่าเขาจะไม่หวังอะไรในตัวกิ่ง”

“พี่แหนมทอดไม่รู้มาก่อนค่ะว่ากิ่งเป็นน้องสาวของใคร กิ่งไม่เคยบอก”

ดวงตาของพี่ชายอ่อนลงเล็กน้อยก่อนจะกลับแข็งกร้าวขึ้นอีก

“แล้วนายถิรเจตล่ะ กิ่งไปเกี่ยวข้องด้วยได้ยังไง”

“เราคบกันอยู่ค่ะ”

“คบกัน...นี่กิ่งไปรู้จักมักจี่กับนายนั่นตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ก็วันเดียวกันกับที่กิ่งขับรถชนพี่แหนมทอดนั่นแหละค่ะ หลังจากที่เรากินข้าวด้วยกันเสร็จ กิ่งจะกลับพี่เขาก็เข้ามาคุยด้วย”

“หมายความว่านายนั่นรู้ว่ากิ่งเป็นน้องสาวของพี่ใช่ไหม”

กฤตินีขมวดคิ้วกับคำถามของพี่ชาย แม้อยากจะเอ่ยแก้ความคิดของชายหนุ่มแต่ก็ทำได้เพียงรับคำเสียงแผ่วเบา

“พี่ขอสั่งห้ามเด็ดขาดไม่ให้กิ่งยุ่งเกี่ยวกับนายถิรเจต”

“พี่เกม” หญิงสาวทำได้เพียงร้องเรียกชื่อพี่ชาย ด้วยความที่ไม่เคยกล้าเถียงกีรดิต

“พี่ไม่มีอะไรจะพูดแล้วเรื่องนายนั่น คนอย่างนั้นไม่มีทางที่จะไม่หวังอะไรจากเรา จำคำพี่ไว้ให้ดีด้วยนะ”

กีรดิตทิ้งท้ายแล้วหันหลังเดินกลับไปขึ้นรถ ขับออกไปทิ้งให้น้องสาวยืนมองตามจากหน้าประตูรั้วใหญ่ กฤตินีหมุนตัวจะก้าวไปที่รถเมื่อพาหนะของพี่ชายแล่นไปจนลับสายตา มารดาของหญิงสาวยืนอยู่ตรงหน้าโดยมีสาวใช้ช่วยประคอง

“แม่...” กฤตินีปรี่เขาไปเกาะแขนผู้ให้กำเนิด “ออกมาทำไมคะ ดึกป่านนี้แล้วทำไมยังไม่นอนพักอีก”

“แม่รอกิ่ง เห็นเด็กบอกว่ากิ่งจอดรถคุยกับใครอยู่หน้าบ้าน”

“พี่เกมค่ะ พี่เกมมาส่ง”

“แม่ไม่เห็นคุณเกมมาบ้านเสียนาน อยู่ ๆ วันนี้ทำไมถึงมาได้ล่ะ”

“พอดีกิ่งไปดูรายการที่พี่เกมไปร่วมเป็นสักขีพยานค่ะ พี่เกมเห็นว่ากว่ารายการจะเลิกก็ดึกแล้ว เลยเป็นห่วงไม่อยากให้กิ่งขับรถมาคนเดียวแม่ไม่น่าต้องรอเลยนะคะ ดึกแล้วน่าจะนอนพักผ่อนแม่ยิ่งไม่ค่อยแข็งแรงอยู่ด้วย กิ่งเดินเข้าบ้านพร้อมแม่ดีกว่านะคะ” กฤตินีเอ่ยกับมารดาแล้วหันไปทางสาวใช้ซึ่งแก่กว่าเธอนับสิบปี “กิ่งพาแม่เข้าบ้านเองค่ะ ช่วยไปตามให้ใครมาเอารถไปเก็บด้วยนะคะ”

สาวใช้รับคำก่อนจะเดินกลับเข้าไปภายในตัวบ้าน

“อย่างน้อยคุณเกมก็ยังเป็นห่วงกิ่งอยู่เสมอ แค่นี้แม่ก็เบาใจ”

กฤตินีเพียงแต่รับคำ เดินประคองมารดากลับเข้าไปภายในตัวคฤหาสน์ใหญ่ หากยังไม่วายคิดเรื่องของพี่ชายและเข้าใจดีว่ามารดาของเธอเองก็คงจะคิดอะไรอยู่ในใจเช่นเดียวกัน



หลังจากวันประกาศผลหนึ่งสัปดาห์จึงจะเป็นการเริ่มต้นการฝึกซ้อมละครเวทีตามที่ทีมงานได้นัดหมายเอาไว้ แต่ผู้ชนะและผู้ที่ได้อันดับสองจะต้องเข้าไปที่บริษัทในวันรุ่งขึ้น เพื่อเซ็นสัญญากับบริษัท รับฟังคำชี้แจงถึงสิ่งที่ควรจะปฏิบัติในการเป็นนักแสดงและศิลปินในสังกัด รวมทั้งยังต้องให้สัมภาษณ์กับรายการวิทยุในเครือทีโอพี ซึ่งกว่าจะเสร็จสิ้นจากงานเหล่านี้เวลาก็ล่วงไปถึงเย็น

พนักงานของบริษัททีโอพีที่ทำหน้าที่ดูแลนักแสดง ศิลปินหน้าใหม่เตือนหญิงสาวทั้งสองก่อนที่จะเดินทางกลับบ้านเพื่อนัดหมายเวลาและสถานที่

“น้องหมี่เกี๊ยวกับน้องปลา...งานนี้อย่าช้านะคะ เป็นงานแรกที่ไปให้สัมภาษณ์กับทีมงานที่ไม่ใช่ทีโอพี” สาวใหญ่เอ่ยย้ำ “คุณพิธานฝากกำชับมากับพี่เลย ว่าต้องให้น้องหมี่เกี๊ยวกับน้องปลาไปถึงก่อนเวลานัดสักครึ่งชั่วโมง ฉะนั้นต้องมาที่บริษัทกันแต่เช้านะคะแล้วจะได้ไปกับรถตู้ พี่จะเป็นคนคุมไปเอง”

หญิงสาวรับคำเป็นมั่นเหมาะดังนั้นเช้าวันรุ่งขึ้นเธอจึงแต่งตัวออกจากบ้านแต่เช้า หญิงสาวไม่ใช่คนช่างแต่งตัวนักแต่ก็พอมีเสื้อผ้าที่เหมาะจะไปออกรายการโทรทัศน์ได้ เธอสวมทับเสื้อเชิ้ตขาวมีระบายที่สาบกระดุมด้วยเสื้อกั๊กสีดำ กางเกงยีนสีเข้มนั้นรัดรูปเน้นเรียวขายาว สร้อยคอเส้นยาวทำจากหินสีดำเข้าชุดกับกำไลข้อมือ

พ่อกับลุงเอ่ยอวยพรให้กับลูกสาว เธอกระพุ่มมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองก่อนหันซ้ายหันขวามองหาพี่ชาย

“ไม่ต้องไปมองหาหรอกไอ้แหนมทอดน่ะ” บุญช่วยอ่านท่าทีของหลานสาวออก “ออกไปวิ่งวินแต่เช้า เดี๋ยวสาย ๆ ก็คงจะกลับมาซ้อม ตั้งแต่วันนั้นมันก็ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา”

“พี่ช่วย” โชคชัยขึงตาใส่พี่ชาย “ไปพูดให้เจ้าเกี๊ยวมันเป็นห่วงทำไมก็ไม่รู้ หลานต้องไปทำงานนา”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพ่อ เกี๊ยวก็อยากรู้ว่าพี่แหนมเขาเป็นยังไงเหมือนกัน เมื่อวานก็ไปบริษัทแต่เช้ากลับมาก็ดึกไม่เจอพี่แหนมเลย”

“จะไปเจอได้ยังไงล่ะ พี่เราน่ะกินข้าวเย็นเสร็จก็เดินคอตกกลับขึ้นห้อง ปิดประตูเงียบ”

“พี่ช่วย”

“เออ ๆ ข้าไม่พูดแล้วก็ได้”

“จะพูดอะไรอีกล่ะ ก็พี่ช่วยเล่นพูดไปหมดแล้ว อย่าไปฟังมากเลยเจ้าเกี๊ยว แล้วก็ไม่ต้องห่วงไป เดี๋ยวสักพักไอ้แหนมมันก็ทำใจได้เองแหละ”

“วันนี้มิตรรักแฟนเพลงของเจ้าเกี๊ยวหายไปไหนหมดน้า...หลัง ๆ มานี่มีคนเอาโน่นเอานี่มาให้แทบจะทุกเช้า” บุญช่วยเปลี่ยนเรื่องทันที “หรือว่าจะยังเช้าเกินไป”

“ไม่มาก็ดีเหมือนกันนะจ๊ะลุง เกี๊ยวยังไม่ค่อยชินเวลามีคนมามุงดูเท่าไหร่...งั้นเกี๊ยวไปก่อนนะพ่อ ลุง เดี๋ยวไปไม่ทัน”

หญิงสาวเดินออกจากค่ายมวยได้ก็เลี้ยวไปทางหน้าปากซอยทันที ด้วยความรีบร้อนไม่ทันมองจึงชนเข้ากับร่างสูงใหญ่ที่ยืนหลบอยู่ข้างรถยนต์หรูที่จอดชิดถนนไว้ มนัญชยาอ้าปากจะร้องแต่มือใหญ่เอื้อมมาปิดปากเธอเอาไว้เสียก่อนพร้อมกับที่มืออีกข้างกระชับเข้ากับเอวบาง

ระยะห่าง...ไม่สิ ไม่ใช่ระยะห่าง เธอกับเขายืนอยู่ชิดกันมาก มากจนเรียกได้ว่าร่างทั้งร่างเบียดแนบชิดกัน ฝ่ายหญิงนั้นรู้สึกได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติทันทีที่ได้รู้ว่าชนเข้ากับใคร

ดาราหนุ่มร่างสูงใหญ่เอ่ยเสียงเบาเพียงกระซิบ

“ผมจะไปคุยงานที่ทีโอพี รู้ว่าวันนี้คุณต้องไปแต่เช้า เลยมารับ”

เขาค่อยคลายมือที่ปิดปากของเธอเอาไว้ มนัญชยาฝืนตัวเล็กน้อยเมื่อมืออีกข้างของกีรดิตยังคงยึดแน่นอยู่กับช่วงเอว ชายหนุ่มคลายมันออกอย่างช้า ๆ

“เกี๊ยวไปเองได้ค่ะ” เธอยังจำสายตาตัดพ้อและกล่าวหาในคืนนั้นได้ดี และไม่รู้ว่าที่มาในวันนี้ ดาราหนุ่มต้องการอะไรกันแน่ “ลำบากคุณเกมเปล่า ๆ”

“ผมไม่ได้ลำบากอะไร เพราะผมจะไปทีโอพีอยู่แล้ว ขึ้นรถเถอะ”

มนัญชยาเงยหน้าขึ้นมองสบตากีรดิต พยายามจะอ่านสายตาของเขา...บ้าจริง ใส่แว่นดำแบบนี้ใครจะไปรู้ว่านึกอะไรขึ้นมา วันนั้นล่ะทำหน้าดุใส่อย่างกับเราทำผิดอะไรนักหนาอย่างนั้นแหละ

“หมี่เกี๊ยว...ขึ้นรถ ถ้าไม่อยากให้คนมาเห็นเราสองคนยืนคุยกันอยู่ตรงนี้”

แม้จะสะดุดหูกับคำพูดที่สื่อว่าเขากลัวจะเป็นข่าวทั้งที่เป็นฝ่ายมารอรับเธอเองหากน้ำเสียงที่อ่อนละมุนลงของชายหนุ่มมีแรงดึงดูดกับหญิงสาวอย่างประหลาด สมองยังไม่ทันคิดแต่เท้าก็ก้าวไปทางประตูด้านข้างคนขับเสียแล้ว



“พี่ชายเป็นยังไงบ้าง”

เขาเอ่ยถามหลังจากที่รถแล่นเข้าสู่ถนนใหญ่แล้ว มนัญชยาจับไม่ได้ว่าเขาห่วงใยพี่ชายของเธอจริงหรือยังเป็นห่วงน้องสาวของตัวเองกันแน่

“คุณเกมถามในมุมไหนคะ”

“พี่ชายของคุณถูกนายเจตชกเอาไม่ใช่เหรอ”

“แค่แผลเล็ก ๆ ค่ะไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับพี่แหนม” หญิงสาวระบายลมหายใจยาว ก่อนคิดตกว่าควรจะเอ่ยเรื่องที่ได้ฟังจากพี่ชายกับชายหนุ่มอย่างตรงไปตรงมา “ไม่ทราบว่าคุณเกมรู้แล้วหรือยังคะว่าพี่แหนมกับน้องสาวคุณเกมเขาแค่บังเอิญได้รู้จักกันเพราะอุบัติเหตุ”

“ผมรู้แล้ว...ผมถึงได้มารับคุณวันนี้ไง”

“คุณเกมคงคิดว่าพี่ชายของเกี๊ยวเขาหาทางจะตกถังข้าวสารกับน้องสาวคุณเกม แต่พี่แหนมยืนยันนะคะว่าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าน้องกิ่งเป็นน้องสาว...”

“พอเถอะหมี่เกี๊ยว...ผมเข้าใจทุกอย่างแล้ว”

ทั้งสองเงียบกันไปพักใหญ่ก่อนที่กีรดิตจะเป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้นมาก่อน เขาซักถามเธอเรื่องการเตรียมตัวสำหรับการเริ่มซ้อมละครเวทีในอีกไม่กี่วัน เมื่อเธอแสดงถึงความกังวลใจชายหนุ่มก็ให้กำลังใจ

“ผมเชื่อว่าคุณทำได้นะ แล้วจะว่าไปงานละครเวทีก็ไม่ใช่สิ่งที่ผมคุ้นเคยมาก่อน งานนี้ก็เหมือนกับว่าเรามาเรียนรู้ร่วมกัน” กีรดิตทิ้งจังหวะเล็กน้อยก่อนเสริม “ผมอยากจะเรียนรู้ด้วยว่าผมจะเชื่อหัวใจ...ผมหมายถึงเชื่อสัญชาตญาณของตัวเองอีกสักครั้งได้ไหม”

มนัญชยาหันไปมองกีรดิต แม้จะไม่เข้าใจในคำพูดหากรอยยิ้มอ่อนละมุนที่แต้มขึ้นบนใบหน้าของเขาก็ทำให้เธอหายใจไม่ทั่วท้อง



“คุณเกมไม่จอดให้เกี๊ยวลงเหรอคะ”

หญิงสาวถามขึ้นเมื่อกีรดิตขับรถเลยจุดที่เขามักจะจอดให้เธอลงเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจับภาพได้และการตกเป็นข่าว เขาหยุดรถหากไม่เปิดล็อคประตูให้เธอทันทีกลับหันมาถาม

“ทำไมล่ะ ถ้าผมพาคุณไปถึงทีโอพีแล้วเราลงจากรถพร้อมกัน ต้องเป็นข่าวใหญ่แน่”

มนัญชยาขมวดคิ้วมองเขา “คุณเกมไม่น่าจะใช่ศิลปินดาราที่อยากจะเป็นข่าวใหญ่สร้างกระแสนี่คะ เกี๊ยวเป็นคนนึงที่ติดตามคุณเกมมาถ้าจะมีข่าวอะไรมันก็เป็นแค่ข่าวลือจากแหล่งข่าวเท่านั้น”

“เข้าวงการมาได้ก็เป็นข่าวกับดาราใหญ่มันน่าจะดีกับคุณนะ คนจะได้พูดถึงกันมากขึ้นไง”

น้ำเสียงของเขาฟังดูคล้ายจะดูหมิ่นอยู่ในที ทำให้คนได้ฟังคอแข็งหากยังคงยิ้มเมื่อเอ่ยโต้

“เกี๊ยวไม่ทราบนะคะ ว่าคุณเกมไปรับเกี๊ยวที่บ้าน แล้วกลับมาพูดจาแบบนี้กับเกี๊ยวเพราะอะไร แล้วมันเป็นสิ่งที่อยู่ในใจคุณเกมจริงรึเปล่า เพราะคุณเกมอาจจะกำลังจะแสดงอะไรอยู่ก็ได้” เธอเอ่ยต่อเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มไม่ตอบคำ “เกี๊ยวลงตรงนี้นะคะ ขอบคุณค่ะที่มาส่ง”

“เดี๋ยว...หมี่เกี๊ยว”

“คะ”

“ตอนเย็นผมจะไปรอรับคุณที่เดิม”

‘ที่เดิม’ สำหรับเขาและเธอนั้นเป็นที่รู้กันมาตลอดช่วงที่กีรดิตตามรับส่งก่อนหน้านี้ หญิงสาวเคยคิดว่าเป็นเพราะเขาไม่วางใจเธอจึงคอยประกบทุกครั้งที่มีโอกาสด้วยกลัวว่าจะเอาเรื่องของสิรามลไปพูดทั้งที่เธอแทบจะจับความอะไรไม่ได้สักนิดจากสิ่งที่ได้ยินนั้น และเช้าวันนี้เธอก็คาดว่าเขาอยากจะเตือนเธอเรื่องที่ไม่อยากให้ยศวันต์ไปยุ่งเกี่ยวกับน้องสาว

ถ้าอย่างนั้นมันก็น่าจะจบเรื่องแล้วไม่ใช่หรือ...แล้วเขาจะต้องมารอรับเธออีกเล่า

คำถามนั้นผ่านเข้ามาในสมองแล้วผ่านไปโดยที่มนัญชยาไม่คิดจะค้นหาคำตอบ หญิงสาวเพียงตอบรับคำแล้วเปิดประตูก้าวลงจากรถเดินไปตามบาทวิถีมุ่งสู่อาคารของบริษัททีโอพี



กมลภัทร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 เม.ย. 2554, 10:57:55 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 เม.ย. 2554, 10:58:10 น.

จำนวนการเข้าชม : 2005





<< ตอนที่ 6   ตอนที่ 8 >>
ก้อนแก้ว 2 เม.ย. 2554, 19:05:07 น.
อะไรของเขาน้า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account