อาทิตย์พรางดาว
เมื่อความเคียดแค้นชิงชังที่มีมาระหว่างพี่น้องต่างมารดา ทำให้เกิดเรื่องราวต่างที่นำมาซึ่งความสุข เศร้า และโศกนาฏกรรม! ดาวเหนือจะทำอย่างไรเมื่อตะวันฉายผู้เป็นเกลียดเธอจนไม่อยากจะอยู่ร่วมโลก และตฤณจะทำอย่างไรเพื่อปกป้องคนรักไม่ให้โดนทำร้าย ต้องติดตามใน 'อาทิตย์พรางดาว'
Tags: ดราม่า

ตอน: ตอนที่ 6

ตอนที่ 6

“ใครอีกละวันนี้ พ่อหรือยายคุณพี่ตะวันดับนั่น”

ตรีทิพย์ถามทันทีที่เธอเห็นเพื่อนรักเดินหน้างอเข้ามาในร้านกาแฟ ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งที่นัดกันไว้อย่างรู้กันดีว่าเรื่องกวนใจของเพื่อนรักคนนี้มีเพียงเรื่องเดียวคือเรื่องที่บ้าน อ่อ! ตอนนี้มีเรื่องที่สองเพิ่มขึ้นมาด้วย ดาวเหนือถอนหายใจออกมาอย่างแรง ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเพื่อน ร่างโปร่งหันไปสั่งกาแฟลาเต้ให้กับตัวเองและขนมเค้กอีกชิ้น ก่อนจะตอบคำถามของเพื่อน

“แม่ต่างหาก”

“แม่คนไหนวะ แม่มินหรือแม่บุษ”ตรีทิพย์ถามอย่างงงๆ เพราะรู้อยู่ว่าเพื่อนมีแม่สองคน แต่ไม่รู้ว่าคนไหนที่เพื่อนทะเลาะด้วย ดาวเหนือหยิบโน้ตบุ๊คออกมาวางบนโต๊ะ มือบางสาละวนอยู่กับการต่อสายไฟ ส่วนปากก็ตอบเพื่อนไป

“แม่บุษ แม่บอกให้ฉันไปขอโทษพ่อเรื่องวันนั้น แล้วก็ให้เข้าไปของานทำ ฉันก็เลยบอกไปว่าไม่ แล้วก็ห้ามไม่ให้เขาไปขอให้ใครมาพูดให้ฉันไปช่วยงานที่บริษัท แล้วก็บอกไปว่าชีวิตฉันขอเลือกทำตามที่ใจอยาก แค่นั้นแหละ แล้วฉันก็ออกมาเลย เฮ้อ!” ดาวเหนือปิดท้ายประโยคนั้นด้วยการถอนหายใจแรงๆ จนเพื่อนต้องเตือนด้วยความเป็นห่วง

“เฮ้ย อย่าถอนหายใจมากดิแก เดี๋ยวก็แก่กันพอดี”

“ดีสิ จะได้ตายๆไปซะที บอกตรงๆนะไอ้ตาล เบื่อวะ ทำไมวะทีฉันอยากจะทำอะไรตามใจตัวเองบ้าง กลับไม่มีใครสนับสนุน แต่คุณตะวันอยากได้อะไร อยากทำอะไร ทุกคนประเคนให้ตลอด ไม่มีใครว่าใครบ่น อยากไปเรียนด้านแฟชั่นที่ฝรั่งเศสก็ให้ไป เรียนไม่จบก็ไม่ว่า เหอะ! ฉันแค่เรียนในเมืองไทย ไม่ได้ใช้เงินพ่อสักบาท ยังมาค้านนู่นนี่ เบื่อโว้ย!”

“เฮ้อ! ฉันก็ไม่รู้ว่าจะช่วยแกได้ไงวะไอ้ดาว เอางี้งานหน้าแกก็บอกให้พี่เมืองหางานต่างจังหวัดให้แกสิวะ เอาสักสองเดือนเป็นไง จะได้พักผ่อนไปด้วยในตัว”ตรีทิพย์เสนอทางออกช่วยเพื่อน ซึ่งดาวเหนือเองก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย

“ไว้ให้งานที่กรุงเทพเสร็จหมดก่อนแล้วกัน ไหนเอาแบบมาดูสิ”หญิงสาวบอกกับเพื่อนก่อนจะเรียกหางานที่สั่งให้อีกฝ่ายนำมาให้ดู ตรีทิพย์หยิบกระเป๋าใส่แบบของตนขึ้นมาก่อนจะเลือกหางานชิ้นที่เพื่อนขอแล้วส่งให้ไป ดาวเหนือรับมาก่อนจะกางลงกับโต๊ะ กวาดตามองเพื่อเก็บรายละเอียดก่อนจะซักถามในส่วนที่สงสัยพร้อมกับจดรายละเอียดเพิ่มเติมลงไปในสมุดโน้ตประจำตัว

“ไอ้ตาล โทนสีที่แกใช้นี่ลูกค้าเขารีเควสมาหรือแกเลือกเองวะ”ดาวเหนือมองแบบก่อนจะถามอีกฝ่ายเมื่อนึกได้ว่าในรายละเอียดที่เมืองแมนให้มาไม่มีเรื่องโทนสีระบุไว้ แต่ในแบบนี้ตรีทิพย์กลับลงโทนสีเอิร์ธโทนเอาไว้ด้วย ตรีทิพย์วางแก้วกาแฟที่กำลังจิบลงก่อนตอบ

“ไอ้หน้าหยกนั่นมันเลือกเอง” ‘ไอ้หน้าหยก’ ที่ว่าคือลูกชายเจ้าของบ้าน เจ้าของห้องที่มาจ้างให้ตรีทิพย์ไปช่วยตกแต่งภายในแต่ดันพยายามจะลวนลามตรีทิพย์ เลยโดนตรีทิพย์เล่นงานเข้าให้ งานชิ้มนี้เลยหล่นปุใส่เธอที่เพิ่งจะทำงานอีกชิ้นเสร็จไปพอดี

“ไม่เห็นมีระบุไว้ในนี้เลย”เธอโบกกระดาษรายละเอียดของงานให้เพื่อนดู ตรีทิพย์ยักไหล่ก่อนตอบ

“แหงล่ะ มันมาบอกตอนที่ฉันไปดูห้องจริง บอกก่อนที่มันจะโดนฉันอัดหน้าหงายไปนั่นแหละ”

“หึหึ วันนั้นเขาถามถึงแกด้วยล่ะ”

“เฮ้ย! อะไรวะ มันจะมาหาเรื่องอะไรอีก”

“เปล่า เขาบอกว่าแกหมัดหนักได้ใจดี อยากจะจีบแกน่ะ”

“บ้า! ไอ้ดาวอย่ามาล้อเล่นนะ”ตรีทิพย์โวยวายออกมา ส่วนดาวเหนือก็ยักไหล่ไม่ใส่ท่าทีหวาดๆของเพื่อน แถมยังพูดต่อไปอีกว่า

“ไม่ได้ล้อเล่น เขาบอกมาแบบนั้นจริงๆ แกก็ระวังตัวไว้เถอะไอ้ตาล ดูๆแล้วถึงจะเพลย์บอยแต่ก็ดูมุ่งมั่นกับแกมากนะ ท่าจะเอาจริง”

“ม่าย!!!!”จบประโยคของดาวเหนือตรีทิพย์ก็ร้องโหยหวนออกมา ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดอาลัยตายอยาก ให้บุกป่าฝ่าดงตรีทิพย์ไม่เคยหวั่น แต่ต้องมาเจอกับผู้ชายเจ้าชู้ตามตื้อนี่น้องตาลขอลา ในขณะที่เพื่อนกำลังคร่ำครวญกับชะตาชีวิตของตนเองอยู่นั้น ดาวเหนือก็หันไปมีสมาธิจดจ่ออยู่กับงานตรงหน้า จนเวลาผ่านไปนานพอสมควร ร่างโปร่งจึงเงยหน้าขึ้นมามองสภาพของเพื่อนอีกครั้งแล้วถาม

“ไอ้ตาลแกเป็นบ้าอะไรเนี่ย นั่งหน้าเครียดเชียว”

“เพราะแกนั่นแหละมาพูดให้เครียด ไม่รู้แหละถ้าหมอนั่นมันโผล่หัวมาจีบฉันจริงๆล่ะก็จะต่อยให้ลืมโลกเลย คอยดูเถอะ!”ตรีทิพย์มองค้อนเพื่อนก่อนจะพูดกับตัวเองอย่างจริงจังจนดาวเหนือต้องอมยิ้ม

“ว่าแต่ไอ้ตาลแกจะไปไหนต่อรึเปล่า ถ้าแกมีธุระต่อก็ไปก่อนได้นะ เพราะฉันกะว่าวันนี้คงอยู่ที่ห้างนี่ทั้งวันนั่นแหละ ยังไม่อยากกลับบ้าน”หญิงสาวถามเพื่อน ซึ่งก็ได้รับคำตอบเป็นการส่ายหัวของอีกฝ่ายเพราะปากกำลังกินขนมเค้กอยู่ ตรีทิพย์รีบกลืนขนมเค้กลงท้องไปก่อนบอกกับเพื่อน

“ไม่อ่ะ อยู่เป็นเพื่อนได้ เพราะยังไงก็ต้องรอให้คุณพี่ตฤณมารับอยู่แล้ว”

“พี่ตฤณมาส่งเหรอ”

“อืม เขาจะไปธุระพอดี แล้วที่นี่ก็เป็นทางผ่านฉันเลยให้เขามาส่ง แล้วเขาบอกว่าจะกลับเมื่อไหร่ก็ให้โทรไปบอกจะได้มารับ เย็นๆก็ได้...”ตรีทิพย์บอก ก่อนจะกระโดดไปเกาะแขนเพื่อน ดวงตาสีน้ำตาลใสทอประกายก่อนจะเอ่ยชวน

“...เพราะฉะนั้นแกต้องไปดูหนัง ร้องเกะ ถ่ายรูปกับฉันนะไอ้ดาว”

“ว่าแล้วเชียว แต่ก็เอาเถอะถือซะว่าพักผ่อนวันนึงก็ได้...”ดาวเหนือสรุปอย่างปลงๆ ก่อนจะขัดเพื่อนที่ทำท่าจะร้องตะโกนอย่างดีใจ “...แต่ต้องให้ฉันทำงานให้เสร็จก่อน เข้าใจไหม”

“จ้า คุณเพื่อนที่น่ารัก ฮ้า!คาราโอเกะจ๋า รอตาลก่อนน้า”


เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงก่อนที่รอบหนังที่จองเอาไว้จะมาถึง ทั้งดาวเหนือและตรีทิพย์ก็ได้ถุงใส่ของทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ รองเท้า และอื่นๆอีกมากมาถือกันเต็มสองมือ ทั้งคู่ตัดสินใจเดินเข้าไปในร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังภายหลังจากมีความคิดเหมือนกันว่าหมดแรงที่จะเดินกันต่อ เป็นเรื่องประจำที่ทั้งคู่จะเดินซื้อของ ทานอาหาร และทำอำรก็ได้ที่อยากจะทำก่อนที่จะไปดูหนังกัน และครั้งนี้ก็เช่นกัน ตรีทิพย์ทรุดตัวลงนั่ง กองข้าวของที่ซื้อมาไว้ที่ที่นั่งด้านข้างพร้อมกับบีบนวดหัวไหล่เพื่อคลายความเมื่อยล้าจากการถือของหนัก ส่วนดาวเหนือนั้นหันไปสั่งอาหารให้ตนเองและเพื่อนกับพนักงาน ก่อนจะหันกลับมาสนใจของที่ซื้อมา

“ไอ้ดาว แกว่ารองเท้าคู่นี้เหมาะกับฉันไหมอ่ะ”ตรีทิพย์ถามเพื่อนขณะเปิดกล่องรองเท้าคู่สวยที่ซื้อมาเมื่อครู่ ดาวเหนือเหลือบมองเล็กน้อยก่อนตอบ

“ก็เหมาะนะ แต่แกต้องใส่ตอนใส่เดฟยีนส์นะ ไม่งั้นไม่เข้า เพราะรองเท้ามันออกแนวเท่ๆ ถ้าไปใส่กับกระโปรงมันไม่ค่อยเข้า”

“จริงอ่ะ เอาเถอะ เดฟก็เดฟ ว่าแต่แกก็ชอบแต่รองเท้าที่มีแต่สายเยอะๆจริงนะ”

“ไม่รู้สิ ฉันว่ามันสวยดี ใส่แล้วได้ทั้งเท่ ทั้งหวานไปพร้อมกัน เออ! ตาลแกโทรบอกพี่แกรึยังว่าหนังเลิกกี่โมง”ดาวเหนืออธิบายให้เพื่อนฟัง ก่อนจะเตือนอีกฝ่ายให้โทรไปหาสารถีคนสำคัญ

“เออวะ ลืมเลย งั้นเดี๋ยวฉันโทรไปบอกก่อนแล้วกัน”ตรีทิพย์บอกก่อนจะเดินออกไปโทรศัพท์หาพี่ชาย ดาวเหนือมองตามเพื่อนไป ก่อนจะหันไปให้ความสนใจกับของที่วางข้างๆเธอ แต่แล้วก็เหมือนกับเบื้องบนจะไม่ให้เธอได้อยู่โดยไม่ต้องมีเรื่องเครียดซักวันไม่ได้ เพราะในขณะที่เธอกำลังดูสร้อยคอลูกปัดหินสีอยู่นั้น เสียงหวานพร้อมคำพูดบาดหูก็ดังเข้ามาในโสตประสาท

“ต๊าย!งานการไม่ทำ แต่เอาเงินจากน้ำพักน้ำแรงคนอื่นมาถลุง สมแล้วกับที่พ่อบอกว่าแกเป็น’แกะดำ’ของบ้านนะ นังอุกกาบาต”ดาวเหนือหันไปมองเจ้าของเสียงที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีครีม ทับด้วยเสื้อสูทสีดำ กางเกงสแล็คสีเดียวกับสูท แขนเรียวคล้องกระเป๋าแบรนด์ดัง ก่อนที่เจ้าตัวจะเยื้องย่างมานั่งที่ของตรีทิพย์ตรงข้ามกับเธอโดยไม่ได้รับเชิญ

“ก็เคยบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอไง ว่าไม่ได้ใช้เงินของพ่อสักบาท เงินที่ฉันใช้ มันก็เงินฉัน”

“เงินแก! ตลกจังเลย น้ำหน้าอย่างแกน่ะเหรอจะมีปัญญาหาเงินมาซื้อของพวกนี้...”ตะวันฉายแสร้งหัวเราะ ก่อนจะหยิบเอาของที่เธอซื้อมาดู “...ของดีมีระดับซะด้วย ไอ้ที่แกบอกว่าแกหาเงินเองได้เนี่ย คงจะขายของเก่าตัวเองล่ะสิท่า”หญิงสาวตบท้ายด้วยประโยคที่ทำให้คนฟังต้องกำหมัดแน่น แม้จะโกรธมากแต่ดาวเหนือก็พยายามสะกดอารมณ์เอาไว้ให้ได้นานที่สุด เมื่อข่มความโกรธได้แล้วร่างโปร่งก็ย้อนกลับไปด้วยคำพูดที่เจ็บแสบไม่แพ้กัน

“ไอ้ที่พูดออกมาน่ะ คุณตะวันคงอยากจะทำอยู่แล้วสินะ ถ้าอย่างนั้นก็เชิญ ไม่ต้องมายัดเยียดเรื่องสกปรกให้คนอื่นเขาสกปรกไปด้วยหรอก”

“นังดาว!”ตะวันฉายแผดเสียงลั่น พร้อมกับผุดลุกอย่างโกรธจัด ดาวเหนือเองก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน หญิงสาวยิ้มเย็น ตอนนี้เธอเป็นฝ่ายคุมเกมไว้ได้แล้ว ตะวันฉายชี้หน้าน้องสาวต่างมารดาอย่างเคียดแค้น เสียงแผดลั่นด้วยความโกรธของตะวันฉายส่งผลให้คนรอบข้างเริ่มหันมามองพวกเธอ

“นังดาว! แกกล้าย้อนฉันเหรอ ให้มันรู้บ้างนะว่าแกเป็นใครแล้วฉันเป็นใคร แกมันก็แค่ลูกเมียน้อย อย่ามาสะเออะพูดแบบนั้นกับฉัน!”

“ขอโทษทีที่ฉันไม่ยอมอยู่ในโอวาทคนเจ้าอารมณ์อย่างคุณนะคุณตะวันฉาย ถ้าอยากได้คนที่ไม่เถียงคุณเลยว่าเวลาคุณด่าก็โน่นในป่าช้าน่ะมีเต็มไปหมด!”ดาวเหนือย้อนกลับอย่างไม่ยอมแพ้ ทำให้ตะวันฉายโกรธจัดหนักกว่าเดิม ร่างเพรียวถลาเข้าไปหวังจะฟาดฝ่ามือลงบนใบหน้าอวดดีของน้องสาวต่างมารดาให้สาใจ แต่เสียงตะโกนโวยวายของใครบางคนก็ดังขึ้น

ตรีทิพย์วิ่งฝ่าไทยมุงเข้ามาหาเพื่อนเธอกับคู่กรณีพร้อมกับพนักงานรักษาความปลอดภัยของห้างสองคน หญิงสาวร้องบอกให้พนักงานรักษาความปลอดภัยทั้งสองให้เข้าไปช่วยเพื่อนของเธอทันที

“ทางนี้เลยค่ะ คนบ้าที่มันจะมาทำร้ายเพื่อนฉันมันอยู่ทางนี้ จับมันส่งโรงพยาบาลบ้าไปเลยค่ะ”

“แกว่าใครบ้าห๊ะ นังตาลเน่า! พวกแกอย่าเข้ามานะ ไม่รู้เหรอไงว่าฉันเป็นใคร ถอยออกไป ไป๊!”ตะวันฉายเบนเป้าหมายไปหาตรีทิพย์ทันที เมื่อได้ยินที่อีกฝ่ายพูด ก่อนจะหันไปขู่พนักงานรักษาความปลอดภัยทั้งสองที่ทำท่าจะเข้ามาลากเธอไปอย่างที่อีกฝ่ายพูดจริง หญิงสาวหันมามองดาวเหนือที่ยืนนิ่งตาขวาง สลับกับท่าทางเอาเรื่องของตรีทิพย์ ก่อนจะยอมแพ้ถอยทัพกลับไปอย่างเจ็บใจ แต่ไม่วายหันมาฝากความแค้นเอาไว้

“แก! พวกแกระวังตัวเอาไว้ให้ดีเถอะ นังดาว นังตาล แล้วสักวันแกจะรู้ว่าไม่ควรตั้งตัวเป็นศัตรูกับฉัน คอยดู!”

“ได้เลยค่ะ คุณพี่ตะวันฉาย แล้วฉันกับไอ้ดาวจะคอยดูวันนั้น ที่มันคงไม่มี”ตรีทิพย์ตะโกนไล่หลัง อีกฝ่ายไป ก่อนจะหันไปขอโทษพนักงานรักษาความปลอดภัยทั้งสองและคนอื่นๆที่ทำให้วุ่นวาย แล้วจึงเดินกลับมาหาเพื่อนที่ทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดแรง ตรีทิพย์มองท่าทางที่เหมือนกับไปรบของเพื่อนอย่างขันๆ

“อะไรกันแก ทะเลาะกับคุณพี่สาวที่เคารพรักหน่อยเดียว ทำอย่างกับไปรบมา”

“หยุดไปเลยไอ้ตาล ทะเลาะกับคุณตะวันนี่แหละหนักกว่าไปรบอีก เฮ้อ!ความจริงแกไม่น่าจะมายุ่งด้วยเลย เลยโดนคุณตะวันหมายหัวเอาไว้ด้วย ถ้าแค่ฉันคนเดียวน่ะไม่เท่าไหร่หรอก”

“เอาน่า เอาน่า อย่างคุณพี่จอมเหวี่ยงนั่นก็ดีแต่ขู่แหละ ไม่ต้องกังวลอะไรมากมายน่า มากิน กิน อาหารมาแล้ว”ว่าแล้วตรีทิพย์ก็ลงมือทานอาหารที่มาวางอยู่บนโต๊ะทันทีอย่างคนไม่คิดมาก ในขณะที่ดาวเหนือได้แต่นั่งมองเพื่อนอย่างเป็นกังวลเพราะรู้ดียิ่งกว่าใครว่าคนอย่างตะวันฉายน่ะ เอาจริงมากกว่าพูดเล่นแน่นอน!


“กรี๊ด! ฮึ้ย! นังดาวอัปลักษณ์ นังบ้า!”เสียงกรีดร้องสลับกับเสียงข้าวของถูกทำลายดังสนั่นออกมาจากห้องนอนของตะวันฉาย หลังจาปะทะกับดาวเหนือและจบลงด้วยการที่เธอพ่ายแพ้มานั้น ร่างเพรียวก็ขับรถกลับมาบ้านด้วยความเร็วสูง ก่อนจะรีบเข้าห้องของตนแล้วอาละวาดทำลายข้าวของมาได้เกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว

ตะวันฉายหมุนไปมาเมื่อไม่มีสิ่งของให้ทำลายอยู่ใกล้มมือเลย หญิงสาวจึงหันไประบายอารมณ์ใส่แวว สาวใช้คนสนิทแทน

“นี่แน่ะ! นังดาว แกมันต้องโดนแบบนี้ นี่ๆ” ตะวันฉายฟาดฝ่ายมือลงไปบนตัวของแววอย่างแรงหลายๆที ทั้งตบทั้งหยิก ปากก็ด่าไปด้วยอย่างระงับอารมณ์ไม่อยู่

“ว้าย! คุณตะวันขา นี่แววเองนะคะ ไม่ใช่คุณดาว โอ๊ย! แววเจ็บค่ะ”แววพยายามถอยหนีตะวันฉายที่เวลานี้ดูราวกับคนไม่ปกติให้มากที่สุด แต่ก็ไม่สำเร็จความพยายามครั้งสุดท้ายสิ้นสุดลงด้วยการที่ร่างอ้วนโดนเจ้านายสาวกระชากผมกลับมาแล้วฝ่ามือเรียวก็ปะทะเข้ากับใบหน้าของเธออย่างแรงจนเลือดกลบปาก ล้มลงไปบนพื้นทันที

ตะวันฉายหอบหายใจแรงๆหลายครั้ง ก่อนจะสูดหายใจลึกๆช้าๆแล้วจึงเดินไปที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง หยิบกระเป๋าเงินออกมาเปิดก่อนจะเลือกเอาธนบัตรสีเทาออกมาสองใบ ร่างเพรียวเดินกลับมาตรงหน้าของสาวใช้ร่างอ้วนที่เอามือกุมหน้า ร้องไห้กระซิกๆอยู่บนพื้น หญิงสาวปาธนบัตรสองใบนั้นใส่อีกฝ่ายแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง

“เอาเงินไป แล้วก็ไสหัวไปซะ รู้ใช่ไหมว่าควรจะตอบว่าไงถ้ามีคนถาม!”

“อู๊ย! คุณตะวันไม่ต้องห่วง แววจะปิดปากตัวเองให้สนิทเลยค่ะ ขอตัวไปทำแผลก่อนนะคะ”แววรีบตะครุบเงินที่อีกฝ่ายส่งมาให้ตาโต พร้อมกับรับคำก่อนจะรีบออกจากห้องไป ปล่อยให้ตะวันฉายนั่งอาฆาตตัวต้นเหตุต่อไป ร่างเพรียวกระตุกยิ้มมุมปากเมื่อนึกแผนการบางอย่างขึ้นมาได้

“ดี! ในเมื่อแกอยากหาเรื่องฉันก่อน ฉันก็ต้องสอนให้แกสำนึกว่าฉันเป็นใครแล้วแกเป็นใคร!”


คุณบุษบากำลังสนใจกับแกงที่อยู่บนเตา โดยไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง ไม่รับรู้แม้กระทั่งว่ายามนี้นางไม่ได้อยู่เพียงคนเดียวในครัวอีกแล้ว ตะวันฉายมองผู้หญิงที่เป็นศัตรูหัวใจของมารดาของตนด้วยสายตามุ่งร้าย ถึงแม้ว่าคนในบ้านรวมทั้งมารดาของเธอเองจะยอมรับในตัวผู้หญิงคนนี้ แต่สำหรับตะวันฉายไม่มีวัน!

หญิงสาวมองไปรอบห้องครัวก่อนที่สายตาจะไปปะทะเข้ากับวัตถุมีคมที่วางอยู่บนเขียง มือเรียวหยิบมันขึ้นมาก่อนจะเดินตรงไปยังภรรยาคนที่สองของบิดาช้าๆ เธอยกมือมีดขึ้นช้าๆ แต่ก่อนที่จะได้ปักลงไปบนร่างเบื้องหน้าอีกฝ่ายก็หันกลับมาก่อน ตะวันฉายลดมีดลงพร้อมปรับสีหน้าให้เป็นปกติทันทีที่คุณบุษบาหันมาเจอเธอเข้า

“อ้าว! คุณตะวัน มีธุระอะไรกับน้าเหรอคะ”คุณบุษบารีบถามลูกสาวคนโตของสามีทันที เพราะน้อยครั้งที่ตะวันฉายจะเป็นฝ่ายมาหาเธอเองอย่างนี้

“นิดหน่อยน่ะค่ะ คือว่าตะวันอยากทานบัวลอยไข่หวาน น้าบุษทำเป็นไหมคะ”ตะวันฉายตอบอีกฝ่ายตามแผนที่ตนได้คิดไว้แล้ว คุณบุษบามองอีกฝ่ายอย่างฉงนเพราะปกติแล้วตะวันฉายไม่ค่อยชอบของหวานเพราะกลัวอ้วน อย่างเดียวที่ร่างเพรียวตรงหน้าจะทานคือสาคูไส้หมู ซึ่งก็นานๆที แต่มาวันนี้อยากขอให้เธอทำบัวลอยให้

“คุณตะวันไม่กลัวอ้วนเหรอคะ”

“ก็กลัวค่ะ แต่อยากกินมากกว่า น้าบุษก็อย่าใส่น้ำตาลเยอะก็แล้วกัน เอาหวานน้อยๆนะคะ”

“ได้ค่ะ ว่าแต่น้ายังสงสัยว่าทำไมคุณตะวันถึงอยากกินขึ้นมา”คุณบุษบายังคงไม่หายสงสัย ตะวันฉายซ่อนความหงุดหงิดเอาไว้ หญิงสาวปั้นหน้ายิ้มตอบอีกฝ่ายทันที

“ตะวันชวนเพื่อนมาที่บ้านพรุ่งนี้น่ะค่ะ แล้วก็อวดไว้ว่าน้าบุษทำขนมไทยอร่อย เพื่อนๆเขาก็เลยอยากกิน น้าบุษช่วยตะวันหน่อยได้ไหมล่ะคะ”

“โธ่เอ๊ย! น้าก็นึกว่าอะไร ได้อยู่แล้วค่ะ ว่าแต่เพื่อนคุณตะวันจะมากันกี่โมงค่ะ น้าจะได้เตรียมทำบัวลอยได้ถูก”เมื่อหายข้องใจแล้วคุณบุษบาก็สอบถามข้อมูลกับหญิงสาวทันที ก่อนจะหันไปสนใจแกงในหม้ออีกครั้ง ทำให้ไม่เห็นว่าตะวันฉายยิ้มมุมปากอย่างสมใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน


“โอ๊ย!พี่ตฤณนะพี่ตฤณ ไหนบอกว่าอีกสิบนาทีไง นี่มันปาไปครึ่งชั่วโมงแล้วนะ”เสียงบ่นอย่างหงุดหงิดดังขึ้นจากปากของเพื่อนที่กำลังกดโทรศัพท์หาพี่ชายมือเป็นระวิง ดาวเหนือมองอาการของเพื่อนยิ้ม ก่อนจะพูดขึ้นราวกับจะช่วยแก้ตัวให้พี่ชายของอีกฝ่าย

“ใจเย็นน่าแก รถมันอาจจะติดก็ได้ เย็นๆอย่างนี้แกก็รู้”

“ก็ถ้ารถติดก็ไม่ควรจะมากำหนดเวลาสิแก แบบนี้มันทำให้คนรอโมโห ถ้าบอกว่ามาถึงแล้วจะโทรบอก ฉันจะได้ไปเดินเล่นต่อก่อน”ตรีทิพย์แย้งเพื่อนเสียงขุ่น ก่อนจะหันไปกดโทรศัพท์หาพี่ชายต่อ แล้วความพยายามของตรีทิพย์ก็ได้ผลเมื่อปลายสายรับโทรศัพท์แล้ว

“โอ๊ย! กว่าจะรับได้นะพี่ตฤณ ไหนบอกว่าอีกสิบนาที นี่มันสิบนาทีสามรอบแล้วนะ”ตรีทิพย์เม้งใส่พี่ชายทันที ดาวเหนือไม่รูว่าปลายสายตอบกลับมาว่าอะไร เพราะว่าเพื่อนของเธอเริ่มเสียงอ่อนลงเล็กน้อย

“อ้าว! แล้วก็ไม่บอก ตอนนี้ตาลอยู่ที่ชั้นสอง ร้าน...”หญิงสาวบอกที่หมายให้พี่ชายรู้ ก่อนจะวางสายไปเมื่ออีกฝ่ายรับรู้แล้ว ตรีทิพย์ยิ้มหน้าบานจนดาวเหนือต้องแซว

“นี่ถ้าฉันไม่รู้มาก่อนว่าแกนัดกับพี่ไว้ ฉันต้องนึกว่าแกนัดกับหนุ่มที่ไหนแน่นอน หน้าบานซะ”

“จะไม่ให้หน้าบานได้ไงแก พี่ตฤณบอกว่าจะเลี้ยงข้าวฉัน เป็นการชดเชยที่ทำให้ฉันรอนาน ดีจริงกินฟรีอีกแล้วเรา”


“จ้า เชิญตามสบาย พี่แกมาแล้วงั้นฉันกลับก่อนล่ะ ขืนกลับดึกว่านี้เดี๋ยวต้องไปปะทะกับใครอีก ใกล้เวลาเขาจะไปท่องราตรีแล้วนี่”ดาวเหนือบอกกับเพื่อน ก่อนจะหยิบข้าวของของตนเองที่มีเพียงแค่ถุงไม่กี่ใบที่ได้มาหลังจากออกจากโรงหนัง ส่วนของที่เหลือได้เอาไปไว้ในรถก่อนแล้ว ตรีทิพย์ร้องอ้าวเมื่อเห็นว่าเพื่อนไม่ไปทานข้าวด้วยกัน

“ไหงงั้นล่ะ ไม่ไปกินด้วยกันล่ะ”

“ไม่อ่ะ เกรงใจกระเป๋าตังค์พี่แก เดี๋ยวมันจะแฟบ ให้แกไปผลาญคนเดียวพอ ฝากสวัสดีพี่แกด้วยนะ ไปแล้วบาย”ดาวเหนือบอกลาก่อนจะหอบของเดินตรงไปยังทางออกลานจอดรถที่เธอได้จอดรถเอาไว้

ร่างโปร่งความหากุญแจในกระเป๋าโดยไม่ได้สนใจทางด้านหน้าเลยแม้แต่น้อย ทำให้ไม่ให้ร่างสูงที่เดินสวนมาอย่างรีบร้อนไม่แพ้กันเข้าให้อย่างแรง ถุงใส่ของหลายใบรวมทั้งกระเป๋าของเธอกระจัดกระจายกลางลานจอดรถทันที ส่วนตัวเธอก็ล้มลงไปกองกับพื้นเช่นเดียวกับชายหนุ่มคู่กรณีที่ล้มลงไปจับกบและโทรศัพท์มือถือในมือก็ตกกระแทกพื้นกลายเป็นเศษซาก ตีค่าเหลือศูนย์เลยทีเดียว

“ขอโทษค่ะคุณ เป็นอะไรรึเปล่า”ดาวเหนือรีบขอโทษคู่กรณีทันที เพราะเธอรู้ตัวว่าเป็นฝ่ายผิด หญิงสาวหน้าเสียทันทีเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายจับจ้องอยู่ที่โทรศัพท์ของเขาที่กลายเป็นชิ้นๆ ก่อนจะหันมามองหน้าเธอที่กำลังก้มหน้าอยู่ ทำให้ไม่เห็นอาการชะงักของเขา

“ฉันขอโทษนะคะ ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ จะให้ชดใช้ยังไงก็ได้ค่ะ”ดาวเหนือรีบย้ำอีกที คราวนี้ร่างโปร่งมองหน้าอีกฝ่ายเต็มๆตา ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อรู้สึกคุ้นหน้าอีกฝ่าย ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นยืนทันทีทำให้คราวนี้เธอต้องเปลี่ยนเป็นเงยหน้ามอง เพราะเขาตัวสูงมาก คิดว่าน่าจะเกือบๆร้อยแปดสิบเห็นจะได้ เสื้อเชิ้ตสีขาวบัดนี้เปื้อนไปด้วยฝุ่นจากพื้น เขาปัดฝุ่นออกจากกางเกงก่อนจะขยับแว่นไร้กรอบที่อยู่หน้า ดวงตาสีดำสนิทมองเธออย่างใจดี ไม่มีแววโกรธเคืองอยู่ภายในเลย รอยยิ้มบางๆที่ฉาบอยู่บนใบหน้าทำให้เธอต้องยิ้มออกมา

“ไม่เป็นไรครับ แต่คราวหน้าก็หยุดยืนหาของจะดีกว่านะครับ เพราะหากเป็นถนนใหญ่คุณคงไปอยู่โรงพยาบาลแน่”

“ต้องขอโทษด้วยนะคะ คราวหน้าฉันจะหยุดยืนหาก็แล้วกัน ว่าแต่โทรศัพท์ของคุณมัน เอ่อ...”ร่างโปร่งมองไปที่อดีตโทรศัพท์ของอีกฝ่ายที่ยังคงนอนรอร่วมกตัญญูอยู่ ชายหนุ่มมองตามก่อนะจะขยับแว่นอีกครั้ง ดวงตามีแววเสียดายแต่ยังคงมีรอยยิ้มขณะตอบ

“ไม่เป็นไร ผมกะจะเปลี่ยนใหม่พอดี ต้องขอบคุณคุณนะเนี่ย”

“ถ้ายังไงเดี๋ยวฉันซื้อเครื่องใหม่คืนคุณดีไหมค่ะ แบบนี้ฉันไม่สบายใจ”

“ไม่เป็นไรจริงๆครับ แค่คุณรับปากว่าคราวหน้าจะไม่เดินไปหาของไป เท่านี้ก็เป็นการชดใช้ให้ผมแล้วครับ"”ขายังคงยืนกรานคำเดิม จนในที่สุดดาวเหนือต้องยอมตามนั้น ทำให้ร่างสูงยิ้มออกมาอย่างพอใจ ก่อนจะเดินไปโกยซากโทรศัพท์มาโยนลงถังขยะ เก็บไว้เพียงแต่ซิมที่ไม่เป็นอะไร

“งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ ขอบคุณมากๆที่ไม่โกรธกัน”

“ครับ แต่อย่าลืมที่สัญญาไว้นะครับ”ชายหนุ่มย้ำหน้าดุ ทำให้ดาวเหนือต้องหัวเราะออกมาพร้อมกับตะเบ๊ะส่งไปให้ แล้วก้าวขึ้นรถของตนขับออกไปทันที ชายหนุ่มมองตามไปด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะนึกขึ้นได้แล้วรีบวิ่งเข้าไปในห้างที่ที่ใครคนหนึ่งกำลังรอเขาอยู่



ไอจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 เม.ย. 2554, 21:54:36 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 เม.ย. 2554, 21:58:01 น.

จำนวนการเข้าชม : 1773





<< ตอนที่ 5   ตอนที่ 7 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account