อาทิตย์พรางดาว
เมื่อความเคียดแค้นชิงชังที่มีมาระหว่างพี่น้องต่างมารดา ทำให้เกิดเรื่องราวต่างที่นำมาซึ่งความสุข เศร้า และโศกนาฏกรรม! ดาวเหนือจะทำอย่างไรเมื่อตะวันฉายผู้เป็นเกลียดเธอจนไม่อยากจะอยู่ร่วมโลก และตฤณจะทำอย่างไรเพื่อปกป้องคนรักไม่ให้โดนทำร้าย ต้องติดตามใน 'อาทิตย์พรางดาว'
Tags: ดราม่า
ตอน: ตอนที่ 9
ตอนที่ 9
‘เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้’
พัดยศกดวางสายแล้วเริ่มโทรใหม่อีกครั้งที่หมายเลขเดิม แต่ผลที่ได้ก็เหมือนเดิมเช่นกัน ใบหน้าคมคายเริ่มบึ้ง เมื่อโทรหาคนรักสาวที่เขาแกล้งไม่ติดต่อหาตลอดเวลา 1 สัปดาห์ที่เขาต้องเดินทางไปดูงานที่ต่างประเทศเพื่อให้ทั้งเขาและเธอได้มีโอกาสใช้เวลาคิดทบทวนความสัมพันธ์ที่เริ่มจะคลอนแคลน โดยที่เขาเองก็รู้ตัวมาตลอด แต่ไม่อาจยอมรับความจริงได้เลยต้องขอหนีหน้าไปสักพัก
ตลอดเวลาที่อยู่ที่โน่นเขาได้นั่งคิดทบทวนและก็พบว่าไม่สามารถที่จะตัดใจจากหญิงสาวรุ่นน้องที่คบกันมานานได้ และตัดสินใจว่าไม่วางอย่างไรเขาก็จะทำทุกอย่างเพื่อให้อีกฝ่ายหันกลับมารักเขาจากใจจริงไม่ใช่เพราะแรงยุอย่างเช่นปัจจุบันนี้ให้ได้ และนับตั้งแต่เหยียบลงบนผืนแผ่นดินไทย เขาก็ได้โทรหาอีกฝ่ายทันทีแต่ดาวเหนือกลับปิดเครื่อง ทำให้เขาต้องหงุดหงิดอยู่อย่างนี้
พัดยศยืนนิ่งเพื่อจะตัดสินใจว่าจะเอาอย่างไรต่อ สุดท้ายร่างสูงก็ตัดสินใจเข็นรถเข็นออกไปยังทางออกเพื่อไปยังลานจอดรถที่เขาฝากเอาไว้ หางตาคมเหลือบไปเห็นร่างบอบบางของใครบางคุ้นที่ดูคุ้นตากำลังมองหาใครอยู่ ชายหนุ่มเลยเข็นรถไปยังทิศทางนั้นทันที
“น้องจันทร์ครับ”
พรายจันทร์ที่กำลังชะเง้อมองหาเพื่อนของพี่สาวตามรูปที่อยู่ในมือชะงักทันที ร่างบางตัวแข็งทื่อเมื่อได้ยินเสียงของชายหนุ่มผู้ซึ่งอยู่ในดวงใจของเธอตลอดมา หญิงสาวค่อยหันไปเผชิญหน้ากับเขาช้าๆ ก่อนจะส่งยิ้มทักทายเมื่ออีกฝ่ายส่งยิ้มมาพร้อมกับคำถาม
“มาทำอะไรที่นี่ครับ”
“จันทร์มารอรับเพื่อนพี่ตะวันค่ะ แล้วพี่พัดเพิ่งกลับมาเหรอคะ”
“ครับ นี่ก็กำลังจะไปหาน้องดาวที่บ้านพอดี...” ร่างสูงตอบพร้อมรอยยิ้ม แต่อาการดีใจที่ได้พบหน้าเขาของพรายจันทร์หดหายไปทันทีที่อีกฝ่ายพูดถึงน้องสาวคนเก่งของเธอที่หนีออกจากบ้านไปเมื่อวาน ร่างบางเตรียมตัวจะขอลาเพื่อที่จะได้ไม่ต้องตอบคำถามเรื่องของดาวเหนือเพราะกลัวจะเป็นเรื่องใหญ่มากไปกว่านี้ แต่แล้วสิ่งที่คิดไว้ก็ไม่เป็นจริงเพราะอีกฝ่ายถามถึงดาวเหนือขึ้นจริงๆอย่างที่กลัว
“...น้องจันทร์พอจะรู้ไหมครับว่าน้องดาวไปไหน แล้วทำไมต้องปิดเครื่อง หรือว่าเข้าป่าอีกแล้ว”ชายหนุ่มรัวคำถามมาเป็นชุด แน่ล่ะมาเจอพี่สาวของคนรักที่ยังติดต่อไม่ได้อย่างไม่คาดฝัน ก็ต้องซักกันหน่อย!
“เอ่อ จะ จันทร์ไม่รู้หรอกค่ะ จันทร์ต้องไปรับเพื่อนพี่ตะวันแล้ว”ร่างบางเตรียมตัวชิ่ง แต่ช้ากว่าร่างสูงที่ปราดมาดักหน้าแล้วถามเสียงเข้ม
“น้องดาวไปไหนครับ น้องจันทร์”
“เอ่อ คือว่า...”
“น้องจันทร์ครับ”
“ยายดาวทะเลาะกับน้าบุษ แล้วก็ออกจากบ้านไปตั้งแต่เมื่อคืนค่ะ มือถอก็ปิดจันทร์ก็เลยไม่รู้ว่ายายดาวไปอยู่ที่ไหน”สุดท้ายเมื่อเจอใบหน้าคมคายโน้มลงมาถามใกล้ หัวใจที่อ่อนอยู่แล้วก็ยิ่งละลายการเป็นน้ำไปเลยทันที พรายจันทร์เล่าเรื่องทั้งหมดให้อีกฝ่ายฟังตั้งแต่ต้น ตามที่บิดาของเธอได้เล่าให้ฟัง
พัดยศขบกรามเข้าหากันแน่น เมื่อนึกถึงใบหน้าของคนรักสาวที่คงจะเจ็บปวดมาก แต่ว่าเขาไม่มีโอกาสที่จะได้ดูแลหรือปลอบใจ หากเขากลับมาเร็วกว่านี้อีกหน่อย เขาคงจะได้พาเธอไปที่บ้านเขาแล้ว ไม่รู้ป่านนี้จะเตลิดไปไหน ยิ่งคิดก็ยิ่งกังวล สุดท้ายชายหนุ่มเลยเตรียมจะบอกลาพี่สาวของคนรักเพื่อไปตามหาดาวเหนือแทนที่จะกลับบ้านตามที่ตั้งใจ แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังคุยโทรศัพท์ท่าทางเคร่งเครียด
“พี่ตะวัน ไหงเป็นแบบนี้ล่ะ ทำไมไม่เช็คกับเพื่อนให้ดีเสียก่อน”พรายจันทร์โวยใส่พี่สาวที่อยู่ปลายสายอย่างหงุดหงิด เพราะนับจากที่เจอกับพัดยศไม่รวมก่อนหน้า เท่ากับว่าเธอมารอรับเพื่อนของพี่สาวนานถึงสามชั่วโมงแล้ว แต่ก็ไม่เห็นวี่แวว สุดท้ายเลยตัดสินใจโทรไปหาตะวันฉาย ปรากฏว่าอีกฝ่ายทำเสียงตกอกตกใจ ก่อนจะบอกกลับมาว่า
‘ตายแล้ว! ฉันลืมไปเลยว่าเพื่อนฉันมันเลื่อนเวลาเดินทางเป็นมะรืนนี้ ตายจริง ฉันลืมซะสนิทเลยล่ะ ยายจันทร์’
เท่านั้นล่ะปรอทความอดทนที่มีอยู่จำกัดก็แตกเพล้ง ทำให้ต้องโวยใส่แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่สะทกสะท้าน
“แกจะอะไรนักหนา ยายจันทร์ คนมันพลาดไปแล้วน่า ฉันไม่ได้ต้องใจสักหน่อย”
“แต่มันเปลืองนะพี่ตะวัน ค่ารถมันไม่ได้ถูกๆ”
“โอ๊ย!รำคาญ”ตะวันฉายร้องก่อนจะตัดสายไปดื้อๆ ทำเอาน้องสาวคนสวยได้แต่หัวเสียอยู่คนเดียว พัดยศที่รอจังหวะอยู่แล้วรีบพูดขึ้นทันที
“น้องจันทร์ครับ พี่จะกลับแล้ว แล้วนี่น้องจันทร์มายังไงครับ”
“จันทร์มาแท๊กซี่ค่ะ เผอิญรถที่บ้านต้องใช้งานทุกคันเลย...”หญิงสาวตอบก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ พร้อมบอกลา “...งั้นจันทร์ก็คงต้องไปแล้วเหมือนกันค่ะ สวัสดีค่ะพี่พัด”
ร่างบางเตรียมตัวหันหลังกลับ แต่ก็ต้องหยุดเดินเมื่อชายหนุ่มเรียกเอาไว้ด้วยประโยคที่ว่า
“เดี๋ยวพี่ไปส่งครับ น้องจันทร์”
“แต่ว่า...”แม้จะดีใจเกินบรรยายแต่ก็อดไม่ได้ที่จะเกรงใจ เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายรีบที่จะไปตามหาน้องสาวของตน คนรักของเขา พัดยศเข้าใจดีว่าอีกฝ่ายต้องการจะพูดอะไร จึงตัดบททันที
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกน้องจันทร์ พี่ส่งน้องจันทร์ก่อนแล้วค่อยไปทำธุระของพี่ต่อ ยังไงน้องจันทร์ก็เป็นพี่ของน้องดาว พี่จะปล่อยให้กลับแท๊กซี่ได้ไง”ร่างสูงส่งยิ้มละลายใจไปให้ พรายจันทร์ดีใจแต่ก็อดที่จะเจ็บแปลบไม่ได้เพราะไม่ว่ายังไงอีกฝ่ายก็ยังคงเห็นน้องเธอเป็นสำคัญอยู่ดี สุดท้ายร่างบางก็เลยตัดสินใจเดินตามเขาไปยังรถของเขาอย่างไม่อิดออด ถึงช่วงเวลาจะสั้นแต่แค่ได้อยู่ใกล้เขาก็ยังดี ไม่ว่าเขาจะพูดถึงเรื่องอะไร ถึงใคร และถึงแม้จะไม่มีเธออยู่ในบทสนทนาก็ตามที แต่เธอก็ยอม ขอแค่ได้อยู่ใกล้เขาก็พอ...
ร่างเพรียวในชุดแซกสายเดี่ยวสีดำ สวมทับด้วยเสื้อคลุมแขนยาวตัวสั้นแค่เอวสีขาว คอระหงมีสร้อยไข่มุกเส้นยาวเม็ดงามคล้องอยู่ หญิงสาวยืนพิงกำแพงมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างพึงพอใจ ริมฝีปากมีรอยยิ้มแต้มอยู่ มือเรียวถอดแว่นกันแดดสีชาออกจากใบหน้า ก่อนจะพูดกับตัวเองเบาๆ ดวงตาเป็นประกายกร้าว
“โง่อะไรอย่างนี้น้องฉัน ยายจันทร์ โง่ๆอย่างแกเป็นได้แค่หมากของฉันเท่านั้นแหละ ทั้งแก ทั้งพัดยศ พวกแกจะกลายมาเป็นหมากที่จะทำให้ฉันชนะนังดาวเหนือ มันจะต้องกระอักเลือดตาย คอยดู!”ตะวันฉายเดินออกไปยังลานจอดรถก่อนจะขึ้นรถของตนแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว
“แกจะกลับไปเอาของกี่โมงวะ โอ๊ย!แม่ตาลเจ็บนะ” ร่างบางของตรีทิพย์ลูบแขนที่โดนมารดาตีเพราะพูดไม่สุภาพป้อยๆ พลางทำตาน่าสงสาร แต่ไม่ได้ผล แถมพี่ชายกับบิดาที่นั่งทานข้าวต้มอยู่ด้วยกันก็ยังหัวเราะออกมา
“สมน้ำหน้าแล้วยายตาล รู้ทั้งรู้ว่าแม่เขาไม่ชอบคนพูดไม่เพราะก็ยังพูด”คุณธรณ์ว่าพลางหัวเราะอย่างสะใจที่ลูกสาวคนเล็กโดนทำโทษ ก่อนจะตักข้าวต้มเข้าปากอย่างมีความสุข ส่วนตฤณก็อมยิ้มน้อยๆแล้วแซวน้องสาวที่ต้องหาเรื่องให้โดนมารดาตีอยู่ทุกวัน
“หาเรื่องให้แม่ตีได้ทุกวันนะเรา ทำไม ถ้าไม่โดนตีนี่ทำงานไม่มีความสุขเหรอ”
“เงียบไปเลยพี่ตฤณ อย่าให้ตาลแฉนะ”ร่างบางชี้นิ้วใส่พี่ชาย พร้อมมองอย่างเจ้าเล่ห์ ทำเอาพี่ชายผู้มีชนัก(รัก)ปักหลังถึงกับต้องขยับแว่น ก่อนจะทานข้าวเข้าไปเงียบๆ ไม่ใช่ว่ากลัวแต่เขาไม่รู้ว่าอาการดีใจของเขาเมื่อวานมันจะแสดงออกมาให้ยายน้องตัวแสบระแคะระคายบางหรือเปล่า ยิ่งมาพูดแบบนี้ยิ่งต้องระวังไว้ก่อน เขายังไม่อยากจะไปเพิ่มเรื่องให้ดาวเหนือมากนัก
แม้อยากจะบอกความในใจให้รู้หากแต่ยังไม่ถึงเวลา ในเมื่อตัวเธอเองยังมีปัญหาทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องของคนรักที่ยังคาราคาซังอยู่ ในเมื่อเขารอมาได้ตั้งหลายปี รออีกหน่อยจะเป็นไรไป เมื่อคิดได้ดังนั้นนายสัตวแพทย์หนุ่มจึงกินข้าวไปด้วยอมยิ้มไปด้วยจนเป็นที่แปลกใจของทุกคนในครอบครัว รวมไปถึงอีกหนึ่งหญิงสาวที่ก้าวเข้ามาขอพึ่งพิงในยามนี้
ดาวเหนือแอบมองพี่ชายเพื่อนบ่อยๆตั้งแต่ที่อีกฝ่ายลงมาทานอาหารแล้ว เธอยอมรับว่าอีกฝ่ายมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เธอรู้สึกอยากอยู่ใกล้แบบที่ไม่เคยเกิดกับผู้ชายคนไหนมาก่อน ยกเว้นแต่บิดาที่เธอไม่เคยได้รับความรักนั้นเลย เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเป็นผู้ชายแบบไหน เพราะเพิ่งเจอเขาแค่ครั้งเดียวไม่นับที่เจอโดยบังเอิญอีกสองครั้ง แต่สิ่งที่เธอบอกได้ในตอนนี้ก็คือ อยากมีพี่น้องที่รักกันมากอย่างตรีทิพย์กับตฤณอย่างนี้ ไม่สิ!เธออยากให้ครอบครัวของเธออบอุ่นอย่างครอบครัวของเพื่อนรักมากกว่า...
“ดาว”
“หนูดาวลูก!”ร่างโปร่งสะดุ้งเมื่อมือของคุณตรีเนตรแตะลงที่ไหล่ หญิงสาวมองไปรอบๆโต๊ะอาหารก็พบว่าทุกคนต่างหยุดทานข้าวแล้วนั่งมองเธอแทน
“เป็นไรไปจ๊ะ”คุณตรีเนตรถามหญิงสาวที่เหมือนลูกสาวอีกคนของเธออย่างเป็นห่วงเพราะอีกฝ่ายเล่นนั่งนิ่งแถมเหม่ออีกต่างหาก
“เปล่าค่ะ ดาวไม่ได้เป็นอะไร แค่คิดอะไรนิดหน่อย”
“จริงๆนะจ๊ะ ถ้าหนูดาวมีเรื่องอะไรอยากจะเล่า อยากจะปรึกษา บอกแม่ได้ทุกเรื่องเลยนะลูก หนูก็เหมือนลูกสาวแม่คนหนึ่ง”คุณตรีเนตรลูบกลุ่มผมนุ่มอย่างเบามือ พร้อมส่งยิ้มอ่อนโยนไปให้ ทำเอาร่างโปร่งถึงกับน้ำตาคลอด้วยความตื้นตันใจ
“ขอบคุณมากๆค่ะ”
“แล้วตกลงคำตอบฉันล่ะ”ตรีทิพย์ถามย้ำอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเพื่อนเพิกเฉยต่อคำถามของเธอ ดาวเหนือหันกลับมาจ้องหน้าเพื่อนที่นั่งตรงข้าม นิ่งคิดเล็กน้อยก่อนตอบ
“คงจะบ่ายๆ คุณตะวันกับพ่อไม่อยู่บ้าน ที่เหลืออยู่คงห้ามฉันไม่ได้”
“เอางั้นเหรอ แต่แน่ใจนะว่าจะไม่ให้ฉันไปเป็นเพื่อน”ตรีทิพย์ถามย้ำอีกครั้ง แล้วก็ได้รับคำตอบเดิมกลับมา หญิงสาวจึงพยักหน้าหงึกหงักรับทราบก่อนจะตั้งหน้าตั้งทานข้าวต้ม เช่นเดียวกับคนอื่นๆ ดาวเหนือมองทุกคนเงียบ ก่อนที่สายตาจะไปปะทะกับร่างสูงที่นั่งนิ่งมองเธออยู่ก่อนแล้ว และเมื่อตาสบกันชายหนุ่มก็เป็นฝ่ายหลบตาไปหน้าตาตื่น หญิงสาวกระพริบตาปริบๆกับท่าทางของพี่ชายเพื่อน พลางคิดในใจว่าตนเองได้ไปทำอะไรอีกฝ่ายเอาไว้โดยไม่รู้ตัวหรือเปล่า
“ผมไปก่อนนะครับทุกคน”ชายหนุ่มรีบทานข้าวต้มตรงหน้าหมดด้วยความเร็วสูงอย่างไม่กลัวหมดมาดหนุ่มเนี้ยบ ซึ่งเป็นอะไรที่ผิดปกติเป็นอย่างมาก
“อ้าว!ทำไมไปเร็วจังเลยล่ะลูก ปกติแม่เห็นเปิดร้านเก้าโมง นี่เพิ่งจะ...”คุณตรีเนตรหันไปมองนาฬิกา ก่อนจะหันกลับมา “...แปดโมงกว่าเองลูก”
“ก็มีอะไรต้องจัดเตรียมอีกมากนี่ครับ ช่วงนี้ลูกจ้างเพิ่งจะลาออกไป”
“ไม่ประกาศหาคนใหม่ล่ะลูก คนเดียวเหนื่อยแย่เลย เจ้าสี่ขาพวกนั้นยิ่งซนๆอยู่ โดยเฉพาะเจ้าตัวแสบ”ผู้เป็นแม่บ่น พร้อมพยักเพยิดไปด้านนอกที่เจ้าเทอร์โบ สุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์รุ่นหนุ่มตัวโปรดของลูกชายกำลังฟัดลูกบอลของเล่นของตนไปมาบนสนามหญ้าหน้าบ้าน
“โอ๊ย!แม่ ไอ้แสบน่ะมันซนมหาซน ซนตัวเดียวน่ะอธิบายไม่พอหรอก”ตรีทิพย์เงยหน้าจากชามมาเสริมมารดา โดยมีบิดาและดาวเหนือพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ทำเอาเจ้าของสุนัขถึงกับมองน้องสาวตัวเองตาขวาง
“มันก็ซนพอๆกับเรานั่นแหละยายตาล พออยู่ด้วยกันนะก็คูณสองเข้าไปเลย”
“ไอ้พี่ตฤณบ้า!ไปทำงานเลยไป๊”ตรีทิพย์โวยวายใส่พี่ชายที่เดินเอามืออุดหูไปหน้าบ้าน ก่อนจะหันมาชวนเพื่อนที่นั่งอยู่เฉยๆเพราะทานข้าวเสร็จก่อนใคร
“ไปกันไอ้ดาว ขืนสายต้องไปนั่งฟังพี่เมืองบ่นอีก”
“อือ”
“อ้าว!จะไปไหนกันน่ะลูก”คุณตรีเนตรรีบถามลูกสาวแท้ๆกับลูกสาวร่วมโลกทันทีเมื่อได้ยินประโยคชักชวนของตรีทิพย์
“ไปทำงานจ๊ะแม่ วันนี้เห็นไอ้พี่เมืองบอกว่ามีโปรเจกต์ใหญ่ให้ทำ ต้องใช้ทั้งสถาปนิก ทั้งมัณฑนากร เห็นว่าเรียกมาทั้งบริษัทเลยทีเดียว”
“งั้นก็รีบไปรีบกลับกันนะ เย็นนี้แม่จะเตรียมอาหารอร่อยๆไว้ให้”
“ค่ะ”เสียงตอบรับจากทั้งสองสาวดังขึ้น เรียกรอยยิ้มพอใจให้แก่คุณตรีเนตรได้เป็นอย่างดี ดาวเหนือเดินนำออกไปที่หน้าบ้าน แล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นคนที่ควรจะไปเปิดคลีนิครักษาสัตว์ที่ตั้งอยู่หน้าปากซอยบ้านหลังนี้ตั้งแต่เมื่อกี้กลับนั่งอยู่ที่ยกพื้นหน้าบ้าน โดยมีเจ้าตัวแสบขนสีทองวิ่งคาบลูกบอลหน้าเริ่ดมาหา และเมื่อเจ้าเทอร์โบเห็นหญิงสาวก็ทิ้งลูกบอลแล้วกระโจนเข้ามาหาทันที
ดาวเหนือล้มลงเมื่อเจ้าตัวแสบกระโดดทับเหมือนครั้งก่อน แต่ต่างกันตรงที่คราวนี้เธอล้มทับร่างสูงที่มาอยู่ด้านหลังเมื่อไหร่ไม่รู้แทน ตฤณกอดเอวร่างโปร่งเอาไว้พร้อมกับใช้ตัวเองรับแรงกระแทกแทนหญิงสาว ส่วนเจ้าสี่ขาตัวต้นเหคชตุก็ยังคงปักหลักนั่งอยู่บนตัวเธอ ราวกับเธอเป็นที่นั่งของเจ้าตัว!
“รถใครรถมันนะไอ้ดาว เดี๋ยวแกจะได้ขับกลับไปเอาของเลย เฮ้ย! ไอ้เทอร์โบลงมาเดี๋ยวนี้นะ”ตรีทิพย์ที่เดินไปหากุญแจรถไปร่ายยาว ก่อนจะร้องโวยวายเมื่อเห็นสภาพเหล่าบุคคลที่อยู่หน้าบ้าน
“แล้วจะยืนโวยวายเฉยๆทำไมล่ะยายตาล มาลากเจ้าแสบลงไปที”ตฤณบอกน้องสาวเสียงห้วน เพราะเขาต้องรับน้ำหนักถึงสองเท่า ไม่หนักก็คงไม่ใช่คน!
ตรีทิพย์รีบวางของลงก่อนจะเข้าไปดึงปลอกคอของเจ้าเทอร์โบให้ลงมาจากตัวของเพื่อนสาว ซึ่งเมื่อโดนบังคับเจ้าตัวแสบก็ยอมเดินลงแบบไม่เต็มใจ ฝ่ายดาวเหนือเมื่อเจ้าตัวแสบลุกไปแล้วก็เตรียมจะลุกบ้าง แต่ก็ทำไม่ได้เมื่อมือหนาของเขายังคงรัดเอวเอาไว้อย่างเหนียวแน่น
“เอ่อ พี่ตฤณ ปล่อยดาวได้แล้ว เทอร์โบลุกออกไปแล้ว”
“ฮะ อ่อ โทษทีครับ”ชายหนุ่มรีบปล่อยมืออกแล้วชูสองแขน ดาวเหนือรีบลุกออกไป เช่นเดียวกับตฤณที่ลุกขึ้นยืน ร่างสูงขยับเสื้อ ขยับแว่นของตนให้เข้าทีก่อนจะขอโทษอีกฝ่ายอีกที
“ขอโทษจริงๆนะครับ ไม่รู้หมู่นี้เป็นอะไร ถึงชอบกระโดดใส่แต่น้องดาว”
“สงสัยมันจะชอบหนูดาวแหงๆเลยพ่อว่า เพราะมันกระโดดนั่งทับอย่างเดียว เหมือนจะอ้อน ไม่ได้จะทำร้ายนา”คุณธรณ์ที่กำลังจะออกไปทำงานพอดีสันนิษฐาน ตรีทิพย์มองเจ้าตัวแสบที่นั่งลิ้นห้อยอยู่ข้างๆอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะเอากำปั้นยีหัวเจ้าจอมซน
“นี่แน่ะ! เห็นสาวๆเป็นไม่ได้เลยนะ ทีกับฉันล่ะหาเรื่องตลอด กับไอ้ดาวล่ะแหมอ้อนเชียวนะ ไอ้เจ้าชู้!...”ตรีทิพย์แกล้งสุนัขของพี่ชายจนพอใจแล้วก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ ร่างบางมองหน้าพี่ชายที่หันมาสบตาพอดี ก่อนจะพูดบางอย่างที่ทำให้พี่ชายแสนสุภาพถึงกับสะดุ้ง รีบมาล็อกคอน้องสาวแล้วลากไปคุยเป็นการส่วนตัว
“...หรือว่าเจ้านายแกสั่งให้อ้อนแทนฮะ โอ๊ย!ทำบ้าอะไรน่ะพี่ตฤณ”
“ก็แสดงความรักแบบพี่น้องไง มานี่มา พี่มีเรื่องจะคุยด้วย”ตฤณยิ้มหวานใส่น้อง ที่เริ่มจะหน้าซีดเพราะหายใจไม่ออก ก่อนจะลากไปหลังบ้านอย่างรวดเร็ว โดยมีสายตาสามคู่มองตามไปอย่างงงๆ
เมื่อลากน้องสาวมายังที่ที่ปลอดภัยสำหรับตัวเองแล้ว ชายหนุ่มจึงยอมปล่อยอีกฝ่ายที่ดิ้นมาตลอดทางให้เป็นอิสระ แล้วยืนมองตรีทิพย์พยายามสูดหายใจเข้าปอด เขารอจนกระทั่งยายน้องตัวแสบสูดอากาศจนพอใจแล้วจึงเริ่มเข้าเรื่อง
“พูดอะไรน่ะเมื่อกี้ แล้วก็ที่มองพี่แปลกๆตอนนั่งกินข้าวด้วย มีอะไร”
“ก็ไม่มีอะไร แค่สงสัยว่าทำไมพี่ตฤณถึงดูแปลกๆไป”
“พี่แปลกตรงไหน ไม่เห็นจะมีอะไรผิดปกติ”
“จะให้พูดใช่ป่ะ”
“แน่จริงก็พูดมา”ชายหนุ่มท้า เพราะคิดว่ายายตัวดีคงไม่รู้จริงแต่แล้วเขาก็ต้องคิดผิดเมื่ออีกฝ่ายร่ายยาวอย่างรู้ดี
“ได้! บอกตรงๆนะ ตอนแรกตาลก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ด้วยซ้ำ คิดว่าที่พี่ตฤณเที่ยวถามเรื่องของไอ้ดาวเยอะ เพราะว่าคิดว่าเป็นเพื่อนตาลและอยากรู้เรื่องของเพื่อนน้อง อย่างที่พี่ชายคนอื่นมักจะเป็น แต่เพิ่งมารู้ตัวว่าตาลคิดผิดก็เมื่อวาน...”หญิงสาวหยุดหายใจเล็กน้อย พร้อมกับยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นพี่ชายหน้าเครียดแล้วพูดต่อ
“...พี่ตฤณเล่นมองยายดาวตาเชื่อมซะขนาดนั้น แถมพี่ตฤณไม่เคยคุยกับผู้หญิงคนไหนด้วยท่าทางอ่อนโยนแบบนี้ ไม่ใช่ว่าพี่ทำหยาบค่ยกับคนอื่นๆนะ แต่พี่มักจะนิ่งซะจนคนที่เขาพยายามจีบต้องถอยทัพ แต่กับยายดาวพี่กับทำตรงกันข้าม นี่ไงความผิดปกติของพี่ที่ตาลมองออก ตาลก็เลยเดาเรื่องเองว่าพี่ต้องชอบยายดาว ไม่สิ คงรักเข้าให้แล้วใช่ไหม”ตรีทิพย์สรุปเองเสร็จสรรพ พร้อมกับจ้องหน้าพี่ชายอย่างคาดคั้น สุดท้ายเมื่อโดนจับได้ถึงขนาดนี้แล้ว ตฤณเลยได้แต่ถอนหายใจก่อนยอมรับ
“อืม พี่รักเพื่อนเราน่ะยายตาล”
“นั่นไง ว่าแล้วไม่ผิด แล้วอีกคำถามนะ ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็นรูปเมื่อตอนที่ตาลอยู่ปีสอง”
“โห! แล้วทำไมไม่บอก”ตรีทิพย์ตาโตเมื่อรู้สาเหตุแล้วว่าทำไมพี่ชายของเธอจึงไม่มีแฟนเลย นั่นก็เพราะว่าแอบรักเพื่อนเธอมานานแล้วนี่เอง
“บอกทำไม ตอนนั้นเขาก็คบกับคุณพัดยศแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ก็จริง เฮ้อ!มาตอนนี้อยากให้ย้อนเวลาได้จัง ไอ้ดาวจะได้มาคบกับพี่แทน พี่พัด เนี่ยยังไม่รู้เลยว่าจะบอกพี่พัดยังไง ตั้งอาทิตย์แล้วนะที่พี่พัดไปเมืองนอกน่ะ ไม่รู้จะกลับมาเมื่อไหร่”
“แล้วดาวเขาว่าไงบ้างเรื่องนี้”
“ไม่รู้สิพี่ ตอนนี้มันคงคิดแค่เรื่องที่บ้านอย่างเดียว เรื่องอื่นคงยังไม่คิด ความจริงพี่ก็ฉวยโอกาสตอนนี้ทำคะแนนเสียเลยสิ”หญิงสาวยุส่ง เลยได้มะเหงกกลับมาเป็นรางวัล
“ไม่เด็ดขาด!พี่ไม่ทำอย่างนั้นแน่ พี่จะไม่ยอมได้ชื่อว่าเป็นมือที่สามของใคร พี่จะจีบดาวเหนือจริงๆจังๆก็ต่อเมื่อเขาเลิกกับคนรักของเขาถาวรแล้วเท่านั้น เข้าใจนะ อย่าบอกใครพี่ขอร้อง”
“ไม่ต้องมาขอ ตาลดีใจที่พี่ของตาลไม่ใช่คนที่รักจนคิดอะไรไม่ได้นอกจากการแย่งชิง พี่ตฤณเชื่อเถอะว่าถ้ายายดาวมันเลิกกับพี่พัดแล้ว ตาลจะช่วยพี่ตฤณจีบมันเอง!”
----------------------------------------------------------------------
‘เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้’
พัดยศกดวางสายแล้วเริ่มโทรใหม่อีกครั้งที่หมายเลขเดิม แต่ผลที่ได้ก็เหมือนเดิมเช่นกัน ใบหน้าคมคายเริ่มบึ้ง เมื่อโทรหาคนรักสาวที่เขาแกล้งไม่ติดต่อหาตลอดเวลา 1 สัปดาห์ที่เขาต้องเดินทางไปดูงานที่ต่างประเทศเพื่อให้ทั้งเขาและเธอได้มีโอกาสใช้เวลาคิดทบทวนความสัมพันธ์ที่เริ่มจะคลอนแคลน โดยที่เขาเองก็รู้ตัวมาตลอด แต่ไม่อาจยอมรับความจริงได้เลยต้องขอหนีหน้าไปสักพัก
ตลอดเวลาที่อยู่ที่โน่นเขาได้นั่งคิดทบทวนและก็พบว่าไม่สามารถที่จะตัดใจจากหญิงสาวรุ่นน้องที่คบกันมานานได้ และตัดสินใจว่าไม่วางอย่างไรเขาก็จะทำทุกอย่างเพื่อให้อีกฝ่ายหันกลับมารักเขาจากใจจริงไม่ใช่เพราะแรงยุอย่างเช่นปัจจุบันนี้ให้ได้ และนับตั้งแต่เหยียบลงบนผืนแผ่นดินไทย เขาก็ได้โทรหาอีกฝ่ายทันทีแต่ดาวเหนือกลับปิดเครื่อง ทำให้เขาต้องหงุดหงิดอยู่อย่างนี้
พัดยศยืนนิ่งเพื่อจะตัดสินใจว่าจะเอาอย่างไรต่อ สุดท้ายร่างสูงก็ตัดสินใจเข็นรถเข็นออกไปยังทางออกเพื่อไปยังลานจอดรถที่เขาฝากเอาไว้ หางตาคมเหลือบไปเห็นร่างบอบบางของใครบางคุ้นที่ดูคุ้นตากำลังมองหาใครอยู่ ชายหนุ่มเลยเข็นรถไปยังทิศทางนั้นทันที
“น้องจันทร์ครับ”
พรายจันทร์ที่กำลังชะเง้อมองหาเพื่อนของพี่สาวตามรูปที่อยู่ในมือชะงักทันที ร่างบางตัวแข็งทื่อเมื่อได้ยินเสียงของชายหนุ่มผู้ซึ่งอยู่ในดวงใจของเธอตลอดมา หญิงสาวค่อยหันไปเผชิญหน้ากับเขาช้าๆ ก่อนจะส่งยิ้มทักทายเมื่ออีกฝ่ายส่งยิ้มมาพร้อมกับคำถาม
“มาทำอะไรที่นี่ครับ”
“จันทร์มารอรับเพื่อนพี่ตะวันค่ะ แล้วพี่พัดเพิ่งกลับมาเหรอคะ”
“ครับ นี่ก็กำลังจะไปหาน้องดาวที่บ้านพอดี...” ร่างสูงตอบพร้อมรอยยิ้ม แต่อาการดีใจที่ได้พบหน้าเขาของพรายจันทร์หดหายไปทันทีที่อีกฝ่ายพูดถึงน้องสาวคนเก่งของเธอที่หนีออกจากบ้านไปเมื่อวาน ร่างบางเตรียมตัวจะขอลาเพื่อที่จะได้ไม่ต้องตอบคำถามเรื่องของดาวเหนือเพราะกลัวจะเป็นเรื่องใหญ่มากไปกว่านี้ แต่แล้วสิ่งที่คิดไว้ก็ไม่เป็นจริงเพราะอีกฝ่ายถามถึงดาวเหนือขึ้นจริงๆอย่างที่กลัว
“...น้องจันทร์พอจะรู้ไหมครับว่าน้องดาวไปไหน แล้วทำไมต้องปิดเครื่อง หรือว่าเข้าป่าอีกแล้ว”ชายหนุ่มรัวคำถามมาเป็นชุด แน่ล่ะมาเจอพี่สาวของคนรักที่ยังติดต่อไม่ได้อย่างไม่คาดฝัน ก็ต้องซักกันหน่อย!
“เอ่อ จะ จันทร์ไม่รู้หรอกค่ะ จันทร์ต้องไปรับเพื่อนพี่ตะวันแล้ว”ร่างบางเตรียมตัวชิ่ง แต่ช้ากว่าร่างสูงที่ปราดมาดักหน้าแล้วถามเสียงเข้ม
“น้องดาวไปไหนครับ น้องจันทร์”
“เอ่อ คือว่า...”
“น้องจันทร์ครับ”
“ยายดาวทะเลาะกับน้าบุษ แล้วก็ออกจากบ้านไปตั้งแต่เมื่อคืนค่ะ มือถอก็ปิดจันทร์ก็เลยไม่รู้ว่ายายดาวไปอยู่ที่ไหน”สุดท้ายเมื่อเจอใบหน้าคมคายโน้มลงมาถามใกล้ หัวใจที่อ่อนอยู่แล้วก็ยิ่งละลายการเป็นน้ำไปเลยทันที พรายจันทร์เล่าเรื่องทั้งหมดให้อีกฝ่ายฟังตั้งแต่ต้น ตามที่บิดาของเธอได้เล่าให้ฟัง
พัดยศขบกรามเข้าหากันแน่น เมื่อนึกถึงใบหน้าของคนรักสาวที่คงจะเจ็บปวดมาก แต่ว่าเขาไม่มีโอกาสที่จะได้ดูแลหรือปลอบใจ หากเขากลับมาเร็วกว่านี้อีกหน่อย เขาคงจะได้พาเธอไปที่บ้านเขาแล้ว ไม่รู้ป่านนี้จะเตลิดไปไหน ยิ่งคิดก็ยิ่งกังวล สุดท้ายชายหนุ่มเลยเตรียมจะบอกลาพี่สาวของคนรักเพื่อไปตามหาดาวเหนือแทนที่จะกลับบ้านตามที่ตั้งใจ แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังคุยโทรศัพท์ท่าทางเคร่งเครียด
“พี่ตะวัน ไหงเป็นแบบนี้ล่ะ ทำไมไม่เช็คกับเพื่อนให้ดีเสียก่อน”พรายจันทร์โวยใส่พี่สาวที่อยู่ปลายสายอย่างหงุดหงิด เพราะนับจากที่เจอกับพัดยศไม่รวมก่อนหน้า เท่ากับว่าเธอมารอรับเพื่อนของพี่สาวนานถึงสามชั่วโมงแล้ว แต่ก็ไม่เห็นวี่แวว สุดท้ายเลยตัดสินใจโทรไปหาตะวันฉาย ปรากฏว่าอีกฝ่ายทำเสียงตกอกตกใจ ก่อนจะบอกกลับมาว่า
‘ตายแล้ว! ฉันลืมไปเลยว่าเพื่อนฉันมันเลื่อนเวลาเดินทางเป็นมะรืนนี้ ตายจริง ฉันลืมซะสนิทเลยล่ะ ยายจันทร์’
เท่านั้นล่ะปรอทความอดทนที่มีอยู่จำกัดก็แตกเพล้ง ทำให้ต้องโวยใส่แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่สะทกสะท้าน
“แกจะอะไรนักหนา ยายจันทร์ คนมันพลาดไปแล้วน่า ฉันไม่ได้ต้องใจสักหน่อย”
“แต่มันเปลืองนะพี่ตะวัน ค่ารถมันไม่ได้ถูกๆ”
“โอ๊ย!รำคาญ”ตะวันฉายร้องก่อนจะตัดสายไปดื้อๆ ทำเอาน้องสาวคนสวยได้แต่หัวเสียอยู่คนเดียว พัดยศที่รอจังหวะอยู่แล้วรีบพูดขึ้นทันที
“น้องจันทร์ครับ พี่จะกลับแล้ว แล้วนี่น้องจันทร์มายังไงครับ”
“จันทร์มาแท๊กซี่ค่ะ เผอิญรถที่บ้านต้องใช้งานทุกคันเลย...”หญิงสาวตอบก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ พร้อมบอกลา “...งั้นจันทร์ก็คงต้องไปแล้วเหมือนกันค่ะ สวัสดีค่ะพี่พัด”
ร่างบางเตรียมตัวหันหลังกลับ แต่ก็ต้องหยุดเดินเมื่อชายหนุ่มเรียกเอาไว้ด้วยประโยคที่ว่า
“เดี๋ยวพี่ไปส่งครับ น้องจันทร์”
“แต่ว่า...”แม้จะดีใจเกินบรรยายแต่ก็อดไม่ได้ที่จะเกรงใจ เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายรีบที่จะไปตามหาน้องสาวของตน คนรักของเขา พัดยศเข้าใจดีว่าอีกฝ่ายต้องการจะพูดอะไร จึงตัดบททันที
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกน้องจันทร์ พี่ส่งน้องจันทร์ก่อนแล้วค่อยไปทำธุระของพี่ต่อ ยังไงน้องจันทร์ก็เป็นพี่ของน้องดาว พี่จะปล่อยให้กลับแท๊กซี่ได้ไง”ร่างสูงส่งยิ้มละลายใจไปให้ พรายจันทร์ดีใจแต่ก็อดที่จะเจ็บแปลบไม่ได้เพราะไม่ว่ายังไงอีกฝ่ายก็ยังคงเห็นน้องเธอเป็นสำคัญอยู่ดี สุดท้ายร่างบางก็เลยตัดสินใจเดินตามเขาไปยังรถของเขาอย่างไม่อิดออด ถึงช่วงเวลาจะสั้นแต่แค่ได้อยู่ใกล้เขาก็ยังดี ไม่ว่าเขาจะพูดถึงเรื่องอะไร ถึงใคร และถึงแม้จะไม่มีเธออยู่ในบทสนทนาก็ตามที แต่เธอก็ยอม ขอแค่ได้อยู่ใกล้เขาก็พอ...
ร่างเพรียวในชุดแซกสายเดี่ยวสีดำ สวมทับด้วยเสื้อคลุมแขนยาวตัวสั้นแค่เอวสีขาว คอระหงมีสร้อยไข่มุกเส้นยาวเม็ดงามคล้องอยู่ หญิงสาวยืนพิงกำแพงมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างพึงพอใจ ริมฝีปากมีรอยยิ้มแต้มอยู่ มือเรียวถอดแว่นกันแดดสีชาออกจากใบหน้า ก่อนจะพูดกับตัวเองเบาๆ ดวงตาเป็นประกายกร้าว
“โง่อะไรอย่างนี้น้องฉัน ยายจันทร์ โง่ๆอย่างแกเป็นได้แค่หมากของฉันเท่านั้นแหละ ทั้งแก ทั้งพัดยศ พวกแกจะกลายมาเป็นหมากที่จะทำให้ฉันชนะนังดาวเหนือ มันจะต้องกระอักเลือดตาย คอยดู!”ตะวันฉายเดินออกไปยังลานจอดรถก่อนจะขึ้นรถของตนแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว
“แกจะกลับไปเอาของกี่โมงวะ โอ๊ย!แม่ตาลเจ็บนะ” ร่างบางของตรีทิพย์ลูบแขนที่โดนมารดาตีเพราะพูดไม่สุภาพป้อยๆ พลางทำตาน่าสงสาร แต่ไม่ได้ผล แถมพี่ชายกับบิดาที่นั่งทานข้าวต้มอยู่ด้วยกันก็ยังหัวเราะออกมา
“สมน้ำหน้าแล้วยายตาล รู้ทั้งรู้ว่าแม่เขาไม่ชอบคนพูดไม่เพราะก็ยังพูด”คุณธรณ์ว่าพลางหัวเราะอย่างสะใจที่ลูกสาวคนเล็กโดนทำโทษ ก่อนจะตักข้าวต้มเข้าปากอย่างมีความสุข ส่วนตฤณก็อมยิ้มน้อยๆแล้วแซวน้องสาวที่ต้องหาเรื่องให้โดนมารดาตีอยู่ทุกวัน
“หาเรื่องให้แม่ตีได้ทุกวันนะเรา ทำไม ถ้าไม่โดนตีนี่ทำงานไม่มีความสุขเหรอ”
“เงียบไปเลยพี่ตฤณ อย่าให้ตาลแฉนะ”ร่างบางชี้นิ้วใส่พี่ชาย พร้อมมองอย่างเจ้าเล่ห์ ทำเอาพี่ชายผู้มีชนัก(รัก)ปักหลังถึงกับต้องขยับแว่น ก่อนจะทานข้าวเข้าไปเงียบๆ ไม่ใช่ว่ากลัวแต่เขาไม่รู้ว่าอาการดีใจของเขาเมื่อวานมันจะแสดงออกมาให้ยายน้องตัวแสบระแคะระคายบางหรือเปล่า ยิ่งมาพูดแบบนี้ยิ่งต้องระวังไว้ก่อน เขายังไม่อยากจะไปเพิ่มเรื่องให้ดาวเหนือมากนัก
แม้อยากจะบอกความในใจให้รู้หากแต่ยังไม่ถึงเวลา ในเมื่อตัวเธอเองยังมีปัญหาทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องของคนรักที่ยังคาราคาซังอยู่ ในเมื่อเขารอมาได้ตั้งหลายปี รออีกหน่อยจะเป็นไรไป เมื่อคิดได้ดังนั้นนายสัตวแพทย์หนุ่มจึงกินข้าวไปด้วยอมยิ้มไปด้วยจนเป็นที่แปลกใจของทุกคนในครอบครัว รวมไปถึงอีกหนึ่งหญิงสาวที่ก้าวเข้ามาขอพึ่งพิงในยามนี้
ดาวเหนือแอบมองพี่ชายเพื่อนบ่อยๆตั้งแต่ที่อีกฝ่ายลงมาทานอาหารแล้ว เธอยอมรับว่าอีกฝ่ายมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เธอรู้สึกอยากอยู่ใกล้แบบที่ไม่เคยเกิดกับผู้ชายคนไหนมาก่อน ยกเว้นแต่บิดาที่เธอไม่เคยได้รับความรักนั้นเลย เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเป็นผู้ชายแบบไหน เพราะเพิ่งเจอเขาแค่ครั้งเดียวไม่นับที่เจอโดยบังเอิญอีกสองครั้ง แต่สิ่งที่เธอบอกได้ในตอนนี้ก็คือ อยากมีพี่น้องที่รักกันมากอย่างตรีทิพย์กับตฤณอย่างนี้ ไม่สิ!เธออยากให้ครอบครัวของเธออบอุ่นอย่างครอบครัวของเพื่อนรักมากกว่า...
“ดาว”
“หนูดาวลูก!”ร่างโปร่งสะดุ้งเมื่อมือของคุณตรีเนตรแตะลงที่ไหล่ หญิงสาวมองไปรอบๆโต๊ะอาหารก็พบว่าทุกคนต่างหยุดทานข้าวแล้วนั่งมองเธอแทน
“เป็นไรไปจ๊ะ”คุณตรีเนตรถามหญิงสาวที่เหมือนลูกสาวอีกคนของเธออย่างเป็นห่วงเพราะอีกฝ่ายเล่นนั่งนิ่งแถมเหม่ออีกต่างหาก
“เปล่าค่ะ ดาวไม่ได้เป็นอะไร แค่คิดอะไรนิดหน่อย”
“จริงๆนะจ๊ะ ถ้าหนูดาวมีเรื่องอะไรอยากจะเล่า อยากจะปรึกษา บอกแม่ได้ทุกเรื่องเลยนะลูก หนูก็เหมือนลูกสาวแม่คนหนึ่ง”คุณตรีเนตรลูบกลุ่มผมนุ่มอย่างเบามือ พร้อมส่งยิ้มอ่อนโยนไปให้ ทำเอาร่างโปร่งถึงกับน้ำตาคลอด้วยความตื้นตันใจ
“ขอบคุณมากๆค่ะ”
“แล้วตกลงคำตอบฉันล่ะ”ตรีทิพย์ถามย้ำอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเพื่อนเพิกเฉยต่อคำถามของเธอ ดาวเหนือหันกลับมาจ้องหน้าเพื่อนที่นั่งตรงข้าม นิ่งคิดเล็กน้อยก่อนตอบ
“คงจะบ่ายๆ คุณตะวันกับพ่อไม่อยู่บ้าน ที่เหลืออยู่คงห้ามฉันไม่ได้”
“เอางั้นเหรอ แต่แน่ใจนะว่าจะไม่ให้ฉันไปเป็นเพื่อน”ตรีทิพย์ถามย้ำอีกครั้ง แล้วก็ได้รับคำตอบเดิมกลับมา หญิงสาวจึงพยักหน้าหงึกหงักรับทราบก่อนจะตั้งหน้าตั้งทานข้าวต้ม เช่นเดียวกับคนอื่นๆ ดาวเหนือมองทุกคนเงียบ ก่อนที่สายตาจะไปปะทะกับร่างสูงที่นั่งนิ่งมองเธออยู่ก่อนแล้ว และเมื่อตาสบกันชายหนุ่มก็เป็นฝ่ายหลบตาไปหน้าตาตื่น หญิงสาวกระพริบตาปริบๆกับท่าทางของพี่ชายเพื่อน พลางคิดในใจว่าตนเองได้ไปทำอะไรอีกฝ่ายเอาไว้โดยไม่รู้ตัวหรือเปล่า
“ผมไปก่อนนะครับทุกคน”ชายหนุ่มรีบทานข้าวต้มตรงหน้าหมดด้วยความเร็วสูงอย่างไม่กลัวหมดมาดหนุ่มเนี้ยบ ซึ่งเป็นอะไรที่ผิดปกติเป็นอย่างมาก
“อ้าว!ทำไมไปเร็วจังเลยล่ะลูก ปกติแม่เห็นเปิดร้านเก้าโมง นี่เพิ่งจะ...”คุณตรีเนตรหันไปมองนาฬิกา ก่อนจะหันกลับมา “...แปดโมงกว่าเองลูก”
“ก็มีอะไรต้องจัดเตรียมอีกมากนี่ครับ ช่วงนี้ลูกจ้างเพิ่งจะลาออกไป”
“ไม่ประกาศหาคนใหม่ล่ะลูก คนเดียวเหนื่อยแย่เลย เจ้าสี่ขาพวกนั้นยิ่งซนๆอยู่ โดยเฉพาะเจ้าตัวแสบ”ผู้เป็นแม่บ่น พร้อมพยักเพยิดไปด้านนอกที่เจ้าเทอร์โบ สุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์รุ่นหนุ่มตัวโปรดของลูกชายกำลังฟัดลูกบอลของเล่นของตนไปมาบนสนามหญ้าหน้าบ้าน
“โอ๊ย!แม่ ไอ้แสบน่ะมันซนมหาซน ซนตัวเดียวน่ะอธิบายไม่พอหรอก”ตรีทิพย์เงยหน้าจากชามมาเสริมมารดา โดยมีบิดาและดาวเหนือพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ทำเอาเจ้าของสุนัขถึงกับมองน้องสาวตัวเองตาขวาง
“มันก็ซนพอๆกับเรานั่นแหละยายตาล พออยู่ด้วยกันนะก็คูณสองเข้าไปเลย”
“ไอ้พี่ตฤณบ้า!ไปทำงานเลยไป๊”ตรีทิพย์โวยวายใส่พี่ชายที่เดินเอามืออุดหูไปหน้าบ้าน ก่อนจะหันมาชวนเพื่อนที่นั่งอยู่เฉยๆเพราะทานข้าวเสร็จก่อนใคร
“ไปกันไอ้ดาว ขืนสายต้องไปนั่งฟังพี่เมืองบ่นอีก”
“อือ”
“อ้าว!จะไปไหนกันน่ะลูก”คุณตรีเนตรรีบถามลูกสาวแท้ๆกับลูกสาวร่วมโลกทันทีเมื่อได้ยินประโยคชักชวนของตรีทิพย์
“ไปทำงานจ๊ะแม่ วันนี้เห็นไอ้พี่เมืองบอกว่ามีโปรเจกต์ใหญ่ให้ทำ ต้องใช้ทั้งสถาปนิก ทั้งมัณฑนากร เห็นว่าเรียกมาทั้งบริษัทเลยทีเดียว”
“งั้นก็รีบไปรีบกลับกันนะ เย็นนี้แม่จะเตรียมอาหารอร่อยๆไว้ให้”
“ค่ะ”เสียงตอบรับจากทั้งสองสาวดังขึ้น เรียกรอยยิ้มพอใจให้แก่คุณตรีเนตรได้เป็นอย่างดี ดาวเหนือเดินนำออกไปที่หน้าบ้าน แล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นคนที่ควรจะไปเปิดคลีนิครักษาสัตว์ที่ตั้งอยู่หน้าปากซอยบ้านหลังนี้ตั้งแต่เมื่อกี้กลับนั่งอยู่ที่ยกพื้นหน้าบ้าน โดยมีเจ้าตัวแสบขนสีทองวิ่งคาบลูกบอลหน้าเริ่ดมาหา และเมื่อเจ้าเทอร์โบเห็นหญิงสาวก็ทิ้งลูกบอลแล้วกระโจนเข้ามาหาทันที
ดาวเหนือล้มลงเมื่อเจ้าตัวแสบกระโดดทับเหมือนครั้งก่อน แต่ต่างกันตรงที่คราวนี้เธอล้มทับร่างสูงที่มาอยู่ด้านหลังเมื่อไหร่ไม่รู้แทน ตฤณกอดเอวร่างโปร่งเอาไว้พร้อมกับใช้ตัวเองรับแรงกระแทกแทนหญิงสาว ส่วนเจ้าสี่ขาตัวต้นเหคชตุก็ยังคงปักหลักนั่งอยู่บนตัวเธอ ราวกับเธอเป็นที่นั่งของเจ้าตัว!
“รถใครรถมันนะไอ้ดาว เดี๋ยวแกจะได้ขับกลับไปเอาของเลย เฮ้ย! ไอ้เทอร์โบลงมาเดี๋ยวนี้นะ”ตรีทิพย์ที่เดินไปหากุญแจรถไปร่ายยาว ก่อนจะร้องโวยวายเมื่อเห็นสภาพเหล่าบุคคลที่อยู่หน้าบ้าน
“แล้วจะยืนโวยวายเฉยๆทำไมล่ะยายตาล มาลากเจ้าแสบลงไปที”ตฤณบอกน้องสาวเสียงห้วน เพราะเขาต้องรับน้ำหนักถึงสองเท่า ไม่หนักก็คงไม่ใช่คน!
ตรีทิพย์รีบวางของลงก่อนจะเข้าไปดึงปลอกคอของเจ้าเทอร์โบให้ลงมาจากตัวของเพื่อนสาว ซึ่งเมื่อโดนบังคับเจ้าตัวแสบก็ยอมเดินลงแบบไม่เต็มใจ ฝ่ายดาวเหนือเมื่อเจ้าตัวแสบลุกไปแล้วก็เตรียมจะลุกบ้าง แต่ก็ทำไม่ได้เมื่อมือหนาของเขายังคงรัดเอวเอาไว้อย่างเหนียวแน่น
“เอ่อ พี่ตฤณ ปล่อยดาวได้แล้ว เทอร์โบลุกออกไปแล้ว”
“ฮะ อ่อ โทษทีครับ”ชายหนุ่มรีบปล่อยมืออกแล้วชูสองแขน ดาวเหนือรีบลุกออกไป เช่นเดียวกับตฤณที่ลุกขึ้นยืน ร่างสูงขยับเสื้อ ขยับแว่นของตนให้เข้าทีก่อนจะขอโทษอีกฝ่ายอีกที
“ขอโทษจริงๆนะครับ ไม่รู้หมู่นี้เป็นอะไร ถึงชอบกระโดดใส่แต่น้องดาว”
“สงสัยมันจะชอบหนูดาวแหงๆเลยพ่อว่า เพราะมันกระโดดนั่งทับอย่างเดียว เหมือนจะอ้อน ไม่ได้จะทำร้ายนา”คุณธรณ์ที่กำลังจะออกไปทำงานพอดีสันนิษฐาน ตรีทิพย์มองเจ้าตัวแสบที่นั่งลิ้นห้อยอยู่ข้างๆอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะเอากำปั้นยีหัวเจ้าจอมซน
“นี่แน่ะ! เห็นสาวๆเป็นไม่ได้เลยนะ ทีกับฉันล่ะหาเรื่องตลอด กับไอ้ดาวล่ะแหมอ้อนเชียวนะ ไอ้เจ้าชู้!...”ตรีทิพย์แกล้งสุนัขของพี่ชายจนพอใจแล้วก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ ร่างบางมองหน้าพี่ชายที่หันมาสบตาพอดี ก่อนจะพูดบางอย่างที่ทำให้พี่ชายแสนสุภาพถึงกับสะดุ้ง รีบมาล็อกคอน้องสาวแล้วลากไปคุยเป็นการส่วนตัว
“...หรือว่าเจ้านายแกสั่งให้อ้อนแทนฮะ โอ๊ย!ทำบ้าอะไรน่ะพี่ตฤณ”
“ก็แสดงความรักแบบพี่น้องไง มานี่มา พี่มีเรื่องจะคุยด้วย”ตฤณยิ้มหวานใส่น้อง ที่เริ่มจะหน้าซีดเพราะหายใจไม่ออก ก่อนจะลากไปหลังบ้านอย่างรวดเร็ว โดยมีสายตาสามคู่มองตามไปอย่างงงๆ
เมื่อลากน้องสาวมายังที่ที่ปลอดภัยสำหรับตัวเองแล้ว ชายหนุ่มจึงยอมปล่อยอีกฝ่ายที่ดิ้นมาตลอดทางให้เป็นอิสระ แล้วยืนมองตรีทิพย์พยายามสูดหายใจเข้าปอด เขารอจนกระทั่งยายน้องตัวแสบสูดอากาศจนพอใจแล้วจึงเริ่มเข้าเรื่อง
“พูดอะไรน่ะเมื่อกี้ แล้วก็ที่มองพี่แปลกๆตอนนั่งกินข้าวด้วย มีอะไร”
“ก็ไม่มีอะไร แค่สงสัยว่าทำไมพี่ตฤณถึงดูแปลกๆไป”
“พี่แปลกตรงไหน ไม่เห็นจะมีอะไรผิดปกติ”
“จะให้พูดใช่ป่ะ”
“แน่จริงก็พูดมา”ชายหนุ่มท้า เพราะคิดว่ายายตัวดีคงไม่รู้จริงแต่แล้วเขาก็ต้องคิดผิดเมื่ออีกฝ่ายร่ายยาวอย่างรู้ดี
“ได้! บอกตรงๆนะ ตอนแรกตาลก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ด้วยซ้ำ คิดว่าที่พี่ตฤณเที่ยวถามเรื่องของไอ้ดาวเยอะ เพราะว่าคิดว่าเป็นเพื่อนตาลและอยากรู้เรื่องของเพื่อนน้อง อย่างที่พี่ชายคนอื่นมักจะเป็น แต่เพิ่งมารู้ตัวว่าตาลคิดผิดก็เมื่อวาน...”หญิงสาวหยุดหายใจเล็กน้อย พร้อมกับยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นพี่ชายหน้าเครียดแล้วพูดต่อ
“...พี่ตฤณเล่นมองยายดาวตาเชื่อมซะขนาดนั้น แถมพี่ตฤณไม่เคยคุยกับผู้หญิงคนไหนด้วยท่าทางอ่อนโยนแบบนี้ ไม่ใช่ว่าพี่ทำหยาบค่ยกับคนอื่นๆนะ แต่พี่มักจะนิ่งซะจนคนที่เขาพยายามจีบต้องถอยทัพ แต่กับยายดาวพี่กับทำตรงกันข้าม นี่ไงความผิดปกติของพี่ที่ตาลมองออก ตาลก็เลยเดาเรื่องเองว่าพี่ต้องชอบยายดาว ไม่สิ คงรักเข้าให้แล้วใช่ไหม”ตรีทิพย์สรุปเองเสร็จสรรพ พร้อมกับจ้องหน้าพี่ชายอย่างคาดคั้น สุดท้ายเมื่อโดนจับได้ถึงขนาดนี้แล้ว ตฤณเลยได้แต่ถอนหายใจก่อนยอมรับ
“อืม พี่รักเพื่อนเราน่ะยายตาล”
“นั่นไง ว่าแล้วไม่ผิด แล้วอีกคำถามนะ ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็นรูปเมื่อตอนที่ตาลอยู่ปีสอง”
“โห! แล้วทำไมไม่บอก”ตรีทิพย์ตาโตเมื่อรู้สาเหตุแล้วว่าทำไมพี่ชายของเธอจึงไม่มีแฟนเลย นั่นก็เพราะว่าแอบรักเพื่อนเธอมานานแล้วนี่เอง
“บอกทำไม ตอนนั้นเขาก็คบกับคุณพัดยศแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ก็จริง เฮ้อ!มาตอนนี้อยากให้ย้อนเวลาได้จัง ไอ้ดาวจะได้มาคบกับพี่แทน พี่พัด เนี่ยยังไม่รู้เลยว่าจะบอกพี่พัดยังไง ตั้งอาทิตย์แล้วนะที่พี่พัดไปเมืองนอกน่ะ ไม่รู้จะกลับมาเมื่อไหร่”
“แล้วดาวเขาว่าไงบ้างเรื่องนี้”
“ไม่รู้สิพี่ ตอนนี้มันคงคิดแค่เรื่องที่บ้านอย่างเดียว เรื่องอื่นคงยังไม่คิด ความจริงพี่ก็ฉวยโอกาสตอนนี้ทำคะแนนเสียเลยสิ”หญิงสาวยุส่ง เลยได้มะเหงกกลับมาเป็นรางวัล
“ไม่เด็ดขาด!พี่ไม่ทำอย่างนั้นแน่ พี่จะไม่ยอมได้ชื่อว่าเป็นมือที่สามของใคร พี่จะจีบดาวเหนือจริงๆจังๆก็ต่อเมื่อเขาเลิกกับคนรักของเขาถาวรแล้วเท่านั้น เข้าใจนะ อย่าบอกใครพี่ขอร้อง”
“ไม่ต้องมาขอ ตาลดีใจที่พี่ของตาลไม่ใช่คนที่รักจนคิดอะไรไม่ได้นอกจากการแย่งชิง พี่ตฤณเชื่อเถอะว่าถ้ายายดาวมันเลิกกับพี่พัดแล้ว ตาลจะช่วยพี่ตฤณจีบมันเอง!”
----------------------------------------------------------------------
ไอจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 เม.ย. 2554, 22:15:24 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 เม.ย. 2554, 22:15:24 น.
จำนวนการเข้าชม : 1781
<< ตอนที่ 8 | ตอนที่ 10 >> |