กรรมสิทธิ์หัวใจ
“แล้วทำไมหนูถึงต้องทำตามที่คุณพีต้องการทุกอย่างด้วยเล่า!”

วริณสิตาตะโกนก้อง ราวกับจะร้องเพื่อปลดปล่อยอารมณ์ร้อนที่สุมในใจ สาวน้อยหารู้ไม่ ว่าการกระทำนั้นทำให้ดวงตาคมปลาบเบิกขึ้นสว่างวาบ

พีรพัฒน์ตวัดต้นแขนเล็กที่จับไว้ในมือให้ถลาเข้ามา กระซิบเย็นเยียบ หน้าเกือบประชิดหน้า

“เพราะเธอ คือ ‘กรรมสิทธิ์’ ของฉันไงล่ะวริณสิตา!”

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 34

ตอนที่ ๓๔

แสงไฟหน้ารถที่สาดกระทบเข้ามาหน้ารั้วประตูอัลลอยด์ของบ้านทำให้ทั้งนางบัวศรีและนายก้านต่างก็ดีดตัวลุกพรึบจากบันไดหินอ่อนทันที

“นั่นไงๆ มาแล้วใช่ไหมยายศรี กดเปิดประตูเร็วๆซี เร็วเข้า” คนขับรถวัยหกสิบหกปีเร่งทันใด ด้วยรถที่จ่อรอจะเข้ามาภายในและประโยคเร่งเร้าก็ทำให้นางบัวศรีกระวีกระวาดกดรีโมตเปิดประตูรั้วให้พร้อมๆกับที่สองขาก็พาร่างตุ้ยนุ้ยเดินลงบันไดมายืนรออยู่ด้วยความร้อนรน

เพราะเกือบชั่วโมงแล้วที่เฝ้ารออย่างกระวนกระวาย ใจนั้นคิดไปได้แต่เรื่องร้ายเป็นร้อยแปดจนแทบนั่งไม่ติด! แต่ทว่า...

“ไม่ใช่รถคุณพีนี่หว่ายายศรี”

“ฮะ! จริงเรอะ” และเมื่อเห็นชัดว่ารถคันที่แล่นเข้ามานั้นไม่ใช่รถของผู้มีศักดิ์เป็นนายแห่งบ้านสุริยะธาดา นางบัวศรีก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เสียให้ได้!

แต่แล้วเมื่อรถคันนั้นจอดสนิทพร้อมร่างบางคุ้นตาของสาวน้อยคนที่นางเฝ้าคอยการกลับอย่างร้อนใจเปิดประตูลงมา นางบัวศรีก็หายใจเฮือกแล้วถลันไปหาทันที

“เจ้าจิ๊บ!” แม่บ้านวัยหกสิบห้าถลาเข้าไปคว้าวริณสิตามากอดด้วยความโล่งใจ “เฮ้อ! เป็นยังไงบ้างเนี่ยลูกฮึ ไปไหนมา ป้าเป็นห่วงแทบบ้านะ”

คนถูกกอดได้แต่กะพริบตา พยายามกลืนก้อนแข็งๆที่ขึ้นมาจุกในคอยามเมื่อนางบัวศรีลูบเนื้อลูบเธอด้วยความห่วง กับลุงก้านที่ขนาดดึกดื่นเที่ยงคืนแล้วก็มายืนข้างๆคอยอยู่

“ป้า...” วริณสิตาเสียงเครือ พูดอะไรไม่ออก

“เฮ้อ...ไปถึงไหนต่อไหนมาเนี่ยลูก ทำไม่โทร.หาป้าสักคำหืม?”

แต่ทว่า...

“พวกลุงกับป้าเป็นห่วงจิ๊บด้วยเขาหรือครับ” เสียงห้าวๆถามดังขึ้นจากประตูรถฝั่งตรงข้าม เด็กหนุ่มที่เพิ่งเปิดประตูรถออกมาดูสีหน้าจริงจังเครียดจัด

“เป็นห่วง แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ได้” การนนท์ถาม ปิดประตูรถลงเสียงดังปัง แน่ล่ะ! นางบัวศรีเองก็จำสีหน้าและแววตาแบบนี้ได้ แบบที่ทรงอำนาจ มีพลังเฉกเช่นเดียวกับวันที่เขาบัญชาการช่วยเหลือเมื่อวริณสิตาโดนแก้วบาดนั่นล่ะ!

“เอ่อ...” ทั้งนางบัวศรีและนายก้านต่างพูดไม่ออก และการนนท์ก็เหมือนจะกรุ่นขึ้นเรื่อยกับอาการอึกอักของคนถูกถาม

“ว่ายังไง” เขาสาวเท้าเข้ามาหา “เป็นห่วง แล้วป้ากับลุงรู้บ้างไหมว่าจิ๊บต้องเจออะไรกับการถูกปล่อยให้หาทางกลับบ้านเอง!” เด็กหนุ่มชี้ไปยังกระเป๋าผ้ารูโหว่เบ้อเริ่มที่วริณสิตาถือไว้ไม่ยอมห่าง ยิ่งเห็นอย่างนั้นนางบัวศรียิ่งทำอะไรไม่ถูก ต้องคว้าตัววริณสิตามากอดอีกหน

“โธ่! ลูกเอ้ย” นางนั้นบอกไม่ถูก ตอบไม่ได้ เพราะพวกตัวเองก็ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องเลยจริงๆ!
การนนท์ยิ่งดูหงุดหงิดขึ้นไปอีก เด็กหนุ่มเหลียวซ้ายแลขวา

“แล้วนี่ ตัวต้นเหตุไปไหนซะล่ะ ไม่เห็นออกมาดูว่าจิ๊บเป็นไง รึว่าหลับสบายในห้องข้างบนไปแล้ว”

“การนนท์!” วริณสิตาตกใจกับอารมณ์แรงๆของเพื่อน แต่หนุ่มน้อยไม่สนหรอก การนนท์หันมาบอก

“ขอโทษนะจิ๊บ แต่นาทีนี้เราคงไม่มีสัมมาคารวะหรือเกียรติอะไรจะให้กับไอ้ผู้ใหญ่ที่ทำตัวเป็นผู้ปกครองได้ห่วยสุดๆแบบนี้หรอก! วันนี้เราจะคุยกับเขาให้รู้เรื่องเลย!”
ใช่! การนนท์ตั้งใจแน่วแน่ว่าคืนนี้เขาจะคุยเรื่องของวริณสิตากับไอ้ผู้ปกครองบ้าๆนั่นให้ชัดแจ้ง! แล้วแสงไฟหน้ารถที่สาดเข้ามาพร้อมกับรถยุโรปคันใหญ่ที่พุ่งปราดเข้ามาในบ้านสุริยะธาดาอีกครั้งทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต้องหันมอง และทันทีที่รถจอดสนิท ร่างสูงใหญ่ของพีรพัฒน์ก็พรวดพราดลงมา

“วริณสิตา!”

“อ้อ! มาแล้วหรือ”

แต่สาวน้อยคว้ามือการนนท์ไว้ทันที

“การนนท์...อย่า...” วริณสิตาว่า ส่ายหน้าน้อยๆเชิงร้องขอ แววตาอ่อนล้า เพราะไม่ว่าสิ่งที่การนนท์กำลังจะทำหรือจะพูดนั้นจะมีสาเหตุมาจากความโกรธเคืองแทนเธอก็ตาม แต่คืนนี้เหตุการณ์หนักๆมันประดังเข้ามาจนวริณสิตาไม่อยากพบปัญหาทุ่มเถียงกันอันใดอีกแล้ว

“ได้โปรด...อย่า...”

หนุ่มน้อยนิ่งอั้นไปทันใด! เม้มริมฝีปากเข้าหากันอย่างคนอัดอั้นก่อนตัดสินใจสะบัดหน้าแล้วกระแทกลมหายใจออกมาพรืดใหญ่!

“จิ๊บยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่ตอนเย็น ช่วยดูแลจิ๊บแทนผมด้วยนะป้า ผมไปล่ะ!” ว่าเสร็จการนนท์ก็คว้าประตูรถตัวเองเปิดออก เหวี่ยงตัวเข้าไปนั่งด้านในก่อนกระแทกประตูปิดลงแล้วทะยานรถวนรอบน้ำพุกลับออกไปราวพายุไม่มีผิด!

และแล้วทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบทันที เมื่อเหลือแค่เฉพาะคนในบ้านสุริยะธาดาอยู่ตรงนั้นก็ดูจะไม่มีใครกล้าพอเอ่ยอะไรออกมาเลย กระทั่งตัววริณสิตาเองจำเป็นต้องเอ่ย

“เรา...เข้าไปในบ้านกันเถอะนะจ๊ะป้า” ตลอดเวลาสาวน้อยไม่เหลียวไปทางผู้ปกครองสักนิด สิ่งนั้นสร้างบรรยากาศอึดอัดจนแม้แต่ใครก็หายใจแทบไม่ออก เพราะงั้นนางบัวศรีจึงกระวีกระวาด

“เอ่อ...เอ้า...ไปๆลูก ยังไม่ได้กินข้าวกินปลาใช่มั้ย ไปเถอะ เดี๋ยวป้าจะหาให้ ขวัญเอ้ยขวัญมานะ” แล้วนางบัวศรีก็เดินโอบวริณสิตาเข้าไปด้านใน เมื่อผ่านห้องอาหาร นางบัวศรีก็จัดแจงบอก

“เดี๋ยวเข้าไปนั่งรอก่อนนะลูก เดี๋ยวป้าจะไปจัดสำรับกับข้าวมาให้” แต่ทว่า...

“ไม่ต้องหรอกจ้ะ จิ๊บ...ขอไปกินในครัวได้ไหมจ๊ะ” วริณสิตาบอก

“ฮะ...เอ่อ...” นางบัวศรีอึกอัก หันไปมองผู้ปกครองที่เดินตามมาอยู่ด้านหลังด้วย แต่เมื่อไม่เห็นเขาพูดอะไรสักอย่างนางก็ไม่รู้จะทำอย่างไร นางเข้าใจว่าเด็กสาวคงรู้สึกไม่ดีมากๆอยู่ที่ต้องเผชิญเหตุการณ์อย่างนั้นและคงยังไม่ต้องการจะเผชิญหน้ากับ...

กับคนที่คงต้องยอมรับล่ะ ว่าเขาเป็นต้นเหตุ!

“ดะ...ได้ ได้สิลูก! กินในครัวก็ในครัว” นางบัวศรีตอบแล้วพาวริณสิตาเข้าไปที่ครัวแทน ที่นั่นนายก้านนั้นเข้ามาถึงก่อนแล้วเพราะเป็นที่สำหรับการพูดคุยถกเถียงกันด้วยเรื่องต่างๆเป็นประจำอยู่แล้ว

“นี่ตาก้าน ขยับหน่อยซิ หาที่ให้เจ้าจิ๊บนั่งกินข้าวหน่อย” นางบัวศรีส่งเสียงสั่งซึ่งนายก้านก็เต็มใจ
ไปลากเก้าอี้มาเพิ่มให้วริณสิตาตรงโต๊ะกินข้าวทันที

วริณสิตาทรุดตัวลงนั่ง ดวงหน้าน้อยๆนั้นจ๋อยสนิทเมื่อในที่สุดก็ยอมวางกระเป๋าผ้าของตัวเองลงบนโต๊ะ รอยกรีดที่เห็นเป็นทางยาวบนกระเป๋านั่นทำให้ทั้งนายก้านและนางบัวศรีหน้าไม่ดีเอาเสียเลย

“มันเกิดอะไรขึ้นล่ะลูก หืม?” นางบัวศรีเอ่ยถามเมื่อวางจานข้าวกับสำรับให้วริณสิตาพร้อมๆกับที่นางก็ทรุดตัวนั่งลงข้างๆเธอ ส่วนนายก้านก็นั่งลงฝั่งตรงข้ามเป็นเพื่อนกันด้วย

วริณสิตาเงยขึ้น กะพริบตามองหน้าคนสูงวัยกว่าทั้งสอง

“จิ๊บ...หลงทางน่ะจ้ะ แล้วก็...กระเป๋าสตางค์หายไป คงถูกกรีด...ตอนที่อยู่บนรถเมล์” วริณสิตาตอบ ก้มหน้าหรุบตาลงต่ำอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงคราง ‘โธ่! ลูกเอ้ย’ ของนางบัวศรี มันชัดแจ้งแล้วว่าทั้งป้าบัวศรีและลุงก้านต่างก็เป็นห่วงเธอ แต่กระนั้น...ก็ยังมีอีกอย่างที่เธอต้องการคำยืนยัน

“ลุง...” ในที่สุด วริณสิตาก็ตัดสินใจ “ทำไมวันนี้ลุงถึงไม่ไปรับจิ๊บที่มหาวิทยาลัยล่ะจ๊ะ”

แม้คิดว่าตัวเองนั้นรู้คำตอบดีแล้วก็ตามแต่เธอก็ยังถาม นายก้านทำหน้าเลี่ยนๆลำบากใจ

“เอ่อ ก็...ไฮ้! ไอ้ลุงก็ไม่รู้จะพูดยังไง ยายศรี แกอธิบายซิ”

คนถูกโบ้ยมาถอนใจเฮือกใหญ่

“ก็คุณพีเขาโทร.มาบอกว่าเขาจะเป็นคนไปรับเจ้าเองน่ะซีตาก้านถึงได้ไม่ไป แต่ไอ้ตานี้มันเกิดอะไรขึ้นมาลุงกะป้าก็ไม่รู้ จะมารู้ว่าเขาไม่ได้ไปรับเจ้าก็เมื่อตอนที่เขากลับมานั่นแหละ”

“งั้นหรือจ๊ะ...” วริณสิตาพึมพำ “เป็นอย่างนี้เอง...”

หัวใจสาวน้อยสั่นๆเมื่อท้ายสุดก็แน่ใจได้แล้ว...ว่าที่เธอคิดไว้นั้น...ไม่ผิดไปเลย

เขาเป็นคนสั่งให้ไม่ต้องไปรับ และเขา...ก็ตัดสินใจไม่ไปรับเอง...

“แต่คุณพีเขาก็เป็นห่วงเจ้ามากนะ” นางบัวศรีรีบว่า “พอรู้ว่าเจ้ายังไม่กลับมา เขาก็รีบบึ่งรถออกไปตามหาเจ้าเลย แต่...เฮ้อ!” คนพูดนั้นต้องพ่นลมหายใจออกมาก่อนเอ่ยต่อไปอย่างอึดอัดว่า

“แต่ไอ้ที่เขาบอกว่าให้เลขาฯโทร.มาบอกแล้วเนี่ย ป้าไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์สักกริ๊งเดียวเลยจริงๆ ให้ไปสาบานกะพระกะเจ้าที่ไหนก็” แต่ไม่ทันที่นางบัวศรีจะได้สบถสาบานกันจนครบนางก็ต้องชะงัก ปากหุบลงฉับเพราะร่างสูงใหญ่ที่ก้าวเข้ามา

“วริณสิตา” เขาเอ่ยเรียก แต่คนถูกเรียกนั้นตัวแข็ง เด็กสาวไม่หันไปมอง

ไม่ แม้แต่แค่นิดก็เถอะ! สิ่งนั้นสร้างบรรยากาศที่แสนหนักอึ้งให้ตกหนักอยู่รอบกายจนนางบัวศรีและนายก้านต้องขยับลุกออกไปจากห้องครัวและทิ้งคู่กรณีเอาไว้ด้วยกัน

ผู้ปกครองหนุ่มก้าวเข้ามา ที่จริง...เขานั้นยืนฟังทุกอย่างที่ประตูอยู่ตั้งแต่ต้น และยิ่งได้เห็นสภาพ...เด็กในปกครอง...ที่ต้องไปหลงทาง กระเป๋าสตางค์หายเพราะกระเป๋าสะพายโดนกรีดจนวิ่นและสุดท้ายถึงได้กลับมานั่งกินข้าวเย็นตอนตีหนึ่ง พีรพัฒน์รู้สึกเสียยิ่งกว่าความหนักอึ้งในหัวใจ!

แค่ดูแลให้เด็กที่ไร้ญาติขาดมิตรคนหนึ่งได้รู้สึกปลอดภัยเขายังทำไม่ได้! นี่น่ะหรือความสามารถในการเป็น ‘ผู้ปกครอง’ ของเขา!

ชายหนุ่มขบกรามจนแน่น มองเด็กสาวที่ไม่มีแม้แต่น้ำตาให้เขาได้เห็นสักหยด!

ใช่! ไม่มีแม้แต่หยด!

แต่เขาก็รู้ ว่าหลังภายใต้ภาพความเข้มแข็งที่สาวน้อยสร้างขึ้นมาความรู้สึกแท้จริงของเด็กคนนี้จะหนักหนาขนาดไหน...พีรพัฒน์ฝืนกลืนน้ำลายที่ฝืดเหนียวลงไปในคออย่างยากเย็นเมื่อต้องการเค้นคำพูดบางอย่างออกกมา

“ฉัน...ขอโทษวริณสิตา ต่อไป...ฉันจะไม่ยอมให้มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้อีก ฉันสัญญา!”

ใช่! สำหรับเรื่องนี้ เขาต้องหาให้ได้ว่าความผิดพลาดร้ายแรงมันเกิดขึ้นมาได้ยังไงกัน!?
........................
สวัสดีค่ะ

กลับมาแล้ว...

อือ...ก่อนอื่นก็คงต้องบอกขอโทษกับคนอ่านอีกสัก...หลายๆครั้งนะคะที่หายไปนาน สำหรับตอนนี้ถามว่าปกติดีมั้ย ก็คงตอบได้ว่ายังไม่ปกติหรอกค่ะ (๕๕๕ ยอมรับกันง่ายๆมันแบบนี้แหละ เพราะก็มีแค่นางเอกในนิยายเท่านั้นที่ปากแข็ง คนแต่งตัวจริงนี่ ปวกเปียกอ่อนไหวมั่กๆ เหอๆ) แต่มันก็ดีขึ้นระดับหนึ่งแล้วนะคะกลับมาปั่นนิยายได้เนี่ย ก็...พยายามจะกลับไปเป็นคนเดิมให้จงได้ ก็...สู้ๆค่ะ ขอบคุณทุกกำลังใจนะคะ

แล้วพบกันใหม่ตอนหน้าค่ะ



ปาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 พ.ย. 2554, 23:14:40 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 พ.ย. 2554, 23:14:40 น.

จำนวนการเข้าชม : 4300





<< ตอนที่ 33   ตอนที่ 35 >>
minafiba 28 พ.ย. 2554, 00:13:12 น.
ยินดีต้อนรับกลับมานะคะ สู้ สู้


sai 28 พ.ย. 2554, 00:17:41 น.
รีเฟรชแล้วเจอ แอบตกใจ แต่ก็ดีใจนะค่ะที่ได้อ่านต่อ

ปล.สู้ๆนะค่ะไรเตอร์ ไม่มีใครดูแลเราได้ดีเท่าตัวเราเอง เพราะเรารู้จักตัวเองมากที่สุดค่ะ


mottanoy 28 พ.ย. 2554, 00:39:21 น.
สู้ๆๆๆๆๆ


วาดจันทร์ 28 พ.ย. 2554, 01:46:31 น.
อย่าลืมให้กำลังใจตัวเองด้วยนะจ๊ะไรเตอร์
สู้ๆ ^ ^v
ยินดีต้อนรับกลับมาอีกครั้งค่ะ


Pampam 28 พ.ย. 2554, 03:15:38 น.
ขอบคุณมากค่ะที่มาอัพให้อ่าน เป้นกำลังใจให้นะคะ


minieminnie 28 พ.ย. 2554, 08:16:12 น.
สู้ ๆ ค่ะ รออ่านเสมอค่ะ


แพม 28 พ.ย. 2554, 09:03:35 น.
ยัยรัก! แหม...น่าจะปล่อยให้การนนท์วีนซักหน่อย


panon 28 พ.ย. 2554, 09:38:00 น.
ยินดีต้อนรับกลับมาค่ะ ดูแลตัวเองด้วยนะค่ะ


บัวขาว 28 พ.ย. 2554, 10:22:51 น.
เป็นกำลังใจให้นะคะ ไม่ว่าจะกำลังเผชิญกับปัญหาอะไร ... (คิดว่า) เข้าใจค่ะ ... อดทนนะคะ
=^_^=


lovemuay 28 พ.ย. 2554, 10:30:20 น.
ไปกำลังใจให้ไรเตอร์นะคะ สู้ๆค่ะ


anOO 28 พ.ย. 2554, 10:41:57 น.
คุณพี อย่าลืมหาต้นตอของคนทำผิดครั้งนี้ด้วยนะ

เป็นกำลังใจให้กันต่อไปค่ะ กลับมาเป็นคนเดิมไวๆ นะค่ะ
จะเจ็บจะช้ำสักเท่าไร อีกไม่นานเดี๋ยวมันก็ผ่านไป


nunoi 28 พ.ย. 2554, 11:48:37 น.
สู้ๆๆ นะคะไรเตอร์ เป็นกำลังใจให้ค่ะ


นมเย็นน้ำเขียว 28 พ.ย. 2554, 12:36:27 น.
เย้ๆๆ ไรท์เตอร์กลับมาเเล้ว สู้ๆต่อไปนะคะ


pattisa 28 พ.ย. 2554, 17:25:57 น.
มาแล้วเย่ :)


ลูกกวาดสีส้ม 28 พ.ย. 2554, 17:50:16 น.
ยัยรักเนี่ยต้องเปลี่ยนชื่อเป็นยัยน่าชังซะแล้วหล่ะค่ะ *&*


SaiParn 28 พ.ย. 2554, 21:45:14 น.
เปิดมาเจอดีใจมากเลยค่ะ สู้ สู้นะคะวันเวลาจะช่วยเราได้ไม่ว่าสิ่งที่เราเจอจะร้ายแรงอย่างไร กำลังใจสำคัญค่ะ

เป็นกำลังใจให้ผ่านช่วงเวลาเหล่านี้ไปได้ด้วยดีจ้า...


Pat 29 พ.ย. 2554, 06:33:20 น.
มาพอให้หายคิดถึง ขอบคุณค่ะ สู้สู้ ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าวค่่ะ


ใบบัวน่ารัก 29 พ.ย. 2554, 08:23:50 น.
ดาวพระศุกร์.โดนแกล้ง
สู้เค้านะ ยังไงพระเอกก็ปัญญาอ่อน โง่อยู่ดี


คุณแม่ลูกสอง 29 พ.ย. 2554, 13:57:06 น.
กลับมาเร็วๆนะคะ รออยู่เสมอค่ะ ^_^


SaiParn 29 ธ.ค. 2554, 22:22:03 น.
รอเรื่องนี้อยู่นะคะ


ปาริน 6 ม.ค. 2555, 14:55:42 น.
สวัสดีค่ะ!

ตอนนี้อยู่ระหว่างแต่งตอนที่ 35 อยู่นะคะ ยังไม่จบตอน และแน่นอนว่าคนแต่งไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่ว่า ช่วงนี้งานประจำเรายุ่งมากๆ เพราะมีโครงการว่าจะลาออกในเร็วๆนี้ก็เลยต้องพยายามเคลียร์งานตัวเองให้ได้มากที่สุด

เพราะงั้น...ตอนที่ 35 ช้าหน่อยนะคะ

ชีวิตประจำวันช่วงนี้ก็เหนื่อยๆค่ะ (จริงๆเราเองก็ไม่เป็นมืออาชีพเท่าไหร่ มักเอาเรื่องส่วนตัวมาปนไปกับเรื่องงานให้เสียเรื่องเรื่อยเลยเชียว) วันนี้แอบว่างนิดๆช่วงพักเที่ยง เลยลองเอาชื่อนิยายเรื่องนี้ไปค้นในกูเกิ้ลดู แล้วก็พบนี่

http://story.niyay.com/story-49961/

ก็...ไม่ได้โกรธปรี๊ดปราด ตบะแตกหรืออะไรนะ คือชีวิตมันมีเรื่องอื่นที่โถมเข้ามาให้เหนื่อยเกินกว่าที่จะโกรธน่ะ อีกอย่างน้องก็ไม่ได้อัพเพิ่ม ก็แอบหวังว่าน้องจะหยุดแล้วนะ ก็...ถ้าน้องติดตามอ่านงานพี่อยู่ พี่ขอบคุณนะคะ ส่วนหนึ่งพี่ก็แน่ใจว่าน้องคงชอบงานเขียนของพี่มากๆทีเดียวเชียวแหละ แต่พี่ขอแล้วกันนะคะ ลบออกเถอะ เราถือเป็นการให้เกียรติซึ่งกันและกันนะคะ


tonrang 8 ม.ค. 2555, 22:03:25 น.
นึกว่าลืมเรื่องนี้ ที่นี้ไปแล้วนะคะ แต่ดีใจค่ะได้อ่านต่อ


Thananya 13 ม.ค. 2555, 01:59:09 น.
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ อ่านเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนค่ำจนเช้าวันใหม่เลยค่ะ มันสนุกหยุดไม่ได้ ลืมนอนเลยอะค่า ฮ่าๆๆ รออ่านตอนต่อไปนะคะ. ขอให้เคลียงานราบรื่นและมีเวลากลับมาแต่งต่อไวๆนะคะ


bloomberg 17 ม.ค. 2555, 15:23:48 น.
ดอกไม้ให้คุณ (ไรเตอร์) นะจ๊ะ เป็นกำลังใจให้สมองแจ่มใส ปั่น ๆ สู้ ๆ ค่ะ


SaiParn 24 ม.ค. 2555, 19:06:06 น.
เป็นกำลังใจให้เช่นกันค่ะ ... รอเสมอจ้า


SaiParn 3 ก.พ. 2555, 21:27:24 น.
คุณปารินจ๋า...เค้ายังรออยู่นะจ๊ะ ไม่ได้หายไปไหน ^^


pseudolife 7 ก.พ. 2555, 20:24:57 น.
บีบหัวใจจัง ตอนนี้


pseudolife 7 ก.พ. 2555, 20:25:24 น.
สู้ๆ นะไรท์เตอร์จ๋า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account