กุหลาบซ่อนกลิ่น (จบแล้ว)
นางเอกโตมาในไซด์งานก่อสร้าง ที่นั่นทำให้เธอรู้ว่า การแสดงตัวว่าเป็นหญิงเป็นเรื่องอันตราย ดังนั้นนางเอกจึงเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตัวเอง จนใคร ๆ มองว่าเป็นทอม แต่แท้จริงแล้ว เธอก็คือผู้หญิงคนหนึ่ง ที่มีรัก..และรักของเธอก็เป็นรักที่มีเวลามาเป็นตัวกำหนด....


Tags: โรแมนติก..

ตอน: 1.รายงานตัว..

นวนิยาย

กุหลาบซ่อนกลิ่น

โดย เฟื่องนคร

1.


“สวัสดีฮะ” เสียงทักทายจากร่างที่ผลักประตูประจกสีชาเข้ามานั้นจะเรียกว่าทุ้มอย่างบุรุษเพศก็ไม่ใช่ แต่เป็นเสียงต่ำ ๆ ที่ฟังดูคล้าย ๆ กับคนที่พยายามฝืนเสียงจริงของตนเอง ‘สูรย์’ เงยหน้าจากเอกสารตรงหน้าจึงได้เห็นใบหน้าเกลี้ยงเกลาจิ้มลิ้มในกรอบผมซอยสั้นเผยให้เห็นใบหูขาวสะอาด มีห่วงสีเงินขนาดเล็กติดอยู่เพียงข้างเดียว และที่สะดุดตาคือรอยยิ้มเพียงแย้มชวนให้ยิ้มตอบ แต่เขาก็แสร้งปั้นหน้านิ่ง ๆ เสีย
ส่วนหญิงสาวพอเห็นว่าเขาเงยหน้ามองก็ดันประตูปิดแล้วยืนเก้ ๆ กัง ๆ แม้เสื้อผ้าหน้าผม จะทำให้ดูเหมือนคนมั่นใจในตัวเอง แต่สูรย์ก็ยังเห็นถึงความประหม่า ขณะเดียวกันเขาก็ใช้ช่วงเวลานั้นลอบสำรวจว่าที่คนงานใหม่ที่เพื่อนรักของเขาฝากงานไว้ แม้จะกระอักกระอ่วนใจกับคุณสมบัติ แต่จุดมุ่งหมายเพื่อเข้ามาอยู่ที่นี่ มันทำให้เขาต้องลองเล่นกับเธอดูสักตั้ง

“สวัสดีครับ นั่งสิ” สูรย์ที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานใช้สายตาหลังเลนส์ชี้ไปที่เก้าอี้หน้าโต๊ะ เด็กสาวท่าทางก๋ากั๋น เดินอาด ๆ ลากเก้าอี้ตัวนั้นให้ห่างจากโต๊ะก่อนจะทรุดตัวลงนั่ง แม้ว่าเจ้าตัวจะพยายามให้สุภาพเรียบร้อยแต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังเห็นว่ามันดูเก้ ๆ กัง ๆ เป็นอย่างมาก..

และเมื่อนั่งตรงกันข้ามแล้วเจ้าหล่อนก็ยิ้มบาง ๆ และส่งสายตาแวววาวให้ เขาแสร้งก้มหน้าพลิกกระดาษดูงานที่ค้างอยู่ จนกระทั่งเวลาผ่านไปเป็นนาที เขาจึงได้ยินเสียงกระแอมเบา ๆ พอเขาเงยหน้าขึ้นจึงพบรอยยิ้มจาง ๆ พร้อมกับดวงตากระพริบ ๆ มองเขาอย่างต้องการหยอกเอิน

แม้จะเห็นว่าหญิงสาวจะ ‘หน้าเป็น’ จนเขารู้สึกสะดุดตา แต่คน ‘หน้าตาย’ อย่างเขา ก็ตีสีหน้าไม่ยินดียินร้ายใด ๆ ออกไปให้เจ้าหล่อน ‘จ๋อย’ แต่ถึงกระนั้น ก็หาได้สลด

“คือ ม่า ที่คุณซ้งฝากงานไว้ให้”

“อืม” เขาแสร้งยืดตัว ถอนหายใจเบา ๆ ดูว่าครุ่นคิดเรื่องงานตรงหน้า ก่อนจะหันไปหาคอมพิวเตอร์ที่โต๊ะทางด้านขวามือ เพราะอยากจะดูว่า ‘เด็กฝาก’ จะทำอย่างไรต่อ

“คุณซ้งบอกกับเถ้าแก่แล้วใช่ไหม”

เมื่อเจอคำถาม สูรย์วางมือจากคีย์บอร์ดหันหน้ากลับมาแล้วยกมือกอดอกก่อนจะตั้งคำถามสวนกลับว่า

“ฉันแก่ขนาดนั้นเลยเหรอ”

หญิงสาวส่ายหัวช้า ๆ แต่ดวงหน้านั้นหาได้สลดหรือว่ารู้สึกเกรง
กลัวเขาสักนิด

“เรียกใหม่”

“เจ้านาย” น้ำเสียงนั้นบอกให้รู้ว่ามาจากการจงใจล้อเลี่ยนมากกว่าเคารพนับถือ

“มากไป ฉันคนธรรมดา ไม่อยากมีชนชั้น อะไรมากมาย”

“พี่สูรย์”

“เรามีพ่อแม่คนเดียวกันเหรอ” สูรย์แสร้งว่าวางอำนาจ แต่ว่าเหมือนตรงหน้าจะรู้ว่าเขาใจดีแค่ไหน ใบหน้านั้นหาได้สลดยังคงยิ้มนิด ๆ ดูมั่นใจในตัวเอง เหมือนพวกทอมที่เขาเคยเห็น

“คุณสูรย์”

สูรย์พยักหน้าพอใจ

“คุณซ้งคงบอกจุดประสงค์ของม่าให้คุณสูรย์รู้แล้วใช่ไหม”

“แล้วทำไมตอนแรกไม่เรียกฉันว่าคุณสูรย์ทั้งที่เราก็เรียกไอ้ซ้งว่าคุณ” สูรย์ยังข้องใจกับเรื่องเดิม

“ปกติม่าเรียกคุณซ้งว่าพี่ แต่ว่า ถ้าเอ่ยถึงเขาลับหลังก็น่าจะเรียกคุณ”

“บอกเหตุผลของเราใหม่ ฉันอยากได้ยินจากปากของเราเอง” พอได้คำตอบที่พึงใจ เขาก็วกกลับไปหาเรื่องสำคัญที่ทำให้หญิงสาวต้องมาทำงานที่นี่

“ค่ะ” เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินถ้อยคำแสดงความเป็นผู้หญิง

“คือ ม่าจะไปเรียนต่อที่เมืองนอกในเร็ววันนี้แหละค่ะ”

“เมื่อไหร่ ที่ไหน”

“เร็ว ๆ นี้แต่ยังไม่รู้เมื่อไหร่ อาจจะเป็นปีหน้า หรือไม่ก็ปลายปีนี้ ที่ออสเตรเลีย”

“ขึ้นอยู่กับอะไร”

“ขึ้นอยู่กับน้าอ้อย น้องสาวของแม่จะทำเรื่องให้เสร็จ”

“อืม คงมีเงินเยอะสินะ ถึงจะเรียนต่อเมืองนอก”

“เปล่า น้าแกจะเอาลูกชายแกกับผัวเก่าที่จะจบมอหกไปด้วย แล้วทีนี้ น้าเห็นว่าม่าควรไปด้วย น้าอยากให้ไปเรียนหนังสือที่โน่นพร้อมกัน”

“น้าเราคงมีฐานะ”

“ไม่มีหรอกค่ะ น้าบอกว่า สามีฝรั่งแกธรรมดา ๆ น้ายังต้องทำงานเหมือนกัน ไหนจะลูกเล็กอีกคน”

“อืม แล้วเราคิดว่าจะอยู่กับฉันได้อย่างน้อยกี่เดือน”

หญิงสาวตรงหน้าทำหน้าครุ่นคิดยกมือมานับนิ้ว

“สามสี่เดือนอาจจะถึงห้าหรือหกเจ็ด”

“สามเดือนขึ้น ใช่ไหม”

“ค่ะ ประมาณนั้นแหละ สามเดือนขึ้นแน่ ๆ”

“รู้เวลาไว้ก็ดี ฉันจะได้จัดหลักสูตรรวบรัดให้เราได้ แต่ว่าทำไม
เราไม่ไปหาเรียนจากโรงเรียนสอนทำอาหารโดยตรงเสียเลยละ ในกรุงเทพฯมีเยอะแยะ”

“ม่าไม่ได้มีเงินขนาดนั้น”

“แล้วทำไมไม่ขอน้าละ”

“อยากให้แกลำบากกับเรื่องของม่าทีละเรื่อง”

“แล้วถ้าเรื่องเอกสารไม่สำเร็จละ เราจะเป็นอย่างไร”

“ก็ถือว่ามีความรู้ด้านอาหารติดตัว”

“แล้วก็มาเปิดร้านอาหารแข่งกับฉัน”

“โอ้ย แข่งอะไร ที่นี่ลงทุนเป็นล้าน ๆ ลูกค้าติดกันตรึม ม่าจะหาทุนจากที่ไหน ชาตินี้คงไม่มีปัญญาหรอก ที่เขาแข่งอยู่ เขาก็ยังสู้ไม่ได้เลย ร้านนี้ดังสุดในย่านนี้แล้ว”

นอกจากถ่อมตน คมชมเชยยกย่องก็ได้ใจของสูรย์ไปไม่น้อย แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังวางท่าซักไซ้

“น้าเราอาจจะให้เงินเราสักก้อนก็ได้”

“ม่ารับผิดชอบไม่ไหวหรอก อีกอย่างม่าก็ไม่ได้อยากมีร้านอาหาร”

“แล้วจะมาเรียนทำไม”

“มีวิชาติดตัวมันก็ดี ไปอยู่เมืองนอก เผื่อจะไปอยู่ร้านอาหาร เผื่อน้าเขาเปิดร้านอาหาร จะได้ช่วยกันได้ น้าเขาว่าอย่างนั้น”

“แล้วมีใจรักรึเปล่า ทำอาหารมันต้องใช้หัวใจทำ”

“มี ไม่มี ม่าก็ทำได้ทุกอย่างแหละ”

“ทำอะไรได้มั่ง”

“ก็..ผัดผัก แกง ต้มยำ แกงจืด ทอด คั่ว ผัดเผ็ด”

“แค่นี้ก็น่าจะเป็นเชฟได้แล้วนิ”

“คงได้แค่ในบ้านม่าแหละ ที่ออสเตรเลียคงไม่ได้หรอก”

“ฝรั่งมันไม่รู้รสชาติอาหารไทยแท้ ๆ หรอก คนไทยที่นั่นเองก็ลืมรสชาติแท้ ๆ ดั่งเดิมไปแล้วมั้ง”

“ม่าก็อยากที่จะได้ของดีที่สุดติดตัวไป ถ้าเราไม่ดีจริง เราก็ไม่โดดเด่นไม่มีอะไรไปต่อรองกับนายจ้าง”

“อืม..คิดดี.. งั้นเขียนใบสมัคร” ว่าแล้วเขาก็เลื่อนกระดาษแบบ
ฟอร์มของ ‘สวนอาหารอิ่มสุข’ ที่เตรียมพร้อมอยู่แล้วไปให้หญิงสาวตรงหน้า

“จะต้องกรอกทำไมละ เดี๋ยวสามเดือนม่าก็ไปแล้ว”

“ฉันก็อยากรู้จักหัวนอนปลายเท้าเราให้มากที่สุดนะสิ เกิดมาลักข้าวลักของออกไป ฉันจะเอาหลักฐานที่ไหนไปแจ้งความ”



เมื่อกรอกใบสมัครเสร็จ หญิงสาวก็เลื่อนกระดาษส่งไปให้เขา ซึ่งดูจะตั้งใจรอรับกระดาษแผ่นนั้นเป็นอย่างมาก

“รูปถ่ายยังไม่มีนะ ไม่ได้เตรียมมา”

“เวลาพูดควรจะมีค่ะด้วยนะ รู้ไหม”

“ทำไมละ”

“อ้าว ก็นี่มันงานบริการ เราจะมา ห้วน ๆ สั้น ๆ กับลูกค้าไม่ได้”

“อยู่ในครัวเนี่ยนะ จะห้วน ๆ สั้น ๆ ไม่ได้”

“ใครว่าฉันจะให้เราอยู่ในครัว” เขาว่าพลางอ่านเอกสารสำคัญในมือไปด้วย

“ชื่อเพราะเสียด้วยนะ กุสุมา เนียมทอง ชื่อเล่นว่า ม่า ทำไมใช้ชื่อนี้ละ”

“ม่าก็มาจาก มานี่แหละ แต่เพื่อนมันเรียกกันว่าม่า มาม่า ก็มี จะ
ได้ดูแนว ๆ หน่อย”

“ค่ะ” เขาต่อคำลงท้ายให้ กุสุมาจึงต้องถอนหายใจแรง ๆ

“รักที่จะทำงานบริการมันต้องอดทน จะมาถอนหายใจรดหัวลูกค้าไม่ได้นะ กุสุมา”

เมื่อถูกล้อเลียนชื่อจริง ตำหนิและถูกสั่งสอนกลาย ๆ กุสุมาจึงพยายามปั้นสีหน้าให้เป็นปกติที่สุดแต่มันก็ปั้นได้ยากเหลือเกิน

“เมื่อกี้บอกว่าจะไม่ให้ม่าอยู่ในครัว แต่ม่ามาสมัครงานใน
ตำแหน่งผู้ช่วยแม่ครัว..นะคะ”

“ก็ใช่ แต่ว่า กุสุมาลองคิดดูนะ ถ้าคนที่อยู่ในครัวไม่รู้จักลูกค้า
เสียเลย กุสุมาจะเอาใจเขาถูกไหม”

“ก็ใช่” ตอบคำถามคล้อยตามไปแล้วก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมเขาต้องเรียกชื่อจริงของเธอแทนคำว่า ‘เรา’ ซึ่งคำเรียกนี้ทำให้เธอรู้สึกอุ่นหัวใจอย่างประหลาด แต่เขาก็ไม่ปล่อยให้เธอได้ครุ่นคิดนานนัก และถ้อยคำดูเหมือนเตรียมพร้อมไว้แล้วก็พรั่งพรูออกมา

“ดังนั้น ช่วงสามเดือนนี้ เราจะต้องค่อย ๆ เรียนรู้งานในร้านทั้งหมด เริ่มตั้งแต่เสิร์ฟอาหาร ล้างจาน หั่นหมูหั่นผัก เลือกวัตถุดิบ จ่ายตลาด รับรถ”

“โฮ แล้วม่าจะทำอาหารเป็นเหรอ”

“เป็น ฉันรับรอง งานหน้าเตามันยากเย็นเสียที่ไหน แต่ว่าเราพร้อมจะเริ่มงานเมื่อไหร่ละ จำสูตรได้เห็นอะไรใกล้ ๆ มือก็จับโยนใส่หม้อใส่กระทะไปแค่นั้นเอง”

“พูดเหมือนง่ายเนอะ”

“ก็ไม่ยาก”

กุสุมาเบ้หน้าแสดงว่าไม่เชื่อน้ำคำของเขาก่อนจะยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกา ช้อนตามองหน้าของเขาแล้วยิ้มแหย ๆ

“วันนี้ ม่าต้องไปงานวันเกิดเพื่อน”

“เพื่อนหรือแฟน”

“เพื่อน ม่ายังไม่มีแฟน”

“แน่นะ”

“แน่สิ”

“แล้วนึกอย่างไรไปเรียนช่างก่อสร้าง”

“ก็ เอ่อ เอ่อ คุณซ้งยังไม่ได้บอกเหรอคะ”

“นี่ฉันกำลังสัมภาษณ์งานเราอยู่นะ ถามอะไรก็ตอบมา ฉันยังมีสิทธิ์ที่จะไม่รับเราเข้าทำงานนะ”

“ก็พ่อเลี้ยงของม่ารับเหมาก่อสร้าง พ่อเค้าอยากให้ม่าสืบทอดกิจการก็เลยให้ม่าเรียนช่างติดตัวไว้”

“แล้วเราก็เรียน”

“ก็เขาเป็นคนส่งเงินให้เรียน อีกอย่าง ม่าก็ไม่ชอบตัวเลขด้วย ชอบอะไรลุย ๆ มากกว่า”

“แล้วอยู่ในดงเสือดงจระเข้แบบนั้นเราไม่กลัวเหรอ”

“ก็..ไม่กลัว” ใจจริงกุสุมาอยากจะตอบว่า ‘กลัว’ แต่ว่าเธอจะแสดงความอ่อนแอให้เขาเห็นไม่ได้เด็ดขาด เพราะผู้ชายคือเพศที่ชอบข่ม และห้าปีในรั้ววิทยาลัยเทคนิคเธอก็ไม่เคยยอมให้ผู้ชายหน้าไหนมาใช้พลังทางเพศกับเธอได้ มึงมาก็มึงไป กูมาก็กูไป หยาบมาหยาบไป และเธอก็พร้อมที่จะพิสูจน์ตลอดเวลาว่าเธอก็แน่ แต่ว่าเธอก็สามารถแยกได้ว่าอะไร ‘น่าเล่น’ และอะไร ‘น่ากลัว’ นั่นก็คือ ‘ไอ้ม่า’ ของเพื่อน ๆ ในวิทยาลัยเทคนิค

“หน้าตาเราก็สวยนะ ทำไมไม่มีใครจีบ”

“มี้ แต่เห็นไส้เห็นพุงกันซะขนาดนั้น รักกันไม่ลงหรอก” ตามประสาผู้หญิง เธอก็แอบมีใจให้เพื่อนชายอยู่บ้าง แต่ว่าเพื่อนชายคนนั้นกลับมองเห็นว่าเธอเป็นเพื่อนผู้ชายอีกคน แล้วสเป็คของเขาก็เป็นแบบ ‘มีนมผมยาว’ ซึ่งมันไม่ใช่เธอในช่วงเวลานั้นอย่างแน่นอน และลึก ๆ ในใจของกุสุมา ผู้ชายของเธอก็น่าจะเป็นคนที่คุ้มครองป้องกันเธอได้ ไม่ทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวกับคนรอบ ๆ ตัวอย่างที่เป็นอยู่ และผู้ชายคนนั้นก็น่าจะมีอายุมากกว่าเธอสักสิบปี

และที่สำคัญ ถ้าใส่แว่นตาด้วย แล้วสามารถทำให้เธออยากอยากมองเขานาน ๆ หรือไม่ก็กำราบความดื้อด้านก๋ากั่นของเธอได้ มันก็จะดีเป็นอย่างมาก

“เราไม่ได้เบี่ยงเบนทางเพศนะ”

“นี่ มันเกี่ยวกับงานของม่าไหมเนี่ย”

“เกี่ยว”

“เกี่ยวอย่างไง”

“ก็ ที่นี่พนักงานหญิงเยอะแยะ หากเรามาทำเจ้าชู้กับพนักงานของฉัน แล้วมีเรื่องตบตีกันขึ้นมางานฉันจะเสียหายไหม”

กุสุมายกมือขยี้เส้นผมนุ่มสลวยพลางถอนหายใจ

“พนักงานหญิงที่นี่นุ่งกระโปรงนะ”

“แม่ครัวก็ต้องนุ่งเหรอ” กุสุมาเสียงสูงเพราะรู้สึกว่าที่นี่เรื่องมากเหลือเกิน

“พนักงานเสิร์ฟหญิงต้องนุ่ง เราสมัครงานในนามนางสาวกุสุมา เนียมทอง ก็ต้องนุ่ง”

“ไม่นุ่งได้ไหม ไม่อยากนุ่ง ใส่กางเกงจนชินแล้ว”

“ไม่ได้ ..หรือจะไม่ทำ..”

กุสุมาจ้องหน้าทำปากขมุบขมิบ แต่เขาก็จ้องตอบแถมยังกรอกลูกตาดำขวับล้อเลียนเสียอีกด้วยและเพียงแค่นั้นกุสุมาก็รู้สึกว่า เธออยากอยู่เพื่อทะเลาะกับเขาเสียแล้วสิ..

“ถอนตัวก็ได้นะ ที่อื่นอาจจะให้ความรู้เราได้ตรงเป้าหมาย ต้ม ผัด แกง ทอด หอมอร่อยในพริบตา”

“ไม่ถอน ม่าจะทำ”

“ดีมาก เยี่ยมไปเลย” เขายิ้มพรายอย่างพอใจ ทั้งที่ในใจนั้นก็หวั่นว่า ‘ไอ้ม่า’ มันจะอาจถอนตัวเพราะความเรื่องมากของเขา และเพื่อจะเล่นสนุกกับกุสุมา เขาจึงต้องรีบยื่นข้อเสนอมัดใจไว้อีกข้อ

“จริง ๆ อยากให้ทำซะวันนี้เลย แต่ว่าเราต้องไปวันเกิดเพื่อนนี่ งั้นเป็นพรุ่งนี้แล้วกัน วันธรรมดาพนักงานเสิร์ฟเขามาทำงานกันสิบโมง วันเสาร์อาทิตย์วันหยุดนักขัตฤกษ์ก็สามโมงครึ่ง ร้านปิดห้าทุ่ม ตอกบัตรด้วยนะ แล้วงานนี้ ถึงแม้ว่าเธอจะมาเพื่อเอาวิชาความรู้ไปเพื่ออนาคตของเธอ แต่ฉันก็ใจไม้ไส้ระกำไม่พอหรอก ฉันจะให้ค่าแรงเธอวันละร้อยห้าสิบบาท ยังไม่รวมทิปที่ต้องหารกันทุกวันด้วย”

มันได้ผลทีเดียว เพราะดวงตาเหนื่อยหน่ายเมื่อครู่เหมือนมีไฟฟ้าวิ่งไปสปาร์ค

“น้อยไปไหม”

“ไม่น้อยหรอก แต่ว่าก็ไม่เยอะ” จริง ๆ แล้วกุสุมารู้สึกว่ามันน้อยมาก แต่ว่าเธอไม่ได้คิดยึดตำแหน่งเด็กเสิร์ฟเป็นอาหาร จึงตอบไปอย่างสบายใจ

“ตอบได้ดี ..ร้านเราเปิดถึงห้าทุ่ม งานเสิร์ฟเป็นงานบริการ ต้องเดินหนักหน่อยนะ จะต้องวิ่งไปวิ่งมา ไหวไหม”

“ไม่ไหวก็ต้องไหว แต่จริง ๆ ม่าไม่ได้อยากเป็นเด็กเสิร์ฟนะ ม่าจะมาเอาวิชาแม่ครัว”

“งานครัว หนักกว่านี้อีกนะ เข้างานสามโมงเช้า แต่เลิกสี่ทุ่มครึ่ง แขกเยอะ ๆ ก็ยืนตลอดเหมือนกัน แล้วนี่ ดื่มเหล้าด้วยไหม”

“บ้าง”

“งั้นนับแต่นี้ไปฉันขอห้าม”

“ห้าม!!”

“อืม ห้าม เพราะฉันรู้ว่าเราใช้มอเตอร์ไซค์”

“รู้ได้ไง” ว่าแล้วกุสุมาก็หันซ้ายหันขวาแล้วก็หันหลัง จึงได้เห็นว่ามีจอโทรทัศน์รับสัญญาณกล้องวงจรปิดที่ติดไว้ทั่วร้านโดยเฉพาะทางเข้าร้านและที่ลานจอดรถด้วย

“บอกตรง ๆ นะ ฉันถูกชะตากับเรา อยากเห็นเราได้ไปเมืองนอก..ไปทำตามความฝันของตัวเองแล้วถ้าเราได้ดิบได้ดี เราจะได้ไม่ลืมฉันด้วยไง”

“พูดเหมือนจะเอาบุญคุณ”

“ไม่ได้อยากให้ใครมาตอบแทนหรอก”

“แต่ก็พูดให้สำนึกไว้ก่อนแล้วนี่”

“บางทีเราอาจจะทนคนจุกจิกจู้จี้อย่างฉันไม่ได้ก็ได้นะ”

“พูดเหมือนมีคนเคยไม่ทนบ่อย ๆ..ถามจริง มีแฟนหรือยัง” ที่ถามเพราะช่วงที่คุยกับเขากุสุมาก็รอบสังเกตพวกรูปถ่ายพวกใบประกาศสารพัดอย่างที่ติดอยู่ที่ข้างฝาและด้านหลังของเขา แต่ว่าก็ไม่เห็นภาพของเขากับผู้หญิงคนไหนนอกจากคนในครอบครัว ซึ่งก็คงจะเป็นพ่อแม่ พี่สาวพี่เขยหลาน ๆ เสียมากกว่า

“ถามทำไม”

“อยากรู้มั่งไม่ได้หรือไง จริง ๆ อยากจะถามด้วยซ้ำว่า ถ้ามีแฟนแล้วหรือยัง”

“อืม..อยู่ ๆ ไปเดียวก็รู้เองแหละ คนที่นี่ชอบนินทาเจ้านาย”

“ไหนบอกว่าไม่มีชนชั้น”

“เปลี่ยนเป็นคำว่า นายจ้างก็ได้”

กุสุมาชักสีหน้าพอใจที่เอาคำพูดของเขามายอกย้อนเขาได้..แต่เขาก็ปั้นหน้าไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะพูดตัดบทว่า

“โอเค พรุ่งนี้เจอกัน..อย่าลืมเอารูปถ่ายสองนิ้วมาด้วยนะ เอ้อ เอาชุดฟอร์มไปด้วยเลย ไปเบิกที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์สองชุด เวลาลาออกก็เอามาคืนด้วย..ไม่งั้นไม่ให้เงินค่าแรงงวดสุดท้าย”

“ชุดเก่าของคนอื่นแน่ ๆ”

“ถ้าทำงานครบปีก็ไม่ต้องคืน แต่ชุดพวกนี้ก็ใส่กันได้ไม่นานหรอก ปิดเทอมมีนักเรียนนักศึกษามาหารายได้พิเศษกันเยอะแยะ”

“ค่ะ งั้นม่าไปแล้วนะคะ..” ว่าแล้วกุสุมาก็ลุกขึ้นแต่ก่อนที่จะหมุนตัวออก หญิงสาวก็หันไปย่อตัวลงเพียงนิดก่อนจะกล่าวคำว่า

“ขอบคุณค่ะ สวัสดีค่ะ พรุ่งนี้เจอกันนะคะ”





จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 เม.ย. 2554, 11:33:40 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 เม.ย. 2554, 22:21:38 น.

จำนวนการเข้าชม : 4727





   2.พรหมลิขต >>
littlesonare 17 ส.ค. 2554, 00:24:11 น.
สวัสดีค่ะ เพิ่งเข้ามาอ่านครั้งแรก ติดใจเลยค่ะ ^^


ปิลันธน์ 18 มี.ค. 2555, 14:21:47 น.
ชอบ ม่า ซะแล้ว


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account