อรุณสวัสดิ์หัวใจ # ชอนตะวัน (จบแล้ว)
ความรักก่อให้เกิดความทุกข์ และรักที่เป็นไม่ได้ทุกข์ยิ่งกว่า
ตากับยายหล่อหลอมให้หลานสาวมีวิธีคิดอย่างคนพอเพียง
แต่บุญก็พา วาสนาก็ส่ง ให้เธอเป็นไปเกินกว่าที่ใจปรารถนา..

ไกล สุดเอื้อมมือถึง ไกล อยู่ถึงฟ้ากั้น
ไกล ไปหลายคืนวัน ไย รักมิกรายจากใจ

รักคือการแบ่งปัน รักคือการห่วงใบ รักคือการเสียสละ และรักคือการช่วยเหลือ

"ฉันไม่ได้แย่งเธอมาจากใคร เพียงแต่ว่าฉันทำตามที่ใจฉันเรียกร้องเท่านั้น
ถึงฉันจะเหลวไหลไปตามประสา แต่วันหนึ่งฉันก็รู้ว่าฉันควรหยุดที่ใคร"..

ดุจบ่วง ร้อยรัด ดวงใจ
ยิ่งแก้ ยิ่งพันใจ ยุ่งเหยิง
ยิ่งหนี ยิ่งตามติด ยากหลบ
พบคน ที่หัวใจ วางไว้ ใช่เลย

"ฉันรักเธอตั้งแต่เห็นหน้า เมื่อได้อยู่ใกล้ ๆ ได้เห็นเนื้อแท้จากข้างใน ฉันก็รักเธอยิ่งขึ้น หัวใจของฉันเพรียกหาผู้หญิงดีพร้อมคนหนึ่ง แล้วฉันจะปล่อยเธอไปได้อย่างไร"
Tags: โรแมนติกดราม่า

ตอน: ตอนที่ 12

12

แล้วสายตาของคุณอารักษ์ก็เหลือบไปเห็นหมอโกมุท ซึ่งนั่งดื่ม
เหล้าเคล้านารี เขาขอตัวแล้วก็ปรี่เข้าไปหาทันที

“ไม่กลัวเสียสุขภาพรึคุณหมอ เหล้าเป็นที่มาของโรคตับแข็ง ตายเร็วนะ จำไม่ได้รึ เคยพร่ำบอกคนไข้นี่”

หมอโกมุทนิ่งเฉย ไม่โต้ตอบ

“เสียดายนะ ตอนแต่ง จัดงานเสียใหญ่โต ทีตอนเลิกกัน ทำเงียบเชียบ มีเหตุผลอะไรไหมที่จะทำให้ใครตีปีกได้”

“หยุดพล่ามได้แล้ว” หมอโกมุทดูไม่สบอารมณ์นัก

ผู้หญิงของหมอโกมุทลุกจากไปอย่างรู้ภาวะของตนดี

“สายบัว เด็กในบ้านชอบนาย ผลักตัวเองจนสูงส่งเทียมกัน มองเธอบ้างซิ”

“นายยุ่งอะไรด้วย”

“ก็แค่สงสารผู้หญิงตัวดำ ๆ เอ๊ย! ตาดำ ๆ คิดเสียว่าทำทานกับเจ้าหล่อนสักครั้ง”

“เก็บปากของนายไว้เลยนะ”

“ไม่กินแล้วจะเก็บไว้ทำไม เจ้าหล่อนรักและรอนายนะเว้ย” คุณอารักษ์ยังยียวน

“คืนนี้นายจะรับเจ้าหล่อนกลับไปด้วยหรือจะให้ไอพาเจ้าหล่อนกลับไป แต่บอกไว้ก่อนนะว่าไว้ใจไม่ได้ “ ฟังอารักษ์พูดไม่ทันจบ หมอโกมุทก็ลุกขึ้น พร้อมกับไปดึงแขนของสายบัวให้เดินตามตนไป

สายบัวไม่ได้ขัดขืน เพราะยังอยู่ในอาการตกใจ

เมื่อเข้าไปนั่งในรถเรียบร้อย สายบัวจึงได้สติ

“จะพาดิฉันไปไหนคะ”

“เธออยากไปไหนล่ะ”

สายบัวจ้องหน้า คุณหมอในวันนี้ไม่เหมือนคุณหมอผู้มีแววตาและน้ำเสียงอารีในวันนั้น

“อยากกลับบ้านค่ะ”

“อยากอยู่บ้านแล้วมาที่นี่ทำไม”

หมอโกมุทออกรถอย่างแรง บ่งบอกว่าไม่พอใจ รถแล่นไปตามถนนที่มีแสงไฟสว่างไสว แต่สายบัวก็รู้สึกว่ามันออกนอกเส้นทาง

“จะไปไหนคะ”

คุณหมอไม่ตอบ แต่เปิดเพลงคลอไปอย่างคนอารมณ์เย็น แต่สายบัวรู้สึกว่ามันร้อน

แล้วสายบัวก็ต้องตกใจยกใหญ่ มันเป็นสถานที่ ที่เจ้าหล่อนก็ไม่คาดคิดว่าจะได้เข้าไป เข้าไปพร้อมกับผู้ชายที่ตนเองรักสุดหัวใจ

สายบัวตัวแข็งทื่อ ค่อย ๆ ตั้งสติ เธอไม่ได้ต้องการจบลงกับคุณหมอในลักษณะนี้ ค่าของความรักของเธอมีมากกว่าในม่านรูด

“ลงสิ” สายบัวจ้องหน้าแล้วน้ำตาก็ค่อย ๆ รินอาบแก้ม เสียใจที่มองคนผิดไป หรือผู้ชายเป็นเหมือนกันหมด เห็นผู้หญิงเป็นที่ระบายความใคร่แล้วก็จากไป เธอไม่ใช่สาวไซด์ไลน์ เธอไม่ใช่สาวโคโยตี้ร้อนเงิน เธอเป็นเพียงนางแบบอาชีพที่ใช้ชีวิตติดดินคนหนึ่ง เธอไม่ได้ฝันไปไกล ไม่ได้อยากอยู่กับใครนอกจากหมอโกมุทคนนี้

น้ำตาของสายบัว หลั่งรินรดแก้ม

จนกระทั่งหมอถอยรถออกมา แล้วขับพามาส่งที่หน้าบ้านโดยไม่มีคำพูดใด ๆ หลุดจากปากเลย

“เข้าบ้านคนเดียวได้นะ ฉันจะไปต่อที่อื่น”



รถของคุณหมอลับตาไปแล้ว สายบัวเดินกลับเข้าบ้านไปตามทางของตน ทางของคนรับใช้ เมื่อเปิดประตูเข้าห้องพัก หญิงสาวก็ต้องผงะ เพราะพบคุณอารักษ์นอนเหยียดยาวรออยู่

“หน้าตาเธอดูไม่ได้เลยนะ”

เมื่อเห็นหน้าตาอีกคน สายบัวรีบผละออกจากห้อง นึกถึงห้องนอนของคุณชวนชมหรือไม่ก็ห้องของส้มเช้ง

“ไม่มีใครอยู่บ้านหรอกสายบัว คุณชวนชมไปเที่ยวกลุ่มแม่บ้านอาสาพัฒนาชาติ ป้ากับลุงสะอาดพร้อมกับนังส้มเช้งกลับบ้านต่างจังหวัด”

สายบัวมีสีหน้าตระหนก

“อย่างไรคืนนี้เธอก็หนีฉันไม่พ้นหรอก” น้ำเสียงและแววตาของคนที่กำลังย่างเข้ามาหานั้นบอกให้รู้ว่าคืนนี้คงพูดกันดี ๆ ไม่รู้เรื่องแล้ว

“อย่านะ ฉันจะตะโกนให้บ้านใหญ่รู้นะ” สายบัวแข็งใจขู่กลับไป

“ตะโกนไปซิ ถ้าไม่อาย ตะโกนไปซิ ถ้าคิดว่าจะมีคนออกมาช่วยเธอ คนบ้านนั้นเขาใจดำกว่าที่เธอคิดไว้เยอะ ดูหมอโกมุทนั่นปะไร เธอเสนอให้ขนาดนั้นเขายังไม่สนองเธอเลย”

“ไอ้คนบ้า” สายบัวอยากจะกรี๊ด แต่จำระงับไว้ หญิงสาวปรี่ไปได้ไม้กวาดไว้ในมือพร้อมกับปัดแกว่ง

“อย่าคิดนะว่าฉันทำไม่ได้ อย่านะ” เห็นอารักษ์ย่างสามขุมเข้ามา สายบัวยิ่งปากคอสั่น

“ฉันบอกว่าอย่านะ”

แล้วสายบัวก็กระหน่ำฟาดไปบนศีรษะของคนหื่นอย่างไม่ยั้งมือ เมื่อหลับหูหลับตาฟาดไปแล้ว เสียงร้องโหยหวนของคนเจ็บจึงได้เรียกสติคนตีคืน สายบัวหันซ้ายหันขวา หามีใครไม่

“คุณอารักษ์”


“ถ้าขืนทำกันได้ขนาดนี้ ฉันก็คงเลี้ยงเธอไว้ในบ้านไม่ได้แล้ว ไปตามทางของเธอเถอะ หน็อยตีให้ได้สติสักที มันก็คงไม่กล้าแล้ว แต่นี่ เล่นกระหน่ำเสียเย็บตั้งหลายเข็ม” คนเป็นแม่เข้าข้างลูกชายของตน

สายบัวกัดปากตัวเองจนเจ็บ ค่อยๆ เก็บข้าวของลงลัง สมบัติจำพวกหนังสือเรียนเก่า ๆ ฝากไว้บ้านน้าดาวเรือง ส่วนตัวเองคงไปอาศัยวิลาวัลย์อยู่สักพัก

“ฉันไม่ได้สร้างความยุ่งยากลำบากใจให้เธอใช่ไหม”

“ฉันดีใจที่เธอมาหาฉันที่นี่นะสายบัว แล้วตกลงคุณอารักษ์เขาได้ปล้ำเธอหรือยัง”

“ยัง”

“เธอรีบปกป้องตัวเองเกินไป ฉันมาคิด ๆ ดู เขาจะปล้ำเธอได้อย่างไรมันนอกบ้านแท้ ๆ “

“ไม่รู้ละ ก็ทำไปแล้วนี่”

“ฉันยังสงสัยต่ออีกว่า เขาอยากให้เธอออกจากบ้านหรือว่าเขาต้องการเพียงตัวเธอเท่านั้น” สายบัวครุ่นคิดแล้วก็ตัดออกจากใจ


งานที่เคยทำเงินให้เธอมากมายเริ่มหดหายเพราะพี่ต้นถูกสั่งห้ามไม่ให้สนับสนุนใดๆ สายบัวไม่ได้ทุกข์ร้อน มันเป็นเหมือนความฝัน มันเกิดขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ เธอเพียงเป็นตัวละครตัวหนึ่งที่ใครต่อใครชักใยไปมา ไม่ใช่เนื้อแท้ของตน และเธอก็รู้แล้วว่า สุดบันไดที่จะคว้าดวงดาวมันอ้างว้างเพียงใด

“เขาลือกันว่าเธอ ถูกถีบหัวออกจากกรงทอง แล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่า เป็นของพี่หรือว่าน้อง”

“ดีนะที่ไม่บอกว่ามีอะไรกับคนเป็นพ่อด้วย” สายบัวไม่ได้ทุกข์ร้อนกับข่าวที่วิลาวัลย์พูดเลยสักนิดจนวิลาวัลย์อดถามขึ้นมาไม่ได้

“ก็เราไม่ได้เป็นอย่างนั้นนี่วิ แล้วเราจะทุกข์ทำไม ถ้าเราปล่อยให้ลมปากคนมามีอิทธิผลเหนือชีวิตเรา เราก็อยู่บนโลกใบนี้ได้อย่างลำบาก โดยเฉพาะฉันซึ่งจับพลัดจับผลูไปได้อาชีพที่ไม่พ้นขี้ปากคน”

“แล้วเธอจะทำอะไรต่อไป”

“ฉันก็มีความรู้นี่ แม้มันไม่เคยใช้แต่ฉันเชื่อว่าฉันทำได้”

“เธอจะทำอะไร”

“ฉันจะเป็นแม่ค้าขายข้าวแกง เธอไม่รู้หรือว่าฉันอยู่กับแม่บ้านผู้มากฝีมือถึงสองคนเลยนะ แล้วที่สำคัญ ตอนที่ฉันอยู่กับยาย ฉันได้สูตรอาหารบ้าน ๆ มาไม่ใช่น้อยเหมือนกัน”

“แล้วทำไมเธอต้องเลือกอาชีพนั้น”

“บางทีฉันก็อยากให้มีร้านข้าวแกงติดแอร์บ้าง บรรยากาศดี ราคาไม่แพง รสชาติอร่อย และที่สำคัญคนที่ขายคือ สายบัว เพียรกสิกรรม นางแบบบ้านนอกคนนี้แหละ”

“ว้าว ความคิดดีจริง ๆ”

แล้วสองสาวก็ออกตระเวนหาย่านที่จะทำให้กิจการนั้นอยู่รอด

“เอาที่ไหนสักที่เถอะบัว ฉันเหนื่อยหมดแรงแล้วนะ” แล้วสายตาของสายบัวไปชะงักอยู่กับป้ายโรงพยาบาลของคุณหมอกมล แล้วเธอก็ได้คิด

“ที่นี่แหละฉันชอบ”

“แต่แพงนะบัว”

“กลัวอะไรกับค่าเช่าที่แสนแพงนี้ เพราะฉันทำคนเดียวเสียเมื่อไหร่ เธอจะหุ้นกับฉันไหม” สายบัวรู้ว่า วิลาวัลย์มีเงินเก็บไม่น้อย

“เธอไม่รังเกียจฉันเหรอ”

“ค่าของคนไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้นนะ ฉันคบหาเธอเพราะเธอคือมิตรที่แสนดีของฉัน”

วิลาวัลย์ร้องไห้ สายบัวเข้าไปกอด

“คนทุกคนมันอยู่ที่โอกาส หากโอกาสฉันไม่มี ฉันคงเป็นแบบเธอเหมือนกัน วิลาวัลย์ทุกอย่างยังไม่สายหรอก ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจ ตราบนั้นเราก็มีความหวังว่าชีวิตของเราจะดีกว่าเดิม”


ร้านอาหารของสายบัวกับวิลาวัลย์เป็นเพียงร้านขายข้าวแกงที่มีกระจกปิดมิดชิดเปิดแอร์เย็นฉ่ำ ตั้งโต๊ะเก้าอี้หลายสิบชุด เรียบง่ายและสะอาดสะอ้าน ที่ฝาผนังตกแต่งด้วยภาพวาดเป็นรูปดอกบัว รูปพระพุทธเจ้าจากฝีมือเจ้าของร้าน

อิ่มท้องในราคาประหยัด และก็อิ่มใจที่ได้เห็นภาพเกี่ยวกับปรัชญาตะวันออก

ศาสนาพุทธ วิถีแห่งการเกื้อกูลกัน มรรคาแห่งความสุขในรูปแบบของการเป็นอยู่อย่างพอเพียง ไม่เบียดเบียนและทำร้ายกันทั้งทางตรงและทางอ้อม

ภาพบางภาพของสายบัวขายได้ ถ้าขายดีต้องเป็นภาพดอกบัวกับกาลเวลาที่หมุนเปลี่ยน บัวใต้น้ำ, ปริ่มน้ำ, เหนือน้ำ ทั้งตูมและบานรับแสงพระอาทิตย์พระจันทร์ ใครก็ว่า ถอดใจใส่ฝีมือขนาดนี้ไม่น่าจะราคาเท่านี้ ดอกบัวหากบานอยู่ในใจของใคร คน คนนั้นก็จะมีความสุข

วันเดือนเคลื่อนคล้อย แม้จะต้องตื่นนอนตั้งแต่ตีสี่เพื่อมาเตรียมปรุงอาหารเช้าส่วนหนึ่ง และเปิดร้านในตอนหกโมงเช้า แต่สายบัวกลับรู้สึกเต็มใจผิดกับเมื่อตอนมาอยู่ที่บ้านคุณจารุวรรรณในตอนแรก นี่กระมังการดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด การต้องการเอาชนะ เพราะใคร ๆ ก็คิดว่า นางแบบมีเพียงใช้เรือนกายเพื่อเงินทอง หาใช้สมองที่มีอยู่จัดการกับปัจจัยต่าง ๆ ให้เป็นเงินเป็นทองขึ้นมาเหมือนอาชีพอื่น แม้จะเหนื่อยแต่สายบัวกลับรู้สึกเป็นสุข เพราะเธอได้เป็นผู้ให้

อาหารอร่อย เมนูบ้านนอกที่คนบ้านนอกส่วนใหญ่ยังนึกถึง และสถานที่อันสะอาดมีสไตล์ ลูกค้าเข้ามาในร้านมากหน้าหลายตา เข้ามาเพื่อมาชิม มาชมนางแบบ และมาเป็นลูกค้าจริง ๆ แต่ใจของสายบัวยังเหมือนเดิม แอบหวัง สักวันจะเห็นหมอโกมุทมาเป็นลูกค้า มายืนยิ้ม มาชิมอาหารฝีมือเธอ และดูภาพวาดที่สื่อออกมาจากหัวใจ ก้านบัวก้านนี้ เพื่อรองรับดอกบัวนามโกมุทเท่านั้น

แล้วสิ่งที่สายบัวปรารถนาก็ไม่ได้เป็นจริงดั่งหวังสักที เธอรู้ว่าคุณหมออยู่ตรงข้าม แต่เธอไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรถึงจะได้เจอะกัน รึถ้าหากเธอรู้วิธีป่านฉะนี้ ชีวิตของเธอกับเขาคงไม่ได้เป็นเส้นขนานมาหลายปีดีดัก

“ตัดใจได้แล้วสายบัว เขาคงไม่คิดมีใครจริงจังแล้วล่ะ เธอเองก็มองคนใหม่เถอะ มีคนมาชอบพอเธอมากมาย เป็นหมอเหมือนกันก็มี มองและเลือกคบหาสักคนเถอะนะ”

สายบัวเงียบ คำตอบก็คือ ‘ไม่’ นั่นเอง


“บัว ดินจะย้ายกลับไปอยู่ที่ชัยนาท กลับบ้านอย่าลืมแวะไปเยี่ยมกันบ้าง”

ดนุสรณ์ทำงานในตำแหน่งนิติกร ความฝันคืออัยการ และ ผู้พิพากษา สายบัวรู้ว่าเขาทำได้ คนบ้านเดียวกันมาจากดินเหมือนกัน ถูกหล่อหลอมมาด้วยสภาวะแวดล้อมเหมือนกัน

ย่อมมีบางอย่างที่คล้าย ๆ กัน ใจคอเด็ดเดี่ยว หนักแน่นมันทุกเรื่อง แม้แต่ความรัก สายบัวยังรู้สึกว่าสายตาที่ดินมองมาหาตนนั้นไม่เคยเปลี่ยนแปลง

ในนั้นมีรัก ปักอก
หยิบยกรักร้อนทำไฉน
รักพาทุกข์ตรมรักทำไม
ไยมิหาญหักใจ รักตัวเอง

ดนุสรณ์จากไปแล้ว สายบัวหันไปหาวิลาวัลย์ ที่นั่งหน้าเศร้าอยู่ในครัว

“เธอเองก็มองคนใหม่เถอะ มีคนมาชอบพอเธอมากมาย เป็นทนายเหมือนกันก็มี มองและเลือกคบหาสักคนเถอะนะ”

เมื่อสายบัวพูดจบ วิลาวัลย์ก็หัวเราะออกมา

“ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันไม่ยอมแพ้หรอกนะวิลาวัลย์ ความรักมันไม่ได้เกิดขึ้นได้บ่อย ๆ หากเธอปล่อยให้ครั้งนี้หลุดลอยไป เธออาจจะต้องรอให้มันเกิดขึ้นใหม่ในชาติหน้า”

“ขนาดนั้นเชียวหรือ”

“คุณชวนชม กับคุณนันทพร แม้จะไม่ค่อยกินเส้นกัน แต่ทำไมถึงให้คำนิยามได้เหมือนกันก็ไม่รู้”

ดวงตาของวิลาวัลย์มีความหวังขึ้นมา แล้วก็ดับวูบลงอย่างคนมีสติ

“ตอนนี้เราสองคนยี่สิบสาม ถ้าเหตุการณ์ความรักสลายเกิดขึ้นกับคุณทั้งสองคนตอนอายุเท่าเรา คิดดูเถอะว่า สี่สิบกว่า จนถึงหกสิบปี มันจะเป็นอย่างไร”

“กอดหมอนนอนหนาว”

“ไม่คิดจะลองตามหัวใจเธอไปหน่อยรึ เธอก็รู้ว่าจะหาดินได้ที่ไหน “

พูดไม่ทันจบ วิลาวัลย์ก็รีบวิ่งออกจากร้านไป…ยามว่าง นายดินจะฝังตัวอยู่ในห้องสมุด อยู่เพื่อฝันของเขา สายบัวถอนหายใจออกมา อดคิดไม่ได้ว่า หากมีใครอีกสักคนมารักเธอเหมือนกับที่ดินรักเธอ เธอจะเปลี่ยนใจไหม ดินเองจะเปลี่ยนจากเธอมาเป็นวิลาวัลย์ได้ไหม

หัวใจมันปล่อยให้ใครมาแทนที่ใครได้หรือ



แล้วค่ำคืนนั้นบนดาดฟ้าของตึกสามชั้น ท่ามกลางไฟเทียมดาวดวงเล็กตามคอนโดและตึกสูง กับหมู่ดาวที่ระยิบระยับอยู่ไกล ๆ สุดคว้า สายบัวตั้งคำถามที่ตนสงสัยกับวิลาวัลย์

“คงไม่มีใครมาแทนที่ใครได้หรอกบัว แต่คนอีกคนอาจจะมีอานุภาพมากจนคนที่เคยอยู่ก่อนค่อย ๆ เลือนหายไปจากหัวใจ “

“และถ้ามันไม่เป็นอย่างนั้น”

“มันเป็นอย่างนั้นแหละบัว เธอก็รู้ว่าฉันมีแฟนกี่คนต่อกี่คนมาแล้ว เมื่อเราคุยกันไม่รู้เรื่อง เมื่อทัศนคติต่อเรื่องใดเรื่องหนึ่งมันไม่ตรงกัน ก็ยากจะเดินไปด้วยกัน บางคนมารู้ประวัติของฉันทีหลัง เขาก็ตีตัวจากฉัน จากดี ๆ ก็พอว่า บางคนมีด่าให้เจ็บช้ำหัวใจ ก็ฉันขอใครกินเสียที่ไหน”

“อย่าพูดถึงมันอีกเลย มันผ่านไปแล้ว”

คู่สนทนาถอนหายใจออกมาอย่างปลดปลงกับชีวิตตัวเอง วิลาวัลย์แหงนหน้ามองหมู่ดาว แท้จริงแล้วดูเธอต้องการให้น้ำตาไหลย้อนกลับลงไว้ข้างในต่างหาก

“ฉันอยากให้เธอเปิดใจรับใครบ้าง” วิลาวัลย์นั้นยังแสดงความห่วงใยต่อความรักแบบ ‘รักเดียว’ ของสายบัวอยู่เสมอ

“ฉันอยากฟังเรื่องเธอกับดินนะวิลาวัลย์”

“ดิน เขารู้มาว่าฉันเป็นอย่างนั้นมาก่อน เรารู้จักกันเพราะคำว่าเพื่อน เขาเป็นเพื่อนเธอ ฉันเป็นเพื่อนเธอ ก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ฉันเล่าอะไรให้เขาฟังได้ทุกเรื่อง และเขาก็ปรึกษาเรื่องของเธอกับฉันอยู่ บ่อย ๆ เขาเป็นผู้ชายอีกแบบหนึ่งที่ฉันรู้สึกอบอุ่นเมื่อได้อยู่ใกล้ ๆ เขาให้เหตุให้ผลกับการกระทำของตัวเอง กับการคบหากับฉัน จนบางทีฉันรู้สึกว่า ฉันอยากอยู่กับเขาตลอดไป แต่ว่าเขารักเธอมากเหลือเกิน และฉันก็มีคนมีตำหนิ ฉันไม่คู่ควรกับเขาสักนิด”

“ฉันเชื่ออย่างหนึ่งนะวิลาวัลย์ วันหนึ่งข้างหน้า เขาจะไม่ได้เลือกคนเพราะหัวใจอีกแล้วแต่จะเลือกเพราะเหตุผล”

“เหตุผล” วิลาวัลย์ทวนคำ

“เพราะว่าเธอรักเขาไง เธอรักเขาให้ได้เท่ากับที่เขารักฉัน แค่นั้นเอง เขาก็จะรักเธอตอบ”

วิลาวัลย์ทำสีหน้าว่าไม่เชื่อ

“ด้วยเหตุนี้เธอจึงได้รอคุณหมอ หากเขาไม่รักเธอตอบละบัว เธอไม่แก่เหนียงยานเลยรึ”

“คงงั้น”

“แล้วถ้ามีใครสักคนหนึ่งมารักเธอเท่าที่เธอรักคุณหมอล่ะ เธอจะว่าอย่างไร เธอจะเปลี่ยนใจได้ไหม”

“ถ้ามันมากกว่าก็ไม่แน่”

“แล้วเธอคิดว่ามันจะมีไหม”

สายบัวทำท่าครุ่นคิด ที่ผ่านมามีใครมาจีบเธอจริง ๆ จัง ๆ บ้าง ส่วนใหญ่ก็โฉบมา พอเธอหลบ ก็หายไป ชาตินี้เธอคงได้อยู่เหนียงยานเป็นแน่แล้ว


“คุณนันทพร” สายบัวเปล่งอุทานออกมาหลังจากที่เงยหน้าจากสมุดบัญชีตรงหน้า เป็นคุณนันทพรแม่บ้านบ้านใหญ่ที่เธอไม่ได้คุ้นเคยมากนัก รอยยิ้มและแววตาที่สำรวจไปรอบร้านอย่างฉับไวทำให้สายบัวรู้สึกกลัวการตำหนิติเตียนอยู่เหมือนกัน

สายบัวเข้าไปหาใกล้ ๆ แล้วพนมมือไหว้ คุณนันทพรจับมือของสายบัวพร้อมกับส่งกระเช้าในมือให้

“ดีใจกับเธอด้วย ที่มีโอกาสเปิดร้านอาหารอย่างที่ฉันบอกว่าอยากทำ แต่ฉันเป็นคนขี้เกียจ อยู่สบายจนเคยชิน อีกอย่างก็ไม่รู้จะดิ้นไปเพื่ออะไร แยกให้ออกนะระหว่างขี้เกียจกับพอเพียง”

สายบัวยิ้มหน้าบาน เมื่อรับกระเช้าดอกไม้ไปวาง แล้วสายบัวก็พาคุณนันทพร ไปนั่งที่โต๊ะตัวในสุด พอหันกลับมาก็พบว่าคุณชวนชมก็ถือกระเช้าใส่ผลไม้สดมาเหมือนกัน

สายบัวมีสีหน้างงงวยยิ่งกว่าไก่ตาแตกเสียอีก ช้างสารมาชนกันใน ‘ร้านสายบัว โภชนา’ อะไรมันจะเกิดขึ้น สายบัวเหลือบตาไปมองคุณนันทพรที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เด็กในร้านยกน้ำมาให้ คุณนันทพรก็หยิบขึ้นมาดื่มโดยไม่ได้หันมามองว่าเธอกำลัง ‘ชื่น’ อยู่กับใคร

“ตั้งแต่เธอเปิดร้าน ตั้งใจจะมาหลายหนแล้ว ไม่ได้โอกาสสักที ยุ่งเหลือเกิน ไม่มีเธออยู่ ไม่มีคนรู้ใจ ยิ่งยุ่งมากขึ้น”

พลันสายตาของคุณชวนชมก็เหลือบไปเห็นคุณนันทพร ที่หันมาพอดี และสิ่งที่สายบัวไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เพราะคุณชวนชมกรากเข้าไปหา ไปนั่งที่โต๊ะเดียวกันยิ้มให้กันอย่างญาติดี

“แปลกใจซิ” คุณนันทพรหันมาถาม

“จริง ๆ เราสองคนเป็นเพื่อนรักกัน อยู่โรงเรียนการเรือนมาด้วยกัน แต่ว่า”

“นายจ้างเราไม่ค่อยกินเส้นกัน ก็เลยเป็นอย่างที่เธอเห็น”

สายบัวอยากจะร้องไห้แต่ก็ต้องหัวเราะ

“บ้าบอ”

“อุ๊ เธอนี่ ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าพูดอย่างนั้นไม่ได้” คุณชวนชมแกล้งเอ็ดอึงเหมือนเคย

“ดิฉันไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนะคะ”

“เพราะว่าเธอไม่เด็กนะซิ ฉันสองคนจึงต้องมาดูสักหน่อย” คุณนันทพรเอ่ยปากพูดขึ้น

“ฉันรู้นะว่า ตัวเองจะพูดอะไรต่อ เพราะบุญส่งผลใช่ไหมล่ะ เธออย่าไปฟังเขามากสายบัว ไม่งั้นเธอจะกลายเป็นนางชีไปอีกคน จริง ๆ นันทพร เหตุที่เราเข้ากันไม่ค่อยได้เพราะ คนใจบาปกับใจบุญ มันอยู่ด้วยกันไม่ได้มากกว่านะ ฉันชอบรำไพ่ เธอชอบรำวง อ้าว “

“พูดเรื่องอะไรก็ไม่รู้” สายบัวจำต้องห้ามทัพเปลี่ยนประเด็นเสียก่อน

วันนั้นคุณนันทพร โชว์ฝีมือทำแกงเขียวหวาน แกงพะแนงเนื้อให้หม้อใหญ่ ส่วนคุณชวนชม ทำต้มยำข่าไก่ และแกงจืดวุ้นเส้น เมื่อตั้งหม้อ ลูกค้าเข้ามาชิม ชมกันทันที คุณทั้งสองจึงมีหน้าเปื้อนยิ้ม

“นี่นะใช่ว่าเราจะคุย ถ้าเราสองคนออกมาเปิดร้านแข่งกับเธอรับรองเลยว่าลูกค้าเธอหายเกลี้ยงร้าน”

“มาซิคะ มาดูกันว่า ฝีมือรึว่าความสวย”

“จ้ะ ความสวยฉันสู้เธอไม่ได้อยู่แล้ว แต่ฉันจะเอารูปสมัยที่เธอเคยกระดำกระด่างหอบผ้าหอบผ่อนมาจากบ้านนอก ไปแปะที่ร้านฉันให้รู้กันไปเลยว่า เธอมีที่มาที่ไปอย่างไร”

สายบัวยิ้ม ๆ ไม่อยากต่อปากต่อคำกับคนเจ้าคารมอย่างคุณชวนชม และลูกคู่ที่เข้าขาอย่างคุณนันทพร หญิงสาวถอนหายใจออกมา เมื่อชายตาไปทางโรงพยาบาล

และเหมือนทั้งคู่จะรู้ใจ

“รู้ไหม ฉันสองคนเคยรักผู้ชายคนเดียวกัน แต่ไม่รู้กัน พอความแตก มันก็เลยเลือกคนที่คู่ควร ฉันสองคนก็เลย มีประสบการณ์มาสั่งสอนเธอ” เป็นคำพูดที่สายบัวไม่อยากเชื่อหูตัวเองเลยจริง ๆ และยิ่งคุณชวนชมพูดผสมในเรื่องของตน สายบัวยิ่งเขินจนหน้าแดง




จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 เม.ย. 2554, 21:34:18 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 เม.ย. 2554, 21:34:18 น.

จำนวนการเข้าชม : 2209





<< ตอนที่ 11   ตอนที่ 13 >>
ก้อนอิฐ 15 เม.ย. 2554, 22:17:03 น.
เห้อ.........คุณอารักษ์ก็ไม่มา..คุณหมอก็ไม่ปรากฎ

ยัยสายบัวรอเก้อเอ๊ย.....อีกนานไม๊คะ..กว่าจะ...มีฉากหวานๆ


จุฬามณีเฟื่องนคร 15 เม.ย. 2554, 22:27:13 น.
เรื่องนี้มี 20 ตอนครับ ฉากหวาน ๆ น่าจะอยู่ สิบห้า แล้วก็ยี่สิบครับ นอกนั้นรันทดหมด.55555555555 ((ปล.ฉากหวาน ๆ อยู่ในเรื่อง กุหลาบซ่อนกลิ่นครับ))


ratchaneedee 15 เม.ย. 2554, 23:21:08 น.
อ้าววว...งั้นขอกุหลาบหวาน ๆ ซักช่อ ช่อนะคะเน้นช่อ นะคุณจุฬามณีฯ


Pat 16 เม.ย. 2554, 10:36:58 น.
อยากบอกให้ตัดใจจังกับสิ่งที่ไกลเก้ิิินเอื้อม คนไม่มีใจให้จะรอไปทำไมน้อ คุณอารักษ์นี่ถ้าทำตัวดีและชัดเจนกว่านี้ก็คงจะดี


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account