กุหลาบซ่อนกลิ่น (จบแล้ว)
นางเอกโตมาในไซด์งานก่อสร้าง ที่นั่นทำให้เธอรู้ว่า การแสดงตัวว่าเป็นหญิงเป็นเรื่องอันตราย ดังนั้นนางเอกจึงเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตัวเอง จนใคร ๆ มองว่าเป็นทอม แต่แท้จริงแล้ว เธอก็คือผู้หญิงคนหนึ่ง ที่มีรัก..และรักของเธอก็เป็นรักที่มีเวลามาเป็นตัวกำหนด....


Tags: โรแมนติก..

ตอน: 2.พรหมลิขต

2.


“ไอ้ม่าของข้าเป็นอย่างไงบ้าง” ทรงฤทธิ์เอ่ยถามเมื่อสูรย์เปิดประตูรถของเขาเข้ามานั่ง สูรย์ดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดพลางตอบว่า

“ก็ดี”

“น่ารักไหม” เขาว่าพลางออกรถไปยังจุดหมายที่ได้นัดกับเพื่อนร่วมรุ่นไว้

“จะเที่ยงคืนอยู่แล้ว ยังจะไปอีก” สูรย์เปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากเผยความรู้สึกที่แท้จริงออกไป แต่ทรงฤทธิ์หาได้ยอม เพราะงานนี้เขาอยากให้สูรย์เปิดใจรับใครสักคน เพื่อใครสักคนที่มองสูรย์อยู่ จะได้หันมามองเขา และที่สำคัญ หลังจากที่เซ้าซี้ถามไอ้ม่าตอนที่มันมึนเมาสุราในช่วงที่มันไปฝึกงานอยู่กับเขา เขาก็ได้คำตอบว่า ไอ้ม่ามันเป็นผู้หญิงแท้ ๆ แล้วก็มีสเป็คผู้ชายอยู่ในใจเหมือนกัน ซึ่งคนละลักษณะอย่างที่ไอ้ม่าเคยบอกไว้ จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ‘สูรย์’ เพื่อนรักของเขาที่เพิ่งเป็นโสด เพราะ หญิงคนรัก ที่รักกันมาเนิ่นนานเป็นอื่นไป

“ไม่ไปได้ไง ถ้าไม่ไป งานหน้าต้องจ่าย 30% นะ”
“อีกแค่ 5 % จะเป็นอะไรไปละ”

เพื่อนชายในกลุ่มที่เรียนมาด้วยกันมี 5 คน ซึ่งตั้งแต่เรียนจบมา จะมีนัดมีตติ้งกันเดือนละหนึ่งหน และแต่ละเดือนหากใครไม่มา เดือนถัดไปจะต้องหารเฉลี่ยค่าอาหารและเครื่องดื่มไป 30 % แต่ถ้ามาแล้วไม่มีสาว ๆ ติดตามมาด้วยจะต้องจ่าย 25 %

และสองสามเดือนมานี้ ทรงฤทธิ์กับสูรย์ ถูกหารคนละ 25 % รวมเป็นครึ่งหนึ่งของค่าอาหารและเครื่องดื่ม ในขณะที่เพื่อนทั้ง 3คนจ่ายเพียงคนละ 16.66 % หรืออีกครึ่งหนึ่งของค่าใช้จ่าย ที่มากินกันถึง 6 คน และตรงนี้เองเป็นที่เฮฮาของเพื่อน ๆ ในเวลาที่จ่ายเงิน และมีบางครั้ง ที่ทรงฤทธิ์พาน้อง ๆ แฟนชาวบ้านมาด้วยเพื่อจะได้ไม่ถูกเอาเปรียญ ส่วนสูรย์ก็เพิ่งจะมาจ่าย 25 % เมื่อ วรรณพร ไปเป็นอื่น ทั้งที่เคยรักกันปานจะกลืน..

“ข้าไม่ได้รวยเหมือนเอ็งนี่หว่า มนุษย์เงินเดือนนะครับ”

“เหยียบห้าหมื่นนี่นะ ปีละเท่าไหร่ โบนัสปลายปีอีก”

“งานอย่างข้ามันมีค่าใช้จ่ายจรอยู่บ่อย ๆ ไหนจะต้องส่งเสียพ่อแม่อีก กองทุนกู้ยืมเรียนอีก รถอีก บ้านก็ยังไม่มีเลย เกิดมาไม่หล่อไม่รวย เฮ้ย..อย่าบ่นมากเลยน่า เอาเป็นว่า ไอ้ม่าน่าสนไหม”

“เอ็งทำไมไม่จีบเสียเอง”

“ข้าชอบอย่างน้องธัญพืช เอ้ย ธัญรัตน์ เว้ย..แต่ว่าเขาชอบเอ็งมาก มากเสียจนไม่มีสายตามองข้าสักนิด”

“ขยัน ๆ จีบ เดี๋ยวเขาก็ใจอ่อน”

“ชวนมางานนี้ก็ไม่ยอม หลอกล่อสารพัดก็ไม่มา อ้างแต่ว่างานยุ่ง เอ็งน่าจะชวนเขามาด้วย”

“ไม่มีอารมณ์พิศวาส ไม่ชอบกินเบเกอรี่ด้วย”

“ลืมพรไม่ได้ละซิ แล้วน้องเค้าละ อรพิม”

“อย่าพูดถึงได้ไหม ..เบื่อทั้งคู่แหละ”

“น้องม่าละ”

“ไอ้ซ้ง” สูรย์ตวาดให้ ทรงฤทธิ์จึงต้องขับรถไปเงียบ ๆ แต่คนอย่างทรงฤทธิ์หรือจะเงียบได้นาน พอเห็นว่าเพื่อนรักที่เรียนวิศวกรรมโยธามาด้วยกันเย็นลงเขาก็เอ่ยขึ้นมาลอย ๆ ว่า

“แกคิดว่าคนอย่างไอ้ม่ามันจะทำกับข้าวได้ไหม”

“เขาก็ทำได้อยู่แล้ว”

“ทำให้อร่อยน่ะ”

“ศิษย์น้าลิ้มเก่งทุกคน” พอนึกถึงน้าส้มลิ้ม แม่ครัวเก่าที่อยู่กับแม่มานาน จนกระทั่งเขาแยกมาทำสาขาสองในรูปแบบสวนอาหารเมื่อสามปีก่อน แม่กับพี่สาวของเขาให้น้าส้มลิ้มตามมาคุมในครัวด้วย และแน่นอนว่า ลูกมือของน้าส้มลิ้มแต่ละคนนั้นต้องอึดจริง ๆ เพราะถ้าไม่ได้ดั่งใจแกก็จะสาดเสียเทเสีย เปรียบเปรยจนลาออกกลางคันกันอยู่บ่อย ๆ แต่ที่อยู่ต่อมาได้ ก็ได้วิชาจากน้าส้มลิ้มที่แม่ถ่ายทอดไว้ให้ จนกลายเป็นความเชี่ยวชาญติดตัว และก็มีหลายคนทีเดียวที่ลาออกจากร้านของเขาแล้วไปคุมครัวร้านอาหารไทยที่มีขนาดเล็กกว่า แล้วก็มีหลายคนที่ออกไปเปิดร้านอาหารเล็ก ๆ เพื่อเป็นนายของตัวเอง ส่วนไอ้ม่าของไอ้ซ้ง เขาไม่มั่นใจว่ามันจะอดทนกับน้าส้มลิ้มจนมีวิชาติดตัวได้หรือเปล่า คงต้องใช้เวลาเป็นเครื่องตัดสิน


เมื่อลงจากรถของทรงฤทธิ์ที่มีห้องเช่าอยู่ไม่ไกลจากสวนอาหารของเขา สูรย์ก็เห็นกุสุมาหิวปีกเพื่อนผู้หญิงข้างหนึ่ง ซึ่งอีกข้างหนึ่งของ
ผู้หญิงคนนั้นเป็นผู้ชายที่มีอายุไล่เลี่ยกัน..

“ไอ้ม่านี่หว่า หามใครออกมาวะ โลกกลมจริง ๆ ไอ้ม่า” ว่าแล้วทรงฤทธิ์ก็ตะโกนเรียก กุสุมาหันมามองก็ดันเพื่อนหญิงคนนั้นให้ฝ่ายชายแล้วตัวเองยืนหายใจหอบอย่างแรง..

ทรงฤทธิ์ล็อครถแล้วรีบสาวเท้าเข้าไปหา สูรย์เดินตามไปอย่างช้า ๆ โดยใจนั้นมีความยินดีไม่น้อยที่บังเอิญพบกับไอ้ม่าของไอ้ซ้งที่นี่

“มาเหมือนกันเหรอวะม่า”

“หวัดดีพี่ซ้ง หวัดดีอีกรอบครับเจ้านาย” แววตาของมันล้อเลียนเหมือนเดิม

“จะกลับแล้วเหรอม่า”

“ยังหรอก มาส่งอีนี่กับผัวมันกลับไปก่อน เมาแล้วแรด”

“อ้าว อีม่า อีนี่ เดี๋ยวมึง ว่ากูนะ” คนเมาไม่เมาสงบ แต่ว่าเมาแล้วห้าวพอดู

“ไป ๆ รถมาแล้ว” คนที่คงจะเป็นผัว รีบตัดบท พอรถแท็กซี่มาถึงกุสุมาก็รีบไปเปิดประตูให้ก่อนจะช่วยผลักคนเมาแต่ไม่ยอมรับว่าเมาเข้าไปในรถ แล้วก็เตะตูดเมื่อเพื่อนชายกำลังจะมุดตามเมียของตนไป..

พอปิดประตูรถแล้ว ‘ไอ้ม่า’ ก็ล้วงกระเป๋าหัวเราะอย่างสนุกสนานโดยลืมไปว่ามีสายตาของ ‘เจ้านาย’ มองอยู่ และพอรู้สึกตัว กุสุมาก็ยิ้มแหย ๆ ก่อนจะเป็นคนชวนคุยเสียเอง

“มากันได้อย่างไง มาเที่ยวเหมือนกันเหรอ”

“มิตติ้งประจำเดือนกับเพื่อน ๆ นัดกันไว้ มันมากันหมดแล้ว พวกเอ็งละ มากันเยอะไหม” ทรงฤทธิ์เอ่ยถามเพราะพอรู้จักเพื่อน ๆ ของหญิงสาวเป็นอย่างดี ด้วยช่วงที่ฝึกงาน นอกจากกุสุมา ก็ยังมีเพื่อน ๆ ของเจ้าหล่อนอีกหลายคนที่ได้ฝึกงานในบริษัทของเขา และเขาก็เป็นคนดูแลพวกน้อง ๆ เหล่านี้ด้วย

“ยี่สิบคน กำลังได้ที่เลย นี่ก็จะกลับแล้ว ขอแม่ไว้แค่ห้าทุ่ม”

“กลับอย่างไง แท็กซี่เหรอ” พอกุสุมาพยักหน้า ทรงฤทธิ์จึงรีบดึงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า

“กลับตีสองก็ได้มั้ง เดี๋ยวพี่โทรหาหาป้ากับลุงให้” ทรงฤทธิ์รู้จักพ่อกับแม่ของกุสุมาเป็นอย่างดี เพราะนายบุญโชคพ่อเลี้ยงของกุสุมาที่ทำรับเหมาก่อสร้างนั้น รับงานในบริษัทที่เขาทำงานอยู่ด้วย “ทำไมละพี่”

“เหอะน่า เข้าไปใหม่ ไปกับพี่หน่อย”

“โอ้ย ไม่เอาหรอก ไม่อยากเจอพวกมันแล้ว”

“ของพี่อยู่โซนเพื่อชีวิต ไม่ใช่เธควัยรุ่นปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม.. ช่วยพี่หน่อย”

“ช่วยอะไร ม่า พรุ่งนี้ม่ามีงาน ต้องทำงาน”

พอกุสุมาอ้างเรื่องงาน ทรงฤทธิ์จึงจับต้นแขนแล้วก้มลงกระซิบเบา ๆว่า

“ไอ้ที่ยืนอยู่นี่คือเจ้านาย เพราะฉะนั้น สานความสัมพันธ์ไว้ แล้วทุกอย่างจะดีเอง โอเค๊”


ย่านนี้เป็นย่านบันเทิงที่มีสถานบริการหลากหลายรูปแบบเพื่อรองรับนักเที่ยวหลายกลุ่ม ฝั่งที่ทรงฤทธิ์นัดกับเพื่อน ๆ ไว้เป็นร้านเพื่อชีวิต ดนตรีจึงไม่ดังเท่าฟังที่เป็นเธคซึ่งจะมีเด็กวัยรุ่นเสียเป็นส่วนใหญ่

พอทรงฤทธิ์เดินนำสูรย์และกุสุมาไปถึงโต๊ะที่เพื่อนได้โทรแจ้งรายละเอียดไว้ คนที่นั่งอยู่ก่อนก็ชะเง้อไปทางด้านหลังของคนที่เดินมา

“มากันสามคน แล้วนี่ของใครวะ”
กุสุมาได้ยิน แต่ไม่เข้าใจคำถาม แต่ถึงกระนั้นตามมารยาทของเด็กกับผู้ใหญ่ เจ้าก็ยกมือไหว้แบบห่ามๆ ริมฝีปากบางสีชมพูอ่อนคลี่ยิ้มเล็กน้อย ดวงตาคมดวงกลมโตก็กรอกตาไปมา ก่อนจะเสมองไปยังเวทีแสร้งสนใจฟังเพลงทั้งที่รู้สึกเก้อ ๆ กับสายตาของชายสามคน หญิงสาวคนที่นั่งอยู่ก่อนไม่น้อย

“เฮ้ย ไอ้ซ้งรสนิยมมึง..อย่าบอกนะว่าของมึง”

“มึงไม่มีปัญญาหาสาวแท้ ๆ มาหรือวะไอ้ซ้ง”

เป็นที่รู้กันว่า นอกจาก ‘ขี้เมา’ แล้วกลุ่มนี้ทั้งกลุ่มก็ยังมีนิสัย ‘ปากหมา’ อีกด้วย กุสุมาเองนั้นก็ชิน ๆ กับผู้ชายปากจัด และแน่นอนว่า ตัวเธอเองก็ใช่ย่อย แต่ว่าครั้งนี้ ที่เธอยอมไม่กลับบ้านก็เพราะอยากจะเห็นสังคมของเจ้านายของเธอเหมือนกัน และเธอก็อยากรู้นักคนหน้าตายแต่ดูอบอุ่น เวลาอยู่กับเพื่อนจะเป็นอย่างไร

“นี่ไม่ใช่ของกูโว้ย งานนี้กูจ่าย 25 % พวกมึง สี่คน จ่าย คนละ 18.75”

“ของไอ้สูรย์หรือวะ”

ใช่หรือไม่ใช่สูรย์ที่นั่งลงก่อนแล้วก็ดึงกุสุมาไปนั่งข้าง ๆ อย่างยอมรับ

..กุสุมาเองก็ยังงง ๆ แต่ก็ทรุดตัวลงนั่งบนม้าไม้ตัวยาวข้างเขาและเธอก็รู้สึกว่าที่มันแคบขึ้นมาเมื่อทรงฤทธิ์ทรุดตัวลงนั่งอีกคน..

“จริงหรือไอ้สูรย์ น้องคนนี้ของมึง”

“ทำไม” เขาถามเสียงเข้ม และพอแก้วเหล้าถูกยื่นมาหา เขาก็คว้าขึ้นจิบทันที

“ไม่ทำไมหรอก..ดี ดีกว่ามาตัวคนเดียว ดีกว่าไม่มีน้ำยา”

“น้ำยากูมี แต่เขาติดธุระโว้ย” ทรงฤทธิ์ร้อนเมื่อถูกว่าให้

หลังจากลับฝีปากกันพอหอมปากหอมคอ เพื่อนชายและแฟนสาวของทรงฤทธิ์กับสูรย์ ก็ถูกแนะนำตัวให้กุสุมาได้รู้จัก กุสุมาก็ได้แต่ยิ้ม ๆ ทำทีว่าจดจำชื่อของแต่ละคนได้ แต่พอเขาเปลี่ยนเรื่องคุย กุสุมาก็ใช้ช่วงเวลานั้นจัดการกับแกล้มบนโต๊ะเสียจนเรียบไปในพริบตา..เพราะว่าในงานวันเกิดของเพื่อนนั้น เจ้าภาพไม่ได้มีเงินมากมายที่มาเฮฮากันได้ แต่ก็ใช้วิธีลงขัน ซึ่งมันก็หมดไปกับค่ามิกเซอร์เสียเป็นส่วนใหญ่ ส่วนกับแกล้มอร่อย ๆ แพง ๆ แบบนี้ จะมัวนั่งมองสงวนทีท่าอยู่ทำไม ส่วนของมึนเมาที่คนนั่งอยู่ก่อนถามไถ่ว่าต้องการไหม กุสุมาก็ปฏิเสธด้วยอ้างว่า “วันนี้ไม่ค่อยดี เจ็บคอ และเหมือนจะไม่สบาย” นอกจากนั้นก็ยังมีเหน็บคนข้าง ๆ ไปด้วยว่า “พรุ่งนี้ต้องไปเริ่มงานที่ใหม่ เจ้านายไม่ชอบคนดื่มเหล้าเมายา”

“เป็นไงอาหารร้านนี้อร่อยไหม” ลมเย็นจากปากของสูรย์มาพร้อมกับคำถามหยอกล้อ กุสุมาเอียงศีรษะได้รูปหนีแล้วชายตามองหน้าเขา จึงได้เห็นว่าเขายิ้มพรายสีหน้าพอใจที่ได้หยอกเธอได้

“อยากกินอะไรอีกไหม”

“อิ่มแล้ว”

“ก็น่าอิ่มหรอก..”

“นี่..” กุสุมาเสียงเข้มขึ้น

“พักฟังเพลงมั่งก็ได้ เพลงเขาเพราะนะ..แต่ว่าเพลงสไตล์นี้เราฟังได้ไหม”

“ฟังได้..ฟังได้ทุกแนวแหละ..”

“สุนทราภรณ์ ลูกกรุง”

“มากไป..”

“คุยอะไรกันอ่ะ” หูข้างซ้ายก็พยายามเงี่ยฟังสูรย์ แต่ว่าก็มีคำถามขัดจังหวะของทรงชัยเข้ามาทางหูด้านซ้าย “

“เรื่องดินฟ้าอากาศ..พี่ซ้ง ดื่มมาก ๆ จะขับรถกลับบ้านไหวเหรอ”

“ไม่ไหวก็ให้ไอ้สูรย์มันขับ”

“เขาก็กิน กินอย่างกับไม่เคยกิน..”

“คอมันแข็งจะตาย”

“ถ้าเจอด่านตรวจละ คิดกันบ้างไหม”

“ไม่มีหรอก ไม่เคยเจอ..”

“แล้วจะหาว่าไม่เตือน”

พอได้ยินกุสุมาเตือนสติ สมองของทรงฤทธิ์ก็เริ่มครุ่นคิดหาวิธีสานความสัมพันธ์ ให้คนทั้งคู่..เพราะเซ้นของเขานั้นมันบอกว่า ที่กุสุมาไม่ยอมไม่กลับบ้านทั้งที่เมื่อก่อนใครก็ไม่เคยรั้งมันไว้ได้

..เพราะลึก ๆ กุสุมาก็อยากทำความรู้จักกับสูรย์ให้มากยิ่งขึ้น สูรย์เองหลังจากที่วรรณพรผู้หญิงที่รักกันมาถึงเจ็ดปี มาสารภาพว่าลึก ๆ ในใจยังไม่ลืมแฟนเก่าที่ได้ทุนไปเรียนต่อต่างประเทศจนกระทั่งจบการศึกษาได้เป็นถึงด็อกเตอร์มีงานทำมั่นคงอยู่ที่สิงคโปร์ สูรย์ก็เหมือนถูกตบบ้องหูทั้งสองข้าง ช่วงเวลานั้นสูรย์เล่นเกมส์ยื้อยึดกับวรรณพรอยู่นาน แต่ว่า สุดท้าย ด้วยความรักที่มีให้วรรณพร และความจริงที่ต้องยอมรับ สูรย์จำต้องยอมปล่อยมือและต้องอโหสิกรรมให้กับวรรณพรด้วย..

หลังจากนั้นสูรย์ก็ทำตัวเหมือนคนไร้ชีวิตจิตใจ ไม่ชายตาแลผู้หญิงคนไหนอีกเลย แต่ถึงกระนั้นก็มีผู้อรพิม น้องสาววรรณพรอีกคนที่ยังอดทนตามตื้อ แต่สูรย์ก็วางตัวแบบพี่ชายกับน้องสาว ส่วนธัญรัตน์นั้นด้วยสนิทสนมกันด้วยร่วมธุรกิจกันมา พอสูรย์เป็นโสด ทั้งที่เกือบจะแต่งงานกับวรรณพรอยู่แล้ว ธัญรัตน์ก็เปิดเผยใจของตัวเองให้สูรย์ได้รู้ ทั้งที่ธัญรัตน์เป็นผู้หญิงที่ดูเรียบร้อยซึ่งเขาเองก็เพียรจีบธัญรัตน์มานานนมไปดื่มกาแฟกับเบเกอร์รี่ที่ร้านของเจ้าหล่อนจนกระเป๋าแทบฉีกเพราะมันแพงกว่าค่าข้าวกลางวันเขาเสียอีก

แต่ธัญรัตน์ก็ยืนไมตรีให้เขาเพียงคำว่าเพื่อน และสูรย์ก็มอบไมตรีให้ธัญรัตน์ได้เพียงเพื่อนเหมือนกัน ดังนั้นเขาจึงไม่คิดหนี และนอกจากนั้น พอเขาเชียร์สูรย์กับกุสุมา สูรย์กลับมีแววตารื่นรมย์ไม่เย็นชาและไม่ทำเป็นไม่สนใจเช่นที่เคยเห็น และมันก็เป็นไปได้ที่สูรย์อาจจะต้องชะตากับ แม่ดอกไม้ซ่อนกลิ่นดอกนี้..


หลังจากที่หนังท้องตึงหนังตาของกุสุมาก็หย่อน แม้เพลงบนเวทีจะเร้าอารมณ์ขึ้น แม้กุสุมาจะอยากลุกขึ้นเต้นเหมือนบรรดาสาว ๆ สุดสวยร่วมโต๊ะ แต่ด้วยอยากกลับบ้านเพราะไม่อยากทนฟังเรื่องที่ไม่ค่อยจะอยากฟัง อันได้แก่เรื่องของพวกเขากับเรื่องเหตุบ้านการเมือง กับเรื่องธุรกิจที่เธอยังไม่อยากเข้าใจ กับอยากกลับบ้านไปเล่นเกมส์ กุสุมาจึงแสร้งหาวติด ๆ กัน เพราะคืนนี้อย่างไร คนที่จะต้องไปส่งเธอให้ถึงที่บ้านอย่างที่ได้รับปากไว้กับแม่ก็คือทรงฤทธิ์ ซึ่งเวลานี้ ลิ้นเริ่มจะพันกันเสียแล้ว..

“พี่ซ้งกลับเหอะ ม่าง่วงแล้ว เที่ยงคืนแล้วนะ”

“ถามไอ้สูรย์สิมันอยากกลับหรือยัง”

“อ้าว พี่ ก็รถพี่ ถ้าพี่กลับเขาก็ต้องกลับ ถ้าเขาไม่อยากลับ ก็ให้เขาขึ้นแท็กซี่”

“พี่สัญญาว่าจะไปส่งมันที่บ้าน สัญญาว่าจะให้มันเมาให้เต็มที่”

“ไหนว่าคอแข็ง”

“แข็งแล้วมันดูเหมือนเมาไหมละ”

กุสุมาที่เอนตัวใช้แทนทั้งสองข้างท้าวอยู่ที่เข่าปรายตาไปมอง
สูรย์ที่ปลดกระดุมลงมาถึงสามเม็ดเพราะคงร้อนจากฤทธิ์สุรา ก่อนจะค่อย ๆช้อนตาดูคางบุ๋มริมฝีปากกับจมูกโด่งเป็นสัน และที่ทำให้กุสุมาต้องกรอกตาดำ ๆ ของตัวเองไปมาแล้วยิ้มกริ่มเป็นเพราะดวงตากลมโตของเขานั้นแลสบมาอย่างมีคำถาม..

“เป็นอะไร”

“ง่วงแล้ว กลับเหอะ”

“ยังไม่เที่ยงคืนเลย”

“นะ พรุ่งนี้ม่าต้องไปทำงาน เสื้อกระโปรงนั่นม่ายังไม่ได้รีดเลย กลับเถอะนะ ง่วงแล้ว ง่วงมาก”



พอเดินนำสองหนุ่มวัยสามสิบสองปีออกมาจากในผับเพื่อชีวิต กุสุมาก็ต้องชะงักเท้าเมื่อเห็นว่า ก๊วนเพื่อน ๆ ยังไม่ได้กลับบ้านกันไป..

“ไอ้ม่า”

พอเลี่ยงไม่ได้ กุสุมาจริงยิ้มแหย ๆ ให้

“มึงไปไหนมา โทรไปก็ปิดโทรศัพท์ พวกกูเป็นห่วงแทบแย่ นึกว่าถูกใครลากไปข่มขืนแล้ว”

“ใครมันจะกล้ากับกู..”

“มันคงเป็นเกย์แหละถึงจะกล้ากับมึง..ตกลงมึงไปไหนมา..”

คำตอบของกุสุมาก็คือ ทรงชัยกับสูรย์ที่เดินตามหลังมา กุสุมาจึงแหย ๆ ให้กลุ่มเพื่อนชายและบรรดาแฟนสาวที่จับกลุ่มอยู่หน้ารถมอเตอร์ไซค์ที่พร้อมจะซิ่งเพื่อความสะใจหลังเที่ยงคืนวันนี้..

“เจอพี่ซ้งน่ะ เขาเอ่อ เขาชวนกูไปกินด้วย ก็เลยไปกับเขา..”

“แล้วทิ้งพวกกูเลยนะ แต่อย่างไรมึงก็ต้องหาร สามร้อย เอาเงินมา”

“กูก็นึกว่าอะไร” ว่าแล้วกุสุมาก็ล้วงเงินในกระเป๋ากางเกงไปให้เพื่อนชายที่ตั้งท่าเดินมาหา และจังหวะนั้นทรงฤทธิ์ก็เดินมาถึงพอดี เด็กหนุ่มที่รู้จักต่างพากันยกมือไหว้ ทรงฤทธิ์ทักทายพอเป็นพิธี ก่อนจะขอเดินตามสูรย์ไปที่รถยนต์ของตัวเอง..

“มึงจะกลับกับพี่ซ้งเหรอ”

“เขาเป็นคนโทรไปขอแม่ให้ กูถึงกลับได้จนป่านนี้ไง ไปแล้วนะ” ว่าแล้ว
กุสุมาก็โหย่งตัวเดินอาด ๆ ตามหลังสูรย์ไป

“ได้ดีแล้วลืมเพื่อนนะมึง” เพื่อนชายคนเดิมตะโกนตามหลังมา

“พวกมึงก็ดูแลตัวเองด้วยละ ดึกแล้วกลับบ้านนอนเหอะ ไปละ”



เมื่อเปิดประตูหลัง กุสุมาก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าทรงฤทธิ์นอนเหยียดยาว และที่นั่งคนขับก็เป็นสูรย์ที่หันหลังมามองเหมือนมันเป็นเรื่องที่ไม่ควรสงสัย

“เกิดอะไรขึ้น” กุสุมาอดถามไม่ได้

“มันเมา”

“อ้าว ตายห่า”

“มานั่งหน้า แล้วบอกทางกลับบ้าน”

กุสุมาจำต้องเปิดประตูรถแล้วเข้าไปนั่งด้านหน้าคู่กับเขา คนที่ทำให้เธอรู้สึกว่าเลือดในกายสูบฉีดโดยเฉพาะสายตาของเขานั้น กุสุมาไม่อยากจะมองตรง ๆ เพราะมันทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหว จนกระทั่งรู้สึกประหม่าอยู่ไม่น้อย

“พวกนั้นเป็นใคร” สูรย์เอ่ยถามเมื่อรถเคลื่อนออกจากลานจอด

“เพื่อนเรียนมาด้วยกัน คงอีกนานกว่าจะได้เจอกันครบทีมแบบนี้”

“ธรรมดา เรียนจบแล้วก็ต้องแยกย้ายกันไปหากิน มันเป็นสัจจะธรรม มีพบมีพลัดพราก” เอ่ยไปแล้วเขาก็ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะพูดว่า “แต่เราคงจะไปไกลหน่อย ต่อไปเพื่อน ๆ คงจะคิดถึงแย่”

“ไกล อะไร” กุสุมาทำหน้างง

“อ้าว ก็เราจะไปเรียนต่อ”

“ใช่..ลืมไปเลย ว่าต้องไปเรียนต่อ..” ดวงตาของกุสุมาจับอยู่ที่ถนนแต่ว่าใจนั้นเลื่อนลอยไปถึงอนาคตในต่างแดนที่ยากจะคาดเดา

“อย่าลืมแล้วกัน พรุ่งนี้ต้องไปทำงาน”

“ไม่ลืมหรอก”

“ห้ามออกกลางคันด้วยนะ”

“ทำไมละ”

“ถ้าไม่สัญญา ฉันก็ไม่รับเธอทำงาน”

“โอ้ย มีแบบนี้ด้วย”

“อยากเห็นว่าผู้หญิงอย่างเราจะทำอาหารได้ไหม”

“หมายความว่าไง”

สูรย์ที่ขับรถปลายตามามองแล้วเบ้หน้าพรางส่ายหัวช้า ๆ

“หมายความว่าไง”

“ก็ ผู้หญิงที่ดูจะไม่เป็นผู้หญิงนะสิ จะทนทำงานอย่างผู้หญิงส่วนใหญ่เขาทำได้ไหม”

“แหม เชฟเก่ง ๆ ส่วนใหญ่ก็มีแต่ผู้ชาย”

“แต่ครัวอิ่มสุขจะมีเชฟทอมคนแรกของโลก”

“ทอมอะไร” กุสุมาเริ่มพื้นเสีย เพราะคำว่า ‘ทอม’ นี้แม้เธอจะจงใจให้ร่างกายภายนอกนั้นเป็น แต่ในใจของเธอหาได้อยากเป็นอย่างนั้น และก่อนหน้านั้นก็มีหญิงที่มีใจรักหญิง หรือที่เรียกว่า ‘ดี้’ มาทอดสะพานให้ แต่เธอหลบ ๆ เลี่ยง ๆ ดำรงตัวหญิงในคราบชายอย่างสบายใจมาได้ และถึงใครจะมองว่าเธอเป็นทอม ก็มีน้อยคนนักที่จะเอ่ยถึงความรู้สึกกับเธอตรง ๆ แบบนี้ และเขาคนนี้ กุสุมาเองก็รู้สึกกระชุ่มกระชวยเมื่อได้อยู่ใกล้ ๆ ด้วย หากเขามองเธอเป็นทอมเป็นหญิงรักหญิงไปเสียแล้ว ใจที่เริ่มไขว้เขวไปกับเขาก็คงจะห่อเหี่ยวเหมือนอย่างที่เคย..

กุสุมาหน้าบึ้งก่อนจะสะบัดไปมองข้างนอกและพอเห็นว่าตึกรามบ้านช่องข้างทางรวมถึงป้ายซอยไม่ใช่เส้นทางไปบ้านของเธอ กุสุมาจึงต้องรีบหันกลับไปหาคนขับ และหูของเธอก็ได้คำตอบเหมือนรู้ใจว่า

“ไปส่งไอ้ซ้งมันก่อน แล้วถึงจะไปส่งเราที่บ้าน”





จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 เม.ย. 2554, 11:36:39 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 เม.ย. 2554, 22:21:53 น.

จำนวนการเข้าชม : 2984





<< 1.รายงานตัว..   3.วันแรก(ก็โดนซะแล้ว) >>
ปิลันธน์ 18 มี.ค. 2555, 14:34:50 น.
ไอ้ม่า...น่ารักถูกใจมากกก^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account