รอยต่อแห่งฝัน
เป็นเรื่องของการวาดหวังในความรัก ของแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะเป็น นิศา อัฐ
มาย ทุกคนต่างฝันถึงรักในแบบของตัวเอง
แต่ในความเป็นจริง คนเราไม่อาจคาดหวังในความรักแบบที่เราต้องการได้

บางคนยอมรับกับความพลาดหวังได้
บางคนไม่อาจยอมรับได้
หลายคนจึงพลัดตกลงไป ในรอยต่อระหว่างความฝันกับความจริง


Tags: love lale

ตอน: ตอน ๒

สวัสดีค่ะ

ตอนใหม่มาแล้วนะคะ

อ่านแล้วช่วยเมนท์ให้บ้างนะคะ คนเขียนจะได้มีกำลังใจอัพตอนใหม่หน่อย หรือจะกด "ไลท์" ก็โออยู่ค่ะ

ขอบคุณที่แวะเข้ามาเยี่ยมนะคะ

เทียนจันทร์


ตอน ๒

มายนั่นเอง นิศาเห็นเขานั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงริมระเบียง หล่อนเปิดประตูรั้วไม้เตี้ย ๆ ที่โอบล้อมบ้านหลังเล็กสีขาวไว้ นิศาเดินตามแผ่นหินที่วางเรียงรายเป็นทางมายังตัวบ้าน

"รถยังไม่เรียบร้อยอีกเเหรอ"
"ยังเลย อีก 2-3 วัน"
"ผมมาคอยนิ"
"มีอะไรเหรอ"
"มีเรื่องอยากคุยด้วยหน่อย" มายเดินไปเกาะราวระเบียง เขาอัดอัดกับสายตาของนิศา กลัวเหลือเกินกับคำตอนที่จะออกจากปากของหล่อน หากมันไม่ได้เป็นอย่างที่เขาหวังไว้ จะทนได้หรือเปล่า

นิศาค่อยข้างแปลกใจกับท่าทีของมายในวันนี้ หล่อนถอดรองเท้าหิ้วขึ้นบันไดมา

"ว่าไปสิ" นิศานั่งลง มองเข้าไปในครัว แพรวากำลังวุ่นวายกับการอบขนม
"ผมรู้สึกเบื่อ ๆ ยังไงก็ไม่รู้"
"หมายถึงงานเหรอ หรือว่าอะไร"
"งาน"
"มันไม่ใช่งานที่มายรักหรอกเหรอ"
มายเสยผม ซึ่งเป็นกิริยาที่คุ้นตา เมื่อเขามีเรื่องกังวลใจหรืออึดอัดใจ

เขาทอดสายตาออกไปไกล

"ผมฝันว่าจะมีสักวันหนึ่งที่ได้เดินทางไปกับคนที่ผมรัก ถ่ายภาพไปเรื่อย ๆ ตามที่ต่าง ๆ มีโฮมคาร์สักคันเป็นบ้านสำหรับเรา"

มายจ้องหน้านิศา

"เดินทางไปทุกหนแห่ง เมื่อเก็บงานได้มากพอก็จัดนิทรรศการให้คนอื่นได้ชื่นชมบ้างในระหว่างการเดินทาง ผมว่ามันไม่ได้เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มากจนเป็นไปไม่ได้"
"ไม่แน่หรอกว่า สิ่งที่ว่าไม่ยิ่งใหญ่ก็ไม่อาจเป็นไปได้เท่า ๆ กับสิ่งที่ยิ่งใหญ่ด้วยเหมือนกัน"
"-----o-----"
"คนที่จะมาร่วมสร้างฝันกับเรา ก็หาไม่ได้ง่ายนักหรอก ทำไมมายไม่คิดบ้างว่าการดำเนินชีวิตอย่างนั้นคนรักของคุณจะทนได้หรือเปล่า ไม่มีผู้หญิงคนไหนเอาชีวิตไปแขวนไว้กับการเดินทางที่ไร้ร่องรอยของหลักประกันความมั่นคง

ในเมื่อตอนนี้มายมีชื่อเสียง เงินทอง มายจะละทิ้งมันไปด้วยเหตุใด"

นิศาแปลกใจในความคิดของผู้ชายคนนี้ หล่อนไม่เคยนึกมาก่อนว่าผู้ชายมากเสน่ห์ที่แวดล้อมไปด้วยสาว ๆ มากมายจะคิดแบบนี้ คู่ควงของเขาแต่ละคนก็ไม่ใช่ธรรมดา พวกเธอคนใดคนหนึ่งในจำนวนนั้นไม่มีทางเห็นด้วยแน่นอน

"นิคิดว่าอย่างนั้นเหรอ"
"ไม่หรอก สำหรับนิขอเพียงผู้ชายคนนั้นเป็นคนที่นิรักล่ะก็ ยินดีจะติดตามไปทุกหนแห่ง"
"แต่งงานกับผมได้มั๊ย" เขาถามแววตาเว้าวอน
"มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่"
"ผมไม่รู้ หลายวันมานี่ผมพยามคิดหาเหตุผล แต่ในความรักมักไม่มีเหตุผลไม่ใช่เหรอ รักก็คือรัก แค่รู้ว่าผมรักนิมาก"
"ผมรักคุณ" เขาสารภาพเป็นครั้งแรก
"ฉันเชื่อค่ะ แต่ว่า..."
"รักผมบ้างหรือเปล่า" เขาถามแผ่วเครือ
"โธ่...มาย"
"บอกมาเถอะ ผมอยากฟังจากปากนิ"

นิศาส่ายหน้า

มายหลับตา เขาปล่อยมือจากหล่อน
"ฉันมีคนที่รักอยู่แล้ว"
"ผมไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย"
"เขาเหมือนไม่มีตัวตนที่ฉันจะรัก แต่ก็ได้เจอเขาแล้ว"
"ผมน่าจะรู้"
"นิหวังว่ามายจะเข้าใจ"
"เราต่างรอคอยใครบางคนอยู่เสมอ" เสียงของมายดังว่าแว่วมาจากที่อันไกลแสนไกล
"มันห้ามไม่ได้เลย เมื่อใจเราไปรักใครเข้าจนถอนใจไม่ขึ้น" นิศาน้ำตาซึม
"ผมเข้าใจ ผมขอโทษนะคนดี" มายกอดหล่อนไว้ กระซิบข้างหูแผ่วเบา

เขากอดหล่อนไว้นานเนิ่นก่อนจะผละจากไป นิศาไม่อาจทราบได้เลยว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นจากผลของเหตุการณ์ครั้งนี้

ถ้าเพียงแต่หล่อนจะกันตัวเองออกมาจากความรู้สึกของมาย เพราะการแสดงออกของมายนิศาน่าจะรู้ดีอยู่แล้ว

"อ้าว...มายกลับไปแล้วเหรอ" แพรวาถือจานขนมออกมา วางตรงหน้านิศา
"เกิดอะไรขึ้น" เธอจับมือนิศาบีบเบา ๆ
"ไม่มีอะไรจ๊ะ"
"มีอะไรไม่สบายใจก็บอกแพรนะ เราเป็นเพื่อนกันใช่มั๊ย"
"ใช่ เราเป็นเพื่อนกัน และนิก็รักแพร" หล่อนกอดเพื่อนสาวไว้เหมือนจะขอพักพิง

********** **********

เสียงครึกครื้นในอพาร์ทเม้นท์ที่ดังแว่วออกมา บอกได้ว่าคนข้างในซัดน้ำเปลี่ยนนิสัยเข้าไปถึงขนาดบ้างแล้ว นิศากดออดหน้าห้อง ครางเพลงฆ่าเวลาไปตามอารมณ์

"ว้าว...นางแบบชื่อดังมาแล้วโว๊ย" โยตะโกนบอกพวกพ้อง ขณะตัวเองเป็นคนเปิดประตู
"งานไอ้ฟางโคตรหย่าย ย ย นางแบบยังเทคิวให้เลยนะนี่" โยยังไม่หยุดเย้า
"ฟาง แกอยู่ไหนวะ ทำไมปล่อยสัตว์สี่เท้าออกมาเพ่นพ่าน"

นิศาแกล้งส่งเสียงดังหน้าห้อง

"แกว่าฉันเป็นกระต่ายเหรอ" โยทำหน้าไม่รู้เรื่องราว
"ใช่ กระต่ายที่เห็นดวงจันทร์แล้วหอนน่ะ รู้จักป่ะ" นิศาลอยหน้าลอยตาดึงจมูกโย หัวเราะเสียงดังลั่น

โยคว้าข้อมือรีบฉุดเข้ามาในห้อง ก่อนที่เจ้าหล่อนจะทำให้เขาได้อาย นิศามีวิธีร้อยแปดที่จะทำให้เพื่อนได้ขายหน้า

โยลากหล่อนเข้ามาร่วมวงกับคิวและเพื่อน ๆ ของพวกเขาจำพวกนักดนตรีทั้งหลายแหล่ ที่เล่นอยู่ด้วยกันที่ร้าน

หล่อนมองเห็นฟางต้อนรับเพื่อนสาวคนล่าสุดของเขาในมุมส่วนตัว อีกด้านหนึ่งของห้องรับแขก

"ฉันไปหาฟางท่าจะสนุกกว่า"
ว่าแล้วหล่อนก็ลิ่วไปหาฟาง
"ไม่สนใจเพื่อนฝูงเลยนะแก"
"มาแล้วเหรอ" ฟางทักเนือย ๆ ไม่ค่อยสนใจเจ้าหล่อน นับว่าเป็นสิ่งผิดมหันต์ทีเดียว

นิศาทำตาเจ้าเล่ห์ หล่อนหอมแก้มฟางเสียฟอดใหญ่ นั่งลงบนตักเขา
"สุขสันต์วันเกิดค่ะที่รัก" หล่อนเหลือบมองสาวน้อยข้าง ๆ ฟาง
"เล่นอะไร" ฟางพูดไม่จริงจัง ยิ้มอย่างรู้เท่าทัน
"หนูเป็นแฟนฟางเหรอจ๊ะ นี่รู้มั๊ยหมอนี่มีแฟนเป็นโหล อย่าคิดว่าเขาจะจริงจังกับเธอ กลับไปหาแม่เถอะดึงป่านนี้แล้ว ไปพี่ไปส่ง"

นิศาฉุดแขนเด็กสาวให้ลุกขึ้น
"ไม่เกี่ยวกับคุณสักหน่อย"
"อ้าว...ทำไมจะไม่เกี่ยวล่ะฟางเป็นแฟนฉันนี่ ว่าแต่เขาบอกรักเธอสิใช่มั๊ย เขาต้องการเธออันนี้ใช่แน่นอน หมอนี่ต้องการผู้หญิงทุกคนแหละ เถอะน่าพี่ไปส่ง"
"ไม่ต้อง" เด็กสาวผลุนผลันออกไปอย่างไม่พอใจนิศา
"ฉันไม่เข้าใจเลย ทำไมเด็กคนนั้นถึงได้โกรธ ฉันหวังดีแท้ ๆ"
ฟางเปลี่ยนสายตามามองนิศา
"ทำไม"
"แกทำฉันเสียแผนหมด" ฟางต่อว่าไม่จริงจัง เขารู้ดีถึงนิสัยของเพื่อนสาวคนนี้
"เธอยังเยาว์วัยเกินไป"
"คิดว่าฉันจะทำอะไรเค้าเล่า" ฟางส่ายหน้า
"จะไปรู้เหรอ แต่ฉันไม่ไว้ใจแกว่ะ เห็นสาวน้อยไม่ได้รี่เข้าใส่"
ฟางหัวเราะกลบเกลื่อน
"ฉันแทนก็ได้ สนมั๊ยเล่า" หล่อนยั่ว
"โอโน...รู้ไปถึงไหนอายเขาถึงนั่น" ว่าแล้วฟางก็หลบวูบเมื่อเห็นข้อศอกแหลม ๆ ผ่านหน้าไปหวุดหวิด
"เด็ก ๆ เข้ามาหาฉันเองหรอกน่า คนมันเท่ห์ห่ะ ช่วยไม่ได้ แถมเสน่ห์ยังเหลือเฟือ ฉันมันสุดเจ๋งอย่างกับจางกึนซอก" ฟางโม้
"โห...กึนซอก" นิศาทำหน้าเหยเกรีบลุกขึ้นทันที

"จะไม่แนะนำหน่อยเหรอ" ชายหนุ่มหน้าเข้มตบไหล่ฟาง
"คนนี้นิน เล่นดนตรีอยู่ด้วยกันที่ร้าน เพิ่งมาใหม่"
นิศาพยักหน้ายิ้ม ๆ
"คุณเป็นนางแบบคนดังนี่นา" นินยื่นหน้ามาใกล้ นิศาได้กลิ่นเหล้าจากปากของเขา
"คุยกับผมก่อนสิ" เขาฉุดข้อมือนิศา
"เอ้...เพื่อน นายเมาแล้ว" ฟางเสียงเข้ม
"หวงรึไง"
"อยู่ให้ห่างเธอไว้ ถ้าไม่อยากตกงาน" ฟางผลักหมอนั่นให้นั่งลง

กับเพื่อนก็อย่างนี้เอง ฟางน่ารักเสมอ

"ขอบคุณ" นิศาพึมพำกับฟาง
เขาหัวเราะเขิน ๆ

"ไง ไอ้จรปล่อยปลาแกไปรึไง" โยถาม
"ยุ่งไม่เข้าท่า" ฟางตบหัวหล่อนเบา ๆ

เพื่อนสนิทเรีกนิศาว่าจรมาตั้งแต่เรียนมหา-ลัย คิวเป็นคนอธิบายว่า

"เพราะแกชื่อนิศา และชอบกลางคืนมากกว่ากลางวัน กูว่าชื่อนิศาจรแหละเหมาะกับแกที่สุด เพราะมันแปลว่าการเดินทางตอนกลางคืน หรือการเดินทางของค่ำคืนอะไรเทือกนั้น"

คิวพยามอธิบายให้ฟังดูโรแมนติก ซึ่งหล่อนก็ไม่ขัดข้อง
นิศาสนิทกับพวกเขามาก จนพวกเขาไม่คิด้วยซ้ำว่าหล่อนเป็นผู้หญิง นิศามีความสุขมากเมื่ออยู่ท่ามกลางเพื่อน ๆ ซึ่งเข้าอกเข้าใจหล่อนอย่างนี้

"ฉันรักพวกแกที่สุดเลย" หล่อนมักบอกกับพวกเขาอย่างนี้เสมอ

"มองเท่าไหร่ก็ไม่เคยเห็นว่ามันสวย" โยเริ่มเรื่อง
"ว่าไม่ได้นา อย่างไอ้จรมันต้องมองผ่านหน้ากล้องโว๊ย" คิวต่ออย่างรู้กัน

เป็นที่รู้กันในหมู่เพื่อนฝูงว่านิศาเป็นประเภทเห็นกล้องไม่ได้ หล่อนชอบเล่นกับหน้ากล้องมาแต่ไหนแต่ไร นิศาจะเปลี่ยนเป็นคนละคนเมื่อยืนอยู่หน้ากล้อง แม้ปกติหล่อนจะดูแสนธรรมดา

"มิน่า ไอ้มายถึงได้ตกหลุมรัก" ฟางว่า
"นั่นสิ มายเป็นช่างภาพใช่มั๊ย มันก็มองไอ้จรผ่านหน้ากล้องทุกที เลยไม่รู้ว่านิศาที่จริงตัวผอม ๆ หน้าตาไม่เอาไหน ปากจัดอีกต่างหาก แถมมากับเหล้ากูยังไม่อยากมอง ถ้าเป็นแพรวาค่อยน่าคิดหน่อย"

คิวทำตาเจ้าเล่ห์

"ใช่ ไอ้นี่ไม่ไหว" ฟางโครงหัวหล่อน
"หนอย คิดจะจีบแพรเหรอ ข้างศพฉันไปก่อนเถอะไอ้ครีเอถีบ"
หล่อนยกเท้าขึ้นเป็นการยืนยันคำพูด กระตุกผมคิวจนเจ้าตัวผงะ

ในจำนวนเพื่อนกันสี่คน มีคิวคนเดียวที่ได้ทำงานตามที่ร่ำเรียนมา เขาเป็นครีเอทีฟบริษัทโฆษณามีชื่อแห่งหนึ่ง ส่วนฟางกับโยเลือกหากินด้วยการร้องเพลงนัยว่าหลงรักการร้องเพลงเป็นชีวิตจิตใจ มีบ้างเหมือนกันที่สองหนุ่มมักจะไปโผล่หน้าจอทีวีในงานโฆษณา และนิศาก็ค่อนขอดว่าเพราะเส้นสายของคิว

"แกรู้มั๊ย ผู้ชายเขาชอบผู้หญิงหวาน ๆ แกล้งโง่หน่อย อย่างแกมันรู้ทันเขาไปเสียหมด"
"เออ กูเห็นด้วย มึงทำหวานบ้างสิ" ฟางสนับสนุนเต็มที่
"ไอ้มายเดินไม่ดูตาม้าตาเรือแน่เลย ถึงได้ตกหลุม" คิวบ่นหน้ายุ่ง
"ฉันเจอมายเมื่อหลายวันก่อน หมอดื่มเหล้าเป็นน้ำเลย" ฟางบอก

เขาหมายถึงร้านของอาที่เขาร้องเพลงอยู่นั่นเอง ร้านที่หนุ่มสาววงการบันเทิงนิยมไปกันเหลือเกิน ร้านที่นิศาประชดประชันว่าดาราหน้าใหม่มาแนะนำตัว เพื่อประกาศว่าฉันเป็นดาราแล้วนะ ทั้งที่หล่อนเองก็มาออกบ่อย

"ฉันมาหาพวกแกหรอกย่ะ" หล่อนบอกฟางกับโย

นิศามากินเบีย์ให้สองหนุ่มจ่ายอยู่เป็นประจำ เรียกว่าถ้าว่างไม่มีงานที่ไหนหล่อนก็มาขลุกอยู่ที่นี่ มีบ้างเหมือนกันที่หล่อนครึ้มใจขึ้นไปแจมกับสองหนุ่ม

"ใช่จริงด้วย ฉันได้ข่าวเรื่องมายกับแก มีอะไรมากกว่านั้นหรือเปล่า"

โยแสดงความห่วงใย ไม่บ่อยครั้งหรอกที่พวกเขาจะแสดงความห่วงใยกันออกมาให้เห็น นอกจากค่อนขอด ไม่ใช่ไม่ห่วง หากเพราะความเป็นเพื่อนที่คบกันมานานปี ทุกคนจึงรู้ถึงความห่วงใยที่มีให้กันอย่างเต็มเปี่ยม โดยไม่ต้องเอ่ยปาก

"ฉันถูกสารภาพรัก"
"แล้วไง แกปฏิเสธอีกตามเคย"
หล่อนยิ้มกับการคาดคะเนของโย ไม่พูดอะไร
"ฉันอยากรู้จริง ๆ คนที่แกรักเป็นยังไง"
"ก็เป็นคนที่ฉันรักนะสิ" หล่อนว่า
"เออ...พูดีไปเถอะ ฉันจะคอยดู"
"มีอะไรก็พูดสิ เราเป็นเพื่อนกันนี่หว่า แกเลิกนิสัยนี้เสียที" คิวพูดขึ้นบ้าง เขาคล้ายดั่งว่าจะเป็นพี่คนโตในกลุ่ม
"ไม่มีอะไรน่า" หล่อนหัวเราะกลบเกลื่อน เฉยเสียกับคำถามของเพื่อน แค่นี้พวกเขาก็รู้แล้วว่าหล่อนไม่ต้องการพูดถึง

********** **********

จะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ นิศาพาตัวเองมาหามายในค่ำคืนนั้นเอง

ต่างคนต่างนิ่งเงียบเมื่อเจอหน้า

"เข้ามาเถอะ" มายเริ่มต้นและเชื้อเชิญ
"รู้สึกเป็นไงบ้าง" หล่อนเอ่ย หลังจากเงียบอยู่ครู่ใหญ่
"หมายถึงอะไร" เขาเหลือบแลมาทางหล่อน
"-----o-----"
"ตัดสินใจอะไรไม่ได้เลย" มายเสยผม
"นิขอโทษ"
"ความรักของผมเรียกคุณมาใช่มั๊ย" เขากระซิบถาม เกยคางไว้กับไหล่หล่อน เขายังหวังแม้จะน้อยนิดเต็มที

นิศาลุกขึ้น

"อยู่กับผมเถอะนะ คืนนี้ เราอาจไม่ได้เจอกันอีกเลย"

หล่อนนั่งลง


เขายังคงกอดหล่อนอยู่ในขณะหลับสนิท อะไรที่ทำให้เขามีความสุขเพื่อทดแทนความรู้สึก หล่อนก็ยินดีแม้จะเป็นทางออกที่ไม่ดีเลยในความรู้สึกของนิศา

ริมฝีปากยังรู้สึกได้ถึงรอยจูบของเขา เนื้อตัวของหล่อนรับรู้ได้ในความอบอุ่นของอ้อมกอด การสัมผัสของเขาบอกได้ว่าผู้ชายคนนี้รักหล่อนมากแค่ไหน

นิศาจูบเขาก่อนจะจากไป เมื่อคืนหล่อนได้มอบร่างกายให้มายไปแล้ว มันเป็นทางออกเดียวที่หล่อนเลือกจะทำ ไม่โทษใครหรืออะไร

ชายหนุ่มผู้ซึ่งหลับไปด้วยความสุข รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเมื่อแสงแดดสาดซัดเข้ามา ในอ้อมแขนว่างเปล่าไร้ซึ่งหญิงคนรัก มายผุดลุกขึ้น เมื่อคืนนี้เองไม่ใช่หรือ หล่อนอยู่กับเขาในอ้อมกอดของเขา แต่แล้ว...หล่อนก็จากไป

นิศาดั่งภาพพร่ามัวที่เขาสัมผัสได้ในความฝันเท่านั้นเอง

มายลุกไปยังเครื่องเล่นแผ่นเสียง เพลงบทหนึ่งกรีดความรู้สึกในยามนี้นัก

"ถ้าฉันไม่สามาถมีเธอ
ฉันก็ไม่ปรารถนาใครอื่นอีกแล้วนะคนดี
ถ้าฉันไม่อาจได้เธอมา
โอ...ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม
ฉันจึงจะอยู่รอดพ้น
จากความเปล่าเปลี่ยวทุกคืนวันนั้นได้
ในเมื่อทุกหนทุกแห่ง ช่างไร้โอกาส
และเปลี่ยวดายสำหรับฉัน
ชีวิตฉันคงจบสิ้น"

ความฝันของใครคนหนึ่ง จบสิ้นง่ายดายเช่นนี้หรือ ความหอมหวานแห่งชีวิต เคยหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณ เฝ้าหลงตามหามานานแสนนาน เจอแล้วเหมือนไม่เจอ อาจยิ่งร้ายกว่าหลายเท่านัก

"ฉันเทให้ทั้งหมด
มันง่ายดายต่อเธอแล้วที่รัก
กับความฝันที่ไม่อาจเป็นจริงได้
แล้วฉันจะเข้มแข็งพอ
ที่นั่งดูมันได้ตลอดหรือ
ปล่อยให้ใจกลับไป
นั่นแหละ ที่ฉันจะทำ
ไม่มีใครอื่นหรอก
หากฉันไม่อาจมีเธอ..."









เทียนจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ธ.ค. 2554, 14:30:18 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ธ.ค. 2554, 14:30:18 น.

จำนวนการเข้าชม : 1424





<< ตอน ๑   ตอน ๓ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account