พื้นที่ชุ่มรัก
เมื่อได้รับคำขาดจากเหล่าคุณปู่คุณตาว่าต้องการเห็นหน้าหลานเขยหลานสะใภ้ก่อนวันเริ่มศักราชใหม่ซึ่งเหลือเวลาอีกครึ่งปี บรรดาหลานๆจึงปวดหัวหนักเพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มตามหาหลานเขยหลานสะใภ้ที่จุดไหนของประเทศ และที่สำคัญกว่านั้น...ถ้าหลานคนใดคนหนึ่งทำตามความต้องการของท่านไม่ได้ ทุกคนจะต้องชดใช้ที่ทำให้คุณปู่คุณตาผิดหวังด้วยเงินและทรัพย์สินมูลค่ามหาศาลที่พอจะทำให้หลานๆสุดที่รักของพวกท่านล้มละลายกันได้ทีเดียว!!
แล้วจะให้บรรดาหลานสุดที่รักทั้ง 5 คนยอมขัดใจคุณปู่คุณตาได้อย่างไร นอกจากต้องก้มหน้ารับคำสั่งอาญาสิทธิ์แต่โดยดี และคงต้องเริ่มปฏิบัติภารกิจอย่างจริงจัง เวลาที่เหลืออยู่คงต้องงัดทุกกลยุทธทุกอย่างขึ้นมาใช้เพราะหลานๆได้ลงมติอย่าง (เกือบ) เป็นเอกฉันท์กันมาแล้วว่างานนี้...แพ้ไม่ได้!
แล้วจะให้บรรดาหลานสุดที่รักทั้ง 5 คนยอมขัดใจคุณปู่คุณตาได้อย่างไร นอกจากต้องก้มหน้ารับคำสั่งอาญาสิทธิ์แต่โดยดี และคงต้องเริ่มปฏิบัติภารกิจอย่างจริงจัง เวลาที่เหลืออยู่คงต้องงัดทุกกลยุทธทุกอย่างขึ้นมาใช้เพราะหลานๆได้ลงมติอย่าง (เกือบ) เป็นเอกฉันท์กันมาแล้วว่างานนี้...แพ้ไม่ได้!
Tags: แผนการ คุณปู่ คุณตา หลาน ความรัก พื้นที่ชุ่มรัก ผลิดอกออกรัก
ตอน: เขตพื้นที่ที่ 1 : ผลิดอก...ออกรัก : ตอนที่ 14
มาต่อตอนของพี่อาร์ทให้จบค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน เข้ามาเม้นท์และกดไลค์กันนะคะ
หวังว่าคงชอบกันค่ะ :)
--------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนที่ 14 : บอกรักเธอจนกว่าเธอนั้นจะยอม
ชื่อของคนที่นิชิตาไม่คิดว่าจะได้เจอในคืนนี้อีกแล้วคือบุคคลที่โผล่มาอยู่บนระเบียงห้องพักตอนนี้ แถมยังโผล่มาแบบทำเอาเธอแทบหัวใจวาย!
ส่วนคนที่เกาะประตูกระจกอยู่ริมระเบียงก็ส่งยิ้มกว้างแถมยังเคาะประตูและทำท่าทำทางให้คนในห้องเปิดประตูให้อีกต่างหาก นิชิตานึกภาพไม่ออกเลยว่าอารัทธ์ขึ้นมาอยู่บนระเบียงนี้ได้อย่างไร เพราะรีสอร์ทแห่งนี้เป็นรีสอร์ทกึ่งโรงแรมและห้องพักของเธอที่เขาเป็นคนจองก็อยู่ชั้นสาม ถ้าไม่ใช่ปีนจากระเบียงอีกห้องหนึ่งมา เธอก็นึกไม่ออกว่าเขาใช้วิธีอะไรถึงมาอยู่ตรงนี้ได้
“คุณอาจารย์ เปิดหน่อยสิครับ ข้างนอกลมแรงนะ ผมหนาว”
น้ำเสียงอ้อนวอนกับยอดไม้ที่ไหวเอนตามแรงลมทำให้นิชิตารู้ว่าอารัทธ์คงไม่ได้โกหก ชายหนุ่มอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตตัวบางที่ใส่คลุมเสื้อกล้ามสีขาว ชุดเพียงเท่านั้นถ้าให้ยืนตากลมนานๆก็คงหนาวเหมือนกัน
...แต่ใครจะสน...
หญิงสาวผินหน้าหนีก่อนจะหมุนตัวกลับมานั่งเช็ดผมอย่างสบายอารมณ์อยู่ปลายเตียง ทว่ายังคงปล่อยให้ผ้าม่านเปิดอยู่อย่างเดิม
เสียงเคาะกระจกรัวมาเป็นชุดจากคนที่ยืนรับลมอยู่ริมระเบียงอย่างจำใจ แต่จะให้อารัทธ์ถอดใจง่ายๆก็ใช่เรื่อง สู้อุตส่าห์ปีนระเบียงสูงสามชั้นมาด้วยใจเกินร้อย ศึกครั้งนี้จะให้ถอยได้อย่างไร!
นิชิตาหันหน้าไปมองจนพบกับสายตาเว้าวอนทั้งสายตาและท่าทาง แต่แค่นี้ยังน้อยไปถ้าจะทำให้เธอยอมใจอ่อนเปิดประตูให้ ผู้ชายอย่างอารัทธ์จะได้รู้บ้างว่าคนอย่างเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่เขาจะใช้เพียงแค่สายตาอ้อนวอนแล้วจะได้ผลอย่างที่เขาเคยทำได้เสมอมา ถ้าจะยอมให้เธอใจอ่อนมันต้องทำอะไรที่มากกว่านั้น ไม่งั้นก็นอนตากลมอยู่ข้างนอกระเบียงไปทั้งคืนก็แล้วกัน
“คุณอาจารย์ เปิดประตูให้ผมหน่อยสิครับ ผมหนาวจริงๆนะ”
คราวนี้นิชิตายอมที่จะเดินไปชิดประตูก่อนจะปรายตามองคนที่ยืนกอดตัวเองอยู่อีกฟากหนึ่ง
“หนาวมากไหมคะ” ถามพร้อมกับยิ้มน้อยๆ
“มากๆเลยครับ ถ้าคุณจะใจดีเปิดประตูแล้วให้ผมซบหาไออุ่นจะดีมากเลยครับ”
คำพูดผสมกับรอยยิ้มกวนประสาทกลับทำให้คนที่ยืนอุ่นอยู่ในห้องหน้าแดงได้ไม่น้อย
“งั้นคุณก็เลิกยืนหนาวแล้วก็กลับไปหาคุณเชอรี่อะไรนั่นสิ”
“หึงหรือครับ”
“อะไรนะ!” นิชิตาร้องเสียงสูง “ใครหึงคุณ ฉันไม่ได้หึง อย่ามามั่วนะ”
“ผมไม่ได้มั่ว” คนที่ยืนรอคอยอยู่ข้างนอกปฏิเสธ ดวงตาเรียวจ้องมองดวงหน้าที่ตราตรึงอยู่ในหัวใจ “คุณหึงผม...” มุมปากทั้งสองข้างยกขึ้นยิ้มกว้าง “...ชัดๆเลย”
“อยากยืนอยู่มากใช่ไหม ถ้าอยากรับลมมากขนาดนั้นก็ยืนไปทั้งคืนเลย ฉันจะนอน!” มือบางทำท่าว่าจะปิดผ้าม่านตรงประตู
“ถ้าคุณปิดม่านผมจะสรุปว่าคุณกลัวผมนะครับ” อารัทธ์พูดแทรกขึ้นมาและแน่นอนว่าคนอย่างนิชิตาจะไม่ยอมให้ผู้ชายอย่างเขาหาว่าเธอกลัว
“เอาสิ ไม่ปิดก็ไม่ปิด” นิชิตาจัดการเปิดผ้าม่านไว้ตามเดิม ร่างเล็กบางก้าวขึ้นเตียงก่อนจะดึงผ้าห่ามมาปิดถึงคอ อดไม่ได้ที่จะเหลือบไปมองอีกคนที่ตอนนี้นั่งหันหน้าสู่ทะเลพิงหลังไว้ที่ประตู
“คุณอาจารย์...หลับหรือยังครับ” เสียงที่ดังแว่วมาทำให้นิชิตาตะแคงตัวมองไปยังแผ่นหลังที่นั่งพิงประตูกระจก
“มีอะไร”
“ยังไม่หลับหรือครับ” ตั้งคำถามโดยที่ยังหันหน้าออกสู่ผืนฟ้าและท้องทะเลยามค่ำคืน
“มีคนก่อกวน” คนที่นอนอุ่นสบายบนเตียงบอกได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของอารัทธ์เบาๆ
“ผมกับเชอรี่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้วนะ”
“เรื่องของคุณ” นิชิตาตอบกลับทันควัน
“คุณอาจารย์โกรธเหรอ”
“เรื่องของฉัน”
“คุณหมูหวาน” มาคราวนี้เจ้าของชื่อถึงกลับเบิกตากว้าง หัวใจที่เต้นอยู่ในอัตราปกติในตอนแรกเต้นโครมครามแปลกๆเมื่ออารัทธ์เรียกชื่อเล่นเธอเป็นครั้งแรก
“อะ...อะไร”
“ผมยังไม่เคยเรียกชื่อเล่นคุณเลยใช่ไหม”
“คุณจะพูดอะไร” นิชิตาถามออกไปตรงๆตามนิสัย หากก็ตื่นเต้นไม่น้อยจนไม่รู้ตัวเลยว่ามือทั้งสองได้กำชายผ้าห่มไว้แน่น
“ผมนิสัยแย่มากเลยสินะครับ”
“มาก” ตอบโดยไม่ใช้เวลาในการคิดมากนัก
“คุณคงเกลียดผมมากเลย” หากคำพูดต่อมากลับทำให้นิชิตาเงียบไปครู่หนึ่ง ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงตอบว่า ‘ใช่’ ไปแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมตอนนี้เธอถึงไม่ตอบอย่างนั้นออกไป เธอจับน้ำเสียงที่จริงจังของอีกฝ่ายได้ น้ำเสียงของอารัทธ์ที่ไม่มีแววล้อเล่นเลยแม้แต่น้อย
“ฉัน...”
“แต่ผมน่ะ...” อารัทธ์จงใจพูดขึ้นแทรกก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดจบ “...รักคุณจริงๆนะครับ”
คำบอกรักที่เธอเคยได้ยินมาก่อนหน้านี้จากอารัทธ์เทียบไม่ได้เลยกับการบอกรักในครั้งนี้ ทั้งที่เขาไม่ได้มองหน้า ไม่ได้สบตา ไม่ได้สัมผัสตัวเธอ แต่ทำไม...เธอถึงรู้สึกและสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น ความจริงใจที่อารัทธ์มีให้เธอได้ก็ไม่รู้
“เพราะฉันไม่เหมือนผู้หญิงทุกคนที่คุณเคยเจอ คุณแค่อยากเอาชนะ คุณไม่ได้รักฉัน” หากทิฐิในใจก็ทำให้นิชิตาปฏิเสธความรู้สึกทุกอย่าง ทั้งความรู้สึกแปลกๆที่กำลังก่อตัวขึ้นในหัวใจและความรู้สึกที่อีกคนหนึ่งพยายามที่จะส่งมันมาให้กับเธอ
“ต่อให้คุณปฏิเสธผมอีกสักร้อยครั้ง ผมก็จะบอกรักคุณต่อไปเรื่อยๆจนกว่าคุณจะยอมรับคำว่ารักจากผม”
“ถ้าฉันปฏิเสธคุณทั้งชีวิต”
“ผมก็จะบอกรักคุณไปทั้งชีวิต”
น้ำเสียงที่เด็ดเดี่ยวและมั่นคงคือสิ่งที่นิชิตาสัมผัสได้จากคำพูดของอารัทธ์ มือข้างหนึ่งถูกยกขึ้นมาทาบบนหน้าอกด้านซ้ายของตัวเอง หัวใจที่ตั้งใจแน่วแน่ไว้แล้วว่าจะไม่หลงกลผู้ชายเจ้าชู้เริ่มสั่นไหวจนตัวเองจวนเจียนจะควบคุมไว้ไม่อยู่ ภาพเหตุการณ์ในอดีตของลูกพี่ลูกน้องสาวยังคงฉายชัดในความทรงจำว่านิษศินีร้องไห้เสียใจปานใดเมื่อถูกอารัทธ์เขี่ยทิ้งและเธอจะไม่ยอมเดินซ้ำรอยร้าวรอยเดิมนั้นแน่
“อย่าฝืนเลยคุณอารัทธ์ มันไม่มีประโยชน์หรอก”
“ต่อให้คุณปฏิเสธผมไปทั้งชีวิต ผมก็จะบอกรักคุณจนกว่าคุณจะยอมรับ ถึงจะต้องกลับมาเริ่มใหม่อีกกี่ครั้ง โดนคุณต่อว่าอีกกี่ครั้งผมก็จะไม่มีวันถอยหลังกลับ”
คำพูดของอารัทธ์ทำให้นิชิตาเม้มริมฝีปากแน่น
“ผู้ชายอย่างคุณไม่หยุดอยู่แค่ผู้หญิงอย่างฉันแน่”
“นั่นสินะครับ” คำพูดที่ฟังเหมือนการตอบรับกลายๆดังมาจากคนที่นั่งอยู่ที่ระเบียงห้อง “ผมน่ะไม่เคยคิดที่จะหยุดหัวใจไว้กับผู้หญิงคนไหน แต่ทำไมถึงคิดจะหยุดหัวใจดวงนี้ไว้ที่คุณก็ไม่รู้สินะ”
รอยยิ้มบางๆแต่งแต้มอยู่บนใบหน้าคมคล้ายจะยิ้มเยาะตัวเอง
“ทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอกว่าคุณต้องปฏิเสธแต่ผมก็ยังดึงดัน โง่มากใช่ไหม”
ประโยคเย้ยหยันตัวเองของอารัทธ์ยิ่งทำให้นิชิตาจ้องมองแผ่นหลังกว้างนั้นด้วยแววตาที่สับสน
“คุณมันดื้อ” เธอจงใจว่า อารัทธ์รู้ดีว่าเธอเองก็ดื้อแต่เขาก็ยังคงดึงดันจะไปในเส้นทางที่เธอปฏิเสธว่าจะไม่มีทางเดินเคียงข้างกับเขา ผู้ชายคนนี้ยังคงดึงดันที่จะทำตามเสียงหัวใจตัวเอง
แล้วเธอเล่า...เสียงหัวใจของเธอมันบอกว่าอย่างไร มันบอกให้เธอปฏิเสธเขาจริงแล้วล่ะหรือ
“คุณหมูหวานของผมก็ดื้อเหมือนกัน” อารัทธ์บอกด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะจน ‘คุณหมูหวานของผม’ รู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนขึ้นอย่างไรชอบกล
“เลิกเรียกฉันว่าหมูหวานได้แล้ว” เธอตัดสินใจออกปากห้าม เพราะทุกครั้งที่อารัทธ์เรียกชื่อเล่นของเธอ เธอยิ่งรู้สึกว่าเธอควบคุมหัวใจของตัวเองไว้ไม่อยู่
“ทำไมครับ”
“ก็...ฉันไม่ชิน คุณเคยเรียกแต่ ‘คุณอาจารย์’ ฉันชินกว่า”
มาถึงตรงนี้นิชิตาคงไม่มีโอกาสได้รู้ว่าอารัทธ์กำลังยิ้มกว้าง
“แล้วถ้าผมจะเรียกคุณว่า ‘คุณอาจารย์’ ไปทั้งชีวิตเลยได้ไหม”
“ไม่ได้” นิชิตารีบปฏิเสธ “ฉันง่วงแล้ว จะนอน” ก่อนจะตัดบทสนทนาไปเสียดื้อๆ ซึ่งอารัทธ์ก็ยอมรับการตัดสินใจของหญิงสาวแต่โดยดีหากก็ยังไม่ยอมหยุดที่จะชวนพูดคุย
“คุณอาจารย์หลับแล้วเหรอ” คนที่นั่งรับลมริมระเบียงร้องเรียกแต่คนที่แกล้งทำท่าว่ากำลังจะหลับอยู่ในห้องกลับไม่ยอมเอ่ยเสียงโต้ตอบ
“คุณอาจารย์ หลับไปแล้วจริงๆหรือครับ” อารัทธ์ตัดสินใจถามออกไปอีกครั้งแต่ก็ยังคงได้ความเงียบเป็นคำตอบกลับมาเหมือนเดิม
“ผมร้องเพลงกล่อมให้เอาไหมครับ” อารัทธ์ก็ยังคงพูดคนเดียวต่อไปแม้นิชิตาจะไม่มีทีท่าว่าจะตอบกลับมาเลยก็ตาม
“คุณไม่ปฏิเสธแสดงว่าตอบรับนะครับ”
นิชิตาที่แกล้งหลับลืมตาขึ้นมองคนที่พูดเองเออเองตอบเองเสร็จสรรพ มีคนเคยบอกเขาไหมนะว่าการเงียบไม่ได้หมายว่าเธอไม่ปฏิเสธ เธอแค่เงียบเพียงเพราะอยากให้คนที่ช่างเจรจาหยุดพูด ยิ่งอารัทธ์พูดสิ่งที่อยู่ในใจของเขามากเท่าไหร่ หัวใจของเธอก็ยิ่งจะอันตรายมากขึ้นเท่านั้น เธอจึงอยากให้เขาหยุดทุกอย่างและคืนวันเวลาที่เคยสงบสุขของเธอคืนมาเสียที
“...มันคงเป็นความรัก ที่ทำให้ตัวฉัน ยังคืนอยู่ตรงนี้*”
น้ำเสียงทุ้มนุ่มชวนฟังของอารัทธ์ที่ขับกล่อมเนื้อร้องและท่วงทำนองออกมาโดยไม่มีแม้เครื่องดนตรีประกอบนั้นเพราะเสียจนนิชิตาแปลกใจ ไม่คิดว่าผู้ชายที่กวนประสาทเธอทุกครั้งที่เจอบทจะมีอารมณ์ศิลปินกลับทำได้ดีเกินคาด
มันคงเป็นความรัก
ที่ทำให้ใจฉัน ไม่ยอมหยุดเสียที
แม้ว่ามันไม่มีโอกาส
แม้ว่าฉันต้องพลาดไปอีกสักที
แต่ว่าความรัก ก็ยังขอให้ฉันทำแบบนี้
ที่จะให้เธอจนกว่าเธอจะรับ
บอกรักเธอจนกว่าเธอนั้นจะยอม
เธอคือความสุขของฉัน
ถ้าเธอไม่รับมัน ให้ฉันเริ่มต้นอีกกี่ครั้งก็พร้อม
หากสุดท้ายเธอไม่เปลี่ยนใจ
ไม่เป็นไรใจฉันก็ไม่ยอม
ถ้ารอให้ฉันหยุดหัวใจ
คงต้องรอให้โลกหยุดหมุนไปก่อน
ราวกับต้องมนต์สะกด นิชิตาก้าวลงจากเตียงมาหยุดอยู่ริมประตูที่กั้นระหว่างอารัทธ์กับเธอ ไม่นานไปกว่าชั่วอึดใจ เสียงปลดล็อคประตูก็ดังขึ้น ผ้าม่านสีขาวปลิวไสวเพราะแรงลมจากด้านนอก คนที่นั่งเอาหลังพิงประตูอยู่เมื่อครู่ตอนนี้กลับยืนขึ้นเต็มความสูงและก้าวเข้ามาหาเธอพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง
มันคงเป็นความรัก
ที่มีคำว่าชีวิต เลยฟังดูมีความหมาย
มันคงเป็นความรัก
ที่ทำให้การรอคอย เป็นเรื่องง่ายดาย
แม้ว่ามันไม่มีโอกาส
แม้ว่าฉันต้องพลาดอะไรมากมาย
แต่ว่าการรอคอยนี้ก็คุ้ม เพราะมีเธอเป็นจุดหมาย
รอยยิ้มละมุนละไมกับความอบอุ่นที่กุมมือเธอไว้ตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้นั้นแทบทำให้ปราการเหล็กที่เธอสร้างไว้ปกป้องตัวเองพังครืนลงมา อารัทธ์ทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความฝัน ตกอยู่ใต้มนต์สะกดของเขา
จะให้เธอจนกว่าเธอจะรับ
บอกรักเธอจนกว่าเธอนั้นจะยอม
เธอคือความสุขของฉัน
ถ้าเธอไม่รับมัน ให้ฉันเริ่มต้นอีกกี่ครั้งก็พร้อม
หากสุดท้ายเธอไม่เปลี่ยนใจ
ไม่เป็นไรใจฉันก็ไม่ยอม
ถ้ารอให้ฉันหยุดหัวใจ
คงต้องรอให้โลกหยุดหมุนไปก่อน
แม้จะมองได้ไม่ชัดนักเพราะไม่ได้สวมแว่นสายตาแต่นิชิตาก็สัมผัสได้ว่าดวงตาคู่เรียวของอารัทธ์มองเธอด้วยความแน่วแน่เช่นใด จริงจังมากแค่ไหน บทเพลงทุกตัวอักษรบอกสิ่งที่อยู่ในใจของเขาชัดเจน ชัดเสียจนเธอคิดว่าถ้าเขาขอความรักจากเธอตอนนี้และเธอไม่รู้จักเขามาก่อน เธอคง...รับรักเขาไปแล้ว
ในวันที่เธอนั้นไม่มีใคร
ในวันที่โลกนี้ทิ้งเธอไป
ในวันนั้นหันมามองเถอะ
ฉันจะยืนอยู่ตรงนี้
และจะให้เธอจนกว่าเธอจะรับ
บอกรักเธอจนกว่าเธอนั้นจะยอม
เธอคือความสุขของฉัน
ถ้าเธอไม่รับมัน ให้ฉันเริ่มต้นอีกกี่ครั้งก็พร้อม
หากสุดท้ายเธอไม่เปลี่ยนใจ
ไม่เป็นไรใจฉันก็ไม่ยอม
ถ้ารอให้ฉันหยุดหัวใจ
ถ้ารอให้ฉันหันหลังเดินลับหายไป
ได้ยินไหม...คงต้องรอให้โลกหยุดหมุนไปก่อน...
(* เพลง มันคงเป็นความรัก : อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข)
“มันคงเป็นความรัก” บทเพลงประโยคสุดท้ายสิ้นสุดลงด้วยเสียงหัวใจที่เต้นโครมครามอยู่ภายในอก นิชิตารู้สึกว่ามือตัวเองที่เย็นเฉียบราวกับน้ำแข็งนั้นอบอุ่นขึ้นเพราะมือใหญ่อีกมือที่เกาะกุมอยู่ หญิงสาวตัดสินใจสบตาอารัทธ์ตรงๆเพราะอยากรู้ว่าสิ่งที่เขาทำทั้งหมดนั้นทำเพียงเพราะต้องการเอาชนะเธอหรือเพราะเขา...รักเธอจริงๆ
“สงสัยว่าผมรักคุณจริงหรือเปล่าใช่ไหม”
เมื่อถูกจับได้ว่าคิดอะไรอยู่ ดวงหน้าของอาจารย์สาวจึงแดงขึ้นมาอย่างห้ามไว้ไม่อยู่จนคนที่อ่านใจอีกฝ่ายได้ตรงเผงอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
“หัวเราะอะไร เดี๋ยวก็ไล่ให้ไปนอนรับลมอีกหรอก” นิชิตาทำเสียงแข็งกลบเกลื่อนอาการเขินของตัวเอง
“โอเคครับ ไม่หัวเราะก็ไม่หัวเราะ คุณอาจารย์อย่าไล่ผมออกไปนะ หนาวจะแย่แล้ว” อารัทธ์ยังคงตามใจนิชิตาอยู่อย่างเคยหากยังไม่ยอมปล่อยมือของอีกฝ่ายให้เป็นอิสระ
“ปล่อยมือฉันได้หรือยัง” แต่เมื่อโดนเจ้าของมือทวงถาม อารัทธ์จึงยอมปล่อยมือนุ่มนิ่มคู่นั้นอย่างนึก
เสียดาย
นิชิตาหมุนตัวกลับก่อนจะก้าวขึ้นเตียงนอนของตัวเอง ไม่มีแม้คำบอกราตรีสวัสดิ์และไม่คิดจะต่อบทสนทนาให้ยาวขึ้น เพราะหญิงสาวรู้ตัวดีว่าถ้าขืนปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่าง ‘มาก’ ไปกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ ชีวิตของเธอจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่มีวันกลับคืนมาดังเดิม
“ราตรีสวัสดิ์ครับ ผมหวังว่าคุณจะฝันดี” อารัทธ์บอกคนที่ล้มตัวนอนไปแล้ว และสิ่งที่ได้รับกลับมาคือการเอาผ้าห่มปิดหน้าจนกลายเป็นของคลุมโปงไปของนิชิตา
อารัทธ์อมยิ้มน้อยๆ เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้วในความรู้สึก แม้นิชิตาจะไม่พูดหรือแสดงอะไรออกมา แต่ชายหนุ่มก็รับรู้ได้ดีว่า ‘คุณอาจารย์ของเขา’ ยอมที่จะเปิดหัวใจยอมรับเขามากขึ้น แม้จะเพียงนิดเดียวแต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้เขามีพลังเดินหน้าต่อไปโดยมีเธอเป็นจุดหมายปลายทาง
...เพราะคุณ...คือความรักของผม...
--------------------------------------------------------------------------------------------
อยากจะร้องดังๆตอนที่เขียนตอนนี้ค่ะ พี่อาร์ทน่าร้ากกกกกกกกกกกกกกก
พี่อาร์ทปีนจากระเบียงห้องข้างๆข้ามมาห้องของตัวเองจริงๆค่ะ ลงทุนมาก และชั้นสามก็เสียวทีเดียวนะคะ >< แต่เขาก็ยังทำ...อยากให้พี่อาร์มเอาอย่างพี่อาร์ทมาซักครึ่งนึง ฮา...
คอมเมนท์พูดคุยกันได้นะคะ ถ้าชอบก็กดไลค์เป็นกำลังใจด้วยนะเออ ><
เจอกันตอนหน้ากับตอน "ยาวิเศษ" ในวันอาทิตย์ค่ะ ไปตามลุ้นความรักของพี่อาร์มกันต่อดีกว่าเนอะ ^^
ปล. (ลืมบอกไปค่ะ) ถ้าฟังเพลงไปด้วยจะได้อารมณ์มากเลยนะคะ ><
ตอบเมนท์จ้า...
mookisme : ขอบคุณสำหรับการเจิมน้า...
violette : ฮ่าๆ ไม่มีใครสงสารพี่อาร์ทเลย ส่วนที่เปรียบเทียบว่าเป็นจิ้งจก คืออยากให้คนอ่านนึกภาพออกน่ะค่ะ จิ้งจกเกาะอยู่บนผนังมันเห็นภาพชัดดี ฮา...
ปรางขวัญ : หมูหวานก็อยากเอาคืนเหมือนกันค่ะ แต่พี่อาร์มเขาลูกเล่นแพรวพราว สุดท้ายก็ทำให้หมูหวานยอมเปิดประตูรับจนได้ :P
anOO : เป็นมนุษย์ที่สามารถทำได้มุกอย่างจริงๆค่ะถ้าตัวเองตั้งใจที่จะทำแล้ว ส่วนหน้าตา...ปอแก้วก็คิดเหมือนกันค่ะว่าคงน่าเกลียดไม่เบา
ปอยอ่ะนะ : ทำไปได้จริงๆค่ะ ความพยายามมากจริงๆ
nunoi : พี่อาร์ทเป็นได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้ใจคุณอาจารย์ค่ะ :)
WallyValent : เปิดสงครามกันอย่างโจ่งแจ้งมากๆ ระวังจะโดนหมายหัวนะ ฮ่าๆๆ
teesaparn : ผู้ชายเรื่องนี้น่าหมั่นไส้ทุกคนค่ะ เอ๊ะ...หรือว่าคุณ teesaparn หมั่นไส้ยัยเชอรี่คะ?? อิอิ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน เข้ามาเม้นท์และกดไลค์กันนะคะ
หวังว่าคงชอบกันค่ะ :)
--------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนที่ 14 : บอกรักเธอจนกว่าเธอนั้นจะยอม
ชื่อของคนที่นิชิตาไม่คิดว่าจะได้เจอในคืนนี้อีกแล้วคือบุคคลที่โผล่มาอยู่บนระเบียงห้องพักตอนนี้ แถมยังโผล่มาแบบทำเอาเธอแทบหัวใจวาย!
ส่วนคนที่เกาะประตูกระจกอยู่ริมระเบียงก็ส่งยิ้มกว้างแถมยังเคาะประตูและทำท่าทำทางให้คนในห้องเปิดประตูให้อีกต่างหาก นิชิตานึกภาพไม่ออกเลยว่าอารัทธ์ขึ้นมาอยู่บนระเบียงนี้ได้อย่างไร เพราะรีสอร์ทแห่งนี้เป็นรีสอร์ทกึ่งโรงแรมและห้องพักของเธอที่เขาเป็นคนจองก็อยู่ชั้นสาม ถ้าไม่ใช่ปีนจากระเบียงอีกห้องหนึ่งมา เธอก็นึกไม่ออกว่าเขาใช้วิธีอะไรถึงมาอยู่ตรงนี้ได้
“คุณอาจารย์ เปิดหน่อยสิครับ ข้างนอกลมแรงนะ ผมหนาว”
น้ำเสียงอ้อนวอนกับยอดไม้ที่ไหวเอนตามแรงลมทำให้นิชิตารู้ว่าอารัทธ์คงไม่ได้โกหก ชายหนุ่มอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตตัวบางที่ใส่คลุมเสื้อกล้ามสีขาว ชุดเพียงเท่านั้นถ้าให้ยืนตากลมนานๆก็คงหนาวเหมือนกัน
...แต่ใครจะสน...
หญิงสาวผินหน้าหนีก่อนจะหมุนตัวกลับมานั่งเช็ดผมอย่างสบายอารมณ์อยู่ปลายเตียง ทว่ายังคงปล่อยให้ผ้าม่านเปิดอยู่อย่างเดิม
เสียงเคาะกระจกรัวมาเป็นชุดจากคนที่ยืนรับลมอยู่ริมระเบียงอย่างจำใจ แต่จะให้อารัทธ์ถอดใจง่ายๆก็ใช่เรื่อง สู้อุตส่าห์ปีนระเบียงสูงสามชั้นมาด้วยใจเกินร้อย ศึกครั้งนี้จะให้ถอยได้อย่างไร!
นิชิตาหันหน้าไปมองจนพบกับสายตาเว้าวอนทั้งสายตาและท่าทาง แต่แค่นี้ยังน้อยไปถ้าจะทำให้เธอยอมใจอ่อนเปิดประตูให้ ผู้ชายอย่างอารัทธ์จะได้รู้บ้างว่าคนอย่างเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่เขาจะใช้เพียงแค่สายตาอ้อนวอนแล้วจะได้ผลอย่างที่เขาเคยทำได้เสมอมา ถ้าจะยอมให้เธอใจอ่อนมันต้องทำอะไรที่มากกว่านั้น ไม่งั้นก็นอนตากลมอยู่ข้างนอกระเบียงไปทั้งคืนก็แล้วกัน
“คุณอาจารย์ เปิดประตูให้ผมหน่อยสิครับ ผมหนาวจริงๆนะ”
คราวนี้นิชิตายอมที่จะเดินไปชิดประตูก่อนจะปรายตามองคนที่ยืนกอดตัวเองอยู่อีกฟากหนึ่ง
“หนาวมากไหมคะ” ถามพร้อมกับยิ้มน้อยๆ
“มากๆเลยครับ ถ้าคุณจะใจดีเปิดประตูแล้วให้ผมซบหาไออุ่นจะดีมากเลยครับ”
คำพูดผสมกับรอยยิ้มกวนประสาทกลับทำให้คนที่ยืนอุ่นอยู่ในห้องหน้าแดงได้ไม่น้อย
“งั้นคุณก็เลิกยืนหนาวแล้วก็กลับไปหาคุณเชอรี่อะไรนั่นสิ”
“หึงหรือครับ”
“อะไรนะ!” นิชิตาร้องเสียงสูง “ใครหึงคุณ ฉันไม่ได้หึง อย่ามามั่วนะ”
“ผมไม่ได้มั่ว” คนที่ยืนรอคอยอยู่ข้างนอกปฏิเสธ ดวงตาเรียวจ้องมองดวงหน้าที่ตราตรึงอยู่ในหัวใจ “คุณหึงผม...” มุมปากทั้งสองข้างยกขึ้นยิ้มกว้าง “...ชัดๆเลย”
“อยากยืนอยู่มากใช่ไหม ถ้าอยากรับลมมากขนาดนั้นก็ยืนไปทั้งคืนเลย ฉันจะนอน!” มือบางทำท่าว่าจะปิดผ้าม่านตรงประตู
“ถ้าคุณปิดม่านผมจะสรุปว่าคุณกลัวผมนะครับ” อารัทธ์พูดแทรกขึ้นมาและแน่นอนว่าคนอย่างนิชิตาจะไม่ยอมให้ผู้ชายอย่างเขาหาว่าเธอกลัว
“เอาสิ ไม่ปิดก็ไม่ปิด” นิชิตาจัดการเปิดผ้าม่านไว้ตามเดิม ร่างเล็กบางก้าวขึ้นเตียงก่อนจะดึงผ้าห่ามมาปิดถึงคอ อดไม่ได้ที่จะเหลือบไปมองอีกคนที่ตอนนี้นั่งหันหน้าสู่ทะเลพิงหลังไว้ที่ประตู
“คุณอาจารย์...หลับหรือยังครับ” เสียงที่ดังแว่วมาทำให้นิชิตาตะแคงตัวมองไปยังแผ่นหลังที่นั่งพิงประตูกระจก
“มีอะไร”
“ยังไม่หลับหรือครับ” ตั้งคำถามโดยที่ยังหันหน้าออกสู่ผืนฟ้าและท้องทะเลยามค่ำคืน
“มีคนก่อกวน” คนที่นอนอุ่นสบายบนเตียงบอกได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของอารัทธ์เบาๆ
“ผมกับเชอรี่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้วนะ”
“เรื่องของคุณ” นิชิตาตอบกลับทันควัน
“คุณอาจารย์โกรธเหรอ”
“เรื่องของฉัน”
“คุณหมูหวาน” มาคราวนี้เจ้าของชื่อถึงกลับเบิกตากว้าง หัวใจที่เต้นอยู่ในอัตราปกติในตอนแรกเต้นโครมครามแปลกๆเมื่ออารัทธ์เรียกชื่อเล่นเธอเป็นครั้งแรก
“อะ...อะไร”
“ผมยังไม่เคยเรียกชื่อเล่นคุณเลยใช่ไหม”
“คุณจะพูดอะไร” นิชิตาถามออกไปตรงๆตามนิสัย หากก็ตื่นเต้นไม่น้อยจนไม่รู้ตัวเลยว่ามือทั้งสองได้กำชายผ้าห่มไว้แน่น
“ผมนิสัยแย่มากเลยสินะครับ”
“มาก” ตอบโดยไม่ใช้เวลาในการคิดมากนัก
“คุณคงเกลียดผมมากเลย” หากคำพูดต่อมากลับทำให้นิชิตาเงียบไปครู่หนึ่ง ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงตอบว่า ‘ใช่’ ไปแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมตอนนี้เธอถึงไม่ตอบอย่างนั้นออกไป เธอจับน้ำเสียงที่จริงจังของอีกฝ่ายได้ น้ำเสียงของอารัทธ์ที่ไม่มีแววล้อเล่นเลยแม้แต่น้อย
“ฉัน...”
“แต่ผมน่ะ...” อารัทธ์จงใจพูดขึ้นแทรกก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดจบ “...รักคุณจริงๆนะครับ”
คำบอกรักที่เธอเคยได้ยินมาก่อนหน้านี้จากอารัทธ์เทียบไม่ได้เลยกับการบอกรักในครั้งนี้ ทั้งที่เขาไม่ได้มองหน้า ไม่ได้สบตา ไม่ได้สัมผัสตัวเธอ แต่ทำไม...เธอถึงรู้สึกและสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น ความจริงใจที่อารัทธ์มีให้เธอได้ก็ไม่รู้
“เพราะฉันไม่เหมือนผู้หญิงทุกคนที่คุณเคยเจอ คุณแค่อยากเอาชนะ คุณไม่ได้รักฉัน” หากทิฐิในใจก็ทำให้นิชิตาปฏิเสธความรู้สึกทุกอย่าง ทั้งความรู้สึกแปลกๆที่กำลังก่อตัวขึ้นในหัวใจและความรู้สึกที่อีกคนหนึ่งพยายามที่จะส่งมันมาให้กับเธอ
“ต่อให้คุณปฏิเสธผมอีกสักร้อยครั้ง ผมก็จะบอกรักคุณต่อไปเรื่อยๆจนกว่าคุณจะยอมรับคำว่ารักจากผม”
“ถ้าฉันปฏิเสธคุณทั้งชีวิต”
“ผมก็จะบอกรักคุณไปทั้งชีวิต”
น้ำเสียงที่เด็ดเดี่ยวและมั่นคงคือสิ่งที่นิชิตาสัมผัสได้จากคำพูดของอารัทธ์ มือข้างหนึ่งถูกยกขึ้นมาทาบบนหน้าอกด้านซ้ายของตัวเอง หัวใจที่ตั้งใจแน่วแน่ไว้แล้วว่าจะไม่หลงกลผู้ชายเจ้าชู้เริ่มสั่นไหวจนตัวเองจวนเจียนจะควบคุมไว้ไม่อยู่ ภาพเหตุการณ์ในอดีตของลูกพี่ลูกน้องสาวยังคงฉายชัดในความทรงจำว่านิษศินีร้องไห้เสียใจปานใดเมื่อถูกอารัทธ์เขี่ยทิ้งและเธอจะไม่ยอมเดินซ้ำรอยร้าวรอยเดิมนั้นแน่
“อย่าฝืนเลยคุณอารัทธ์ มันไม่มีประโยชน์หรอก”
“ต่อให้คุณปฏิเสธผมไปทั้งชีวิต ผมก็จะบอกรักคุณจนกว่าคุณจะยอมรับ ถึงจะต้องกลับมาเริ่มใหม่อีกกี่ครั้ง โดนคุณต่อว่าอีกกี่ครั้งผมก็จะไม่มีวันถอยหลังกลับ”
คำพูดของอารัทธ์ทำให้นิชิตาเม้มริมฝีปากแน่น
“ผู้ชายอย่างคุณไม่หยุดอยู่แค่ผู้หญิงอย่างฉันแน่”
“นั่นสินะครับ” คำพูดที่ฟังเหมือนการตอบรับกลายๆดังมาจากคนที่นั่งอยู่ที่ระเบียงห้อง “ผมน่ะไม่เคยคิดที่จะหยุดหัวใจไว้กับผู้หญิงคนไหน แต่ทำไมถึงคิดจะหยุดหัวใจดวงนี้ไว้ที่คุณก็ไม่รู้สินะ”
รอยยิ้มบางๆแต่งแต้มอยู่บนใบหน้าคมคล้ายจะยิ้มเยาะตัวเอง
“ทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอกว่าคุณต้องปฏิเสธแต่ผมก็ยังดึงดัน โง่มากใช่ไหม”
ประโยคเย้ยหยันตัวเองของอารัทธ์ยิ่งทำให้นิชิตาจ้องมองแผ่นหลังกว้างนั้นด้วยแววตาที่สับสน
“คุณมันดื้อ” เธอจงใจว่า อารัทธ์รู้ดีว่าเธอเองก็ดื้อแต่เขาก็ยังคงดึงดันจะไปในเส้นทางที่เธอปฏิเสธว่าจะไม่มีทางเดินเคียงข้างกับเขา ผู้ชายคนนี้ยังคงดึงดันที่จะทำตามเสียงหัวใจตัวเอง
แล้วเธอเล่า...เสียงหัวใจของเธอมันบอกว่าอย่างไร มันบอกให้เธอปฏิเสธเขาจริงแล้วล่ะหรือ
“คุณหมูหวานของผมก็ดื้อเหมือนกัน” อารัทธ์บอกด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะจน ‘คุณหมูหวานของผม’ รู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนขึ้นอย่างไรชอบกล
“เลิกเรียกฉันว่าหมูหวานได้แล้ว” เธอตัดสินใจออกปากห้าม เพราะทุกครั้งที่อารัทธ์เรียกชื่อเล่นของเธอ เธอยิ่งรู้สึกว่าเธอควบคุมหัวใจของตัวเองไว้ไม่อยู่
“ทำไมครับ”
“ก็...ฉันไม่ชิน คุณเคยเรียกแต่ ‘คุณอาจารย์’ ฉันชินกว่า”
มาถึงตรงนี้นิชิตาคงไม่มีโอกาสได้รู้ว่าอารัทธ์กำลังยิ้มกว้าง
“แล้วถ้าผมจะเรียกคุณว่า ‘คุณอาจารย์’ ไปทั้งชีวิตเลยได้ไหม”
“ไม่ได้” นิชิตารีบปฏิเสธ “ฉันง่วงแล้ว จะนอน” ก่อนจะตัดบทสนทนาไปเสียดื้อๆ ซึ่งอารัทธ์ก็ยอมรับการตัดสินใจของหญิงสาวแต่โดยดีหากก็ยังไม่ยอมหยุดที่จะชวนพูดคุย
“คุณอาจารย์หลับแล้วเหรอ” คนที่นั่งรับลมริมระเบียงร้องเรียกแต่คนที่แกล้งทำท่าว่ากำลังจะหลับอยู่ในห้องกลับไม่ยอมเอ่ยเสียงโต้ตอบ
“คุณอาจารย์ หลับไปแล้วจริงๆหรือครับ” อารัทธ์ตัดสินใจถามออกไปอีกครั้งแต่ก็ยังคงได้ความเงียบเป็นคำตอบกลับมาเหมือนเดิม
“ผมร้องเพลงกล่อมให้เอาไหมครับ” อารัทธ์ก็ยังคงพูดคนเดียวต่อไปแม้นิชิตาจะไม่มีทีท่าว่าจะตอบกลับมาเลยก็ตาม
“คุณไม่ปฏิเสธแสดงว่าตอบรับนะครับ”
นิชิตาที่แกล้งหลับลืมตาขึ้นมองคนที่พูดเองเออเองตอบเองเสร็จสรรพ มีคนเคยบอกเขาไหมนะว่าการเงียบไม่ได้หมายว่าเธอไม่ปฏิเสธ เธอแค่เงียบเพียงเพราะอยากให้คนที่ช่างเจรจาหยุดพูด ยิ่งอารัทธ์พูดสิ่งที่อยู่ในใจของเขามากเท่าไหร่ หัวใจของเธอก็ยิ่งจะอันตรายมากขึ้นเท่านั้น เธอจึงอยากให้เขาหยุดทุกอย่างและคืนวันเวลาที่เคยสงบสุขของเธอคืนมาเสียที
“...มันคงเป็นความรัก ที่ทำให้ตัวฉัน ยังคืนอยู่ตรงนี้*”
น้ำเสียงทุ้มนุ่มชวนฟังของอารัทธ์ที่ขับกล่อมเนื้อร้องและท่วงทำนองออกมาโดยไม่มีแม้เครื่องดนตรีประกอบนั้นเพราะเสียจนนิชิตาแปลกใจ ไม่คิดว่าผู้ชายที่กวนประสาทเธอทุกครั้งที่เจอบทจะมีอารมณ์ศิลปินกลับทำได้ดีเกินคาด
มันคงเป็นความรัก
ที่ทำให้ใจฉัน ไม่ยอมหยุดเสียที
แม้ว่ามันไม่มีโอกาส
แม้ว่าฉันต้องพลาดไปอีกสักที
แต่ว่าความรัก ก็ยังขอให้ฉันทำแบบนี้
ที่จะให้เธอจนกว่าเธอจะรับ
บอกรักเธอจนกว่าเธอนั้นจะยอม
เธอคือความสุขของฉัน
ถ้าเธอไม่รับมัน ให้ฉันเริ่มต้นอีกกี่ครั้งก็พร้อม
หากสุดท้ายเธอไม่เปลี่ยนใจ
ไม่เป็นไรใจฉันก็ไม่ยอม
ถ้ารอให้ฉันหยุดหัวใจ
คงต้องรอให้โลกหยุดหมุนไปก่อน
ราวกับต้องมนต์สะกด นิชิตาก้าวลงจากเตียงมาหยุดอยู่ริมประตูที่กั้นระหว่างอารัทธ์กับเธอ ไม่นานไปกว่าชั่วอึดใจ เสียงปลดล็อคประตูก็ดังขึ้น ผ้าม่านสีขาวปลิวไสวเพราะแรงลมจากด้านนอก คนที่นั่งเอาหลังพิงประตูอยู่เมื่อครู่ตอนนี้กลับยืนขึ้นเต็มความสูงและก้าวเข้ามาหาเธอพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง
มันคงเป็นความรัก
ที่มีคำว่าชีวิต เลยฟังดูมีความหมาย
มันคงเป็นความรัก
ที่ทำให้การรอคอย เป็นเรื่องง่ายดาย
แม้ว่ามันไม่มีโอกาส
แม้ว่าฉันต้องพลาดอะไรมากมาย
แต่ว่าการรอคอยนี้ก็คุ้ม เพราะมีเธอเป็นจุดหมาย
รอยยิ้มละมุนละไมกับความอบอุ่นที่กุมมือเธอไว้ตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้นั้นแทบทำให้ปราการเหล็กที่เธอสร้างไว้ปกป้องตัวเองพังครืนลงมา อารัทธ์ทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความฝัน ตกอยู่ใต้มนต์สะกดของเขา
จะให้เธอจนกว่าเธอจะรับ
บอกรักเธอจนกว่าเธอนั้นจะยอม
เธอคือความสุขของฉัน
ถ้าเธอไม่รับมัน ให้ฉันเริ่มต้นอีกกี่ครั้งก็พร้อม
หากสุดท้ายเธอไม่เปลี่ยนใจ
ไม่เป็นไรใจฉันก็ไม่ยอม
ถ้ารอให้ฉันหยุดหัวใจ
คงต้องรอให้โลกหยุดหมุนไปก่อน
แม้จะมองได้ไม่ชัดนักเพราะไม่ได้สวมแว่นสายตาแต่นิชิตาก็สัมผัสได้ว่าดวงตาคู่เรียวของอารัทธ์มองเธอด้วยความแน่วแน่เช่นใด จริงจังมากแค่ไหน บทเพลงทุกตัวอักษรบอกสิ่งที่อยู่ในใจของเขาชัดเจน ชัดเสียจนเธอคิดว่าถ้าเขาขอความรักจากเธอตอนนี้และเธอไม่รู้จักเขามาก่อน เธอคง...รับรักเขาไปแล้ว
ในวันที่เธอนั้นไม่มีใคร
ในวันที่โลกนี้ทิ้งเธอไป
ในวันนั้นหันมามองเถอะ
ฉันจะยืนอยู่ตรงนี้
และจะให้เธอจนกว่าเธอจะรับ
บอกรักเธอจนกว่าเธอนั้นจะยอม
เธอคือความสุขของฉัน
ถ้าเธอไม่รับมัน ให้ฉันเริ่มต้นอีกกี่ครั้งก็พร้อม
หากสุดท้ายเธอไม่เปลี่ยนใจ
ไม่เป็นไรใจฉันก็ไม่ยอม
ถ้ารอให้ฉันหยุดหัวใจ
ถ้ารอให้ฉันหันหลังเดินลับหายไป
ได้ยินไหม...คงต้องรอให้โลกหยุดหมุนไปก่อน...
(* เพลง มันคงเป็นความรัก : อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข)
“มันคงเป็นความรัก” บทเพลงประโยคสุดท้ายสิ้นสุดลงด้วยเสียงหัวใจที่เต้นโครมครามอยู่ภายในอก นิชิตารู้สึกว่ามือตัวเองที่เย็นเฉียบราวกับน้ำแข็งนั้นอบอุ่นขึ้นเพราะมือใหญ่อีกมือที่เกาะกุมอยู่ หญิงสาวตัดสินใจสบตาอารัทธ์ตรงๆเพราะอยากรู้ว่าสิ่งที่เขาทำทั้งหมดนั้นทำเพียงเพราะต้องการเอาชนะเธอหรือเพราะเขา...รักเธอจริงๆ
“สงสัยว่าผมรักคุณจริงหรือเปล่าใช่ไหม”
เมื่อถูกจับได้ว่าคิดอะไรอยู่ ดวงหน้าของอาจารย์สาวจึงแดงขึ้นมาอย่างห้ามไว้ไม่อยู่จนคนที่อ่านใจอีกฝ่ายได้ตรงเผงอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
“หัวเราะอะไร เดี๋ยวก็ไล่ให้ไปนอนรับลมอีกหรอก” นิชิตาทำเสียงแข็งกลบเกลื่อนอาการเขินของตัวเอง
“โอเคครับ ไม่หัวเราะก็ไม่หัวเราะ คุณอาจารย์อย่าไล่ผมออกไปนะ หนาวจะแย่แล้ว” อารัทธ์ยังคงตามใจนิชิตาอยู่อย่างเคยหากยังไม่ยอมปล่อยมือของอีกฝ่ายให้เป็นอิสระ
“ปล่อยมือฉันได้หรือยัง” แต่เมื่อโดนเจ้าของมือทวงถาม อารัทธ์จึงยอมปล่อยมือนุ่มนิ่มคู่นั้นอย่างนึก
เสียดาย
นิชิตาหมุนตัวกลับก่อนจะก้าวขึ้นเตียงนอนของตัวเอง ไม่มีแม้คำบอกราตรีสวัสดิ์และไม่คิดจะต่อบทสนทนาให้ยาวขึ้น เพราะหญิงสาวรู้ตัวดีว่าถ้าขืนปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่าง ‘มาก’ ไปกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ ชีวิตของเธอจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่มีวันกลับคืนมาดังเดิม
“ราตรีสวัสดิ์ครับ ผมหวังว่าคุณจะฝันดี” อารัทธ์บอกคนที่ล้มตัวนอนไปแล้ว และสิ่งที่ได้รับกลับมาคือการเอาผ้าห่มปิดหน้าจนกลายเป็นของคลุมโปงไปของนิชิตา
อารัทธ์อมยิ้มน้อยๆ เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้วในความรู้สึก แม้นิชิตาจะไม่พูดหรือแสดงอะไรออกมา แต่ชายหนุ่มก็รับรู้ได้ดีว่า ‘คุณอาจารย์ของเขา’ ยอมที่จะเปิดหัวใจยอมรับเขามากขึ้น แม้จะเพียงนิดเดียวแต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้เขามีพลังเดินหน้าต่อไปโดยมีเธอเป็นจุดหมายปลายทาง
...เพราะคุณ...คือความรักของผม...
--------------------------------------------------------------------------------------------
อยากจะร้องดังๆตอนที่เขียนตอนนี้ค่ะ พี่อาร์ทน่าร้ากกกกกกกกกกกกกกก
พี่อาร์ทปีนจากระเบียงห้องข้างๆข้ามมาห้องของตัวเองจริงๆค่ะ ลงทุนมาก และชั้นสามก็เสียวทีเดียวนะคะ >< แต่เขาก็ยังทำ...อยากให้พี่อาร์มเอาอย่างพี่อาร์ทมาซักครึ่งนึง ฮา...
คอมเมนท์พูดคุยกันได้นะคะ ถ้าชอบก็กดไลค์เป็นกำลังใจด้วยนะเออ ><
เจอกันตอนหน้ากับตอน "ยาวิเศษ" ในวันอาทิตย์ค่ะ ไปตามลุ้นความรักของพี่อาร์มกันต่อดีกว่าเนอะ ^^
ปล. (ลืมบอกไปค่ะ) ถ้าฟังเพลงไปด้วยจะได้อารมณ์มากเลยนะคะ ><
ตอบเมนท์จ้า...
mookisme : ขอบคุณสำหรับการเจิมน้า...
violette : ฮ่าๆ ไม่มีใครสงสารพี่อาร์ทเลย ส่วนที่เปรียบเทียบว่าเป็นจิ้งจก คืออยากให้คนอ่านนึกภาพออกน่ะค่ะ จิ้งจกเกาะอยู่บนผนังมันเห็นภาพชัดดี ฮา...
ปรางขวัญ : หมูหวานก็อยากเอาคืนเหมือนกันค่ะ แต่พี่อาร์มเขาลูกเล่นแพรวพราว สุดท้ายก็ทำให้หมูหวานยอมเปิดประตูรับจนได้ :P
anOO : เป็นมนุษย์ที่สามารถทำได้มุกอย่างจริงๆค่ะถ้าตัวเองตั้งใจที่จะทำแล้ว ส่วนหน้าตา...ปอแก้วก็คิดเหมือนกันค่ะว่าคงน่าเกลียดไม่เบา
ปอยอ่ะนะ : ทำไปได้จริงๆค่ะ ความพยายามมากจริงๆ
nunoi : พี่อาร์ทเป็นได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้ใจคุณอาจารย์ค่ะ :)
WallyValent : เปิดสงครามกันอย่างโจ่งแจ้งมากๆ ระวังจะโดนหมายหัวนะ ฮ่าๆๆ
teesaparn : ผู้ชายเรื่องนี้น่าหมั่นไส้ทุกคนค่ะ เอ๊ะ...หรือว่าคุณ teesaparn หมั่นไส้ยัยเชอรี่คะ?? อิอิ
ปอแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 ม.ค. 2555, 09:03:41 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 ม.ค. 2555, 10:08:55 น.
จำนวนการเข้าชม : 1690
<< เขตพื้นที่ที่ 1 : ผลิดอก...ออกรัก : ตอนที่ 13 | เขตพื้นที่ที่ 1 : ผลิดอก...ออกรัก : ตอนที่ 15 >> |
anOO 31 ม.ค. 2555, 09:45:39 น.
แหมไม่น่าเชื่อว่านายอาร์ทจะน่ารักได้ขนาดนี้
หมูหวานคงละลายอยู่บนเตียงเรียบร้อยแล้ว
แหมไม่น่าเชื่อว่านายอาร์ทจะน่ารักได้ขนาดนี้
หมูหวานคงละลายอยู่บนเตียงเรียบร้อยแล้ว
nunoi 31 ม.ค. 2555, 11:48:05 น.
นายอาร์ทเล่นร้องเพลงบอกรักอย่างนี้ คุณอาจาร์ยก็แย่ซิค่ะเนี๊ยะ
นายอาร์ทเล่นร้องเพลงบอกรักอย่างนี้ คุณอาจาร์ยก็แย่ซิค่ะเนี๊ยะ
violette 31 ม.ค. 2555, 14:58:16 น.
แหม้ อยากให้เจอพี่สาวหมูหวานจริงๆ โฮะๆๆๆๆ
แหม้ อยากให้เจอพี่สาวหมูหวานจริงๆ โฮะๆๆๆๆ
roseolar 1 ก.พ. 2555, 23:40:11 น.
คิดไม่ผิดจริงๆที่เป็นแฟนคลับพี่อาร์ท
ให้มันได้อย่างนี้สิคะคุณพี่...หวานจนน้ำตาลเรียกพี่ขนาดนี้ อีกไม่นานหมูหวานต้องใจอ่อนแน่นอน ฟันธง!โชะเด๊ะ
คิดไม่ผิดจริงๆที่เป็นแฟนคลับพี่อาร์ท
ให้มันได้อย่างนี้สิคะคุณพี่...หวานจนน้ำตาลเรียกพี่ขนาดนี้ อีกไม่นานหมูหวานต้องใจอ่อนแน่นอน ฟันธง!โชะเด๊ะ
teesaparn 2 ก.พ. 2555, 11:40:06 น.
อยากมีคนมาฮ้องเพลงแบบนี้ผ่อง
แต่แล้วก่อต้องตื่น ฝันไป...อยากมีแฟนแบบอ้ายอาร์ทพ่อง^^
อยากมีคนมาฮ้องเพลงแบบนี้ผ่อง
แต่แล้วก่อต้องตื่น ฝันไป...อยากมีแฟนแบบอ้ายอาร์ทพ่อง^^
Amata 2 ก.พ. 2555, 14:48:01 น.
ตื้อจนได้ดีนะจ๊ะ
ตื้อจนได้ดีนะจ๊ะ