Crazy Laws กฏหมายฮาเดือด!!
เมื่อ "วินด์ ฮิลล์" นักเรียนกฎหมายปี 1 ผู้มีดีแค่หน้าตาแต่สติปัญญาอยู่ในระดับน่าอับอาย ต้องมาพานพบกับ "เวสต์ วิซ" ผู้ช่วยผู้พิพากษา ที่ถูกไหว้วานจากอาจารย์ีที่ปรึกษาของวินด์ ฮิลล์ ให้มาช่้่วยเข็นให้หนุ่มดีแต่รูปคนนี้เลื่อนชั้นไปได้ แล้วอะไรจะเกิดขึ้น..เมื่อสองคนนี้ต้องมาร่วมไขคดีไปด้วยกัน พร้อมกับ "ประมวลกฎหมาย" อาวุธประจำตัวนักเรียนกฎหมายทุกคน!?
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทนำ+มาตราที่ 1

โลกนี้ไม่มีเวทมนต์…


ประโยคนี้ที่รู้แก่ใจ แต่คนมากมายกลับหลงงมงายกับเวทมนต์คาถา เชื่อถือว่ามันจะทำให้ตนมีอำนาจ เชื่อถือว่ามันจะพาให้สองเท้าลอยขึ้นไปในอากาศ หรือเชื่อถือแม้แต่ว่ามันจะนำมาซึ่งชีวิตอมตะ ทั้งๆที่ก็ยังไม่เคยมีใครได้พบกับเวทมนต์มาก่อน


หรืออย่างน้อย..ก็ในดินแดนแห่งนี้ที่ทุกสิ่งทุกอย่างดูจะห่างไกลกับคำว่า เวทมนต์ โดยสิ้นเชิง เพราะที่นี่คือดินแดนที่กฎหมายมีอำนาจเหนือยิ่งกว่าเวทมนต์ใดๆ


เหนือพื้นดินขึ้นไปประมาณ 50 เมตร รถไฟฟ้าความยาวจากหัวจรดปลายหางจำนวนสิบโบกี้กำลังเคลื่อนที่มาอย่างนุ่มนวลบนรางคู่ ภายในห้องโดยสารประกอบด้วยเก้าอี้นั่ง 20 ตัวและเก้าอี้นอน 10 ตัวต่อโบกี้ ที่ต่างก็ถูกจับจองกันเต็มในเวลาชั่วโมงเร่งด่วน ทั้งยังมีคนยืนอยู่ประปรายบนทางเดินในห้องโดยสาร บ้างก็สนใจกับรายการโทรทัศน์ที่กำลังฉาย บ้างก็สนใจกับการกดมือถือจนมือเป็นระวิง ไม่มีใครที่จะสนใจกันและกัน จนกระทั่งเมื่อมีเหตุการณ์ผจญภัยร่วมเกิดขึ้น...


ปู้ด...................


เสียงประหลาดเบามากจนทุกคนในห้องโดยสารอาจจะแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินได้ แต่กลิ่นอันไม่พึงประสงค์ที่ค่อยๆรวยรินอยู่ภายในห้องปิดจากระบบปรับอากาศนี่สิ กลับเกินกว่าที่จะแกล้งทำเป็นไม่รู้สึก


‘ฝีมือใคร?’


คำคำนี้ที่ได้แต่นึกถามปนก่นด่าอยู่ในใจ สายตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งร้ายหลายคู่ค่อยๆเลื่อนตามไปยังต้นตอของกลิ่น อันมีที่มาจากชายหนุ่มผู้ยืนหันหน้าเข้าหาประตูทางออก และหันด้านหลังเข้าเผชิญหน้ากับสายตาทิ่มแทงของเหล่าผู้ที่ประสบภัยทั้งหลาย


และบางทีสถานการณ์อาจจะแตกต่างไปกว่านี้มาก ถ้าต้นตอของกลิ่นไม่ได้สูงปาเข้าไป 180 เซนติเมตร และไม่ได้มีกล้ามเป็นมัดๆที่ต้นแขน ซึ่งช่วยสยบวาจาของคนที่คิดจะตักเตือนให้ยังต้องเงียบลงทันควัน นั่นหมายความว่าเขาคนนี้จะยังคงรอดตัว ทั้งๆที่เพิ่งกระทำการปล่อยแก๊สพิษในที่สาธารณะอย่างนั้นหรือ?


คำตอบคือ ไม่..!


“ในนามของรัฐ ผมขอจับกุมคุณตามประมวลกฎหมายสิ่งแวดล้อม มาตราที่ 18 วรรคที่ 1 บุคคลใดที่ก่อให้เกิดมลพิษ อันสร้างความเสียหายให้แก่สิ่งแวดล้อม ต้องระวางโทษปรับ 100 เกล หรือ จำคุกครึ่งวัน หรือทั้งจำทั้งปรับ!”


สิ้นเสียงตะโกน เชือกฟางอย่างเหนียวก็พุ่งเข้ามามัดตัวชายคนร้ายเอาไว้อย่างแน่นหนา เชือกขดนั้นมัดตั้งแต่ช่วงไหล่ลงมาจนเลยเข่า บีบให้ชายผู้ทำผิดกฎหมายตกอยู่ในสภาพที่ไม่อาจหนีพ้น ร่างหนาล้มครืนลงมากองกับพื้นด้วยสีหน้าตื่นตกใจ โดยเฉพาะเมื่อเจ้าของเสียงเดินใกล้เข้ามา...


“คุณมีสิทธิ์ที่จะเรียกทนายเพื่อไต่สวนเรื่องนี้เพิ่มเติมในศาล หรือจะจ่ายค่าปรับ 100 เกลตรงนี้ แล้วให้มันจบเรื่องกันไปดีครับ?”


เสียงทุ้มถามอย่างสุภาพ เช่นเดียวกับรอยยิ้มระรื่นเกินเหตุที่ประดับอยู่บนใบหน้าของชายหนุ่มวัยยี่สิบต้นๆ ผู้อยู่ในชุดกางเกงสแล็คสีดำกับเสื้อเชิ้ตสีขาวด่างๆ บนอกเสื้อคือเข็มกลัดรูปตาชั่งสีเงิน อันเป็นหนึ่งในสามสัญลักษณ์ที่ประทับอยู่บนหน้าปกหนังสือประมวลกฎหมายสิ่งแวดล้อมที่อยู่ในมือขวา


“จ่าย! ฉันจะจ่ายค่าปรับตรงนี้เลย!!”


นิ้วที่น่าสงสารพยายามคีบกระเป๋าสตางค์ออกมายื่นส่งให้แก่เจ้าของมือที่กำลังตวัดปากกาเขียนใบเสร็จอย่างคล่องแคล่ว ชายหนุ่มผู้รักษากฎหมายรับธนบัตร 100 เกลมาวางแหมะลงบนใบเสร็จค่าปรับ แล้วกระบวนการแสกนลายน้ำบนธนบัตรผ่านทางใบเสร็จก็เกิดขึ้นและจบลงอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ธนบัตรจะถูกดูดหายเข้าไปในใบเสร็จค่าปรับฉบับนั้น


“คุณออแลนด์ โรซ เดือนนี้คุณมีประวัติถูกจับในข้อหาปล่อยสารพิษทำลายสิ่งแวดล้อมมา 2 ครั้งแล้วนะครับ ถ้ายังมีครั้งหน้าจะต้องถูกจำคุกเป็นเวลาครึ่งวันโดยไม่มีการต่อรองใดๆ เพราะฉะนั้นระวังตัวด้วยนะครับ”


อธิบายพลางตวัดปากกาเซ็นลายเซ็น ‘วินด์ ฮิลล์’ ลงไปบนใบเสร็จ ก่อนจะฉีกกระดาษแผ่นนั้นออกมาจากสมุดยื่นส่งให้แก่คนร้ายก็เป็นอันเสร็จพิธี


“ขอบคุณที่ใช้บริการครับ”


วินด์ ฮิลล์ นักเรียนกฎหมายปี 1 เอ่ยพร้อมด้วยรอยยิ้มหลังการขาย ท่ามกลางเสียงตบมืออย่างล้นหลามของสาธารณชน ที่ต่างก็สะใจอย่างยิ่งยวด โดยเฉพาะเมื่อคนร้ายผู้ได้รับการปล่อยตัวรีบวิ่งหนีจากไปทันทีโดยไม่กล้าแม้แต่จะหันมามองซ้ำสอง


และนี่ก็คือความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย ภายในโลกที่ไม่มีอำนาจอื่นใด มันก็คือสิ่งเดียวที่เป็นหลักค้ำประกันถึงความปลอดภัย ความสงบสุข และสิทธิเสรีภาพในการอยู่ร่วมกันของประชาชน!!






+++ มาตราที่ 1 : นักเรียนกฎหมายพึงพยายามหาทางเลื่อนชั้นให้สำเร็จ +++



อาจจะแนะนำตัวกันเร็วไปบ้าง ชื่อของผมคือ วินด์ ฮิลล์ นักเรียนกฎหมายปี 1 เทอม 1 ของโรงเรียนกฎหมายที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก สาเหตุที่มีชื่อเสียงที่สุดน่ะเหรอก็เพราะว่ามันมีโรงเรียนกฎหมายแค่แห่งเดียวยังไงล่ะ!


และเพราะอย่างนั้นผู้ที่สนใจมีสายอาชีพด้านกฎหมายทุกคนจึงต้องผ่านโรงเรียนนี้และได้รับใบจบการศึกษาก่อน จึงจะสามารถเข้าเรียนต่อในอาชีพเฉพาะทางทางด้านกฎหมายได้ โชคดีที่การคัดเลือกเข้าเรียนในโรงเรียนนั้นไม่ได้มีความเข้มงวดแต่อย่างใด ตามสโลแกนที่ไม่จำกัดทั้งเชื้อชาติ ไม่จำกัดเพศหรือวัย จะอายุแรกรุ่นหรือวัยแย้มฝาโลงก็ยินดีต้อนรับเข้ามาเรียนเสมอ ขอเพียงแค่คุณมีเงินจ่ายค่าเทอม การเข้าเป็นหนึ่งในนักเรียนของโรงเรียนกฎหมายก็ไมใช่เรื่องยากสำหรับคุณ


แต่เดี๋ยวก่อน..ผมไม่ได้จะมาโฆษณาโรงเรียนนี้สักหน่อย!! ตรงกันข้ามเลยผมอยากจะมาประกาศให้โลกรู้ถึงความคับแค้นใจของผมต่างหาก ทำไมเมื่อหลายปีก่อนผมถึงได้สิ้นคิดพอที่จะเลือกเข้ามาเรียนในโรงเรียนนี้กันนะ มันต้องเป็นเพราะกรรมเก่ามาบังตา เคราะห์ซ้ำกรรมซัดให้ขี้เกียจพอจะตัดสินใจเลือกสาขาที่เรียนต่อ ถึงได้เอาง่ายเข้าว่าด้วยการเลือกตามผลโหวตสูงสุดจากแบบสอบถามเส้นทางอาชีพที่น่าหลงใหล และผลโหวตอันดับ 1 จากประชากร 1,000,000 คนก็คืออาชีพสายกฎหมายที่เข้ามาง่าย แต่จะตายก่อนทันได้เรียนจบรึเปล่าก็ไม่รู้!!


อ๊ะๆ ไม่ใช่ว่าผมโง่เกินไปนะ ที่จริงมันก็อาจจะมีส่วนอยู่บ้าง แต่พวกคุณไม่ได้มาเรียนด้วยตัวเองก็ไม่มีทางรู้หรอกว่ามันยากเย็นแสนเข็ญแค่ไหน ผมเองก่อนนี้ยังไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าประมวลกฎหมายดันแยกได้ตั้งเป็นร้อยๆหมวด แถมแต่ละหมวดยังล่อไปกว่าพันมาตรา แล้วแบบนี้จะให้ผมเอาเซลล์สมองส่วนไหนมานั่งจดนั่งจำกันล่ะ


แถมพอได้เข้ามาเรียนแล้วถึงได้รู้ว่าทางโรงเรียนจงใจปกปิดตัวเลขของผู้เข้าศึกษากับตัวเลขของผู้ที่จบการศึกษาเอาไว้ จริงอยู่ว่าตามหลักสูตรบังคับเรียน 2 ปีเป็นจำนวน 4 ภาคการศึกษา แต่คนที่เรียนจนจบสี่ภาคการศึกษานั้นไปได้กลับมีเพียงแค่ 1% จากจำนวนนักเรียนทั้งหมดเท่านั้น


ยังไม่พอ...พอเรียนจบได้ใบประกาศนียบัตรมาแล้ว อาชีพสายกฎหมายก็ยังแยกออกเป็น 2 สาขาด้วยกัน คือ ทนายความ และ ผู้พิพากษา ในกรณีของทนายความจะต้องฝึกงานต่ออีก 2 ปีและสอบผ่านจึงจะได้ใบประกอบวิชาชีพ แต่สำหรับผู้พิพากษายิ่งหนักเข้าไปใหญ่ ต้องฝึกงานเป็นเวลา 4 ปียังไม่พอ ยังแถมด้วยการสอบทั้งภาคปฏิบัติและภาคทฤษฎีที่โหดหินทมิฬชาติที่สุดเท่าที่มนุษยชาติจะเคยประสบมา


ทั้งหมดนี่ก็คือรายละเอียดของเส้นทางสู่ฝัน อาชีพสายกฎหมายที่คนกว่า 99% มักจะล้มหายตายจากก่อนได้รับใบประกอบวิชาชีพมาไว้ในมือ และสำหรับผมที่เรียนซ้ำชั้นปี 1 เทอม 1 มาสามเทอมแล้ว...รู้อย่างงี้รับสืบทอดกิจการขายกล้วยแขกประจำตระกูลมา ยังจะดีกว่าขอให้ลุงขายที่นาเอาเงินมาส่งเสียให้เข้าเรียนที่นี่เลย..แบบนี้ก็ไม่มีหน้าเลิกเรียนกลับไปกลางคันกันพอดี!!


พวกคุณว่าผมควรจะทำยังไงดีครับ..!?


++++++++++++++


โรงเรียนกฎหมายครอบคลุมพื้นที่จำนวน 6.6634 ไร่ ตั้งโด่เด่อยู่บริเวณใจกลางเมืองที่เต็มไปด้วยผู้คนพลุกพล่านในยามกลางวัน และแสงสีเสียงในยามกลางคืนที่สะท้อนให้ตัวอักษรสีทองข้างกำแพงโรงเรียนยิ่งส่องประกายเจิดจ้ากว่าเดิม


“เที่ยงตรง โปร่งใส ยุติธรรม”


สโลแกนสามคำแทนตัวของผู้รักษากฎหมายสะท้อนกับแสงข้างทางเปล่งประกายออร่าเจ็ดสีออกมาอย่างสวยงาม สถานที่แห่งนี้คือแหล่งที่ฟูมฟักเหล่าผู้ที่จะเป็นกำลังสำคัญในการพิทักษ์กฎหมายต่อไปในอนาคต มันเป็นทั้งโรงเรียนที่ใช้ศึกษา เป็นทั้งห้องสมุดที่รวมรวบสรรพความรู้มากมาย และยังเป็นที่พบปะสังสรรค์ของเหล่าผู้พิพากษา ทนายความและนักเรียนกฎหมายที่ต่างก็เดินขวักไขว่ปะปนกันไปในสถานที่แห่งนี้


เมื่อเดินผ่านประตูใหญ่เข้ามาก็จะพบกับสถานที่สำคัญที่สุดภายในโรงเรียน นั่นคือรูปปั้นผู้พิพากษาในชุดครุยกรอมเท้านั่งทำท่าคิดอยู่บนเก้าอี้ตัวสูง เป็นที่ล่ำลือกันอย่างลับๆว่าหากบนบานด้วยน้ำแดง 33 ขวดจะได้ผลดีที่สุด


แต่ไม่ว่าจะคิดมาบนบานศาลกล่าวหรือไม่ บริเวณละแวกนี้ก็มักจะมีเหล่านักเรียนเดินผ่านไปมาเสมอ หลายคนแค่เดินย้ายห้องเรียน หลายคนก็นัดรอกับเพื่อนอยู่ โดยที่สามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างนักเรียนกับอาจารย์ได้จากเข็มกลัดที่ติดอยู่บนอกเสื้อ หากเป็นอาจารย์ซึ่งล้วนแต่เป็นผู้พิพากษาทุกคนแล้ว เข็มกลัดจะเป็นรูปนาฬิกาที่มีเข็มสั้นและเข็มยาวชี้ไปยังเลข 12 ตามสโลแกนเที่ยงตรง แต่หากว่าเป็นนักเรียน เข็มกลัดจะแสดงตามสโลแกนยุติธรรม โดยเป็นรูปตาชั่งที่ใช้กันในตลาดทั่วไป


และที่บริเวณใต้ต้นมะม่วงที่ตั้งตระหง่านโดดเดี่ยวอยู่ทางทิศตะวันออกของรูปปั้นนั้นเอง ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งผู้มีเข็มกลัดรูปตาชั่งประดับบนหน้าอกที่กำลังตกเป็นเป้าสายตาของสาวๆที่เดินผ่านไปมาโดยไม่รู้ตัว


ปราดแรกที่หันไปมองโดยบังเอิญ สายตาของหญิงสาวก็จะได้พบกับหนุ่มรูปงามผู้มีผิวกายขาวสะอาด ร่างสูงโปร่งกำลังยืนเอนหลังพิงกับต้นไม้ สองแขนยกขึ้นกอดอกหลวมๆ พลางทอดสายตาไปยังที่ห่างไกลราวกับกำลังเหม่อลอย ลมอ่อนๆที่พัดมาพาให้เส้นผมสีดำระกับสองข้างแก้ม ยิ่งขับเน้นให้เห็นถึงวงหน้าที่คมคายหล่อเหลาราวกับประติมากรรมชิ้นเอก


ทุกสิ่งทุกอย่างในตัวของผู้ชายคนนี้มันช่างดึงดูดตา จนแม้แต่ชุดเสื้อผ้าที่ดูเรียบง่ายก็มีแต่จะยิ่งเน้นให้เห็นถึงความดึงดูดใจของรูปลักษณ์ ทั้งสีหน้าที่ดูจะยุ่งยากใจกับอาการถอนหายใจน้อยๆก็ไม่ทำให้ความหล่อเหลางดงามจนโดดเด่นนั่นขัดตาแม้แต่น้อย


ใช่ มันไม่มีอะไรเลยในตัวผู้ชายคนนี้ที่จะขัดตาของเหล่าสาวๆ จนกระทั่งปราดที่สองที่พวกเธอได้มองเขาคนนั้นนั่นเอง....


“ข้าแต่ฟ้า! ข้าแต่ดิน!!”


เสียงทุ้มตะโกนก้องออกมาจากปากของหนุ่มรูปงามที่พลันชูมือขึ้นเหนือศีรษะเพื่อรับพลังจากดวงอาทิตย์


“ข้าแต่เทพเจ้าแห่งกฎหมาย...”


ดวงตาคู่สีฟ้ามองสบตำแหน่งลูกนัยน์ตาของรูปปั้น แล้วสองขาก็วิ่งเข้าหารูปปั้นศักดิ์สิทธิ์ประจำโรงเรียนโดยที่สองมือยังคงชูขึ้นฟ้าอย่างไม่ลดละ ชายหนุ่มวิ่งตรงฝ่าเข้าไปโดยไม่สนใจกับอาการแตกฮือของผู้คนที่เคยยืนขวางทาง ไม่สนใจแม้ว่าการวิ่งพรวดพราดเข้ามาของตนจะทำให้ฝูงนกพิราบที่เกาะอยู่บนรูปปั้นถึงกับบินแตกตื่นออกไปโดยไม่ได้นัดหมาย


“จะเป็นท่านไหนก็ช่าง ได้โปรดช่วยให้ผมสอบผ่านเทอม 1 นี่ซะทีเถอะครับ ผมไม่อยากซ้ำชั้นเป็นครั้งที่ 4 แล้ว!!”


ท่าโค้งคำนับจนก้นโด่งพร้อมด้วยคำขอโหยหวนแทงทะลุแก้วหูของบรรดาสาวๆที่เคลิบเคลิ้มกับรูปลักษณ์ภายนอกให้ถึงกับสะดุ้งตื่น พวกเธอมองชายหนุ่มที่ยังคงนั่งคุกเข่าอ้อนวอนรูปปั้นซ้ำเป็นปราดที่สามด้วยอาการตาเหลือกค้าง ก่อนจะรีบลาขาดอย่างรวดเร็ว


และนี่ก็คือ วินด์ ฮิลล์ นักเรียนกฎหมายปี 1 คนดัง เจ้าของฉายา “หล่อ(เฉพาะตอนที่มันอยู่)เงียบ(ๆ)”


“ได้โปรดเถอะครับ ผมเรียนซ้ำเทอมหนึ่งมาเป็นครั้งที่สี่แล้ว ทั้งอาจารย์ทั้งผมก็เบื่อหน้ากันเองจะแย่อยู่แล้ว..”


ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่จับจ้องมองมา หรือแม้แต่เสียงแชะจากกล้องมือถือที่ถูกถ่ายเก็บไว้อย่างอดไม่ได้ วินด์ ฮิลล์ยังคงมีสมาธิแน่วแน่ หนังหน้าที่ทั้งหล่อเหลาทั้งหนายิ่งกว่าปูนซีเมนต์ไม่แม้แต่จะกระตุกกับเสียงเซ็งแซ่ของฝูงชนที่กำลังชี้ชวนให้มาดูคนสติไม่ดีตรงหน้า เพราะเขาคนนี้เชื่อมั่นในสิ่งที่ทำเสมอ!


“ถ้าเทอมนี้ผมได้เลื่อนชั้นไปเทอม 2 ล่ะก็ ผมขอสัญญาว่าผมจะ...อ๊ากก!!”


“เจ้าตัวน่าขายหน้า!!”


เสียงแผดร้องโหยหวนดังแทบเป็นจังหวะเดียวกับเสียงเกรี้ยวกราดของผู้พิพากษาหญิงวัยกลางคน ผู้รับหน้าที่สอนนักเรียนกฎหมายชั้นปีที่ 1 เทอมที่ 1 มาเป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว เธอผู้เคยภาคภูมิใจกับตำแหน่งที่ได้รับมอบหมายจนกระทั่งวันหนึ่งของเมื่อเกือบสองปีก่อน ที่ฟ้าบันดาลให้เจ้าเด็กสติแตกวินด์ ฮิลล์ก้าวเข้ามาในชั้นเรียน และทำให้ความภูมิใจของเธอต้องแหลกยับไม่มีชิ้นดี!!


“อะ..อาจารย์แมรี่โรส..”


วินด์ ฮิลล์โงหัวที่ยุ่งเหยิงแต่ก็ยังคงหล่อจนน่าโมโหขึ้นมาหา ดวงตาสีฟ้าคู่สวยแอบมองไปยังอาวุธร้ายที่อาจารย์ใช้ฟาดกบาลเมื่อครู่ แล้วมือก็รีบเอื้อมออกไปจะรับมาอย่างอดไม่ได้


“นี่ถ้วยรางวัลถ้วยใหม่ของผมใช่มั้ย?”


“ใช่..ถ้วยรางวัลพิทักษ์โลก ที่องค์กรพิทักษ์สิ่งแวดล้อมมอบให้เธอจากเหตุการณ์บนรถไฟฟ้าเมื่อวันก่อน”


แมรี่โรสกำถ้วยรางวัลทองเหลืองที่ดีไซน์เป็นรูปชักโครกแน่นจนเห็นเส้นเลือดผุดขึ้นที่หลังมือ ที่จริงแล้วมันควรเป็นเรื่องน่าดีใจที่ลูกศิษย์ได้รับถ้วยรางวัล ถ้าไม่ใช่เพราะ...นี่คือถ้วยรางวัลถ้วยที่ 991 ของเจ้าเด็กนี่แล้ว!!


“ต้องให้สั่งให้สอนกี่ครั้งว่าถ้วยพรรค์นี้ถึงได้มาเท่าไหร่มันก็ไม่มีประโยชน์!!”


อาจารย์ผู้คับแค้นใจใช้ถ้วยรางวัลต่างอาวุธฟาดลงบนศีรษะกลวงๆของลูกศิษย์อีกครั้งอย่างอดไม่ได้


“ครูบอกเธอหลายครั้งแล้วว่าการจะสอบผ่านเลื่อนชั้นได้น่ะ มันต้องเก็บรวบรวมคะแนนประสบการณ์ให้ได้ 100 คะแนนถึงจะผ่าน แต่นี่เธอมัวแต่ไปจับผู้ร้ายคดีผายลมในที่สาธารณะอยู่ได้..คดีแบบนี้น่ะครั้งนึงได้แค่ 0.0001 คะแนน ต่อให้จับอีกเป็นหมื่นคดีก็ไม่ผ่านเทอม 1 นี่ไปได้หรอก!!”


ยิ่งว่ายิ่งแค้นใจ ยิ่งเอาถ้วยรางวัลฟาดกบาลก็ยิ่งมันส์มือ เป็นครูบาอาจารย์มาร่วมสิบกว่าปีแล้ว ได้เห็นนักเรียนอัจฉริยะมาก็มาก ได้เห็นคนที่ถอดใจก่อนสอบผ่านมาก็มากยิ่งกว่า แต่คนที่ไม่เหมาะกับการเรียนกฎหมาย ไม่มีวี่แววจะได้เลื่อนชั้น ไม่มีอนาคตว่าจะเรียนจบขนาดนี้ นอกจากวินด์ ฮิลล์แล้วก็ยังไม่เคยมีมาก่อน...และจะดีที่สุดถ้าไม่มีอีกเป็นคนที่สอง!!


ทั้งที่การเรียนในเทอมแรกของชั้นปีที่ 1 นั้นจัดได้ว่าง่ายที่สุด และการสอบผ่านเลื่อนชั้นก็กระทำได้ง่ายเพียงแค่ทำคะแนนให้ได้ถึง 100 คะแนนก่อนจบเทอม ซึ่งวิธีการได้คะแนนก็จะมาจากการตามจับผู้ร้ายในคดีต่างๆ ยิ่งเป็นคดียากหรือมีความเสี่ยง ก็จะมีโอกาสได้คะแนนและเงินตอบแทนมาก


ซึ่งมีนักเรียนหลายคนที่เลือกจะรับทำคดียากอย่างเช่นคดีฆาตกรรมเพียงอย่างเดียว เพื่อให้ได้คะแนนสูงๆ ซึ่งสุดท้ายนักเรียนพวกนี้ก็จะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขานี้ไป


หรือต่อให้ไม่รับทำคดียาก แต่คดีที่ไม่เสี่ยงอันตรายแต่ค่อนข้างมีความยุ่งเหยิงอย่างเช่นทางด้านการเงินก็ยังให้ผลตอบแทนที่ไม่เลว ดังเช่นการตามจับลูกหนี้เงินกู้ คดียักยอก ที่ล้วนแล้วแต่พัวพันวงเงินเป็นตัวเลขหลักล้านขึ้นไป


โดยสรุปแล้วการเรียนกฎหมายในเทอมแรกนี้มีวิธีให้เลื่อนชั้นได้มากมาย และส่วนมากถ้าไม่ลาออกไปก่อนก็จะสอบตกแค่ไม่เกินครั้งเดียว เทอมต่อมาก็จะสามารถเลื่อนชั้นไปได้ แต่สำหรับวินด์ ฮิลล์แล้ว...สามัญสำนึกทั่วไปกลับไม่อาจใช้ได้กับผู้ชายคนนี้เลย!!


“ผมอยากจะเลื่อนชั้นจริงๆนะครับอาจารย์..” ชายหนุ่มผู้ถูกประทุษร้ายบ่อยครั้งจนมีศีรษะทนทานปานเหล็กกล้าบอกด้วยเสียงอ่อยๆ มือเกาะขาอาจารย์แน่นพลางเงยหน้ามองด้วยดวงตาสีฟ้าคู่สวย “เพราะอย่างนั้นผมถึงได้พยายามคอยตามจับคนที่ชอบสร้างมลพิษทางอากาศอยู่ตลอด ถ้วยรางวัลพวกนี้ก็เป็นเครื่องยืนยันถึงความตั้งใจของผมไม่ใช่เหรอครับ”


วงหน้าหล่อเหลาเจือแววเศร้า ดวงตาคู่สีฟ้าใสที่เต็มไปด้วยความสำนึกผิด เหล่านี้ล้วนแล้วแต่มากพอที่จะทำให้ผู้มองมาต่างก็แอบใจอ่อนยวบไปตามๆกัน แต่แน่ล่ะว่าย่อมไม่ใช่สำหรับคนที่เผชิญหน้ากับคนหล่อแต่รูปคนนี้มาเกือบสองปีเต็มๆ


แมรี่โรสคว้าถ้วยรางวัลพิทักษ์โลกฟาดกบาลลูกศิษย์เข้าให้อีกโป๊กใหญ่!!


“ความตั้งใจที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการจับคนร้ายผายลมแล้วหนีรึไง!! เธอจะจับคนร้ายคดีพวกนี้บ้างครูไม่ว่า แต่ช่วยทำคดีอื่นที่มันมีคะแนนเยอะๆบ้างจะได้มั้ย!?”


วินด์ ฮิลล์ลูบรอยโนบนหัวพลางครางหงิง


“คดีแบบไหนล่ะครับ อาจารย์?”


“อย่างคดีฆาตกรรม ลักทรัพย์ ทำร้ายร่างกาย อะไรพวกนี้ล่ะว่าไง?” แมรี่โรสยกมือขึ้นท้าวเอวอย่างเอาเรื่อง “คดีพวกนี้น่ะวันนึงมีเป็นร้อยๆคดี คะแนนก็เยอะ ค่าตอบแทนก็สูง ทำไมเธอถึงไม่ไปทำ?”


“อาจารย์จะให้ผมไปตามจับผู้ร้ายฆ่าคน?”


วินด์ ฮิลล์ทวนคำเสียงสูงปรี๊ด


“เข้าใจอะไรผิดรึเปล่าครับ!! คดีพวกนั้นอันตรายจะตายไป แล้วจะให้นักเรียนปี 1 อย่างผมไปตามจับฆาตกรได้ยังไงกัน มันอันตรายมากนะครับ เกิดผิดพลาดพลาดพลั้งขึ้นมา อาจารย์อาจจะต้องเสียใจที่สูญเสียลูกศิษย์ดีๆอย่างผมไปนะครับ!!”


“ครูจะดีใจน่ะสิไม่ว่า!” ตอบพลางฟาดกบาลเข้าให้อีกรอบ “แล้วคดีด้านการเงินล่ะ? พวกโกงเงิน ยักยอก ล้มละลาย มีออกให้เยอะ คดีพวกนี้แทบจะไม่มีอันตรายอะไรเลย..”


“ถึงไม่อันตรายต่อร่างกาย แต่มันก็ทำให้ผมสะเทือนใจนะครับ”


ชายหนุ่มตอบด้วยเสียงเศร้า


“ครอบครัวผมยากจนข้นแค้น ที่มาเรียนที่นี่ได้ก็เพราะได้เงินจากการขายที่นาของลุง แล้วจะให้ผมคนนี้ไปตามจับคนที่ยากจนเหมือนกันอย่างนั้นเหรอ?? ผมไม่บอกหรอกว่าเป็นเพราะว่าผมบวกลบเลขไม่ค่อยจะถูกเลยไม่อยากรับทำคดีแบบนี้น่ะ! แอ้ก..!”


“เอาสักอีกเปรี้ยงก็แล้วกัน!” คำพูดที่ดังขึ้นหลังจากการกระทำอันก่อให้เกิดรอยสึกเล็กๆที่ฐานของถ้วยรางวัล “ถ้าอย่างนั้นด้านจราจรล่ะ วันๆนึงมีคนขับรถฝ่าไฟแดง ขับรถเร็วกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด ไม่สวมหมวกกันน็อคกันตั้งไม่รู้กี่พันราย ถึงจะได้คะแนนไม่ดีนัก แต่จำนวนคดีที่เยอะก็ถือว่าน่าสนใจไม่เลว”


“อาจารย์แมรี่โรส!!” วินด์ ฮิลล์ตะโกนเรียกชื่ออาจารย์ผู้มีพระคุณด้วยสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด “อาจารย์ไม่รู้เหรอครับว่าควันจากท่อไอเสียเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจแค่ไหน แล้วยังแดดร้อนเปรี้ยงกลางถนนอีก ไม่ดีต่อผิวเลยสักนิด!!”


นิ้วเรียวยาวแตะผิวขาวเนียนที่แม้แต่ผู้หญิงยังต้องอิจฉาเบาๆ ก่อนจะถอนหายใจเฮือก


“รับไม่ได้เลยจริงๆ”


ผึง!


เสียงปริศนาที่ไม่ใช่อะไรอื่น นอกจากเส้นประสาทความอดทนของอาจารย์แมรี่โรสที่พลันขาดสะบั้น มือซ้ายคว้าจับคอเสื้อของลูกศิษย์หนุ่มเอาไว้ ขณะที่มือขวาซึ่งถืออาวุธร้ายยกขึ้นสูงอย่างพร้อมตายเป็นตาย..ทว่าก่อนที่คดีผู้พิพากษาฆาตกรรมลูกศิษย์จะกลายเป็นที่โจษขานกันไปทั่วนั้นเอง ใครคนหนึ่งก็พลันสอดมือเข้ามา


“คนนี้เหรอครับที่จะให้ผมช่วยดูแลให้..”


เสียงนุ่มทุ้มเป็นจังหวะจะโคนฟังดูเสนาะโสตของผู้ฟังจนน่าแปลก แต่ถึงเสียงของคนคนนี้จะเลวร้ายจนแม้แต่สุนัขยังต้องยกเท้าหน้าขึ้นปิดหู สำหรับวินด์ ฮิลล์แล้ว..เสียงนี้ก็คงไม่ต่างไปจากเสียงของพระผู้เป็นเจ้าที่ช่วยโปรดลูกแกะตัวน้อย ให้รอดพ้นจากความตายภายใต้การถูกฟาดกบาลได้


ชายหนุ่มรีบหันขวับไปหาต้นเสียงเพื่อจะมองขอบคุณด้วยสายตา แต่ยังไม่ทันที่ดวงตาคู่สีฟ้าจะได้เลื่อนระดับจากรองเท้าสีดำขัดเงาจนมันวับขึ้นไปจนถึงใบหน้าของผู้ช่วยชีวิต เสียงกรีดร้องของสาวๆก็พลันดังขึ้นก่อน


“รุ่นพี่เวสสสสสสสสสสต์ วิซ!!!”


เสียงกรีดร้องทะลวงแก้วหูแทบแตกเป็นชื่อของผู้ชายที่โด่งดังพอๆกับวินด์ ฮิลล์ แม้ว่าสำหรับวินด์ ฮิลล์แล้วจะเป็นการโด่งดังในด้านมีชื่อเสีย แต่สำหรับชายหนุ่มนามว่าเวสต์ วิซ นั้น คำว่าชื่อเสียงก็แทบจะกลายเป็นชื่อจริงของเขาไปแล้ว!!


ส่วนสูง 181 เซนติเมตร น้ำหนักเป็นความลับ ผมสีทองประกายชมพู ดวงตาสีน้ำเงิน วงหน้าคมสันแฝงไว้ด้วยความเอาจริงเอาจัง เหล่านี้ล้วนประกอบเป็นรูปลักษณ์ของชายหนุ่มผู้อาจไม่ได้หล่อเลิศเทียบเท่ากับใครบางคนแถวๆนี้ แต่เมื่อบวกกับดีกรีอื่นแล้ว เขาคนนี้ก็คือบุรุษหมายเลขหนึ่งที่ผู้หญิงทุกคนต่างปรารถนา


ภายในโรงเรียนกฎหมายที่เป็นที่ล่ำลือถึงความยากเย็นในการเรียน มีคนจำนวนน้อยเสียยิ่งกว่าน้อยที่จบภายในสองปีตามกำหนด แต่เวสต์ วิซกลับเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์มนุษยชาติที่ใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งปีครึ่งในการเรียนจบ


หลังจากเรียนจบแล้วชายหนุ่มก็เข้าศึกษาต่อในสาขาอาชีพผู้พิพากษา และสอบผ่านเลื่อนชั้นเรื่อยมาด้วยคะแนนระดับเกียรตินิยมยังอาย ความเก่งกาจเข้าขั้นอัจฉริยะนั้นทำให้แม้แต่ศาสตราจารย์ดีฟ อินเฟอร์โน ผู้พิพากษาสูงสุด ควบตำแหน่งอาจารย์ใหญ่โรงเรียนกฎหมายยังเป็นผู้มาสอนงานให้ด้วยตัวเอง


ปัจจุบันนี้เวสต์ วิซอยู่ในระหว่างฝึกงานเป็นปีสุดท้าย ซึ่งหากว่าไม่มีเหตุการณ์เหนือความคาดหมายเกิดขึ้นแล้ว ภายในปีหน้าเขาคนนี้ก็จะได้เป็นผู้พิพากษาอย่างเต็มภาคภูมิแน่นอน


และในเวลานี้ ผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นอัจฉริยะอันดับ 1 ในด้านกฎหมายก็กำลังยืนปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าของวินด์ ฮิลล์ ผู้ชายที่ได้ชื่อว่าไร้แววด้านกฎหมายมากที่สุด!!


“มาแล้วเหรอ..”


อ.แมรี่โรสผู้พยายามระงับโทสะไว้หันมาผงกศีรษะให้แก่อดีตลูกศิษย์ของเธอ ก่อนจะพยักหน้ากลับไปยังเจ้าหนุ่มรูปงามที่ฉวยโอกาสนี้รีบลุกขึ้นยืนมาปัดฝุ่นที่ติดอยู่ตามเสื้อผ้าออก


“คนนี้แหละวินด์ ฮิลล์ที่ครูอยากฝากให้เธอช่วยดูแล”


น้ำเสียงที่เอ่ยเต็มไปด้วยความทอดถอน ในช่วงหลังมานี้แค่เพียงเอ่ยชื่อของเจ้าเด็กบ้านี่ มันก็ทำให้เธอแทบจะต้องกินยาระงับประสาทตามหลังทุกครั้งแล้ว


แต่ดูเหมือนคนที่เป็นต้นเหตุแห่งการปวดหัวจะยังไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย เมื่อวินด์ ฮิลล์เอียงคอมองผู้ชายตรงหน้าด้วยท่าทางสนอกสนใจอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งเมื่อได้ยินแว่วๆว่าคุณรุ่นพี่คนดังจะมาช่วยดูแลเขาเป็นการส่วนตัว มันก็ยิ่งทำให้รอยยิ้มระบายบนใบหน้าหล่อเหลามากขึ้น ก่อนจะยื่นมือออกไปอย่างหมายทักทาย


“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมชื่อ วินด์ ฮิลล์ รุ่นพี่จะมาช่วยดูแลด้านการเรียนของผมอย่างนั้นเหรอครับ?”


“จะว่าอย่างนั้นก็ได้” เวสต์ วิซจับมือทักทายตอบทั้งรอยยิ้ม “ฉันเองก็ได้ยินชื่อของนายมานานเหมือนกัน มีดีแค่หน้าตาสมคำล่ำลือจริงๆซะด้วย”


ประโยคที่แทงฉึกแบบกะเอาตายกันไปข้าง เล่นเอาวินด์ ฮิลล์ยังถึงกับชะงัก แต่เมื่อดวงตาคู่สีฟ้ามองวงหน้าที่ยังคงแย้มยิ้มมาให้นั้น มันก็ทำให้ชายหนุ่มคิดว่าบางทีเขาอาจเข้าใจนัยคำพูดผิดไปเองเสียมากกว่า..ก็คุณรุ่นพี่คนนี้น่ะออกจะมีชื่อเสียงดีขนาดนี้ มีหรือจะมากัดเขาซึ่งๆหน้ากัน


“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ รุ่นพี่เวสต์”


วินด์ ฮิลล์ตอบพลางหัวเราะอย่างถ่อมตัว แต่เสียงหัวเราะนั่นก็ยังมีอันต้องเงียบลงทันที กับประโยคต่อมาของอีกฝ่าย


“เวสสสสสสสสสสต์ ไม่ใช่ เวสต์”


“หา?”


“ชื่อจริงของฉันอ่านว่า เวสสสสสสสสสสต์ วิซ” ชายหนุ่มผู้ได้รับคำชมถึงความอัจฉริยะแย้มรอยยิ้มบางๆ ก่อนจะเอ่ยย้ำอีกครั้ง “สะกดด้วย ส.เสือ 10 ตัว ถ้าออกเสียงตัวสะกดไม่ครบ ฉันจะถือว่าไม่ใช่ชื่อของฉัน และก็จะไม่ตอบรับหรอกนะ”


สะ..แสดงว่าเสียงกรี๊ดของสาวๆตอนแรกนั่นคือชื่อจริงๆ ไม่ใช่แค่เสียงลากยาวหรอกเรอะ!?


วินด์ ฮิลล์เหลือกตาถลนมองคุณรุ่นพี่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ทั้งที่ชื่อพรรค์นี้ประหลาดเสียจนคนถูกตั้งชื่อน่าจะอับอายจนไม่อยากสู้หน้าใคร แต่เวสสสสสสสสสสต์ วิซกลับทำเหมือนกับว่ามีเพียงชื่อนี้เท่านั้นที่เหมาะสมคู่ควรกับตนเอง


ไม่บ้าก็บ้านะเนี่ย!!


ความคิดที่ได้แต่ดังอยู่ในใจ โดยหาได้กล้าหลุดออกจากปากไปแม้แต่คำเดียว เมื่ออ.แมรี่โรสพยักหน้าด้วยความพอใจหลังจากเห็นอดีตลูกศิษย์ กับ ลูกศิษย์คนปัจจุบันที่อาจลากยาวไปถึงอนาคต ทักทายกันเรียบร้อยแล้ว


“วินด์ ฮิลล์ นี่คือโอกาสแรกและโอกาสสุดท้ายที่ครูจะมอบให้กับเธอ” มือที่เคยถืออาวุธเปลี่ยนมาเป็นตบบ่าลูกศิษย์อย่างให้กำลังใจ “ถึงเธอจะไม่ได้เรื่องได้ราว แต่ยังไงเธอก็ยังสู้อุตส่าห์เรียนซ้ำชั้นมาได้ตั้ง 3 เทอม เพราะอย่างนั้นครูจึงตัดสินใจจะมอบความช่วยเหลือเล็กๆน้อยๆให้กับเธอในเทอมนี้ เพื่อที่ว่าเธอจะได้มีโอกาสสอบผ่าน และไปให้พ้นๆหน้าครูเสียที”


นี่คือผลจากการประชุมตัดสินใจของอาจารย์ในโรงเรียนกฎหมายที่ได้ตัดสินใจมอบโอกาสพิเศษให้แก่หนุ่มรูปงามคนดัง โดยขึ้นอยู่กับว่าวินด์ ฮิลล์จะสามารถคว้าโอกาสนี้เพื่อสอบผ่านได้หรือไม่เท่านั้น


“พวกครูได้ประชุมกันและตกลงให้เธอทำการสืบสวนคดีฆาตกรรมปริศนาคดีหนึ่ง คดีนี้ค่อนข้างซับซ้อน มีผู้เสียชีวิต 2 ศพ ปัจจุบันยังไม่รู้ตัวฆาตกร หน้าที่ของเธอคือจับกุมตัวฆาตกรและนำมาให้ทางศาลพิพากษาคดี ถ้าเธอจับตัวฆาตกรได้ จะได้รับ 100 คะแนนเป็นอันสอบผ่านทันที แต่ถ้าเธอจับตัวฆาตกรไม่ได้...”


แมรี่โรสส่ายหน้าน้อยๆอย่างปลงอนิจจัง ไม่ใช่แค่ในชะตากรรมของอีกฝ่ายแต่รวมถึงชะตากรรมของตนเอง


“..เธอก็ต้องซ้ำชั้นต่ออีกเทอม และครูก็ต้องผจญกรรมกับเธอต่อไปอีกเทอม”


ประโยคที่ทำให้วินด์ ฮิลล์ผู้ได้รับโอกาสพิเศษฟังแล้วถึงกับตาเหลือก ชายหนุ่มรีบละล่ำละลักบอกจนลิ้นแทบพันกัน


“แต่..แต่ว่าผมไม่มีประสบการณ์ด้านคดีฆาตกรรมเลยนะ แล้วจะให้ผมไปเป็นฆาตกร เอ๊ย ไปถูกฆาตกรฆ่า ไม่ๆๆ ไปตามจับฆาตกรได้ยังไงกัน???”


“ไม่ต้องห่วง ครูได้เรียกตัวช่วยมาแล้ว” แมรี่โรสผายมือไปยังชายหนุ่มอัจฉริยะที่ยืนยิ้มอยู่ด้านข้าง “ครูได้ไปขอร้องให้เวสสสสสสสสสต์ วิซมาช่วยรับหน้าที่ดูแลเธอในครั้งนี้ เขาจะคอยช่วยเธอ คอยพยายามกันไม่ให้เธอตายก่อนคดีจบ แต่เขาจะไม่ช่วยเธอในการสืบคดี เข้าใจสินะ”


‘เข้าใจสินะ’ ที่เอ่ยออกมาด้วยเสียงกร้าวจัดอย่างที่สักนิดก็ไม่ใช่คำถาม แต่มันเป็นคำยืนกรานที่แม้จะไม่มีการต่อท้ายให้ได้ยิน แต่ก็ชัดเจนในใจกว่าเดิมว่า ‘เข้าใจสินะ..ไม่งั้นตาย!!’


“เข้าใจก็ได้ครับ....”


วินด์ ฮิลล์รับคำด้วยเสียงปนสะอื้น ใช่ว่าจะไม่อยากเลื่อนชั้น แต่จะให้เขาคนนี้ไปเผชิญหน้ากับฆาตกรโหด มันก็ออกจะใจร้ายกันเกินไป ถึงจะมีตัวช่วยผู้มีดีกรีเป็นถึงอัจฉริยะหมายเลข 1 ก็เถอะ แต่ว่า....


“ถ้างั้นก่อนจะเริ่มทำคดีจริง ก็ไปลองทดสอบฝีมือกันก่อนดีกว่าว่านายมีฝีมือแค่ไหน”


มือเรียวยาวคว้าหมับเข้ากับคอเสื้อของวินด์ ฮิลล์ผู้โชคร้าย ก่อนจะเริ่มก้าวเดินโดยไม่มีท่าทีออกแรงแต่อย่างใด แต่วินด์ ฮิลล์กลับพบว่าตัวเขากลับปลิวตามมืออีกฝ่ายไปแบบง่ายๆซะงั้น


“ครูฝากเธอด้วยนะ”


อ.แมรี่โรสตะโกนไล่ตามหลังคู่หูดูโอ้แห่งวงการกฎหมายที่ยังไม่รู้ว่าจะออกหมู่หรือจ่า วินด์ ฮิลล์ผู้ทำปากพะงาบๆเหมือนจะเอ่ยคำว่าครับ ถ้าไม่ติดว่าคอเสื้อรัดแน่นจนหายใจแทบไม่ออก กับเวสต์ วิซผู้เพียงแต่พยักหน้าน้อยๆเป็นเชิงให้วางใจ


“อย่าห่วงเลยครับ ผมจะพยายามไม่ให้หมอนี่ตายในหน้าที่” วงหน้าหล่อเหลายังคงแย้มยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเอ่ยทิ้งท้าย “อ้อ..อาจารย์ครับ เมื่อครู่อาจารย์สะกดตัว ส ในชื่อผมแค่ 9 ตัวเท่านั้น คราวหลังช่วยระวังให้ครบสิบด้วยนะครับ”


และนี่ก็คือ เวสสสสสสสสสสต์ วิซ เจ้าของฉายา “เกรียน(ไม่)เงียบ” อีกหนึ่งคนดังแห่งวงการกฎหมายนั่นเอง!!



- - - - TBC. - - - -



Langlae
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ม.ค. 2555, 13:49:30 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ม.ค. 2555, 13:52:43 น.

จำนวนการเข้าชม : 1449





   มาตราที่ 2 >>
Edelweiss 4 ม.ค. 2555, 22:53:33 น.
น่าติดตามมากค่ะ แต่ยังรอพี่บอมกะน้องปูอยู่น๊าาาา ^^


แว่นใส 7 ม.ค. 2555, 23:54:15 น.
น่าแกล้งจริง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account