คือ...รัก
'ความรัก'เป็นสิ่งมนุษย์ทุกคนถวิลหา ไม่มีใครมีชีวิตอยู่โดยปราศจากรัก ตราบเท่าที่ยังมีลมหายใจรักก็ยังเป็นสิ่งที่ทุกคนโหยหา แม้บางคราวรักจะทำให้มีน้ำตา แต่รักก็คือความสุข 'วิมาลินธ์' หญิงสาวผู้มีอดีตแห่งรักที่ไม่เคยแน่ใจในความรัก เธอไม่เคยเชื่อในอิสระของหัวใจ หากหัวใจดวงนี้จะมีรักมันก็มีแต่เพียงความรักที่บริสุทธิ์งดงามระหว่างแม่กับลูก หากทุกอย่างก็เปลี่ยนไป...เมื่อเขาเดินเข้ามาในชีวิตเธออีกครั้ง...
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ 2

บทที่ 2


“นั่นไงคะ พี่ลินธ์ขึ้นบ้านมาพอดีเลย สวัสดีค่ะพี่ลินธ์...” เอื้อนดาวบอกพร้อมกับยกมือไหว้พี่สาว ร่างบางปรี่เข้าไปกอดญาติสาวแน่นด้วยความคิดถึง ก่อนจะผละออกให้พี่สาวไปทำความเคารพญาติผู้ใหญ่
การปรากฏตัวของวิมาลินธ์ทำให้สายตาสองคู่ที่กำลังจดจ้องอยู่ที่เอื้อภูมิให้หันไปทางผู้มาใหม่แทน

“ลินธ์...มาแล้วเหรอลูก โถ...แม่คุณของยายกี่ปีๆ ก็ไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ มานี่ซิมาให้ยายกอดให้หายคิดถึงหน่อย”

คุณอัมพรเอ่ยกับหลานสาวที่เดินเข้ามาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มหยาดน้ำใสคลอที่หน่วยตาด้วยความปิติในการกลับมาของหลานสาว เป็นเวลากว่าห้าปีที่วิมาลินธ์ใช้ชีวิตอยู่ในต่างแดน ขวบปีแรกหลานสาวของนางกลับมาเยี่ยมบ้านทุกปิดเทอม แต่สี่ปีให้หลังนอกจากรูปถ่าย การพูดคุยผ่านโทรศัพท์และโปรแกรมการสนทนาต่างๆ ที่หลานๆ มักใช้กันก็ไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้นางได้ใกล้ชิดกับหลานสาวได้มากเท่าวันนี้อีกแล้ว แม้จะสงสัยในเหตุผลที่วิมาลินธ์ไม่เคยกลับบ้านแต่ทว่านางก็ไม่เคยเก็บมาคิดให้วุ่นวาย เพราะเชื่อมั่นในเหตุผลและไว้ใจในความประพฤติของหลานสาวมาตลอด หญิงชราพินิจหญิงสาวตรงหน้าอย่างถี่ถ้วน ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลยสักนิดนอกจากความเป็นผู้ใหญ่ที่เติบโตขึ้นตามกาลเวลา...
ทว่าความดีใจในคราแรกแปรเปลี่ยนเป็นความตกใจเมื่อเหลือบไปเห็นเด็กหญิงตัวน้อยที่ซ่อนตัวอยู่ข้างหลังหลานสาวที่ค่อยๆ เยี่ยมหน้าออกมา นี่กระมังสิ่งที่เปลี่ยนไปอีกอย่างของวิมาลินธ์ !!!


ทันทีที่ก้าวเข้ามาในบ้านวิมาลินธ์สัมผัสได้ถึงความรัก ความอบอุ่นแต่กระนั้นก็อดที่จะกังวลกับสิ่งที่ต้องเผชิญไม่ได้ แต่กระนั้นดวงหน้างามก็ยังระบายยิ้มน้อยๆ ข่มความกังวลไว้ในอก ก่อนจะค่อยๆ คุกเข่าคลานเข้าไปหาผู้เป็นยายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หวายบุนวมด้วยความประหม่า พลางกับกระซิบให้ลูกสาวตัวน้อยนั่งลงข้างๆ

“สวัสดีค่ะคุณยาย” มือเรียวก้มลงกราบที่ตักของคุณยาย “สวัสดีค่ะคุณลุงคุณป้า” หญิงสาวหันไปทำความเคารพคุณสิภูมิและคุณเอื้องพรที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ผู้สูงวัยทั้งสามรับไหว้ก่อนจะยิ้มให้เธอด้วยความเอื้อเอ็นดูเช่นที่เคยได้รับมาตลอดยี่สิบเจ็ดปีเต็ม รอยยิ้มแห่งความอาทรดั่งน้ำทิพย์ชโลมจิตใจให้มีพลังขึ้นมาอีกครั้ง

“คุณยายสบายดีนะคะ ลินธ์คิดถึงคุณยายที่สุดเลยค่ะ” วิมาลินธ์กล่าวพลางทรุกหน้าลงกับตักอุ่นๆ ของคุณยาย แขนเรียวโอบกอดเอวหนาไว้แน่นด้วยความคิดถึง คุณอัมพรน้ำตาคลอพลางกอดหลานสาวแน่นทดแทนความรักความห่วงหาที่ต้องห่างกันมาตลอดหลายปี

“ยายสบายดี ลินธ์ล่ะลูกเป็นยังไงบ้าง”

“สบายดีค่ะ” วิมาลินธ์ตอบพลางปาดน้ำตาออกจากแก้มนวลลวกๆ “ลินธ์ขอโทษนะคะที่ไม่ได้กลับมาเยี่ยมคุณยายเลย ลินธ์ขอโทษจริงๆ ยกโทษให้หลานสาวอกตัญญูคนนี้ด้วยนะคะ “

“ไม่เป็นไรลูก ไม่เป็นไร ยายไม่เคยโกรธลินธ์เลยอย่าโทษตัวเองอย่างนั้นสิ ยังไงวันนี้ลินธ์ก็กลับมาอยู่กับยายแล้ว ยายจะโกรธลินธ์ไปเพื่ออะไรกัน”
คุณอัมพรพูดพลางลูบศรีษะของหลานสาวไปมาด้วยความอาทรดั่งลูกแท้ๆ ตั้งแต่บุตรสาวคนเล็กและบุตรเขยของนางจากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน หน้าที่ในการดูแลหลานสาวตัวน้อยที่กำพร้าทั้งพ่อและแม่ก็ตกเป็นของนางและเอื้องพรบุตรสาวคนโต เพราะการขาดทั้งพ่อและแม่ของวิมาลินธ์ทำให้นางทะนุถนอมและทุ่มเทความรักให้หลานสาวอย่างเต็มที่ วิมาลินธ์จึงเติบโตมาเป็นสาวน้อยที่พรั่งพร้อมไปด้วยความรักและความสมบรูณ์แบบเท่าที่คนๆ หนึ่งจะมีได้และไม่ด้อยไปกว่าใคร...

“แต่ลินธ์ทำให้คุณยายผิดหวัง” เสียงสะอึกสะอื้นของหลานสาวทำให้คุณอัมพรสะท้านในอก ดวงตาสีเทาที่ทอแสงอบอุ่นอยู่เป็นนิจปรายตามองเด็กหญิงที่นั่งพับเพรียบอยู่ข้างๆ หลานสาวของนางด้วยความเข้าใจ ความสงสัยพลันแตกตัวโดยมิต้องมีใครพูดอะไรออกมา...

“โตเป็นแม่คนแล้วมัวแต่ร้องไห้อยู่ได้ ไม่อายลูกบ้างเหรอนั่งมองแม่ตาแป๋วเชียว” มือเหี่ยวย่นประคองดวงหน้างามขึ้นพลางเช็ดน้ำตาออกจากแก้มนวลอย่างเบามือ

“คุณยายขาลินธ์ขอโทษ ลินธ์ผิดไปแล้ว ”

วิมาลินธ์ก้มลงกราบแทบเท้าของผู้เป็นยาย ความอบอุ่นที่ได้รับจากคุณยายทำให้หญิงสาวรู้สึกผิด ยิ่งท่านแสดงให้เห็นว่าเข้าใจและพร้อมจะให้อภัยเธอมากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นเท่านั้น เธอตอบแทนความรักความห่วงใยของคุณยายด้วยการทำให้ท่านผิดหวัง ตลอดเวลาที่เติบโตมาไม่เคยเลยสักครั้งที่คุณยายจะขัดใจหรือดุด่าว่ากล่าว ตรงข้ามกันทุกครั้งที่เธอทำผิดท่านจะคอยชี้แนะและกล่าวตักเตือนด้วยความเอื้ออาทร ทำให้เธอไม่กล้าแม้แต่จะทำให้ท่านเสียใจ แต่วันนี้เธอกลับตอบแทนความรักของคุณยายด้วยการทำให้ท่านอับอายขายหน้า เธอเป็นหลานสาวที่อกตัญญูที่สุด...

คุณอัมพรดึงหลานสาวที่ก้มหน้าอยู่แทบเท้าให้ลุกขึ้น ยอมรับว่าผิดหวังในตัวหลานสาวอยู่บ้างแต่ก็ไม่มากไปกว่าความเสียใจที่ไม่ได้หยิบยื่นความช่วยเหลือให้วิมาลินธ์และลูกเลย นางปล่อยให้หลานสาวต้องเผชิญกับชาตะกรรมอันโหดร้ายอยู่ต่างบ้านต่างเมืองเพียงลำพัง มันเป็นความผิดพลาดที่โทษใครไม่ได้เลย ถ้าจะโทษก็ขอให้โทษนางเถอะที่ดูแลหลานสาวคนนี้ไม่ดีพอ...

“ลินธ์ไม่ผิดหรอกลูกโทษยายเถอะที่ดูแลลินธ์ไม่ดีพอจนลินธ์ต้องไปตกระกำลำบากอยู่ต่างบ้านต่างเมือง ทำได้ยังไงกันแม่คุณเลี้ยงเด็กคนหนึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ...”

“คุณยายอย่าพูดอย่างนั้นสิคะ ลินธ์ผิดเองที่ไม่รู้จักดูแลตัวเองให้ดีพอ ลินธ์ผิดที่ไม่รู้จักรักตัวเอง ถ้าลินธ์รักตัวเองกว่านี้สักหน่อย...มันก็คงไม่เป็นแบบนี้”

เสียงสะอึกสะอื้นและร่างที่สั่นสะท้านของวิมาลินธ์ทำให้สมาชิกที่นั่งอยู่ในห้อง ต่างมองด้วยสายตาแสดงความเห็นใจกับเหตุการณ์ที่หญิงสาวผู้นี้ได้เผชิญ คุณเอื้องพรกลั้นน้ำตาไม่อยู่อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมาด้วยความสงสารหลานสาวที่รักราวลูกแท้ๆ จนคุณสิภูมิผู้เป็นสามีต้องโอบไว้เบาๆ ส่วนเอื้อนดาวมองพี่สาวและหลานสาวสลับกันไปมาด้วยรอยยิ้มถึงแม้จะมีประกายน้ำใสๆ คลออยู่ในคลองจักษุ แต่หญิงสาวก็ดีใจที่ทุกคนในครอบครัวจะได้กลับมาอยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้ง พลางปรายตาไปทางเอื้อภูมิที่นั่งเงียบอย่างเคืองๆ โทษฐานที่บังอาจปิดบังเรื่องนี้ไว้คนเดียว


เด็กหญิงธารินนั่งตาแป๋วมองคนนั้นทีคนนู้นทีด้วยความสนใจ พิจารณาบุคลในห้องด้วยสายตาพินิจพิเคราะห์ ก่อนจะทำตาโตและพยักหน้าน้อยๆ กับตัวเองเมื่อจำได้ว่าบุคคลที่นั่งอยู่ในบ้านคือคนที่แม่ลินธ์เคยเอารูปให้ดูอยู่บ่อยๆ คุณยายผมขาวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้นั่นก็คือ ‘คุณทวด’ ส่วนผู้ชายผู้หญิงท่าทางใจดีนั่นก็คือ ‘คุณตาภูมิและคุณยายเอื้อง’ หง่า...ส่วนผู้หญิงสวยๆ ที่ยิ้มหวานอยู่ริมหน้าต่างก็คือ ‘น้าเอื้อน’ เอ...ลุงเอื้อนี่ธาร่าก็รู้จักดีกว่าใครเพื่อน โอ๊ะโอ...มีใครอีกบ้างนะเนี่ยธาร่าจำไม่ได้ซะแล้ว เด็กหญิงทำท่าคิดพร้อมทั้งหันไปมองมารดาที่นั่งร้องไห้ด้วยความสงสัยอยากจะถามว่าทำไมแม่ลินธ์ถึงร้องไห้แต่ก็ไม่กล้า ร่างเล็กๆ จึงค่อยๆ ขยับเข้าไปเกาะแขนมารดาไว้

“ร้องเสียให้พอคนดีของยาย จากวันนี้ไปหนูสัญญากับยายได้ไหมว่าจะไม่ร้องไห้กับเรื่องนี้อีก ปล่อยให้มันผ่านไป ลืมเสียนะลูก...ตอนนี้ลินธ์มียายมีลูกมีทุกคนในบ้านที่พร้อมจะเป็นกำลังใจให้เสมอ อย่ากลัว เข้มแข็งและอยู่เพื่อลูกของลินธ์ต่อไปนะจ๊ะ...”

“ค่ะ...ลินธ์จะไม่ร้องไห้ ลินธ์จะเข้มแข็งและอยู่เพื่อลูกค่ะคุณยาย” วิมาลินธ์กล่าวด้วยความซาบซึ้งใจในคำพูดของคุณยาย “ขอบคุณนะคะคุณยายที่ให้อภัยในความผิดของลินธ์” หญิงสาวกราบลงบนตักของคุณยายอีกครั้ง “ลินธ์รักคุณยายนะคะ”

“ยายก็รักลินธ์” คุณอัมพรกล่าวด้วยรอยยิ้มเอ็นดู “เช็ดน้ำตาเสีย ลูกสาวเราเค้ามองใหญ่แล้ว คงสงสัยว่ายายแก่คนนี้รังแกอะไรแม่ตัว”

ไม่มีเหตุผลอะไรที่นางจะโกรธลูกหลานแท้ๆ ของตนเอง วิมาลินธ์ได้รับความเจ็บปวดมามากพอแล้วหญิงสาวไม่สมควรได้รับความเจ็บปวดนั้นอีกครั้งจากคนในครอบครัว ความผิดพลาด...คือสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้วก็ต้องยอมรับ เรียนรู้และหาทางแก้ไขมันให้ดีที่สุดเพื่อไม่ให้มันผิดพลาดซ้ำอีกครั้ง...
เมื่ออารมณ์ของหลานสาวสงบลงแล้ว คุณอัมพรจึงหันไปหาเหลนตัวน้อยที่นั่งมองตาแป๋วด้วยความเอ็นดู เด็กหญิงคนนี้จะเกิดขึ้นมาด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ไม่ใช่สิ่งที่นางจำเป็นจะต้องรู้ เพราะยังไงเสียนี่ก็คือหลานสาวแท้ๆ ของนางอีกคน หลานสาวที่นางควรมอบความรักให้

“ชื่ออะไรเหรอจ๊ะแม่หนู” คุณอัมพรถามเหลนตัวน้อยด้วยรอยยิ้มใจดี

“หนูชื่อธารินค่ะ แต่แม่ลินธ์และใครๆ จะเรียกหนูว่าธาร่า” แม่ตัวน้อยที่นั่งมองมารดาร้องไห้หันไปตอบหญิงชราฉะฉาน พอเห็นว่าผู้ใหญ่ยิ้มให้อย่างเอ็นดูก็ส่งยิ้มหวานตอบกลับไปพร้อมกับเอ่ยถามอย่างไม่ประสา

“แล้วคุณทวดล่ะคะชื่ออะไรหรอ”

“ชื่อคุณทวดอัมพรจ้ะ” คุณทวดตอบหลานสาวที่เอ่ยถามตาแป๋วแหวว นึกเอ็นดูในความน่ารักน่าชังของแม่หนูน้อย “มาให้ทวดกอดหน่อยสิจ๊ะคนดี”

แม่ตัวน้อยมองคุณทวดอย่างลังเลแต่เมื่อเห็นมารดาพยักหน้าเป็นเชิงให้เข้าไปหา ร่างกลมป้อกจึงค่อยๆ คลานกระดึ๊บๆ ไปกอดคุณทวด

“คุณทวดตัวหอมจัง กลิ่นเหมือนมอมโรสเลย” เด็กหญิงธารินเอ่ยอยู่กับอกคุณทวด

“หืม...กลิ่นเหมือนมอมโรสนี่เป็นแบบไหนกันจ๊ะ”

“ก็หอมๆ เหมือนขนมไงคะ” เด็กหญิงเงยหน้าตอบตาแป๋ว “คุณทวดกลิ่นเหมือนมอมโรสก็ต้องใจดีเหมือนมอมโรสและมีขนมอร่อยๆ ให้ธาร่ากินเหมือนกันใช่มั้ยคะ”

“ใช่จ้ะ ทวดใจดีไม่แพ้มอมโรสของหนูและมีขนมอร่อยๆ ให้หนูทานเยอะแยะเลยจ้ะ” คุณอัมพรบอกด้วยรอยยิ้ม เอ็นดูในความช่างเจรจาของเหลนตัวน้อย

“โอ๊ะโอ...ธาร่าลืมอีกแล้ว แม่ลินธ์บอกว่าเมื่อเห็นผู้ใหญ่ต้องไม่ลืมสวัสดี” พูดจบเด็กหญิงก็กระโดดลงจากตัก ก้มลงกราบคุณทวดด้วยท่าทางน่าเอ็นดู “สวัสดีค่ะคุณทวด” พร้อมกับแตะริมฝีปากแดงใสลงบนแก้มย่นๆ ทั้งสองข้างของคุณทวด กิริยาท่าทางที่ได้รับการสั่งสอนมาเป็นอย่างดีของแม่หนูน้อยจุดรอยยิ้มเอ็นดูบนใบหน้าของสมาชิกทุกคนในบ้าน

“ไม่ใช่แค่คุณทวดนะจ๊ะ แต่ธาร่าลืมกราบคุณตาคุณยายและน้าเอื้อนด้วยแน่ะ” วิมาลินธ์บอกลูกสาว เธอมัวแต่ร้องไห้จนลืมบอกให้ธาร่าทำความเคารพผู้ใหญ่

“โอ๊ะโอ...ธาร่าขอโทษนะคะ” แม่ตัวน้อยอุทานอย่างน่ารักพร้อมกับคลานกระดึ๊บๆ เข้าไปกราบคุณตาคุณยายทั้งสองและน้าเอื้อนคนสวย ไม่ลืมที่จุ๊บแก้มสองข้างทักทายตามแบบฉบับของตัวเอง...

“ธาร่าเหมือนลินธ์ตอนเด็กๆ เหลือเกิน น่ารักน่าชังเหมือนแม่ไม่มีผิด โตขึ้นก็คงสวยไม่ผิดแม่”

คุณอัมพรกล่าวด้วยรอยยิ้มกับคู่แม่ลูกที่มีหน้าตาราวกับโขกออกมาจากพิมพ์เดียวกัน แม้ลึกๆ จะสงสัยว่าเหตุใดหลานสาวของเธอจึงหอบลูกข้ามน้ำข้ามทะเลมาคนเดียวแต่ก็มิได้ถามหรือซักไซร้ให้มากความ เพราะถ้าผู้ชายคนนั้นมีตัวตนเขาคงนั่งอยู่ตรงนี้เคียงข้างหลานสาวเธอมิใช่หรือ!!!

“ยายจะไม่ถามว่าเขาเป็นใครมาจากไหน ถ้าลินธ์พร้อมหรืออยากบอกเมื่อไหร่ค่อยเล่า ยายพร้อมที่จะรับฟังเสมอนะลูก อย่าคิดมาก...หลานคนเดียวยายเลี้ยงได้ ลูกลินธ์คงไม่ซนไปกว่าลินธ์ตอนเด็กๆ เท่าไหร่นักหรอก” ผู้เป็นยายบอกด้วยความเข้าใจ ไม่มีประโยชน์ที่จะไปสะกิดแผลในใจของหลานสาวที่นางเองก็ไม่รู้ว่ามันตกสะเก็ดแล้วหรือยังให้พุพองขึ้นมาใหม่ เพราะคราวนี้มันอาจจะเจ็บปวดและรักษายากกว่าเดิม...

“มากันเหนื่อยๆ คงหิวแย่ เดี๋ยวยายไปเตรียมอาหารกับขนมให้นะลูก เสร็จแล้วก็ตามไปที่ครัวนะจ๊ะ ไปกันเถอะแม่น้อมหลานฉันจะได้ทานของชอบเค้าเสียที ” ประโยคหลังหันไปพูดกับคนสนิทที่นั่งพับเพรียบอยู่ข้างๆ ก่อนจะเดินออกไปที่ห้องครัวปล่อยให้ลูกๆ หลานๆ พูดคุยกันตามอัธยาศัย



“โอ้ย...เห็นธาร่าแล้วอยากมีลูกสาวน่ารักๆ อย่างนี้บ้างจัง ทำไมหลานสาวเอื้อนถึงได้น่ารักน่าชังอย่างนี้เนี่ย” เอื้อนดาวกล่าวทำลายบรรยากาศที่เริ่มจะเงียบหลังจากที่คุณยายเดินออกไป

“ให้ว่าที่สามีเธอช่วยสิ จะแต่งงานอยู่วันสองวันนี้แล้วไม่ใช่เหรอ คงเป็นงานที่นายสิทเค้าไม่กล้าปฏิเสธ” เอื้อภูมิแซวน้องสาวขำๆ เรียกพวงแก้มสีเรื่อจากว่าที่เจ้าสาว

“พี่เอื้อพูดมาก”

“อ้าวพี่พูดความจริงก็หาว่าพูดมาก ผู้หญิงนี่น้า...”

“ไม่พูดกับพี่เอื้อแล้ว ธาร่ามาให้น้าเอื้อนกอดหน่อยสิจ๊ะ” เอื้อนดาวชิงอุ้มตัวหลานสาวที่นั่งอยู่บนตักคุณเอื้องพรมากอด “ธาร่าของน้าเอื้อนนี่น่ารักเหมือนตุ๊กตาเลยเนาะ ดูซิแก้มเป็นสีชมพู ตากลมโตแป๋วแหวว ปากจิ้มลิ้มสีแดงน่าจุ๊บ ผิวก็ส้วยสวย สรุปแล้วสวยเหมือนน้าเอื้อนเลยเนอะ”

เอื้อนดาวสรุปอย่างเข้าข้างตัวเอง พลางจูบแก้มนุ่มๆ ของหลานสาวที่นั่งอยู่บนตักไปมา ถึงแม้จะเห็นอยู่ทนโท่ว่าหลานสาวตัวน้อยเหมือนพี่สาวเพียงไรก็ตาม แต่ก็มิวายแอบเข้าข้างตัวเอง แหม...ก็ยัยหนูธาร่าน่ารักนี่น่า ถ้ามีลูกก็ขอให้มีลูกน่าตาน่ารักน่าชังอย่างแม่หนูน้อยธาร่าด้วยเถิดงานนี้เห็นทีคงต้องให้เจ้าบ่าวของเธอช่วยอีกแรงเหมือนที่อีตาพี่เอื้อว่า

“เข้าข้างตัวเองไปหน่อยมั้งยัยเอื้อน ดูยังไงธาร่าก็ไม่เหมือนแกหรอกเพราะธาร่าน่ะชิงเหมือนหมูน้อย บูริน บูรินไปซะแล้ว” เอื้อภูมิล้อน้องสาวและหลานสาวด้วยรอยยิ้มขันๆ “ใช่มั้ยจ๊ะธาร่าของลุงเอื้อ”

“ลุงเอื้อใจร้าย ธาร่าไม่ใช่บูริน บูรินซะกะหน่อย ธาร่าเป็นเจ้าหญิงตะหาก” เด็กหญิงแย้ง ใครๆ ก็บอกว่าธาร่าน่ารักเหมือนเจ้าหญิงไม่ก็ตุ๊กตา มีแต่ลุงเอื้อคนเดียวนี่แหละที่บอกว่าธาร่าเหมือนหมูสีชมพู...บูริน...บูริน

“ฮ่าๆๆ โอ๋ๆ ไม่งอนนะคะคนสวย” เอื้อภูมิพูดพร้อมกับโน้มตัวไปหอมแก้มนุ่มฟอดใหญ่อย่างเอาใจ “งอนแล้วไม่สวยนะ เจ้าหญิงหมู...ของลุงเอื้อ”

คำพูดหยอกเย้าของคุณลุงทำให้หลานสาวตัวน้อยงอนแก้มป่องสะบัดหน้าพรืดหนีคุณลุงไม่ยอมให้จุ๊บแก้ม จนคนเป็นน้านึกสงสารแกมขำ...

“แกล้งหลานสนุกนักรึไงพี่เอื้อ” เอื้อนดาวหยิบหมับเข้าที่ต้นแขนพี่ชาย “ธาร่าไม่ต้องไปสนใจคนขี้แกล้งอย่างลุงเอื้อนะคะ มาเล่นกับน้าเอื้อนดีกว่านะ”

“คำก็น้าเอื้อนสองคำก็น้าเอื้อน จริงๆ แล้วธาร่าต้องเรียกเธอว่าป้าเอื้อนต่างหากถึงจะถูก”

“เรื่องอะไรล่ะ เอื้อนเป็นน้องพี่ลินธ์นะธาร่าเรียกว่าน้าก็ถูกแล้วนี่ พี่เอื้ออย่ามามั่วหน่อย ตัวแก่ที่สุดก็เป็นลุงน่ะถูกแล้วไม่ต้องมาหาพวก” สองพี่น้องที่ไม่ค่อยจะลงลอยกันเท่าไหร่โต้กันไปมา จนคุณเอื้องพรที่นั่งอยู่ข้างๆ ต้องห้ามทัพก่อนที่เรื่องจะเลยเถิด ให้เด็กเห็นผู้ใหญ่ที่ไม่รู้จักโตทะเลาะกันไม่ใช่เรื่องน่าดูนักหรอก

“เอื้อพูดถูกแล้ว ตามศักดิ์เอื้อนเป็นลูกผู้พี่จึงมีศักดิ์เป็นป้าของธาร่า ก็ไม่ผิดอะไรที่ธาร่าจะเรียกเอื้อนว่าป้า แต่เห็นใจนะคนยังไม่ทันแก่แถมกระโดกกระเดกอย่างนี้จะให้เรียกว่าป้าก็กระไรอยู่ เรียกว่าน้าเหมือนเดิมก็ดีแล้วจริงมั้ยจ๊ะธาร่า” คุณเอื้องพรถามหลานสาวตัวน้อยที่นั่งอยู่บนตักของบุตรสาวด้วยความเอ็นดู แม่หนูพยักหน้าหงึกๆ เห็นด้วยทั้งๆ ที่ไม่เข้าใจเรื่องที่ผู้ใหญ่คุยกันเลยสักนิด

“ธาร่าหิวหรือยังลูก ไปทานขนมอร่อยๆ กับยายกับคุณทวดดีกว่านะจ๊ะ ปล่อยให้แม่เราไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะ วันนี้คงเหนื่อยมากพอแล้ว”
คุณเอื้องพรส่งสายตาเอื้อเอ็นดูไปทางหลานสาว “ลินธ์ขึ้นไปพักผ่อนเถอะนะจ๊ะ ป้าให้คนจัดห้องไว้ให้แล้ว ต้องการอะไรเพิ่มเติมก็บอกป้าได้ พักผ่อนให้เต็มที่นะลูก”

“ขอบคุณค่ะคุณป้า” วิมาลินธ์กล่าวพร้อมทั้งเข้าไปสวมกอดผู้เป็นป้าแน่น “ขอโทษนะคะ”

“ขอโทษทำไม ลินธ์ไม่ได้ทำอะไรผิด” คุณเอื้องพรบอกพลางลูบศรีษะหลานสาวไปมา “ลืมเสียเถอะ แล้วเรามาเริ่มต้นกันใหม่นะจ๊ะ”
วิมาลินธ์พยักหน้าอยู่กับอกคนเป็นป้า รู้สึกซาบซึ้งใจในความเมตตาของทุกคนในครอบครัวที่ไม่ถือโทษในความผิดที่เธอได้กระทำไว้ ท้ายสุดที่ๆ เดียวที่พร้อมจะอ้าแขนรับและโอบกอดเราไว้ด้วยความรักก็คือ ‘ครอบครัว’ เจ็บปวดเจียนตายมาแค่ไหนแต่ทุกคนที่นี่ก็ไม่มีทางที่จะเหยียบซ้ำให้ต้องเจ็บช้ำไปมากกว่าเดิม...

“พอมีลูกสาวคนใหม่ก็ลืมลูกๆ ที่นั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้เลยนะครับคุณแม่”

“ไม่ต้องพูดเลยตาเอื้อ เรามีเรื่องต้องคุยกันอีกยาว คุยกับน้องเสร็จแล้วไปหาแม่ด้วย” ผู้เป็นแม่สั่งเสียงเย็นก่อนจะหันมาจูงหลานสาวตัวน้อยออกไปด้วยกัน

พอบรรดาผู้ใหญ่ออกไปจากห้องเอื้อนดาวก็หันมาเล่นงานพี่ชายต่อ

“ตายแน่พี่เอื้อ” หญิงสาวพูดพลางทำท่าเอานิ้วปาดคอ “ก็งี้ล่ะน้าเล่นปิดคนทั้งบ้านแต่ตัวเองรู้อยู่คนเดียว สมควรโดนคุณแม่เล่นงาน เตรียมตัวรับกรรมที่ก่อไว้เหอะรับรองน่วมแน่”

“นี่ถ้าพี่เอื้อบอกเรื่องพี่ลินธ์กับเอื้อนบ้างสักนิดรับรองว่าจะช่วยอ้อนคุณแม่ให้ แต่นี่พี่เอื้อเล่นปิดเอื้อนให้ตายก็ไม่ช่วยหรอกไม่ต้องมามองด้วยสายตาแบบนี้ ไม่น่าสงสารสักกะนิด” ผู้เป็นน้องกล่าวต่ออย่างหมั้นไส้ ก่อนจะหันไปทางพี่สาวที่นั่งอยู่ข้างๆ “ตอนที่เอื้อนบินไปเรียนซัมเมอร์เมื่อสี่ปีก่อนทำไมเอื้อนไม่ยักรู้ว่าพี่ลินธ์มีธาร่า น่าแปลกที่พี่ลินธ์ไม่แพ้ท้องเลยทั้งๆ ที่ตอนนั้นน่าจะท้องได้สักสองสามเดือนแล้ว”

“ธาร่าคงอยากช่วยพี่ปิดเอื้อนมั้ง พี่เลยไม่แพ้ท้องให้เอื้อนสงสัย รู้มั้ย...พอเอื้อนกลับไปพี่แพ้ท้องจนกินอะไรไม่ได้เลย” วิมาลินธ์ตอบยิ้มๆ “ธาร่าคงรู้ว่าถ้าให้น้าเอื้อนรู้ความลับคงไม่ใช่ความลับอีกต่อไป”

“พี่ลินธ์อ่ะ...เอื้อนไม่ใช่คงปากสว่างนะคะ” เอื้อนดาวค้อนพี่สาวอย่างไม่จริงจัง “ถ้าเอื้อนรู้สักนิดคงขอคุณพ่อคุณแม่ไปเรียนต่อที่นู้นเพราะจะได้ดูแลพี่ลินธ์กับธาร่าไปด้วยไม่ปล่อยให้พี่ลินธ์ต้องลำบากอยู่คนเดียวหรอกค่ะ รู้มั้ย...พี่ลินธ์เก่งมากเลยนะที่เลี้ยงธาร่าคนเดียวมาได้ตั้งหลายปี” เอื้อนดาวว่าพลางเข้าไปกอดพี่สาว

“คนอะไร้...ช่างประจบประแจง” เอื้อภูมิแขวะน้องสาวอย่างหมั่นไส้ พอพี่สาวสุดที่รักกับมาก็ทำท่าออดอ้อนเหมือนเด็กๆ ทั้งๆ ที่จะแต่งงานมีครอบครัวอยู่แล้วแท้ๆ โชคดีหรือโชคร้ายของเจ้าบ่าววะเนี่ยที่ได้ยายเอื้อนไปเป็นภรรยา...

“ไม่ต้องมาว่าเอื้อนเลยพี่เอื้อ ตัวยังมีความผิดอยู่นะเพราะฉะนั้นไม่ต้องพูดมาก” ผู้เป็นน้องขึงตาใส่ “ไปกันเถอะค่ะพี่ลินธ์ขึ้นไปข้างบนกันดีกว่า เดี๋ยวเอื้อนช่วยจัดของ อย่าสนใจคนนิสัยไม่ดีอย่างพี่เอื้อเลย” พูดจบก็ฉุดแขนวิมาลินธ์ที่นั่งอยู่ข้างๆ ให้ลุกออกไปด้วยกัน ปล่อยให้เอื้อภูมินั่งเป็นหมาหัวเน่าอยู่คนเดียว

“ทำคุณบูชาโทษแท้ๆ” ชายหนุ่มพึมพำไล่หลัง งานนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครกันแน่ที่จะต้องเผชิญกับชะตากรรมอันโหดร้าย แน่นอนว่าไม่ใช่วิมาลินธ์และธ่าร่า...




**********************************************************************

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ ยังไงก็ติชมหรือแสดงความคิดเห็นได้เต็มที่เลยนะคะ
พุดจีบจะได้นำไปปรับปรุงแก้ไขในส่วนที่ยังไม่สมบรูณ์ นิยายเรื่องนี้อ่านได้สบายๆ ค่ะ
ไม่เครียด อิอิ จริงไม่จริงยังไงต้องติดตามนะคะ ......... "พุดจีบ"






พุดจีบ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ม.ค. 2555, 18:24:01 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ม.ค. 2555, 00:42:12 น.

จำนวนการเข้าชม : 1515





<< บทที่ 1    บทที่ 3 >>
Auuuu 7 ม.ค. 2555, 12:39:35 น.
ชอบความคิดของครอบครัวนี้จัง ^^


anOO 7 ม.ค. 2555, 19:30:49 น.
ครอบครัวดีมากเลยค่ะ มีแต่ให้กำลังใจ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account