สุดฝั่งฝัน
ความฝันของเขาคือการได้พบกับน้องชายที่พลัดพราก หากเมื่อได้กลับมาพบกันอีกครั้ง นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มดุจท้องทะเลลึกของเด็กชายตัวน้อยในอดีต บัดนี้กลับระอุไปด้วยเพลิงแค้น สุดปลายทางความฝันของเขาจะเป็นเช่นไร จะมีทางหรือไม่ที่จะได้น้องชายคนเดิมกลับมา
Tags: ซึ้ง ดราม่าเล็ก ๆ

ตอน: ตอนที่ 3

3...

ดวงตาคมสวยของเกเบรียลลาเบิกกว้างขึ้นอย่างแปลกใจเมื่อเห็นร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้า เขาคือคนที่ใส่เสื้อเชิ้ตสีสดซึ่งเดินชนกับเธอเมื่อวันที่ฝนตก วันนี้ชายหนุ่มใส่สูทอย่างเป็นทางการจนหญิงสาวเกือบจำไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะดวงตาคู่นั้นที่ไม่เหมือนใคร หากตอนนี้สีน้ำเงินสวยดูจะอ่อนลงเล็กน้อย

“คุณเกรแฮมคือผู้บริจาครายใหญ่ค่ะคุณหมอ” เสียงผู้อำนวยการของศูนย์คุ้มครองเด็กมาสเดนผ่านหูของหญิงสาวไป ก่อนที่คนแนะนำจะหันไปทางผู้บริจาคหนุ่มหล่อ

“และนี่คือคุณหมอสลีเฟิร์ท ผู้เชี่ยวชาญทางด้านจิตวิทยาเด็กประจำศูนย์ของเราค่ะ”

มือของชายหนุ่มยื่นมาข้างหน้าพร้อมกับรอยยิ้มเป็นมิตร เกเบรียลลาจึงยิ้มตอบและส่งมือให้เขาเป็นการทักทายตามธรรมเนียมปฏิบัติ นิโคลัสจับมือนุ่มบางนั้นเขย่าเบา ๆ

“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณหมอสลีเฟิร์ท”

“เช่นกันค่ะคุณเกรแฮม”

เมื่อจบการทักทายชายหนุ่มควรจะปล่อยมือหญิงสาว แต่นิโคลัสจงใจแกล้งจับมือนุ่มนั้นไว้กระทั่งคุณหมอสาวนิ่วหน้าพร้อมกับดึงมือออกเบา ๆ หากชายหนุ่มก็ยังคงกุมมือนั้นไว้แน่น เกเบรียลลาเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลานั้นตรง ๆ ก่อนจะพบกับประกายพร่างพราวในดวงตาสีน้ำเงินเข้มลึกนั้น เธอกระชากมือออกอย่างแรงพร้อมกับหันไปขอตัวกับผู้อำนวยการก่อนจะเดินจากไปอย่างเร็วจนไม่ทันเห็นรอยยิ้มขบขันของนิโคลัส

ผู้อำนวยการศูนย์นำนิโคลัสไปเที่ยวชมการดำเนินงานของศูนย์โดยมีบรรดาครูพี่เลี้ยงรวมทั้งคุณหมอเกเบรียลลาเป็นผู้คอยให้คำอธิบาย บ่อยครั้งที่ผู้บริจาคหนุ่มหล่อชำเลืองมองไปทางจิตแพทย์สาว และทุกครั้งหญิงสาวก็จะเสมองไปทางอื่นเมื่อจำต้องระงับความโกรธ นิโคลัสมองตามพร้อมกับยิ้มอย่างรู้ทัน

ขณะชมการแสดงของเด็ก ๆ เกเบรียลลากลับมองไปทางอื่น เธอพยายามสูดลมหายใจเข้าออกอย่างช้า ๆ แม้จะเป็นจิตแพทย์ หากในตอนนี้วิชาที่เรียนมาดูจะเลือนไปจนหมด เขามีสิทธิอะไรมาจ้องเอาจ้องเอาแบบนั้น ผู้ชายไร้มารยาท! ถ้าไม่ติดว่าเขาเป็นผู้บริจาคของศูนย์ล่ะก็ คงต้องเห็นดีกันบ้างล่ะ

“ต๊าย! ดูสิ น่าเอ็นดูทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่”

เสียงครูพี่เลี้ยงคนหนึ่งดึงให้เกเบรียลลาหันไปมอง ในอ้อมแขนของคนตัวสูงมีหนูน้อยเจมี่ดิ้นขลุกขลักไปมาอยู่ ดูเหมือนเด็กชายจะไม่ค่อยคุ้นเคยกับชายแปลกหน้า ในขณะที่คนอุ้มเองก็ดูจะไม่เคยชินกับเด็ก ๆ เช่นกันเมื่อสังเกตจากท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ ของเขา เกเบรียลลายิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัวเมื่อนิโคลัสพยายามจะกอดเด็กชายให้อยู่นิ่ง ๆ หากเจ้าหนูเจมี่กลับไม่ยอมให้ความร่วมมือ

“โอ๊ย!” นิโคลัสร้องเสียงดังเมื่อถูกเด็กชายกัดแขนเอาอย่างแรง เขารีบวางตัวหนูน้อยลง ทั้งที่ในใจอยากจะหวดก้นเจ้าตัวแสบเสียให้หายซ่าส์ เสียงร้องของผู้บริจาคหนุ่มสร้างความตกใจให้กับบรรดาเจ้าหน้าที่ของศูนย์คุ้มครอง เจ้าหนูเจมี่รีบวิ่งแจ้นไปแอบอยู่ข้างหลังคุณหมอของแก

“ตายจริง...ดิฉันขอโทษจริง ๆ ค่ะ คือ...” ผู้อำนวยการศูนย์รีบละล่ำละลักขอโทษขอโพย หากชายหนุ่มเพียงยกมือขึ้นห้ามอย่างรำคาญ

“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ เด็กผู้ชายก็มักจะเฮี้ยวแบบนี้แหละ” ชายหนุ่มกัดฟันพูดพร้อมกับฝืนยิ้มไปทางเด็กชายหากดวงตากลับจ้องไปที่ใบหน้างดงามของหญิงสาวผู้ถูกใช้เป็นที่กำบัง ราวกับจะกล่าวหาว่าทั้งหมดเป็นความผิดของเธอ

เกเบรียลลาจำต้องแก้สถานการณ์ด้วยการพาเด็กชายเข้าไปนั่งคุย อันที่จริงการที่เจมี่ทำกิริยาก้าวร้าวใส่ชายหนุ่มซึ่งถือเป็นผู้อุปถัมภ์รายใหญ่ก็ดูจะเป็นเรื่องที่ร้ายแรงเอาการ

“เจมี่ ทำไมหนูถึงทำแบบนั้นล่ะจ๊ะ คุณเกรแฮมเขาทำอะไรให้หนูโกรธเหรอ” จิตแพทย์สาวเริ่มซักถามเด็กชายผู้ก่อเรื่องอย่างใจเย็น

“ก็เขาชอบมองคุณหมอนี่ฮะ คุณหมอแก๊บบี้เป็นแฟนกับแอนดี้ต่างหาก” เจ้าหนูอธิบายพร้อมกับทำหน้ามุ่ย ส่งผลให้คุณหมอสาวอมยิ้ม ที่แท้ก็หวงแทนเพื่อน

“เจมี่จ๊ะ คุณเกรแฮมเขาอยากจะมาช่วยพวกเรา ที่เขามองคุณหมอก็เพราะว่าคุณหมอเป็นคนคอยอธิบายรายละเอียดให้เขาฟังเท่านั้นเอง แล้วถ้าแอนดี้รู้ว่าเจมี่ไปทำร้ายคนที่ปรารถนาดีต่อเราแบบนี้ แอนดี้ก็คงจะเสียใจมาก” คุณหมอสาวอธิบายให้หนูน้อยฟังด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

“ขอโทษฮะ” เจ้าหนูเสียงอ่อยพร้อมกับก้มหน้าอย่างสำนึกผิด

“ไม่เป็นไรจ้ะ ถ้างั้นเดี๋ยวเราไปขอโทษคุณแกรแฮมกันนะ”

นิโคลัสนั่งคอยอย่างใจเย็นเมื่อเห็นคุณหมอสาวเดินจูงเจ้าหนูเจมี่กลับมา ชายหนุ่มกำลังคอยดูว่าจิตแพทย์คนเก่งจะจัดการยังไงกับเจ้าตัวแสบ แล้วนิโคลัสก็ต้องแปลกใจเมื่อหนูน้อยเจมี่เดินเข้ามาขอโทษเขาอย่างสุภาพราวกับไม่ใช่เด็กชายจอมพยศคนเดิม ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวผู้ยืนเยื้องไปทางด้านหลังของเด็กน้อย ดวงตาคมสวยฉายประกายแห่งชัยชนะจนชายหนุ่มเองอดยิ้มออกมาไม่ได้ เอาเถอะ! ครั้งนี้เขาจะปล่อยให้คุณหมอคนสวยคิดว่าตัวเองชนะ แล้วอีกหน่อยเธอจะรู้เองว่า ‘จอมมารลูซิเฟอร์นามนิโคลัสคนนี้ไม่เคยแพ้ใคร’

นิโคลัสจับหนูน้อยเจมี่ขึ้นมานั่งตักตามแผนแรกที่ไซม่อนเคยแนะนำเอาไว้ แผนที่เขาจะต้องผูกมิตรกับพวกเด็ก ๆ ชายหนุ่มจึงเริ่มคุยกับเด็กชายอย่างสนิทสนมและคราวนี้เจ้าหนูก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีจนคุณหมอสาวคลายความกังวล

เมื่อเกเบรียลลาเห็นว่าเจมี่ดูจะสงบดีแล้ว เธอจึงทำท่าจะเดินผละไป หากหนูน้อยรีบเรียกคุณหมอของแกเอาไว้

“แอนดี้จะไม่โกรธผมแล้วใช่มั้ยฮะ”

หญิงสาวหันกลับมายิ้มให้หนูน้อย

“ไม่จ้ะ แล้วแอนดี้ก็จะภูมิใจในตัวเพื่อนของเขามาก ๆ ด้วย” คำตอบของคุณหมอแก๊บบี้เรียกรอยยิ้มกว้างจากหนูน้อย เกเบรียลลายิ้มตอบเจมี่ แต่เมื่อมองเลยไปยังคนตัวโตเธอกลับเจอเข้ากับสายตากระด้างดุดัน ก่อนที่ชายหนุ่มจะรีบกลบเกลื่อนมันด้วยการหันไปคุยกับเจ้าหนูเจมี่

หลังงานเลี้ยงขอบคุณผู้อุปถัมภ์รายใหญ่ของศูนย์คุ้มครองเด็กมาสเดน ขณะที่เกเบรียลลากำลังเก็บของเตรียมกลับ แอนดรูว์โผล่เข้ามาในห้องทำงานของเธอพร้อมรอยยิ้มเผล่เหมือนเช่นที่เขาเคยทำเป็นประจำ

“เก็บของเรียบร้อยหรือยังครับ”

“เรียบร้อยแล้วค่ะ” เกเบรียลลายิ้มให้ชายหนุ่มพร้อมกับเดินนำหน้าเขาออกจากห้อง ขณะเดินอยู่ตรงระเบียงชั้นสอง หญิงสาวก็เล่าเรื่องวีรกรรมของเจ้าหนูเจมี่ให้แอนดรูว์ฟัง เขาฟังไปพลางหัวเราะไปด้วยเมื่อรู้ว่าหนูน้อยทำแบบนั้นเพราะหวงคุณหมอสาวแทนเขา กระทั่งเกเบรียลลาชี้ลงไปข้างล่าง

“ผู้ชายคนนั้นไงคะ ผู้อุปถัมภ์รายใหญ่ที่เจมี่ไปก่อเรื่องเอาไว้”

แอนดรูว์มองตามปลายนิ้วของคู่หมั้น เขาเขม้นมองชายหนุ่มร่างสูงซึ่งเห็นเพียงแค่ศีรษะทุยได้รูปที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสีดำสนิท ชายผู้นั้นกำลังเดินตรงไปยังรถยนต์คันหรูโดยที่มีบอร์ดี้การ์ดเดินตามคุมหน้าคุมหลังอยู่ไม่ห่าง ราวกับคนข้างล่างจะรู้ตัว เพราะก่อนที่นิโคลัสจะก้าวขึ้นรถที่มีผู้เปิดประตูรอเอาไว้นั้น เขาก็เงยหน้าขึ้นมองตรงมายังจุดที่แอนดรูว์ยืนอยู่

ดวงตาสีน้ำเงินเข้มที่มองตรงมาแทบจะทำให้ลมหายใจของแอนดรูว์หยุดชะงัก ไม่มีวันที่เขาจะลืมดวงตาคู่นี้ไปได้...ไม่มีวันที่เขาจะลืมน้องชายเพียงคนเดียวในโลก

“นิคกี้!!” แอนดรูว์ตะโกนออกไปสุดเสียงท่ามกลางความงุนงงของเกเบรียลลา

นิโคลัสมองตอบเสียงเรียกนั้นด้วยแววตาว่างเปล่า แอนดรูว์ช่างเล่นละครเก่งเสียจริง พี่ชายของเขาทำท่ายินดีได้อย่างแนบเนียนเหลือเกิน แต่อย่าหวังว่าจะตบตาเขาได้ แอนดรูว์ก็เหมือนนายเอ็ดเวิร์ดนั่นแหละ ทั้งสองคนเกลียดเขา ทั้งที่เขาเคยรักคนทั้งคู่มากขนาดไหน แต่ความรักของเขามันตายดับไปนานแล้ว และตอนนี้มันเหลือแค่เพียงความแค้น

แต่ยัง...วันนี้ยังไม่ถึงเวลาที่เขาและแอนดรูว์จะเผชิญหน้ากัน นิโคลัสมองเข้าไปในดวงตาสีเทาคู่สวยของพี่ชายพร้อมกับยิ้มเย็น ก่อนจะหันหลังกลับและก้าวเข้าไปในรถยนต์

“เดี๋ยว!! นิคกี้ รอก่อน” แอนดรูว์รีบวิ่งลงจากอาคาร เขาจะปล่อยให้น้องชายจากไปแบบนี้ไม่ได้ นานแค่ไหนแล้วที่เขาถูกกีดกันไม่ให้เจอกับนิคน้อย

ชายหนุ่มวิ่งลงบันไดด้วยความเร็วทีละสองขั้น เมื่อไปถึงชั้นล่างรถยนต์คันนั้นกำลังเลี้ยวออกจากศูนย์พอดี เขาหยุดยืนหายใจหอบด้วยความผิดหวัง แค่เพียงนิดเดียวเท่านั้น เพียงนิดเดียวที่เขาจะได้เจอกับน้องชาย แต่ทำไมล่ะ ทำไมนิคกี้ถึงไม่หยุดรอ หรือนิโคลัสจะจำเขาไม่ได้ เป็นไปไม่ได้หรอก สายตาของน้องชายที่มองมานั้นแสดงออกชัดเจนว่านิคกี้จำเขาได้ แอนดรูว์ก้มหน้าลง เขายืนนิ่งอย่างนั้นอยู่นาน กระทั่งเสียงคุ้นหูดังขึ้นข้างกาย มือนุ่มแตะเบา ๆ ที่ต้นแขนของเขา

“ผู้ชายคนนั้นคือนิคน้อยของคุณเหรอคะ”

แอนดรูว์หันหน้าไปมองคนถาม ดวงตาสีน้ำตาลสวยนั้นกำลังมองอย่างเป็นห่วง ชายหนุ่มฝืนส่งยิ้มให้เกเบรียลลา

“ครับ นิคกี้ ไม่ผิดแน่ แต่เขาคงจำผมไม่ได้” ตอบแล้วก็เบือนหน้าไปทางอื่น เขาไม่อยากโกหกเลย แต่ก็ไม่ต้องการให้ใครมองนิโคลัสในแง่ไม่ดี

เกเบรียลลาส่งยิ้มอ่อนโยนพร้อมกับบีบมือคู่หมั้นหนุ่มเบา ๆ เห็นใจ

“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะแอนดี้ เดี๋ยวคุณต้องได้เจอน้องชายอีกแน่ เขาคงจะมาแวะมาที่นี่อีก ถ้าฉันเจอเขา ฉันจะบอกเขาให้นะคะ ว่าพี่ชายคนดีคนนี้อยากเจอเขาม้ากมาก”

หญิงสาวยิ้มกว้างอวดฟันสวยจนแอนดรูว์อดยิ้มตอบไม่ได้ ชายหนุ่มวางมือทับลงบนมือบางของคู่หมั้นสาว เขารู้ดีว่าเกเบรียลลาแค่พยายามทำให้เขารู้สึกดีขึ้น

“ขอบคุณครับ เรากลับกันเถอะ”

.................................................

นิโคลัสกำลังนั่งหมุนปากกาในมือเล่น หากดวงตาคมกลับมองออกไปนอกหน้าต่าง ภาพของชายหนุ่มผู้เป็นพี่ชายคนเดียวยังหวนกลับมาวนเวียนอยู่ในความคิด จริงหรือที่แอนดรูว์ดีใจที่ได้พบเขา หรือแค่เพียงเล่นละครตบตาเพื่อให้เขาตายใจเท่านั้น ปากกาที่กำลังหมุนอยู่นั้นหล่นลงก่อนที่ชายหนุ่มจะกำมันขึ้นมาอีกครั้ง ไม่! ต้องไม่มีการใจอ่อนทั้งนั้น

ชายหนุ่มมองโทรศัพท์บนโต๊ะอย่างพิจารณา หลายวันแล้ว ทำไมปลายังไม่ยอมฮุบเหยื่ออีก สงสัยคงต้องกระตุ้นกันอีกสักครั้ง เขาตัดสินใจหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา

“สวัสดีครับน้าโรเจอร์ จำผมได้มั้ยครับ”

“โอ้ ทำไมน้าจะจำเสียงเธอไม่ได้ล่ะนิค เป็นไงบ้าง หลานสบายดีนะ” โรเจอร์ทักทายด้วยน้ำเสียงยินดี เขาดีใจจริง ๆ ที่นิโคลัสโทรมา เพราะหลานชายคนนี้เปรียบเสมือนตัวแทนของนาตาเลีย พี่สาวผู้ลาลับอันเป็นที่รัก

“ครับ ผมสบายดี แล้วน้าล่ะครับเป็นยังไงบ้าง รถคันนั้นมีปัญหาอะไรรึเปล่าครับ มันเป็นรถใหม่ ผมเองก็ยังไม่เคยใช้เลย”

“โอ๊ย รถใช้ดีมาก ไม่มีปัญหาอะไรเลย” ผู้เป็นน้าตอบน้ำเสียงร่าเริง รถที่หลานชายคนเล็กให้มานั้นทั้งขับนุ่ม นั่งสบายที่สุดเท่าที่เขาเคยนั่งรถมาเลยทีเดียว

นิโคลัสยิ้ม รถคันนั้นราคาแพงหูดับ ต่อให้โรเจอร์เกิดใหม่อีกสิบชาติก็คงไม่มีปัญญาได้เป็นเจ้าของแน่ แต่ถ้าน้าชายยอมร่วมมือ เขาจะได้มากกว่านี้แน่นอน

“ดีครับ แล้วดรูว์เขาเป็นยังไงบ้าง” ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยเหมือนแค่ชวนคุย แต่แววตาคมกระด้างขึ้นมาอย่างหมายมาดอย่างที่โรเจอร์ไม่มีทางรู้ได้เลย เขากลับเข้าใจไปว่านิโคลัสคงคิดถึงพี่ชาย

“แอนดรูว์ก็สบายดี แต่ช่วงนี้วุ่นนิดหน่อยเพราะต้องไปซ้อมโปโลเกือบทุกวัน ปกติเขาก็ไม่ค่อยชอบเรื่องงานบริษัทอยู่แล้ว”

นิโคลัสคาดเดาคำตอบของโรเจอร์ไว้แล้ว และมันก็ไม่ต่างจากที่เขาคิดเอาไว้เลย น้าชายเขานี่ช่างไว้ใจคนง่ายเสียเหลือเกิน ทั้งที่อายุปูนนี้แต่กลับซื่ออย่างไม่น่าเชื่อ

“อย่างที่ผมเคยบอกน้าเอาไว้ ผมอยากช่วยดรูว์เขานะครับ คนเราต่อให้รวยล้นฟ้า แต่ถ้าต้องฝืนทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ ชีวิตก็ไม่มีความสุขหรอกครับ”

“เอ่อ แต่ว่า” โรเจอร์ชักอึกอัก

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ไว้น้าเห็นด้วยเมื่อไหร่ก็ค่อยโทรหาผมแล้วกัน ตอนนี้ถ้าน้าขาดเหลืออะไรก็บอกผมได้เลยนะครับ ผมยินดีช่วยเหลือทุกอย่าง ทั้งน้าและดรูว์ก็เป็นสายเลือดเดียวกันกับผม ไม่ต้องเกรงใจ” ชายหนุ่มยิ้มเย็นขณะเน้นคำว่า ‘สายเลือดเดียวกัน’ อีกไม่นานหรอก โรเจอร์จะต้องยอมแพ้ต่อความละโมบ ซึ่งมีอยู่ในตัวของมนุษย์ทุกคน

นิโคลัสคุยกับน้าชายต่ออีกไม่นานก็วางสายลง โรเจอร์กำลังจะตกหลุมที่เขาขุดล่อเอาไว้ แต่ตอนนี้เขามีงานอีกอย่างที่ต้องทำ การแข่งขันโปโลกำลังจะมีขึ้นในไม่ช้า ถ้าแอนดรูว์อยากเจอเขานัก เขาก็จะจัดให้

ชายหนุ่มคว้ากุญแจรถที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา เขาเดินออกจากห้องทำงาน ก่อนจะพบกับไซม่อนและแบรนดอนที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าห้อง เมื่อเห็นนิโคลัส ทั้งคู่ต่างก็เตรียมพร้อมที่จะติดตามเจ้านายทันที

“เดี๋ยวฉันจะขับรถเอง พวกนายอยู่นี่แหละ” นิโคลัสสั่งเมื่อเห็นคนสนิททั้งสองขยับตัว

“ให้เราไปด้วยเถอะครับคุณนิค พวกเราจะตามอยู่ห่าง ๆ ไม่รบกวนเจ้านายหรอกครับ” แบรนดอนเป็นคนพูด ส่วนไซม่อนก็พยักหน้าเห็นด้วยอยู่ไม่ห่าง

นิโคลัสรู้ว่าทั้งคู่เป็นห่วงเขา ในฐานะทายาทเศรษฐีนักการเมือง เขาเป็นเป้าหมายการถูกลักพาตัวมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ฉะนั้นเขาจึงไม่เคยได้ไปไหนมาไหนเพียงลำพัง ชายหนุ่มถอนหายใจ

“ก็ได้ งั้นแบรนดอนไปกับฉัน ส่วนไซม่อนอยู่ดูแลที่นี่” พูดจบเขาก็เดินออกไปทันทีจนแบรนดอนต้องรีบเดินตามไป ส่วนไซม่อนแม้จะอยากตามไปอารักขาเจ้านายเพียงใด แต่คำสั่งของนิโคลัสคือประกาศิต ถ้าเจ้านายบอกว่า ‘ไม่’ นั่นหมายความว่าไม่จริง ๆ

นิโคลัสเลือกปอร์เช่คู่ใจ เขาขับรถมุ่งหน้าออกนอกเมือง ชายหนุ่มเปิดประทุนเพื่อรับลมเย็น ๆ เขาชอบความเร็ว ชอบสายลม มันทำให้เขารู้สึกอิสระ ไม่นานนักชายหนุ่มก็ไปถึงแฮมไชร์ คฤหาสน์อีกแห่งหนึ่งของตระกูลเกรแฮมซึ่งอยู่ในเขตชานเมือง

เมื่อไปถึงนิโคลัสก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดขี่ม้า ก่อนจะเดินเข้าไปยังห้องนั่งเล่น ซึ่งคฤหาสน์แห่งนี้ถูกตกแต่งด้วยสีขรึมโทนน้ำตาลครีมแสดงถึงความเป็นผู้ชายโดยเฉพาะ เนื่องจากเป็นสถานที่สำหรับทายาทชายของตระกูลเกรแฮมเท่านั้น นิโคลัสได้มาที่นี่ครั้งแรกหลังจากถูกรับตัวไปอยู่กับนายหลุยส์ไม่นานนัก จะว่าไปที่แห่งนี้ก็มีทั้งความทรงจำแสนสุขและความทรงจำอันเลวร้าย เพราะที่นี่เป็นสถานที่ฝึกความแข็งแกร่งให้แก่เขานั่นเอง ดังนั้นแม้มันจะสนุกแต่ขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยความเหนื่อย ความหิว ความเจ็บปวด และเสียงตะคอกของบิดา

ชายหนุ่มรินบรั่นดีใส่แก้วก่อนจะเดินไปทิ้งตัวลงบนโซฟานุ่ม เขาเอนตัวลงและยกเท้าทั้งสองข้างพาดไปยังโต๊ะด้านหน้า นิโคลัสยกแก้วบรั่นดีขึ้นจิบช้า ๆ อย่างสบายใจ ป่านนี้แอนดรูว์คงกำลังกระวนกระวายแน่ เมื่อนึกถึงพี่ชายคนเดียว ชายหนุ่มจึงยกเท้าลงพร้อมกับยืนขึ้น ถึงเวลาสนุกของเจ้าเฮดีสสักที

นิโคลัสเดินเข้าไปในคอกม้าซึ่งได้รับการดูแลและทำความสะอาดเป็นอย่างดี ตอนเด็ก ๆ เขามักจะมาคลุกคลีอยู่ที่คอกม้าแห่งนี้เป็นส่วนใหญ่ เพราะต้องทำความสะอาดม้าและใส่อานเองทั้งหมด

ม้าที่เขาเลือกซื้อมาเองมีอยู่สามตัวคือเฮดีส ทานาทอส และเพอร์ซิโฟเน ส่วนอีกสิบห้าตัวที่เหลือนั้นบิดาของเขาเป็นผู้หามา เขาเดินเข้าไปหาเพอร์ซิโฟเนเป็นตัวแรก มันเป็นม้าเพศเมียสีน้ำตาลที่แข็งแรงและฝีเท้าดี ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบจมูกม้าสาวเบา ๆ และมันก็ทักทายตอบด้วยการดุนจมูกเข้ากับฝ่ามือของเจ้านายอย่างคุ้นเคย ต่อมานิโคลัสก็ทักทายม้าหนุ่มทานาทอสเช่นเดียวกันกับเพอร์ซิโฟเน หากมันกลับยกขาหน้าทั้งสองขึ้นและส่งเสียงร้องออกมาอย่างหงุดหงิดที่ได้อยู่แต่ในคอก ทานาทอสเป็นม้าที่ชายหนุ่มเพิ่งจะซื้อมาได้ไม่นานนัก ดังนั้นมันจึงยังดูพยศอยู่มาก เขาคงต้องหาเวลาว่างมาฝึกม้าขี้โมโหตัวนี้ให้มากขึ้น เมื่อพยายามปลอบจนเจ้าทานาทอสสงบลงแล้ว เขาจึงเดินไปหาเจ้าเฮดีสซึ่งอยู่ด้านในสุด มันเป็นม้าหนุ่มสีดำที่รูปร่างได้สัดส่วนและสง่างาม

“ไง เพื่อนยาก” ชายหนุ่มกล่าวทักทายม้าหนุ่มคู่ใจด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เขายกมือขึ้นลูบไปตามแผงคอของมันเบา ๆ

เมื่อทักทายม้าทั้งสามตัวแล้วชายหนุ่มจึงเดินไปหยิบอานม้ามาวางบนหลังเจ้าเฮดีส เมื่อมันรู้สึกถึงน้ำหนักของอานบนหลัง ม้าหนุ่มก็คึกคักขึ้นมาทันที นิโคลัสหัวเราะออกมาเบา ๆ

“อยากออกข้างนอกแล้วสิ ใจเย็น อีกไม่นานแกได้สนุกแน่ เฮดีส”

เมื่อผูกอานแล้วเขาก็จูงม้าหนุ่มออกมาด้านนอก พอพ้นประตูคอกชายหนุ่มจึงสอดเท้าเข้าไปในโกลนแล้วตวัดตัวขึ้นขี่บนหลังเจ้าเฮดีส จากนั้นจึงกระตุ้นให้ม้าเริ่มออกวิ่งเหยาะ ๆ ไปสู่ท้องทุ่งอันกว้างใหญ่ด้านหลังของคฤหาสน์

เส้นทางข้างหน้าเปรียบดังหนทางแห่งความอิสระ เขาควบม้าเร็วขึ้น เร็วขึ้น ตอนนี้นิโคลัสรู้สึกสนุกและตื่นเต้นไม่ต่างจากตอนที่ได้นั่งบนหลังม้าเป็นครั้งแรก เมื่อครั้งที่ได้สัมผัสกับสายลมแรงที่ปะทะกับใบหน้าและพัดผ่านทุกอณูของร่างกาย เสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของเด็กชายตัวน้อยในอดีตแว่วเข้ามาในความทรงจำ

ม้าตัวใหม่ของแอนดรูว์วิ่งตรงไปข้างหน้า ถึงจะไม่ได้เร็วมากนัก แต่ในความรู้สึกของเด็กชายวัยห้าขวบ นิโคลัสรู้สึกว่ามันช่างน่าตื่นเต้นและเจ๋งที่สุดในโลก เขายิ้มกว้างอย่างมีความสุขพร้อมกับหัวเราะเสียงใส

“เป็นไง ชอบใช่มั้ยล่ะ” แอนดรูว์ที่นั่งซ้อนหลังน้องชายและเป็นผู้ถือสายบังเหียนพูดขึ้นพร้อมกับก้มลงยิ้มให้นิโคลัส

นิโคลัสยังยิ้มไม่หุบ เขาหันไปพยักหน้ารับ แม้จะไม่ได้เป็นผู้ควบม้าเอง แต่หนูน้อยกลับมีเหงื่อผุดพราวเต็มหน้าผาก แก้มยุ้ยใสนั้นแดงปลั่งอย่างเด็กที่มีสุขภาพดี

“แล้วถ้าพ่อมาเห็นเราขี่ม้า ฉันจะถูกพ่อตีมั้ย” แม้จะสนุกแต่นิโคลัสก็ยังกลัวนายเอ็ดเวิร์ด ผู้เป็นพ่อสั่งห้ามไม่ให้นิโคลัสขี่ม้าตัวใดทั้งสิ้น เขาประกาศชัดเจนว่าม้าทุกตัวเป็นของแอนดรูว์ เด็กชายเคยถูกทำโทษเพียงแค่ยื่นมือไปลูบขนของลูกม้าในคอกเท่านั้น

“ไม่หรอก ถ้าพ่อเห็น พี่จะบอกว่าพี่เป็นคนชวนนายเอง อย่าห่วงเลย พี่ไม่ปล่อยให้พ่อตีนายหรอกนิคกี้”

“จริงนะ” นิโคลัสถามย้ำ

“จริงสิ” แอนดรูว์ตอบรับ ก่อนที่จะกระตุ้นม้าให้เริ่มวิ่งเหยาะ ๆ ไปทั่วทุ่งกว้างอีกครั้ง เท่านั้นนิโคลัสก็ลืมความกลัว พี่ชายบอกแล้วว่าจะช่วยไม่ให้เขาถูกทำโทษ

ทั้งสองขี่ม้ากันจนตะวันเกือบจะตกดิน เมื่อใกล้จะถึงคอกม้า แอนดรูว์ก็กระโดดลงจากหลังม้าแล้วมาคอยรับตัวน้องชายที่ยังลงจากหลังม้าด้วยท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ เพราะยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับม้าเท่าไรนัก

“นิโคลัส!”

นิโคลัสสะดุ้งเฮือก สองพี่น้องหันไปทางเสียงเรียกพร้อมกัน เมื่อเห็นผู้เป็นพ่อยืนจังก้าอยู่หน้าคอกม้า นิคน้อยก็กระเถิบเข้าหาพี่ชายทันที แอนดรูว์เองก็ตกใจเช่นกันเพราะสีหน้าของนายเอ็ดเวิร์ดตอนนี้กำลังโกรธจัด

นายเอ็ดเวิร์ดเดินอาด ๆ ตรงมาหาเด็กชายทั้งสอง เมื่อมาถึงเขาก็กระชากแขนของนิโคลัสให้ออกห่างจากแอนดรูว์

“ฉันบอกแกแล้วใช่มั้ยว่าไม่ให้แกไปยุ่งกับม้าของแอนดรูว์” ผู้เป็นพ่อฟาดฝ่ามือลงไปตามตัวของเด็กชายโดยไม่สนใจว่ามันจะไปถูกส่วนใดบ้าง นิโคลัสพยายามหลบไปมาแต่เขาก็ยังถูกนายเอ็ดเวิร์ดจับแขนเล็ก ๆ ไว้แน่น

“พ่อครับ อย่าตีน้อง ผมเป็นคนชวนนิคกี้เอง” แอนดรูว์พยายามช่วย เขาเข้าไปดึงแขนนายเอ็ดเวิร์ดเอาไว้ แต่ผู้เป็นพ่อก็ยังไม่ยอมปล่อยแขนนิโคลัส

“เจนนิ่งส์ มาเอาตัวคุณแอนดรูว์ออกไป”

เจนนิ่งส์วิ่งเข้ามาคว้าตัวแอนดรูว์เอาไว้ แม้จะสงสารคุณนิคน้อยเพียงใด แต่เขาก็ไม่กล้าขัดคำสั่งของเจ้านาย คนรับใช้หนุ่มก้มลงกระซิบข้างหูเจ้านายตัวน้อย

“รีบไปตามคุณแม่สิครับ”

แอนดรูว์รีบทำตามทันที เขาหันหลังวิ่งไปทางคฤหาสน์อย่างไม่คิดชีวิต นิโคลัสได้แต่มองตามอย่างไม่เชื่อสายตา ไหนแอนดรูว์บอกว่าจะช่วย ทำไมพี่ชายถึงวิ่งหนีเอาตัวรอด

ภาพในวัยเด็กหายไปฉับพลันเมื่อชายหนุ่มรู้สึกถึงแรงเหวี่ยงจากเจ้าเฮดีสจนเกือบจะตก เขารีบหนีบเข่าเข้ากับลำตัวม้าหนุ่มและทรงตัวบนหลังมันได้อย่างหวุดหวิด ดูเหมือนเจ้าเฮดีสจะสัมผัสได้ถึงความวุ่นวายใจของเจ้านายมันจึงเริ่มไม่ยอมฟังคำสั่งและดูจะพยศผิดปกติ นิโคลัสปลอบจนเจ้าม้าสงบลง ตอนนี้ใจเขาว้าวุ่นเกินกว่าจะขี่ม้าเล่นต่อ ชายหนุ่มจึงตัดสินใจพาเจ้าเฮดีสกลับ เขาไม่จำเป็นต้องฝึกซ้อมอะไรอีก เพราะเขามั่นใจเต็มร้อยว่าในวันแข่งโปโลการกุศล วันที่เขาจะเผชิญหน้ากับแอนดรูว์อีกครั้ง เขาและเจ้าเฮดีสจะต้องไม่ใช่ผู้แพ้แน่นอน หลังจากที่พี่ชายของเขาเป็นแชมป์มาเจ็ดสมัย แอนดรูว์จะถูกยัดเยียดความปราชัยเป็นครั้งแรก แล้วหลังจากนั้นเขาจะส่งความพ่ายแพ้และย่อยยับให้อีกเป็นระลอก นิโคลัสคิดพร้อมกับยิ้มเย็น

..............................................................



ปุญณิศา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ม.ค. 2555, 00:55:03 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ม.ค. 2555, 00:57:02 น.

จำนวนการเข้าชม : 1300





<< ตอนที่ 2   ตอนที่ 4 >>
Auuuu 21 ก.พ. 2555, 01:09:12 น.
เฮ้อออ เข้าใจผิดกันแท้ๆๆ :(


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account