Crazy Laws กฏหมายฮาเดือด!!
เมื่อ "วินด์ ฮิลล์" นักเรียนกฎหมายปี 1 ผู้มีดีแค่หน้าตาแต่สติปัญญาอยู่ในระดับน่าอับอาย ต้องมาพานพบกับ "เวสต์ วิซ" ผู้ช่วยผู้พิพากษา ที่ถูกไหว้วานจากอาจารย์ีที่ปรึกษาของวินด์ ฮิลล์ ให้มาช่้่วยเข็นให้หนุ่มดีแต่รูปคนนี้เลื่อนชั้นไปได้ แล้วอะไรจะเกิดขึ้น..เมื่อสองคนนี้ต้องมาร่วมไขคดีไปด้วยกัน พร้อมกับ "ประมวลกฎหมาย" อาวุธประจำตัวนักเรียนกฎหมายทุกคน!?
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: มาตราที่ 5


มาตราที่ 5 : นักเรียนกฎหมายพึงอย่าใช้กำลังแก้ปัญหา


...ไม้ปาร์เก้แผ่นที่ 1...


...ไม้ปาร์เก้แผ่นที่ 2...


...ไม้ปาร์เก้แผ่นที่ 3...


โอ๊ะ ตรงนี้มีรา....


ร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มผู้มีเข็มตรารูปตาชั่งติดอยู่บนอกเสื้อ เดินวนเวียนไปรอบๆห้องกว้างของอพาร์ตเมนต์สุดหรูด้วยท่าทางไม่แตกต่างไปจากซอมบี้ เท้าที่สวมเพียงแค่ถุงเท้าคู่บางเพื่อไม่ให้พื้นบ้านสกปรกค่อยๆย่างก้าวออกไปทีละนิด..ทีละนิด พร้อมกับเสียงพึมพำนับจำนวนแผ่นไม้ปาร์เก้ที่ใช้ปูพื้นทั้งหมดที่ตนเดินย่ำผ่านมา


“ไม้ปาร์เก้แผ่นที่ 11...ไม้ปาร์เก้แผ่นที่ 12....”


ที่จริงแล้วมันจะมีไม้ปาร์เก้อีกสักกี่ร้อยแผ่นก็ไม่ได้น่าสนใจอะไรนัก ด้วยสิ่งที่น่าสนใจกว่าคงจะเป็นจำนวนครั้งที่เขาถูกบังคับให้มาเดินสำรวจภายในห้องอาหารที่เกิดเหตุฆาตกรรมขึ้นนี้..!!


นับจากวันที่สอบปากคำเป็นต้นมา เวสต์ วิซก็ได้ทำเรื่องเจรจากับซิลเวีย แคนน่อนที่เป็นเจ้าของห้องนี้คนปัจจุบัน เพื่อขอเข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุอีกหลายๆครั้ง แม้ว่าห้องนี้จะเคยถูกตรวจสอบด้วยฝ่ายพิสูจน์หลักฐานมาแล้วก็ตาม แต่ถ้าว่ากันตามสำนวนของไอ้คุณรุ่นพี่แล้ว..การตรวจสอบด้วยตัวเองนั่นล่ะเป็นเรื่องดีที่สุด!


และด้วยเหตุนี้เอง ตัวเขา..วินด์ ฮิลล์ผู้น่าสงสารก็ถูกรุ่นพี่ผู้แสนจะโหดร้ายบังคับลากคอให้มาเดินตรวจตราหาเบาะแสในห้องนี้อยู่ทุกวัน..วันละรอบ..วันละครั้ง..อย่างที่ซิลเวีย แคนน่อนแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการอนุญาตให้พวกเขาเข้ามาตรวจสอบได้เต็มที่ และระหว่างที่เดินตรวจสอบนั้น..ซิลเวียก็จะเลี่ยงออกไปข้างนอก เพื่อเปิดโอกาสให้พวกเขาได้อยู่ตามลำพัง และนี่ก็...เป็นรอบที่ 5 หรือ 6 หรือ 7 แล้ว....ที่เขาเดินวนรอบห้องนี้..ในวันนี้


“ต่อให้เป็นรอบที่ 100 นายก็ต้องเดินอย่างนี้ต่อจนกว่าจะหาเงื่อนงำในคดีได้”


เสียงทุ้มดังมาอย่างไร้ความเห็นใจ เรียกดวงตาคู่สีฟ้าให้ตวัดไปมองคุณรุ่นพี่ผู้แสนดีที่นั่งไขว่ห้างทำงานเอกสารบางอย่างอยู่ที่โต๊ะอาหาร โดยไม่คิดจะมาเดินวนเป็นเพื่อนเขาแม้แต่น้อย


..ขี้งก ขี้เหนียว ไม่ช่วยสืบคดียังไม่พอ จะมาเดินเป็นเพื่อนหน่อยก็ไม่ได้...


คำบ่นที่ทำได้แค่เพียงขมุบขมิบปากโดยไม่กล้าแม้แต่จะให้เสียงหลุดลอดออกมา แต่ก็ราวกับว่าเวสต์ วิซจะมีตาอยู่ข้างหลังกระนั้น เมื่อชายหนุ่มยกแก้วกาแฟขึ้นจิบก่อนจะตอกกลับคำด่าในใจนั่น


“ต้องให้บอกกี่ครั้งว่านี่เป็นคดีของนาย ไม่ใช่ของฉัน แค่ฉันยอมเสียเวลาอันมีค่ามานั่งเป็นเพื่อนนายที่นี่ นายก็ควรจะคุกเข่าซาบซึ้งในบุญคุณของฉันแล้วมากกว่า”


ว่าพลางก็ตวัดปากกาเซ็นลายเซ็นลงในเอกสารที่ตนมีหน้าที่รับผิดชอบ ซึ่งเอกสารกองนี้ก็ได้เพิ่มสูงขึ้นมาในระยะเวลาสั้นๆแค่หนึ่งสัปดาห์ที่เขาจำต้องมาผจญเวรผจญกรรมกับผู้ชายที่ไร้แววในการเป็นนักกฎหมายมากที่สุด


ทั้งที่เดิมทีเขาสามารถทำงานพวกนี้ให้เสร็จได้ในเวลาแค่ 1-2 วัน แต่เพราะการต้องมาคอยดูแลหมอนี่ จึงทำให้งานคั่งค้างมากกว่าปกติจนถึงกับต้องหอบมาทำเป็นการฆ่าเวลาที่นี่ด้วย แต่ว่าถ้าเทียบระหว่างความหนักหนาสาหัสด้านงานที่กองสุมจนเป็นภูเขา กับความหนักหนาสาหัสทางสภาพจิตใจแล้ว เห็นได้ชัดว่า ทางด้านจิตใจนั้นเลวร้ายกว่ากันหลายขุม


เวสต์ วิซเหลือบตามองรุ่นน้องที่ค่อยๆลากสังขารเดินตรวจสอบไปรอบห้อง บนแผ่นไม้กระดานที่เริ่มจะสึกจากการเดินย่ำมากไป ร่างโปร่งเดินด้วยท่าทางล่องลอยเหมือนวิญญาณ เรือนผมสีดำยุ่งเหยิงแทบไม่ต่างจากรังนก เสื้อผ้าที่แต่เดิมก็ไม่ใช่ของดีอะไรเวลานี้ตกอยู่ในสภาพที่เรียกได้ว่ายับเยิน และดูหลวมโพรกมากยามเมื่อมาอยู่บนร่างของคนที่ดูจะน้ำหนักลดไปหลายกิโลภายในช่วงเวลาแค่ 1 สัปดาห์ แต่ถึงอย่างนั้น..ถึงอย่างนั้นก็ตาม เมื่อย้อนสายตากลับขึ้นไปดูใบหน้าซีดเซียวนั่นแล้ว มันก็ยังหล่อจนน่าโมโหอยู่ดี!


“นี่นายได้พักผ่อนบ้างรึเปล่า?”


นั่นคือครั้งแรกที่วินด์ ฮิลล์ได้ยินคำถามที่สมกับเป็นเพื่อนมนุษย์ออกมาจากปากของรุ่นพี่ และมันคงจะดีกว่ามากถ้าไม่ตามมาด้วยประโยคที่สอง


“อย่าบอกนะว่านายยังเพ้อเรื่องจดหมายลูกโซ่ไม่เลิก?”


“ไม่ได้เพ้อนะครับ!!”


วินด์ ฮิลล์หันกลับมาตะโกนใส่ ท่าทางเลิ่กลั่กราวกับกลัวว่าใครจะได้ยิน


“รุ่นพี่ลองมาเป็นผมสิ มีอย่างที่ไหนพอกลับไปที่หอพักก็เจอจดหมายลูกโซ่ส่งมาเต็มไปหมด แถมแต่ละฉบับข้อความก็น่ากลัวสุดๆด้วย นี่ถ้าผมไม่รีบเขียนแล้วส่งต่อมันไปให้ครบ 10,000 ฉบับภายในวันนี้ล่ะก็..ผมต้องตายสยองแน่ๆเลย!!”


ไม่ว่าเปล่า มือยังหยิบจดหมายลูกโซ่ที่บรรยายฉากการตายอย่างสุดสยองกรณีที่ไม่ส่งต่อไปให้ครบ 10,000 ฉบับภายใน 3 วันขึ้นมาโบกประกอบความรู้สึก แต่น่าเสียดายที่เวสต์ วิซไม่มีความเห็นใจให้ในกรณีนี้แม้แต่น้อย


“ของไร้สาระแบบนี้ ฉีกทิ้งไปก็จบเรื่องแล้ว”


“รุ่นพี่เวสสสสสสสสสสต์!! ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะครับ!!”


วินด์ ฮิลล์คัดค้านออกมาสุดเสียง ตามประสาคนที่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติแบบฝังหัว เรียกสายตาดูแคลนจากผู้เป็นรุ่นพี่ และแถมท้ายด้วยเสียงหัวเราะกึ่งเวทนา


“ถ้างั้นนายก็ก้มหน้าก้มตาเขียนมันต่อไปก็แล้วกัน แต่อย่าลืมว่าฝ่ายกฎหมายทำเรื่องขออนุญาตเข้าตรวจสอบอพาร์ตเมนต์ห้องนี้เป็นเวลาแค่ 1 เดือนเท่านั้น ถ้าพ้นจากนี้ไปถึงซิลเวีย แคนน่อนจะใจกว้างแค่ไหน ก็คงไม่มีใครอยากให้คนแปลกหน้าเดินเข้าออกบ้านตัวเองอยู่ตลอดเวลาหรอก”


ชื่อของคนที่ตนดันเผลอไปให้คำมั่นว่าจะไขคดีนี้ให้ได้ มีผลเกินคาด วินด์ ฮิลล์ยอมหุบปากที่กำลังจะโอดครวญต่อถึงเรื่องความซวยตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งกระถางต้นไม้ที่หวิดจะหล่นใส่หัว ฝาท่อที่ถูกเปิดทิ้งไว้จนแทบพลัดตก และยังอื่นๆอีกมากมายที่พิสูจน์ให้เห็นว่าคำสาปแช่งในจดหมายลูกโซ่มีจริง


“พักเรื่องจดหมายลูกโซ่นั่นไว้ก่อน” เวสต์ วิซพูดอย่างรู้ว่าการที่อีกฝ่ายนิ่งไป มีหวังต้องเป็นเพราะกลับไปคิดถึงเรื่องจดหมายไร้สาระนั่นอีกแน่ “นายเดินวนอย่างนี้ต่ออีกสักร้อยรอบก็คงไม่ได้อะไรขึ้นมา ลองทบทวนข้อมูลทั้งหมดตั้งแต่แรกซิ”


“ครับๆ ข้อมูลจากฝ่ายตรวจสอบที่เข้ามาเก็บกวาดห้องนี้บอกว่า สภาพห้องค่อนข้างสะอาด ยกเว้นมีรอยเลือดเปื้อนตามพื้นเป็นทางยาวไปถึงหน้าประตู ยี้..ขยะแขยง” วินด์ ฮิลล์ทำหน้าอี๋ใส่รายงานในมือ “อาหารบนโต๊ะมีไข่ดาว 2 ฟอง ขนมปังปิ้ง 4 แผ่น เนย แยมส้ม กาแฟ 2 แก้ว แล้วก็ลูกชิ้นปิ้ง 19 ไม้..”


อ่านถึงตรงนี้ร่างโปร่งก็ชะงักไปนิดหนึ่ง เท้าที่เคยเดินช้าๆเริ่มขยับก้าวเร็วขึ้นอย่างคนกำลังใช้ความคิด


“เอ..แต่ป้าขายลูกชิ้นเค้าบอกว่า คุณนายบ้านนี้ชอบซื้อลูกชิ้นปิ้งทีละ 20 ไม้นี่นา แล้วมันหายไปไหนไม้นึงล่ะเนี่ย..หรือว่าฆาตกรจะหิวมากก็เลยหยิบติดมือไปกินด้วย?”


ข้อสันนิษฐานเพี้ยนๆตามแบบฉบับของวินด์ ฮิลล์ ผ่านเข้าหูซ้ายทะลุออกหูขวาโดยไม่อยู่ในความสนใจของชายหนุ่มผู้หันหน้ากลับไปหาเอกสารในมือต่อแม้แต่น้อย และเวสต์ วิซก็คงไม่คิดจะหันมาสนใจอีกนาน..ถ้าไม่ใช่เพราะเสียงร้องโหยหวนที่ดังขึ้นในนาทีนั้น!?


“เกิดอะไรขึ้น!?”


ภาพที่เวสต์ วิซได้เห็นหลังจากเงยหน้าขึ้นมาจากกองเอกสาร คือภาพอันสุดแสนจะน่าเวทนาของนักเรียนกฎหมายผู้ยืนกระโดดเหยงๆด้วยขาข้างเดียว ขณะที่อีกข้างยกขึ้นสูงโดยมีไม้เสียบลูกชิ้นอันหนึ่งทิ่มเข้าไปในเนื้อ ลึกจนเห็นรอยเลือดซึมออกมาผ่านทางเนื้อผ้าสีขาวของถุงเท้า


“เจ็บ!!”


เจ้าของเสียงแผดร้องโหยหวนเหมือนโดนเชือดตะโกนฟ้องคนที่ทำสีหน้าเวทนาใส่ เวสต์ วิซมองคนที่อยู่ดีไม่ว่าดีก็เหยียบไม้เสียบลูกชิ้นจนเจ็บตัวด้วยความรู้สึกพูดไม่ออก ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกก่อนจะตัดสินใจกลับไปพลิกหน้าเอกสารต่อ


“ก็เจอไม้ที่ 20 แล้วไง”


ใช่..เจอแล้ว แถมเป็นการเจอที่สุดแสนจะน่าประทับใจ มันเป็นไปได้ว่าไม้นี้อาจจะกลิ้งไปตกอยู่ระหว่างซอกแผ่นไม้แตกเล็กๆจนทำให้ฝ่ายตรวจสอบไม่ทันสังเกตเห็นหรือเก็บมันไป..และก็คงจะไม่มีใครทันเห็นมันถ้าไม่ใช่เพราะว่ามีนักเรียนกฎหมายคนหนึ่งได้เดินย่ำผ่านแผ่นไม้นี่มาครั้งแล้วครั้งเล่าจนมันกลิ้งหลุดออกมาจากซอกไม้แล้วทิ่มเท้าของตนเองเข้าเต็มๆ


วินด์ ฮิลล์ทำหน้าเบี้ยวแถมด้วยแยกเขี้ยวใส่แผ่นหลังของคุณรุ่นพี่ที่ดูจะไม่เดือดร้อนกับการบาดเจ็บในหน้าที่ของเขาแม้แต่น้อย ร่างโปร่งกระโดดด้วยขาข้างเดียวมานั่งบนเก้าอี้ ก่อนจะค่อยๆดึงอาวุธร้ายที่เสียบคาเท้าของตัวเองออกมา


“เดี๋ยวจัดการโทรศัพท์ไปแจ้งให้ฝ่ายพิสูจน์หลักฐานมาเก็บไม้อันนี้ไปด้วยนะ”


เวสต์ วิซปรายตามองไม้เสียบลูกชิ้นเปื้อนเลือดก่อนจะเปรยเบาๆ


“แล้วก็อย่าลืมหาข้อแก้ตัวด้วยล่ะ เรื่องที่นายทำให้หลักฐานในคดีฆาตกรรมต้องเปื้อนเลือดแบบนี้”


วินด์ ฮิลล์ครางหงิง กับความคิดที่ตนจะต้องโทรติดต่อกับฝ่ายพิสูจน์หลักฐานที่ขึ้นชื่อเรื่องความ โหด เขี้ยว และเค็ม ตามลำพัง แต่ว่าถ้าเทียบกับมนุษย์อัจฉริยะแต่นิสัยไม่ดีแถวๆนี้แล้วล่ะก็..บางทีฝ่ายพิสูจน์หลักฐานที่ว่าก็คงจะน่ารักไม่ต่างไปจากนางฟ้าเลยทีเดียว...


“ถ้ามีเวลามานั่งบ่นอยู่ในใจล่ะก็ รีบหาผ้ามาเช็ดรอยเลือดของนายออกซะ แล้วก็ออกจากที่นี่กันได้แล้ว!”


“ครับผม!”


วินด์ ฮิลล์สะดุ้งโหยงก่อนจะรีบกระโดดขึ้นยืนรับคำ ชายหนุ่มรีบใช้กระดาษทิชชู่แถวๆนั้นซับคราบเลือดออกจากพื้นไม้ปาร์เก้อย่างว่องไว ก่อนจะกลั้นใจโทรศัพท์ตามตัวฝ่ายพิสูจน์หลักฐานให้มารับไม้เสียบลูกชิ้นไปตรวจสอบ...


นั่นเพราะในช่วงบ่ายของวันนี้พวกเขาจะได้ออกไปเดินเผชิญสืบ หรือเรียกกันในภาษาชาวบ้านว่า ออกเดินท่อมๆถามชาวบ้านร้านค้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับคดีนี้!


...ซึ่งถึงจะเป็นการเดินเหมือนกัน แต่มันต้องไม่น่าเบื่อเท่ากับเดินในอพาร์ตเมนต์แน่!!



...3 ชั่วโมงต่อมา...


พระเจ้าแห่งกฎหมายครับ..ผมผิดไปแล้ว ได้โปรดพาผมกลับไปห้องในอพาร์ตเมนต์ติดแอร์เย็นๆนั่นทีเถอะครับ...


ท่ามกลางอุณหภูมิที่สูงเกือบ 40 องศาเซลเซียสและแสงแดดที่เจิดจ้าอย่างไม่ปราณีปราศรัย ชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวกันผิวเสียกำลังเดินด้วยความรู้สึกเหมือนกำลังเดินทางผ่านทะเลทราย ลิ้นที่แห้งผาก..ซึ่งไม่ได้เกิดจากการขาดน้ำ แต่มาจากการซักถามชาวบ้านแถวนี้เสียจนไม่เหลือน้ำลายแม้แต่หยดเดียว ขาที่พาสังขารตนเองเดินเข้าตลาด เลี้ยวเข้าห้างสรรพสินค้า แวะร้านริมทางมากว่า 3 ชั่วโมงสั่นพั่บๆอย่างพร้อมจะล้มลงไปได้ทุกเมื่อ


มันช่างเป็นสารรูปอันน่าเวทนาที่ช่างแตกต่างกับใครอีกคนหนึ่งโดยสิ้นเชิง...


ดวงตาคู่สีฟ้าใช้พลังกายเฮือกสุดท้ายเหลือบมองไปยังชายหนุ่มผมทองที่ยังคงเดินลอยหน้าลอยตา อวดรูปโฉมที่หล่อได้ไม่เท่าเขา เสียแต่ว่าด้านกำลังร่างกายนั้น..ดูเหมือนว่าวินด์ ฮิลล์คนนี้จะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้แบบไม่ติดฝุ่น


“ถ้าหัดออกกำลังกายซะบ้าง บางทีนอกจากหน้าตาแล้ว นายจะได้มีอย่างอื่นพอให้อวดใครเขาบ้างไงล่ะ”


เวสต์ วิซพูดทั้งรอยยิ้มเชือดเฉือนหลังจากเห็นอาการหวิดจะปางตายของหนุ่มรุ่นน้อง..ที่จริงแล้วถึงอีกฝ่ายจะล้มลงไปชักดิ้นชักงอด้วยอาการเป็นลมแดดตอนนี้ก็คงไม่ใช่เรื่องอะไรของเขา หรือหากมองในอีกแง่..แค่เขาไม่เหยียบมันซ้ำโทษฐานถ่วงความเจริญก็นับว่าบุญมากแล้ว


โดยเฉพาะเมื่อตลอด 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทั้งที่ควรจะได้สอบถามคนแถวนี้เกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ของคู่สามีภรรยาเฟลแลน หรือความเป็นไปได้ที่จะมีแรงจูงใจให้โดนสังหาร แต่สิ่งที่วินด์ ฮิลล์ทำได้ดีที่สุดในการหาข้อมูล กลับเป็นการวิ่งไล่จับกับคนร้ายผายลมแล้วหนีถึง 2 รายด้วยกัน และที่เลวร้ายที่สุดก็คือหลังจากใช้แรงในการวิ่งจับคนร้ายไปจนหมดแล้ว...เจ้าสมองปลาทองนั่นก็ลืมข้อมูลที่ถามมาจากคนแถวนี้ไปหมด!!


“นายเป็นอะไรกับคนผายลมมากรึเปล่าเนี่ย หรือเป็นโรค ‘ทนเห็นคนผายลมไม่ได้ซินโดรม’ รึไง?”


น้ำเสียงว่าเหยียดกันสุดๆแล้วชื่อโรคยิ่งฟังดูถูกดูแคลนยิ่งกว่า วินด์ ฮิลล์อ้าปากขึ้นจะเถียง เสียก็แต่ว่าน้ำลายมันแห้งผากเสียจนทำได้แค่อ้าปากพะงาบๆเท่านั้น ชายหนุ่มรีบยกขวดน้ำขึ้นตั้งใจจะดื่มเอาเสียงมาเถียงกับคุณรุ่นพี่ต่อ ทว่าในตอนนั้นเองเขาก็บังเอิญได้เห็นอะไรบางอย่างจากทางทิศ 3 นาฬิกา!?


นั่นมัน....


ไวเท่าความคิด แรงที่น่าจะหมดไปนานแล้วกลับปรากฏขึ้นอีกครั้ง วินด์ ฮิลล์ใช้แรงที่แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่รู้ว่าเหลืออยู่ในการลากตัวรุ่นพี่เข้าไปหลบอยู่ในซอกมุมตึก ก่อนจะรีบชะโงกหน้ากลับมามองอีกครั้ง...


ที่นั่น..ทางทิศ 3 นาฬิกาที่กำลังเดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ คือ กลอเรีย แอมป์ เลขาสาวผู้มีตำแหน่งเมียน้อยเป็นอาชีพเสริม หญิงสาวอยู่ในชุดสูทสำหรับทำงานกับกระโปรงสั้นจนเห็นขาอ่อน ร่างบางแอบอิงเกาะเกี่ยวแขนกับคนที่เดินมาด้วยกัน และนั่นล่ะคือปัญหา!!


“ใครน่ะ?”


นานครั้งที่คนอย่างเวสต์ วิซจะต้องเป็นฝ่ายเอ่ยปากถาม แต่ดูเหมือนว่าเจ้าหนุ่มรุ่นน้องจะไม่ให้ความร่วมมือในการตอบเสียเลย โดยเฉพาะเมื่อดวงตาสีฟ้าคู่นั้นยังคงจ้องไปที่คู่ควงของกลอเรียด้วยสายตาที่เกือบจะเป็นความริษยา!?


“....บ...ลิ...ซ...”


เสียงแหบแห้งเค้นชื่ออีกฝ่ายออกมา โดยไม่ยอมแม้แต่จะคลาดสายตาไปจากร่างโปร่งในชุดสีดำสนิทที่เดินคู่กันมากับหนึ่งในผู้ต้องสงสัย กลอเรีย แอมป์อาจจัดได้ว่าเป็นหญิงสาวที่มีหน้าตางดงามคนหนึ่ง แต่ความหน้าตาดีนั้นจบลงทันทีที่เธอมายืนคู่กับร่างโปร่งผู้มีผมสีแดงเพลิงสุดจะเร่าร้อน ดวงตาสีเทาคู่คมที่กระชากใจชายมานักต่อนัก แล้วยังวงหน้าหวานหยดจนผู้หญิงทั่วไปยังต้องอาย...ที่จนถึงวันนี้ก็ยังมีหลายคนไม่ยอมเชื่อว่า หมอนี่เป็นผู้ชายแท้ๆ 100% ไม่มีสารเจือปน!


น่าเสียดายที่จากตำแหน่งที่แอบซ่อนอยู่ทำให้วินด์ ฮิลล์เห็นแค่ว่าชายหญิงคู่นั้นกำลังคุยกันด้วยท่าทางสนิทสนม หรือที่จริงแล้วมันอาจจะเป็นการสนิทสนมจากฝ่ายหญิงสาวเพียงฝ่ายเดียว ซึ่งแทบจะเกาะเกี่ยวตัวเองเข้ากับหนุ่มหน้าสวยที่ตรงสเป็คเธอกว่าใครๆ แต่เหมือนฝ่ายชายหนุ่มจะไม่เล่นด้วย ซึ่งฝ่ายหญิงสาวก็ใช่จะกล้าบ่น ดังนั้นเองหลังจากที่เวสต์ วิซ และวินด์ ฮิลล์ประพฤติตัวเป็นมนุษย์ถ้ำมองได้ไม่กี่นาที กลอเรียก็จำยอมล่าถอยและเดินจากไปตามลำพัง


และแน่นอนว่าการไปของเธอ..ย่อมเปิดโอกาสให้กับคนที่ซดน้ำจนหมดทั้งขวด เพื่อจะได้ใช้เสียงของตนในการตวาดด่า...


“เดี๋ยวนี้มีแฟนไม่คิดจะบอกเพื่อนฝูงกันเลยเรอะไง!?”


ทันทีที่คล้อยหลังผู้ต้องสงสัย วินด์ ฮิลล์ก็กระโดดออกจากมุมตึกเข้าไปยืนขวางหน้าหนุ่มผมแดงด้วยอาการโกรธจัด ทั้งที่เขากับหมอนี่เป็นเพื่อนสนิทกันมาหลายปี แต่ทำไม..ทำไม...


“ทำไมทั้งที่ฉันหล่อกว่าแท้ๆ ถึงยังไม่เห็นมีผู้หญิงคนไหนมาสนเลย! แต่นายกลับชิงมีแฟนตัดหน้าเพื่อนสนิทอย่างฉันอย่างนั้นเหรอ บลิซ!!?”


เทียบกับอาการเอะอะโวยวายและการโผล่มาแบบชวนให้สะดุ้งของอีกฝ่ายแล้ว ชายหนุ่มผู้ถูกเรียกว่าบลิซกลับมีท่าทางเยือกเย็นเป็นอย่างมาก ดวงตาคู่สีเทาแค่เหลือบมองคนที่มายืนชี้หน้าตนเองด้วยสายตาเนือยๆกึ่งไม่สนใจเท่าไหร่


“จำไม่เห็นได้เลยว่าฉันเป็นเพื่อนสนิทกับนายตั้งแต่เมื่อไหร่..” หนุ่มหน้าสวยว่าอย่างไม่สนใจกับอาการชะงักของคนที่อ้างตัวว่าเป็นเพื่อนสนิท “อีกอย่างเมื่อกี้ก็ไม่ใช่แฟนด้วย เธอแค่เป็นลูกค้าของที่บ้านน่ะ”


“ที่บ้าน? ถ้าจำไม่ผิด บ้านนายเปิดโรงรับจำนำนี่นา...”


วินด์ ฮิลล์ทวนความทรงจำอันเลือนรางอย่างขอไปที แต่ความทรงจำนั้นกลับไปกระแทกต่อมใต้สมองของคนที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆอย่างเวสต์ วิซเข้าอย่างจัง ชายหนุ่มรุ่นพี่จำยอมเดินเข้ามารวมกลุ่มเพื่อจะได้เอ่ยถามให้ถนัด


“บอกได้มั้ยว่ากลอเรีย แอมป์เอาอะไรมาจำนำบ้าง?”


บลิซมองชายหนุ่มแปลกหน้าท่าทางดูดีตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า จากเท้าลากกลับขึ้นมาที่หัวใหม่ แล้วชายหนุ่มก็แค่นเสียงเบาๆ


“เหอะ ฉันมีจรรยาบรรณของคนเปิดโรงรับจำนำหรอกนะ กับคนรู้จักฉันยังไม่คิดจะบอกความลับของลูกค้า แล้วกับนายที่ฉันไม่เคยเจอหน้ามาก่อน มีหรือฉันจะบอกว่าผู้หญิงคนนั้นเอาสร้อยแซฟไฟร์ 1 เส้น แหวน 1 วง แล้วก็นาฬิกาทองคำขาวอีก 1 เรือนมาจำนำน่ะ!”


“....เข้าใจล่ะ..”


ความรู้สึกของเวสต์ วิซในเวลานั้นคือความก้ำกึ่งระหว่างการยอมรับว่าสมแล้วที่หมอนี่เป็นเพื่อนสนิทของวินด์ ฮิลล์ และอีกความรู้สึกนั่นก็คือ...


“โป๊ะเชะใช่เลย!!”


เสียงตะโกนก้องดังมาจากด้านข้าง ร่างสูงที่เคยอยู่ในสภาพไม่ต่างไปจากซอมบี้ขาดน้ำแทบจะลุกขึ้นมาเต้นระบำกับความบังเอิญอย่างถึงที่สุด นั่นก็เพราะถึงตัวเขาจะมีเซลล์สมองแค่เพียงอันน้อยนิด แต่ในความน้อยนิดกะจิ๊ดริดนั่นก็ยังพอจะจำได้ว่าในรายชื่อของมีค่าที่หายไปจากอพาร์ตเมนต์นั้น มันมีรายการตามที่บลิซว่ามาอยู่ด้วย!!


“เท่านี้ก็ไขคดีได้แล้ว ผมขอเอาชื่อของรุ่นพี่เวสสสสสสสสสสต์เป็นเดิมพัน!!”


วินด์ ฮิลล์กำมือแน่นด้วยท่าทางแห่งชัยชนะ


“ฆาตกรในคดีนี้คือ กลอเรีย แอมป์ เธอเข้าไปทำการฆาตกรรมคู่สามีภรรยาเฟลแลน แล้วขโมยของมีค่ามา แต่เพราะไม่กล้าเอาออกไปขายทันทีแต่ก็อยากได้เงินเร็วๆ เธอจึงตัดสินใจเอาไปจำนำกับโรงรับจำนำโกโรโกโสของบลิซแทน ถ้าอย่างนั้นก็ออกหมายจับเธอได้...โอ๊ย!!”


“แค่ขโมยของไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นฆาตกรด้วยหรอกนะ แล้วทีหลังถ้าจะเอาชื่อใครมาเดิมพันก็อย่ามาใช้ชื่อของฉันด้วย”


เวสต์ วิซเอาประมวลหนาพันหน้าตบหัวรุ่นน้องเป็นการสั่งสอนเข้าให้ทีหนึ่ง


“แต่เรื่องนี้ก็พิสูจน์ได้ว่ากลอเรีย แอมป์ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้แน่ ถ้ายังไงคงต้องทำเรื่องขออนุญาตตรวจสอบของที่ผู้หญิงคนนั้นเอามาจำนำด้วยว่าเป็นของชิ้นเดียวกับที่หายไปแน่รึเปล่า...”


ซึ่งมันคงจะเป็นเรื่องยุ่งยากพอดูกับการทำหนังสือเพื่อขออนุญาตเข้าตรวจสอบของในโรงรับจำนำ ซึ่งการจะได้เอกสารอนุมัติมา ก็จะต้องทำเรื่องไปยังผู้พิพากษาระดับสูงๆให้ลงนามรับรองสักหลายคน แล้วหลังจากนั้นจึงจะเอามายื่นให้กับโรงรับจำนำได้...ซึ่งไม่แน่ว่ากว่าจะถึงตอนนั้นกลอเรีย แอมป์ก็อาจจะมาไถ่ของคืนไปเสียนานแล้ว...


เรื่องนี้เวสต์ วิซย่อมรู้ บลิซซาร์ดเองก็รู้ ถ้าจะมีหนึ่งเดียวที่ไม่รู้ก็คงเป็นวินด์ ฮิลล์ที่ยืนลอยหน้าลอยตาคล้ายจะขอคำอธิบายอยู่...


“เรื่องนี้เกี่ยวกับคดีที่นายกำลังทำอยู่งั้นเรอะ?” บลิซถอนใจเบาๆ ก่อนจะหันไปถามเพื่อนผู้รีบพยักหน้ารัวๆ “เอาเถอะ งั้นก็ช่วยไม่ได้ พรุ่งนี้ไปที่บ้านฉันละกัน เดี๋ยวจะบอกคนที่ร้านไว้ให้”


“ขอบใจนะบลิซ นี่สิถึงจะสมกับเป็นเพื่อนรักที่ตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน!!”


“เอาเหอะ ฉันจะคิดซะว่าทำบุญ นายจะได้ผ่านๆเทอม 1 นี่ไปซะที”


บลิซตอบด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย หากคำพูดที่แสดงออกถึงการรู้ตื้นลึกหนาบางเกี่ยวกับการสอบตกจนเข้าขั้นเป็นสถิติใหม่ของโรงเรียนนี้ ก็ทำให้เวสต์ วิซนึกขึ้นได้ถึงคำถามหนึ่งที่ควรจะถามแต่แรก


“ว่าแต่ ตกลงว่าหมอนี่เป็นใคร? เพื่อนสนิทของนายงั้นเรอะ?”


เสียงนุ่มทุ้มซ่อนความรู้สึกที่อยากถามว่าใครกันที่บ้าพอจะมาเป็นเพื่อนสนิทกับนายได้เอาไว้ แต่เหมือนว่าวินด์ ฮิลล์จะไม่ทันรู้สึกตัว ชายหนุ่มจึงยิ้มหน้าบาน ก่อนจะแนะนำเพื่อนสนิทด้วยความภาคภูมิใจเต็มที่


“นี่คือ บลิซซาร์ด นักเรียนกฎหมายชั้นปี 1 เทอม 2 ครับ” วินด์ ฮิลล์แนะนำด้วยท่าทางโอ้อวดเหมือนกำลังแนะนำให้รู้จักกับดารายอดนิยม “บลิซเป็นเพื่อนสนิทของผม แล้วก็เป็นเพื่อนร่วมชะตากรรมที่ซ้ำชั้นเทอม 1 มาด้วยกันถึงสองครั้ง หมอนี่เพิ่งจะได้เลื่อนมาเป็นปี 1 เทอม 2 ก็เทอมนี้เองครับ”


...ที่จริงแล้วเรื่องนี้มันน่าภูมิใจตรงไหน..?


เวสต์ วิซนึกถามในใจตัวเองอย่างเงียบๆ บางทีต่อให้เป็นอีกกี่สิบปีเขาคนนี้ก็คงไม่มีทางเข้าใจเรื่องนี้แน่…


“ช่วยด้วย!! มีคนร้ายวิ่งราวค่า..!!!”


พลันเสียงกรีดร้องก็ดังลั่นมาอย่างที่ทำให้แก้วหูถึงกับสั่น คู่สายตาทุกคู่ต่างหันไปมองคุณนายวัยกลางคนที่กำลังร้องกรี๊ดๆอยู่ไม่ห่างออกไปนัก ขณะที่เจ้าตัวต้นเหตุแห่งเสียงกรี๊ดกำลังวิ่งห่างออกมาด้วยความเร็วสมกับที่ใส่โรลเลอร์เบลด แต่น่าเสียดายที่ทิศทางมีมากมายให้วิ่งกลับไม่ไป หากแต่โจรชะตาขาดคนนี้กลับเลือกที่จะวิ่งตรงมายังทิศทางที่นักเรียนกฎหมายทั้ง 3 คนกำลังยืนอยู่


“ไม่ต้องครับรุ่นพี่ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของบลิซเถอะ”


วินด์ ฮิลล์ห้ามทันทีที่เห็นอีกฝ่ายทำท่าเหมือนจะหยิบประมวลกฎหมายขึ้นมา


“คดีอาญา พวกทำร้ายร่างกาย ฆาตกรรม ลักทรัพย์แบบนี้..ไม่มีใครเชี่ยวชาญไปมากกว่าบลิซอีกแล้วล่ะครับ”


ราวกับจะตอบสนองซึ่งคำชมเชยนั้น หนุ่มหน้าสวยนามว่าบลิซซาร์ดหยิบประมวลกฎหมายเล่มหนาออกมาจากอกเสื้อด้วยท่าทางเยือกเย็น เท้าแยกออกเล็กน้อยเป็นการเตรียมพร้อม ดวงตาคู่สีเทาเหลือบมองโจรวิ่งราวเป็นการกะระยะ แล้วร่างโปร่งก็พลันกระโดดขึ้นกลางอากาศขวางหน้าโจรกระจอกเอาไว้!?


“ท่าไม้ตายบลิซซาร์ด..หมุนตัวตบ 9 Hits!!”


ท่ามกลางสายตาของเหล่าประชาชีบนท้องถนน สิ่งที่พวกเขาได้เห็นคือร่างของหนุ่มนักกฎหมายที่หมุนคว้างอยู่กลางอากาศ ประมวลกฎหมายในมือเสียดสีกับอากาศจนแทบเห็นไฟลุกติด ก่อนจะฟาดเข้าใส่โจรวิ่งราวแบบเต็มๆ


“1 hits 2 hits 3 hits…9 Hits!!”


มันเป็นจำนวน 9 ครั้งที่หนังสือที่หนาร่วมพันหน้าถูกตบลงไปแบบไม่ยั้ง จำนวนครั้งเท่ากับรอบของการหมุนตัวที่ช่วยเพิ่มแรงส่งให้กับข้อมือมากขึ้น และมันยังไม่ใช่ข้อมือของคนธรรมดา แต่เป็นข้อมือของนักคาราเต้สายดำผู้ได้ผ่านสังเวียนมาแล้วอย่างโชกโชน ว่ากันว่าแม้แต่แผ่นกระเบื้องซ้อนกันหลายสิบชั้นยังไม่อาจทนท่าไม้ตายของบลิซซาร์ดได้ แล้วนับประสาอะไรกับโจรตาดำๆที่หลงเดินทางผิดกันเล่า?


ในชั่วพริบตาที่รวดเร็วดุจประกายไฟ การตบ 9 ครั้งได้สิ้นสุดลงพร้อมกับที่ร่างโปร่งของหนุ่มหน้าสวยพลิกตัวแตะปลายเท้าลงกับพื้นด้วยท่วงท่าอันงดงาม โดยมีร่างอันสะบักสะบอมของโจรวิ่งราวนอนหมอบสิ้นฤทธิ์อยู่แทบเท้า


“สุดยอดเลยน้อง!!”


เสียงปรบมือและโห่ร้องชื่นชมดังมาจากทุกทิศทุกทาง ขณะที่วินด์ ฮิลล์ก็ยิ่งยิ้มกว้างกว่าเดิมอย่างภาคภูมิใจในตัวเพื่อน


“ที่บลิซต้องเรียนซ้ำชั้นไม่ใช่เพราะว่าจับผู้ร้ายคดียากๆไม่ได้หรอกครับ หมอนั่นน่ะจัดว่าเป็นมือวางอันดับ 1 ในการจับผู้ร้ายคดีอาชญากรรมเลย แต่ที่ต้องซ้ำชั้นก็เพราะว่าโดนหักคะแนนโทษฐานใช้ประมวลฯผิดวิธี กับต้องเสียค่าปรับที่ทำร้ายผู้ร้ายจนบาดเจ็บน่ะครับ”


...นั่นเป็นชั่วขณะที่เวสต์ วิซตัดสินใจว่า คนที่อยู่รอบตัววินด์ ฮิลล์นั้นมีแต่พวกตัวประหลาดด้วยกันทั้งสิ้น อ้อ..แต่ขอยกเว้นตัวเขาไว้คนนึงแล้วกันที่ยังเป็นปกติแถมมีสติดีทุกประการ!!



- - - - TBC. - - - -



Langlae
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ม.ค. 2555, 14:05:34 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ม.ค. 2555, 14:05:34 น.

จำนวนการเข้าชม : 1405





<< มาตราที่ 4   มาตราที่ 6 >>
Edelweiss 11 ม.ค. 2555, 23:47:19 น.
40 องศาก็ดีเท่าไหร่แล้ว


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account