เจ็บใจนัก รักซะดีมั๊ย
คนสองคนที่ตอนแรกไม่ถูกกันเลย แต่ด้วยเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้ได้ใกล้ชิดและเริ่มเรียนรู้ตัวตนของอีกฝ่าย และการจากกันด้วยการ(เกือบ)จะเข้าใจผิด สุดท้ายจะลงเอยอย่างไรร่วมลุ้นได้เลยค่ะ
Tags: รักหวานแหวว

ตอน: น้ำตาของซากุระ

วันรุ่งขึ้น คาบวิชาฟิสิกส์ ฉันเอาแต่นั่งหาวเนื่องจากนอนไม่พอ เสียงที่อาจารย์บรรยายเหล่านั้นไม่ได้ข้าสู่โสดประสาทของฉันเลยสักนิด ฉันยังนั่งนึกถึงเรื่องที่ฉันไปพบเห็นเข้าโดยบังเอิญ แล้วฉันก็เกิดปิ๊งไอเดียขึ้นมาว่า ฉันจะไปบ้านของนายไคซ์ เพื่อหาทางค้นหาคำตอบเกี่ยวกับปริศนานั้น เนื่องจากนั้นเป็นสิ่งที่รบกวนจิตใจของฉันอย่างมาก จนกระทั่งพักกลางวันฉันจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เมลอนฟัง ซึ่งเมลอนก็แนะนำให้ฉันถามไปตรงๆ

พอโรงเรียนเลิกฉันก็เดินไปที่โต๊ะของนายไคซ์ที่กำลังเก็บกระเป๋าเตรียมกลับบ้าน

“นี่ไคซ์วันนี้ฉันขอไปบ้านไคซ์ได้ไหม”

“ก็ได้อยู่หรอกแต่ต้องรอฉันซ้อมบอลเสร็จก่อนนะ ได้หรือป่าวละ”

“ได้อยู่แล้ว เพราะว่าวันนี้ฉันไม่ต้องเข้าชมรม”

“วันนี้ชมรมของฉันอาจารย์โซโยงิติดประชุมจ้า”

“งั้นก็โอเคถ้าเธอไม่มีปัญหาละก็”

ฉันนั่งดูนายไคซ์ซ้อมฟุตบอลอยู่ที่อัฒจรรย์ ซึ่งทำให้ฉันได้เห็นนายไคซ์ในแง่มุมใหม่ที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น นายไคซ์ดูตั้งใจและมีความสุขมากเมื่อได้เล่นฟุตบอล เขาเล่นเข้าขากันได้ดีกับคุโด ซึ่งจากข้อมูลที่เมลอนบอกฉันทำให้ฉันรู้ว่านายไคซ์กับคุโดเป็นเพื่อนสนิทและเรียนห้องเดียวกันตั้งแต่ประถมจนกระทั่งมัธยมปลายถึงได้แยกกัน โดยนายไคซ์มาเรียนแผนกวิทย์ – คณิต ส่วนคุโดเรียนแผนภาษาฝรั่งเศสซึ่งผลการเรียนก็อยู่ในเกณฑ์ Top Class ส่วนจะเพราะอะไรที่ทำให้นายไคซ์เลือกเรียนแผนวิทย์ – คณิต นั้นฉันเองก็สุดรู้ ตอนนั้นเองที่นายไคซ์โบกมือให้ฉันจากในสนาม ฉันจึงนึกได้ว่าลืมไปสนิทเลยว่านายไคซ์ฝากคอนแทรกเลนส์ไว้กับฉัน

“ตายละเอาคอนแทรกเลนส์ของนายไคซ์ไปไว้ไหนนะ”

ฉันหาจนทั่วก็ไม่เจอก็ไม่เจอ จนกระทั่งนายไคซ์ซ้อมเสร็จจึงเดินมาหาแล้วถามถึงคอนแทรกเลนส์ของเขา

“คือ ขอโทษนะฉันทำมันหายไปไหนก็ไม่รู้ ขอโทษจริงๆ นะ”

“ว่าไงนะ เธอทำมันหาย เธอคิดจะแกล้งกันหรือไง ถ้าฉันไม่ใส่ก็มองไม่เห็นนะ แล้วพรุ่งนี้ฉันจะเรียนยังไงละ รับผิดชอบมาด้วย”

“อย่าบ่นให้มากนักจะได้ไหม ฉันก็ขอโทษแล้วไง ใจเย็นๆ หน่อยซิ”

“เอาน่า เดียวฉันไปเป็นเพื่อนทำใหม่ก็ได้ อย่าบ่นนักเลยน่า”

ขณะนั่งรถไฟฟ้าไปด้วยกัน ฉันก็ได้เอ่ยถามสิ่งที่ค้างคาใจตั้งแต่รู้ว่านายไคซ์ใส่คอนแทรกเลนส์

“นี่ ทำไมนายถึงไม่ใส่แว่นตาละ”

“เมื่อก่อนฉันถูกเด็กผู้หญิงที่ชอบคนหนึ่งหัวเราะเยาะว่า ใส่แว่นตาเชยๆ เขาไม่ชอบ แล้วก็เชิดใส่ จากนั่นฉันเลยเปลี่ยนมาใส่คอนแทรกเลนส์เพราะมั่นใจในหน้าตาของตัวเอง แล้วพอใส่แว่นตาแล้วมั่นรู้สึกไม่มั่นใจ แล้วอีกอย่างฉันเองก็ศัตรูเยอะเลยไม่อยากบอกเรื่องที่ใส่คอนแทรกเลนส์ให้ใครรู้ จะก็มีแต่เพื่อนในชมรมฟุตบอลเท่านั้นแหละที่รู้”

“ฮ่าๆ อย่างนี้นี่เอง” ฉันส่งเสียงหัวเราะออกมาแต่ในใจกลับคิดว่าเป็นอย่างที่ฉันคิดจริงๆ ด้วย นั่นก็คือ เพื่อประชดผู้หญิงคนนั้นนั่นเอง

ราว 17.30 น.

“เธอดื่มชาซีลอนได้หรือป่าว พอดีที่บ้านไม่มีชาเขียว มีแต่ชาซีลอนเท่านั่นละ ถ้าไม่ได้ฉันจะได้แวะซื้อชาเขียว” นายไคซ์เอ่ยถามฉันเมื่อเราผ่านซุปเปอร์ใกล้ๆ บ้าน

“ไม่มีปัญหา ฉันดื่มได้ เห็นฉันเป็นคนเรื่องมากไปได้”

“งั้นก็ดี”

ราว 17.30 น. นายไคซ์กับฉันจึงกลับมาถึง เมื่อถึงบ้านนายไคซ์ยกน้ำชากับของว่างออกให้แล้วก็ขอตัวไปอาบน้ำก่อนเนื่องจากเหนียวตัว นี้จึงเป็นโอกาสของฉันในการสำรวจเพื่อไขข้อข้องใจและหาจุดอ่อนของนายไคซ์

เริ่มจากห้องนั่งเล่นนี้ก่อนเลย ในห้องนั่งเล่นมีรูปของสามีภรรยาคู่หนึ่งที่ดูแล้วน่าจะเป็นพ่อแม่ของนายไคซ์ นั่นทำให้ฉันได้รู้ว่านายไคซ์มีพ่อเป็นชาวรัสเซียส่วนแม่เป็นชาวญี่ปุ่นสิ่งที่ทำให้ฉันสรุปเช่นนั้นเพราะหน้าตานายไคซ์มีเค้าโครงของคนทั้งสองแต่ค่อนไปทางแม่ ที่แตกต่างไปเห็นจะมีก็แต่สีตากับจมูกโด่งๆ นั่นเท่านั้น และภาพที่ฉันสะดุดตามากเป็นพิเศษก็คือ ภาพเด็กสาวคนนั้นกำลังหอมแก้มนายไคซ์อย่างสนิทสนม ซึ่งภาพนี้ถ่ายที่ พระราชวังเครมลินในกรุงมอสโค ประเทศรัสเซีย เมื่อปิดเทอมฤดูร้อนที่ผ่านมานี้เอง ฉันเก็บความสงสัยไว้เงียบๆ รอถามนายไคซ์ จากนั้นก็หันมาสนใจกับอัลบั้มรูปที่มีมากมาย แล้วก็เริ่มดึงออกมาดู ในจังหวะเดียวกับที่เจ้าโปจิวิ่งเข้ามาเห็นก็เลยวิ่งเข้ามาหา แล้วก็คาบอัลบั้มรูปออกมาให้อันหนึ่ง ฉันจึงลูบหัวมันแล้วนึกอย่างชื่นชมว่า สมกับที่เป็นหมาที่เขาภูมิใจ ฉันเริ่มเปิดดูไปเรื่อยๆ ในนั่นเป็นรูปนายไคซ์สมัยยังเรียนอยู่ชั้นประถม นายไคซ์ในตอนนั้นตัวเล็ก สวมชุดสุดเชย ใส่แว่นตาหนาเตอะ ดูแล้วไม่น่าจะใช่คนเดียวกับนายไคซ์ในตอนนี้ได้เลยจริง การที่ได้ดูรูปในสมัยเด็กของนายไคซ์ทำให้ได้รู้จักนายไคซ์มากขึ้น เขาดูเป็นคนอารมณ์ดี เปิดเผยจริงใจ ไม่ได้ดูเจ้าเล่ห์ เหมือนที่เป็นอยู่ตอนนี้

ฉันนั่งดูรูปเพลินจนกระทั่งนายไคซ์อาบน้ำเสร็จแล้วมาชวนฉันไปหาข้าวกินด้วยกันนั้นแหละ เขาจึงสังเกตเห็นอัลบั้มรูปที่อยู่ในมือของฉัน นายไคซ์ตรงดิ่งมาแล้วเริ่มแย่งมันคืนไปจากมือฉันทันที

“กลัวเจอของดีหรือไง หรือมีความลับอะไรซ้อนไว้บอกมานะ”

“เอาคืนมาเถอะน่า ไม่มีไรน่าดูหรอกน่า”

“อ่ะ ใส่แว่นด้วยน่ารักจัง”

จากนั้นฉันกับนายไคซ์จึงเริ่มเปิดฉากแย่งชิงอัลบั้มรูปกัน เจ้าโปจิที่เล่นลูกบอลอยู่ในห้องนั้นคงจะเห็นว่าสนุก เลยกระโดดเข้ามาร่วมวงด้วยทำให้ฉันกับนายไคซ์เสียหลักล้มลงไปด้วยกันทั้งคู่

ตาของฉันกับนายไคซ์สบกันโดยบังเอิญ ใจฉันเต้นแรง ในสมองหมุนคว้าง สติหลุดลอย ราวกับโลกหยุดหมุน เวลานี้มีเพียงนายไคซ์กับฉันแค่สองคน นายไคซ์ค่อยๆ ก้มหน้าลงมาใกล้จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ แล้วริมฝีปากนุ่มๆ ของนายไคซ์ก็บรรจงทาบลงมาบนริมฝีปากนุ่มสีกลีบดอกกุหลาบของฉัน และนั่นทำให้ฉันรู้สึกตัวแล้วรีบผลักนายไคซ์ออกไป

“ฉันขอโทษนะซากุระ ฉันเผลอตัวไปหน่อย” แล้วความอดทนของฉันก็สิ้นสุดลง พร้อมกับหยาดน้ำตาที่ออกมาคลอหน่วย

“เพี๊ยะ”

ฉันร้องไห้แล้วเริ่มโวยวายออกมา

“นายมาทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง นายมาจูบฉันทำไม ทั้งๆ ที่นายมีผู้หญิงอีกคนอยู่ในใจ นายไม่ได้รักฉันเลยแล้วนายทำแบบนี้ทำไม”

“เดียวซากุระฟังฉันก่อน ฉันรักเธอนะ”

“นายอย่าพูดคำว่ารักเลย ถ้านายยังไม่รู้จักมันดีพอ คำว่ารักคือการเอาใจใส่และแบ่งปัน ไม่ใช่คำพูดสั้นๆ แค่คำสองคำเท่านั้นนะ”

ฉันป้ายน้ำตาออก แล้วสาดน้ำเย็นจัดใส่นายไคซ์ต่อไป

“ฉันเองก็ไม่ได้รักนายเลยสักนิด ที่ฉันขอคบกับนายก็เพราะตั้งใจว่าจะหาจุดอ่อนของนายเพื่อแก้แค้นที่นายเคยพูดว่า สมองของฉันแย่ยิ่งกว่าหมาไงละ คอยดูนะสอบปลายภาคปีนี้ฉันจะต้องทำสอบให้ได้ดีกว่านาย ให้นายเจ็บใจที่แพ้ผู้หญิงอย่างฉัน คอยดู”

แล้วฉันก็วิ่งออกจากบ้านไปโดยไม่สนใจนายไคซ์ที่ยืนอยู่เลย





จินามิ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ม.ค. 2555, 13:36:40 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ม.ค. 2555, 13:36:40 น.

จำนวนการเข้าชม : 1156





<< ความเข้าใจผิดของซากุระ Part 2   ความจริงที่ถูกเปิดเผย >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account