คือ...รัก
'ความรัก'เป็นสิ่งมนุษย์ทุกคนถวิลหา ไม่มีใครมีชีวิตอยู่โดยปราศจากรัก ตราบเท่าที่ยังมีลมหายใจรักก็ยังเป็นสิ่งที่ทุกคนโหยหา แม้บางคราวรักจะทำให้มีน้ำตา แต่รักก็คือความสุข 'วิมาลินธ์' หญิงสาวผู้มีอดีตแห่งรักที่ไม่เคยแน่ใจในความรัก เธอไม่เคยเชื่อในอิสระของหัวใจ หากหัวใจดวงนี้จะมีรักมันก็มีแต่เพียงความรักที่บริสุทธิ์งดงามระหว่างแม่กับลูก หากทุกอย่างก็เปลี่ยนไป...เมื่อเขาเดินเข้ามาในชีวิตเธออีกครั้ง...
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่ 4
บทที่ 4
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีเข้มที่กำลังเดินเข้ามาในงานฉลองมลคลสมรสของเอื้อนดาวและสิทธาด้วยท่วงท่าสง่างามนั้นก็เรียกความสนใจจากสาวๆ หลายคนที่ยืนอยู่หน้างานให้หันไปมองเป็นตาเดียว ด้วยเพราะส่วนสูงที่เกินมาตรฐานชายไทยทั่วไปบวกกับหน้าตาคมเข้มตามแบบฉบับไทยแท้และผิวสีทองแดงจางๆ ใต้ร่มผ้านั่นยิ่งช่วยทำให้ดูโดดเด่น และเหมือนจะรู้ว่ามีคนมองด้วยความสนใจชายหนุ่มจึงหันไปยิ้มให้อย่างสุภาพ ส่งผลให้ดวงตาสีนิลที่ทอประกายแรงกล้าอยู่เป็นนิจพราววิบวับขึ้นมาทันที ทุกส่วนของร่างกายที่ประกอบกันอย่างลงตัวทำให้ชายหนุ่มกลายเป็นบุรุษที่ดูดีและเปี่ยมล้นไปด้วยเสน่ห์อย่างหาตัวจับยาก สมกับตำแหน่ง ‘หนุ่มโสดในฝัน’ ที่พึ่งได้รับไปหมาดๆ หนุ่มโสดผู้มีนามสั้นๆ ว่า ‘ธรม สันติกุล’ วิศวกรหนุ่มแห่งการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย...
“คุณทมคะของชำร่วยค่ะ” สาวน้อยที่นั่งอยู่ที่โต๊ะหน้างานเรียกพร้อมกับยื่นของชำร่วยให้เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มกำลังจะผละไปหลังจากเขียนคำอวยพรเสร็จ...
“ทามครับ” ธรมหันไปแก้ด้วยรอยยิ้มน้อยๆ กระชากใจสาว ไม่ลืมที่จะรับของชำร่วยจากสาวน้อยคนดังกล่าว “ขอบคุณนะครับ” ชายหนุ่มกล่าวพลางลิ่วตาให้อย่างล้อๆ ก่อนจะเดินออกมาไม่รู้เลยว่าท่าทีของตนเองทำให้สาวๆ เคลิบเคลิ้มในมนต์เสน่ห์ที่เจ้าตัวหว่านไว้อย่างไม่ได้ตั้งใจ ชื่อของเขามักจะมีคนอ่านผิดเป็น ‘ทม’ อยู่เสมอ นอกจากคนสนิทแล้วมีไม่กี่คนหรอกที่จะอ่านถูกเป็น ‘ทาม’
ธรมมองดูของชำร่วยที่พึ่งได้รับมาในมืออย่างพิจารณา ‘หยินหยาง’ เซรามิคสีชมพูขาวที่ห่ออยู่ในถุงตาข่ายมัดด้วยโบว์สวยงาม เป็นสัญลักษณ์ที่คนทั่วไปเข้าใจความหมายดี ‘หยาง’ แทนความเข้มแข็งแบบผู้ชาย ‘หยิน’ แทนความละเอียดอ่อนแบบผู้หญิง เมื่อรวมอยู่ด้วยกันก็จะกลายเป็นความแตกต่างที่สมดุล จำได้ว่าหนังสือที่เขาเคยอ่านกล่าวถึงวงเวียนแห่งการเปลี่ยนแปลงของหยินหยางเอาไว้ว่า
‘เมื่อหยางถึงจุดสูงสุดก็ต้องถอยให้กับหยิน เมื่อหยินถึงจุดสูงสุดก็ต้องถอยให้กับหยาง’
เห็นทีต้องเอาไปบอกไอ้สิทบ้างชีวิตคู่มันจะได้สมดุลผสมผสานกันอย่างกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ธรมคิดอย่างยิ้มๆ ก่อนจะหย่อนของที่ได้รับมาลงไปในกระเป๋ากางเกง แล้วเดินตรงไปหาคู่บ่าวสาวที่ยืนต้อนรับแขกอยู่ที่ซุ้มดอกไม้หน้างานด้วยรอยยิ้มกว้าง ร่างสูงสมชายชาตรีหยุดนิ่งอยู่ตรงหน้าเจ้าบ่าวพร้อมกับตบบ่าบึกบึนนั้นอย่างสนิทสนมทั้งยังไม่ลืมที่จะหันไปทักทายเจ้าสาวที่ยกมือไหว้
“วันนี้มีใครบอกหรือยังครับว่าน้องเอื้อนเป็นเจ้าสาวที่สวยมาก พี่เห็นแล้วชักเริ่มอิจฉาไอ้สิท” ชายหนุ่มเอ่ยปากชมจากใจจริง ถึงแม้จะเด็กไปหน่อยแต่เอื้อนดาวก็จัดว่าเป็นผู้หญิงที่น่าเอ็นดูคนหนึ่งแถมนิสัยยังน่าคบหา ทั้งยังมีความคิดความอ่านโตเกินวัยกว่าสาวๆ รุ่นเดียวกันบางคนเสียอีก ข้อนี้กระมังที่ทำให้สิทธาตกหลุมรักสาวน้อยคนนี้อย่างถอนตัวไม่ขึ้น
“ไงวะไอ้เจ้าบ่าวหน้าบานเป็นกระด้งเลยนะเอ็ง” ชมเจ้าสาวเสร็จชายหนุ่มก็หันมาแซวเพื่อนสนิทที่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้า
“ก็เออสิวะ...คนมันกำลังมีความสุขนี่หว่า” สิทธาตอบอย่างภาคภูมิที่ได้สละโสดเป็นคนแรกในกลุ่มเพื่อน ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะโดนค่อนแคะจากเพื่อนๆ ในกลุ่มอยู่เสมอว่าจะรีบแต่งงานหาห่วงผูกคอไปทำไม อยู่เป็นโสดแบบนี้น่ะสบายใจที่สุดไม่ต้องมีคนมาวุ่นวายกับชีวิต ถ้าเป็นเมื่อเจ็ดแปดปีก่อนเขาคงคิดแบบนั้นแต่พอได้คบกับเอื้อนดาวอาการ ‘หวงชีวิตโสด’ ก็ไม่มีอยู่เลย ตรงข้ามกันมันกลับทำให้เขาอยากสร้างครอบครัวที่สมบรูณ์ในทุกๆ ความหมายร่วมกับคนรักมากขึ้นทุกวัน
“แล้วมันก็เป็นความสุขที่คนโสดแบบเอ็งไม่มีทางเข้าใจซิวะด้วยสิเพื่อน” สิทธาแขวะเพื่อนบ้าง
“เฮ้ย...ไม่มั้ง เพราะคนโสดแบบข้าก็ยังมีความสุขในแบบที่คนแต่งงานแล้วอย่างเอ็งไม่มีสิทธิ์” ธรมสวนกลับยิ้มๆ ถึงแม้จะรู้สึกอิจฉาเล็กน้อยที่เห็นเพื่อนสนิทมีความสุขในวันแต่งงาน แต่มันก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกถึงขั้นอยากเปลี่ยนแปลงสถานะภาพของตนเองตามไปด้วยเพราะตอนนี้คำว่า ‘แต่งงาน’ และ ‘ชีวิตคู่’ ไม่เคยอยู่ในหัวสมองของเขาเลยแม้แต่น้อย
“เออ...ไอ้หนุ่มโสดในฝัน” คนไม่โสดแล้วกล่าวอย่างพาลๆ
“แล้วนี่เองมาได้ยังไง เมื่อกี้พ่อแม่เอ็งยังบอกข้าอยู่เลยว่าเอ็งติดแหง็กอยู่ที่สิงค์โปรคงมาไม่ทันงานแต่งข้า” สิทธาเปลี่ยนเรื่องแล้วถามด้วยความสงสัย ยังนึกเสียดายอยู่ในใจว่าไอ้เพื่อนคนนี้คงไม่มีได้บุญมาร่วมงานแต่งงานอันหวานชื่นของตัวเองอย่างแน่นอน
“ก็นั่งเครื่องบินมาสิวะสองชั่วโมงก็ถึงแล้ว ถามอะไรไม่เข้าท่า” หนุ่มโสดตอบเพื่อนกวนๆ จนคนฟัง รู้สึกคันไม้คันมือขึ้นมาตะหงิด “อ้ะ...อ๊ะ อย่าทำหน้าเหมือนอยากเอามือมาลูบหน้าข้าสิไอ้สิท ข้าไม่ใช่เจ้าสาวของเอ็งนะไม่ต้องถึงเนื้อถึงตัวก็ได้” ธรมบอกอย่างรู้ทัน ก่อนจะหันไปยิ้มให้เจ้าสาวคนสวยที่ยืนมองยิ้มๆ อยู่ข้างๆ “น้องเอื้อนคงไม่โกรธนะครับที่พี่ไม่ได้มาร่วมงานตอนเช้าน่ะ”
“อยากจะโกรธเหมือนกันค่ะ แต่เห็นหน้าหล่อๆ ของพี่ทามแล้วโกรธไม่ลง” เอื้อนดาวตอบด้วยรอยยิ้มไม่วายแซวผู้มาช้าให้เขาอายเล่น จนเจ้าบ่าวหันมามองด้วยอาการหึงไม่ชอบใจนักที่เจ้าสาวของตัวเองชมไอ้เพื่อนหน้าหล่อ ถึงแม้มันจะหล่อจริงๆ ก็ตาม หากเอื้อนดาวหาได้สนใจเพราะรู้ว่าคุณสามีแกล้งหึงไปตามประสา อีกอย่างเธอกับธรมก็สนิทสนมกันในระดับที่สามารถหยอกล้อกันได้อย่างไม่เก้อเขิน
“แล้วนี่พี่ทามมาถึงตั้งแต่กี่โมงคะ”
“พึ่งมาถึงครับ ลงเครื่องปุ๊ปมาก็บึ่งรถมานี่เลย” ธรมตอบเจ้าสาวคนสวย “ต้องขอโทษด้วยนะครับ พี่ติดงานจริงๆ นี่ถ้าเจ้านายไม่เลื่อนการประชุมออกไปอีก พี่ก็คงกลับมาทันเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว”
“เอ้อ...มาไม่ทันน่ะดีแล้ว ข้าก็ไม่ได้อยากให้เอ็งเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวนักหรอก” สิทธาที่ยืนฟังอยู่เงียบๆ โพล่งขึ้นอย่างหมั่นไส้ที่ไอ้เพื่อนตัวดีทำยิ้มมาหวานออดอ้อนเจ้าสาวของเขา
“ปากเอ็งนี่มันกวนอวัยวะเบื้องล่างจังเลยนะไอ้สิท ทำตัวให้มันสมกับวันมงคงหน่อยสิวะ”
“อ้าวๆ พูดงี้ก็สวยสิวะ”
“แบบข้าเรียกว่าหล่อน่าจะเหมาะกว่านะโว้ย...”
เอื้อนดาวมองสองเพื่อนรักที่ปะทะคารมณ์กันอย่างหน่ายใจ น่าเบื่อจริงๆ ไม่รู้เป็นเพื่อนสนิทกันมาได้อย่างไรตั้งนานอายุรึก็ปาเข้าไปตั้งสามสิบสองแล้วยังทำตัวเป็นเด็กกันอยู่ได้
“ถ้าจะทะเลาะกันอยู่ตรงนี้ งั้นพี่ทามพี่สิทก็ช่วยรับแขกแทนเอื้อนด้วยนะคะ ” เอื้อนดาวประชด
“น้องเอื้อนอย่าพึ่งงอนสิครับ พี่กับไอ้สิทธิแค่ลับฝีปากกันทิ้งทวนเฉยๆ แล้วอีกอย่างพี่ก็ไม่คิดจะทำอะไรพิสดารอย่างที่เอื้อนว่าด้วย” ธรมแก้ตัวดวยรอยยิ้มเมื่อเห็นเจ้าสาวคนสวยมองมาอย่างงอนๆ “งั้นพี่ไปดีกว่า ไม่อยู่กวนใจเจ้าบ่าวเจ้าสาวแล้วล่ะ”
“เออๆ ไปเถอะไอ้สามตัวนั่นมันอยู่ข้างในกันหมดแล้วเหลือแต่เอ็งนี่แหละที่มาช้ากว่าใคร”
“ก็ดีกว่าไม่มานะโว้ย” ธรมบอก ก่อนจะชะโงกหน้าไปกระซิบบางสิ่งบางอย่างข้างหูเพื่อนสนิท ท่าทางลับลมคมในทำให้เจ้าสาวอยากรู้จนต้องเอียงหูแอบฟัง แต่กระนั้นก็ยังจับใจความอะไรไม่ได้อยู่ดี นอกจาก ‘หยินและหยาง’
คำพูดทิ้งท้ายของเพื่อนสนิททำให้สิทธาหันมองเจ้าสาวด้วยแววตากรุ้มกริ้ม จนคนถูกมองสะบัดร้อนสะบัดหนาวกับสายตาสื่อความนัยนั้น ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังในห้องหอมันจะเป็นเช่นไร แค่นี้สิทธาก็ทำให้เธอใจสั่นมากพออยู่แล้ว....
ธรมเดินเข้ามาในห้องแกรนด์บอลรูมขนาดใหญ่ สอดส่ายสายตามองหาบิดามารดาก่อนจะเข้าไปรายงานตัวกับท่านทั้งสองพร้อมทั้งทักทายผู้ใหญ่ที่รู้จักสักครู่ หลังจากนั้นจึงปลีกตัวออกมาหากลุ่มเพื่อนสนิทและเมื่อเห็นว่าบรรดาเพื่อนรักทั้งหลายนั่งอยู่มุมไหนร่างสูงสง่าก็เดินตรงเข้าไปหาทันที การปรากฏตัวของวิศวกรหนุ่มไม่ได้สร้างความแปลกใจให้บรรดาชายหนุ่มสามคนที่นั่งอยู่เลยแม้แต่น้อย ด้วยเพราะนี่คือ ‘แผนการ’ ที่ทุกคนร่วมมือกันปั่นหัวเจ้าบ่าวให้ปวดประสาทเล่น
“ว่าไงไอ้ทาม โดนไอ้สิทอัดไปกี่หมัด” ธนัท นักธุรกิจหนุ่มแซวบุคคลที่พึ่งมาถึงด้วยรอยยิ้มกวนๆ
“ไอ้สิทมันจะกล้าทำอะไรข้า น้องเอื้อนอยู่ด้วยทั้งคนพวกเอ็งก็รู้ว่าไอ้สิมมันเกรงใจน้องเอื้อนแค่ไหน ว่าแต่พวกเอ็งเถอะมาถึงกันนานรึยัง” ธรมตอบกลั้วเสียงหัวเราะ เมื่อนึกถึงความกลัวและความเกรงใจภรรยาของสิทธา ขนาดพึ่งแต่งยังขนาดนี้ไม่อยากนึกเลยว่าในอนาคตมันจะเป็นเช่นไร แล้ววันนี้ก็สมกับเป็นวันมงคลๆ จริงที่ทำให้เพื่อนสนิทของเขามารวมตัวกันครบทั้งก๊วน หลายเดือนแล้วเหมือนกันที่เขาและกลุ่มเพื่อนไม่ได้พบกัน ปกติถ้าว่างก็มักจะนัดกันไปออกกำลังกายหรือขับรถเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกันอยู่บ่อยๆ มาช่วงหลังนี่แหละที่แต่ละคนดูเหมือนจะพร้อมใจกันงานยุ่งด้วยกันทั้งนั้น
“เกือบชั่วโมงได้แล้ว ใครมันจะเหินฟ้าติดจรวดมาเหมือนเอ็งล่ะวะ ดีนะที่ไอ้สิทมันไม่คึกนึกอยากโชว์พลังก่อนเข้าหอด้วยการต่อยแรงๆ ที่หน้าหล่อๆ ของเอ็ง ก่อนหน้าที่เอ็งจะมาถึงมันโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงใหญ่ ที่อดีตคู่ขา เอ๊ย ไม่ใช่ เพื่อนรักอย่างเอ็งเห็นงานสำคัญกว่างานแต่งมัน ไอ้สิทมันยังบอกพวกข้าไว้ว่าถ้าเอ็งแต่งงานเมื่อไหร่มันจะเอาคืนแสบให้แสบกว่านี้เป็นสองเท่า ระวังตัวไว้ให้ดีเถอะเอ็ง” หนุ่มตี๋ร่างท้วมนามว่าร้อยตำรวจโทเอกพลเป็นคนตอบ ไม่ลืมที่จะแขวะธรมและสิทธา นี่ถ้าสิทธาไม่ชิงแต่งงานไปก่อน ความสนิทสนมที่เกินหน้าเกินตาของสองคนนี้อาจทำให้ใครหลายๆ คนสงสัยในความสัมพันธ์
“เฮ้ย...ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ข้าว่าคงอีกนานกว่าไอ้สิทมันจะได้เอาคืนไอ้ทาม เพราะไอ้หนุ่มโสดในฝันคนนี้มันคงไม่ยอมสละโสดง่ายๆ หรอก พวกเอ็งว่ามั้ย”
สองหนุ่มที่เหลือยกเว้นธรมต่างพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของธนัท เพราะต่างก็รู้ดีว่าผู้ชายที่ชื่อธรม สันติกุล ‘หวงชีวิตโสด’ ของตัวเองมากเพียงไร สาวน้อยสาวใหญ่ที่ผ่านเข้ามาไม่เคยมีใครเคยเฉียดกลายเข้าไปใกล้ตำแหน่ง ‘แฟน’ ของชายหนุ่มเลยสักครั้งเป็นได้มากสุดก็ ‘เพื่อน’ แต่ถึงจะเป็นหนุ่มเจ้าคารมณ์ธรมก็ไม่เคยหว่านเสน่ห์ไปทั่ว ชายหนุ่มคบและคุยกับคนที่สนใจจริงๆ และเมื่อศึกษากันแล้วพบว่าไม่มีทางไปกันรอดก็เป็นอันต้องสวมรองเท้าแยกย้ายกันไปทางใครทางมัน ความจริงถ้าธรมจะลดระดับความ ‘ช่างเลือก’ ลงบ้าง ป่านนี้คงมีสาวน้อยสักคนเคียงข้างกายไปแล้ว ส่วนพวกเขาสามคนถึงจะยังโสดแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ศึกษาใครเลย เพียงแต่ยังไม่อยากมีพันธะโดยการแต่งงานเท่านั้นเอง ไม่เหมือนกับธรมที่ดูเหมือนจะไม่สนใจเรื่องนี้เอาเสียเลย
“อ้าวแต่มันก็ไม่แน่นะโว้ย คนที่บอกว่าไม่อยากๆ นี่แหละสุดท้ายมักได้ไปก่อนใครเพื่อนทุกที” เอกพลแย้ง
“บางทีนะคนที่จะได้แต่งงานต่อจากไอ้สิทอาจจะเป็นไอ้ทามก็ได้ ใครจะไปรู้”
“เอ็งอย่าซี้ซั้วไปหน่อยเลยไอ้เอก ก่อนจะได้แต่งงานข้าว่าหาตัวเจ้าสาวของไอ้ทามให้เจอก่อนดีกว่าเถอะ ตั้งแต่มันเซย์โนกับดีไซน์เนอร์สาวคนสวยเมื่อปีก่อน ข้าก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าไอ้ทามมันจะเซย์เยสกับใครอีกเลย” อนลทนายหนุ่มรูปหล่อประจำกลุ่มกล่าว
“พนันกันมั้ยล่ะเพื่อน”
“วกเข้ามาเรื่องนี้อีกแล้วนะเอ็ง คราวที่แล้วจ่ายค่าเหล้าไปครึ่งปีขนหน้าแข็งยังร่วงไม่หมดอีกเหรอวะ” อนลรื้อฟื้น หกเดือนที่แล้วเขากับเอกพลพนันกันว่า ธรมกับสาวคนล่าสุดจะสานสัมพันธ์กันไปได้นานแค่ไหน สุดท้ายก็ไม่เกินสามเดือนอย่างที่เขาว่าไว้ งานนี้คนที่แพ้พนันจึงหนีไม่พ้นเอกพลที่ต้องจ่ายค่าเหล้าทุกครั้งที่นัดสังสรรค์กัน
“ไม่ เพราะคราวนี้ข้ามั่นใจว่าคนที่แพ้ต้องไม่ใช่ข้า ลางสังหรณ์ข้ามันบอกว่าไอ้ทามต้องมีเมียภายในปีนี้”
“เอ็งมั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอวะไอ้เอก แต่เท่าที่ข้าก็เห็นเอ็งก็มั่นใจทุกครั้งแล้วก็พลาดทุกครั้งนี่หว่า”
“เอ็งอย่ามาแช่งข้าไอ้นัท งานนี้ข้ามั่นใจล้านเปอร์เซนต์ลางสังหรณ์ข้ามันแรงกว่าปกติ” เอกพลกล่าวอย่างมั่นอกมั่นใจ ความจริงไม่ได้มีลางสังหรณ์อะไรเลยแต่หาเรื่องพูดให้มันน่าเชื่อถือไปงั้นๆ แหละ ใครจะไปรู้ว่าในอนาคตมันจะเกิดอะไรขึ้น โลกนี้ไมมีอะไรแน่นอนอยู่แล้ว บางทีคนที่จะชนะพนันในครั้งนี้อาจเป็นเขาก็ได้ “ว่าแต่พวกเอ็งเถอะตกลงจะมีใครพนันกับข้าบ้าง”
“งานนี้ข้าไม่เกี่ยว”
ธรมที่นั่งกอดอกฟังเพื่อนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องตัวเองอย่างเงียบๆ ออกตัว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เรื่องของเขากลายเป็นประเด็นให้บรรดาเพื่อนสนิทพูดถึง หลายครั้งที่มันกลายเป็นหัวข้อที่ทุกคนเอามาถกเถียงกันอย่างเคร่งเครียดราวกับว่านี่คือหัวข้อในการประชุมวิชาการ และหลายครั้งเช่นกันที่พวกมันเอาเรื่องของเขามาพนันขันต่อราวกับว่านี่คือฟุตบอลแมทซ์สำคัญที่กำลังแข่งขัน
“งั้นก็เหลือเราสามคน ว่าไงไอ้นัทเอ็งจะเอายังไง”
“ว่าแต่งานนี้เดิมพันคืออะไรวะ” ธนัทไม่ตอบแต่ถามถึงเดิมพันที่ต้องวางแทน
“เดิมพันคือ...คนที่แพ้ก็ต้องมีเมียเป็นรายต่อไป”
เดิมพันของเอกพลทำเอาสองหนุ่มโสดถึงกับอ้าปากค้าง “ทำไมทำหน้าอย่างกับปลาไหลสำลักเหล้าล่ะวะหรือว่าพวกเอ็งสองคนกลัวจะแพ้ข้า”
“เปล่าโว้ย” อนลปฏิเสธ “โธ่...พวกข้าไม่กลัวแพ้อยู่แล้ว คนที่ต้องกลัวน่ะควรเป็นเอ็งต่างหากไอ้เอก เห็นๆ กันอยู่ว่าใครจะชนะ รับรองปีนี้คนที่จะมีเมียไม่ใช่ไอ้ทามแน่นอน” ทนายหนุ่มกล่าวอย่างหมายมั่นพร้อมกับทิ้งท้ายด้วยวลีเด็ดเรียกเสียงหัวเราะจากผองเพื่อน “ข้าขอฟันแล้วทิ้ง!”
“เออข้าก็เห็นด้วย เอ็งเตรียมตัวมีเมียเป็นคนต่อไปไว้เถอะไอ้เอก” ธนัทสำทับ ทำเอาเอกพลเริ่มลังเล แต่ก็ไม่มีทางถอยทัพ ลองได้เดินหน้ามาถึงขนาดนี้แล้วไม่มีทางยอมแพ้แน่นอน คราวนี้จะได้รู้กันไปเลยว่างานนี้จะออกหัวหรือออกก้อย ใครคือผู้โชคร้ายที่ได้แต่งงานเป็นคนต่อไป...
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีเข้มที่กำลังเดินเข้ามาในงานฉลองมลคลสมรสของเอื้อนดาวและสิทธาด้วยท่วงท่าสง่างามนั้นก็เรียกความสนใจจากสาวๆ หลายคนที่ยืนอยู่หน้างานให้หันไปมองเป็นตาเดียว ด้วยเพราะส่วนสูงที่เกินมาตรฐานชายไทยทั่วไปบวกกับหน้าตาคมเข้มตามแบบฉบับไทยแท้และผิวสีทองแดงจางๆ ใต้ร่มผ้านั่นยิ่งช่วยทำให้ดูโดดเด่น และเหมือนจะรู้ว่ามีคนมองด้วยความสนใจชายหนุ่มจึงหันไปยิ้มให้อย่างสุภาพ ส่งผลให้ดวงตาสีนิลที่ทอประกายแรงกล้าอยู่เป็นนิจพราววิบวับขึ้นมาทันที ทุกส่วนของร่างกายที่ประกอบกันอย่างลงตัวทำให้ชายหนุ่มกลายเป็นบุรุษที่ดูดีและเปี่ยมล้นไปด้วยเสน่ห์อย่างหาตัวจับยาก สมกับตำแหน่ง ‘หนุ่มโสดในฝัน’ ที่พึ่งได้รับไปหมาดๆ หนุ่มโสดผู้มีนามสั้นๆ ว่า ‘ธรม สันติกุล’ วิศวกรหนุ่มแห่งการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย...
“คุณทมคะของชำร่วยค่ะ” สาวน้อยที่นั่งอยู่ที่โต๊ะหน้างานเรียกพร้อมกับยื่นของชำร่วยให้เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มกำลังจะผละไปหลังจากเขียนคำอวยพรเสร็จ...
“ทามครับ” ธรมหันไปแก้ด้วยรอยยิ้มน้อยๆ กระชากใจสาว ไม่ลืมที่จะรับของชำร่วยจากสาวน้อยคนดังกล่าว “ขอบคุณนะครับ” ชายหนุ่มกล่าวพลางลิ่วตาให้อย่างล้อๆ ก่อนจะเดินออกมาไม่รู้เลยว่าท่าทีของตนเองทำให้สาวๆ เคลิบเคลิ้มในมนต์เสน่ห์ที่เจ้าตัวหว่านไว้อย่างไม่ได้ตั้งใจ ชื่อของเขามักจะมีคนอ่านผิดเป็น ‘ทม’ อยู่เสมอ นอกจากคนสนิทแล้วมีไม่กี่คนหรอกที่จะอ่านถูกเป็น ‘ทาม’
ธรมมองดูของชำร่วยที่พึ่งได้รับมาในมืออย่างพิจารณา ‘หยินหยาง’ เซรามิคสีชมพูขาวที่ห่ออยู่ในถุงตาข่ายมัดด้วยโบว์สวยงาม เป็นสัญลักษณ์ที่คนทั่วไปเข้าใจความหมายดี ‘หยาง’ แทนความเข้มแข็งแบบผู้ชาย ‘หยิน’ แทนความละเอียดอ่อนแบบผู้หญิง เมื่อรวมอยู่ด้วยกันก็จะกลายเป็นความแตกต่างที่สมดุล จำได้ว่าหนังสือที่เขาเคยอ่านกล่าวถึงวงเวียนแห่งการเปลี่ยนแปลงของหยินหยางเอาไว้ว่า
‘เมื่อหยางถึงจุดสูงสุดก็ต้องถอยให้กับหยิน เมื่อหยินถึงจุดสูงสุดก็ต้องถอยให้กับหยาง’
เห็นทีต้องเอาไปบอกไอ้สิทบ้างชีวิตคู่มันจะได้สมดุลผสมผสานกันอย่างกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ธรมคิดอย่างยิ้มๆ ก่อนจะหย่อนของที่ได้รับมาลงไปในกระเป๋ากางเกง แล้วเดินตรงไปหาคู่บ่าวสาวที่ยืนต้อนรับแขกอยู่ที่ซุ้มดอกไม้หน้างานด้วยรอยยิ้มกว้าง ร่างสูงสมชายชาตรีหยุดนิ่งอยู่ตรงหน้าเจ้าบ่าวพร้อมกับตบบ่าบึกบึนนั้นอย่างสนิทสนมทั้งยังไม่ลืมที่จะหันไปทักทายเจ้าสาวที่ยกมือไหว้
“วันนี้มีใครบอกหรือยังครับว่าน้องเอื้อนเป็นเจ้าสาวที่สวยมาก พี่เห็นแล้วชักเริ่มอิจฉาไอ้สิท” ชายหนุ่มเอ่ยปากชมจากใจจริง ถึงแม้จะเด็กไปหน่อยแต่เอื้อนดาวก็จัดว่าเป็นผู้หญิงที่น่าเอ็นดูคนหนึ่งแถมนิสัยยังน่าคบหา ทั้งยังมีความคิดความอ่านโตเกินวัยกว่าสาวๆ รุ่นเดียวกันบางคนเสียอีก ข้อนี้กระมังที่ทำให้สิทธาตกหลุมรักสาวน้อยคนนี้อย่างถอนตัวไม่ขึ้น
“ไงวะไอ้เจ้าบ่าวหน้าบานเป็นกระด้งเลยนะเอ็ง” ชมเจ้าสาวเสร็จชายหนุ่มก็หันมาแซวเพื่อนสนิทที่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้า
“ก็เออสิวะ...คนมันกำลังมีความสุขนี่หว่า” สิทธาตอบอย่างภาคภูมิที่ได้สละโสดเป็นคนแรกในกลุ่มเพื่อน ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะโดนค่อนแคะจากเพื่อนๆ ในกลุ่มอยู่เสมอว่าจะรีบแต่งงานหาห่วงผูกคอไปทำไม อยู่เป็นโสดแบบนี้น่ะสบายใจที่สุดไม่ต้องมีคนมาวุ่นวายกับชีวิต ถ้าเป็นเมื่อเจ็ดแปดปีก่อนเขาคงคิดแบบนั้นแต่พอได้คบกับเอื้อนดาวอาการ ‘หวงชีวิตโสด’ ก็ไม่มีอยู่เลย ตรงข้ามกันมันกลับทำให้เขาอยากสร้างครอบครัวที่สมบรูณ์ในทุกๆ ความหมายร่วมกับคนรักมากขึ้นทุกวัน
“แล้วมันก็เป็นความสุขที่คนโสดแบบเอ็งไม่มีทางเข้าใจซิวะด้วยสิเพื่อน” สิทธาแขวะเพื่อนบ้าง
“เฮ้ย...ไม่มั้ง เพราะคนโสดแบบข้าก็ยังมีความสุขในแบบที่คนแต่งงานแล้วอย่างเอ็งไม่มีสิทธิ์” ธรมสวนกลับยิ้มๆ ถึงแม้จะรู้สึกอิจฉาเล็กน้อยที่เห็นเพื่อนสนิทมีความสุขในวันแต่งงาน แต่มันก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกถึงขั้นอยากเปลี่ยนแปลงสถานะภาพของตนเองตามไปด้วยเพราะตอนนี้คำว่า ‘แต่งงาน’ และ ‘ชีวิตคู่’ ไม่เคยอยู่ในหัวสมองของเขาเลยแม้แต่น้อย
“เออ...ไอ้หนุ่มโสดในฝัน” คนไม่โสดแล้วกล่าวอย่างพาลๆ
“แล้วนี่เองมาได้ยังไง เมื่อกี้พ่อแม่เอ็งยังบอกข้าอยู่เลยว่าเอ็งติดแหง็กอยู่ที่สิงค์โปรคงมาไม่ทันงานแต่งข้า” สิทธาเปลี่ยนเรื่องแล้วถามด้วยความสงสัย ยังนึกเสียดายอยู่ในใจว่าไอ้เพื่อนคนนี้คงไม่มีได้บุญมาร่วมงานแต่งงานอันหวานชื่นของตัวเองอย่างแน่นอน
“ก็นั่งเครื่องบินมาสิวะสองชั่วโมงก็ถึงแล้ว ถามอะไรไม่เข้าท่า” หนุ่มโสดตอบเพื่อนกวนๆ จนคนฟัง รู้สึกคันไม้คันมือขึ้นมาตะหงิด “อ้ะ...อ๊ะ อย่าทำหน้าเหมือนอยากเอามือมาลูบหน้าข้าสิไอ้สิท ข้าไม่ใช่เจ้าสาวของเอ็งนะไม่ต้องถึงเนื้อถึงตัวก็ได้” ธรมบอกอย่างรู้ทัน ก่อนจะหันไปยิ้มให้เจ้าสาวคนสวยที่ยืนมองยิ้มๆ อยู่ข้างๆ “น้องเอื้อนคงไม่โกรธนะครับที่พี่ไม่ได้มาร่วมงานตอนเช้าน่ะ”
“อยากจะโกรธเหมือนกันค่ะ แต่เห็นหน้าหล่อๆ ของพี่ทามแล้วโกรธไม่ลง” เอื้อนดาวตอบด้วยรอยยิ้มไม่วายแซวผู้มาช้าให้เขาอายเล่น จนเจ้าบ่าวหันมามองด้วยอาการหึงไม่ชอบใจนักที่เจ้าสาวของตัวเองชมไอ้เพื่อนหน้าหล่อ ถึงแม้มันจะหล่อจริงๆ ก็ตาม หากเอื้อนดาวหาได้สนใจเพราะรู้ว่าคุณสามีแกล้งหึงไปตามประสา อีกอย่างเธอกับธรมก็สนิทสนมกันในระดับที่สามารถหยอกล้อกันได้อย่างไม่เก้อเขิน
“แล้วนี่พี่ทามมาถึงตั้งแต่กี่โมงคะ”
“พึ่งมาถึงครับ ลงเครื่องปุ๊ปมาก็บึ่งรถมานี่เลย” ธรมตอบเจ้าสาวคนสวย “ต้องขอโทษด้วยนะครับ พี่ติดงานจริงๆ นี่ถ้าเจ้านายไม่เลื่อนการประชุมออกไปอีก พี่ก็คงกลับมาทันเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว”
“เอ้อ...มาไม่ทันน่ะดีแล้ว ข้าก็ไม่ได้อยากให้เอ็งเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวนักหรอก” สิทธาที่ยืนฟังอยู่เงียบๆ โพล่งขึ้นอย่างหมั่นไส้ที่ไอ้เพื่อนตัวดีทำยิ้มมาหวานออดอ้อนเจ้าสาวของเขา
“ปากเอ็งนี่มันกวนอวัยวะเบื้องล่างจังเลยนะไอ้สิท ทำตัวให้มันสมกับวันมงคงหน่อยสิวะ”
“อ้าวๆ พูดงี้ก็สวยสิวะ”
“แบบข้าเรียกว่าหล่อน่าจะเหมาะกว่านะโว้ย...”
เอื้อนดาวมองสองเพื่อนรักที่ปะทะคารมณ์กันอย่างหน่ายใจ น่าเบื่อจริงๆ ไม่รู้เป็นเพื่อนสนิทกันมาได้อย่างไรตั้งนานอายุรึก็ปาเข้าไปตั้งสามสิบสองแล้วยังทำตัวเป็นเด็กกันอยู่ได้
“ถ้าจะทะเลาะกันอยู่ตรงนี้ งั้นพี่ทามพี่สิทก็ช่วยรับแขกแทนเอื้อนด้วยนะคะ ” เอื้อนดาวประชด
“น้องเอื้อนอย่าพึ่งงอนสิครับ พี่กับไอ้สิทธิแค่ลับฝีปากกันทิ้งทวนเฉยๆ แล้วอีกอย่างพี่ก็ไม่คิดจะทำอะไรพิสดารอย่างที่เอื้อนว่าด้วย” ธรมแก้ตัวดวยรอยยิ้มเมื่อเห็นเจ้าสาวคนสวยมองมาอย่างงอนๆ “งั้นพี่ไปดีกว่า ไม่อยู่กวนใจเจ้าบ่าวเจ้าสาวแล้วล่ะ”
“เออๆ ไปเถอะไอ้สามตัวนั่นมันอยู่ข้างในกันหมดแล้วเหลือแต่เอ็งนี่แหละที่มาช้ากว่าใคร”
“ก็ดีกว่าไม่มานะโว้ย” ธรมบอก ก่อนจะชะโงกหน้าไปกระซิบบางสิ่งบางอย่างข้างหูเพื่อนสนิท ท่าทางลับลมคมในทำให้เจ้าสาวอยากรู้จนต้องเอียงหูแอบฟัง แต่กระนั้นก็ยังจับใจความอะไรไม่ได้อยู่ดี นอกจาก ‘หยินและหยาง’
คำพูดทิ้งท้ายของเพื่อนสนิททำให้สิทธาหันมองเจ้าสาวด้วยแววตากรุ้มกริ้ม จนคนถูกมองสะบัดร้อนสะบัดหนาวกับสายตาสื่อความนัยนั้น ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังในห้องหอมันจะเป็นเช่นไร แค่นี้สิทธาก็ทำให้เธอใจสั่นมากพออยู่แล้ว....
ธรมเดินเข้ามาในห้องแกรนด์บอลรูมขนาดใหญ่ สอดส่ายสายตามองหาบิดามารดาก่อนจะเข้าไปรายงานตัวกับท่านทั้งสองพร้อมทั้งทักทายผู้ใหญ่ที่รู้จักสักครู่ หลังจากนั้นจึงปลีกตัวออกมาหากลุ่มเพื่อนสนิทและเมื่อเห็นว่าบรรดาเพื่อนรักทั้งหลายนั่งอยู่มุมไหนร่างสูงสง่าก็เดินตรงเข้าไปหาทันที การปรากฏตัวของวิศวกรหนุ่มไม่ได้สร้างความแปลกใจให้บรรดาชายหนุ่มสามคนที่นั่งอยู่เลยแม้แต่น้อย ด้วยเพราะนี่คือ ‘แผนการ’ ที่ทุกคนร่วมมือกันปั่นหัวเจ้าบ่าวให้ปวดประสาทเล่น
“ว่าไงไอ้ทาม โดนไอ้สิทอัดไปกี่หมัด” ธนัท นักธุรกิจหนุ่มแซวบุคคลที่พึ่งมาถึงด้วยรอยยิ้มกวนๆ
“ไอ้สิทมันจะกล้าทำอะไรข้า น้องเอื้อนอยู่ด้วยทั้งคนพวกเอ็งก็รู้ว่าไอ้สิมมันเกรงใจน้องเอื้อนแค่ไหน ว่าแต่พวกเอ็งเถอะมาถึงกันนานรึยัง” ธรมตอบกลั้วเสียงหัวเราะ เมื่อนึกถึงความกลัวและความเกรงใจภรรยาของสิทธา ขนาดพึ่งแต่งยังขนาดนี้ไม่อยากนึกเลยว่าในอนาคตมันจะเป็นเช่นไร แล้ววันนี้ก็สมกับเป็นวันมงคลๆ จริงที่ทำให้เพื่อนสนิทของเขามารวมตัวกันครบทั้งก๊วน หลายเดือนแล้วเหมือนกันที่เขาและกลุ่มเพื่อนไม่ได้พบกัน ปกติถ้าว่างก็มักจะนัดกันไปออกกำลังกายหรือขับรถเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกันอยู่บ่อยๆ มาช่วงหลังนี่แหละที่แต่ละคนดูเหมือนจะพร้อมใจกันงานยุ่งด้วยกันทั้งนั้น
“เกือบชั่วโมงได้แล้ว ใครมันจะเหินฟ้าติดจรวดมาเหมือนเอ็งล่ะวะ ดีนะที่ไอ้สิทมันไม่คึกนึกอยากโชว์พลังก่อนเข้าหอด้วยการต่อยแรงๆ ที่หน้าหล่อๆ ของเอ็ง ก่อนหน้าที่เอ็งจะมาถึงมันโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงใหญ่ ที่อดีตคู่ขา เอ๊ย ไม่ใช่ เพื่อนรักอย่างเอ็งเห็นงานสำคัญกว่างานแต่งมัน ไอ้สิทมันยังบอกพวกข้าไว้ว่าถ้าเอ็งแต่งงานเมื่อไหร่มันจะเอาคืนแสบให้แสบกว่านี้เป็นสองเท่า ระวังตัวไว้ให้ดีเถอะเอ็ง” หนุ่มตี๋ร่างท้วมนามว่าร้อยตำรวจโทเอกพลเป็นคนตอบ ไม่ลืมที่จะแขวะธรมและสิทธา นี่ถ้าสิทธาไม่ชิงแต่งงานไปก่อน ความสนิทสนมที่เกินหน้าเกินตาของสองคนนี้อาจทำให้ใครหลายๆ คนสงสัยในความสัมพันธ์
“เฮ้ย...ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ข้าว่าคงอีกนานกว่าไอ้สิทมันจะได้เอาคืนไอ้ทาม เพราะไอ้หนุ่มโสดในฝันคนนี้มันคงไม่ยอมสละโสดง่ายๆ หรอก พวกเอ็งว่ามั้ย”
สองหนุ่มที่เหลือยกเว้นธรมต่างพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของธนัท เพราะต่างก็รู้ดีว่าผู้ชายที่ชื่อธรม สันติกุล ‘หวงชีวิตโสด’ ของตัวเองมากเพียงไร สาวน้อยสาวใหญ่ที่ผ่านเข้ามาไม่เคยมีใครเคยเฉียดกลายเข้าไปใกล้ตำแหน่ง ‘แฟน’ ของชายหนุ่มเลยสักครั้งเป็นได้มากสุดก็ ‘เพื่อน’ แต่ถึงจะเป็นหนุ่มเจ้าคารมณ์ธรมก็ไม่เคยหว่านเสน่ห์ไปทั่ว ชายหนุ่มคบและคุยกับคนที่สนใจจริงๆ และเมื่อศึกษากันแล้วพบว่าไม่มีทางไปกันรอดก็เป็นอันต้องสวมรองเท้าแยกย้ายกันไปทางใครทางมัน ความจริงถ้าธรมจะลดระดับความ ‘ช่างเลือก’ ลงบ้าง ป่านนี้คงมีสาวน้อยสักคนเคียงข้างกายไปแล้ว ส่วนพวกเขาสามคนถึงจะยังโสดแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ศึกษาใครเลย เพียงแต่ยังไม่อยากมีพันธะโดยการแต่งงานเท่านั้นเอง ไม่เหมือนกับธรมที่ดูเหมือนจะไม่สนใจเรื่องนี้เอาเสียเลย
“อ้าวแต่มันก็ไม่แน่นะโว้ย คนที่บอกว่าไม่อยากๆ นี่แหละสุดท้ายมักได้ไปก่อนใครเพื่อนทุกที” เอกพลแย้ง
“บางทีนะคนที่จะได้แต่งงานต่อจากไอ้สิทอาจจะเป็นไอ้ทามก็ได้ ใครจะไปรู้”
“เอ็งอย่าซี้ซั้วไปหน่อยเลยไอ้เอก ก่อนจะได้แต่งงานข้าว่าหาตัวเจ้าสาวของไอ้ทามให้เจอก่อนดีกว่าเถอะ ตั้งแต่มันเซย์โนกับดีไซน์เนอร์สาวคนสวยเมื่อปีก่อน ข้าก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าไอ้ทามมันจะเซย์เยสกับใครอีกเลย” อนลทนายหนุ่มรูปหล่อประจำกลุ่มกล่าว
“พนันกันมั้ยล่ะเพื่อน”
“วกเข้ามาเรื่องนี้อีกแล้วนะเอ็ง คราวที่แล้วจ่ายค่าเหล้าไปครึ่งปีขนหน้าแข็งยังร่วงไม่หมดอีกเหรอวะ” อนลรื้อฟื้น หกเดือนที่แล้วเขากับเอกพลพนันกันว่า ธรมกับสาวคนล่าสุดจะสานสัมพันธ์กันไปได้นานแค่ไหน สุดท้ายก็ไม่เกินสามเดือนอย่างที่เขาว่าไว้ งานนี้คนที่แพ้พนันจึงหนีไม่พ้นเอกพลที่ต้องจ่ายค่าเหล้าทุกครั้งที่นัดสังสรรค์กัน
“ไม่ เพราะคราวนี้ข้ามั่นใจว่าคนที่แพ้ต้องไม่ใช่ข้า ลางสังหรณ์ข้ามันบอกว่าไอ้ทามต้องมีเมียภายในปีนี้”
“เอ็งมั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอวะไอ้เอก แต่เท่าที่ข้าก็เห็นเอ็งก็มั่นใจทุกครั้งแล้วก็พลาดทุกครั้งนี่หว่า”
“เอ็งอย่ามาแช่งข้าไอ้นัท งานนี้ข้ามั่นใจล้านเปอร์เซนต์ลางสังหรณ์ข้ามันแรงกว่าปกติ” เอกพลกล่าวอย่างมั่นอกมั่นใจ ความจริงไม่ได้มีลางสังหรณ์อะไรเลยแต่หาเรื่องพูดให้มันน่าเชื่อถือไปงั้นๆ แหละ ใครจะไปรู้ว่าในอนาคตมันจะเกิดอะไรขึ้น โลกนี้ไมมีอะไรแน่นอนอยู่แล้ว บางทีคนที่จะชนะพนันในครั้งนี้อาจเป็นเขาก็ได้ “ว่าแต่พวกเอ็งเถอะตกลงจะมีใครพนันกับข้าบ้าง”
“งานนี้ข้าไม่เกี่ยว”
ธรมที่นั่งกอดอกฟังเพื่อนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องตัวเองอย่างเงียบๆ ออกตัว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เรื่องของเขากลายเป็นประเด็นให้บรรดาเพื่อนสนิทพูดถึง หลายครั้งที่มันกลายเป็นหัวข้อที่ทุกคนเอามาถกเถียงกันอย่างเคร่งเครียดราวกับว่านี่คือหัวข้อในการประชุมวิชาการ และหลายครั้งเช่นกันที่พวกมันเอาเรื่องของเขามาพนันขันต่อราวกับว่านี่คือฟุตบอลแมทซ์สำคัญที่กำลังแข่งขัน
“งั้นก็เหลือเราสามคน ว่าไงไอ้นัทเอ็งจะเอายังไง”
“ว่าแต่งานนี้เดิมพันคืออะไรวะ” ธนัทไม่ตอบแต่ถามถึงเดิมพันที่ต้องวางแทน
“เดิมพันคือ...คนที่แพ้ก็ต้องมีเมียเป็นรายต่อไป”
เดิมพันของเอกพลทำเอาสองหนุ่มโสดถึงกับอ้าปากค้าง “ทำไมทำหน้าอย่างกับปลาไหลสำลักเหล้าล่ะวะหรือว่าพวกเอ็งสองคนกลัวจะแพ้ข้า”
“เปล่าโว้ย” อนลปฏิเสธ “โธ่...พวกข้าไม่กลัวแพ้อยู่แล้ว คนที่ต้องกลัวน่ะควรเป็นเอ็งต่างหากไอ้เอก เห็นๆ กันอยู่ว่าใครจะชนะ รับรองปีนี้คนที่จะมีเมียไม่ใช่ไอ้ทามแน่นอน” ทนายหนุ่มกล่าวอย่างหมายมั่นพร้อมกับทิ้งท้ายด้วยวลีเด็ดเรียกเสียงหัวเราะจากผองเพื่อน “ข้าขอฟันแล้วทิ้ง!”
“เออข้าก็เห็นด้วย เอ็งเตรียมตัวมีเมียเป็นคนต่อไปไว้เถอะไอ้เอก” ธนัทสำทับ ทำเอาเอกพลเริ่มลังเล แต่ก็ไม่มีทางถอยทัพ ลองได้เดินหน้ามาถึงขนาดนี้แล้วไม่มีทางยอมแพ้แน่นอน คราวนี้จะได้รู้กันไปเลยว่างานนี้จะออกหัวหรือออกก้อย ใครคือผู้โชคร้ายที่ได้แต่งงานเป็นคนต่อไป...
พุดจีบ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ม.ค. 2555, 23:45:15 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 ม.ค. 2555, 00:40:18 น.
จำนวนการเข้าชม : 1680
<< บทที่ 3 | บทที่ 5 >> |
พี่ยอด 19 ม.ค. 2555, 05:16:05 น.
เข้ามาช่วยจับไก่นามสกุล นายธรม ตอนแรกเป็น สันติกุลนะ
แต่ฉากคุยกับเพื่อนเป็น นิติกุล ดูจากชื่อแล้วใช่พ่อธาร่ารึปล่าเอ่ย
เข้ามาช่วยจับไก่นามสกุล นายธรม ตอนแรกเป็น สันติกุลนะ
แต่ฉากคุยกับเพื่อนเป็น นิติกุล ดูจากชื่อแล้วใช่พ่อธาร่ารึปล่าเอ่ย
เดิมเดิม 19 ม.ค. 2555, 08:09:34 น.
ทำไม ธรม ถึงอ่านว่าทามหล่ะคะ
ทำไม ธรม ถึงอ่านว่าทามหล่ะคะ
anOO 19 ม.ค. 2555, 09:23:05 น.
ถามด้วยเหมือนกัน ทำไม ธรม ถึงอ่านว่า ทาม ค่ะ
คนนี้พระเอกแน่ๆ ใช่ไหมเอ่ย ชักอยากรู้เร็วๆ ซะแล้ว
ถามด้วยเหมือนกัน ทำไม ธรม ถึงอ่านว่า ทาม ค่ะ
คนนี้พระเอกแน่ๆ ใช่ไหมเอ่ย ชักอยากรู้เร็วๆ ซะแล้ว