กรรมสิทธิ์หัวใจ
“แล้วทำไมหนูถึงต้องทำตามที่คุณพีต้องการทุกอย่างด้วยเล่า!”

วริณสิตาตะโกนก้อง ราวกับจะร้องเพื่อปลดปล่อยอารมณ์ร้อนที่สุมในใจ สาวน้อยหารู้ไม่ ว่าการกระทำนั้นทำให้ดวงตาคมปลาบเบิกขึ้นสว่างวาบ

พีรพัฒน์ตวัดต้นแขนเล็กที่จับไว้ในมือให้ถลาเข้ามา กระซิบเย็นเยียบ หน้าเกือบประชิดหน้า

“เพราะเธอ คือ ‘กรรมสิทธิ์’ ของฉันไงล่ะวริณสิตา!”

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 13

ตอนที่ ๑๓

เสียงนุ่มทุ้มที่ดังขึ้นจากเบื้องหลังส่งผลให้คนถูกถามสะดุ้งโหยง วริณสิตาสะบัดหน้ากับไปมอง แล้วก็ได้เห็นว่าพีรพัฒน์กำลังมองมาจากหน้าห้องของเขา มือใหญ่ยังจับลูกบิดค้างไว้ เขาคงกำลังจะเข้าไปข้างในอยู่แล้วตอนที่เธอเปิดประตูออกมา

“เอ่อ...” วริณสิตาพูดไม่ออก สาวน้อยได้แต่กะพริบตา นึกไม่ออกเลยว่าคุณพีมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร ก็ในเมื่อเธอได้ยินเสียงรถแล่นออกไป เขาน่าจะต้องไปกับคนสำคัญของเขาสิ แล้วทำไม...

“ดึกดื่นแล้ว ฉันถามว่าเธอจะไหน ได้ยินหรือเปล่า?” เสียงถามดังอีกครั้ง แถมหนนี้คนถามยังเดินเข้ามาหาด้วย แม้สีหน้าเขาจะไม่ได้บอกเลยว่าอยู่ในอารมณ์ใด โกรธหรือไม่ แต่วริณสิตาก็เกิดอาการเกรงๆขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้เลย

“เอ่อ...จะ...จะ...ลงไป...หาป้าบัวศรีค่ะ”

“หาป้าบัวศรี?” พีรพัฒน์ทวนคำ กระแสเสียงที่สูงขึ้นช่วงท้ายนั้นบ่งชัดถึงอารมณ์สงสัย “หาทำไม ต้องการอะไรรึเปล่า หรือว่าไข้ยังไม่ลด”

ไวเท่าคำพูดเมื่อมือใหญ่หนายื่นมาจะอังหน้าผากให้อีก สาวน้อยถึงกับผงะไปโดยสัญชาตญาณจนแผ่นหลังชนประตูเสียงดังกึก ชายหนุ่มชะงักมือไว้ทันใดและยังมิได้สัมผัสแตะหน้าผากพิสูจน์ไข้แม้กระผีก ดวงตาคมจ้องมองนัยน์ตาวาวๆที่มองเขาอย่างหวาดๆไม่ไว้ใจ

“อะไร” แล้วยิ้มละไมผุดพราย “นี่เธอยังไม่เลิกกลัวฉันอีกรึ” พีรพัฒน์ถามเมื่อตัดสินใจเลื่อนมือไปโยกศีรษะสาวน้อยแทน แต่คนถูกถามไม่ได้ตอบ เขาเลยเลือกที่จะเอ่ย

“ไม่ต้องกังวลไปหรอก ฉันไม่คิดจะทำอะไรเด็กในปกครองของตัวเองแน่”

และหนนี้ก็มีแววดีขึ้นมาบ้าง เพราะสาวน้อยตรงหน้าทวนคำซ้ำ

“เด็ก...ในปกครอง...งั้นหรือคะ”

“ใช่” ชายหนุ่มพยักหน้ารับ “ก็เธอยังไม่บรรลุนิติภาวะ เพราะฉะนั้น ฉันจะอยู่ในฐานะผู้ปกครองของเธอ เข้าใจมั้ย” แล้วพีรพัฒน์ปิดท้ายประโยคนั้นด้วยยิ้มละไม ใช่...หลังจากใคร่ครวญมาทั้งวัน ในที่สุดเขาก็ให้คำตอบกับตัวเองได้ว่าจะอุปการะเด็กผู้หญิงคนนี้ในฐานะไหน...

ผู้ปกครองกับเด็กในปกครอง...

“อืม! เอาละ ทีนี้เธอจะบอกฉันได้หรือยังว่าจะลงไปหาป้าบัวศรีทำไมกัน” พีรพัฒน์วกกลับเข้าเรื่อง แต่ทว่า...
“เอ่อ...ไม่มีอะไรค่ะ”
“อ้าว!” เขาร้อง ทำหน้าสงสัยขณะที่วริณสิตาได้แต่ก้มหน้างุดลงไปอีก ก็แล้วจะให้บอกได้อย่างไร ว่าเธออยากจะทิ้งห้องสวยบนคฤหาสน์หลังใหญ่ที่เขาจัดให้ แล้วไปนอนที่ตึกคนใช้แทน วริณสิตาตัดสินใจใช้มุขปากหายเข้าว่า พีรพัฒน์เลยได้แต่ผ่อนลมหายใจออกมา ดูท่าแล้วเขาก็รู้ว่าคงต้องให้เวลาอีกสักหน่อย กำแพงน้ำแข็งแห่งความแปลกหน้าคงมิได้จะละลายลงมาง่ายๆ

“เอาเถอะ ไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไร กลับเข้าห้องของเธอไปพักผ่อนเถอะ มันดึกแล้ว”

เมื่อวริณสิตาพยักหน้ารับน้อยๆ ชายหนุ่มก็หันหลังจะเดินกลับห้องตัวเอง แต่เดินไม่เกินอึดใจร่างสูงใหญ่ก็หันกลับมา

“อ้อ! แล้วมียาที่ต้องทานก่อนนอนด้วยใช่ไหม ฉันเห็นเมื่อเช้า อย่าลืมกินนะ จะได้หาย เข้าใจไหม”

“...ค่ะ”

“อืม! ดี” หนนี้สั่งเสร็จก็เดินลิ่วๆไป ส่วนสาวน้อยก็ได้แต่มองตามแผ่นหลังที่ลับหายไปหลังประตูนัยน์ตากะพริบอยู่ปริบๆ

...ผู้ปกครอง...อย่างงั้นหรือ...อือ! ดูเหมือนจะใช่ เพราะเธอเพิ่งจะโดนเข้าไปสองคำสั่งนี่

สาวน้อยคลี่ยิ้มออกมาก่อนเปิดประตูและกลับเข้าห้องไป คืนนี้เธอคงอยู่ได้แล้วโดยไม่ต้องลงไปหาใคร เพราะความอบอุ่นเกิดขึ้นในหัวใจ

ใช่...เพราะอย่างน้อยเธอก็ไม่ได้อยู่คนเดียวในคฤหาสน์นี้อีกต่อไปแล้ว


แสงแดดยามเช้าสาดเข้าสลายบรรยากาศสลัวภายในห้องทันทีที่ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของดึงม่านหนาๆสีน้ำตาลให้เปิดกว้างออก ชายหนุ่มหยีตาลงเล็กน้อยเมื่อแสงจ้าสาดเข้ามา อึดใจหนึ่งเมื่อสายตา ปรับเข้ากับการเปลี่ยนแปลงความสว่างได้ เมื่อนั้นพีรพัฒน์จึงมองฝ่าแสงสีทองมองออกไปยังทัศนียภาพเบื้องนอก

สุดลูกหูลูกตาคือหลังคาของคฤหาสน์งามหลังอื่นๆ คฤหาสน์ของคุณอังกาบนั้นตั้งอยู่ในย่านพักอาศัยของคนรวย แต่แม้แต่ละหลังจะสวย แต่ยังไงก็คือทัศนียภาพของป่าคอนกรีตซึ่งแตกต่างจากบรรยากาศเขียวๆที่บ้านสวนอันคุ้นเคยของแม่เขาอย่างสิ้นเชิง

พีรพัฒน์หลุบตาลงต่ำ ความจริงเจ็ดโมงเช้าอย่างนี้แดดยังไม่จัดนัก ที่สวนหย่อมหน้าบ้านจึงเห็นนายก้านอดีตคนขับรถของคุณอังกาบแปลงสถานภาพตนเองเป็นคนทำสวนไป ชายหนุ่มนิ่งมอง นายก้านเป็นคนเก่าคนแก่อีกคนที่ไม่ขอไปไหนหลังจากสิ้นบุญผู้เป็นนายอย่างคุณอัง แกเคยอาสาตัวอย่างขันแข็งว่ายังทำหน้าที่เป็นคนขับรถได้ดีแม้อายุอานามจะไม่น้อยแล้ว แน่นอนว่าพีรพัฒน์เชื่อ แต่เพราะเขาไม่เคยมีคนขับรถมาก่อน และไม่คิดว่าตัวเองจะคุ้นด้วยถ้าวันหนึ่งเกิดมีขึ้นมา ดังนั้นพีรพัฒน์จึงปฏิเสธการอาสาทำหน้าที่ของอดีตคนขับรถไปอย่างสุภาพ แต่ชายหนุ่มก็อนุญาตให้นายก้านอยู่ที่บ้านต่อไปได้ ด้วยหน้าที่อะไรก็ได้ที่แกอยากทำ ในที่สุดอดีตคนขับรถก็เลือกที่จะเป็นคนดูแลสวน

พีรพัฒน์ละตัวเองจากบานหน้าต่างเมื่อคิดว่าได้เวลาที่เขาควรจะลงไปข้างล่างแล้วทานมื้อเช้าสักที อย่างน้อยวันนี้พีรพัฒน์ก็ไม่อยากให้หุ้นส่วนอย่างหทัยรักต้องขุ่นเคืองใจด้วยการไปทำงานสาย เขาก้าวยาวๆออกจากห้อง ชายหนุ่มเผลอตัวหยุดอัตโนมัติเมื่อก้าวผ่านหน้าบานประตูลายสลักเถาองุ่น วูบหนึ่งในความคิด พีรพัฒน์นึกอยากรู้ว่าคนที่อยู่ในห้องเป็นอย่างไร ชายหนุ่มเงื้อมือไปจะเคาะ แต่ว่า...

คิดไปคิดมาอย่าดีกว่า พีรพัฒน์ลดมือลงมา มันคงไม่เหมาะหรอกถ้าเขาจะเคาะ

ชายหนุ่มตัดสินใจหมุนตัวเดินต่อไปลงบันไดสู่ชั้นล่าง

“คุณพีจะให้ป้าตั้งโต๊ะเลยไหมคะ” นางบัวศรีเอ่ยถามทันทีที่พีรพัฒน์เดินลงมา นางนั้นรอท่ามาอยู่สักพักแล้ว เพราะมันเป็นปกติของบ้านนี้ตั้งแต่สมัยที่คุณอังกาบยังอยู่ อาหารเช้าจะถูกจัดขึ้นมาตั้งแต่เจ็ดโมงเพราะเจ้าของบ้านเป็นผู้บริหารที่ไปทำงานแต่เช้าตรู่เสมอ

ทันทีที่พีรพัฒน์พยักหน้ารับ นางบัวศรีก็หายวับเข้าไปในห้องรับประทานอาหาร และเมื่อชายหนุ่มเดินตามเข้าไปสมทบก็พบว่าโต๊ะอาหารถูกจัดไว้เรียบร้อยแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้เขาต้องเผลอเลิกคิ้วขึ้นมาก็คือจานข้าวบนโต๊ะอาหารนั้นมีจัดไว้แค่ชุดเดียว

“กับข้าวออกจะหนักหน่อยนะคะ” นางบัวศรีบอก “ถ้าคุณพีไม่ชอบ จะรับเป็นขนมปังปิ้งหรือกาแฟไหมคะ ป้าจะเตรียมให้”

“ไม่เป็นไร” พีรพัฒน์ส่ายหน้าปฏิเสธเบาๆ เขามองอาหารเช้าที่แม่บ้านออกตัวว่าค่อนข้างหนัก มีผัดบล็อกโครี เอ็นไก่ทอดกระเทียมกับแกงส้มดอกแค สำหรับเขา กับข้าวมื้อเช้าแบบนี้ไม่ใช่ของหนักเพราะข้าวเช้าทุกวันที่บ้านสวนก็เหมือนกับข้าวมื้ออื่นทั่วๆไป

“แล้ววริณสิตาล่ะ ยังไม่ตื่นหรือ” พีรพัฒน์ถามเมื่อทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้ขณะที่นางบัวศรีตักข้าวใส่จานให้ คนเป็นแม่บ้านคลี่ยิ้มกรุ่นกำจาย อดหัวเราะเบาๆไม่ได้เมื่อนึกถึงเจ้าคนที่ถูกถาม วันนี้นางคงต้องขอฟ้องความจริงอะไรบางอย่างสักหน่อยล่ะ

“โอย ไม่ใช่หรอกค่ะ” นางบัวศรีว่า “รายนั้นน่ะตื่นก่อนป้าเสียอีก ตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่ก็มาเคาะห้องเรียกแล้วว่ามีอะไรให้ช่วยทำไหม” ว่าแล้วก็อดที่จะส่ายหน้าด้วยความนึกเอ็นดูไม่ได้ เด็กอะไรจะตื่นขึ้นมาหุงข้าวหุงปลาตั้งแต่ยังไม่ตีห้า สมัยนี้น่ะหาไม่ได้แล้ว!

“แล้วก็นี่แหละค่ะ ผลงาน กับข้าวกับปลาหลายอย่างนี่ เจ้าจิ๊บมันขันอาสา ออกความคิดช่วยป้าทำทั้งนั้น ไม่มีจะยอมอยู่นิ่งๆเฉยๆล่ะ มันน่ะขยันขันแข็งจริงๆ”

ขยันขันแข็ง พีรพัฒน์พยักหน้ารับรู้ ดูท่าเด็กนั่นก็น่าจะเป็นอย่างนั้นอยู่

“อือ แล้วนี่เขาไปไหนเสียล่ะ ทำไมไม่เห็นมาทานกับข้าวฝีมือเขา”
“อ่า...คุณพีจะ...จะให้เจ้าจิ๊บมันขึ้นมาร่วมโต๊ะที่เรือนใหญ่ด้วยหรือคะ”

แต่ราวกับคำถามนั้นมีอะไรผิดแผกไป ชายหนุ่มผู้มีศักดิ์เป็นนายเหลือบตามองหน้าแม่บ้านทันที

“ใช่ ทำไมหรือ” น้ำเสียงเรียบๆแม้ไม่บ่งชัดว่าขุ่นใจอะไรหรือไม่ แต่ก็ทำให้นางบัวศรีชักร้อนๆหนาวๆ
“อ่า...จะ...จะดีหรือคะ คือป้าเกรงว่ามันจะ...”
“จะอะไร” พีรพัฒน์ถาม น้ำเสียงเข้มขึ้นนิดอย่างสัมผัสได้ “ผมไม่ได้ให้เขามาอยู่บ้านหลังนี้ในฐานะเด็กรับใช้นะป้าบัวศรี” แล้วประโยคนั้นทำให้แม่บ้านวัยหกสิบห้าปีกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะใช่ว่านางจะไม่บอก แต่นิสัยอย่างเจ้าจิ๊บนั่น ยอมฟังเสียที่ไหน

‘ไม่หรอกมั้งจ๊ะ คุณพีเขาคงไม่ถามถึงจิ๊บหรอก’

แล้วตอนนี้เป็นอย่างไร โธ่! เจ้าจิ๊บนะเจ้าจิ๊บ ทำป้าลำบากอีกจนได้!

ชายหนุ่มรวบช้อนและส้อมเข้าด้วยกันเสียงดังกริก

“เด็กคนนั้นอยู่ไหน ไปตามเขามาพบผมเดี๋ยวนี้เลย”


“ลุงจ๊ะ” เสียงใสๆที่ร้องทักจากข้างหลังทำให้นายก้านที่กำลังง่วนกับการรดน้ำต้นกุหลาบริมกำแพงต้องหันไปมอง อดีตคนขับรถวัยหกสิบหกเห็นเด็กสาวผมยาว หน้าตาสดใสกำลังเดินลิ่วตัดสนามหญ้าเข้ามาหา

“ทำอะไรอยู่หรือจ๊ะ” สาวน้อยถาม แม้สภาพการแต่งกาย เสื้อเชิ้ตเก่าๆสีเทา กางเกงขายาวและรองเท้าฟองน้ำสีดำนั้นไม่บ่งสักนิดว่าเด็กสาวคนนี้มีสถานภาพดีกว่าคนใช้หรือคนงานทั่วไป แต่นายก้านก็ยังตอบด้วยความสุภาพเกรงใจ

“ก็รดน้ำ พรวนดิน ดูแลต้นไม้ทั่วๆไปละครับคุณ”

ทว่าเด็กสาวที่ถูกเรียกคุณกลับดูตกใจ

“ลุง” วริณสิตาเบิกตานิดๆ “ลุงไม่ต้องเรียกจิ๊บว่าคุณหรอกนะจ๊ะ จิ๊บไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้น”
อดีตคนขับรถคุณอังกาบยิ้มอย่างเอ็นดู นายก้านเองได้ยินกิติศัพท์เรื่องถ่อมตนคิดว่าตัวเองอยู่ในฐานะคนใช้จากปากเพื่อนร่วมอาชีพบ่าวอย่างนางบัวศรีก็เมื่อตอนหัวค่ำคืนวาน ยังจำได้อยู่ว่าตัวเองน่ะนั่งขำ

‘อพิโธ่อพิถังกะละมังหม้อน่ายายศรี! เด็กรับใช้อะไรคุณพีแกจะห่วงขนาดนั้น’
อดีตคนขับรถยังจำได้ดีอีกต่างหาก ว่าคนเล่าให้ฟังยังพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย

‘ก็นั่นซี ข้าก็คิดๆอยู่’
‘คิดอะไร แกคิดอะไรฮึ?’
‘ก็คิดว่าคุณพี แกจะอุปการะเจ้าจิ๊บในฐานะไหนน่ะสิ’
‘อืม! ก็สงสัยจะให้เป็น...’
‘ไฮ้! หยุด! หยุดเชียวนะตาก้าน อย่าได้ไปคิดอกุศลเชียว ยังไงๆคุณพีเธอก็เป็นหลานของคุณอัง ระวังเถอะ คิดอะ?ไรบา?ปกรรม ระวังขี้ก?ากจะกินหัว!’

นึ?กขึ้นมาอดีตคนขับรถก็?ได้แต่ส่ายหน้าขำๆ เออแน่ะ! ก็ยังไม่ทันพูดสักคำ ว่าท่านเจ้าบ้านอาจจะให้แม่หนูนี่เป็น...น้องสาวละเอ้า!

ระหว่างกำลังคิดอยู่ด้วยความนึกขำ เสียงใสๆก็เอ่ย

“ลุงดูแลต้นไม้อยู่ใช่ไหมจ๊ะ งั้นให้จิ๊บช่วยนะ พรวนดินก็ได้” แล้วก็ไวเท่าคำพูดเมื่อเด็กสาวตรงเข้าไปคว้าส้อมพรวนที่นายก้านเตรียมไว้ แล้วนั่งลงแซะดินชื้นๆขึ้นมาทันที ทำเอาอดีตคนรถต้องห้ามเสียงหลง

“โธ่!ๆ คุณๆ ไม่ต้องครับ ไม่ต้อง เดี๋ยวขี้ดินจะเปื้อนเอา”

แต่คนถูกห้ามฟังเสียที่ไหน สาวน้อยตอบฉะฉานมั่นใจ

“เปื้อนเดี๋ยวก็ซักเอาก็ได้ ไม่เห็นเป็นไรเลย”

“โธ่คุณ!” นายก้านได้แต่ร้องครางพลางเกาหัวแกรกๆ ก็เพิ่งประจักษ์ตามไอ้คำบ่นของนางบัวศรีอีกอย่างไปจังๆก็หนนี้

‘โอย! ห้ามน่ะฟังที่ไหน ตื้อจะช่วยทำให้ได้ ข้านี่เซี้ยวเสียวว่าคุณพีเธอจะมาว่าเอาพิลึกล่ะ!’
เออ! นาทีนี้อดีตคนรถชักจะเข้าใจหัวอกยายศรีขึ้นมาตะหงิดๆ

“อือ ว่าแต่ทำไมกุหลาบพวกนี้ถึงโทรมอย่างนี้ล่ะจ๊ะลุง” วริณสิตาถาม มองดูแนวต้นกุหลาบที่ปลูกขนาบไปจนสุดกำแพงรั้วของบ้าน คิดอยู่ในใจ ถ้าแนวต้นกุหลาบไม่ได้มีหลายต้นที่ทรุดโทรมจนเหลือแต่ก้าน มันก็คงออกดอกสวยงามสร้างสีสันให้สนามหญ้าหน้าบ้านนี้ชวนมองแน่ๆ

“มันก็ขาดคนดูแลน่ะครับคุณ ตั้งแต่คุณอังท่านเสีย เจ้าอ่ำที่มันทำหน้าที่เป็นคนสวนก็ลาออกไป ไอ้ลุงก็เป็นแต่คนขับรถมาตลอด พอจะเปลี่ยนหน้าที่มาเป็นคนสวนให้คุ้มกับที่คุณพีท่านเมตตาให้อาศัยทำงานต่อ มันก็ไม่ค่อยจะได้ความ จนยายศรีมันค่อนว่าลุงน่ะเป็นคนมือร้อน หยิบจับต้นไม้อะไรก็ตายหมด”

“โธ่! จิ๊บว่าไม่ใช่อย่างนั้นหรอก” สาวน้อยบอก “ยายบอกว่า มือร้อนมือเย็นก็เป็นแค่คำอุปมาอุปมัย การดูแลต้นไม้ขึ้นอยู่กับการเอาใจใส่และเข้าใจต้นไม้มากกว่า ต้นไม้แต่ละอย่างก็ต้องการน้ำต้องการอาหารไม่เท่ากันนะจ๊ะ อยู่โรงเรียนจิ๊บอ่านหนังสือเรื่องการเกษตรมาเยอะเลย จิ๊บชอบปลูกต้นไม้จ้ะ ที่บ้านจิ๊บนะจ๊ะมีสวนครัวที่ยายกับจิ๊บช่วยกันทำด้วย ลุงรู้มั้ย ผักสวนครัวเนี่ยช่วยได้เยอะ เพราะจิ๊บกับยายไม่ต้องเจียดเงินไปซื้อผักที่ตลาดกินเลยนะจ๊ะลุง ประหยัดไปได้หลายเลยล่ะ”

วริณสิตาคลี่ยิ้มออกมายามบอกเล่า มันเป็นความสุขใจเมื่อได้นึกถึงวันเก่าๆที่อยู่กับยาย แม้จะอัตคัตขัดสนเงินทองกันบ้างในบางครั้ง แต่เธอกับยายก็มีความสุขตามอัตภาพกันไป นึกมาถึงตรงนี้รอยยิ้มสดใสก็เจื่อนจืด เด็กสาวอดจะคิดถึงบ้านไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นอย่างไร ต้นไม้ต้นไร่ของเธอจะเริ่มแห้งเหี่ยวขาดน้ำไปบ้างแล้วหรือไม่ และถ้าไม่มีใครไปใส่ใจดูแล สวนครัวของเธอก็คงจะหายไปเป็นแน่...

สาวน้อยพรวนดินใต้โคนกุหลาบด้วยท่าทีเซื่องลง

“จิ๊บ เจ้าจิ๊บ เจ้าจิ๊บเอ้ย!” ทว่าเสียงเรียกที่ดังขึ้นก็ส่งผลให้เจ้าของชื่อต้องเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะหันไปหาคนเป็นต้นเสียง ร่างเจ้าเนื้อของนางบัวศรีกำลังก้าวฉับๆตัดสนามเข้ามาหาทั้งวริณสิตาและนายก้านด้วยหน้าตาที่ค่อนข้างขึงขัง เห็นอย่างนั้นสาวน้อยก็รีบดีดตัวลุกขึ้น แต่สีหน้ายุ่งๆของนางบัวศรีก็ยังไม่คลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเดินเข้ามาถึงตัวเธอ

“ไฮ้! มาทำอะไรอย่างนี้เนี่ย” แล้วแม่บ้านวัยหกสิบห้าก็บ่น พร้อมยื่นมืออูมๆมาจัดการดึงส้อมพรวนออกจากมือวริณสิตาจนสาวน้อยต้องร้องอ้าวด้วยความงุนงง

“เดี๋ยวสิจ๊ะป้า อะไรกัน?”
“จะมาด๋งมาเดี๋ยวอะไร ไปๆ ไปล้างมือให้สะอาดเดี๋ยวนี้เชียว”

“ทำไมล่ะจ๊ะ?” วริณสิตายังไม่เข้าใจ ก็ก่อนที่จะออกมาสนามหน้าบ้านเธอก็จัดการบอกนางบัวศรีแล้วว่าจะมาดูๆช่วยงานนายก้าน แล้วทำไมนางบัวศรีถึงยังได้ตามมาห้ามอีกเล่า

นางบัวศรีนั้นก็ได้แต่ค้อนขวับประหลับประเหลือกกับคำถาม แต่ยังไม่ทันจะได้แจกแจงแถลงถึงงานที่เด็กสาวทำเข้าตัวนางอย่างเต็มๆ เสียงแตรรถยนต์ที่บีบยาวๆก็กรีดดัง

“ปริ๊นนนนนนๆๆๆ”

นางบัวศรีถึงกับสะดุ้งกับเสียงที่ดังขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย สามชีวิตริมขอบสนามหญ้าต่างก็หันไปมอง แล้วก็ได้เห็นรถสปอร์ตสีดำแล่นปราดมาจอดรอหลังประตูรั้วอัลลอย และเมื่อเสียงบีบแตรยาวๆติดๆกันดังขึ้นอีกสามครั้ง ประตูรั้วหน้าบ้านที่ควบคุมด้วยรีโมทก็เปิดออก พร้อมๆกับรถสปอร์ตคันนั้นก็พุ่งทะยานเข้ามาด้วยความเร็ว
อาคันตุกะผู้มาเยือนตอนเช้าขับรถวนอ้อมน้ำพุที่อยู่กลางสวนหย่อมหน้าบ้าน ก่อนพุ่งไปจอดเทียบเชิงบันไดหินอ่อนที่ตอนนี้ปรากฏร่างของเจ้าของบ้านหนุ่มออกมายืนต้อนรับ

ไม่จำเป็นต้องทบทวนอะไรสักกระผีกวริณสิตาก็จำได้ ว่ารถคันนี้ก็คือคันที่เธอเห็นเมื่อคืน รถของหญิงสาวคนสำคัญ และทันทีที่ร่างประเปรียวสวยสง่าในชุดทำงานสูทสีครีมเปิดประตูรถลงมา สิ่งแรกที่วริณสิตาได้พบก็คือ...

สายตาที่จ้องเขม็งมาที่เธออย่างไม่มีกะพริบเลย!
...........



ปาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 เม.ย. 2554, 13:14:35 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 เม.ย. 2554, 16:15:04 น.

จำนวนการเข้าชม : 3118





<< ตอนที่ 12   ตอนที่ 14 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account