กรรมสิทธิ์หัวใจ
“แล้วทำไมหนูถึงต้องทำตามที่คุณพีต้องการทุกอย่างด้วยเล่า!”

วริณสิตาตะโกนก้อง ราวกับจะร้องเพื่อปลดปล่อยอารมณ์ร้อนที่สุมในใจ สาวน้อยหารู้ไม่ ว่าการกระทำนั้นทำให้ดวงตาคมปลาบเบิกขึ้นสว่างวาบ

พีรพัฒน์ตวัดต้นแขนเล็กที่จับไว้ในมือให้ถลาเข้ามา กระซิบเย็นเยียบ หน้าเกือบประชิดหน้า

“เพราะเธอ คือ ‘กรรมสิทธิ์’ ของฉันไงล่ะวริณสิตา!”

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 14

ตอนที่ ๑๔

นั่นละสินะ ยายเด็กที่มาขออาศัย!

หทัยรักหรี่ตาและจ้องเขม็งไปยังสาวน้อยร่างบางแปลกหน้าที่ยืนอยู่ริมสนามหญ้าร่วมกับสองคนใช้ หทัยรักจ้องเป๋งอยู่เกือบอึดใจก่อนจะคลี่ยิ้มเหยียดๆออกมา

เฮอะ! สาวสวยนึกสบถอยู่ในใจ นี่เมื่อคืนเธอต้องนอนไม่หลับทั้งคืนเพราะยายเด็กผู้หญิงหน้าตาบ้านๆแถมตัวดำปิ๊ดอย่างนี้เนี่ยนะ เสียประวัติที่สุด!

หทัยรักเหลือกตาขึ้นฟ้าเมื่อสรุปกับตัวเองได้ว่า ไม่ใช่เรื่องสักนิดที่ต้องไปเขม่นมองพวกคนรับใช้แบบนั้น สาวสวยดันปิดประตูรถปิดเบาๆก่อนหันไปคลี่ยิ้มหวานให้กับเจ้าของบ้านหนุ่ม

“อรุณสวัสดิ์ค่ะ หวังว่ารักคงไม่ได้มารบกวนพีเช้าเกินไปหรอกนะคะ”

พีรพัฒน์ส่ายหน้า ยิ้มบางๆตามมารยาทพึงกระทำ

“ไม่หรอกรัก ใครจะไปคิดอย่างนั้นกับคุณ”

สาวสวยยิ้มกว้างกว่าเก่าขณะก้าวขึ้นบันไดหินอ่อนไปหาคนพูด และถึงแม้จะคิด ว่ามิใช่เรื่องแล้วสักนิดที่จะไปกังวล แต่หัวข้อที่หทัยรักเลือกใช้เพื่อเปิดฉากสนทนาก็ยังไม่พ้นไปจาก เรื่องยายเด็กหน้าบ้านๆที่ยืนอยู่ริมสนามหญ้านั่นล่ะ

“นั่นน่ะหรือคะ เด็กที่มาขอความอุปการะจากคุณป้าอัง” หทัยรักถาม ใบหน้ารูปไข่ผินไปมองเด็กสาวอีกครั้งอย่างเยาะยิ้มกระหยิ่มในใจยามเมื่อได้ยินเสียงนุ่มทุ้มตอบรับ “ใช่” อยู่ข้างๆ แต่นั่นก็ก่อนที่จะได้เห็นแผ่นหลังพีรพัฒน์โผล่เข้ามาอยู่ในสายตา เท่านั้นละ คนกระหยิ่มยิ้มย่องแทบจะเหวอ
ก็อีตาบ้านั่นก้าวลงบันไดไปเฉยโดยไม่ได้นึกสักนิดเลยว่าผู้หญิงสวยๆอย่างเธอเพิ่งจะนวยนาดขึ้นบันไดมาเพื่อจะยืนเคียงกับเขา!

อ๊าย! หทัยรักได้แต่แอบกรีดร้องขัดเคืองอยู่ข้างใน ก่อนจะต้องสะกดอารมณ์ขุ่นๆไว้แล้วรีบก้าวถี่ๆตามพีรพัฒน์ลงไปอีกครั้ง พีรพัฒน์เดินมาหยุดอยู่ริมขอบสนามหญ้าอีกด้านขณะที่สาวสวยก็พยายามตามมายืนข้างๆเขาจนได้

“วริณสิตา มาตรงนี้หน่อยซิ”

คนถูกเรียกได้แต่กะพริบตา อึดใจหนึ่งที่สาวน้อยต้องใช้เวลาตั้งสติ เพราะคำสั่งสั้นๆนั้นแม้ไม่มีความดุดัน แต่ก็ฟังเฉียบขาดและทรงอำนาจเหนือเธอนัก

ใช่...ก็คุณพีเขามีศักดิ์เป็นผู้ปกครองเธอแล้วนี่ เขาก็ย่อมมีสิทธิ์ ‘สั่ง’ เธอได้สิ ก็อย่างที่เขาเคยสั่งให้เธอกินยาแล้วเข้านอนเมื่อคืนนี้อย่างไร แต่...วริณสิตาก็ไม่เข้าใจเอาเสียเลย ว่ากับการสั่งครั้งนี้ ทำไมเธอถึงรู้สึกไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่เลย

อาจเพราะสายตาของสาวสวยแปลกหน้าที่เริ่มเขม่นมองเธออย่างจริงจังอีกครั้งกระมัง วริณสิตาหันไปมองนางบัวศรีอย่างขอความเห็น

“ไป ไปเร็วๆเถอะ คุณพีเธอเรียกแล้ว ที่ป้าลงมาตามเนี่ยก็เพราะเรื่องนี้แหละ ไปๆ อย่าให้คุณๆเขาต้องรอนาน” แล้วสรรพนามที่บอกความมากกว่าหนึ่งก็ทำให้สาวน้อยต้องแข็งใจ กลืนน้ำลายลงคอก่อนเดินตัดสนามหญ้าเข้าไปหา ‘คุณๆ’ ด้วยทีท่าเกรงๆ

วริณสิตาหยุดตัวเองลงเมื่อมองเห็นปลายรองเท้าหนังสีดำที่ยืนเคียงกับส้นสูงสีครีมในสายตา เด็กสาวได้แต่ก้มหน้า มิอาจหาญอยากพินิจพิจารณาคนที่อยู่ในฐานะสูงส่งกว่าตนมากๆอย่างนั้น กระทั่งได้ยินเสียงนุ่มทุ้มสั่งอีกครั้ง

“เงยหน้าขึ้นมาซิ”

เมื่อนั้นสาวน้อยจึงค่อยๆเงยขึ้นมา แล้วภาพที่ปรากฏแก่สายตาก็คือชายหนุ่มที่เริ่มจะคุ้นหน้า กับหญิงสาวในชุดสูททำงานสีครีมที่สวยสง่า ใบหน้าเรียวเป็นรูปไข่ถูกล้อมกรอบไว้ด้วยผมเส้นเล็กที่ยาวสลวยเคลียไหล่ ดวงตาโตสุกใสมีประกายคมกล้า แก้มก็เนียนสวยเป็นสีชมพูระเรื่อใส ริมฝีปากรูปกระจับแต้มลิปติกสีแดงกลีบกุหลาบ ตัดกับผิวกายที่ขาวราวไข่ปอก

สาวน้อยแทบลืมกะพริบตา เมื่อคืนนี้ได้เห็นจากระยะไกลวริณสิตาก็รู้สึกได้ว่าหญิงสาวคนนี้ต้องสวยพอๆกับดารา หรือไม่ก็เทพีสงกรานต์ประจำหมู่บ้านเธอแน่ๆ แต่พอได้มาพิศระยะใกล้ วริณสิตาก็ไม่คิดว่าหญิงสาวคนนี้จะสวยอย่างกับดาราหรือเทพีหน้าไหนเสียแล้ว

แต่คุณเขาสวยราวนางฟ้านางสวรรค์ไม่มีผิด

“นี่คือคุณหทัยรัก เพื่อนฉัน รู้จักไว้สิ”
“เอ่อ...สะ...สวัสดีค่ะ” วริณสิตารีบยกมือไหว้หญิงสาวที่ทั้งหน้าตา ฐานะและอาวุโสสูงกว่าอย่างเทียบกันมิได้ทันที แต่สาวสวยที่ถูกไหว้ไม่ได้กล่าวทักทาย ไม่ได้รับไหว้ ไม่แม้แต่จะมองหน้าเธอด้วยซ้ำ หทัยรักหันไปหาพีรพัฒน์

“ชื่อวริณสิตาหรือคะเด็กคนนี้” เสียงหวานๆเอ่ยถาม แต่ไม่ทันที่ใครจะได้ตอบ เจ้าของเสียงก็บอก
“ไม่เหมาะกับตัว”

คำพูดนั้นบ่งให้รู้ได้ชัด ว่าประโยคข้างต้นที่คล้ายๆจะเป็นคำถาม แท้จริงแล้วไม่ใช่ ชายหนุ่มขยับกายเล็กน้อย เขายิ้มแผ่วบางยามบอกให้อีกฝ่ายรู้ไว้

“ชื่อนี้ป้าอังเป็นคนตั้งน่ะ”

“อ้าว! เหรอคะ” หทัยรักร้อง ไหวไหล่ขึ้นน้อยๆราวกับนั่นเป็นเรื่องจิ๊บจ้อยขี้ประติ๋ว “แหม! คุณป้าอังเนี่ย ท่านเป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์เลิศๆเสมอเลยนะคะ”

หญิงสาวหัวเราะเบาๆก่อนหันมาทางวริณสิตา

“เธอโชคดีจริงๆเลยนะจ๊ะ ที่มีชื่อเพราะขนาดนี้” แล้วหญิงสาวคนที่วริณสิตาคิดว่าสวยเหมือนนางฟ้าก็ปิดท้ายประโยคนั้นด้วยรอยยิ้มหวาน ทว่าสำหรับคนที่เพิ่งถูกวิจารณ์ ว่าชื่อไม่เหมาะกับตัวนั่น เหมือนจะยิ้มไม่ออก วริณสิตาได้แต่ก้มหน้าลงมาและไม่ได้เอ่ยอะไร แต่ราวกับกิริยาอย่างนั้นจะเป็นการกระทำอันไม่เหมาะอย่างร้าย เพราะหทัยรักอุทาน ‘ต๊าย’ ออกมาเบาๆ

“นี่เธอจ๋า” เสียงคนที่สวยอย่างนางฟ้าเอ่ยอีก “เวลาเจ้านายเขาเอ่ยชมน่ะ เธอควรจะต้องกล่าวขอบคุณสักหน่อยนะ ไม่ใช่เอาแต่ก้มหน้า มันจะดูไม่มีมารยาท รู้หรือเปล่าจ๊ะ”

วริณสิตาหน้าร้อนเห่อ แต่แน่นอนว่าสถานะอย่างเธอจะทำอะไรได้ นอกจากก้มหน้าแล้วอดทน!

หทัยรักลอบยิ้มออกมาเมื่อเห็นทีท่าของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า

ฮึ! นี่ล่ะ ผลตอบแทนสำหรับคนที่บังอาจทำให้สาวสวยระดับ ‘หทัยรัก วรโชติ’ ต้องขุ่นข้องหมองใจ! แต่ไม่ละ! เพิ่งโดนเท่านี้ใครจะไปพอใจ หทัยรักเลิกคิ้วขึ้นสูงเป็นวาก่อนจะหันหน้าไปหาพีรพัฒน์อีกครั้ง

“โธ่! พีคะ” หทัยรักแสร้งว่า “รักเข้าใจแล้วละค่ะ ที่พีเคยขอให้รักช่วยเป็นธุระจัดการดูแลเด็กคนนี้ เขาไม่ค่อยจะรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับมารยาทที่ควรปฏิบัติต่อเจ้านายเลยจริงๆ”

ลำพังแค่การถูกตำหนิต่อว่าก็ส่งผลให้ผิวแก้มวริณสิตาร้อนเห่อขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้แล้ว แต่นั่นก็อาจจะยังไม่ร้ายเท่ากับเสียงถอนหายใจที่ดังขึ้น ก่อนเสียงนุ่มทุ้มเสียงเดิมจะเอ่ย

“เวลาที่ผู้ใหญ่ให้คำชม เป็นเด็ก ก็ควรจะกล่าวขอบคุณ นั่นเป็นสิ่งที่ควรต้องทำวริณสิตา”
กับประโยคนั้น คนที่ถูกเอ่ยชื่อออกมาก็บอกไม่ถูกเลยว่ารู้สึกอย่างไร วินาทีนี้กระแสเสียงเอื้อนเอ่ยที่เคยทำให้ความกังวลหนักอึ้งในหัวใจ มลายหายไปดังขึ้นในมโนสำนึก

ก็เธอยังไม่บรรลุนิติภาวะ เพราะฉะนั้น ฉันจะอยู่ในฐานะผู้ปกครองของเธอ เข้าใจมั้ย

ฉันจะอยู่ในฐานะผู้ปกครองของเธอ...

ผู้ปกครองของเธอ!

คำพูดนั้นได้แต่ดังซ้ำไปซ้ำมา อย่างกับจะตราให้ชัด ประทับไว้เป็นสำคัญว่า...

ฉันจะอยู่ในฐานะผู้ปกครองของเธอ!

คิดไปคิดมาก็ตลก วริณสิตา! ตลกนัก ที่ดันหลงเข้าใจไปว่า คำว่า ‘ผู้ปกครอง’ ของเขาจะมิได้หมายถึงความเป็นเจ้าเป็นนายเลยสักนิด!

นึกแล้ว...คนคิด...ก็ค่อยๆกระพุ่มมือขึ้น

“ขอบคุณค่ะ...คุณหทัยรัก”

“อืม! ดีมากจ้ะ” หทัยรักคลี่ยิ้มพอใจ “เอาล่ะ เธอกลับไปทำงานพรวนดินถอนหญ้าอะไรตามหน้าที่ของเธอเถอะนะ ฉันกับคุณพีไม่มีธุระอะไรกับเธอแล้ว”

“ค่ะ” วริณสิตารับคำแผ่วๆ ก้มหน้า หมุนตัวและตั้งใจว่าจะรีบไปจากตรงนี้ให้ไวที่สุด แต่ทว่า
“เดี๋ยว”

วริณสิตาต้องชะงักอีกทีกับเสียงเรียก

“ฉันยังไม่ได้บอกให้เธอไปไหนเลยวริณสิตา” เสียงทุ้มๆเอ่ยออกมา นาทีนี้เด็กสาวได้แต่สูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ แม้จะยังรู้สึกแปลกปร่า เพราะชีวิตนี้ยังไม่เคยมีใครมาสั่งเธอด้วยคำสั่งทรงอำนาจแบบนี้มาก่อนเลย แต่เธอก็คงต้องทำใจให้ชิน

ใช่! เพราะต่อไปนี้วริณสิตาก็แน่ใจได้แล้วว่า ตัวเองก็มีหน้าที่และสถานะเป็นคนรับใช้เช่นเดียวกับนางบัวศรีและนายก้านนั่นละ แต่สิ่งที่เธอยังไม่เข้าใจ ก็คือทำไมก่อนหน้า เขาถึงต้องมาทำให้เธอไขว้เขวสับสนด้วย

เธอไม่เคยกลัวเรื่องต้องทำงานหนักลำบากลำบนอยู่แล้ว คนรับใช้ก็คนรับใช้สิ บอกกันตรงๆก็ได้ ทำไมต้องให้เธอรู้สึกไม่ดีเพราะถูกคนไม่รู้จักตำหนิต่อว่ากันซึ่งๆหน้าด้วย!

วริณสิตาสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆอีกครั้ง ก่อนหันกลับมา

“คะ? คุณพีมีอะไรจะให้ฉันรับใช้อีกหรือคะ” สาวน้อยพยายามบังคับเสียงตัวเองให้ปกติที่สุด
ทว่าแค่อึดใจ อึดใจเดียวจริงๆที่สาวน้อยแน่ใจ ว่าเห็นอีกฝ่ายเลิกคิ้วขึ้นนิด ก่อนเขาจะหันไปทางหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆกาย

“รัก” พีรพัฒน์เอ่ยด้วยเสียงนุ่มทุ้มตามแบบฉบับเขา ซึ่งสาวสวยที่ถูกเรียกก็คลี่ยิ้มให้ แถมเสียงขานรับก็หวานบาดใจ

“ขา? อะไรหรือคะ?”

ชายหนุ่มกะพริบตาช้าๆขณะสะระตะว่า เขาควรใช้ถ้อยคำใดหรือแบบไหนที่จะอธิบายให้สาวสวยตรงหน้าเข้าใจอะไรบางอย่างให้ถูกต้อง เพราะรู้ดีว่าหญิงสาวคนนี้เป็นคนอารมณ์ค่อนข้างร้อน และแน่นอน พีรพัฒน์ก็คิดว่าเจ้าหล่อนคงไม่ค่อยจะได้รับรู้อะไรที่ขัดใจบ่อยนักด้วย

“อืม...ผมว่า เราอาจจะมีการเข้าใจอะไรผิดเกิดขึ้นนิดหน่อยน่ะรัก”

“คะ?” คิ้วโค้งของหทัยรักเกิดอาการเลิกองศาขึ้นนิดหน่อย “เข้าใจผิดหรือคะ เอ...อะไรล่ะ?”
สาวสวยปิดคำถามด้วยท่าทางเอียงคอน้อยๆพร้อมกะพริบตาหน่อยๆอย่างสาวน้อยที่ดูจะน่ารัก อากัปกิริยานั้นส่งผลให้พีรพัฒน์ได้แต่คลี่ยิ้มนุ่มๆและดูอบอุ่นออกมา

“ก็...เรื่องวริณสิตา” เสียงเขาว่า “คือผมไม่ได้รับอุปการะเขาในฐานะคนงาน หรือคนรับใช้หรอกนะรัก”

แน่นอนว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่วริณสิตาคิดว่าจะได้ยินเลยสักนิด สาวน้อยเองเลยถึงกับต้องหันพรืดไปจ้องเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนพูดชนิดทันควันและงงงัน แต่นั่นก็ยังไม่มากเท่ากับหญิงสาวอีกคนแน่

“อะไรนะคะ” หทัยรักถาม น้ำเสียงหวานๆเปลี่ยนโทนเป็นเข้มขึ้นจนจับได้ชัด พร้อมๆกับรอยยิ้มและท่าเอียงคออย่างสาวน่ารักก็อันตรธานหายไปด้วย สาวสวยขมวดคิ้วมุ่น “หมายความว่ายังไงหรือคะ”

“รัก” พีรพัฒน์เรียก มิจำเพาะว่าคนตรงหน้าจะเป็นสาวสวยนามว่าหทัยรัก แต่ไม่ว่าใครก็ตาม พีรพัฒน์ไม่ต้องการให้ตนเองเป็นสาเหตุของความโกรธเคืองแม้แต่นิด ถ้าคุยกันอธิบายกันด้วยเหตุผลได้ ชายหนุ่มก็ทำเสมอ

“ผมไม่ได้รับช่วยเหลือวริณสิตาให้มาทำงานในฐานะคนงานหรือคนรับใช้หรอก” พีรพัฒน์อธิบาย “ในบ้านนี้ ผมไม่เคยคิดว่าใครจะเป็นคนใช้สักคน เพราะทั้งป้าบัวศรีหรือลุงก้านต่างก็เป็นคนเก่าคนแก่ของป้าอัง แล้วอายุอานามพวกเขาก็แทบจะเทียบได้กับเป็นญาติผู้ใหญ่ผมแล้ว เพราะอย่างนั้นผมเลยไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเป็นเจ้าใหญ่นายโตอะไรที่ต้องมีคนคอยพินอบพิเทารับใช้ อีกอย่างนะรัก...”

“แต่มันไม่เห็นจะเหมือนกันสักหน่อยนี่คะ!” หทัยรักสวนขึ้นก่อนที่พีรพัฒน์จะเอ่ยได้จบ “โอเค พีอาจจะไม่อยากคิด ไม่อยากมองว่าคนใช้อย่าง...เอ่อ...คือ คือรักหมายถึง ‘คนเก่าคนแก่’ อย่างแม่บัวศรีกับนายก้านน่ะค่ะ พีอาจจะไม่อยากมองว่าเป็นคนรับใช้ของพี เพราะพวกนั้นเคยทำงานรับใช้คุณป้าอังมา แต่ว่าเด็กนั่น”

“รัก” พีรพัฒน์เอ่ยอีกเรียกครั้งอย่างทันควัน หนนี้มือใหญ่หนาจัดการคว้ามือขาวๆเรียวบางไว้ได้ทันก่อนที่เจ้าของมือนั้นจะยกขึ้นชี้หน้า ‘เด็กนั่น’ ประกอบคำพูดตามประสาคนที่เป็นแต่เจ้านายและมีคนรับใช้มาตลอดชีวิต แต่ว่าปฏิกิริยาที่ชายหนุ่มตรงหน้าคว้ามือหญิงสาวไว้เช่นนั้น ในสายตาของสาวน้อยอีกคนที่ยืนงงติดแหง็กอยู่ตรงนั้นด้วย ภาพนั้นก็ไม่ผิดไปจากการตั้งใจปลอบประโลมหญิงสาวคนสำคัญให้สงบและใจเย็นลงแค่นั้น

วริณสิตารีบหลุบตาลงมองพื้นหญ้าเบื้องล่าง มีเพียงโสตประสาทเท่านั้นที่ได้ยินเสียงนุ่มทุ้มเอื้อนเอ่ย

“ก่อนหน้าที่ผมจะต้องเข้ามาดูแลจัดการเรื่องของป้าอัง ผมก็ไม่เคยมีคนรับใช้มาก่อนนะรัก คนเดียวที่คอยดูแลผม คอยซักผ้า ทำกับข้าวให้ผมทานก็คือแม่ แล้วยังไงล่ะรัก แม่ทำงานให้ผมแทบทุกอย่างแต่ผมก็ไม่เคยเห็นแม่เป็นคนรับใช้ งานบ้านหลายๆอย่างผมก็ช่วยแม่ผมทำมาตลอดตั้งแต่ผมจความได้ เพราะฉะนั้นผมว่าตัวเองคงไม่ชินแน่ๆถ้าจู่ๆผมต้องมีคนรับใช้ขึ้นมา”

เจอเหตุผลข้อนี้เข้าไปหทัยรักก็ได้แต่อึ้ง! แต่คนอย่างเธอไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆ หทัยรักเชิดหน้านิดๆ

“แล้วยังไงละคะ” หญิงสาวยังถามเสียงสะบัด “ถ้าไม่ใช่คนใช้แล้วพีจะรับอุปการะเด็กคนนี้ในฐานะไหน”
“ผู้ปกครองไงรัก” พีรพัฒน์ตอบชัด “ผมจะเป็นผู้ปกครองของเขา”

สาวสวยขมวดคิ้วมุ่นทันที และท่าทีแบบนั้นก็บ่งบอกภาวะอารมณ์ของคนตรงหน้าได้ดี พีรพัฒน์เลยตัดสินใจเอ่ย

“ถ้ารักจะกรุณา ก็เอ็นดูเขา จะมองว่าเขาเป็นน้องของผมสักคนก็ได้” แล้วชายหนุ่มก็ปิดคำพูดด้วยยิ้มละไม พร้อมสายตาที่จ้องสบใบหน้าผุดผาดของคู่สนทนาด้วยแววตาความจริงใจ ซึ่งแน่นอนว่า...ในสถานการณ์อย่างนี้น่ะ มันต้องเป็นบทแม่สาวขี้วีนตัวจริงเท่านั้น ถึงจะกล้าปรี๊ดแตก! หทัยรักจึงต้องอดทนข่มอารมณ์ตัวเองไว้สุดฤทธิ์ ใช่! เพราะถ้าอยากเป็นผู้ชนะ เธอก็จะต้องรักษาภาพสาวสวยผู้เมตตา ใจกว้างและรู้จักรับฟังเหตุผลไว้ให้ได้ แม้ข้างในเธออยากจะกรี๊ด! กรี๊ดและกรี๊ดให้ใครก็ตามที่มันเป็นต้นเหตุของความขุ่นเคืองใจครั้งนี้ให้วงแตกกระจายก็เถอะ!

หทัยรักแข็งใจ เค้นเอายิ้มหวานปานน้ำผึ้งหยดมาแต้มริมฝีปากบางสวยของตนจนได้ก่อนแสร้งตัดพ้อชายหนุ่มตรงหน้าเสียงชะอ้อน

“แหม! พีน่ะ ถึงกับต้องใช้คำว่ากรุณาเลยหรือ นี่เห็นว่ารักเป็นคนใจร้าย ไม่มีเหตุผลมากเลยหรือยังไงล่ะ ออกจะใจร้ายกับรักเกินไปหน่อยแล้วนะ” ว่าจบก็กระเง้ากระงอดใส่ให้เล็กๆก่อนจะหันไปทางเด็กสาว และหากว่าริมฝีปากสีกุหลาบนั้นยิ้มหวานเป็นทุนอยู่แล้ว งานนี้หทัยรักก็ยิ่งต้องเค้นให้หวานมากขึ้นไปอีกยามเมื่อเอื้อนเอ่ย

“ฉันต้องขอโทษเธอด้วยนะจ๊ะ ที่เข้าใจผิดไปว่าเธอเป็นคนรับใช้ หวังว่าเธอคงจะไม่โกรธฉันหรอกนะ ใช่ไหมจ๊ะ...วริณสิตา”

แม้จะงงจนตั้งตัวไม่ค่อยจะถูกอยู่บ้างกับทีท่าที่เปลี่ยนไปอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ แต่ว่า...

เขาคงไม่ได้ตั้งใจจะพูดออกมาหรอกมั้ง พวกถ้อยคำที่ทำให้เธอรู้สึกแย่ๆเมื่อกี้นั่น สาวน้อยได้แต่กะพริบตายามครุ่นคิด ใช่...เพราะคุณหทัยรักคนนี้ เขาก็พูดขอโทษเธอออกมาแล้วนี่ ดูท่าทาง...เขาก็คงเป็นคนดีอยู่เหมือนกันนั่นแหละ...

“ว่ายังไงล่ะจ๊ะ เงียบไปเลย โธ่! นี่เธอโกรธฉันจริงๆหรือจ๊ะวริณสิตา” สาวสวยตรงหน้าเริ่มออกอาการตีโพยตีพายส่งผลให้คนถูกถามต้องรีบส่ายหน้า ตอบเบาๆอย่างสุภาพ

“เอ่อ...มะ...ไม่ค่ะ ”

“แหม! น่ารักจริงๆเลยนะจ๊ะ อือ แต่ถึงยังไง ฉันก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดีที่เผลอพูดจาไม่ดีกับเธอ เอาอย่างนี้ดีกว่ามั้ย เพื่อเป็นการไถ่โทษ ให้ฉันได้พาเธอไปช้อปปิง ซื้อเสื้อผ้าใหม่กันดีไหมล่ะจ๊ะ”

“คะ?” วริณสิตาเบิกตาขึ้นมา เพราะนี่เรียกได้ว่ายิ่งกว่าจะเกินแปลกใจ แต่สาวสวยอีกฝ่ายก็ยังยิ้มหวานไม่คลาย มิหนำซ้ำสุ่มเสียงที่ใช้ก็ยังคล้ายจะหยอกเย้าเธอเล่นด้วย

“โธ่ๆ! ไม่เห็นต้องทำหน้าตาตกใจขนาดนั้นเลยนี่จ๊ะ” หทัยรักว่า ยิ้มบางๆฉาบขึ้นมุมปากแค่เพียงเสี้ยวของวินาทีก่อนที่จะว่าต่อไป “ก็ฉันดูแล้ว เห็นเสื้อผ้าของเธอมันก็ออกจะเก่าๆน่ะนะ ฉันก็เลย...เข้าใจผิดไปยังไงล่ะจ๊ะ!”

น้ำเสียงที่ใช้ก็เข้าข่ายปกติ แต่กับจังหวะจะโคนของประโยคนั้นก็ทำให้วริณสิตาต้องก้มหน้ามองสารรูปตัวเองอีกครั้ง และมันก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า คำว่า ‘เก่าๆ’ ที่อีกฝ่ายพูดจะทำให้หน้าทั้งหน้าร้อนเห่อขึ้นมาด้วยความอาย

ตลกน่าเจ้าจิ๊บ! วริณสิตาได้แต่นึกต่อว่าตัวเองในใจ เธอก็ไม่เคยมีเรื่องขุ่นข้องหมองใจกับคุณนางฟ้าคนนี้สักหน่อย มิหนำซ้ำเมื่อกี้เขาก็ยังพูดขอโทษเธอได้ง่ายๆเลย แล้วจู่ๆเธอจะไปรู้สึกหน้าร้อนๆเพียงเพราะเขาพูดความจริงว่าเสื้อผ้าเธอมันเก่าได้ยังไง!

แล้วคนคิดก็ได้แต่ก้มหน้า ยอมรับความจริงไปเงียบๆ ขณะที่หทัยรักก็ยังว่าอยู่เจื้อยแจ้ว

“แต่ตอนนี้ เธอต้องรู้นะจ๊ะ ว่าตัวเองได้รับโอกาสมาอยู่ในความดูแลของคุณพีเขาแล้ว คุณพีเขาเป็นคนมีหน้ามีตาในสังคม ฉะนั้นเธอก็ต้องพัฒนาการแต่งตัวให้ดูเหมาะสมกับฐานะของผู้ปกครองเธอหน่อยนะ เพราะถ้าขืนเธอยังแต่งตัว...สกปรกมอซออย่างนี้เนี่ย คนเขาก็จะนินทาผู้ปกครองของเธอได้ ซ้ำร้ายใครไม่รู้ก็จะเข้าใจผิดคิดว่าเธอเป็นคนใช้ เข้าใจใช่ไหมจ๊ะ วริณสิตา!”
....................



ปาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 เม.ย. 2554, 13:15:49 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 เม.ย. 2554, 19:27:11 น.

จำนวนการเข้าชม : 3312





<< ตอนที่ 13   ตอนที่ 16 >>
สะเรนี 19 เม.ย. 2554, 19:18:00 น.
คุณรักนี่ร้ายจริง


ยี้ก้อยแม้วน้อยกลอยใจ 25 มี.ค. 2555, 00:04:40 น.
ชีร้าย ยิ่งกว่าร้ายย


HoneyPuifai 10 ก.พ. 2556, 19:16:34 น.
ร้ายกาจจริงแม่คนนี้


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account