Crazy Laws กฏหมายฮาเดือด!!
เมื่อ "วินด์ ฮิลล์" นักเรียนกฎหมายปี 1 ผู้มีดีแค่หน้าตาแต่สติปัญญาอยู่ในระดับน่าอับอาย ต้องมาพานพบกับ "เวสต์ วิซ" ผู้ช่วยผู้พิพากษา ที่ถูกไหว้วานจากอาจารย์ีที่ปรึกษาของวินด์ ฮิลล์ ให้มาช่้่วยเข็นให้หนุ่มดีแต่รูปคนนี้เลื่อนชั้นไปได้ แล้วอะไรจะเกิดขึ้น..เมื่อสองคนนี้ต้องมาร่วมไขคดีไปด้วยกัน พร้อมกับ "ประมวลกฎหมาย" อาวุธประจำตัวนักเรียนกฎหมายทุกคน!?
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: มาตราที่ 7


มาตราที่ 7 : นักเรียนกฎหมายพึงปกปิดจุดอ่อนของตน


การเป็นผู้พิพากษามีข้อดีอย่างไร?


หากจะตอบแบบนางงามเข้าว่า คงต้องตอบว่าได้ช่วยพิทักษ์คุณธรรมให้กับโลก


แต่ถ้าจะตอบแบบสามัญชนสักหน่อย มันก็คงง่ายกว่าที่จะตอบว่า นั่นเพราะสิทธิพิเศษมากมายที่จะได้รับมาทันทีที่มีคำว่าผู้พิพากษานำหน้าชื่อ สิทธิพิเศษต่างๆนั้นแม้จะไม่รวมถึงการอนุญาตให้ผายลมในที่สาธารณะได้ แต่มันก็ครอบคลุมหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นรถประจำตำแหน่งติดตั้งกระจกกันกระสุน เสื้อเกราะกันกระสุนชนิดพกพา ปืนลูกซองกึ่งอัตโนมัติที่ได้รับแจกลูกกระสุนฟรีปีละครั้ง แต่ที่เหนืออื่นใดคงจะเป็นเรื่องของเงินเดือน!!


ภายในห้องทำงานที่ตกแต่งอย่างเรียบหรูในตึกแห่งหนึ่งของโรงเรียนกฎหมาย ชายหนุ่มผู้มีผมสีทองประกายชมพูกำลังนั่งจิบชาพร้อมกับอ่านหนังสือพิมพ์กรอบเช้าภายหลังจากที่เพิ่งทำงานที่คั่งค้างเสร็จ ร่างสูงนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้สักอย่างดี ขณะเอนหลังพิงกับพนักอย่างผ่อนคลายอารมณ์


มันเป็นกฎอันเข้มงวดที่ผู้พิพากษาตลอดจนบรรดาผู้ช่วยทั้งหลายจะต้องได้รับการเลี้ยงดูปูเสื่อเป็นอย่างดี เพื่อป้องกันไม่ให้โรคเครียดถามหา แม้ว่าจะยังไม่ได้ประดับยศของผู้พิพากษาไว้หน้าชื่อ แต่ลำพังแค่ตำแหน่งผู้ช่วยผู้พิพากษานี้ ก็มากพอที่จะได้รับห้องทำงานส่วนตัว แล้วยังเงินเดือนที่ทำให้คนหลงผิดมาเรียนต่อสายนี้กันเป็นจำนวนมาก แม้จะไม่รู้ว่าจะเรียนจบได้จริงหรือเปล่าก็ตาม


และหนึ่งในคนหลงผิดที่ว่านี้ก็กำลังวิ่งมาตามทางเดินในตึก พร้อมด้วยเสียงตะโกนเรียกอย่างที่กลัวคนทั้งตึกจะไม่ได้ยิน


“รุ่นพี่เวสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสฯลฯต์!!!”


ส.เสือในชื่อเลยจำนวน 10 ตัวไปไกล กว่าที่เจ้าตัวจะผลักประตูผัวะเข้ามาในห้องทำงานของคนที่เพียงแค่เลิกคิ้วขึ้นมองด้วยท่าทางหยิ่งยโสที่จนตายก็คงแก้ไม่หาย แต่ถึงจะดูหยิ่งยโสไปกว่านี้อีกสักกี่เท่า ถึงจะแผ่รังสีอันตรายว่าไม่น่าเข้าใกล้อีกมากสักแค่ไหน แต่มันก็คงไม่อาจหยุดยั้งวินด์ ฮิลล์ผู้กำลังอยู่ในอาการดีใจสุดขีดคนนี้ได้!?


“ผมรู้แล้วครับว่ารุ่นพี่ต้องการให้ผมดูรูปศพทำไม!!”


ประโยคเกริ่นนำเรียกความสนใจจากคนที่กำลังจะคว้าประมวลฯขึ้นมาโบกสั่งสอนได้อย่างชะงัด ดวงตาคู่สีน้ำเงินภายใต้กรอบแว่นปรากฏความประหลาดใจอย่างที่น้อยครั้งนักจะมี กับความคิดที่ว่าผู้ชายที่โง่แสนโง่คนนี้อาจจะเข้าใจในสิ่งที่ตนพยายามสื่อ?


วินด์ ฮิลล์วางรูปถ่ายของศพในมุมต่างๆนับสิบใบลงกับโต๊ะทำงานของรุ่นพี่ ก่อนจะพูดด้วยเสียงละล่ำละลัก


“พวกนี้คือรูปถ่ายของศพคู่สามีภรรยาเฟลแลนที่ถูกระบุว่าเสียชีวิตจากการถูกส้อมแทง และนี่คือรูปถ่ายเลนส์ขยาย 101 เท่าที่บริเวณปากแผล”


ภาพที่ปรากฏในรูปถ่ายรูปแรกคือรอยแผลสี่รอยที่ท่วมไปด้วยเลือดจนน่าจะยากแก่การจับสังเกตอะไร แต่ในภาพต่อมาที่ถูกถ่ายด้วยเลนส์ขยาย 101 เท่า มันก็ทำให้ภาพบริเวณรอยแผลนั้นสามารถเห็นได้ชัดแม้แต่ริ้วรอยบนผิวหนัง และเห็นแม้แต่ความผิดปกติบางอย่างที่อาจจะเป็นกุญแจสำคัญของคดีนี้


“เมื่อวันก่อนผมกลับไปนั่งดูรูปศพทั้งวันทั้งคืน ใช้หัวคิดก็แล้ว หัวเข่าคิดก็ยังไม่ออก จนผมแทบจะใช้หัวแม่เท้าคิดอยู่แล้ว..” วินด์ ฮิลล์อธิบายด้วยท่าทางภูมิใจนัก “ผมก็เลยยกเท้าขึ้นมา แล้วก็เลยบังเอิญเห็นรอยแผลจากการถูกไม้เสียบลูกชิ้นที่เท้าผมเข้า ผมจำได้ว่าตอนที่โดนแรกสุดมันเป็นรอยกลมๆแถมยังมีเสี้ยนไม้ตำอยู่เต็มไปหมด และมัน..ก็เหมือนกับแผลของไบรอัน เฟลแลนไม่มีผิด!!”


นิ้วชี้จิ้มจึ้กๆลงไปบนรอยแผลในรูปที่ปรากฏเป็นรูกลมสี่รูเรียงใกล้ๆกัน ภาพที่ขยายชัดทำให้เห็นเสี้ยนไม้ชิ้นเล็กๆที่ปรากฏอยู่บริเวณรอยแผล ซึ่งมันไม่น่าจะเป็นไปได้ที่ส้อมจะก่อให้เกิดอาการเสี้ยนตำอยู่ในรอยแผลแบบนี้ได้ และที่สำคัญที่สุด...


“ผมลองเอาไม้บรรทัดวัดระยะห่างของรอยแผลในรูปของไบรอัน เฟลแลนดูแล้ว ถ้าเป็นส้อมจริง ระยะห่างของรูทั้งสี่น่าจะเท่ากัน แต่นี่ปรากฏว่าไม่เท่าครับ มันมีความคลาดเคลื่อนอยู่มากพอควร เพราะฉะนั้น....”


ร่างโปร่งสูดลมหายใจเข้าสองเฮือกด้วยอาการระริกระรี้ ตรงข้ามกับอีกคนที่แม้จะยังเก๊กหน้าขรึมแต่ลึกๆลงไปแล้วก็แอบทึ่งกับการใช้สมองเป็นครั้งแรกของอีกฝ่าย โดยเฉพาะเมื่อคำพูดต่อมาของวินด์ ฮิลล์นั้นคือ...


“เพราะฉะนั้นผมขอสรุปว่าอาวุธที่ใช้สังหารคู่สามีภรรยาเฟลแลนจริงๆ คือไม้เสียบลูกชิ้น ไม่ใช่ ส้อมครับผม!!”


ตะโกนจบ..ร่างโปร่งก็รีบมองหน้าของคุณรุ่นพี่ที่เคารพด้วยอาการเหมือนลูกหมากำลังรอรับคำชม ซึ่งหากว่าวินด์ ฮิลล์เป็นลูกหมาจริงแล้ว ป่านนี้หูทั้งสองข้างก็คงกระดิกดุ๊กดิ๊กเป็นเจ้าเข้า แล้วหางยาวๆนั่นก็คงจะฟาดลงกับพื้นเป็นจังหวะรัวเร็ว ระหว่างที่ยืดคอรอคำชม...ที่คงจะไม่มีวันมาถึง


“............................แล้วไง?”


เสียงนุ่มทุ้มที่ย้อนถามมา มากพอจะทำให้หนุ่มรุ่นน้องถึงกับชะงักไปวูบ


“แล้วไง? ก็สรุปว่าไม้เสียบลูกชิ้นคืออาวุธตัวจริงแล้วไงครับ?”


“ถ้าอย่างนั้นจะอธิบายว่ายังไงเกี่ยวกับรอยแผลที่คอของดาเลีย เฟลแลน?” เวสต์ วิซเคาะนิ้วลงกับโต๊ะเบาๆขณะที่ยิงคำถามใส่คนที่ทำหน้าเป๋อเหลอไปแล้ว “รอยแผลของดาเลียแต่ละรูมีระยะห่างเท่ากันหมด แต่มีแค่รูเดียวจากสี่รูเท่านั้นที่มีเศษเสี้ยนไม้ฝังอยู่”


“เอ้อ..........”


“แล้วทำไมทั้งที่แม้แต่คนไม่ได้เรื่องอย่างนายยังดูออกว่ารอยแผลไม่น่าจะเกิดจากส้อม แต่ทำไมรายงานของแพทย์ชันสูตรศพกลับยืนยันว่าแผลพวกนี้เกิดจากส้อมแน่นอน?”


“เอ........”


“แล้วต่อให้ไม้เสียบลูกชิ้นเป็นอาวุธจริงแล้ว ใครกันแน่ที่เป็นฆาตกร?”


“ง่า...บางทีวิญญาณไม้เสียบลูกชิ้นอาจจะโกรธแค้นที่ถูกคุณดาเลียซื้อมาบ่อยเกินไป ก็เลยตัดสินใจเข้าควบคุมร่างของไม้เสียบลูกชิ้นแล้วทำการฆาตกรรม...โอ๊ย!!”


ประมวลกฎหมายอาญาเล่มยักษ์เสยเข้าเต็มปลายคาง หยุดเรื่องเหลวไหลเกี่ยวกับวิญญาณไม้เสียบลูกชิ้นได้อย่างชะงัด เวสต์ วิซถอนหายใจเฮือก..น่าแปลกที่กลับไม่รู้สึกโกรธเท่าที่คิดไว้ อาจเพราะปลงกับคนที่มีดีแค่หน้าคนนี้มานานแล้ว หรืออาจเป็นเพราะตั้งแต่แรกเขาก็ไม่ได้คาดหวังว่าอีกฝ่ายจะคาดการณ์ไกลมาได้ถึงขนาดนี้ เพราะฉะนั้นการที่อย่างน้อยหมอนี่ก็ยังดูออกเรื่องไม้เสียบลูกชิ้น ก็คงถือได้ว่า..เป็นพัฒนาการล่ะมั้ง?


เวสต์ วิซส่ายหน้าน้อยๆ มันช่างน่าเศร้าที่เขาผู้ที่ชอบตั้งมาตรฐานของตัวเองไว้สูงลิ่ว กลับยังต้องยอมแพ้และปลงตกกับความสามารถของเจ้าสิ่งมีชีวิตที่อยู่ต่ำกว่าค่าระดับมาตรฐานปกติคนนี้...


“ที่จริงเรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับคดีของนาย แต่โดยหลักแล้วเป็นเรื่องที่ควรต้องให้คนระดับฉันไปจัดการเองมากกว่า”


ชายหนุ่มโยนแฟ้มรายงานเล่มหนึ่งลงกับโต๊ะด้วยรอยยิ้มที่ดูจะมากกว่าปกติ


“ฉันให้คนไปสืบมาแล้ว ดูเหมือนว่า โรเจอร์ ฟอน แพทย์ชันสูตรศพคดีนี้จะจบมาจากมหาวิทยาลัยแพทย์แห่งเดียวกับแซม วินเตอร์ที่เป็นเพื่อนบ้านของสามีภรรยาเฟลแลน นอกจากนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็จัดได้ว่าไม่เลวทีเดียว ล่าสุดเมื่อครึ่งปีก่อน..โรเจอร์ประสบปัญหาทางการเงินจากการแทงม้า และก็ได้ไปขอกู้เงินจากแซม วินเตอร์มาเป็นจำนวน 1 ล้านเกล จนวันนี้ยังไม่มีการคืนเงินเลยแม้แต่เกลเดียว”


วินด์ ฮิลล์อ้าปากค้าง...ข้อมูลที่ได้รับรู้ว่าชวนให้น่าประหลาดใจแล้ว แต่การที่คุณท่านเวสสสสสสสสสสต์สามารถสืบรายละเอียดทั้งหมดนี้มาได้ภายในเวลาแค่ชั่วข้ามวันนั้น มันกลับทำให้เขายิ่งพูดไม่ออกมากกว่า


“โรเจอร์ ฟอนเป็นแพทย์ชันสูตรประจำโรงเรียนกฎหมายมาร่วมสิบปี ในระหว่างนี้เขาทำงานได้น่าไว้วางใจมาก จึงไม่น่าที่จะวินิจฉัยเคสง่ายๆแบบนี้พลาด ซึ่งแปลว่าถ้าเขาจะพลาด..ก็มีแต่ต้องจงใจให้พลาดเท่านั้น”


รอยยิ้มเย็นปรากฏบนมุมปากได้รูป มันเป็นรอยยิ้มในแบบที่วินด์ ฮิลล์นึกสวดมนต์ขอบคุณพระเจ้าแห่งกฎหมายในทุกค่ำคืนที่ไม่ทำให้เขาต้องตกเป็นเป้าหมายในความคิดของคุณรุ่นพี่เวลาที่กำลังยิ้มแบบนี้ เพราะร้อยทั้งร้อยมันไม่มีทางจะเป็นเรื่องดีไปได้...


และมันก็เป็นไปตามคาด เวสต์ วิซลุกขึ้นยืนพลางคว้าเสื้อนอกขึ้นมาสวม ก่อนจะหันกลับมาพยักหน้าให้กับเจ้าของคดีตัวจริงที่ยังขมุบขมิบริมฝีปากขอบคุณพระเจ้าไม่เลิก


“ครั้งนี้เป็นปัญหาที่เกิดจากเจ้าหน้าที่ทางฝ่ายกฎหมาย เพราะฉะนั้นฉันจะช่วยจัดการเค้นคอหมอนั่นให้เป็นกรณีพิเศษ...นายก็ตามมาด้วย”


“ครับผม!!”


วินด์ ฮิลล์รีบก้าวเท้าตามรุ่นพี่ไปอย่างว่าง่าย นึกรู้ว่าคดีนี้คงจะง่ายขึ้นอีกขั้นแล้วเมื่อมีผู้ชายที่ฉากหน้าเย็นชาแต่ลึกๆกลับเป็นพวกหัวรุนแรงคอยเป็นทัพหน้าให้ โดยเฉพาะว่ากันว่าเดินตามผู้ใหญ่หมาไม่กัด แต่การเดินตามหลังเวสต์ วิซผู้เห็นได้ชัดว่ากำลังโกรธเรื่องที่เจ้าหน้าที่ของโรงเรียนกฎหมายเป็นฝ่ายทรยศเองนี้ มันก็ช่างให้ความอุ่นใจเสียยิ่งกว่าเดินตามหลังหมาสักร้อยตัวด้วยซ้ำ!!



หรืออาจบางที...แค่ร้อยตัวอาจเป็นตัวเลขที่น้อยเกินไป......



นั่นคือความคิดที่เกิดขึ้นในอีกประมาณ 30 นาทีให้หลัง...หลังจากที่พวกเขาเดินเข้ามาในตึกพยาบาลอันเป็นที่ทำงานของบรรดาแพทย์ที่สังกัดโรงเรียนกฎหมาย แล้วคุณรุ่นพี่ที่เคารพก็เดินเข้าไปถามประชาสัมพันธ์ถึงห้องทำงานของนายแพทย์โรเจอร์ ฟอน


ในตอนแรกพยาบาลที่แผนกประชาสัมพันธ์แสดงความลำบากใจกับการต้องตอบคำถามนี้ แต่เห็นได้ชัดว่าฐานะว่าที่ผู้พิพากษาสูงสุดรุ่นต่อไปอย่างเวสต์ วิซน่าจะมีภาษีและอำนาจมืดเหนือกว่านายแพทย์คนหนึ่ง ดังนั้นเองในชั่วเวลาสั้นๆ วินด์ ฮิลล์ก็พบว่าตนได้เข้ามายืนอยู่ในห้องทำงานส่วนตัวของนายแพทย์ตัวปัญหา..ผู้ที่กำลังจะเป็นฝ่ายมีปัญหาบ้างแล้ว..!!


“อะไรกัน..พวกเธอเป็นใคร?”


นายแพทย์วัยกลางคนผลุดลุกขึ้นยืนทันทีที่เสียงเคาะประตูดังขึ้นแค่ 2 ครั้ง ก่อนที่ประตูจะถูกผลักเข้ามาโดยไม่รอคำอนุญาต และผู้ที่ก้าวเข้ามานั้นก็คือเด็กหนุ่มรุ่นลูกผู้มีผมสีทองแปลกตา และมีรอยยิ้มอย่างที่ชวนให้แปลกใจยิ่งกว่า..


“ผู้ช่วยผู้พิพากษา เวสสสสสสสสสสต์ วิซ รับผิดชอบดูแลคดีฆาตกรรมนายและนางเฟลแลน”


แค่ประโยคแรกที่อ้าปากก็แจ้งทั้งชื่อสกุล ฐานะ สาเหตุที่มาออกมาจนหมดสิ้น ก่อนที่ร่างสูงจะหยิบบัตรที่มีตรารูปนาฬิกาตอนเที่ยงตรงออกมาเป็นการยืนยันฐานะของตนในแบบฉบับมือโปร ในการกระทำทั้งหมดนี้กินเวลาทั้งสิ้นไม่ถึง 1 นาที และก็เป็น 1 นาทีอันแสนสั้นที่โรเจอร์ ฟอนแทบไม่มีเวลาแม้แต่จะคิดคำโต้ตอบได้ทัน..โดยเฉพาะเมื่ออีกฝ่ายวางรูปภาพของศพในคดีนั้นลงบนโต๊ะตรงหน้า!?


“คุณ..เป็นคนชันสูตรศพและแจ้งมาในรายงานว่า คู่สามีภรรยาเฟลแลนเสียชีวิตจากอาวุธส้อม ซึ่งบรรดานักเรียนกฎหมายคนก่อนหน้านี้ก็เลินเล่อพอที่จะไม่สนใจดูรูปศพให้ชัดเจน แต่ว่า..ครั้งนี้น่าเสียใจด้วยที่แผนการแจ้งผลการชันสูตรเท็จของคุณล้มเหลวแล้ว!”


“เธอพูดเรื่องอะไร..ฉันไม่เห็นรู้เรื่อง”


แพทย์วัยกลางคนค่อนไปทางชราเลือกจะใช้วิธีโกหกเก่าแก่ที่สุดด้วยการบอกว่าหนูไม่รู้หนูไม่เห็น แต่ถ้าคิดว่าวิธีนี้จะใช้ได้ผลกับผู้ชายที่ได้ฉายา เกรียน(ไม่)เงียบ คนนี้ล่ะก็..นับว่าคิดผิดมหันต์แล้ว!


เวสต์ วิซแย้มรอยยิ้มบางๆ มือทาบลงบนโต๊ะทำงานที่ขวางกั้นระหว่างตนและเหยื่อเอาไว้ ร่างสูงโน้มตัวลงไป 30 องศา มันเป็นมุมที่ได้รับการทดสอบมาแล้วว่าจะทำให้ผู้ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะรู้สึกว่าถูกคุกคามมากที่สุด และเมื่อบวกกับดวงตาสีน้ำเงินที่ทอประกายกร้าวคู่นี้ มันก็ยิ่งทำให้นายแพทย์โรเจอร์แทบกลายเป็นบุคคลที่น่าสงสารแห่งยุค


“คุณเองก็ทำงานที่นี่มานานน่าจะรู้กฎหมายดีนะคุณหมอ สิ่งที่คุณทำลงไปไม่ใช่แค่ผิดจรรยาบรรณแพทย์ แต่ยังผิดกฎหมาย ทั้งขัดขวางการสืบสวนของเจ้าพนักงาน จงใจสร้างรายงานเท็จ สมคบคิดกับฆาตกร..”


“ไม่!! แซมไม่ใช่ฆาตกร..!?”


พลั้งปากออกไปแล้วก็ถึงกับชะงัก นายแพทย์วัยกลางคนถึงกับหน้าถอดสี ตรงข้ามกับสีหน้ายิ้มหยันของคนสอบปากคำที่กำลังเป็นต่ออย่างเห็นได้ชัด


“ผมจะให้ทางเลือกกับคุณนะ คุณหมอ”


เสียงทุ้มดูจะอ่อนโยนขึ้นเล็กน้อย เช่นเดียวกับที่การคุกคามในตอนแรกก็ดูจะอ่อนลงไปมาก


“คุณเองก็คงรู้ว่าผมเป็นลูกศิษย์ของศาสตราจารย์ดีฟ อินเฟอร์โน ผู้พิพากษาสูงสุด ขอแค่คุณยอมสารภาพทุกอย่างออกมา ผมก็จะกันคุณเข้าไปเป็นหนึ่งในพยาน และเราจะไม่พูดถึงเรื่องโทษของคุณอย่างเช่นการไล่ออกจากงาน หรือยึดใบประกอบอาชีพวิชาแพทย์อีก”


ประโยคทิ้งท้ายถึงบทลงโทษในคดีนี้ที่ผู้จงใจทำรายงานการชันสูตรเท็จสมควรจะได้รับ ก่อนที่ชายหนุ่มจะยิ้มบางๆ


“คุณอยากจะเลือกแบบไหนล่ะครับ คุณหมอ?”


........ขั้นเทพจริงๆ


นั่นคือเสียงตะโกนป่าวร้องในใจของวินด์ ฮิลล์ผู้ถูกลดชั้นไปเป็นแค่ตัวประกอบ ชายหนุ่มทำได้แค่ยืนตบมืออยู่ในใจกับศิลปะการสอบปากคำที่มีทั้งข่มขู่ไปจนถึงติดสินบนของคุณรุ่นพี่ และเวลานี้เขาก็ยังทำได้แค่ชะเง้อชะแง้มองนายแพทย์โรเจอร์ ฟอนเขียนคำรับสารภาพว่าแซม วินเตอร์เป็นคนสั่งให้เขาเขียนรายงานการชันสูตรว่าบาดแผลเหล่านั้นเกิดจากส้อม เพื่อแลกกับหนี้จำนวน 1 ล้านเกลที่ติดอยู่


นอกจากนี้นายแพทย์โรเจอร์ยังได้มอบรายงานการชันสูตรฉบับจริงให้ ซึ่งพบว่ารอยแผลทั้งสี่รูบนอกของนายไบรอัน เฟลแลนเกิดจากไม้เสียบลูกชิ้นทั้งหมด แต่ขณะเดียวกันรอยแผลที่ปรากฏบนคอของนางดาเลีย เฟลแลนนั้น มีเพียงแค่รูเดียวที่เกิดจากไม้เสียบลูกชิ้น และเป็นรูเดียวกับที่คร่าชีวิตของเธอไป ซึ่งพบว่าหลังจากที่เธอเสียชีวิตแล้วได้มีการนำส้อมเสียบทับซ้ำลงไปบนรอยแผลอีกครั้ง จึงทำให้เกิดเป็นรอย 4 รูอย่างที่เห็นในภาพ..


“ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือ”


เวสต์ วิซเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ยังคงเย็นยะเยือกไม่หาย มือคว้าทั้งคำรับสารภาพและรายงานการชันสูตรฉบับจริงมา ก่อนจะเดินออกไปจากห้องโดยมีวินด์ ฮิลล์วิ่งตามหลังมาติดๆ


“รุ่นพี่จะปล่อยให้หมอคนนี้ไม่ต้องรับโทษจริงๆเหรอครับ?”


วินด์ ฮิลล์ถามแทบจะทันทีที่ประตูห้องถูกปิดลง ด้วยว่าเมื่อคิดถึงรังสีอาฆาตของคุณรุ่นพี่ที่เกิดขึ้นตอนที่รู้ว่ามีคนในทรยศแล้ว มันก็ดูไม่น่าจะเป็นไปได้เลยว่าด้วยแรงอาฆาตระดับนั้น กลับจะยอมปล่อยตัวการไปง่ายๆ


“ไม่มีทางอยู่แล้ว”


เวสต์ วิซแย้มรอยยิ้มบางๆอย่างที่คนนอกอาจจะมองว่าใสซื่อ แต่สำหรับคนที่พอจะรู้จักกันมาบ้างแล้ว รอยยิ้มนี้มันก็ช่างน่าสยดสยองชัดๆ


“ฝากจัดการต่อด้วยครับ”


หนุ่มผมทองล้วงมือเข้าไปหยิบม้วนเทปบันทึกเครื่องจิ๋วออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ก่อนจะโยนทั้งเทปและคำรับสารภาพผิดให้กับชายหนุ่มในชุดครุยสีดำอีกคนที่มายืนเตร็ดเตร่รออยู่แล้ว วินด์ ฮิลล์ทันได้เห็นแค่ว่าผู้ชายแปลกหน้าคนนั้นก็มีตรารูปนาฬิกาติดอยู่บนชุดครุยเช่นกัน ก่อนที่ตนจะถูกลากเข้าไปในลิฟต์ที่ปิดลงอย่างว่องไว


“เราไม่มีเวลาจะมาเสียเพราะเรื่องของนายแพทย์คนนั้นอีกแล้ว ตอนนี้ควรจะฉวยโอกาสที่ข่าวการจับตัวนายแพทย์โรเจอร์ ฟอนยังไม่แพร่ออกไป รีบบุกไปที่บ้านของแซม วินเตอร์ดูซิว่าจะหาหลักฐานอะไรมาเพิ่มได้บ้าง”


เวสต์ วิซอธิบายพลางมองนาฬิกาข้อมือไปด้วย แต่น่าเสียดายที่ดูเหมือนคำอธิบายนั้นจะยังไม่เพียงพอสำหรับความเข้าใจของตัวประกอบรูปหล่อในลิฟต์ ผู้ยกมือขึ้นถามอย่างกล้าๆกลัวๆ


“เอ่อ...แล้วของที่รุ่นพี่โยนให้กับคุณคนเมื่อกี้มันอะไรอะครับ? ว่าแต่ว่าช่วยบอกว่าเขาเป็นใครด้วยก็ดีนะครับ..”


“รุ่นพี่ของฉันเอง ชื่อ อเวนิว เป็นผู้ช่วยผู้พิพากษาเหมือนกันและก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการทรมานนักโทษด้วย” เวสต์ วิซตอบทั้งรอยยิ้ม “ก่อนมานี่ฉันโทรเรียกให้เขามารอเองจะได้จัดการเรื่องของหมอคนนั้นต่อ ส่วนที่โยนให้ไปก็คือเทปที่บันทึกคำพูดรับสารภาพแล้วก็รายงานประกอบการรับสารภาพของหมอนั่น หลักฐานครบแบบนี้รับรองว่ามันไม่จบแค่ไล่ออกแน่”


“เอ่อ................แต่....เหมือนว่ารุ่นพี่จะสัญญากับเขาไว้ว่าจะกันไว้เป็นพยานไม่ใช่เหรอครับ?”


วินด์ ฮิลล์ถามด้วยเสียงหัวเราะแห้งๆ ให้คุณรุ่นพี่จอมโหดหัวเราะตอบเบาๆ วงหน้าคมคายแย้มรอยยิ้มหวาน ก่อนจะเอื้อมมือมาตบไหล่ของรุ่นน้องที่แสนจะอ่อนเดียงสา...


“ถ้าคิดจะทำงานสายกฎหมายต่อไป นายควรจำไว้นะว่า..คำสัญญาที่ไม่ได้เขียนลงเป็นลายลักษณ์อักษรน่ะ มันก็แค่ลมปากเท่านั้นแหละ!”


“............................”


ไร้คำพูดใดจะเอื้อนเอ่ย นอกจากความคิดที่ปรากฏขึ้นในใจของวินด์ ฮิลล์เป็นครั้งที่ร้อยว่า..บางทีเขาคนนี้คงจะเลือกสายอาชีพผิดเสียแล้ว...



12.00 น.



แซม วินเตอร์กำลังนั่งรับประทานอาหารเที่ยงอันได้แก่ สเต็กเนื้อวัวจานโปรด อยู่ตามลำพังภายในอพาร์ตเมนต์ที่พักของตน ชายวัยกลางคนฮัมเพลงเบาๆขณะขยับมีดหั่นเนื้อออกมาเป็นชิ้นเล็กๆ ส้อมจิ้มลงบนเนื้อชิ้นนั้นก่อนจะถูกพาเข้ามาในปากที่รอรับอยู่แล้ว เพื่อที่จะ.......


โครม!!


บานประตูห้องพลันถูกกระแทกเปิดออก พร้อมกับที่ร่างโปร่งของชายหนุ่มคนหนึ่งลอยคว้างเข้ามาในห้อง ก่อนจะร่วงลงฟาดกับพื้นหน้าโต๊ะกินข้าวแบบพอดิบพอดี!!


“อะ..ธะ..เธอ...”


แซม วินเตอร์อ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบปัจจุบันทันด่วน เขาจำได้ว่าไอ้หนุ่มรูปหล่อที่กำลังตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืนจากแทบเท้านี่ ก็คือนักเรียนกฎหมายคนใหม่ที่มารับผิดชอบคดีนี้ แต่เพราะอะไร..ทำไม..ถึงได้มาตกอยู่ในสภาพนี้กัน?


“ขอโทษที เคาะประตูแรงไปหน่อย...”


เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นขัดจังหวะความคิด พร้อมกับที่ชายหนุ่มผมสีทองประกายชมพูในเครื่องแต่งกายสบายๆแบบชายหนุ่มผู้มีอันจะกินเดินก้าวเข้ามาในห้อง ดวงตาสีน้ำเงินภายใต้กรอบแว่นมองมาที่ส้อมในมือของผู้ต้องสงสัย แล้วรอยยิ้มเย็นก็ปรากฏบนใบหน้า


“คุณแซม วินเตอร์ ทางเราได้ขอหมายศาลเพื่อค้นบ้านคุณมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กรุณาให้ความร่วมมือด้วยครับ”


“มะ..หมายค้น?”


แซม วินเตอร์ทวนคำอย่างตระหนก ทั้งที่ก่อนนี้แม้เขาจะตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดี แต่ก็ไม่เคยมีหลักฐานมากพอที่จะทำให้เขาถูกหมายค้นเลยสักครั้ง แต่แล้วทำไม...


“วันนี้นายแพทย์โรเจอร์ ฟอนได้สารภาพเรื่องที่คุณให้เขาเขียนรายงานการชันสูตรเท็จมาหมดแล้ว รวมทั้งเรื่องที่คุณสั่งให้เขาเขียนว่าอาวุธที่ใช้คือ ส้อม ด้วย!!”


วินด์ ฮิลล์เพิ่งได้โอกาสอ้าปากเข้าร่วมบทสนทนา ชายหนุ่มชี้นิ้วไปยังบุคคลที่เป็นผู้ต้องสงสัยสุดๆในเวลานี้


“เพราะฉะนั้นรุ่นพี่เวสต์ก็เลยสั่งให้ผมมาค้นหาหลักฐานที่นี่ คุณเองก็ยอมจำนนแล้วสารภาพมาเถอะว่าคุณซ่อน........”


เอ่ยถึงตรงนี้ วินด์ ฮิลล์ก็มีอันต้องชะงักไป นิ้วที่ชี้ไปหาผู้ต้องสงสัยยังคงชี้อยู่อย่างนั้น ขณะที่อีกมือยกขึ้นเกาหัวแกรกๆ เมื่อหันมาถามคุณรุ่นพี่ที่เคารพอย่างอดไม่ได้


“เอ่อ..เขาจะซ่อนอะไรไว้เหรอครับ รุ่นพี่?”


“คราวนี้ไม่ลองใช้หัวแม่เท้าคิดอีกล่ะ เผื่อจะคิดออก” เวสต์ วิซตอบทั้งรอยยิ้มประณามหยามเหยียด มือโยนเอกสารหมายค้นลงกับโต๊ะกินข้าว ก่อนจะยอมช่วยบอกให้เอาบุญ “คิดว่าทำไมทั้งที่ฆาตกรไม่ได้ใช้ส้อมเป็นอาวุธ แต่หมอนี่กลับอยากให้รายงานชันสูตรระบุว่าส้อมเป็นอาวุธกันล่ะ?”


“เพราะเขาชอบใช้ส้อมมาก?”


“เหมือนกับที่นายอยากให้ฉันเอาส้อมเจาะเข้าไปในสมองของนายใช่มั้ย?” เวสต์ วิซย้อนถามด้วยความเอื้ออารีต่อโลก “ตอนนี้เรารู้แล้วว่าอาวุธสังหารจริงๆคือไม้เสียบลูกชิ้นที่เพิ่งถูกพบ แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งที่หายไปจากที่เกิดเหตุตั้งแต่แรกกลับเป็นส้อมทุกคันในบ้าน รวมถึงส้อมคันที่ใช้เสียบทับซ้ำเข้าไปในรอยแผลด้วย”


“อ้อ.....” วินด์ ฮิลล์ทำหน้าแบบนี้นี่เองประกอบการฟัง


“บางทีแซม วินเตอร์อาจพยายามปกปิดเพื่อช่วยฆาตกร หรือบางทีเขาอาจจะปกปิดเพื่อช่วยตัวเองก็ได้” หนุ่มผมทองยังคงสันนิษฐานต่อ “เรามาลองดูความเป็นไปได้กัน เนื่องจากไม้เสียบลูกชิ้นอันนั้นได้ร่วงไปติดอยู่ในซอกไม้แตกของพื้นห้อง บางทีมันอาจเป็นเพราะฆาตกรเป็นคนโยนทิ้งเองหรือพลั้งทำหลุดมือก็ได้ แต่ไม่ว่าจะแบบไหนฆาตกรก็ไม่น่าจะมีความจำเป็นต้องใช้มันอีก เพราะว่าเหยื่อของเขาได้ตายหมดแล้วทั้งคู่ ถ้าอย่างนั้นการใช้ส้อมเสียบทับเข้าไปในรอยแผลที่คอของดาเลียมีเหตุผลมาจากอะไรกันล่ะ?”


“เพื่อให้แน่ใจว่าตายจริง?” หนุ่มรุ่นน้องเอียงคอตอบโดยการถามกลับไป “ไม่ก็..ฆาตกรมีความแค้นกับคุณดาเลียมากถึงมากที่สุด?”


“น่าดีใจนะที่นายเริ่มหัดใช้สมองแล้ว”


เวสต์ วิซชมด้วยรูปประโยคเชือดเฉือน บางทีมันอาจจะเป็นอย่างที่วินด์ ฮิลล์เดาก็เป็นได้ แต่จากประสบการณ์ของเขาที่เคยเจอสารพัดคดีที่ต่างก็อลหม่านวุ่นวายไม่แพ้กันแล้ว สัญชาตญาณที่ถูกลับจนคมกริบกลับเลือกจะบอกไปในอีกทางหนึ่ง!


“ว่ากันว่าด้านตรงข้ามของความแค้นก็คือความรัก สำหรับผู้ชายคนนึงที่หลงรักผู้หญิงคนเดิมแถมยังโรคจิตพอจะตามตื๊อเธอมาร่วม 40 ปีโดยไม่เคยจะสมหวังแล้ว ไม่ว่าเขาจะเป็นฆาตกรหรือแค่ผู้พบศพคนแรก แต่มันก็ล้วนแต่เป็นการเปิดโอกาส..ให้เขาได้หาของเป็นที่ระลึกถึงผู้หญิงที่เขารักคนนี้ติดไม้ติดมือกลับบ้านไปด้วย แล้วอะไรจะเป็นของที่ระลึกได้ดีไปกว่า..เลือดของเธอ”


“ระ..รุ่นพี่..” วงหน้าหล่อเหลาของหนุ่มรุ่นน้องถึงกับซีดเผือดลงทันควัน เมื่อขยับเท้าก้าวถอยหลังห่างออกมาจากคุณรุ่นพี่โดยไม่รู้ตัว “ผมว่า...ความคิดของรุ่นพี่ก็ดูโรคจิตไม่แพ้กันเลยนะครับ..”


“พวกโรคจิตที่เหมือนมีเรดาร์จับคนผายลมอยู่ในตัวแบบนาย ไม่น่ามีสิทธิ์มาว่าฉันหรอกนะ”


ชายหนุ่มผู้แก่วัยกว่าบอกทั้งรอยยิ้มหวาน หากไม่ใช่เพราะไม่ต้องการให้สถานที่ที่กำลังจะถูกค้นนี้ต้องมีเลือดมาเปื้อนโดยไม่จำเป็นแล้ว วินด์ ฮิลล์ก็คงจะได้ทอดร่างลงมากองอยู่แทบเท้าของเขาไปนานแล้วเช่นกัน


“เอาเป็นว่า มันมีความเป็นไปได้ที่แซม วินเตอร์อาจจะใช้ส้อมเสียบเข้าไปที่คอของดาเลีย เพื่อให้ได้เลือดติดไม้ติดมือกลับไปเป็นที่ระลึก และเพื่อไม่ให้ผิดสังเกตว่าส้อมหายไปคันหนึ่ง เขาก็เลยขโมยส้อมทุกคันไปด้วย แล้วยังสั่งให้โรเจอร์ ฟอนทำผลการชันสูตรปลอม เพื่อกลบเกลื่อนว่าอาวุธสังหารคือ ส้อม ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นจริงพวกเราจะได้เข้าใจไปเองว่าส้อมคันนั้นถูกฆาตกรเอาติดมือไปด้วย”


“เดียวเดี่ยวเดี้ยวเดี๊ยวเดี๋ยวครับรุ่นพี่...คือที่รุ่นพี่ว่ามา มันก็พอจะมีเหตุผลโรคจิตๆรองรับอยู่ก็จริง แต่ว่าต่อให้แซม วินเตอร์เป็นคนขโมยส้อมกลับมาจริง เขาก็คงเอาไปล้างหรือทำอะไรก็แล้วแต่เพื่อลบรอยนิ้วมือหมดแล้วนะครับ?”


วินด์ ฮิลล์ยกมือขึ้นค้านอย่างอดไม่ได้..


“เก่งนี่ที่คิดไปถึงเรื่องลบรอยนิ้วมือแล้ว..” เวสต์ วิซช่วยชมให้เอาบุญ “ตามปกติมันก็ควรจะเป็นแบบนั้น แต่นายควรจะเอาความโรคจิตมาประกอบเหตุผลเข้าไปด้วย ถ้าผู้ชายคนนี้ถึงขนาดเอาส้อมแทงคอผู้หญิงที่รัก เพื่อเอาเลือดเธอไปเป็นที่ระลึกได้ แล้วเขาจะยอมเสี่ยงล้างมัน ซึ่งอาจทำให้เลือดพวกนั้นเลือนหายไปงั้นเหรอ?”


ยิ่งฟังก็ยิ่งโรคจิต...ยิ่งโรคจิตก็ยิ่งชวนให้สงสัยว่าคนคนนี้จินตนาการเข้าไปได้ยังไง แต่น่าเสียดายที่วินด์ ฮิลล์ไม่มีความกล้าพอที่จะเอ่ยถามในเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะถามในเรื่องอื่นแทน


“เอ่อ...แล้วสมมติว่าถ้าเราค้นที่นี่แล้วไม่เจออะไรเลยล่ะครับ..?”


เวสต์ วิซเหยียดรอยยิ้มขึ้นเล็กน้อย หากไม่ทันที่จะได้เอ่ยปาก แซม วินเตอร์ก็กลับเป็นฝ่ายเอ่ยปากเสียเอง


“เดี๋ยวก่อน! เท่าที่ฉันรู้มา นักเรียนกฎหมายไม่มีสิทธิ์ออกหมายศาลมาค้นบ้านของใครทั้งนั้น คนที่จะอนุญาตเรื่องใหญ่ขนาดนี้ได้มีแต่ระดับผู้ช่วยผู้พิพากษาขึ้นไป และถ้าพวกเธอจับตัวโรเจอร์วันนี้จริง..ก็ไม่มีทางที่จะยื่นคำร้องขอหมายศาลมาได้เร็วขนาดนี้แน่! เพราะฉะนั้นหมายศาลฉบับนี้เป็นของปลอม!!”


นั่นคือคำพูดที่ต้องการจะสื่อว่าเวสต์ วิซได้ทำเอกสารหลอกลวงขึ้น และเป็นไพ่ตายสุดท้ายที่แซม วินเตอร์พอจะนึกออกเพื่อใช้โต้กลับในเวลานี้ เพราะไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่เชื่อว่าผู้ชายคนนี้ที่คอยแต่เดินตามวินด์ ฮิลล์ โดยไม่เคยเข้าร่วมบทสนทนาในการสอบปากคำแม้แต่ประโยคเดียว จะมีสิทธิ์หรืออำนาจเพียงพอที่จะจัดการเรื่องนี้ได้


ทว่า...


ชายหนุ่มผมทองผู้คงจะถูกประณามว่าทำเอกสารเท็จเป็นครั้งแรกในชีวิตหันหน้าไปหารุ่นน้องที่กำลังยืนตัวสั่น แล้วรอยยิ้มเหยียดก็ปรากฏบนริมฝีปากสีอ่อน


“สำหรับคำถามของนายนะ วินด์ ฮิลล์...นายคิดว่าฉันเป็นใครกันล่ะ?”


“รุ่นพี่เวสสสสสสสสสต์ วิซ คือผู้ช่วยผู้พิพากษาที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของวงการกฎหมาย เป็นลูกศิษย์เพียงคนเดียวของศาสตราจารย์ดีฟ อินเฟอร์โน ผู้พิพากษาสูงสุด และยังรั้งตำแหน่งว่าที่ผู้พิพากษาสูงสุดรุ่นต่อไปครับพ้ม!!”


วินด์ ฮิลล์ตอบด้วยเสียงชัดถ้อยชัดคำแบบเต็มยศ เพื่อกันไม่ให้ความซวยตกมาที่ตนเองแทน


“เห็นแก่ที่นายพูดได้ดี ฉันจะยกโทษเรื่องที่ตก ส.เสือ ไปตัวนึงให้” เวสต์ วิซบอกทั้งรอยยิ้ม “ทีนี้เมื่อรู้ว่าฉันเป็นใครแล้ว ก็ไปค้นบ้านเข้าสิ”


“รับทราบ!!”


ด้วยเหตุนั้นเอง วินด์ ฮิลล์จึงเริ่มต้นจากการคว้าถุงมือยางขึ้นมาสวมเพื่อป้องกันรอยนิ้วมือติด ทว่าก่อนที่ชายหนุ่มจะทันได้ค้นของแบบสุ่มสี่สุ่มห้าจริงๆ คุณรุ่นพี่ผู้ไม่อยากเสียเวลาโดยใช่เหตุก็ช่วยใบ้ให้เพิ่มอีกข้อ


“ลองคิดดูสิว่าถ้านายได้ของรักของหวงจากผู้หญิงที่ชอบมา นายอยากจะเอามันไปเก็บไว้ที่ไหน?”


ประโยคเดียว แต่เหมือนไฟสปาร์คแล่นเข้าไปในหัวสมองที่ไม่ค่อยทำงานของหนุ่มรูปหล่อ วินด์ ฮิลล์ชะงักเท้าที่ทำท่าจะเดินไปค้นที่ห้องส้วมเป็นอย่างแรก หมุนตัวกลับ 45 องศา แล้วตรงดิ่งไปที่ห้องนอนอย่างมุ่งมั่น


ประตูห้องนอนถูกเปิดออกท่ามกลางสายตาสองคู่ที่มองตามหลังมา วินด์ ฮิลล์ตรงเข้าไปโดยมีเป้าหมายที่เตียงนอน มือซ้ายเอื้อมออกไปเพื่อที่จะ...


“อย่านะ!!”


แซม วินเตอร์ใช้เรี่ยวแรงเท่าที่คนวัยใกล้เกษียณจะพึงมีในการกระโดดเข้าไปหมายจะขัดขวางการกระทำของเด็กหนุ่มรุ่นหลาน ซึ่งหากว่าวินด์ ฮิลล์มาคนเดียวแล้ว..ชายหนุ่มผู้มีดีแค่หน้าตาอย่างเขาก็คงลงไปแพ้น็อคยับเยิน แต่เพราะวันนี้เขาได้พาตัวช่วยที่ดีเลิศที่สุดยกเว้นเรื่องปากมาด้วย!!


มันเป็นช่วงเวลาที่รวดเร็วยิ่งกว่าการกระพริบตา เวสต์ วิซที่ออกก้าวทีหลังกลับเป็นฝ่ายเข้าถึงตัวของแซม วินเตอร์ก่อน มือแกร่งจับแขนของชายวัยกลางคนที่เสียสติพอจะคิดทำร้ายเจ้าหน้าที่เอาไว้ ก่อนจะตัดสินใจทำให้อีกฝ่ายอยู่ในความสงบ ด้วยการ...จับทุ่มแบบยูโด...!!


เสียงโครมดังลั่นเมื่อร่างอ้วนร่วงลงมากระแทกกับพื้นแบบไม่ต้องนับสิบ แม้ว่ามันจะยังเป็นโชคดีอยู่บ้างที่ชายหนุ่มยอมออมมือให้..แซม วินเตอร์จึงยังไม่ถึงกับได้รับบาดเจ็บอะไรมากไปกว่าเห็นดาวลอยขึ้นเต็มท้องฟ้า..และได้เห็นภาพที่วินด์ ฮิลล์ยกหมอนหนุนหัวขึ้น เผยให้เห็นส้อมเปื้อนเลือดอยู่ใต้นั้น..!!?



...เสียงไซเรนของรถหวอดังขึ้นก่อนที่จะค่อยๆเบาลงเรื่อยๆตามระยะทางที่แล่นห่างออกไป มันใช้เวลาในการเรียกรถมาจับกุมแซม วินเตอร์ไปคุมขังเพื่อรอรับการสอบปากคำอีกครั้งเพียงไม่นานนัก และใช้เวลาในการคุมตัวนายแพทย์โรคจิตขึ้นรถไม่นานยิ่งกว่า ด้วยสภาพของชายวัยกลางคนผู้ถูกพบส้อมอันเป็นของรักของหวงนั้นเรียกได้ว่าอยู่ในอาการที่ห่อเหี่ยวเหมือนลูกโป่งใกล้สิ้นลมเลยทีเดียว


และในเวลานี้จากสภาพเมื่อครู่ที่เคยมีคนของโรงเรียนกฎหมายอยู่กันจนแทบล้นทะลักออกมาจากห้อง เวลานี้เมื่อแซม วินเตอร์ถูกควบคุมตัวไป ก็เหลือเพียงแค่วินด์ ฮิลล์และเวสต์ วิซ ที่อยู่ด้วยกันตามลำพังเท่านั้น...


“ถ่ายรูปในอพาร์ตเมนต์ทุกมุมแล้วใช่มั้ย?”


เวสต์ วิซถามพลางหยิบเอกสารขึ้นมาจากโต๊ะ ด้วยท่าทางเหมือนพร้อมจะออกจากที่นี่


“เรียบร้อยครับ”


วินด์ ฮิลล์ตอบด้วยน้ำเสียงระริกระรี้จนถึงขั้นระรื่น ก็มันไม่ใช่ทุกวันที่เขาจะได้อยู่ในเหตุการณ์อันน่าตื่นเต้นเหมือนอย่างวันนี้ และไม่ใช่ทุกวันที่เขาจะรู้สึกว่าคุณรุ่นพี่คนนี้เก่งเทพๆสุดยอดไปเลย


“ที่เหลือก็แค่ให้รุ่นพี่เซ็นเอกสารยืนยันว่าทำการค้นบ้านเสร็จสิ้น ก็เรียบร้อยแล้วครับ”


เวสต์ วิซพยักหน้าพลางก้มดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือ เพื่อจะเขียนเวลาที่ตรวจค้นเสร็จลงในกระดาษที่วินด์ ฮิลล์ส่งมาให้ ชายหนุ่มผมทองรับเอกสารแผ่นนั้นมาวางลงบนโต๊ะ ก่อนจะโน้มกายลงไปเพื่อเซ็นลายเซ็น ทว่าในตอนนั้นเอง..วินด์ ฮิลล์ก็พลันเดินสะดุดขาเก้าอี้ ล้มลงมากระแทกเข้ากับร่างของคุณรุ่นพี่อย่างจัง!?


ฉัวะ...


แว่วเสียงกระดาษบาดเข้ากับนิ้วของคนที่กำลังจับเอกสาร เลือดหยดเล็กๆค่อยๆหยดลงจากปลายนิ้วเรียวยาวร่วงลงบนพื้นโต๊ะ ท่ามกลางสายตาสองคู่ที่มองตามเลือดหยดเล็กๆนั่น


“ขอโทษครับรุ่นพี่เวสสสสสสสสสสต์!! ผมผิดไปแล้ว!!”


เสียงที่ดังขึ้นเป็นเสียงแรกคือเสียงโวยวายของวินด์ ฮิลล์ผู้ผวากลัวจะถูกรุ่นพี่กระทืบ หากน่าแปลกที่ปกติแล้วเวสต์ วิซซึ่งมักจะโจมตีด้วยวาจาจากปากจัดๆนั่นก่อนกลับยังคงเงียบเสียง ดวงตาภายใต้กรอบแว่นยังคงมองหยดเลือดเล็กจิ๋วที่ซึมออกมาจากรอยแผลราวกับต้องมนต์สะกด ก่อนที่วงหน้าคมคายจะค่อยๆเบือนมาหาตัวต้นเหตุช้าๆ


“ระ..รุ่นพี่..?”


แม้จะกลัวแสนกลัว แต่เวสต์ วิซที่นิ่งเงียบจนผิดปกตินี้ก็ไม่ใช่อะไรที่วินด์ ฮิลล์จะคุ้นชินเอาเสียเลย ชายหนุ่มเบิกตาจนกลมกว้าง มองรุ่นพี่จอมโหดที่ค่อยๆเดินเข้ามาใกล้ด้วยฝีเท้าอันเชื่องช้า และด้วยอาการที่เหมือนกำลังพยายามจะฝืนทรงตัว จนมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเขาในที่สุด


“รุ่นพี่เวสต์..?”


เวสต์ วิซยังคงมองเลือดที่ปรากฏบนนิ้วของตน ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงสั่นนิดๆ


“รับด้วย”


ขาดคำ..ร่างของชายหนุ่มผู้เป็นอัจฉริยะแห่งวงการกฎหมายก็สลบล้มพับลงมาบนตัวของผู้ชายที่ได้ชื่อว่าซ้ำชั้นมากที่สุดในประวัติการณ์..ผู้ชายที่คงจะส่งเสียงกรี๊ดบ้านแตกไปแล้วกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถ้าไม่ใช่เพราะ..ความคิดหนึ่งที่พลันปรากฏเข้ามาในหัว


“อย่าบอกนะว่า...รุ่นพี่จะกลัวเลือด..!!?”



- - - - TBC. - - - -



Langlae
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 ก.พ. 2555, 01:53:57 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 ก.พ. 2555, 01:53:57 น.

จำนวนการเข้าชม : 1415





<< มาตราที่ 6   มาตราที่ 8 >>
Pat 3 ก.พ. 2555, 13:06:27 น.
หึหึ ^___________^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account