รอยรักเหมันต์
...เพราะสายลมหนาวหรือเพราะมนต์เสน่ห์แห่งทุ่งดอกไม้ จึงนำพาให้สองหัวใจมาพบกัน
เมื่อเขาคือนักธุรกิจหนุ่มรูปหล่อกับเธอเจ้าของสวนดอกไม้สาวผู้พราวเสน่ห์...
เพียงแรกพบสบตา เขาและเธอก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าใช่เลย
จอมทัพจะสามารถนำดอกไม้งามดอกนี้
เมื่อเขาคือนักธุรกิจหนุ่มรูปหล่อกับเธอเจ้าของสวนดอกไม้สาวผู้พราวเสน่ห์...
เพียงแรกพบสบตา เขาและเธอก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าใช่เลย
จอมทัพจะสามารถนำดอกไม้งามดอกนี้
Tags: ฤดูหนาว
ตอน: ตอนที่ ๔ สู่ไร่ศีตกรรณ
สวัสดีครับ ผู้อ่านที่น่ารัก ทุกๆ ท่าน
หุหุหุ มาทักทายกันอีกตามเคยตามประสาคนบ้า (แหะๆ) วันนี้เอามาเสิร์ฟกับตอนที่ ๔ ตอนนี้พระเอกมาที่ไร่แล้วอ่ะ ส่วนนางเอกของเรานั้นจะแผลงฤทธิ์ยังไงนั้น ตามกันไปอ่านได้เลยคร๊าพพพพพ
ปล. (หุหุหุ ทำอย่างกับจดหมายเนอะ) ในนี้อาจจะมีคำผิดบ้าง อะไรบ้าง ยังไงกระผมก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
ขอให้มีความสุขกับการอ่านกันทุกคนนะคร๊าพ
พายุ
*****
ตอนที่ ๔ (ขอแก้ไขนิดหน่อยนะ ๘๐ %)
รถขับเคลื่อนสี่ล้อยี่ห้อดัง เคลื่อนมาตามเส้นทาง คนขับจะเหลือบมองแผนที่บนหน้าจอจีพีเอส สลับป้ายบอกเส้นทางเป็นระยะ เพื่อไม่ให้พลาดกับจุดหมายที่จะเดินทางมาครั้งนี้
“ใกล้จะถึงหรือยังคะพี่จอม”
ปุณชิกาถามมาจากเบาะข้างๆ ดวงตาคู่สวยไหวระริก หลังจากเห็นความสวยงามของหมู่เมฆหมอกในยามเช้า ที่ตัดกับเทือกเขาสูงและทอดตัวสลับกันอย่างสวยงาม
“ใกล้แล้วล่ะ น่าจะประมาณอีกสักสิบกิโลน่ะ”
ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบ ก่อนจะมองผ่านกระจกหลัง เพื่อมองอีกคนหนึ่ง ที่นั่งนิ่งเงียบมาตั้งแต่ออกจากกรุงเทพฯ
“เป็นยังไงบ้างครับคุณรติ วิวข้างทางสวยไหม”
“สวยดีค่ะ” อีกฝ่ายตอบทั้งคลี่ยิ้มบางๆ
“ก็ต้องสวยอยู่แล้วสิคะพี่จอม คุณรติเคยมาเห็นเสียเมื่อไหร่ล่ะ ภาพแบบนี้ในกรุงเทพฯ ไม่มีสักหน่อย ใช่ไหมคะ”
น้ำเสียงกลั้วหัวเราะแกมเหยียดหยันดังขึ้น และนั่นก็เพียงพอที่จะทำให้รอยยิ้มสดใสของเลขาฯ สาวต้องหุบฉับลงในทันที ก่อนจะตอบอีกฝ่ายเสียงเรียบ
“ค่ะ”
รติกรได้แต่ทอดถอนใจ การพบกันของเธอกับปุณชิกา แม้ว่าจะเป็นครั้งที่เท่าไรก็ตาม แต่ความเป็นมิตรระหว่างกันแทบไม่มีปรากฏ จะเพราะอะไรอีกล่ะถ้าไม่เพราะปุณชิกาหางจอมทัพ ทั้งๆ ที่เธอไม่ได้คิดเกินกว่าเจ้านายกับลูกน้องเสียด้วยซ้ำ
แถมในยามที่จอมทัพเผลออยู่ หล่อนยังเข้ามากระซิบบอกด้วยน้ำเสียงเหยียดอีกว่า...คนนี้ของฉัน เธออย่ายุ่ง
“พี่จอมคะ ปูเป้ว่าเราแวะพักที่ปั้มน้ำมันแถวนี้ก่อนเถอะค่ะ ปูเป้อยากจะเข้าห้องน้ำ”
หญิงสาวเอื้อมมือไปเกาะแขนของชายหนุ่มพร้อมกับเอ่ยด้วยด้วยน้ำเสียงออดอ้อน จอมทัพพยักหน้า นึกไปถึงเลขาฯ ที่ติดรถมาด้วยกัน ฝ่ายนั้นก็คงอยากจะเข้าห้องน้ำเหมือนกัน แต่อาจจะเพราะเกรงใจปุณชิกา จึงไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
จอมทัพเลี้ยวรถเข้าจอดหน้าห้องน้ำในปั้มน้ำมันข้างทางที่มองเห็นป้ายมาแต่ไกล ก่อนจะลงจากรถบิดตัวไปมาเพื่อคลายความเมื่อยขบ
เขาขับรถออกจากกรุงเทพฯ ในเวลาเกือบหกโมงเย็น และเวลานี้ก็ประมาณแปดโมงเช้าแล้ว ขับรถมามากกว่าสิบชั่วโมงมันเหนื่อยไม่ใช่เล่น โดยเฉพาะเส้นทางในภาคเหนือที่มีดอยทั้งสูงและชัน แถมถนนหนทางยังคดเคี้ยวอย่างกับงูเลื้อย หากคนไม่ชำนาญเส้นทางจริงๆ ก็คงจะเสี่ยงกับอุบัติเหตุอยู่ไม่น้อย
นี่ยังดีที่เขาเคยขับมาแถวนี้บ่อยๆ การเดินทางขึ้นเหนือมายังจังหวัดเชียงราย จึงไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับเขา...
หลังแวะเข้าห้องน้ำ ทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว รติกรก็เดินกลับมาที่รถ เห็นชายหนุ่มยืนอยู่เธอจึงเดินเข้าไปหาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ปูเป้ล่ะ” เขาถามหาหญิงสาวอีกคนที่เดินเข้าห้องน้ำไปพร้อมกับรติกร
“ยังอยู่ที่ห้องน้ำค่ะ” รติกรตอบ เธอหรี่ตามองเขาเหมือนจะถามว่าทำไมเขาถึงไม่เข้าห้องน้ำเหมือนพวกเธอ
ทว่าชายหนุ่มกลับสั่งการให้เธอโทรแจ้งทางสวนดอกไม้แห่งนั้นถึงการเดินทาง ว่าอีกไม่เกินหนึ่งชั่วโมงพวกเขาจะเดินทางไปถึง
รติกรพยักหน้า เดินแยกตัวไปจัดการตามคำสั่ง ขณะจอมทัพเห็นว่ายังพอมีเวลาเหลืออยู่มาก ชายหนุ่มจึงเดินแยกไปทางร้านสะดวกซื้อ
***
“ค่ะ...ใกล้จะถึงแล้วหรือคะ...ได้ค่ะ ไร่ของเราสังเกตได้ชัดเจนค่ะ ผ่านตัวอำเภอมาไม่กี่กิโลก็จะมีป้ายบอกทางไปไร่อย่างชัดเจนเลยค่ะ ขับมาไม่เท่าไรก็จะเห็นทางเข้าไร่ ดิฉันจะจัดเตรียมอาหารเช้าไว้รอนะคะ”
หลังวางสายไปแล้วเมยาวีก็คลี่ยิ้มอย่างยินดี เมื่อทราบว่าลูกค้าอีกฝ่ายกำลังจะเดินทางมาถึงในอีกไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงข้างหน้านี้แล้ว เธอจึงตัดสินใจโทรไปชวนเพื่อนสาวทั้งสอง ให้มาร่วมรับประทานอาหารเช้าด้วยกันที่ไร่ และอยู่ช่วยต้อนรับแขกคนสำคัญ
“ดูวันนี้เธอตื่นเต้นจังเลยนะเหมย” มณีกานดาถามเพื่อนสาว หลังเห็นอาการลุกลี้ลุกลนของเมยาวี
“วันนี้เป็นโอกาสดีสำหรับดอกไม้ในสวนของฉันเลยนะ ลูกค้าจากกรุงเทพฯ เขากำลังจะมาดูสินค้า และจะพักที่นี่อีกหนึ่งอาทิตย์ อีกไม่นานพวกเขาก็จะเดินทางมาถึงแล้ว ฉันจะทำยังไงดี จะต้อนรับพวกเขายังไงให้เกิดความประทับใจที่สุด ช่วยคิดหน่อยสิ”
“อือ...แล้วเธอก็อย่าทำอะไรให้พวกเขาเผ่นกลับกรุงเทพฯ ไปก่อนที่จะตอบรับสินค้าของเธอเสียล่ะ” วัสนางค์เย้าเพื่อนสาว ก่อนจะได้รับค้อนวงโตเป็นการตอบแทน
“บุษย์ ไปตามชัยให้ฉันด้วยนะ จะได้มาช่วยกันต้อนรับแขก” หญิงสาวหันไปสั่งผู้ช่วย ก่อนจะพาเพื่อนสนิททั้งสองขยับไปนั่งรอแขกที่ห้องรับแขก
****
จอมทัพเคลื่อนรถเข้ามาภายในไร่ศีตกรรณ เขารู้สึกพอใจกับการจัดสถานที่ ซึ่งดูเป็นสัดส่วนกลมกลืนกันหมดเสียทุกอย่าง จนเขาก็อดที่จะมองสถานที่เหล่านั้นเพลินไปไม่ได้
ตั้งแต่เคลื่อนรถจากทางเข้าจนถึงตึกทรงไทยประยุกต์หลังใหญ่ ที่มีกลุ่มคนกลุ่มยืนรออยู่ มันช่างเป็นภาพที่สวยงามยิ่งนัก ดั่งกับภาพวาดบนผืนผ้าใบของจิตรกรชื่อดัง ไม่แม้แต่เขาเท่านั้น ทั้งปุณชิกาและรติกรก็ดูเหมือนจะชอบด้วยเหมือนกัน เพราะตลอดทางที่เคลื่อนรถเข้ามา ทั้งสองดูจะชมไม่ขาดปากเลย
รถแล่นเข้ามาจอดสนิทที่หน้าบ้านหลังใหญ่ที่มีผู้คนกลุ่มหนึ่งยืนรอต้อนรับอยู่ เมยาวีที่ยืนยิ้มอยู่ด้านหน้าสุด และยิ่งคนที่เธอเข้าใจว่าเป็นลูกค้าเปิดประตูลงจากรถมา หญิงสาวแทบจะร้องลั่นด้วยความดีใจ ดีที่วัสนางค์เอื้อมมือมาปิดปากของเธอได้ทัน และเอ่ยเตือนอยู่ตลอดเวลา
“ระงับอาการหน่อยได้ไหมยายเหมย” เพื่อนสาวกระซิบ หากก็ยังไม่ลืมที่จะฉีกยิ้มต้อนรับอาคันตุกะหนุ่ม ที่เดินตรงมายังกลุ่มของเธอ
“ก็เค้าหล่อนี่ฝน หล่อมากๆ อย่างกับเทพบุตรเลยล่ะ”
เมยาวีทำตาชวนฝัน หากรอยยิ้มนั้นต้องหุบลง เมื่อเห็นอีกสาวหนึ่งลงจากรถ และตรงเข้ามากอดแขนของเขาแสดงความเป็นเจ้าของ
“ไปทำหน้าที่ต้อนรับพวกเขาได้แล้ว แล้วก็อย่าลืมทำตัวเป็นเจ้าของสถานที่ที่ดีด้วยล่ะ” ว่าแล้ววัสนางค์ก็ดุนหลังเพื่อนสาวให้เดินนำเข้าไปหาชายหนุ่ม และหญิงสาวอีกสองคนที่เดินตามกันมา
“สวัสดีค่ะ...” เจ้าของไร่สาวยกมือขึ้นทักทายผู้มาเยือน เช่นเดียวกับรติกรที่ทำหน้าที่เดินเข้าไปหาหญิงสาวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“สวัสดีค่ะ คุณเหมยใช่ไหมคะ”
“ใช่แล้วค่ะ ดิฉันเหมย เมยาวี ศีตกรรณ เจ้าของสวนดอกไม้แห่งนี้ค่ะ” เมยาวีตอบ แต่สายตาก็ไม่วายที่จะปรายตามองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ไม่ไกลกันนัก
“ยินดีที่ได้เจอตัวจริงค่ะ ดิฉันรติกร ส่วนนี่คุณจอมทัพ ผู้บริหาร เจ โปรดัก คุณจอมทัพเธอมาดูแลงานนี้ด้วยตนเองค่ะ”
เลขาฯ สาวแนะนำเจ้านายหนุ่มให้กับอีกฝ่ายได้รู้จัก เมยาวียิ้มกว้าง เธอยื่นมือไปตรงหน้าหวังสานสัมพันธไมตรีที่ดีให้มากขึ้น
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ คุณจอมทัพ”
“เช่นกันครับ”
จอมทัพกำลังจะเอื้อมมือออกไป หากแต่ในเวลานั้นปุณชิกากลับรั้งแขนของเขาเอาไว้ และยื่นมือเข้าไปสัมผัสอีกฝ่ายแทน
“ส่วนฉัน ปุณชิกา ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ” เธอพูดพร้อมกับบีบมือของเมยาวีแน่น จนอีกฝ่ายต้องสะบัดมือออกไปอย่างรวดเร็ว
“เอ่อค่ะ”
เมยาวียิ้มเจื่อนมองมาที่ชายหนุ่มพยายามเก็บความไม่พอใจเอาไว้ให้ลึกมากที่สุด เอาเถอะถึงยายผู้หญิงที่ชื่อปุณชิกาคนนั้นนิสัยแย่ แต่คุณจอมทัพก็หล่อขั้นเทพเธอก็พอจะให้อภัยได้
“เชิญทุกคนเข้าไปข้างในดีกว่าค่ะ อาหารเช้ารออยู่แล้ว ทางนี้ค่ะ” เมยาวีผายมือเชื้อเชิญ ก่อนจะเดินนำทุกคนเข้าไปภายในบ้านของตนเอง
****
“เธอกำลังคิดอะไรอยู่ ยายเหมย” วัสนางค์เข้ามากระซิบถามเพื่อนสาว หลังเห็นเมยาวีเอาแต่ยิ้มอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่เข้าบ้านมา
“หืม...อะไรนะฝน”
“ฉันถามว่า เธอกำลังคิดอะไรอยู่ ยิ้มอยู่ตลอดเวลาอย่างกับเจออะไรถูกใจ”
“แล้วเธอคิดว่าฉันเจออะไรที่ถูกใจล่ะฝน” ว่าพร้อมกับทำท่าเลิกคิ้วขึ้นแล้วมองเพื่อนสาวด้วยประกายตาหวานฉ่ำ
“อย่าบอกนะว่า เธอคิดจะ...”
“ไม่มีอะไรหรอกน่า เธอน่ะแหละคิดมากไปฝน”
พูดเช่นนั้นทว่ารอยยิ้มกลับเป็นอีกแบบ จนวัสนางค์เอียงหน้ามองเพื่อนสาวอย่างสงสัย
“ฉันขอเตือนเธอเลยนะยายเหมยระวังจะไปเหยียบตาปลาใครเข้าล่ะ”
“จ้า...” เมยาวีตอบก่อนจะแยกไปอีกทางหนึ่ง
****
“เชิญทุกคนสู่ไร่ศีตกรรณอย่างเป็นทางการค่ะ เชิญนั่งค่ะ เชิญนั่ง” เจ้าของไร่สาวผายมือให้ทุกคนนั่งประจำที่ ที่จัดเตรียมเอาไว้ โดยจอมทัพได้ที่นั่งใกล้ๆ วัสนางค์ถัดไปคือปุณชิกา ส่วนรติกรนั่งฝั่งตรงข้ามกับเจ้านายหนุ่ม ข้างๆ คือมณีกานดาและชัย
ที่นั่งลงตัวกันทุกคน ที่จะเป็นปัญหามากที่สุดเห็นจะเป็นปุณชิกา เธอเดินมาหยุดข้างหลังวัสนางค์แล้วเอ่ยด้วยเสียงเหยียด
“ฉันจะนั่งใกล้กับพี่จอมของฉัน ส่วนเธอ ไปนั่งทางนู้น” เธอไม่พอใจที่เห็นอีกฝ่ายได้นั่งใกล้กับจอมทัพ
ฝ่ายวัสนางค์เมื่อถูกเรียกเช่นนั้นก็ปริ๊ดแตกในทันที
“ไม่ค่ะ ฉันชินกับที่นั่งตรงนี้แล้ว”
“แล้วไง ชินก็ต้องลุกให้ฉันนั่งสิ สิทธิ์ที่จะนั่งตรงนั้นมันคือฉัน ไม่ใช่เธอ”
“อ้าวๆ พูดแบบนี้มันก็ไม่ถูกนะคะ ที่ของฉันอยู่ตรงนี้ ส่วนที่ของคุณอยู่นั่น” วัสนางค์หยัดกายลุกพร้อมกับมองหญิงสาวที่ดูท่าแล้วก็เห็นๆ อยู่ว่าอายุอ่อนกว่าเธอหลายปี แต่ทำไมนะ ถึงไม่รู้สึกเกรงใจกันบ้าง
“ปูเป้...อย่าเรื่องมากได้ไหม เขาจัดให้นั่งยังไงก็นั่งไปก่อนเถอะ”
จอมทัพไม่อยากจะให้หญิงสาวที่มากับตนเอง ต้องผิดใจกับเจ้าของสถานที่ และจะพาลพาให้งานของเขาล่มไปด้วย ชายหนุ่มจึงเป็นฝ่ายห้ามทัพในที่สุด
เห็นชายหนุ่มว่าอย่างนั้นปุณชิกาจึงได้ยอมในที่สุด ก่อนทรุดกายลงนั่งตรงที่ว่างซึ่งตรงกันข้างกับชัยที่กำลังมองมาที่เธออยู่ เห็นดังนั้นเธอจึงเอ็ดขึ้นในทันที
“มองอะไรยะ ไอ้บ้านนอก”
ชัยแม้จะนึกชื่นชมปุณชิกาอยู่ในใจ เมื่อเธอว่าเช่นนั้น เขาก็แค่คลี่ยิ้ม แล้วตอบปฏิเสธไปในที่สุด
“เปล่าครับ...”
“ก่อนอื่น ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการนะคะ ดิฉันชื่อเมยาวี ศีตกรรณ เจ้าของสวนดอกไม้แห่งนี้ คนนั้นชัย เขาเป็นผู้ดูแลดอกไม้ทั้งหมดในสวน คนนั้นน้ำบุษย์ผู้ช่วยของฉันเอง ที่นั่งข้างๆ กับคุณรติกรมณีกานดากับคนที่นั่งข้างๆ คุณจอมทัพก็วัสนางค์ ทั้งสองคนคือเพื่อนของฉันค่ะ มณีกานดาทำสวนส้ม อยู่ข้างๆ ไร่ของเราค่ะ ส่วนวัสนางค์ก็มีไร่องุ่นอยู่ตรงข้ามกับไร่ของเราเหมือนกัน ว่างๆ จะพาพวกคุณไปชมไร่ทั้งสองนะคะ”
“ยินดีครับคุณเมยาวี...” จอมทัพคลี่ยิ้มขอบคุณด้วยประกายตาชื่นชม
นอกจากชื่นชมแล้ว ยังมีบางสิ่งบางอย่างที่จู่ๆ ก็มาทำให้หัวใจของเขาสั่นไหว ตั้งแต่แรกเห็นหน้าเธอ ไม่รู้เหมือนกัน เหตุใดถึงได้เป็นเช่นนั้น
“รติยินดีมากๆ ค่ะ คุณเมยาวี ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ คุณวัสนางค์ คุณมณีกานดา”
“เรียกเราด้วยชื่อเล่นจะดีกว่านะคะ เรียกดิฉันว่าเหมย เรียกวัสนางค์ว่าฝน ส่วนมณีกานดาก็เรียกคีนมันจะง่ายและเป็นกันเองกว่าค่ะ”
เมยาวีบอกอย่างเป็นกันเองด้วยคลี่ยิ้มสดใส แต่กระนั้นก็ยังมิวางที่จะปรายตามองไปยังจอมทัพที่ยิ้มให้กับเธอเช่นกัน
“รับประทานกันได้เลยค่ะ เดี๋ยวเสร็จเรียบร้อย เหมยจะให้น้ำบุษย์พาไปที่ห้องพักนะคะ”
“แต่คุณเหมยคะ บุษย์จัดแค่สองห้องเองนะคะ ตอนแรกคิดว่ามากันแค่สองคน”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณเหมย รติพักกับคุณปูเป้ก็ได้ค่ะ”
“แล้วใครว่าจะพักกับเธอล่ะยะ”
ไฮโซสาวเอ่ยแทรกขึ้นมาอย่างไม่พอใจสักเท่าไร ขณะเมยาวีเลื่อนสายตาไปมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเหยียดหยัน
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะให้น้ำบุษย์จัดห้องเพิ่มให้คุณอีกห้องนะคะ” เมยาวีบอกเสียงแจ่มใส แม้ในใจอดที่จะนึกรำคาญอีกฝ่ายไม่ได้
“ไม่ต้องก็ได้ค่ะ ปูเป้พักห้องเดียวกับพี่จอมก็ได้”
“อ้าว...” เมยาวีหล่นเสียงอย่างแปลกใจที่ได้ยินประโยคนั้นจากสาวรุ่นน้อง
“ปูเป้...พี่ว่าเธอพักอีกห้องจะดีกว่านะ รบกวนคุณเหมยกับคุณบุษย์อีกรอบนะครับ”
ชายหนุ่มเอ่ยขัดขึ้นก่อนจะหันไปทางน้ำบุษย์และมาหยุดที่เมยาวีเป็นที่สุดท้าย ซึ่งอีกฝ่ายก็ส่งยิ้มกริ่มตอบกลับมาอย่างยินดีที่เขาขอเธอเช่นนั้น
****
หลังน้ำบุษย์พาแขกทั้งสามไปยังเรือนไม้ ที่อยู่ถัดไปวัสนางค์ จึงได้มีโอกาสเข้ามาสาธยายกับเพื่อนสาว ถึงอุปนิสัยของปุณชิกา
“ฉันชักจะหมั่นไส้ยายคุณปูเป้นั่นแล้วสิเหมย”
“หมั่นไส้ หมั่นไส้ยังไงฝน” เจ้าของไร่สาวเอียงหน้ามองกรอบหน้าที่แดงเข้มของวัสนางค์ที่ดูจะเป็นเดือดที่สุด
หลังได้ปะทะกับปุณชิกาที่หน้าโต๊ะกินข้าวเมื่อครู่
“บอกตรงๆ ฉันหมั่นไส้ยายคุณหนูนั่น อยากจะตบสักฉาดหนึ่งให้หายคันมือไปเลย”
“ยายฝนเอ้ย เมื่อกี้ยังเตือนฉันอยู่ว่าไม่ให้ไปยุ่งกับเค้า แต่เป็นเธอเสียเอง หึๆ ฉันว่าอยู่เฉยๆ เถอะแก” เมยาวีคลี่ยิ้มก่อนจะหันไปเก็บของบนโต๊ะต่อ
“ใช่ อย่างที่ยายเหมยเตือนแหละ ฉันว่าเธออย่าไปยุ่งกับคุณปูเป้เลยนะฝน เธอด้วยยายเหมย”
มณีกานดาขยับเข้ามาเอ่ยเตือนเพื่อนสาวทั้งสองอย่างรู้ทัน หลังได้ยินวัสนางค์พูดถึงปุณชิกาในเชิงการวางแผนอะไรสักอย่าง
“ไม่ได้หรอกก็หล่อนน่ะ ทำให้ฉันอยากจะยุ่งเองนี่”
“แต่ฉันว่า คุณจอมทัพเค้าหล่อดีนะ”
เมยาวีทำสายตาชวนฝัน ภายในห้วงมโนนึกของเธอมีภาพใบหน้าเขาปรากฏชัดเจน ไม่แม้กระทั่งหัวใจสาวที่เต้นรัว ก็มีเขาเข้าไปนั่งอยู่ในนั้นอย่างเต็มใจ
****
หลังจัดของเข้าห้องพักเรียบร้อยแล้ว รติกรจึงได้มีเวลาออกจากห้องพัก ก่อนจะมองเห็นเมยาวีที่ยืนมองดูดอกไม้อยู่ด้านหน้าสวน เธอจึงเดินเข้าไปหาเจ้าของไร่สาวในทันที
“คุณเหมยคะ...”
“อ้าวคุณรติ...เป็นอย่างไรบ้างคะ ห้องพัก พอจะอยู่ได้กันไหมคะ”
“สุดยอดเลยค่ะ ห้องพักอย่างกับรีสอร์ตเลยนะคะ อ้อ...แล้วคุณฝนกับคุณคีนล่ะคะ” เธอชะเง้อมองหาอีกสองสาวที่คิดว่าจะตามมากับเมยาวีด้วย
“สองคนนั้นกลับบ้านไปแล้วค่ะ เห็นว่ามีงานจะต้องเคลียร์”
“วันหลังรติเห็นทีจะต้องให้คุณเหมยพาไปเยี่ยมชมไร่ของคุณคีนกับคุณฝนแล้วล่ะค่ะ อยากจะไปเห็นเต็มแก่แล้ว”
“ได้สิคะ เอาไว้วันหลังเหมยจะพาคุณรติไปก็แล้วกันนะคะ”
“ขอบคุณค่ะ อาหารมื้อเช้าอร่อยด้วยค่ะ รติชักชอบที่นี่แล้วล่ะสิ”
“ขอบพระคุณมากๆ นะคะ อยากได้อะไรเป็นพิเศษบอกเหมยได้เลยนะคะ” เมยาวีคลี่ยิ้มสดใส หลังได้รับคำชมจากแขกสาว
“ค่ะ เอาไว้รติอยากได้อะไรจะบอกนะคะ”
ทั้งสองสาวส่งยิ้มให้แก่กันอย่างเป็นมิตร เมยาวีจึงพารติกรเดินลัดเลาะไปตามเส้นทางเพื่อให้ชมดอกไม้ที่ปลูกตามรายทาง
“อ้อ ตอนแรกเราว่าจะมากันแค่สองคน แต่คุณปูเป้เธอขอติดมาด้วย เลยต้องรบกวนทางคุณเหมยต้องจัดห้องให้อีก”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะเหมยยินดี เอ่อ...คุณปูเป้เธอเป็นแฟนกับคุณจอมทัพหรือคะ” เมยาวีถามอีกฝ่าย ทว่ารติกรกลับส่ายหน้า
“ไม่หรอกค่ะ พอดีญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองรู้จักกัน ท่านนายพลบิดาของคุณปูเป้เลยฝากให้คุณจอมทัพช่วยดูแลลูกสาวของท่าน แต่ทางคุณปูเป้สิคะชอบไปพูดกับคนอื่นๆ ว่าคุณจอมทัพเป็นแฟนกับเธอ”
“แล้วทางคุณจอมทัพล่ะคะ เขาไม่คิดจริงๆ หรือคะ”
“ไม่หรอกค่ะ แต่ฉันก็ดูๆ แล้วนะคะ ว่าคุณจอมทัพน่าจะรำคาญคุณปูเป้เสียด้วยซ้ำไป แต่ก็ไม่อาจขัดใจของผู้ใหญ่ได้ค่ะ”
“อย่างนั้นหรือคะ...”
เมยาวีส่งยิ้มให้รติกรอย่างอ่อนโยน ความรู้ใหม่ที่เพิ่งได้มานับว่าเป็นประโยชน์กับเธอมากที่สุด
หุหุหุ มาทักทายกันอีกตามเคยตามประสาคนบ้า (แหะๆ) วันนี้เอามาเสิร์ฟกับตอนที่ ๔ ตอนนี้พระเอกมาที่ไร่แล้วอ่ะ ส่วนนางเอกของเรานั้นจะแผลงฤทธิ์ยังไงนั้น ตามกันไปอ่านได้เลยคร๊าพพพพพ
ปล. (หุหุหุ ทำอย่างกับจดหมายเนอะ) ในนี้อาจจะมีคำผิดบ้าง อะไรบ้าง ยังไงกระผมก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
ขอให้มีความสุขกับการอ่านกันทุกคนนะคร๊าพ
พายุ
*****
ตอนที่ ๔ (ขอแก้ไขนิดหน่อยนะ ๘๐ %)
รถขับเคลื่อนสี่ล้อยี่ห้อดัง เคลื่อนมาตามเส้นทาง คนขับจะเหลือบมองแผนที่บนหน้าจอจีพีเอส สลับป้ายบอกเส้นทางเป็นระยะ เพื่อไม่ให้พลาดกับจุดหมายที่จะเดินทางมาครั้งนี้
“ใกล้จะถึงหรือยังคะพี่จอม”
ปุณชิกาถามมาจากเบาะข้างๆ ดวงตาคู่สวยไหวระริก หลังจากเห็นความสวยงามของหมู่เมฆหมอกในยามเช้า ที่ตัดกับเทือกเขาสูงและทอดตัวสลับกันอย่างสวยงาม
“ใกล้แล้วล่ะ น่าจะประมาณอีกสักสิบกิโลน่ะ”
ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบ ก่อนจะมองผ่านกระจกหลัง เพื่อมองอีกคนหนึ่ง ที่นั่งนิ่งเงียบมาตั้งแต่ออกจากกรุงเทพฯ
“เป็นยังไงบ้างครับคุณรติ วิวข้างทางสวยไหม”
“สวยดีค่ะ” อีกฝ่ายตอบทั้งคลี่ยิ้มบางๆ
“ก็ต้องสวยอยู่แล้วสิคะพี่จอม คุณรติเคยมาเห็นเสียเมื่อไหร่ล่ะ ภาพแบบนี้ในกรุงเทพฯ ไม่มีสักหน่อย ใช่ไหมคะ”
น้ำเสียงกลั้วหัวเราะแกมเหยียดหยันดังขึ้น และนั่นก็เพียงพอที่จะทำให้รอยยิ้มสดใสของเลขาฯ สาวต้องหุบฉับลงในทันที ก่อนจะตอบอีกฝ่ายเสียงเรียบ
“ค่ะ”
รติกรได้แต่ทอดถอนใจ การพบกันของเธอกับปุณชิกา แม้ว่าจะเป็นครั้งที่เท่าไรก็ตาม แต่ความเป็นมิตรระหว่างกันแทบไม่มีปรากฏ จะเพราะอะไรอีกล่ะถ้าไม่เพราะปุณชิกาหางจอมทัพ ทั้งๆ ที่เธอไม่ได้คิดเกินกว่าเจ้านายกับลูกน้องเสียด้วยซ้ำ
แถมในยามที่จอมทัพเผลออยู่ หล่อนยังเข้ามากระซิบบอกด้วยน้ำเสียงเหยียดอีกว่า...คนนี้ของฉัน เธออย่ายุ่ง
“พี่จอมคะ ปูเป้ว่าเราแวะพักที่ปั้มน้ำมันแถวนี้ก่อนเถอะค่ะ ปูเป้อยากจะเข้าห้องน้ำ”
หญิงสาวเอื้อมมือไปเกาะแขนของชายหนุ่มพร้อมกับเอ่ยด้วยด้วยน้ำเสียงออดอ้อน จอมทัพพยักหน้า นึกไปถึงเลขาฯ ที่ติดรถมาด้วยกัน ฝ่ายนั้นก็คงอยากจะเข้าห้องน้ำเหมือนกัน แต่อาจจะเพราะเกรงใจปุณชิกา จึงไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
จอมทัพเลี้ยวรถเข้าจอดหน้าห้องน้ำในปั้มน้ำมันข้างทางที่มองเห็นป้ายมาแต่ไกล ก่อนจะลงจากรถบิดตัวไปมาเพื่อคลายความเมื่อยขบ
เขาขับรถออกจากกรุงเทพฯ ในเวลาเกือบหกโมงเย็น และเวลานี้ก็ประมาณแปดโมงเช้าแล้ว ขับรถมามากกว่าสิบชั่วโมงมันเหนื่อยไม่ใช่เล่น โดยเฉพาะเส้นทางในภาคเหนือที่มีดอยทั้งสูงและชัน แถมถนนหนทางยังคดเคี้ยวอย่างกับงูเลื้อย หากคนไม่ชำนาญเส้นทางจริงๆ ก็คงจะเสี่ยงกับอุบัติเหตุอยู่ไม่น้อย
นี่ยังดีที่เขาเคยขับมาแถวนี้บ่อยๆ การเดินทางขึ้นเหนือมายังจังหวัดเชียงราย จึงไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับเขา...
หลังแวะเข้าห้องน้ำ ทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว รติกรก็เดินกลับมาที่รถ เห็นชายหนุ่มยืนอยู่เธอจึงเดินเข้าไปหาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ปูเป้ล่ะ” เขาถามหาหญิงสาวอีกคนที่เดินเข้าห้องน้ำไปพร้อมกับรติกร
“ยังอยู่ที่ห้องน้ำค่ะ” รติกรตอบ เธอหรี่ตามองเขาเหมือนจะถามว่าทำไมเขาถึงไม่เข้าห้องน้ำเหมือนพวกเธอ
ทว่าชายหนุ่มกลับสั่งการให้เธอโทรแจ้งทางสวนดอกไม้แห่งนั้นถึงการเดินทาง ว่าอีกไม่เกินหนึ่งชั่วโมงพวกเขาจะเดินทางไปถึง
รติกรพยักหน้า เดินแยกตัวไปจัดการตามคำสั่ง ขณะจอมทัพเห็นว่ายังพอมีเวลาเหลืออยู่มาก ชายหนุ่มจึงเดินแยกไปทางร้านสะดวกซื้อ
***
“ค่ะ...ใกล้จะถึงแล้วหรือคะ...ได้ค่ะ ไร่ของเราสังเกตได้ชัดเจนค่ะ ผ่านตัวอำเภอมาไม่กี่กิโลก็จะมีป้ายบอกทางไปไร่อย่างชัดเจนเลยค่ะ ขับมาไม่เท่าไรก็จะเห็นทางเข้าไร่ ดิฉันจะจัดเตรียมอาหารเช้าไว้รอนะคะ”
หลังวางสายไปแล้วเมยาวีก็คลี่ยิ้มอย่างยินดี เมื่อทราบว่าลูกค้าอีกฝ่ายกำลังจะเดินทางมาถึงในอีกไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงข้างหน้านี้แล้ว เธอจึงตัดสินใจโทรไปชวนเพื่อนสาวทั้งสอง ให้มาร่วมรับประทานอาหารเช้าด้วยกันที่ไร่ และอยู่ช่วยต้อนรับแขกคนสำคัญ
“ดูวันนี้เธอตื่นเต้นจังเลยนะเหมย” มณีกานดาถามเพื่อนสาว หลังเห็นอาการลุกลี้ลุกลนของเมยาวี
“วันนี้เป็นโอกาสดีสำหรับดอกไม้ในสวนของฉันเลยนะ ลูกค้าจากกรุงเทพฯ เขากำลังจะมาดูสินค้า และจะพักที่นี่อีกหนึ่งอาทิตย์ อีกไม่นานพวกเขาก็จะเดินทางมาถึงแล้ว ฉันจะทำยังไงดี จะต้อนรับพวกเขายังไงให้เกิดความประทับใจที่สุด ช่วยคิดหน่อยสิ”
“อือ...แล้วเธอก็อย่าทำอะไรให้พวกเขาเผ่นกลับกรุงเทพฯ ไปก่อนที่จะตอบรับสินค้าของเธอเสียล่ะ” วัสนางค์เย้าเพื่อนสาว ก่อนจะได้รับค้อนวงโตเป็นการตอบแทน
“บุษย์ ไปตามชัยให้ฉันด้วยนะ จะได้มาช่วยกันต้อนรับแขก” หญิงสาวหันไปสั่งผู้ช่วย ก่อนจะพาเพื่อนสนิททั้งสองขยับไปนั่งรอแขกที่ห้องรับแขก
****
จอมทัพเคลื่อนรถเข้ามาภายในไร่ศีตกรรณ เขารู้สึกพอใจกับการจัดสถานที่ ซึ่งดูเป็นสัดส่วนกลมกลืนกันหมดเสียทุกอย่าง จนเขาก็อดที่จะมองสถานที่เหล่านั้นเพลินไปไม่ได้
ตั้งแต่เคลื่อนรถจากทางเข้าจนถึงตึกทรงไทยประยุกต์หลังใหญ่ ที่มีกลุ่มคนกลุ่มยืนรออยู่ มันช่างเป็นภาพที่สวยงามยิ่งนัก ดั่งกับภาพวาดบนผืนผ้าใบของจิตรกรชื่อดัง ไม่แม้แต่เขาเท่านั้น ทั้งปุณชิกาและรติกรก็ดูเหมือนจะชอบด้วยเหมือนกัน เพราะตลอดทางที่เคลื่อนรถเข้ามา ทั้งสองดูจะชมไม่ขาดปากเลย
รถแล่นเข้ามาจอดสนิทที่หน้าบ้านหลังใหญ่ที่มีผู้คนกลุ่มหนึ่งยืนรอต้อนรับอยู่ เมยาวีที่ยืนยิ้มอยู่ด้านหน้าสุด และยิ่งคนที่เธอเข้าใจว่าเป็นลูกค้าเปิดประตูลงจากรถมา หญิงสาวแทบจะร้องลั่นด้วยความดีใจ ดีที่วัสนางค์เอื้อมมือมาปิดปากของเธอได้ทัน และเอ่ยเตือนอยู่ตลอดเวลา
“ระงับอาการหน่อยได้ไหมยายเหมย” เพื่อนสาวกระซิบ หากก็ยังไม่ลืมที่จะฉีกยิ้มต้อนรับอาคันตุกะหนุ่ม ที่เดินตรงมายังกลุ่มของเธอ
“ก็เค้าหล่อนี่ฝน หล่อมากๆ อย่างกับเทพบุตรเลยล่ะ”
เมยาวีทำตาชวนฝัน หากรอยยิ้มนั้นต้องหุบลง เมื่อเห็นอีกสาวหนึ่งลงจากรถ และตรงเข้ามากอดแขนของเขาแสดงความเป็นเจ้าของ
“ไปทำหน้าที่ต้อนรับพวกเขาได้แล้ว แล้วก็อย่าลืมทำตัวเป็นเจ้าของสถานที่ที่ดีด้วยล่ะ” ว่าแล้ววัสนางค์ก็ดุนหลังเพื่อนสาวให้เดินนำเข้าไปหาชายหนุ่ม และหญิงสาวอีกสองคนที่เดินตามกันมา
“สวัสดีค่ะ...” เจ้าของไร่สาวยกมือขึ้นทักทายผู้มาเยือน เช่นเดียวกับรติกรที่ทำหน้าที่เดินเข้าไปหาหญิงสาวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“สวัสดีค่ะ คุณเหมยใช่ไหมคะ”
“ใช่แล้วค่ะ ดิฉันเหมย เมยาวี ศีตกรรณ เจ้าของสวนดอกไม้แห่งนี้ค่ะ” เมยาวีตอบ แต่สายตาก็ไม่วายที่จะปรายตามองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ไม่ไกลกันนัก
“ยินดีที่ได้เจอตัวจริงค่ะ ดิฉันรติกร ส่วนนี่คุณจอมทัพ ผู้บริหาร เจ โปรดัก คุณจอมทัพเธอมาดูแลงานนี้ด้วยตนเองค่ะ”
เลขาฯ สาวแนะนำเจ้านายหนุ่มให้กับอีกฝ่ายได้รู้จัก เมยาวียิ้มกว้าง เธอยื่นมือไปตรงหน้าหวังสานสัมพันธไมตรีที่ดีให้มากขึ้น
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ คุณจอมทัพ”
“เช่นกันครับ”
จอมทัพกำลังจะเอื้อมมือออกไป หากแต่ในเวลานั้นปุณชิกากลับรั้งแขนของเขาเอาไว้ และยื่นมือเข้าไปสัมผัสอีกฝ่ายแทน
“ส่วนฉัน ปุณชิกา ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ” เธอพูดพร้อมกับบีบมือของเมยาวีแน่น จนอีกฝ่ายต้องสะบัดมือออกไปอย่างรวดเร็ว
“เอ่อค่ะ”
เมยาวียิ้มเจื่อนมองมาที่ชายหนุ่มพยายามเก็บความไม่พอใจเอาไว้ให้ลึกมากที่สุด เอาเถอะถึงยายผู้หญิงที่ชื่อปุณชิกาคนนั้นนิสัยแย่ แต่คุณจอมทัพก็หล่อขั้นเทพเธอก็พอจะให้อภัยได้
“เชิญทุกคนเข้าไปข้างในดีกว่าค่ะ อาหารเช้ารออยู่แล้ว ทางนี้ค่ะ” เมยาวีผายมือเชื้อเชิญ ก่อนจะเดินนำทุกคนเข้าไปภายในบ้านของตนเอง
****
“เธอกำลังคิดอะไรอยู่ ยายเหมย” วัสนางค์เข้ามากระซิบถามเพื่อนสาว หลังเห็นเมยาวีเอาแต่ยิ้มอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่เข้าบ้านมา
“หืม...อะไรนะฝน”
“ฉันถามว่า เธอกำลังคิดอะไรอยู่ ยิ้มอยู่ตลอดเวลาอย่างกับเจออะไรถูกใจ”
“แล้วเธอคิดว่าฉันเจออะไรที่ถูกใจล่ะฝน” ว่าพร้อมกับทำท่าเลิกคิ้วขึ้นแล้วมองเพื่อนสาวด้วยประกายตาหวานฉ่ำ
“อย่าบอกนะว่า เธอคิดจะ...”
“ไม่มีอะไรหรอกน่า เธอน่ะแหละคิดมากไปฝน”
พูดเช่นนั้นทว่ารอยยิ้มกลับเป็นอีกแบบ จนวัสนางค์เอียงหน้ามองเพื่อนสาวอย่างสงสัย
“ฉันขอเตือนเธอเลยนะยายเหมยระวังจะไปเหยียบตาปลาใครเข้าล่ะ”
“จ้า...” เมยาวีตอบก่อนจะแยกไปอีกทางหนึ่ง
****
“เชิญทุกคนสู่ไร่ศีตกรรณอย่างเป็นทางการค่ะ เชิญนั่งค่ะ เชิญนั่ง” เจ้าของไร่สาวผายมือให้ทุกคนนั่งประจำที่ ที่จัดเตรียมเอาไว้ โดยจอมทัพได้ที่นั่งใกล้ๆ วัสนางค์ถัดไปคือปุณชิกา ส่วนรติกรนั่งฝั่งตรงข้ามกับเจ้านายหนุ่ม ข้างๆ คือมณีกานดาและชัย
ที่นั่งลงตัวกันทุกคน ที่จะเป็นปัญหามากที่สุดเห็นจะเป็นปุณชิกา เธอเดินมาหยุดข้างหลังวัสนางค์แล้วเอ่ยด้วยเสียงเหยียด
“ฉันจะนั่งใกล้กับพี่จอมของฉัน ส่วนเธอ ไปนั่งทางนู้น” เธอไม่พอใจที่เห็นอีกฝ่ายได้นั่งใกล้กับจอมทัพ
ฝ่ายวัสนางค์เมื่อถูกเรียกเช่นนั้นก็ปริ๊ดแตกในทันที
“ไม่ค่ะ ฉันชินกับที่นั่งตรงนี้แล้ว”
“แล้วไง ชินก็ต้องลุกให้ฉันนั่งสิ สิทธิ์ที่จะนั่งตรงนั้นมันคือฉัน ไม่ใช่เธอ”
“อ้าวๆ พูดแบบนี้มันก็ไม่ถูกนะคะ ที่ของฉันอยู่ตรงนี้ ส่วนที่ของคุณอยู่นั่น” วัสนางค์หยัดกายลุกพร้อมกับมองหญิงสาวที่ดูท่าแล้วก็เห็นๆ อยู่ว่าอายุอ่อนกว่าเธอหลายปี แต่ทำไมนะ ถึงไม่รู้สึกเกรงใจกันบ้าง
“ปูเป้...อย่าเรื่องมากได้ไหม เขาจัดให้นั่งยังไงก็นั่งไปก่อนเถอะ”
จอมทัพไม่อยากจะให้หญิงสาวที่มากับตนเอง ต้องผิดใจกับเจ้าของสถานที่ และจะพาลพาให้งานของเขาล่มไปด้วย ชายหนุ่มจึงเป็นฝ่ายห้ามทัพในที่สุด
เห็นชายหนุ่มว่าอย่างนั้นปุณชิกาจึงได้ยอมในที่สุด ก่อนทรุดกายลงนั่งตรงที่ว่างซึ่งตรงกันข้างกับชัยที่กำลังมองมาที่เธออยู่ เห็นดังนั้นเธอจึงเอ็ดขึ้นในทันที
“มองอะไรยะ ไอ้บ้านนอก”
ชัยแม้จะนึกชื่นชมปุณชิกาอยู่ในใจ เมื่อเธอว่าเช่นนั้น เขาก็แค่คลี่ยิ้ม แล้วตอบปฏิเสธไปในที่สุด
“เปล่าครับ...”
“ก่อนอื่น ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการนะคะ ดิฉันชื่อเมยาวี ศีตกรรณ เจ้าของสวนดอกไม้แห่งนี้ คนนั้นชัย เขาเป็นผู้ดูแลดอกไม้ทั้งหมดในสวน คนนั้นน้ำบุษย์ผู้ช่วยของฉันเอง ที่นั่งข้างๆ กับคุณรติกรมณีกานดากับคนที่นั่งข้างๆ คุณจอมทัพก็วัสนางค์ ทั้งสองคนคือเพื่อนของฉันค่ะ มณีกานดาทำสวนส้ม อยู่ข้างๆ ไร่ของเราค่ะ ส่วนวัสนางค์ก็มีไร่องุ่นอยู่ตรงข้ามกับไร่ของเราเหมือนกัน ว่างๆ จะพาพวกคุณไปชมไร่ทั้งสองนะคะ”
“ยินดีครับคุณเมยาวี...” จอมทัพคลี่ยิ้มขอบคุณด้วยประกายตาชื่นชม
นอกจากชื่นชมแล้ว ยังมีบางสิ่งบางอย่างที่จู่ๆ ก็มาทำให้หัวใจของเขาสั่นไหว ตั้งแต่แรกเห็นหน้าเธอ ไม่รู้เหมือนกัน เหตุใดถึงได้เป็นเช่นนั้น
“รติยินดีมากๆ ค่ะ คุณเมยาวี ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ คุณวัสนางค์ คุณมณีกานดา”
“เรียกเราด้วยชื่อเล่นจะดีกว่านะคะ เรียกดิฉันว่าเหมย เรียกวัสนางค์ว่าฝน ส่วนมณีกานดาก็เรียกคีนมันจะง่ายและเป็นกันเองกว่าค่ะ”
เมยาวีบอกอย่างเป็นกันเองด้วยคลี่ยิ้มสดใส แต่กระนั้นก็ยังมิวางที่จะปรายตามองไปยังจอมทัพที่ยิ้มให้กับเธอเช่นกัน
“รับประทานกันได้เลยค่ะ เดี๋ยวเสร็จเรียบร้อย เหมยจะให้น้ำบุษย์พาไปที่ห้องพักนะคะ”
“แต่คุณเหมยคะ บุษย์จัดแค่สองห้องเองนะคะ ตอนแรกคิดว่ามากันแค่สองคน”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณเหมย รติพักกับคุณปูเป้ก็ได้ค่ะ”
“แล้วใครว่าจะพักกับเธอล่ะยะ”
ไฮโซสาวเอ่ยแทรกขึ้นมาอย่างไม่พอใจสักเท่าไร ขณะเมยาวีเลื่อนสายตาไปมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเหยียดหยัน
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะให้น้ำบุษย์จัดห้องเพิ่มให้คุณอีกห้องนะคะ” เมยาวีบอกเสียงแจ่มใส แม้ในใจอดที่จะนึกรำคาญอีกฝ่ายไม่ได้
“ไม่ต้องก็ได้ค่ะ ปูเป้พักห้องเดียวกับพี่จอมก็ได้”
“อ้าว...” เมยาวีหล่นเสียงอย่างแปลกใจที่ได้ยินประโยคนั้นจากสาวรุ่นน้อง
“ปูเป้...พี่ว่าเธอพักอีกห้องจะดีกว่านะ รบกวนคุณเหมยกับคุณบุษย์อีกรอบนะครับ”
ชายหนุ่มเอ่ยขัดขึ้นก่อนจะหันไปทางน้ำบุษย์และมาหยุดที่เมยาวีเป็นที่สุดท้าย ซึ่งอีกฝ่ายก็ส่งยิ้มกริ่มตอบกลับมาอย่างยินดีที่เขาขอเธอเช่นนั้น
****
หลังน้ำบุษย์พาแขกทั้งสามไปยังเรือนไม้ ที่อยู่ถัดไปวัสนางค์ จึงได้มีโอกาสเข้ามาสาธยายกับเพื่อนสาว ถึงอุปนิสัยของปุณชิกา
“ฉันชักจะหมั่นไส้ยายคุณปูเป้นั่นแล้วสิเหมย”
“หมั่นไส้ หมั่นไส้ยังไงฝน” เจ้าของไร่สาวเอียงหน้ามองกรอบหน้าที่แดงเข้มของวัสนางค์ที่ดูจะเป็นเดือดที่สุด
หลังได้ปะทะกับปุณชิกาที่หน้าโต๊ะกินข้าวเมื่อครู่
“บอกตรงๆ ฉันหมั่นไส้ยายคุณหนูนั่น อยากจะตบสักฉาดหนึ่งให้หายคันมือไปเลย”
“ยายฝนเอ้ย เมื่อกี้ยังเตือนฉันอยู่ว่าไม่ให้ไปยุ่งกับเค้า แต่เป็นเธอเสียเอง หึๆ ฉันว่าอยู่เฉยๆ เถอะแก” เมยาวีคลี่ยิ้มก่อนจะหันไปเก็บของบนโต๊ะต่อ
“ใช่ อย่างที่ยายเหมยเตือนแหละ ฉันว่าเธออย่าไปยุ่งกับคุณปูเป้เลยนะฝน เธอด้วยยายเหมย”
มณีกานดาขยับเข้ามาเอ่ยเตือนเพื่อนสาวทั้งสองอย่างรู้ทัน หลังได้ยินวัสนางค์พูดถึงปุณชิกาในเชิงการวางแผนอะไรสักอย่าง
“ไม่ได้หรอกก็หล่อนน่ะ ทำให้ฉันอยากจะยุ่งเองนี่”
“แต่ฉันว่า คุณจอมทัพเค้าหล่อดีนะ”
เมยาวีทำสายตาชวนฝัน ภายในห้วงมโนนึกของเธอมีภาพใบหน้าเขาปรากฏชัดเจน ไม่แม้กระทั่งหัวใจสาวที่เต้นรัว ก็มีเขาเข้าไปนั่งอยู่ในนั้นอย่างเต็มใจ
****
หลังจัดของเข้าห้องพักเรียบร้อยแล้ว รติกรจึงได้มีเวลาออกจากห้องพัก ก่อนจะมองเห็นเมยาวีที่ยืนมองดูดอกไม้อยู่ด้านหน้าสวน เธอจึงเดินเข้าไปหาเจ้าของไร่สาวในทันที
“คุณเหมยคะ...”
“อ้าวคุณรติ...เป็นอย่างไรบ้างคะ ห้องพัก พอจะอยู่ได้กันไหมคะ”
“สุดยอดเลยค่ะ ห้องพักอย่างกับรีสอร์ตเลยนะคะ อ้อ...แล้วคุณฝนกับคุณคีนล่ะคะ” เธอชะเง้อมองหาอีกสองสาวที่คิดว่าจะตามมากับเมยาวีด้วย
“สองคนนั้นกลับบ้านไปแล้วค่ะ เห็นว่ามีงานจะต้องเคลียร์”
“วันหลังรติเห็นทีจะต้องให้คุณเหมยพาไปเยี่ยมชมไร่ของคุณคีนกับคุณฝนแล้วล่ะค่ะ อยากจะไปเห็นเต็มแก่แล้ว”
“ได้สิคะ เอาไว้วันหลังเหมยจะพาคุณรติไปก็แล้วกันนะคะ”
“ขอบคุณค่ะ อาหารมื้อเช้าอร่อยด้วยค่ะ รติชักชอบที่นี่แล้วล่ะสิ”
“ขอบพระคุณมากๆ นะคะ อยากได้อะไรเป็นพิเศษบอกเหมยได้เลยนะคะ” เมยาวีคลี่ยิ้มสดใส หลังได้รับคำชมจากแขกสาว
“ค่ะ เอาไว้รติอยากได้อะไรจะบอกนะคะ”
ทั้งสองสาวส่งยิ้มให้แก่กันอย่างเป็นมิตร เมยาวีจึงพารติกรเดินลัดเลาะไปตามเส้นทางเพื่อให้ชมดอกไม้ที่ปลูกตามรายทาง
“อ้อ ตอนแรกเราว่าจะมากันแค่สองคน แต่คุณปูเป้เธอขอติดมาด้วย เลยต้องรบกวนทางคุณเหมยต้องจัดห้องให้อีก”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะเหมยยินดี เอ่อ...คุณปูเป้เธอเป็นแฟนกับคุณจอมทัพหรือคะ” เมยาวีถามอีกฝ่าย ทว่ารติกรกลับส่ายหน้า
“ไม่หรอกค่ะ พอดีญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองรู้จักกัน ท่านนายพลบิดาของคุณปูเป้เลยฝากให้คุณจอมทัพช่วยดูแลลูกสาวของท่าน แต่ทางคุณปูเป้สิคะชอบไปพูดกับคนอื่นๆ ว่าคุณจอมทัพเป็นแฟนกับเธอ”
“แล้วทางคุณจอมทัพล่ะคะ เขาไม่คิดจริงๆ หรือคะ”
“ไม่หรอกค่ะ แต่ฉันก็ดูๆ แล้วนะคะ ว่าคุณจอมทัพน่าจะรำคาญคุณปูเป้เสียด้วยซ้ำไป แต่ก็ไม่อาจขัดใจของผู้ใหญ่ได้ค่ะ”
“อย่างนั้นหรือคะ...”
เมยาวีส่งยิ้มให้รติกรอย่างอ่อนโยน ความรู้ใหม่ที่เพิ่งได้มานับว่าเป็นประโยชน์กับเธอมากที่สุด
พายุ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 ก.พ. 2555, 19:45:30 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 ก.พ. 2555, 22:16:43 น.
จำนวนการเข้าชม : 1815
<< ตอนที่ ๓ ไร่ดอกไม้ศีตกรรณ | ตอนที่ ๕ ชมสวน >> |