สุดฝั่งฝัน
ความฝันของเขาคือการได้พบกับน้องชายที่พลัดพราก หากเมื่อได้กลับมาพบกันอีกครั้ง นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มดุจท้องทะเลลึกของเด็กชายตัวน้อยในอดีต บัดนี้กลับระอุไปด้วยเพลิงแค้น สุดปลายทางความฝันของเขาจะเป็นเช่นไร จะมีทางหรือไม่ที่จะได้น้องชายคนเดิมกลับมา
Tags: ซึ้ง ดราม่าเล็ก ๆ

ตอน: ตอนที่ 7

7...

ชาร์ลีขับรถสปอร์ตของตนเองเลยไปจอดยังด้านหลังของคฤหาสน์ตระกูลเกรแฮม ชายหนุ่มดับเครื่อง แง้มประตูรถแล้วโผล่หน้าออกมามองไปรอบ ๆ เมื่อเห็นว่าปลอดคน เขาจึงรีบลงจากรถแล้วรีบเดินเข้าทางประตูหลัง

“คุณชาร์ลี”

ชายหนุ่มเกือบสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเรียกทันทีที่ก้าวพ้นประตู หากเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เขาก็แทบจะแสดงสีหน้าเหยียดหยามออกมาทันที

“เรียกฉันทำไม” ชาร์ลีถามเสียงแข็ง

“คุณนิคให้มาเชิญ” แบรนดอนตอบ ไม่สนใจกับท่าทีของอีกฝ่ายที่ถือตนเป็นเจ้าใหญ่นายโต

“ฉันยังไม่ว่าง” ตอบเสียงกระด้าง หากใบหน้ากลับซีดเผือด

“กรุณาว่างเถอะครับ ถ้ายังไม่อยากถูกผมลากไป” ลูกน้องของนิโคลัสเอ่ยเสียงเรียบ ชายหนุ่มไม่เพียงแค่พูดเปล่า เขายังเข้าไปจับแขนพี่ชายบุญธรรมของเจ้านาย ทำท่าจะลากไปจริง ๆ

“เฮ้ย! อะไรวะ” ชาร์ลีกระชากแขนออก ท่าทีฮึดฮัดไม่พอใจ แค่ลูกกระจ๊อกคนหนึ่งของนิโคลัส แต่ยังกล้ากับเขาถึงเพียงนี้

แบรนดอนปล่อยมือแล้วเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่าจะไปหรือไม่ไป ชาร์ลีได้แต่กำหมัดแน่น แต่ก็ไม่กล้าทำอะไรอีกฝ่ายเพราะรู้ฝีมือกันดี สุดท้ายจึงตัดสินใจเดินตรงไปยังห้องทำงานของน้องชาย เมื่อไปถึงชายหนุ่มฝืนใจปั้นยิ้มซึ่งเป็นสิ่งที่เขาถนัดที่สุด

“นิค” ชาร์ลีเรียกเมื่อเจ้าของห้องยังไม่ยอมเงยหน้าจากเอกสารในมือ

“นั่งสิ ชาร์ล” นิโคลัสเอ่ยพร้อมกับวางเอกสารนั้นลงบนโต๊ะ

ชาร์ลีพยายามสังเกตท่าทางของน้องชายบุญธรรม เขาพอจะเดาได้ว่านิโคลัสเรียกเขามาด้วยเรื่องอะไร นั่นยิ่งทำให้ชายหนุ่มร้อนตัว แต่เมื่อได้ยินนิโคลัสเรียกเขาด้วยชื่อเล่น ทำให้พอมีความหวังว่าอีกฝ่ายจะยังให้โอกาส ชายหนุ่มนั่งลงแล้วเหลือบมองคนตรงหน้าอย่างหวั่นเกรง หากยังยิ้มสู้ แม้จะต้องพยายามบังคับไม่ให้ริมฝีปากที่กำลังเผยอยิ้มนั้นสั่นออกมาให้เห็น

“บริษัทที่นายดูแลอยู่เป็นยังไงบ้าง” นิโคลัสเหลือบตามอง ใบหน้าซีดเผือดที่กำลังปั้นยิ้มส่งมาให้นั้นทำให้เขารู้สึกขบขันแกมสมเพช หากชายหนุ่มไม่หัวเราะ ไม่แม้กระทั่งยิ้มตอบ

“เอ่อ..ก็” ชาร์ลีพูดไม่ออก เมื่อผ่านมาแล้วสามเดือนตามกำหนด แต่สถานการณ์ของบริษัทก็ยังไม่ดีขึ้นเพราะขาดเงินทุนสนับสนุน ชายหนุ่มพยายามขอกู้จากธนาคาร แต่ไม่มีที่ใดยอมเสี่ยงอนุมัติเลยสักราย เขาเคยขอความช่วยเหลือจากบิดาบุญธรรมด้วย หากนายหลุยส์กลับหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ แล้วบอกเขาว่าน้องชายเพียงแค่ขู่เล่นเท่านั้น

“ยังขาดทุนอย่างต่อเนื่อง” นิโคลัสพูดต่อให้เมื่ออีกฝ่ายยังนิ่ง ชายหนุ่มยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งไปให้ชาร์ลี ซึ่งรับไปดู แล้วดวงตาสีฟ้าใสจึงเบิกกว้างขึ้นอย่างตระหนก

“คำสั่งถอดถอนผู้บริหาร!” ชาร์ลีร้องเสียงหลง “นิค นายจะทำอย่างนี้ไม่ได้นะ”

นิโคลัสเลิกคิ้ว “ทำไมจะไม่ได้”

สีหน้าของชาร์ลียิ่งเครียดมากขึ้น เมื่อน้องชายบุญธรรมมีสิทธิ์เต็มที่ เพราะนายหลุยส์ได้ส่งมอบอำนาจทุกอย่างให้นิโคลัสซึ่งเป็นลูกชายแท้ ๆ หมดแล้ว

“นิค ขอเวลาอีกหน่อย ฉันขอร้อง”

“เสียเวลาเปล่าน่ะชาร์ล ฉันให้เวลานายมานานพอแล้ว ฉันว่านายควรจะเอาเวลาที่เหลือ ไปคิดหางานใหม่ดีกว่า” นิโคลัสยักไหล่แล้วพูดต่อ “ถ้าเผื่อจะมีใครรับนะ”

ชาร์ลีขบกรามแน่นกับท่าทางของน้องชาย เขายังพยายามขอร้องนิโคลัสต่อ เพราะแม้บริษัทที่ตนเองรับผิดชอบจะเป็นแค่บริษัทลูกเล็ก ๆ แต่มันก็เป็นแหล่งรายได้ที่เขาสามารถสูบเงินออกมาใช้ได้เรื่อย ๆ

หากดูเหมือนจะเสียเวลาเปล่าจริง ๆ เมื่ออีกฝ่ายไม่มีทีท่าว่าจะใจอ่อน ชายหนุ่มจึงได้แต่กลับออกมาและตัดสินใจขับรถมุ่งหน้าไปยังที่พึ่งสุดท้าย นั่นคือบ้านพักตากอากาศอีกแห่งของตระกูลเกรแฮม เมื่อไปถึงเขารีบตรงไปหาบิดาทันที

“ไงชาร์ลี ลมอะไรหอบแกมาถึงนี่ได้” นายหลุยส์ทักขึ้นเมื่อเห็นหน้าลูกชาย

“ผมคิดถึงก็มาหาสิครับพ่อ”

ดวงตาสีน้ำเงินเข้มแบบเดียวกับนิโคลัสมองตอบกลับมาตรง ๆ จนเกือบทำให้ชาร์ลีอึดอัด หากผู้เป็นพ่อเพียงหัวเราะหึ ๆ กับคำตอบของเขา แต่สีหน้าบ่งบอกชัดเจนว่าไม่เชื่อคำพูดของบุตรชายเลยสักคำ

“แกมีอะไรก็พูดมาตรง ๆ เถอะ ไม่ต้องมาเสียเวลาปากหวาน”

“ก็นิคสิครับ ถอดผมออกจากบริษัท ทำอย่างนี้ได้ไง ยังไงผมก็เป็นพี่” ชาร์ลีรีบบอก เพราะเขาเองก็ร้อนใจอยากจะพูดอยู่แล้ว “พ่อต้องช่วยผมนะ อย่าให้นิคทำแบบนี้”

นายหลุยส์รับฟังด้วยสีหน้าติดจะรำคาญ ความรู้สึกไม่ต่างกับพ่อเวลาที่เห็นลูก ๆ ทะเลาะกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง ผู้เป็นพ่อรู้ดีว่าชาร์ลีทำเรื่องอะไรมา หากเขาไม่สนใจเพราะมันเป็นเพียงแค่บริษัทลูกเล็ก ๆ ที่ไม่มีความสำคัญอะไรอยู่แล้ว คราวนี้เขาเองก็จนใจเมื่อรู้จักนิสัยลูกทั้งสองเป็นอย่างดี ชาร์ลีผิดจริงที่ผลาญเงินบริษัทไปขนาดนั้น ดังนั้นนิโคลัสไม่ยอมแน่ แม้ตนจะไปขอร้อง แต่หากเขาไม่ทำอะไร ชาร์ลีก็จะคร่ำครวญไม่เลิก

“แกก็รู้ว่านิคไม่มีวันยอม เอาเถอะ เดี๋ยวพ่อจะให้เงินแกก้อนหนึ่งไปทำทุน รอสักพัก ให้น้องมันใจเย็นกว่านี้ แล้วพ่อจะช่วยพูดให้”

ชาร์ลีไม่ได้พอใจแค่เงินทำทุนก้อนหนึ่งเลย แต่ว่าตอนนี้ นี่ดูจะเป็นเพียงทางเลือกเดียวที่มี


เมื่อชาร์ลีออกไปจากบ้านได้ไม่นาน แบรนดอนก็กลับเข้ามารายงานเจ้านายอีกครั้ง

“คุณโรเจอร์มาครับ”

“ให้เข้ามา” นิโคลัสบอกเสียงห้วน ชายหนุ่มถอนใจด้วยความรำคาญ เพราะโรเจอร์ไม่มีความสำคัญอีกต่อไปแล้ว เมื่อสิ่งที่เขาต้องการจากน้าชายนั้นสำเร็จลุล่วงไปเรียบร้อย

โรเจอร์แทบจะถลาเข้ามาหาหลานชาย หลังจากแบรนดอนเป็นผู้เปิดประตูให้

“นิค หลานขายหุ้นได้รึยัง”

“ยังเลยครับ” นิโคลัสตอบเสียงเรียบ

“เราจะทำยังไงกันดี น้าต้องเอาเงินไปคืนบริษัทแล้ว ไม่อย่างนั้นแอนดรูว์เดือดร้อนแน่” ผู้เป็นน้าละล่ำละลักบอก

“เรา?” ชายหนุ่มเลิกคิ้ว “ที่ถูกควรจะเป็น น้าจะไปแก้ตัวยังไงกับแอนดรูว์ต่างหาก” เขาบอกต่อด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจ

“อะไรนะ!” โรเจอร์แทบไม่เชื่อหู

“ผมหมายถึง น้าต้องหาข้ออ้างกับดรูว์ไปก่อน จนกว่าราคาหุ้นจะขึ้นกว่านี้อีกสักนิด” นิโคลัสกลับมาตีหน้าซื่ออีกครั้ง ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ติดใจสงสัยอะไรเพราะมัวห่วงแต่ธุระของตนเอง

“มันจะไม่ทันแล้วน่ะสินิค พรุ่งนี้ถึงวันประชุมผู้ถือหุ้นแล้ว ยังไงก็ต้องมีคนตรวจดูบัญชีของบริษัทแน่ แล้วเงินหายไปมากขนาดนี้”

“พยายามอย่าให้พวกผู้ถือหุ้นคนอื่นรู้ จนกว่าเราจะหาทางแก้ได้” ชายหนุ่มแนะนำ แต่ที่โรเจอร์ยังไม่รู้ก็คือนิโคลัสก็เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นเช่นกัน เขาแอบรวบรวมซื้อหุ้นของเคลย์ตันจากผู้ถือหุ้นเล็ก ๆ หลายราย และเขาเองนี่แหละ ที่จะเป็นคนลากคอแอนดรูว์เข้าคุกให้ได้

โรเจอร์พยักหน้ารับอย่างเหนื่อยใจ เขาจะทำยังไงได้ล่ะ ยังไงก็ไม่มีปัญญาหาเงินมากมายขนาดนั้นมาใช้คืนบริษัทได้อยู่แล้ว คงได้แต่ถ่วงเวลาอย่างที่หลานชายคนเล็กแนะนำ

“นิคขายหุ้นได้เงินมาเมื่อไหร่ รีบบอกน้านะ” ก่อนจะกลับ โรเจอร์ไม่ลืมกำชับหลานชายอีกครั้ง เรื่องนี้ทำให้เขาเครียดมาก นอนไม่หลับมาแล้วหลายวัน

นิโคลัสเดินไปส่งน้าชายข้างนอก ไม่รู้จะสมเพชหรือสงสารกับความซื่อของอีกฝ่ายดี ใบหน้าหมองคล้ำของผู้เป็นน้าทำให้ชายหนุ่มเกิดความเห็นใจขึ้นมาวูบหนึ่ง หากชายหนุ่มรีบปัดความรู้สึกนั้นออกไปจากใจ เขาจะไม่ยอมให้อะไรมาทำให้ตนไขว้เขวจากการแก้แค้นในครั้งนี้เด็ดขาด

หลังจากโรเจอร์กลับไปแล้ว นิโคลัสกลับเข้าไปยังห้องทำงาน ชายหนุ่มนั่งลง หากดูเหมือนจะไม่มีสมาธิจะทำงานต่อ ราวกับมีอะไรบางอย่างกำลังรบกวนอยู่ภายในจิตใจ ชายหนุ่มเปิดลิ้นชักแล้วหยิบภาพถ่ายใบหนึ่งออกมา ดวงตาคมหวานสีน้ำตาลเข้มนั้นมองตอบกลับมา เป็นหญิงสาวที่สวยมากจริง ๆ หากยังไม่ใกล้เคียงกับตัวจริงด้วยซ้ำ เมื่อเขารู้แล้วว่าตัวจริงของเธอมีชีวิตขีวาแค่ไหน และริมฝีปากอิ่มสวยนั้นให้รสชาติอย่างไรบ้าง แต่ดวงตาคู่หวานนี้ คิ้วเรียวสวย จมูกโด่งงาม ริมฝีปากอิ่ม รวมถึงร่างกายบอบบางของเธอ ทั้งหมดกำลังจะตกเป็นของแอนดรูว์ มือที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานกำแน่นเข้าอย่างไม่รู้ตัว ก่อนที่ร่างสูงจะลุกพรวดขึ้นแล้วกวาดทุกอย่างบนโต๊ะหล่นกระจัดกระจาย รวมถึงภาพถ่ายตัวต้นเหตุด้วย

แบรนดอนเปิดประตูเข้ามาหน้าตาตื่น แต่ไม่ใช่เป็นเพราะเสียงโครมครามในห้องเจ้านาย หากเป็นแขกผู้มาเยือนคนใหม่ที่ยังรออยู่ด้านหน้าประตูคฤหาสน์นั่นเอง และเขาก็ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะปล่อยให้แขกผู้นั้นเข้ามาดีหรือไม่

“แอนดรูว์ เคลย์ตันมาครับ” แบรนดอนไม่รอช้า ไม่สนภาพข้าวของเกลื่อนกลาดเต็มห้องด้วย เขารีบรายงานผู้เป็นนายถึงเรื่องที่สำคัญกว่าทันที

ดวงตาสีน้ำเงินเข้มโชนแสงขึ้น กรามแข็งแรงยิ่งขบกันแน่น ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะมีเคลย์ตันสักคนกล้ามาเหยียบเกรแฮมถึงที่นี่ ถ้าบิดาของเขาอยู่ที่นี่ตอนนี้ แอนดรูว์จะไม่ได้กลับออกไปในสภาพเดิมแน่นอน แต่เขาไม่ต้องการเพียงแค่ทำร้ายร่างกายอีกฝ่าย เพราะความเจ็บปวดทางกายมันหายง่ายเกินไป ความเจ็บปวดในจิตใจต่างหากที่จะฝังรากลึกและสามารถทำลายได้ทุกอย่าง

“พาไปรอที่ห้องรับแขก” เสียงตอบตวัดห้วน

“ครับ” แบรนดอนรับคำแล้วรีบกลับออกไป

นิโคลัสก้มลงเก็บภาพถ่ายของหญิงสาวขึ้นมา ก่อนจะเปิดลิ้นชักแล้วหย่อนภาพนั้นกลับไปเก็บที่เดิม เขามองสภาพยุ่งเหยิงบนพื้นห้อง ข่มใจให้เย็นลงแล้วจึงเดินไปพบแขกไม่ได้รับเชิญคนสำคัญ

ทันทีที่เห็นน้องชายก้าวเข้ามา แอนดรูว์ก็ลุกขึ้นยืนแล้วส่งยิ้มให้ ก่อนจะก้าวยาว ๆ ตรงเข้าไปสวมกอดร่างสูงนั้นแน่น

“นิคกี้ นายสบายดีนะ” เขาถามราวกับไม่ได้เจอน้องชายมานานแสนนาน ทั้งที่แค่ผ่านมาเพียงไม่ถึงเดือน

นิโคลัสตัวแข็ง แม้จะมีเพียงแค่แอนดรูว์เท่านั้นที่เคยสวมกอดเขาด้วยความรัก แต่มันก็ผ่านมานานมาก นานตั้งแต่ก่อนที่เขาจะถูกพี่ชายทอดทิ้ง กระทั่งเขาจำความรู้สึกนั้นไม่ได้แล้ว ตอนนี้ที่จำได้มีเพียงความรู้สึกที่ถูกอีกฝ่ายทรยศเท่านั้น ชายหนุ่มขืนตัวออกห่าง เขามองไปที่ขาซึ่งไม่มีเฝือกอยู่อีกแล้ว

“ขานายหายดีแล้วเหรอ”

“ใช่ พี่เพิ่งออกจากโรงพยาบาลวันนี้เอง ยังไม่ได้กลับบ้านเลย ตรงมาหานายก่อน”

นิโคลัสเกือบจะเผลอแค่นยิ้มออกมา แอนดรูว์นี่ท่าจะบ้าไปแล้วที่กล้ามาที่นี่ พี่ชายของเขาสำนึกบ้างหรือเปล่าว่าตัวเองเป็นเคลย์ตัน ส่วนเขาเป็นเกรแฮม สองตระกูลที่ไม่มีวันจะดีต่อกันได้

“ดีใจที่เห็นนายหายดีแล้ว นั่งสิ” เจ้าของบ้านพูดเสียงเย็น แอนดรูว์หายก็ดีแล้ว เพราะเขาจะได้ลงมือซะที ถึงยังไงเขาก็ไม่อยากรังแกคนเจ็บที่ไม่มีทางสู้ มันง่ายและไม่สนุก

แอนดรูว์มองไปรอบ ๆ นิคกี้คงไม่เคยรู้ ตั้งแต่เด็กเขาเคยแอบบิดามาที่นี่หลายครั้ง ด้วยความหวังว่าจะได้เห็นน้องชายที่เขารักมากที่สุด แม้เพียงแว่บเดียวก็ยังดี แต่เขาไม่เคยได้รับอนุญาตให้เข้ามาข้างใน คนเฝ้าหน้าประตูจะรีบไล่เขากลับทุกครั้งเมื่อรู้ว่าเขาเป็นใคร คงกลัวจะเกิดเรื่องใหญ่ระหว่างตระกูลขึ้นมาอีก

ชายหนุ่มหันกลับมาหาน้องชายแล้วยิ้ม “พี่ได้กำหนดวันแต่งงานมาแล้ว เลยจะมาขอให้นายเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว”

นิโคลัสชะงักไปเล็กน้อย ใจของชายหนุ่มวูบไหวขึ้นมาอย่างประหลาดกับข่าวที่ได้ยิน ก่อนที่จะรีบปรับตัวปรับใจแล้วหันมาตอบ

“นายแน่ใจแล้วเหรอ ว่าอยากให้ฉันเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวจริง ๆ”

“แน่ใจยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด นายคนเดียวที่พี่จะไว้ใจให้เป็นคนรักษาแหวนแต่งงานให้” แอนดรูว์ตอบเสียงหนักแน่น แววตาแน่วแน่มองเข้าไปในดวงตาของน้องชาย

นิโคลัสกระตุกยิ้มแล้วตอบ “เอาสิ ฉันไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” อยากรู้จริง ๆ ว่าแอนดรูว์ปรึกษาเรื่องนี้กับว่าที่เจ้าสาวคนสวยแล้วหรือยัง “เมื่อไหร่ล่ะ” เขาถามต่อ

“อีกสองเดือน”

“เร็วอย่างนั้นเชียว” ผู้เป็นน้องเลิกคิ้ว

“ใช่ พี่คุยกับพ่อแม่ของแก๊บบี้แล้ว แล้วพอดีโบสถ์ก็ว่างช่วงนั้น นี่แก๊บบี้ก็บ่น กลัวเตรียมตัวไม่ทัน” แอนดรูว์พูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะเมื่อเอ่ยถึงคู่หมั้นสาว เขาเองก็เห็นใจเกเบรียลลาที่มีเวลาเตรียมตัวเพียงน้อยนิด หากเธอจะเป็นเจ้าสาวที่งดงามที่สุดสำหรับเขา แม้จะอยู่ในชุดเจ้าสาวที่แสนธรรมดาก็ตาม

นิโคลัสมองน้ำเสียงและท่าทางร่าเริงของอีกฝ่ายอย่างขัดใจ แม้เมื่อแอนดรูว์กลับไปแล้วชายหนุ่มก็ยังหงุดหงิดพาลไปหมดไม่ยอมเลิก

“แบรนดอน! ไซม่อน!” เสียงตะโกนก้องดังไปทั่วคฤหาสน์ และยังไม่ถึงห้าวินาทีที่ชายหนุ่มเรียกซ้ำอีกครั้ง “แบรนด์ ไซม่อน! ไปไหนกันหมดวะ”

แบรนดอนกับไซม่อนรีบวิ่งมาจากคนละทิศ ก่อนจะมาหยุดพรวดอยู่ตรงหน้าเจ้านาย

“ครับ คุณนิค” ทั้งคู่พูดขึ้นแทบจะพร้อมกัน

“ไซม่อน ไปเอากุญแจรถมา” นิโคลัสสั่งไซม่อนแล้วหันไปหาลูกน้องอีกคน

“แบรนด์ ต่อไปนี้ห้ามคนนอกเข้ามาที่นี่อีก จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงคำสั่ง เข้าใจไหม”

“ครับ” แบรนดอนรับคำ พร้อมกับที่ไซม่อนยื่นกุญแจรถให้ผู้เป็นนาย

“ฉันจะไปแฮมไชร์ ไม่ต้องตาม” ชายหนุ่มคว้ากุญแจรถมาจากมือลูกน้อง ทั้งคู่กำลังจะอ้าปากค้าน แต่นิโคลัสพูดขึ้นก่อนด้วยน้ำเสียงห้วนกระด้าง “ฉันสั่ง ไม่เข้าใจหรือไง”

แบรนดอนกับไซม่อนได้แต่มองตามเจ้านายไปอย่างไม่สบายใจ แต่ก็ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งของนิโคลัส วันนี้ผู้เป็นนายอารมณ์บูดยิ่งกว่าครั้งไหน

“เอาไงล่ะ” ไซม่อนหันไปถามเพื่อนคู่หู

“อีกสักพักค่อยตามไปห่าง ๆ แล้วกัน” แบรนดอนตอบ ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน กลัวเจ้านายก็กลัว แต่ก็ห่วงความปลอดภัยของคุณนิคด้วย ชาร์ลีคนหนึ่งล่ะที่คอยหาทางเล่นงานนิโคลัสอยู่แน่ เขายอมโดนลงโทษดีกว่าปล่อยให้ผู้เป็นนายถูกทำร้าย


การเดินทางไปยังแฮมไชร์ นิโคลัสแทบจะเหยียบคันเร่งตลอดทาง ชายหนุ่มใช้รถเปิดประทุนเหมือนทุกครั้งที่ออกนอกเมือง ดวงตาภายใต้แว่นสีดำมองตรงไปข้างหน้าเพียงอย่างเดียว เขาแทบจะไม่รู้สึกถึงลมเย็นที่พัดมาปะทะใบหน้า เมื่อในใจมีแต่ความร้อนรุ่ม หงุดหงิด รู้ตัวอีกทีก็กำลังเลี้ยวรถเข้าสู่เขตแฮมไชร์ ชายหนุ่มหยุดรถพรืดหน้าคฤหาสน์ เขาถอดแว่นกันแดดเหวี่ยงไปยังเบาะอีกข้าง แล้วเปิดประตูเดินเข้าไปข้างในอย่างเร็ว บรรดาคนรับใช้วิ่งวุ่นด้วยความเคยชิน เพราะเจ้านายหนุ่มมักจะมาที่นี่โดยไม่มีการบอกล่วงหน้าเสมอ

นิโคลัสไม่สนใจที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้า เขาตรงไปยังคอกม้าทันที เมื่อชายหนุ่มก้าวเข้าไปข้างใน ม้าหลายตัวหันมามองผู้ที่เพิ่งเข้ามาเยือน สีหน้ากระด้างละมุนลงเมื่อมองไปยังบรรดาม้าที่อยู่ในคอก

ชายหนุ่มแวะทักทายม้าสาวเพอร์ซิโฟเนและเจ้าเฮดีส เขาตบแผงคอมันเบา ๆ พลางกล่าวชมเชยผลงานในสนามโปโลวันนั้น จากนั้นจึงไปหยุดยืนอยู่หน้าคอกเจ้าทานาทอส ม้าหนุ่มย่ำเท้าไปมา พ่นลมหายใจฟืดฟาดอย่างไม่สบอารมณ์ นิโคลัสยิ้ม เขากำลังอยากออกแรงพอดี ชายหนุ่มเปิดประตูคอกปล่อยเจ้าทานาทอสออกมา เขาเบี่ยงตัวหลบไปด้านข้าง ก่อนจะเหวี่ยงตัวขึ้นไปบนหลังเจ้าม้าหนุ่มโดยไม่สนใจจะใส่อานหรือเครื่องม้าอื่น ๆ ให้มัน เมื่อทานาทอสรู้สึกถึงน้ำหนักบนหลัง มันก็ยกสองเท้าหน้าขึ้นแล้วพุ่งโผนออกไปข้างหน้าอย่างเร็ว

การขี่ม้าหลังเปล่าแบบพวกอินเดียนแดงต้องใช้ความชำนาญเป็นอย่างมาก นิโคลัสพยายามทรงตัวให้อยู่เมื่อม้าหนุ่มยังควบสุดฝีเท้าไปยังท้องทุ่งด้านหน้า เจ้าทานาทอสถือเป็นม้าฝีเท้าจัดมาก ความเร็วของมันจะเป็นรองก็เพียงแค่เจ้าเฮดีสเท่านั้น หากเมื่อเจ้าม้าพยศมากขึ้น เขาก็เริ่มทรงตัวไม่อยู่ สุดท้ายชายหนุ่มตัดสินใจไม่ฝืนและยอมให้มันสะบัดหล่นลงจากหลังไปนอนแผ่อยู่กลางทุ่งหญ้าที่ขึ้นหนา

แม้จะคุ้นเคยกับม้าจนรู้เทคนิคการตกม้าเป็นอย่างดี นิโคลัสก็ยังรู้สึกจุก ชายหนุ่มนอนนิ่งและมองขึ้นไปยังท้องฟ้ายามเย็นเบื้องหน้า ทั่วผืนฟ้าเป็นสีครามเข้มให้ความรู้สึกสงบหากดูลึกลับ ชายหนุ่มหลับตาลงชั่วครู่พลางนึกกำหนดวันที่จะลงมือจัดการกับแอนดรูว์อยู่ในใจ กระทั่งรู้สึกถึงความชื้นมาดุนดันที่ใบหน้า เขาลืมตาขึ้นแล้วยิ้ม

“ไม่ต้องมาประจบเลย” นิโคลัสยกมือขึ้นลูบจมูกม้าหนุ่มเบา ๆ อย่างอ่อนโยน ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน เขาไม่ได้ติดก้อนน้ำตาลมาเป็นรางวัลสำหรับทานาทอส จึงได้แต่ลูบไปตามแผงคอมันอย่างปลอบใจ เขาออกเดินไปข้างหน้า นิโคลัสรู้สึกได้ว่าม้าหนุ่มเดินตามมา ชายหนุ่มยิ้ม คงเพราะเขายอมให้มันสะบัดตกจากหลัง มันจึงยอมละพยศได้ เดินไปได้สักพัก เมื่อรู้สึกอารมณ์ดีขึ้น นิโคลัสตวัดตัวขึ้นนั่งบนหลังทานาทอสแล้วพามันควบเบา ๆ เพื่อกลับไปทางเดิม

………………………………………………..


ชายหนุ่มร่างสูงในชุดสูทสีดำยืนสงบอยู่หน้าแท่นพิธีและบาทหลวง ศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสีทองเปล่งประกายนั้นตัดสั้นอย่างเรียบร้อย เขาหันไปยิ้มให้เจ้าหนูเจมี่ซึ่งยืนถือพานแหวนอยู่ด้านข้าง ก่อนที่ดวงตาสีเทากระจ่างใสจะจับจ้องไปยังประตูโบสถ์เมื่อเสียงดนตรีเริ่มบรรเลงขึ้นเบา ๆ อย่างอดไม่ได้ แอนดรูว์หันกลับเมื่อต้นขบวนของเจ้าสาวเดินก้าวเข้ามา

เด็กหญิงคนหนึ่งในชุดกระโปรงบานฟูฟ่องสีขาวราวกับนางฟ้าเดินนำหน้าเข้ามาพลางโปรยกลีบดอกไม้ไปรอบตัว ตามด้วยขบวนของเหล่าเพื่อนเจ้าสาว ก่อนที่ร่างโปร่งบางในชุดแต่งงานลูกไม้สีขาวจะเยื้องย่างเข้ามาอย่างเนิบช้าดูนุ่มนวลเคียงข้างกับนายแพทย์โทมัสผู้เป็นบิดา

ชายหนุ่มอีกคนผู้ยืนอยู่ไม่ไกลจากเจ้าบ่าวและบาทหลวงมากนัก ดูจะไม่สนใจกับพิธีการที่กำลังเกิดขึ้น วันนี้เส้นผมสีดำสนิทที่ยาวระต้นคอถูกหวีเสยไปด้านหลังเผยให้เห็นดวงหน้าคมสันอย่างชัดเจน ดวงตาสีน้ำเงินเข้มมีแต่ความว่างเปล่ากระทั่งเห็นร่างระหงสง่างามเดินถือช่อดอกไม้เข้ามาราวกับภาพช้า แววตานั้นเข้มขึ้นก่อนที่มือแข็งแรงจะเผลอยกขึ้นแตะไปที่อกด้านซ้ายอันเป็นตำแหน่งของแหวนแต่งงาน หากเมื่อรู้ตัวนิโคลัสจึงรีบสะบัดมือลง มุมปากได้รูปยิ้มหยันขึ้นเหมือนกำลังเยาะเย้ยใครสักคน

มือบางของเกเบรียลลาถูกส่งต่อไปยังมืออบอุ่นมั่นคงของเจ้าบ่าว แอนดรูว์ยิ้มอ่อนโยนให้เจ้าสาวของตน แม้จะเห็นใบหน้าภายใต้ผ้าคลุมหน้านั้นอย่างรางเลือน ทั้งคู่จับมือกันแล้วหันหน้าเข้าหาบาทหลวงผู้ทำพิธี

บาทหลวงเริ่มพิธีกระทั่งถึงการกล่าวคำสาบาน เกเบรียลลารู้สึกถึงความชื้นที่ขอบตาทั้งสองเมื่อได้ยินเสียงเจ้าบ่าวรับคำ แอนดรูว์กระชับมือของเธอแน่นขึ้นอย่างให้กำลังใจ หญิงสาวได้ยินเสียงพร่าเลือนของบาทหลวงพูดต่อราวกับอยู่ในความฝัน

“นางสาวเกเบรียลลา อลิซาเบท สลีเฟิร์ท ท่านจะรับนายแอนดรูว์ เอ็ดเวิร์ด เคลย์ตัน เป็นสามี และจะซื่อสัตย์ต่อเขาทั้งในยามสุขและทุกข์ ทั้งในเวลาป่วยและเวลาสบาย เพื่อรักและยกย่องให้เกียรติเขาจนกว่าชีวิตจะหาไม่หรือไม่”

ชายหนุ่มผู้ทำหน้าที่รักษาแหวนแต่งงานเหลือบตาขึ้นมองไปยังร่างของเจ้าสาว หากเห็นเพียงผ้าคลุมสีขาวสะอาดตา กรามแข็งแรงขบกันแน่นจนเป็นสันนูนเมื่อได้ยินคำตอบ

“รับค่ะ”

มือใหญ่กำแน่นเข้าก่อนที่จะคลายออกเมื่อทั้งเจ้าบ่าวและบาทหลวงต่างหันมามอง นิโคลัสล้วงมือไปยังอกเสื้อด้านซ้ายแล้วหยิบแหวนแต่งงานออกมามอบให้บาทหลวงด้วยสีหน้าเรียบสนิท

เมื่อพิธีแลกแหวนสิ้นสุดลง บาทหลวงก็ประกาศให้ทั้งคู่เป็นสามีภรรยา และให้เจ้าบ่าวจุมพิตเจ้าสาว เพื่อนเจ้าสาวคนหนึ่งก้าวเข้ามาเปิดผ้าคลุมหน้าของเกเบรียลลาตามหน้าที่แล้วถอยกลับไป

แอนดรูว์มองดวงตาคู่สวยที่บัดนี้คลอขังไปด้วยหยาดน้ำตาแล้วยิ้ม เขายกมือขึ้นประคองใบหน้างามที่น้ำตาค่อย ๆ กลิ้งลงมาตามแก้มนวล ชายหนุ่มก้มลงจูบซับน้ำตาให้ที่ดวงตาและแก้มทั้งสอง ก่อนที่ริมฝีปากอบอุ่นจะเลื่อนไปประทับที่กลีบปากบางนั้นอย่างแผ่วเบา จากนั้นร่างสูงของเจ้าบ่าวจึงรวบร่างโปร่งบางเข้ามากระชับแน่นในอ้อมอกกว้าง ท่ามกลางเสียงปรบมือแสดงความยินดีดังกึกก้องไปทั่ว

เกเบรียลลาหันไปมองยังบิดาและมารดา ตอนนี้พ่อของเธอกำลังยิ้มและโอบแม่ไว้หลวม ๆ ขณะที่แม่ของเธอกำลังยกชายผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับน้ำตาด้วยความปลื้มปิติ ใจของหญิงสาววูบโหวงอย่างประหลาดเมื่อต่อไปนี้เธอจะต้องห่างคนทั้งสองเพื่อไปใช้ชีวิตคู่ของตนเองแล้ว แอนดรูว์มองตามสายตาของเจ้าสาวแล้วบีบมือเธอเบา ๆ อย่างเข้าใจ

หลังจากพิธีต่าง ๆ เสร็จสิ้น เจ้าบ่าวเจ้าสาวจับมือกันเดินออกมานอกโบสถ์ โดยมีแขกร่วมแสดงความยินดีอยู่สองข้าง เมื่อออกมาถึงด้านนอก ตำรวจสองคนก็เดินตรงเข้ามาหาเจ้าบ่าว ทั้งคู่ไม่ได้ใส่เครื่องแบบเพราะไม่ต้องการให้แขกผู้มาร่วมงานแตกตื่น

“ขอโทษครับคุณเคลย์ตัน ผมเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ” ตำรวจคนหนึ่งแสดงบัตรประจำตัวให้ดู ซึ่งมีเพียงแอนดรูว์และเกเบรียลลาเท่านั้นที่เห็น หญิงสาวหันขวับไปมองเจ้าบ่าวหมาด ๆ ด้วยความตกใจ

โรเจอร์ที่เดินตามมาด้านหลังหน้าซีดเผือด เขาหันไปมองหลานชายคนเล็กที่กลับยืนเฉยไม่แสดงสีหน้าอะไร

“ครับ” แอนดรูว์มองเจ้าหน้าที่ทั้งสองอย่างงุนงง

“ขอโทษนะครับที่ต้องมาขัดจังหวะงานสำคัญ แต่มีคนแจ้งจับคุณข้อหายักยอกทรัพย์ของบริษัท”

มือบางผวาเข้าไปเกาะแขนของชายหนุ่มแน่น แอนดรูว์หันไปมองเจ้าสาวที่กำลังมีสีหน้าตระหนก เขาเองก็ตกใจไม่แพ้กัน ต้องมีการเข้าใจอะไรกันผิดแน่ ชายหนุ่มกุมมืออีกฝ่ายอย่างปลอบขวัญก่อนจะหันไปถามนายตำรวจ

“ใครเป็นคนแจ้งจับครับ”

นายตำรวจคนนั้นยังไม่ทันได้ตอบ เมื่อร่างสูงของนิโคลัสก้าวออกมาด้านหน้าด้วยแววตาเข้มกระด้าง รอยยิ้มหยันผุดขึ้นที่ริมฝีปาก

“ฉันเอง”

ดวงตาสีเทาเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อสายตา ฝ่ายโรเจอร์ก็อ้าปากค้าง ผู้เป็นน้าถลันเข้าไปหาหลานชาย

“นิค ไม่จริงใช่ไหม หลานแค่ล้อพวกเราเล่นใช่ไหม” หนุ่มใหญ่คร่ำครวญพร้อมกับเขย่าแขนของนิโคลัสราวกับจะพยายามเรียกสติของอีกฝ่าย

นิโคลัสปรายตามองผู้เป็นน้าแล้วเหยียดริมฝีปากอย่างดูถูก เขากระตุกแขนออกโดยไม่พูดอะไร ดวงตาสีน้ำเงินคมปลาบมองตอบเกเบรียลลาที่กำลังจ้องมองมาอย่างเอาเรื่อง

แอนดรูว์กำลังมองน้องชายอยู่เช่นกัน ชายหนุ่มไม่พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว เขายืนนิ่งราวกับมีใครมากระชากวิญญาณออกไป สมองและความคิดต่าง ๆ มึนชาไปหมด หากสัมผัสอ่อนโยนที่เกาะกุมแขนแข็งแรงของตนอยู่นั้น ทำให้ตระหนักได้ว่า แม้ตนจะเสียวิญญาณหากยังเหลือหัวใจ เขาก้มลงยิ้มให้เกเบรียลลา

“คุณกลับบ้านกับคุณพ่อคุณแม่ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมเสร็จธุระแล้วจะไปรับ”

เกเบรียลลาส่ายหน้า มือบางเกาะอีกฝ่ายแน่นขึ้น “ไม่ค่ะ ฉันจะไปด้วย”

“อย่าดื้อสิครับคนดี ผมสัญญาว่าจะไปไม่นาน”

ชายหนุ่มจับมือนุ่มออกจากแขนตนเองแล้วเดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองไป เกเบรียลลามองตามร่างสูงนั้นผ่านม่านน้ำตา แอนดรูว์จะเจ็บปวดเพียงใดกับเหตุการณ์นี้ หญิงสาวหันขวับไปยังตัวต้นเหตุ ดวงตาคู่สวยวาววับไปด้วยหยาดน้ำตาจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างเจ็บช้ำ เขาทำได้อย่างไร

นิโคลัสเบือนสายตาจากใบหน้างดงามนั้น ดวงตาสีน้ำเงินเข้มว่างเปล่าไร้ความรู้สึก ก่อนจะเดินผ่านร่างบางที่กำลังสั่นระริกด้วยความโกรธไปอย่างไม่ไยดี

……………………………………………….



ปุญณิศา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 ก.พ. 2555, 22:37:20 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 ก.พ. 2555, 22:37:20 น.

จำนวนการเข้าชม : 1272





<< ตอนที่ 6   ตอนที่ 8 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account