มายาไฟในดวงตา {ชุดมนตราอัญมณี}สนพ.อรุณ
พลอยตาเสือ มูนสโตน และอความารีน
มรดกที่ย่ามอบให้ทั้งสามสาวจะนำพาลางร้าย ความรัก หรือการผจญภัยมาสู่พวกเธอ
เมื่อพี่สาวคนโตอย่างมัชฌิตาตั้งใจจะเก็บมรดกทั้งของตนเองและน้องสาวเอาไว้
อันตรายบางอย่างกลับคืบคลานเข้ามา หญิงสาวจึงทำได้เพียงหนี !
ก่อนที่ “เขา” เจ้าของพลอยที่แท้จริงผู้น่าสะพรึงจะมาทวงมันคืนไปจากเธอ
Tags: อสิตา มนตรามุกจันทรา ม่านธาราเร้นดาว พลอยตาเสือ มัชฌิตา ชามัล อัคนิวรา

ตอน: บทที่ 7 สัญญาแลกชีวิต (ตอนแรก)

@ คุณ SunSeed
หนุ่มๆเมห์ฮรานี่ทั้งศานติมัน อัคนิ ชามัล ไม่มีอะไรคล้ายกันเลยค่ะ นอกจากสูงหญ่าย

@ คุณ นางสาวกระป๋อง
อีตาชามารเป็นหลานชายหัวแก้วหัวแหวนของท่านศานติมารค่ะ เวลาผ่านมาเนิ่นนานแล้วเหมือนกัน

@ คุณหมูอ้วน
หุหุ หลังจากนี้ขอเบรกด้วยเนื้อเรื่องปัจจุบันหน่อย แต่แทรกเนื้อเรื่องเฉลยไว้เรื่อยๆละค่ะ

@ คุณ sunrise
อัคนิเป็นปู่น้อยของชามัล(ฟังดูน่ารัก) แต่ปู่คงไม่รักหลาน และหลานก็คงเห็นปู่เป็นทาสรับใช้
ตอนนี้อัคนิไม่ใช่มนุษย์แล้วค่ะ เป็นสมิงเต็มตัว

@ คุณAuuuu
สัญญาแลกชีวิต ระหว่างมัชฌิตา และอัคนิวรา... หุหุหุ อร๊าง

@ คุณ Canopus
ประวัติตระกูลนี้ ถึงในส่วนของทยุตตีกับวรมันจะไม่ได้มีบทบาทอะไรอีก แต่น่าจะช่วยให้ได้อารมณ์มากขึ้น เรียกว่าเป็นตอนที่เสริมมาเพราะอยากเขียนจริงๆ เหมือนเล่าตำนานอะไรแบบนั้น *-*


@ คุณ Neferretti
ตะกี้อัคนิมาถามหาว่า
“ไหน ใครเรียกข้าอัคน้อย จะสูบพลังงานจากปากซะให้เข็ด !! ”
จะหนีหรือจะสู้คะ *0*
ทยุตตีไม่ใช่พี่มิ้งค์ คู่นั้นเป็นตัวละครรับเชิญ รับค่าตัวแค่ตอนเดียวแล้วไปเลย ให้เค้าพักเถอะ ส่วนชื่ออัคนิวราก็มีที่มาแน่นอน มีบอกไว้ค่ะ แต่รอหน่อยนะ
ชามัลกำลังสนุกกับการเฆี่ยนตีอัคนิวราหลังจากพี่มิ้งค์หายไป เอาตัวมารับรอยแผลแทนอาจได้รับความรักจากอัคนินะคะ^^ หุหุ
นายชามารบอกว่ากลับลำมาเล่นบทดีคงไม่รุ่งแล้วละ ขอโฉดให้สุดดีกว่า...


@ คุณ หยกสีน้ำผึ้ง
โผล่มาฉีกยิ้มบ่อยๆนะคะ เดี๋ยวคืนนี้จะส่งพี่เสือไปงับเบาๆ...


@ คุณ goldensun
ศานติมันนี่จะว่าไปก็เก่งน้อยกว่าทั้งชามัลและอัคนิ แต่เป็นคนที่แนบเนียนและใจเย็นที่สุด แล้วก็มีความสามารถเฉพาะทางลับๆ ในขณะที่อีกสองเด่นด้านต่อสู้


@ คุณ XaWard
เศร้าจริงๆ แต่สุดท้ายทยุตตีกับวรมันก็ยังได้อยู่ด้วยกันในแดนสุขาวดี TvT

@ คุณ ameerahTaec
หุหุ ชามัลขอแทรกเข้ามามีบทบ้างนะ คนจะได้อยากรู้เรื่องอัคนิต่อไปอีกนิด เฉลยรวดเดียวจะไม่มัน

@ คุณ silverraindrop
อัคนิไม่ได้ทำสัญญาด้วยตัวเองหรอกค่ะ คงเป็นกรรมเก่าของเฮียแกมากกว่าที่เกิดมาเป็นน้องชายศานติมัน





บทที่ ๗ สัญญาแลกชีวิต


มัชฌิตาได้ติดต่อกับชนะทัศน์ทางโทรศัพท์ แม้จะเพียงครั้งเดียวตั้งแต่เธอ
หนีจากชามัลมายังประจันตคาม แต่หญิงสาวก็จำสิ่งซึ่งเด็กหนุ่มบอกกับเธอได้ขึ้นใจ

‘บางทีแผนที่นี้อาจมีค่าสำหรับพี่เพียงเพื่อให้พี่ไปอยู่ในที่ที่ถูก ในเวลาอันสมควร
นำพาพี่ไปพบกับอะไรบางอย่าง หรือใครบางคน มันมีรูปลักษณ์เป็นแผนที่
แต่เท่าที่ผมเคยสัมผัสมัน สิ่งนั้นยังมีพลังของสื่อนำทางซึ่งจะยอมรับแค่คนบางคนเท่านั้น
คงไม่ต่างจากสถานที่อันเป็นจุดหมายปลายทางของพี่ จุดท้ายสุดที่ผมเพิ่งเรียงความ
จนอ่านเข้าใจ คือคำว่า ตาพระยา ’

ข้างพี่ชายของชนะทัศน์...จากวันที่เห็นเขาปลิวออกไปทางหน้าต่างเธอก็ไม่รู้ว่าพรตจะ
เป็นตายร้ายดีอย่างไร มัชฌิตาไม่อยากจะถามถึง แต่น้ำเสียงชนะทัศน์ยังปกติ แปลว่า
พรตยังไม่เป็นอะไรไป แม้มีเรื่องรถที่ค้างคากันอยู่ แต่นั่นเมื่อเทียบกับชีวิตแล้วมันก็
แทบไม่มีค่าอะไรเลย คงจะต้องทิ้งไว้ที่อู่ซ่อมอย่างนั้นก่อน หากมีชีวิตรอด
กลับไปสานต่อก็คงจะดี

แต่สิ่งซึ่งกัดกร่อนจิตใจมากกว่าคือการที่ค่อยๆ สำนึกรู้ย้อนหลังไปว่าชามัลเล่นละคร
ตบตาเธอมาตลอดอย่างพยายามเพียงใด หญิงสาวรู้สึกปวดร้าวจนกลายเป็นความขม
ในลำคอ ที่เคยคิดถึงเขา หวังให้ช่วยในยามไม่มีที่พึ่ง ต่อแต่นี้คงไม่มีใครอยู่ตรงนั้นอีกแล้ว
คงมีเพียงตัวเองที่ต้องก้าวต่อไปในความมืดอันเงียบงัน ไปตามทางที่คล้ายจะสิ้นหวังนี้
จนสุดนรกก็คงต้องไป

เมื่อหนีมาจากชามัลมัชฌิตาหาบ้านพักสงบเงียบแอบซ่อนตัวอยู่ในอำเภอประจันตคาม
พยายามเพ่งสมาธิกับแผนที่ให้มากที่สุด ในคืนหนึ่งหญิงสาวได้ฝันเห็นย่ามายืนอยู่ข้างเตียง
พร้อมทั้งเอ่ยกับเธอ

“บริเวณนี้เป็นจุดอับสัญญาณ ชามัลจะมองตามมาไม่ได้ แต่ก็ไม่ตลอดไปหรอก
เพราะที่แบบนี้มีไม่กี่แห่ง เขากำลังหาเจ้าจากสถานที่เหล่านั้นมัชฌิตา แล้วสุดท้ายก็จะเจอ”

น้ำเสียงที่มัชฌิตาได้ยินคล้ายไว้ตัวไม่ต่างจากตอนยังมีชีวิต เป็นย่าเธอจริงๆ ไม่ผิดแน่

“สมาธิอาจช่วยได้ไม่มากก็น้อย จงมองไปให้เห็นถ้ำนั้น ไม่ใช่ด้วยแผนที่ มีเพียงตาที่สาม
ของจิตซึ่งนิ่งพอจึงสามารถนำทางเจ้าไปถึงได้”

มัชฌิตาแปลกใจที่ตนเองสามารถอยู่อย่างสงบมาเกินอาทิตย์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ แม้ว่า
ที่นี่จะเป็นจุดอับสัญญาณอะไรอย่างย่าว่าซึ่งมีพลังปกปิดอำพรางการมองมาของชามัล
แต่ทางด้านสัญญาณโทรศัพท์มือถือยังพอใช้งานได้ วันหนึ่งที่มัชฌิตาเปิดโทรศัพท์เพื่อดู
ข้อความซึ่งอาจถูกส่งมาจากชนะทัศน์หรือไตร เห็นสายที่ไม่ได้รับจากคนเป็นน้องเรียงเป็นตับ

ทันใดเสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้นกะทันหัน ยายมีน...แม่น้องสาวคนสุดท้องของเธอนั่นเอง
หญิงสาวส่ายหน้าอย่างระอาใจกับความพยายามไม่เลิกของอีกฝ่าย กดรับอย่างเสียมิได้

“ในที่สุดพี่มิ้งค์ก็รับสาย”

“มีอะไร โทร.มาดึกๆ” หญิงสาวกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์

“อ้าว แทนที่จะดีใจที่น้องโทร.มา”

“ฉันบอกเหรอว่าไม่ดีใจ”

หลังจากสวดน้องไปหลายคำค่าที่จู้จี้เซ้าซี้ให้เธอกลับบ้าน คลื่นโทรศัพท์ก็พลัน
ขาดหายไปกะทันหัน มัชฌิตากึ่งใจหายกึ่งโล่งใจ แต่แล้วก็ตัดสินใจปิดโทรศัพท์ไว้ดั่งเดิม
เธอกำลังอยู่ในอันตรายและไม่อยากมีจุดอ่อนใดๆ ทั้งสิ้น โดยเฉพาะเรื่องน้องสาว
แม้ดูว่าคนอวดดีอย่างชามัลคงไม่คิดอยากจะจับยายตัวยุ่งพวกนั้นมาเป็นตัวประกัน
ให้วุ่นวายสักเท่าไหร่ก็เถอะ

มัชฌิตาเดินขึ้นบ้านจากที่ลงมาเดินหาสัญญาณโทรศัพท์ ยังไม่ทันจะถอดถุงเท้าออก
รวมถึงเสื้อแจ็คเกตหนังที่ใส่ทับเสื้อยืดข้างในเพราะรู้สึกหนาวๆ มาตั้งแต่หัวค่ำ แม้ยัง
แต่งตัวครบชุด แต่ด้วยหนังตาหน่วงๆ หญิงสาวจึงหย่อนตัวลงนั่งบนเตียง เอนกาย
ไถลลงและกำลังเคลิ้มใกล้หลับ ถ้าบังเอิญว่าไม่ได้สำเหนียกถึงสิ่งหนึ่ง เสียงนั้น
เสียงหัวใจเต้นของเจ้าเสือประหลาดที่คล้ายแว่วเข้ามาสู่ประสาทสัมผัสพาเอา
ขนตรงหลังคอลุกเกรียว มัชฌิตาลืมตาขึ้นในแสงสลัวของห้อง มองไปยังหน้าต่าง
ลมแรงกำลังพัดเข้ามาจนบานประกบมุ้งลวดที่คงจะปิดไว้ไม่ดีเปิดผัวะออกทั้งสองข้าง
หญิงสาวลุกขึ้นช้าๆ รอคอย ฟังเสียงซึ่งกำลังใกล้เข้ามา

ลูกไฟลูกหนึ่งโจนพรึ่บเข้ามาทางหน้าต่าง ตกวูบลงที่พื้น ลุกติดเป็นเพลิงกองสูง
ก่อนจะมอดหาย กลายเป็นร่างชายผู้หนึ่ง หรือจะว่าเป็นเสือร้ายที่แลดูเหมือน
ผู้ชายคนหนึ่งก็ดี ยามที่เขาก้าวเข้ามาใกล้มัชฌิตาชายผ้านุ่งเสมอข้อเท้าสีแดงแสด
คร่ำคร่ายังคล้ายลุกติดเปลวไม่มอดดับ

ทั้งที่กลัวว่ากรงเล็บนั้นจะคว้าหมับเข้าให้ตรงคออีก แต่มัชฌิตารู้ว่าถอยไปก็
ไม่พ้นมือเขา หากเจ้าตัวหมายจะคว้า จึงได้แต่พยายามทำใจดีสู้เสือ ปักหลัก
ยืนนิ่งแทบไม่กล้าหายใจ

“เคยบอกแล้วว่าให้รอ ทำไมจึงหนีมา เจ้าทำให้ข้าต้องแสร้งถ่วงเวลาตบตาชามัลวุ่นวายไปหมด”

“อัคนิวรา...” แม้ไม่นึกอยากจดจำชื่อของเขา แต่นามนั้นได้ยินเพียงครั้งเดียวก็จำติดใจ

ร่างสูงตระหง่านแข็งแกร่งยืนทะมึนเป็นเงาอยู่ห่างไปแค่ช่วงแขน ผิวหนังเรืองรอง
ไปด้วยละอองเพลิงคล้ายทองแดงกำลังถูกอังด้วยไฟอ่อนๆ อยู่ตลอดเวลา

“จำชื่อข้าได้เสียด้วย” เจ้าของร่างกล่าวพลางย่างสามขุมเข้าใกล้มัชฌิตา

“มาที่นี่ทำไม” หญิงสาวถอยหนีก้าวหนึ่ง สิ่งมีชีวิตประหลาดตนนี้อาจจะเอาชีวิต
ของเธอเมื่อไหร่ก็ได้ นัยน์ตาแรงร้อนเหมือนถ่านไฟคุโชนนั้นบ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังอยู่ใน
อารมณ์ไม่สู้ดีนัก และมัชฌิตาก็ไม่รู้ว่าเป็นความผิดอะไรของเธอ

“ข้าหิว...”

“อ๊ะ ! ” หญิงสาวอุทานเมื่อฝ่ามือร้อนๆ ไร้ความปรานีนั้นกระชากเธอเข้าไปใกล้
แล้วดวงหน้างดงามเหี้ยมโหดก็ก้มลงมา ดูดดื่มจากเธอด้วยกิริยาอาการที่เกือบจะ
เรียกได้ว่าคล้ายจูบ เมื่ออิ่มเอมแล้วพยัคฆ์ร้ายก็ผลักเธอซวนเซออกอย่างไม่ไยดี
ใช้หลังมือเช็ดปากเสียด้วย

“บ้าที่สุดเลย ไปหิวกับคนอื่นที่ไม่ใช่ฉันไม่ได้หรือไง” มัชฌิตาชักโกรธกับกิริยาของอีกฝ่าย
ก่อนจะยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดปากตนเองแรงๆ หลายที ดูเถอะเจ้าตัวประหลาดนี่เที่ยวได้
เอาปากมาโดนปากเราแล้วก็ เช็ดปาก...เหมือนกับว่ารังเกียจกันมาก เธอเองก็ไม่ได้ชอบ
หรอกนะ แต่ถ้าในเมื่ออีกฝ่ายมารุกรานเอาก่อนแถมตบท้ายยังทำท่าฝืนใจคล้าย
ไม่ได้อยากจะทำ เห็นแล้วมันน่าโมโหอย่างไม่มีอะไรเปรียบเลยเชียว

“หนีมาทำไม ทั้งที่บอกว่าให้รอ...”

“แล้วทำไมฉันต้องทำตามคำสั่ง ของ...สัตว์ประหลาด”

“ก็เพราะว่าข้าคือทางรอดเพียงหนึ่งเดียวของเจ้า” อัคนิวราตอบในคอคล้ายคำราม

“หึ ขนาดชามัลยังไม่มีสัจจะ พรตคนของเขาก็ด้วย แล้วจะให้ไว้ใจสัตว์หน้าขน
ที่มีเอี่ยวกับผู้ชายร้ายกาจแบบนั้นมาตั้งแต่ต้นได้ยังไง”

“สัตว์หน้าขนงั้นรึ เรียกได้ดี มองดูให้ชัดๆ แล้วกัน หน้าข้ามันมีขนอย่างที่เจ้าว่าหรือเปล่า”

ร่างอันประจุไปด้วยพลังแห่งไฟนั้นหรี่แสงลงทีละน้อยๆ จนไฟซึ่งติดอยู่ตลอดทุกครั้ง
ที่พบกันมอดสนิท มัชฌิตากลืนน้ำลาย สบตาดำคมกริบซึ่งมองแน่วนิ่งมา คนคนนี้
ดูงดงามไปเสียทุกอย่าง อาจจะมากกว่าชามัลด้วยซ้ำ ผิวอมสีทองแดงระเรื่อ
โครงหน้าเรียวคมสันไร้ที่ติ ตุ้มหูห่วงทองคำขนาดประมาณแหวนซึ่งเหมาะกับเขา
ยิ่งช่วยขับให้ภาพรวมน่ามอง ผมดำยาวตรงปรกหลังไหล่ เสยเปิดให้เห็นหน้าผาก
โดยไม่มีตกลงมาบดบังรัศมีดวงหน้าแม้แต่เส้นเดียว ไรผมแหลมตรงกลางหน้าผาก
พอดิบพอดีทำให้เค้าหน้าดูเฉียบขึ้นอีก ปากหยักได้รูป มุมปากเบะลงนิดๆ
อย่างอารมณ์ไม่ดีอยู่เกือบตลอดเวลา พอกับหัวคิ้วคมเข้มทิ่มลงเพราะความโกรธขึ้ง
ซึ่งแทบไม่เคยบอกลาไป ถ้าเจ้าตัวไม่เป็นแบบนี้อยู่แล้ว
ก็แปลว่าเขาคงไม่ชอบขี้หน้าเธอเอามากๆ

“ที่นี้จงพูดมา ข้ามีอะไรแตกต่างไปจากคนธรรมดาไหมในสายตาของเจ้า”

มัชฌิตาส่ายหน้า ใจอยากจะบอกว่าต่างมากทีเดียวเชียวละ เพราะไม่มีคนธรรมดา
ที่ไหนหรอกจะงดงามได้ขนาดนี้ แถมเวลาเขาอ้าปากพูดเธอยังเห็นปลายเขี้ยวขาวๆ
นั่นแว่บๆ รำไร นี่ยังไม่นับตอนโกรธแล้วแยกเขี้ยวหรือว่ากรงเล็บที่กางออกมา
เหมือนสมิงร้ายนั่นอีก แต่เวลานี้ดวงหน้างดงามถ้าหากมองไม่ผิดกลับมีรอยเส้นคมๆ
ฝากรอยแดงไว้บนผิวเนื้อมากมายคล้ายกับว่าไปถูกใครทำร้ายมา
อันที่จริงบนหลังไหล่อันถูกพรางไว้ด้วยลายคล้ายเสือโคร่งสีดำน้ำตาลซึ่งเล่นริ้ว
อยู่บนตัวเขาก็มีบาดแผลเช่นกัน

เมื่อเห็นสายตาของมัชฌิตาที่เปลี่ยนไปเจ้าตัวก็ดูเหมือนรู้ว่าเธอมองอะไร
“ฝีมือไอ้นรกชามัล” อัคนิวราเข่นเขี้ยว “อย่ามาทำทีเหมือนสมเพชเวทนากันหน่อยเลย
สงสารตัวเองไปเถอะ”

มัชฌิตาเริ่มจะเห็นชายตรงหน้าเป็นมนุษย์มากขึ้น แต่ก็ยังไม่ใช่เสียทีเดียว
“ฮึ ใครเขาไปสงสารคุณ ก็แค่มองเฉยๆ ”

“สีหน้าเจ้ามันบอก”

“ฉันจะมองยังไงก็ช่างฉันเถอะ แต่จะบอกให้ว่าที่หนีมานี่ก็เพราะไม่อยากเข้าใกล้
พวกคุณสักคน ร้ายกาจพอกันเลย ถึงจะคนละแบบ ถึงยังไงก็คงเชื่อไม่ได้เหมือนๆ กันนั่นแหละ”

“อย่ายั่วโมโหดีกว่า... ข้ามีศักดิ์ศรีมากกว่าคนพรรค์นั้นนับพันเท่า แต่เมื่อเจ้าไม่เชื่อ
ไม่อยู่รอตามคำของข้าก่อน เราก็ไม่มีอะไรที่จะต้องพูดกันดีๆ เพราะเจ้าเป็นฝ่ายเลือกทางนี้เอง”

“แล้วถ้างั้นจะตามมาทำไม อย่าบอกนะว่าแค่เพราะหิว”

มัชฌิตาเห็นคู่สนทนาแสนประหลาดของเธอสะอึกไปนิดหนึ่ง คล้ายไม่อยากยอมรับ
แต่แล้วก็ถอนหายใจอย่างหงุดหงิดเป็นเชิงว่าต้องรับอย่างเสียมิได้

“ชามัลต้องการให้ข้าฆ่าเจ้า และเอาพลอยตาเสือกลับไป”

“แล้วยังไง...”

“ข้าพยายามเบี่ยงเบน ชักจูงมันไปทางอื่น เพื่อรอให้ได้มีเวลาตามหาและตกลงกับเจ้า
แต่ในที่สุดตอนนี้มันได้รู้แล้วเกือบจะพร้อมข้าว่าเจ้าอยู่นี่ ทั้งกำลังตามมาไม่ห่างออกไปสักเท่าไหร่”

“ทำไมเขาไม่มาฆ่าฉันเอง...”

“ก็เพราะว่าทำไม่ได้”

“ไม่เห็นจะเข้าใจ แปลว่าคุณสามารถทำอะไรๆ ได้มากกว่าเขา”

“ใช่”

“แต่คุณก็ยังตกอยู่ในอำนาจของชามัล”

อัคนิวราสบถอะไรบางอย่างที่มัชฌิตาฟังไม่เข้าใจ อันที่จริงเธอฟังไม่ออกด้วยซ้ำ
ว่านั่นเป็นเสียงคำรามอย่างเสือหรือเป็นภาษาซึ่งตนไม่รู้จัก

“เอาเป็นว่า...มันชนะข้าได้เพราะมีพลอยตาเสือราชันเป็นพันธะอันไม่อาจทำลาย
และข้าก็ไม่อาจทำร้ายเจ้าตัวตราบใดที่มันยังถือพลอยอยู่ แต่ที่สำคัญ ข้าไม่ต้องการ
ให้ชามัลได้พลอยราชินีอีกเม็ดจากเจ้าไป เพราะมันจะมีอำนาจมากยิ่งขึ้นไปกว่าตอนนี้
แบบนั้นข้าก็ยากจะเป็นอิสระ”

“หมายความว่าชามัลมีพลอยแบบนี้อีกเม็ด แล้วถ้าเป็นอย่างที่พูดมานั่นจริง
คุณก็ฆ่าฉันไม่ได้” มัชฌิตารำพึงอย่างเห็นแววแห่งความหวัง เริ่มคิดแว่บขึ้นมารำไรว่า
หากเธอได้พลอยราชันซึ่งอยู่กับชามัลมาถือไว้บ้าง จะสามารถควบคุมอัคนิวราได้หรือไม่

“ไม่น่าจะเกี่ยวกัน ถ้าข้าอารมณ์เสียมากๆ ข้าอาจฆ่าเจ้าทิ้งแม้ไม่ต้องรอคำสั่งจากใคร”

“ถ้างั้นเวลาหิวจะกินอะไร”

“ไว้ค่อยคิดเอาทีหลัง ถึงหิวมากแค่ไหนข้าก็ไม่ตาย”

“ฉันยังไม่อยากตายเหมือนกัน เข้าใจไหม” มัชฌิตาเริ่มโกรธ “พูดชุ่ยๆ คนมีอำนาจ
พอจะฆ่าทำไมไม่คิดบ้างว่าคนที่เป็นเจ้าของชีวิตอ่อนแอเขาก็มีศักดิ์ศรีเสมอกับตัวเอง
ถึงไม่มีกำลังจะต่อสู้เพื่อให้รอด ก็ยังเป็นจิตวิญญาณหนึ่งเสมอกัน”

“เสมอรึ” คำราม “ข้าไม่เข้าใจคำว่ายุติธรรม เพราะดูเหมือนว่าข้าเองก็ไม่เคยได้รับสิ่งนั้น”

“แล้วชอบรึเปล่าล่ะ อยากได้ความยุติธรรมมากกว่าที่เป็นอยู่ไหม” มัชฌิตาร้องถาม

อัคนิวรานิ่งไป ไม่ใช่ด้วยคล้อยตามคำที่ได้ฟัง แต่เหมือนว่าเขากำลังคิดถึงสิ่งที่ตน
อยากจะพูด “งั้นเรามาลองเล่นเกมกันดู อาจไม่ได้ยุติธรรมมากเท่าที่เจ้าร้องขอ
แต่อย่างน้อยก็เป็นโอกาสสำหรับคนที่ไม่มีทางรอดอะไรเลยตั้งแต่แรก”

“ยังไงกัน”

“ข้าไม่ฆ่าเจ้า แต่จะช่วยให้เจ้าหนีรอดไปได้เรื่อยๆ ไม่ว่าชามัลจะลงมือเอง
หรือส่งอะไรมา ทั้งหมดนี้มีข้อแม้”

“ฉันต้องยอมเป็นอาหารรึ”

“นั่นก็ด้วย”

“แปลว่ามีอย่างอื่นอีก”

“ก็ที่ข้าอยากตกลงกับเจ้าตั้งแต่แรก... ข้าให้ชีวิตเจ้า เจ้าให้ชีวิตข้า
หาทางเอาพลอยราชันมาเสียจากมือชามัล”

“มันจะเป็นไปได้ยังไง คุณก็ตกอยู่ในอำนาจของเขา ส่วนฉัน แค่หนีหัวซุกหัวซุน
อย่างเดียวก็ยังจะเอาตัวไม่รอด”

“ข้ารู้สึกว่ามันน่าจะเป็นไปได้ ถ้าไปถึงสถานที่อันเป็นที่สุดแห่งดวงตา ข้ามองเห็น
อนาคตรออยู่ มีแสงแห่งความหวัง ณ ปลายทางนั้น แต่ที่บอกว่ามองเห็นไม่ได้หมายความ
ว่าเราจะไปสู่อนาคตที่ว่าได้เสมอไป ถ้าหากพลาดก็จะตกไปสู่อีกเส้นทางในทันที”

“คุณมีตาที่สาม มีอำนาจหยั่งรู้ด้วยหรือ”

“ไม่ ข้าไม่แน่ใจ...” อัคนิวราคำราม “ก็เพียงรู้สึก เรื่องของตัวเอง ตอนนี้จำได้เพียงแค่ชื่อ
ช่างเถอะ...เมื่อสามารถไปถึงที่แห่งนั้น ผู้คู่ควรอาจได้อำนาจบางอย่างมา อาจเป็นเจ้า
เป็นข้า หรือว่าทั้งคู่ แต่พูดตรงๆ นะ ข้าไม่คิดว่าคนอ่อนแอเช่นเจ้าจะคู่ควรหรอก”

มัชฌิตาไม่ได้รู้สึกว่าโดนดูถูก เพราะเธอยังห่างไกลจากอำนาจพวกนั้นมากนัก
...นั่นสินะ ที่เขาพูดมามันจริงทุกอย่างเลย ทั้งหมดที่เธอทำมันดูไม่มีประโยชน์
แต่เธอเป็นมนุษย์ธรรมดา จะให้ต่อกรกับเรื่องพวกนี้ได้ยังไง ครั้นคิดทิ้งพลอย
ที่ทำให้สามารถหยั่งรู้ไปก็กลัวว่าหากกำลังจะเกิดเรื่องร้ายๆ กับคนในครอบครัว
แล้วจะช่วยอะไรไม่ได้ เธอพาตัวเองหนีมาเพื่อแก้ปัญหา ตั้งใจทำทุกอย่างให้ลุล่วง
แต่นี่นอกจากทำอะไรไม่ได้แล้วยังต้องเอาชีวิตของตัวมาวางเป็นอาหารให้
เสือประหลาดกินโดยแลกกับความช่วยเหลือ นี่มันก็แค่ระดับเกือบต่ำสุด
ในห่วงโซ่อาหารไม่ใช่หรือไง ทั้งที่มัชฌิตาเป็นคนหยิ่งไม่ง้อคนอื่นมาตลอด

“แต่ฉันก็อยากจะลองก้าวไปให้ถึงจุดนั้น ถึงจะไม่ได้อะไรก็ขอไปถึงก่อน อย่างน้อยก็อยากลองดู”

ร่างสูงปราดเปรียวทรนงผินหลัง ย่างก้าวไปครุ่นคิดอยู่ริมหน้าต่างที่ถูกลมตีให้เปิดออก
ตั้งแต่ลูกไฟของเขาพุ่งพรวดพราดเข้ามา หญิงสาวไม่คิดจะใช้ชั่วขณะนั้นแอบถอยหนี
ไปจากเขาอีก เพราะเห็นแล้วว่าชายคนนี้อันตรายเพียงใด แล้วเธอจะหนีไปไหนได้
ควรจะร่วมมือกันมากกว่า ดังนั้นนี่คือเวลาที่ทั้งเขาและเธอควรต้องตัดสินใจ

จังหวะเดียวกันนั้นเอง มัชฌิตาเริ่มรู้สึกได้ถึงตัวตนของอะไรบางอย่างที่นอกบ้านพัก
และดูเหมือนชายผู้แปลกประหลาดในห้องของเธอก็รู้สึกเช่นกัน หญิงสาวจึงถามเขา
แผ่วเบาราวกระซิบ “ชามัลใช่ไหม เขามาที่นี่...”

“หึ ก็ยังดีที่เจ้ารู้สึกได้เหมือนกัน”

พยัคฆ์ร้ายในร่างคนหันมามองหน้ามัชฌิตาด้วยสายตาไม่บ่งบอกความรู้สึก
คล้ายกับว่าเขากำลังรอดูว่าหญิงสาวจะตัดสินใจเช่นไรโดยไม่คิดยื่นมือเข้ามา
ช่วยเหลือแม้แต่นิดเดียว

มัชฌิตายืนนิ่งอยู่เพียงอึดใจก็เดินไปเปิดประตูบ้านพัก ผลักมันออกไปไม่พบใคร
หญิงสาวจึงก้าวย่างออกมานอกชานซึ่งทำเป็นระเบียงนั่งรับลมเล่นเอาไว้ มองต่ำลงไป
ในความมืดห่างจากใต้ถุนสูงซึ่งค่อนข้างจะทึบไปด้วยต้นมะม่วงใบรกครึ้มปลูกอยู่
รอบตัวบ้าน หญิงสาวแลเห็นคล้ายคนก้าวออกมาจากเงามืด แต่ก็เห็นเพียงขา
รองเท้าหนังปลายยื่นออกมานิดๆ หัวตัดอย่างที่ชามัลชอบใส่เวลาเขาอยู่ที่ไพรมายา

แต่ถึงไม่เห็นมัชฌิตาก็แน่ใจได้อยู่แล้วว่าเงานั้นคือใคร

“คุณมีธุระอะไรกับฉัน” หญิงสาวตัดสินใจตะโกนออกไป “ในเมื่อคุณฆ่าฉันไม่ได้
คน ...สิ่งที่คุณส่งมาก็ทำอะไรฉันไม่ได้” มัชฌิตาชะงักนิดหนึ่ง เพราะระหว่างเธอกับ
อัคนิวรานั้นหญิงสาวคิดว่าเขาไม่ทำอันตรายเธอถึงชีวิตด้วยหวังจะให้เธอทำอะไรเพื่อเขา
แต่เธอยังไม่อยากให้ชามัลรู้ว่าตนเองและสิ่งมีชีวิตประหลาดกำลังวางแผนกันอยู่

“กลัวผมมากหรือไงครับ คุณมิ้งค์ ถ้าฟังไม่ผิด...เสียงสั่นอยู่รึเปล่า”

“ถ้าจะสั่นก็คงเพราะโมโหมากกว่า ฉันเกลียดคุณ ไม่อยากเห็นหน้าคุณอีก ! ”
มัชฌิตารวบรวมลมหายใจเปล่งเสียงให้มั่นคงขึ้น

“เกลียดจริงรื้อ...” ชามัลรำพึงก่อนจะก้าวออกมาจากใต้ร่มใบไม้บังให้มัชฌิตา
เห็นเขาเต็มตัว ชายหนุ่มยืนล้วงกระเป๋า เงยมองขึ้นมาด้วยดวงตาทรงเสน่ห์ที่
มัชฌิตาเคยนิยม คล้ายพยายามจะหยอกเย้า แต่เวลานี้เธอไม่มีอารมณ์เล่นสนุก
ตามเกมของเขาอีกต่อไปแล้ว

“คุณนี่มันน่าอายจริงๆ ที่ผ่านมา ถ้าวัดจากวิธีที่คุณเลือกใช้กับฉัน คุณก็สมควรจะ
ไปหากระโปรงมานุ่งได้แล้วละ”

“คงไม่ได้หรอก เพราะผมหุ่นแมนขนาดนี้ ขืนยัดตัวเองเข้าไปเดรสสวยๆ คงขาดหมด”

“หึ คนกล้ามใหญ่ใจตุ๊ด อืม...เอาจริงๆ คงไม่ใช่ด้วยสิ เพราะพวกตุ้งติ้งบางคน
ยังกล้าหาญกว่าคุณด้วยซ้ำ เล่นใช้วิธีสกปรกมาหลอกให้คนอื่นเชื่อใจ ไว้ใจ”

“งั้นถ้าผมเดินมาอยู่ข้างหน้าคุณแล้วพูดว่าขอพลอยตาเสือผมเถอะ คุณจะให้เหรอ”

“...”

แม้จะเห็นมัชฌิตาเงียบ แต่ชามัลก็ยังคงพูดในสิ่งที่ตนเองต้องการต่อไป
“อ้อ แต่ผมก็คงไม่ขอแค่นั้น เพราะผมอยากนอนกับคุณด้วย ถ้าคุณไม่อยาก
ก็คงต้องหาทางใช้กำลังให้ได้มา และถ้าคุณไม่ยอมจนแล้วจนรอด
ชีวิตของคุณก็ไม่มีความหมายที่จะอยู่อีกแล้ว”

“ข้ามศพฉันไปก่อนเถอะ ถึงจะแตะต้องพลอยเม็ดนี้ได้” หญิงสาวพูดออกไปแล้ว
ก็รู้สึกตกใจ อาจเพราะไม่อยากแพ้ อาจจะเพราะเจ็บใจชามัลด้วยส่วนหนึ่งจึงทำให้
เธอประกาศกร้าวออกไปแบบนั้น แต่คนอย่างมัชฌิตาตัดสินใจแล้วไม่เคยถอยกลับ
ต่อให้ข้างหน้าเป็นนรกเธอก็จะไป

มัชฌิตาตกใจมากยิ่งขึ้นเมื่อชามัลเริ่มก้าวเข้ามาใกล้ตัวบ้าน เธอไม่คิดจะหนีอัคนิวรา
เพราะรู้ว่าหนียังไงก็ไม่พ้นไปได้ แต่กับชามัลหญิงสาวยังมองเขาเป็นมนุษย์ธรรมดาอยู่บ้าง
เมื่อเห็นชายหนุ่มกำลังเริ่มเดินขึ้นบันไดสูงของบ้านไม้ขึ้นมายังชานซึ่งเธอยืนอยู่
อย่างไม่เร่งร้อน หญิงสาวหันรีหันขวาง เขากำลังจะเข้าถึงตัวเธอ หนีเข้าไปในห้องก็
จนแต้มเท่าเดิม ถ้าต้องโดดจากหน้าต่างจะยิ่งสูง สู้โดดลงไปจากตรงนี้เสียยังดีกว่า

อย่างไม่มีเวลาให้คิดมาก มัชฌิตาคว้ารองเท้าบูทหนังคู่ใจติดมือมาได้ ตะกายขึ้นไป
บนขอบไม้ล้อมรอบชาน ก้าวเหยียบไปบนระแนงไม้แล้วโจนลงสู่พื้นดินเบื้องล่าง
ภาวนาให้ลงจังหวะดีๆ อย่าได้แข้งขาหักหรือซ้นไปตอนนี้ เพราะไม่อย่างนั้น
จะกลายเป็นนอนโอดโอยรอให้เขามาเชือดนิ่มๆ ถ้าต้องตายก็ไม่อยากตาย
ในสภาพที่น่าเวทนาแบบนั้น ไม่อยากโอดครวญหรือให้ใครมองมาด้วยความสมเพช
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...คนอย่างชามัล

“เดาไว้แล้วว่าคุณต้องโดด ผู้หญิงอย่างคุณชอบอันตราย ชอบเล่นกับไฟ
เพราะงั้นคุณถึงได้ชอบผม”

มัชฌิตาซึ่งกำลังรีบร้อนสวมรองเท้าแก้มร้อนวาบด้วยความอับอายเพราะโดนชามัล
จี้ใจดำเข้าจังเบ้อเร่อ หันไปส่งเสียงโต้ตอบคนที่ขึ้นไปยืนอยู่บนชานระเบียงเรียบร้อยแล้ว
ราวกับสลับตำแหน่งกันยืน “หยุดเพ้อเจ้อเอาเองเป็นตุเป็นตะ”

“รู้อยู่แก่ใจ” ชะมัลกอดอก เอียงคอเยาะ
“สรุปว่าคุณจะหนีจากผม ไม่ยอมดีๆ จนแล้วจนรอดใช่ไหม”

“ดีสำหรับคุณแต่ไม่ได้ดีสำหรับฉันนี่” ตอนนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องพลอย คนตรงหน้าเธอนี้
ท่าทางคงเป็นบ้าหรือไม่ก็อยากได้อะไรก็ต้องได้เสียเคย เขาประกาศมาแล้วว่าจะ
เอาตัวเธอให้ได้ แม้ว่ามัชฌิตาจะเอ่อ...เคยชอบเขา แต่มันไม่ได้ใกล้เคียงกับจุดที่
เรียกว่าจะยอมกับเรื่องแบบนั้นเลยจนนิดเดียว “เราน่าจะคุยกันดีๆ ก่อน”
มัชฌิตาพยายามประวิงเวลา เพื่ออะไรก็ไม่รู้ได้ ระหว่างนั้นก็พยายามคิดว่าจะทำเช่นไร
กับสถานการณ์ตรงหน้า มองไปทางอัคนิวราที่ยังยืนเฉยที มองไปทางชามัลที และตอนนี้
ทุกอย่างของเธอก็ยังอยู่บนนั้น ไม่ว่าแผนที่หรืออย่างอื่น

“คุณจะหนีไปแต่ตัวก็ไม่ได้สินะ ให้ผมช่วยแล้วกัน”

มัชฌิตางุนงงวูบ เธอเห็นชามัลเดินมาริมระเบียง มือเขาวางลงบนขอบไม้ชานระเบียง

จากมือทั้งซ้ายและขวาของชายหนุ่ม บังเกิดไฟซึ่งวิ่งปราดลามออกไปด้านข้างบนราว
ที่เหมือนถูกราดด้วยน้ำมันไว้ก่อนหน้า ทุกอย่างเกิดขึ้นจากมือเปล่าของชามัลล้วนๆ
มัชฌิตาไม่ควรจะแปลกใจเพราะก่อนหน้านี้เธอยังเคยเห็นเขาฟาดแส้ไฟในมือใส่อัคนิวรา
มาแล้ว แต่ก็อดตกใจไม่ได้เมื่อไฟมิได้หยุดเพียงแค่ระเบียง มันยังลามไปยังตัวบ้านเรื่อยๆ

“ร้อนใจสินะ เรื่องอะไรต่างๆ ที่ทิ้งไว้บนนี้ ไม่ต้องเสียดมเสียดายหรอกครับคุณมิ้งค์
เพราะมันจะไม่เหลืออะไรเลยสักอย่าง”

ไฟจากมือของชายหนุ่มลุกลามเร็วและแรง โหมติดบ้านซึ่งเป็นไม้ทั้งหลัง เขาคิดจะแกล้งเธอ
ให้เธอไม่เหลืออะไรเลย ไม่ว่าจะเป็นข้าวของ ศักดิ์ศรี สุดท้ายเมื่อได้สมใจแล้วแม้แต่ชีวิตนี้
ก็คงมีค่าแค่เพียงแมลงที่จะต้องป่นกลายเป็นธุลีด้วยเปลวร้อนแห่งไฟจากน้ำมือของเขาเช่นกัน

“เลวสิ้นดี” มัชฌิตาคราง ดูเหมือนชามัลจะได้ยินและไม่ถือสากับคำนั้น

“อัคนิวรา ! ไปเอาตัวผู้หญิงคนนั้นมา แยกเธอออกมาจากพลอยเป็นอันดับแรก”
ชามัลหันไปตวาด

อัคนิวราตั้งใจจะยืนนิ่งไม่ไหวติง แต่ด้วยแรงบังคับจากพลอยราชันที่อยู่ใกล้เหลือเกินนั้น
ทำให้พญาพรายไม่อาจขัดขืน เห็นได้ว่าแม้เขาจะมีทีท่าคล้ายขืนตัวไว้เต็มกำลัง แต่สุดท้าย
ทั้งร่างยังลุกติดเป็นกลุ่มไฟโชนแสง พุ่งลงมายืนตระหง่านไม่ห่างจากมัชฌิตา ก่อนจะค่อยๆ
สืบเข้าใกล้ ยามนี้ดวงตาของเขาเริ่มลุกเรืองด้วยแสงของไฟขึ้นมาทีละน้อยๆ เดาไม่ถูกว่า
กำลังคิดอะไรอยู่

“ถ้าคุณให้ชีวิตฉัน ฉันก็จะให้ชีวิตคุณ” มัชฌิตาเอ่ยย้ำเสียงค่อย

อัคนิวราชะงัก ยังมิได้ตัดสินใจให้แน่ชัดลงไปว่าจะชิงพลอยราชินีมาไว้เองเมื่อมีโอกาส
และอยู่ห่างจากชามัลมากพอ หรืออีกทางคือร่วมมือกับหญิงสาว แต่เมื่ออยู่ใกล้ชามัล เมห์ฮรา
เช่นตอนนี้จะคิดอ่านประการใดให้เป็นตัวของตัวเองยังทำแทบไม่ได้ แต่เขาเพิ่งได้กินอาหาร
จนเต็มอิ่มคราวนี้อาจมีพลังมากพอที่ต่อต้าน...

“ข้าสั่งให้ลงมืออัคนิวรา !! ” น้ำเสียงของชามัลมีแววว่าเริ่มโกรธ

“ข้า...ไม่ต้องการรับคำสั่งจากใคร” สมิงแห่งพลอยตาเสือคำราม



อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ก.พ. 2555, 09:58:48 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ก.พ. 2555, 10:06:27 น.

จำนวนการเข้าชม : 2719





<< บทที่ 6 ต้นตระกูลเพลิง   บทที่ 7 สัญญาแลกชีวิต (ต่อ...)+ภาพมุกฮาของตัวละครรับวาเลนไทน์ >>
อสิตา 9 ก.พ. 2555, 10:14:44 น.
*///* ตอนนี้อัคนิแลดูหล่อมากนะ...


XaWarZd 9 ก.พ. 2555, 10:38:22 น.
เย้ๆ ๆ ๆ อัคนิวราเริ่มต่อต้านแล้ว ชามัลเอ๋ย จะเป็นตัวเอกหรือตัวร้ายเนี่ย เดาใจไม่ถูกจริงๆ


ameerahTaec 9 ก.พ. 2555, 10:48:21 น.
อัคนิสู้ๆๆๆๆ อิอิ อยากให้เป็นพระเอกจริงๆ อิอิ


Zephyr 9 ก.พ. 2555, 11:21:53 น.
อ้ายยยยยยยยยยยยยยยย อัคน้อย(ของเค้า)เท่สุดใจขาดดิ้น กรี๊ดดดดดดดดดดดด ส่วนหลานก็....เอ่อ....ยังโฉดและเกรียนสุดใจขาดดิ้นเช่นเดิม พูดตรงโคตร เอาพลอยมา ผมอยากนอนกะคุณ เว้ย ใครที่ไหนจะยอมเล่า
แล้วก็ อัคน้อย มาเลย มาเลย มาสูบเลย เดี๋ยวนอนเซ็กซี่รอ คืนนี้นะ อ๊ากกกกกกกกกกก (นางฟ้าในหัว :แก ไม่มีความเป็นกุลสตรีเลยนะหล่อน นางมาร: ไม่อ่ะ ทำงั้นก็ไม่เจออัคน้อยสิ ฮึ )
อัคน้อยได้หลายอย่างจากพี่มิ้งค์จังนะ(ฝากไว้ก่อนนะพี่มิ้งค์ ตาร้อนลุกพรึบแล้วเนี่ย) แนบเนื้อก็แล้ว ปากก็เสียความบริสุทธิ์ไปแล้ว คราวนี้ยังสัญญาชีวิตกันอีก สงสัยต้องอยู่คู่กันไปจนวันตาย ฮ่าๆๆๆๆ ตอนนี้จิ้นซัมติงไว้ในหัวแระ แต่ไม่เขียนดีกว่า เด๊่ยวคุณอสิตาหาว่า เพ้อเจ้อ ^^ ไปล่ะค่ะ จะเข้าสปา รออัคน้อยก่อน เดี๋ยวสวยไม่พอ ไปนะ


อสิตา 9 ก.พ. 2555, 12:04:45 น.
ชามัลก็เท่นะคะตอนนี้ โฉดแบบใจกล้าหน้าด้านขึ้นเรื่อยๆ ...
คุณเนเฟอ เพ้อแบบนี้น่ารักดีค่ะ^^คนเขียนชอบ หุหุ ขออีกนะ


silverraindrop 9 ก.พ. 2555, 12:18:47 น.
ชามัล คือตัวร้าย และ อัคนิ คือพระเอกของเราใช่ไหมคะ และก็เป็นเจ้าของพลอยด้วยใช่ไหม อ๊ายยยย....อยากรู้เร็ว ๆ ค่ะ


อสิตา 9 ก.พ. 2555, 13:15:53 น.
http://www.facebook.com/foreverSATURN ตามไปคุยกันได้จ้า มีภาพวาดที่วาดเอง แต่มีรูปนักเขียนตอนผอมหลอกไว้ ต้องเข้าใจนะ...


หมูอ้วน 9 ก.พ. 2555, 13:50:30 น.
เอาใจช่วยอัคนิวราค่าาา


SunSeed 9 ก.พ. 2555, 14:35:46 น.
อะหุอะหุ บรรยายอัคนิวราได้อิอิอุอุอะอะ (พูดไม่ออก เพราะอยู่ในอาการเคลิ้ม) เอาล่ะสิอัคนิวราจะทำไงน๊า จะกบฎได้ป่าว แล้วพ่อชามารรรร นี่ล่ะ เอาเข้าจริงก็ยังเชียร๋ตาชามารอยู่ดีนะ ถึงจะแอบเคลิ้มไปกับพ่อสัตว์หน้า (ไม่มี) ขน น่ะ


goldensun 9 ก.พ. 2555, 16:06:35 น.
ทำไมอัคนิวราถึงถูกบังคับได้โดยพลอยราชัน แต่พลอยราชินีไม่ให้ผลแบบเดียวกัน เรื่องนี้ดูคานกันไปมาเหลือเกิน เพราะชามัลเอง ก็จับพลอยราชินีไม่ได้ แต่ไม่รู้ว่า มิงค์กับพลอยราชันจะเป็นยังไง


นางสาวกระป๋อง 9 ก.พ. 2555, 19:19:27 น.
พี่มิงค์จับอัคนิประกบปากไปเลย จะได้มีพลังต่อต้านได้ตลอด อิอิ


Auuuu 9 ก.พ. 2555, 19:24:40 น.
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด เลิฟอัคนิ <3 <3


หยกสีน้ำผึ้ง 9 ก.พ. 2555, 21:35:08 น.


wane 9 ก.พ. 2555, 23:11:28 น.
อัคนิวรารีบหน่อย ...อย่าคุยเยอะ เด๋วพลังหมด


Canopus 12 ก.พ. 2555, 00:50:12 น.
เวลาให้อาหารกันตื่นเต้นดี


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account