กฤตยามหาภูต โดย ตารกา (รอวางแผง)
"มหาสงครามแห่งเทพและอสูรกำลังจะอุบัติขึ้น ทางเดียวที่จะหยุดยั้งได้คือใช้ศิวะตรีศูล อาวุธเทพในตำนาน ผู้เดียวที่รู้ว่ามันอยู่ที่ใดคือเธอ เทวีแห่งสายฟ้าผู้ซึ่งกลับมาจุติใหม่โดยไร้ความทรงจำในอดีตชาติ"



เรื่องกฤตยามหาภูตเขียนจบมานานแล้วค่ะ

ตอนนี้ผ่านการพิจารณาจากสำนักพิมพ์ตะวันส่อง (ใช้นามปากกาตารกา)

แต่ว่าไม่วางแผงสักทีเพราะเหตุขัดห้อง (ปีกว่าได้แล้ว)

บกแจ้งมาว่าปกกับเนื้อในพิมพ์คนละไซค์ค่ะ กำลังพยายามแก้ไขอยู่

ระหว่างนั้นก็เกิดน้ำท่วม ก็เลยต้องรอกันต่อไป

หลายคนถามหาบอกว่าคิดถึง เลยเอามาลงให้อ่านฆ่าเวลาก่อนค่ะ ^O^

Tags: แฟนตาซี ผจญภัย เทพ เทวี ปีศาจ วรรณกรรมเยาวชน ความรัก ปริศนา อดีตชาติ

ตอน: ตอนที่ 1 พลังที่ซ่อนเร้น : บทที่ 2 คำเตือน

บทที่ 2 คำเตือน

วิชชุตากลับมาถึงบ้านตอนใกล้จะบ่ายโมง หญิงสาวกล่าวทักทายมารดาที่กำลังทำขนมอยู่ในครัว แล้วเปิดตู้กับข้าวเพื่อหาอะไรทาน

“แม่จะทำเค้กเหรอคะ กินอิ่มแล้วเดี๋ยวฟ้ามาช่วยนะคะแม่” หญิงสาวร้องบอกเมื่อเห็นส่วนผสมที่แม่เตรียมเอาไว้

ครัวบ้านเธอมักจะอบอวลด้วยกลิ่นขนมเสมอเพราะแม่เธอรับทำอาหารกับขนมส่งตามร้านค้ากับงานเลี้ยงต่างๆ เมื่อก่อนแม่เธอเป็นพยาบาลแต่เปลี่ยนมาทำอาชีพนี้ก็เพราะจะได้มีเวลาอยู่กับลูก

ขนมของแม่ราคาไม่แพงทั้งยังใช้แต่ของดีๆ ทั้งนั้นกำไรจึงไม่มาก กระนั้นเธอกับแม่ก็อยู่กันอย่างสบายไม่เคยลำบากเพราะคุณตาให้ที่ดินเป็นมรดกเอาไว้ แม่ไม่เคยขายที่ดินเหล่านี้แต่ให้เช่าทำนาทำสวนแทน ที่ส่วนไหนอยู่ติดถนนในย่านชุมชน แม่ก็จะปลูกตึกแถวเอาไว้ให้คนเช่าขายของ ที่บ้านจึงมีรายได้เข้ามาสม่ำเสมอไม่เคยขาด

วิชชุตาหยิบจานอาหารออกมานั่งทานเงียบๆ ที่มุมหนึ่งของห้อง ปกติเธอจะต้องคุยจ้อเล่านั่นเล่านี่ให้แม่ฟัง แต่สิ่งที่ได้เจอมาในวันนี้ทำให้หญิงสาวตัดสินใจว่าไม่ควรเล่าอะไรให้ท่านดีกว่า แม่มักจะมีสีหน้าวิตกกังวลเสมอเมื่อเธอเล่าให้ฟังว่ามองเห็นภูตผีวิญญาณ หรือสิ่งที่คนปกติไม่ควรจะเห็น

วิชชุตาเจอเรื่องลึกลับแบบนี้บ่อยครั้งจนนับไม่ถ้วนแต่ก็ไม่เคยเคยชินกับมันได้สักที ไม่รู้ว่าต้องทำประสาทให้แข็งแค่ไหนถึงจะอยู่ที่บ้านหลังนั้นได้จนเสร็จสิ้นการสอน

หญิงสาวนั่งเขี่ยข้าวในจานไปมาอย่างคิดไม่ตก จนมารดายกจานผลไม้มาให้นั่นแหละเธอจึงรู้สึกตัวแล้วรีบตักข้าวเข้าปากเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต แต่ปิดอย่างไรก็ปิดบังสายตาคนเป็นแม่ไม่พ้น มองปราดเดียวทิพย์อาภาก็รู้ว่าลูกกำลังมีเรื่องในใจ

“ฟ้ามีปัญหาอะไรรึเปล่าลูกทำหน้ายุ่งเชียว” คนเป็นแม่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอาทร

“เรื่องเด็กที่ไปสอนน่ะค่ะ น้องเขาไม่ค่อยพูดแล้วก็ท่าทางเป็นเด็กมีปัญหา กวนประสาทฟ้าเรื่อยเลย”

วิชชุตาเล่าไปตามความจริงแต่ก็แค่ครึ่งเดียวเท่านั้นไม่ใช่ทั้งหมด

“แล้วฟ้าจะจัดการยังไงล่ะจ๊ะ”

“ยังไม่รู้เลยค่ะแม่แต่จะลองพยายามดู ฟ้าขอสู้ตายเอาไว้ก่อน”

ทิพย์อาภาอมยิ้มน้อยๆ เมื่อได้ฟังคำตอบ เด็กคนนี้เหมือนพ่อไม่มีผิด ลองนึกจะทำอะไรแล้วต้องทำให้ได้ ไม่มีเสียล่ะที่จะท้อถอยแล้วยอมแพ้อะไรง่ายๆ น่าเสียดายที่เขาไม่อยู่ดูลูกสาวตัวน้อยเติบโตด้วยกัน สิบปีแล้วตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้น สิบปีที่เธอต้องเลี้ยงดูวิชชุตาเพียงลำพัง

“พยายามเข้านะจ๊ะ” หญิงสาวลูบหัวให้กำลังใจแล้วดึงตัวลูกสาวมากอดไว้

มองลูกแล้วทิพย์อาภาก็รู้สึกสะท้านในอก ลูกสาวตัวน้อยของเธอเติบโตขึ้นมาก อีกไม่นานก็จะต้องจากไปอยู่ในสถานที่ที่เธอไม่สามารถกางปีกปกป้องได้ ทิพย์อาภาก็ได้แต่หวังว่าได้อบรบให้ลูกแข็งแกร่งพอที่จะฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ที่ดาหน้าเข้ามาได้ด้วยตนเอง


เมื่อทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ววิชชุตาก็มานั่งคิดถึงวิธีการผูกมิตรกับวิน แต่คิดอย่างไรก็คิดไม่ออก หญิงสาวก็เลยเอาเรื่องทั้งหมดมาเล่าให้คนเช่าบ้านฟัง แต่จะเรียกว่าเล่าก็คงไม่ถูกนักต้องเรียกว่ากล่อมถึงจะเหมาะกว่า เพราะคนฟังหลับปุ๋ยไปตั้งแต่ยังไม่ทันครึ่งเรื่อง

“นายไตรตื่นมาฟังกันก่อนสิ” หญิงสาวโวยใส่แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมตื่น

วิชชุตาจึงปล่อยให้เขานอนหลับตามสบายแล้วเดินออกจากห้องเพื่อกลับบ้าน แต่พอแหงนมองท้องฟ้าแล้วเห็นว่ามีเมฆครึ้ม ลมพัดค่อนข้างแรงเหมือนว่าฝนกำลังจะตก หญิงสาวจึงเดินย้อนกลับเข้าไปในบ้านอีกครั้งเพื่อปิดหน้าต่างห้องให้ไตรภพ

หญิงสาวไล่ตรวจตราตามห้องต่างๆ ไปเรื่อยๆ จนมาถึงห้องเก็บของ พอเห็นว่าหน้าต่างบานหนึ่งถูกเปิดแง้มเอาไว้ วิชชุตาจึงถือวิสาสะเดินเข้าไปในห้องแล้วสายตาก็ไปสะดุดเข้ากับกำไลเงินอันหนึ่งบนกองหนังสือขาดๆ กำไลนี้ดึงดูดความสนใจของวิชชุตาตั้งแต่แรกเห็น หญิงสาวเดินไปหยิบมันขึ้นมาลูบคลำราวกับต้องมนตร์สะกด

บนตัวกำไลมีตัวอักษรที่เธอไม่รู้จักจารึกเอาไว้ ปลายด้านหนึ่งเป็นรูปเปลวไฟส่วนอีกด้านเป็นหยดน้ำ พอลองเอามาประกบกันมันก็ยึดติดกันได้พอดี ตรงกลางระหว่างรอยเชื่อมนั้นมีลักษณะเป็นรูปสายฟ้า

วิชชุตาตั้งใจจะลองใส่ดูแล้วค่อยถอดเอาไปวางคืนที่เดิม แต่เสียงคนกำลังเดินมาทำให้เธอชะงักมือเสียก่อน

“อย่าซนแตะต้องของในห้องล่ะ ถ้าทำพังฉันจะฟ้องแม่เธอจริงๆ ด้วย” เสียงติงดุๆ ของไตรภพดังมาตามทางเดิน

ถึงหญิงสาวจะจบมัธยมปลายแล้วแต่ในสายตาของไตรภพวิชชุตายังคงเป็นเด็กหญิงอายุสิบขวบเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน

“เปล่าซนสักหน่อย พอดีเห็นฟ้ามันครึ้มก็เลยมาไล่ปิดหน้าต่างห้องให้ต่างหาก”

หญิงสาวว่าพลางชี้ไปที่หน้าต่างแล้วแอบวางกำไลคืนลงที่เดิมโดยไม่ให้เจ้าของรู้ตัว

“ถ้าอย่างนั้นก็ขอบใจนะ นี่ก็เย็นแล้วรีบกลับบ้านไปซะ เดี๋ยวแม่จะเป็นห่วง”

“อื้ม…” หญิงสาวรับคำแต่ยังไม่เดินออกไปไหน หนำซ้ำยังจ้องมองกำไลแบบไม่วางตาจนไตรภพสังเกตเห็น

“อยากได้รึไง” ชายหนุ่มตรงเข้าไปหยิบของโบราณที่เขาใช้ต่างที่ทับกระดาษขึ้นมาโบกไปมา

“เปล่าสักหน่อย”

วิชชุตาปฏิเสธเสียงแข็งแต่แววตากลับฟ้องชัดว่าอยากได้มันเสียเหลือเกิน ไตรภพจึงแกล้งงึมงำพูดออกไปว่า

“นึกว่าอยากได้ จะได้ยกให้”

“จริงนะ…ให้จริงๆ นะ เอาสิเอา ขอบคุณนะนายไตร”

ยังไม่ทันจบประโยคมือเรียวก็คว้าหมับหยิบกำไลไปจากมือเขาแล้ว

เห็นแม่หนูฟ้ากระโดดโลดเต้นอย่างดีใจชายหนุ่มก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ เพราะอย่างนี้ไงเล่าเขาถึงได้มองเธอว่ายังเป็นเด็กตัวเล็กๆ อยู่

“เหมือนมันจะมีชื่อด้วยนะ รู้สึกว่าข้อมูลจะอยู่แถวนี้แหละ”

ชายหนุ่มหันไปค้นกองแผ่นกระดาษ แล้วหยิบแผ่นที่มีรูปกำไลลักษณ์คล้ายกับของที่ให้วิชชุตาไปขึ้นมาอ่านออกเสียงให้ฟัง

“วารัคคนี คืออาวุธเทพที่สร้างขึ้นโดยเทพแห่งน้ำและเทพแห่งไฟ ธาตุอริสองธาตุรวมพลังกันก่อเกิดเป็นขุมพลังอันยิ่งใหญ่ ไฟที่เกิดขึ้นยามฝนตกคือสายฟ้า ทายาทแห่งน้ำและไฟเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ครอบครองอาวุธศักดิ์สิทธิ์นี้ วารัคคนีสูญหายไปเมื่อครั้งชนเผ่ามหาภูตล่มสลาย ตามตำนานกล่าวไว้ว่ามันจะกลับมาอีกครั้งเมื่อพบผู้ที่คู่ควร อ้าว…งั้นอันนี้ท่าทางจะเป็นของทำเลียนแบบ ดูแล้วยังใหม่เอี่ยมอยู่เลย”

ชายหนุ่มเอี้ยวตัวไปบอกแต่แม่หนูฟ้ากลับไม่อยู่ฟังเสียนี่ เขาได้ยินเสียงวิ่งโครมๆ ลงบันไดไป ถึงได้รู้ตัวว่าพูดเองเออเองอยู่ตั้งนาน

ไตรภพวางหน้ากระดาษกลับลงที่เดิมโดยไม่เฉลียวใจสักนิดเลยว่าของเก่าไม่จำเป็นที่จะต้องเก่าเสมอไป ยิ่งเป็นอาวุธเทพด้วยแล้วต่อให้กี่พันกี่หมื่นปีก็ยังคงสภาพเดิมไม่เปลี่ยนแปลง


วิชชุตาสวนทางกับมารดาพอดีตอนกลับบ้าน แม่บอกว่าทำอาหารเย็นเตรียมไว้ให้เธอแล้ว แต่ไม่อยู่ทานด้วยเพราะต้องไปงานศพของคนรู้จัก

“แม่กลับมาไม่เกินสามทุ่มครึ่งหรอกจ้ะ แม่บอกให้พี่บุษนั่งดูทีวีเป็นเพื่อนฟ้าจนกว่าแม่จะกลับมาแล้วนะ”

ทิพย์อาภาไม่ชอบทิ้งลูกสาวให้อยู่บ้านคนเดียว แต่ก็รู้ดีว่าลูกไม่ชอบงานศพจึงไม่เคยชวนหรือบังคับให้ไปด้วยกันเลย

“ขับรถดีๆ นะคะแม่” หญิงสาวโบกมือให้มารดาแล้วจึงเดินเข้าบ้านไป

บ้านของหญิงสาวนั้นแตกต่างจากบ้านเรือนไทยที่ไตรภพเช่าอยู่อย่างสิ้นเชิง รูปแบบบ้านหลังนี้ค่อนไปทางยุโรป แม่เล่าว่าสถาปนิกชาวอังกฤษที่เป็นเพื่อนคุณตาเป็นคนออกแบบให้ ถึงจะสร้างมาเกือบยี่สิบปีแต่ก็ยังดูร่วมสมัยอยู่

หญิงสาวเดินไปเปิดตู้หยิบน้ำยาขัดเครื่องเงินมาทำความสะอาดกำไลเงินก่อนใส่เพราะนายไตรทิ้งเอาไว้จนฝุ่นจับ ลวดลายที่สลักเสลาอยู่บนตัวกำไลกับตัวอักษรโย้เย้เหล่านี้ดูคุ้นตา ทว่านึกเท่าไรก็นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน

สิบนาทีผ่านไปกำไลอันน้อยก็เปล่งประกายแวววาวเหมือนของใหม่เอี่ยมตามร้าน ทว่ายังไม่ทันได้ลองใส่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเสียก่อน หญิงสาวจึงวางกำไลทิ้งไว้ข้างตัวแล้วเอื้อมมือไปรับโทรศัพท์

“ขอพูดกับฟ้าค่ะ” เสียงใสแจ๋วคุ้นหูดังมาตามสาย

“นิเหรอ…มีอะไรรึเปล่า”

นิหรือนิศารัตน์เป็นเพื่อนสนิทคนหนึ่งของวิชชุตา สำหรับเพื่อนคนนี้หญิงสาวให้ความสนิทสนมมากกว่าใคร เพราะมีอะไรคล้ายกันหลายอย่างโดยเฉพาะเรื่องสัมผัสที่หก พอรวมนิสัยปากหนักเก็บความลับได้อย่างดีเยี่ยม วิชชุตาเลยไว้ใจยอมเล่าทุกอย่างให้ฟัง

“เปล่าหรอกแค่คิดถึงน่ะ รอผลแอดฯอยู่ ไม่มีอะไรทำเลยอยากเมาท์ อิจฉาคนได้โควตาชะมัดเลย”

“เธอสอบได้อยู่แล้วน่าไม่ต้องเครียดหรอก พยาบาลคะแนนต่ำกว่าที่เธอสอบได้ตั้งเยอะ”

ผลการเรียนอย่างนิศารัตน์เรียนแพทย์ได้สบายแต่ตอนสอบโควตาคะแนนคณิตศาสตร์กลับไม่ผ่านเกณฑ์เสียอย่างนั้น ทั้งที่คะแนนวิชาอื่นสูงลิ่ว เจ้าตัวก็เลยบ่นเสียดายไปพักใหญ่

“ฉันน่ะยังไงก็ได้อยู่แล้วล่ะ แค่ไม่ชอบการรอคอยเท่านั้นเอง”

พ่อแม่ของนิศารัตน์ไม่เคยกดดันเรื่องสถานบันที่จะเข้าศึกษาต่อ สอบติดก็เรียน ไม่ติดค่อยไปมหาวิทยาลัยเอกชนหรือมหาวิทยาลัยเปิดเอาก็ได้ เธอจึงไม่รู้สึกเครียดเหมือนกับเพื่อนอีกหลายคน

“ยังไงก็ได้ได้ยังไง ต้องเลือกเรียนอย่างที่เราอยากเรียนสิ ถึงเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนก็ไม่เป็นไรไม่ใช่เหรอ บ้านเธอรวยจะตายมีปัญญาส่งลูกเรียนอยู่แล้ว”

“เงินพ่อแม่ทั้งนั้นแหละ หาเองยังไม่ได้ฉันไม่กล้าใช้สุรุ่ยสุร่ายหรอก ถ้าเป็นไปได้ก็อยากได้มหาวิทยาลัยของรัฐนะ เอ่อจริงสิ…เรื่องสอนพิเศษเป็นไงบ้าง เจอผีไหม ฉันว่าบ้านหลังนั้นมันต้องมีอาถรรพ์อยู่แน่เลย ระวังให้ดีนะ หึๆ”

น้ำเสียงของนิศารัตน์แปรเปลี่ยนเป็นสดใสขึ้นทันตาเมื่อเอ่ยประโยคหลัง

ในขณะที่วิชชุตากลัวผีเพื่อนสนิทอย่างนิศารัตน์กลับหลงใหลคลั่งไคล้เรื่องพวกนี้เสียเหลือเกิน เวลาเห็นวิญญาณทีไรเจ้าหล่อนก็จะรีบชี้ให้ดูด้วยอาการตื่นเต้นดีใจเหมือนเด็กเล็กได้เห็นของแปลกตาเวลาไปเที่ยวสวนสัตว์

เจ้าหล่อนเปรยเสมอว่าอยากจะลองติดต่อกับสิ่งลี้ลับเหล่านี้ดู ทว่าภูตผีวิญญาณทั้งหลายกลับไม่กล้าเข้าใกล้เธอ แค่ปรายตามองทีเดียวพวกมันก็เผ่นหนีแตกกระเจิงไม่เป็นท่า ทั้งที่เจ้าหล่อนไม่ได้พกเครื่องรางของขลังติดตัวเลยแม้แต่ชิ้นเดียว

“ขอล่ะยัยนิ อย่าพูดให้กลัวได้ไหม”

“ไม่ได้แกล้งให้กลัวสักหน่อย ห่วงหรอกนะถึงได้เตือน เอ่อใช่…วันนี้ว่างๆ เลยดูดวงให้ล่ะ อย่าเข้าใกล้น้ำนะ”

ถึงมีสัมผัสที่หกคล้ายกันแต่ก็ไม่เหมือนเสียทีเดียว เพราะของนิศารัตน์จะค่อนไปในทางทำนายเสียมากกว่า ลองคุณเธอได้ทักแล้วร้อยละร้อยไม่มีคลาดเคลื่อน โดยเฉพาะกับเรื่องร้ายๆ ที่แม่นจนน่ากลัว

“ขอบใจนะนิ ฉันจะระวังตัวก็แล้วกัน”

“ก็ไม่อยากจะพูดมากหรอกนะฟ้า แต่เรื่องบ้านหลังนั้นน่ะ ถ้าเป็นไปได้อย่าไปจะดีกว่า เคยได้ยินเรื่องที่ว่าเมื่อก่อนบ้านมันเคยเป็นสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแล้วถูกไฟไหม้รึเปล่า ตอนนี้ก็ยังมีวิญญาณของเด็กพวกนั้นวนเวียนอยู่เลย ถ้ายัยโบว์ไปเจ้าหล่อนอาจจะไม่เห็นอะไรแต่นี่ถ้าเป็นเธอฉันละห่วงว่าจะโดนผีเด็กเกาะแข้งเกาะขา ไม่ก็ร้องไห้โหยหวนขอให้ช่วยเอา”

“กรี๊ดดด! ยัยนิหยุดเดี๋ยวนี้ หยุดๆๆ ไม่เอาไม่ฟังแล้ว” หญิงสาวแว้ดใส่เสียงดัง

“คิกๆ เอาเถอะเห็นแก่ว่าฉันน้ำใจงามนะยะ จะเลิกคุยกันก็ได้ งั้นคุยเรื่องกำไลแล้วกัน สวยดีนี่ ซื้อที่ไหนน่ะ ของเก่าที่มีมนตร์ขลังเสียด้วย”

“กำไลอะไร” พอเปลี่ยนเรื่องแบบปุบปับวิชชุตาก็เลยตามเพื่อนไม่ทัน

“ที่อยู่ข้างตัวไง”

ได้ฟังวิชชุตาก็เลยหันไปมองกำไลที่เผลอหยิบมา วูบหนึ่งเธอเห็นว่ามันมีรัศมีสีฟ้าแผ่ออกมาแต่พอมองดีๆ กลับไม่เห็นอะไรเลย

“ยัยนิ! เธอเลิกเห็นอะไรแบบนี้สักทีได้ไหม แล้วก็เลิกแอบดูชาวบ้านเวลาคุยโทรศัพท์ด้วย”

นอกจากการเห็นภาพวิญญาณแล้ว บางทีนิศารัตน์ก็สามารถมองเห็นภาพเหตุการณ์ในอดีตหรืออนาคตได้ หญิงสาวควบคุมสิ่งที่ตัวเองเรียกว่าพลังจิตได้พอสมควร ถ้าตั้งสมาธิให้ดีก็รู้ว่าขณะนี้คนที่นึกถึงอยู่ที่ไหนและกำลังทำอะไร

ความลับข้อนี้มีเพียงวิชชุตาคนเดียวเท่านั้นที่รู้ แม้แต่คนในครอบครัวนิศารัตน์ก็ยังปิดบังเอาไว้ เธอก็เลยไม่รู้ว่ามันเป็นเกียรติหรือเป็นกรรมกันแน่ที่ต้องมารับรู้พลังประหลาดมหัศจรรย์ของเพื่อน

“ก็อยากเลิกหรอก แต่บางทีมันก็เห็นเองนี่ให้ทำไงได้ล่ะ” หญิงสาวแก้ต่างให้ตัวเอง

เธอมีพลังในการมองเห็นก็จริง แต่ก็ควบคุมมันไม่ได้ดังใจนึกนัก ทำให้บ่อยครั้งต้องทนมองภาพที่ไม่อยากจะเห็นเลยสักนิด

“เฉยไว้สิยะ ไม่ต้องบอกอะไรฉัน”

“แหม…ก็มันคันปากอดไม่ได้นี่นา เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ฉันจะพยายามพูดแต่เรื่องที่จำเป็นเท่านั้น”

หญิงสาวให้สัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะแต่วิชชุตาไม่เชื่อเลยสักนิด เพราะฟังคำพูดในทำนองนี้มาเกือบร้อยครั้งเห็นจะได้

“ขอให้จริงอย่างที่พูดเถอะ” วิชชุตาเอ่ยด้วยน้ำเสียงประชดประชันเต็มที่

แล้วประเด็นสนทนาก็เปลี่ยนไปหลายเรื่อง มีพักสายตอนวิชชุตาขอตัวไปกินอาหารเย็น แล้วก็กลับมาคุยต่อกันอีก สักสามทุ่มฝ่ายที่โทรมาก็ขอตัวไปนอน เนื่องจากเห็นภาพมากเกินไปจนเหนื่อย แต่ก่อนวางก็ยังไม่วายสำทับให้ระวังตัวอีกรอบ

วิชชุตาถูกเตือนแบบนี้บ่อยและทุกครั้งเธอมักจะได้บาดแผลเล็กๆ น้อยๆ มาเสมอ ครั้งนี้เธอว่าคงจะเป็นแบบนั้นอีกเลยไม่ได้ใส่ใจคำเตือนของเพื่อน หัวถึงหมอนก็หลับสนิทไม่เก็บเอามาเป็นกังวล

ผิดกับคนเตือนที่รู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก ทันทีที่วางสายภาพแรกที่ผุดเข้ามาในสมองของนิศารัตน์คือกลุ่มควันสีขาวรูปร่างเหมือนคน มันค่อยๆ ขยับตัวเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดก็มองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากความพร่ามัวสีขาว

หญิงสาวลองเอนหลังลงพิงกับหมอนพยายามทำใจให้นิ่งเผื่อจะรู้อะไรเพิ่มขึ้นบาง สิ่งที่ได้กลับมาคืออาการหายใจไม่ออกคล้ายคนจมน้ำ ความทรมานนี้ทำให้หญิงสาวต้องหยุดพักการเพ่งจิตชั่วคราว

ทุกครั้งที่มีภาพเกิดขึ้นในสมองนิศารัตน์มักจะมีอาการอ่อนเพลียเสมอ บางครั้งชีพจรจะเต้นแรงและเร็ว บางทีก็เต้นเบาจนเหมือนจะนิ่งสนิทไปเลย หนักหน่อยก็มือเย็นหน้าซีดจนไม่มีสีเลือด แต่ก็ไม่เคยมีครั้งใดที่ทำให้รู้สึกอึดอัดทรมานเท่านี้

นิศารัตน์อธิบายไม่ได้ว่าสิ่งที่เห็นคืออะไร เธอรู้แต่ว่ามันเกี่ยวข้องกับเพื่อนสนิทของเธอโดยตรง

“ขออย่าให้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับฟ้าเลย” ริมฝีปากบางพึมพำด้วยความวิตก




นิชาภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ก.พ. 2555, 11:33:25 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ก.พ. 2555, 15:42:54 น.

จำนวนการเข้าชม : 2025





<< ตอนที่ 1 พลังที่ซ่อนเร้น : บทที่ 1 คฤหาสน์ผีสิง   ตอนที่ 1 พลังที่ซ่อนเร้น : บทที่ 3 เพื่อนใหม่ >>
Auuuu 11 ก.พ. 2555, 11:50:18 น.
ลุ้นๆๆๆ ^^


แล่นแต๊ 11 ก.พ. 2555, 12:46:58 น.
น่าติดตามค่ะ แต่อยากอ่านเป็นเล่ม หนังสือจะออกเมื่อไหร่คะ


นิชาภา 11 ก.พ. 2555, 12:53:27 น.
คุณ Auuuu สวัสดีตอนเที่ยงค่ะ หม่ำข้าวหรือยังคะนี่ ทางนี้หม่ำแล้วนะคะ

คุณ แล่นแต๊ กำหมดการวางแผงไม่ทราบจริงๆ ค่ะ พอดีติดน้ำท่วม แถมเขายังใจดีให้ค่าต้นฉบับเล่มแรกมาแล้ว เราเลยเกรงใจไม่กล้าเซ้าซี้มากน่ะค่ะ เรื่องนี้วางแผงกับสำนักพิมพ์ตะวันส่องค่ะ ขอบคุณที่ติดตามและสอบถามมานะคะ ถ้ายังไงลองไปดูในเว็บสำนักพิมพ์หรือสอบถามดูก็ได้นะคะ นักอ่านทวงถามเขาคงไม่ว่าอะไร http://www.tawan-song.com/


Auuuu 11 ก.พ. 2555, 13:39:47 น.
กำลังหม่ำอยู่พอดีเลยค่า:) ขอบคุณค่า ^^


Pat 11 ก.พ. 2555, 14:08:54 น.
น่าสนุก แต่ดูท่าเรื่องนี้จะมีปริศนาเยอะนะนี่ คนละแนวกับสองเรื่องก่อนเลยอ่ะ


นิชาภา 11 ก.พ. 2555, 14:49:05 น.
คุณ Auuuu ตอนนี้เริ่มหิวอีกแล้วค่ะ หม่ำทองหยอดด้วยกันไหมคะ อ้ามม เค้าป้อน (ชวนกินตลอด ฮา น้ำหนักขึ้นมาห้าโลแต่ไม่เข็ด)

คุณ Pat เรื่องนี้ปริศนาเยอะค่ะ ยั่วให้คนอ่านอยากรู้ตลอด รับประกันว่าสนุกค่ะ (ในความรู้สึกคนเขียน)แต่ภาษาไม่สวยเท่าสองเรื่องที่ผ่านมานะคะเพราะเขียนนานแล้ว มั่นใจว่าพล็อตดี น่ารัก แรกๆ อาจจะเอื่อยหน่อย แต่อ่านไปจนถึงกลางๆ ตอนสองแล้วจะเริ่มมันค่ะ (ตอนนึงมี5-7 บทและจบในตอน)แต่ถ้าอ่านจบสามตอนแล้วยังไม่ปลื้ม แนะนำว่าเลิกตามค่ะ เพราะมันจะเป็นโทนอย่างนี้ไปทั้งเรื่อง 5555


Zephyr 11 ก.พ. 2555, 15:18:06 น.
อ๊าาาาาาาาาาาา
อ่านกี่ทีๆก็ลุ้นตลอดๆๆๆ
ชอบฟ้าแต่รักนิที่สุดดดดดดดดดดดดดดดดด ^^


Auuuu 11 ก.พ. 2555, 15:18:29 น.
อ้ามมม หงั่มๆๆๆ *แลบลิ้นเลียปาก* อร่อยค่ะ ^0^


นิชาภา 11 ก.พ. 2555, 15:36:46 น.
คุณ Neferretti รักนิเหมือนกันค่ะ ลูกรักเลย ชอบตัวละครที่มีมิติแล้วก็มีความลับเยอะๆ หุๆๆ

คุณ Auuuu 55555 เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยเรา เราจะกลมกลิ้งไปด้วยกันเอิ๊กๆ


เพลา 11 ก.พ. 2555, 23:21:42 น.
เป็นเรื่องที่น่าติดตามมากค่ะ ให้อารมณ์ที่ต่างจาก 2 เรื่องที่เคยอ่านมาจริงๆ แต่นางเอกของเรื่องยังคงแปลกๆ เหมือนเดิม 2 เรื่องก่อนนั้นนางเอกแปลกแบบคิดอะไรแปลกๆ ขำๆ ฮาๆ แต่เรื่องนี้มีพลังที่แปลกประหลาด รอๆตอนต่อไปค่ะ


นิชาภา 12 ก.พ. 2555, 13:30:11 น.
คุณเพลา งานเก่าสมัยยังเป็นเฟรชชี่ค่ะ แต่เขียนจบตอนเรียนจบแล้ว ถ้าคุณเพลาไม่ทักสงสัยคงไม่รู้ตัว เอิ่ม สงสัยมันเป็นเอกลักษณ์ของงานเราไปแล้วที่นางเอกต้องแปลกๆ แล้วพระเอกก็บทน้อยจนแทบจะกลายเป็นตัวประกอบ ไหงเป็นงั้นก็ไม่รู้ สงสัยจะเป็นพวกอวยนางเอก ขอบคุณที่ติดตามนะคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account