เหนือความทรงจำ
ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ หัวใจของเขายังมีเธอเพียงคนเดียว แม้ความทรงจำของเธอจะไม่เคยมีเขาอยู่เลย แต่หัวใจของเขาจะมั่นคงเพียงเธอตลอดไป
Tags: โรแมนติก รัก เศร้าซึ้ง

ตอน: ตอนที่ 5

บรรยากาศในห้องนั่งเล่นบ้านสิริวัฒนากุลตึงเครียด โดยเฉพาะประมุขใหญ่ของครอบครัวที่กำหมัดแน่น แววตาเป็นประกายวาวโรจน์อย่างน่ากลัวเมื่อลูกสะใภ้อ่านข่าวพาดหัวหนังสือพิมพ์กว่าห้าฉบับที่ลงข้อความแทบไม่ต่างกันเลย

“เล่มนี้ก็เหมือนกันค่ะคุณพ่อ” ลลิตาคราง อ่านพาดหัวข่าวเสียงสั่น “ฟ้องหลานสาวเศรษฐีใหญ่ร้อยล้าน เป็นชู้กับสามีชาวบ้าน”

“นี่ทำกันขนาดนี้เลยเหรอ” สินธรวางหนังสือพิมพ์อีกฉบับบนโต๊ะ “ถ้ายายแพรเห็นคงช็อคแน่ ๆ ครับ”

“ผมจะให้เด็กเอาไปทิ้งให้หมดทุกฉบับเลยครับพี่” สหชัยรีบบอก

“แค่นั้นเรื่องมันไม่จบหรอก” สิทธิพงศ์บอกเสียงเครียด “เจ้าชัยเอาโทรศัพท์มาให้พ่อสิ”

สหชัยส่งโทรศัพท์บ้านแบบไร้สายให้บิดาอย่างรู้หน้าที่ เดาออกว่าบิดากำลังจะติดต่อใครและเขาก็ไม่คิดคัดค้าน เพราะถ้าเป็นตัวเองก็จะต้องทำทุกอย่างเพื่อปกป้องสมาชิกในครอบครัว โดยเฉพาะสมาชิกคนนี้คือหลานสาวสุดที่รักที่แสนดีจนน่าสงสาร

“เห็นข่าวหนังสือพิมพ์วันนี้แล้วใช่ไหม”

เสียงถามเครียดขรึมเมื่อได้ยินเสียงปลายสายทักทาย

“เห็น...แล้วไง”

“แล้วไง” สิทธิพงศ์กระแทกเสียง “กล้ามาถามฉันแบบนี้เหรอ ก็เห็นอยู่ว่าแม่หลานสะใภ้ตัวดีของแกทำเรื่องจนเสียชื่อเสียงกันแบบนี้”

“ก็ใครมันสร้างเรื่องไว้ล่ะ” ปลายสายโต้กลับด้วยน้ำเสียงพอกัน “จอมบงการ...บีบบังคับเจ้ามาร์คจนสุดท้ายก็ต้องพรากจากกันแบบนี้”

“อย่ามาโทษกันนะโว้ย หลานแกมันดีนักนี่” สิทธิพงศ์เถียง “ถ้ามันรู้จักรักและถนอมคนรักจริง ฉันก็คงไม่ต้องเสียเจ้าชินไป แล้วยายแพรก็คงไม่มีสภาพอย่างทุกวันนี้”

“เมื่อไหร่จะเข้าใจว่ะว่ามันเป็นอุบัติเหตุ” คุณปู่เกษมของมาร์คเริ่มฉุนบ้าง “แล้วไม่ใช่แค่แกที่เสียเจ้าชิน ฉันและเจ้ามาร์คก็เสียเจ้าชิน... ยิ่งเจ้ามาร์คยิ่งแล้วใหญ่ทั้งเสียใจและอมทุกข์จนทุกวันนี้ยังหาความสุขให้ตัวเองไม่ได้...เริ่มต้นชีวิตใหม่ก็ยังไม่ได้เลย”

“ไม่รู้โว้ย” สิทธพงศ์โต้กลับอย่างคนเจ้าอารมณ์ “เรื่องเก่า...ฉันไม่สน แต่เรื่องใหม่ที่หลานสะใภ้แกสร้างเรื่องจนหลานฉันเสียหาย...แกต้องรับผิดชอบ”

ใช่ว่าเกษมจะไม่กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ท่านเองก็รักและเอ็นดูแพรธารามาก เกิดข่าวเสียหายแบบนี้คนที่เสียชื่อที่สุดก็คงไม่พ้นแพรธารา แต่พอโดนเจ้าเพื่อนรักโวยวายและขู่บังคับแบบนี้ก็ชักเริ่มหมั่นไส้จึงตอบกลับแบบกวน ๆ

“แกจะให้ฉันยิงยายกัญญารัตน์ทิ้งหรือไง หรือว่าเอาเงินฟาดหัวดี...ลูกสาวเศรษฐีสวนยางค่าหัวค่าตัวคงไม่เบามั้ง”

“ไอ้เกษม...” สิทธิพงศ์ขึ้นเสียง “แกจะยิงยายนั่นทิ้งหรือเอาเงินฟาดหัวก็เรื่องของแก แต่แกต้องจัดการให้ยายนั่นหยุดให้ข่าวใส่ร้ายหลานฉัน เพราะถ้าแกทำไม่ได้...ฉันนี่ล่ะจะจัดการเองแล้วก็ไม่ใช่จัดการแค่หลานสะใภ้แกหรอกนะ เจ้ามาร์ค...ฉันก็ไม่เอามันไว้”

“ไอ้พงศ์...”

เกษมกำลังจะโต้กลับ แต่สิทธิพงศ์ที่โกรธจนหน้าดำหน้าแดงกระแทกหูโทรศัพท์ใส่เพื่อนรักเสียก่อน ประมุขแห่งวิษณุวงศ์เลยได้แต่ตะโกนด่าลับหลังอย่างขัดเคืองใจ

“ไอ้เพื่อนบ้าอำนาจ อย่าให้ฉันเจอหน้านะ...จะชกให้หน้าหงายเลย”

“คุณพ่อครับ”

ไกรสรเรียกขานบิดาเสียงนุ่มเมื่อเข้ามาทันได้ยินการโต้เถียงระหว่างบิดาและเพื่อนรัก หวังให้บิดาได้สติและใจเย็นลงเพราะไม่ต้องการให้บิดาโกรธจนเสียสุขภาพ

“พ่อรู้ตัวน่า ไม่ต้องให้แกห้ามส่งโรงพยาบาลเพราะหัวใจล้มเหลวหรอก” เกษมบอกเสียงอ่อน แต่ยังแฝงความหงุดหงิด “แล้วนี่ได้ข่าวเรื่องลูกสะใภ้แกแล้วใช่ไหม”

“ครับ...แมร์โทรบอกผมแล้วว่าลงข่าวหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ทุกฉบับเลยครับ” ไกรสรตอบ “ไม่แปลกหรอกครับที่ทางโน้นจะโกรธ...คงกลัวหนูแพรจะรู้เรื่องมากกว่ากลัวจะเสียชื่อนะครับ”

“นั่นสิ” เกษมถอนใจเมื่อนึกถึงอดีตหลานสะใภ้ “เจ้ามาร์คเล่าให้ฟังว่าเมื่อวานหนูแพรก็มาต่อว่าเรื่องหนังสือธุรกิจนั่น แต่นี่ถ้าเห็นข่าวหนังสือพิมพ์คงช็อค...จะตกใจจนอาการเก่ากำเริบหรือเปล่า”

ไกรสรถอนหายใจเฮือกใหญ่ สงสารและเห็นใจอดีตลูกสะใภ้เหลือเกิน เหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้นในอดีตทำให้หญิงสาวที่เพียบพร้อมสะเทือนใจเพราะรับความจริงจากการสูญเสียที่โหดร้ายครั้งนั้นไม่ได้ สุดท้ายจิตใจก็ถูกสั่งปิดไม่ยอมรับไม่จดจำทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในครั้งนั้นอีกเลย แต่ข่าวฉาวเผยแพร่ต่อสาธารณะวันนี้อาจไปกระตุ้นจิตใจของหญิงสาวให้อาการเลวร้ายลงก็เป็นได้

“เราควรจะทำยังไงดีครับคุณพ่อ”

“พ่อยังรักยังเอ็นดูหนูแพรอยู่นะเจ้าสอน คงยอมไม่ได้หรอกถ้าจะเห็นหนูแพรต้องอับอายและเสียใจแบบนี้” เกษมกล่าว “เย็นนี้เรียกทุกคนมาประชุมกันให้หมด โดยเฉพาะเมียแก...ชักนำยายกิ๊บมาได้ก็ต้องหาวิธีผลักออกไปให้ได้ด้วย”

“ครับคุณพ่อ”

ไกรสรรับคำเสียงอ่อน นึกสงสารภรรยาที่ต้องมาติดร่างแหโดนบิดาโกรธเคืองร่วมกับกัญญารัตน์ไปด้วย



แพรธาราเอียงแก้มซ้ายขวาอยู่หน้ากระจกสองสามรอบเพื่อให้มั่นใจว่าคอนซิลเลอร์ที่ตัวเองแตะแต้มเพื่อปกปิดร่องรอยช้ำเนียนเรียบดีจนไม่เป็นที่สังเกต หญิงสาวผ่อนลมหายใจช้า ๆ แล้วผลักประตูห้องนอนเพื่อสำรวจต้นทาง เห็นปลอดคนจึงเดินลงมาที่ห้องครัว

“มีอะไรให้แพรทานมั้งคะพี่สำอาง”

“คุณแพร...”

สำอางสะดุ้งเฮือก รีบโยนหนังสือพิมพ์ลงถังขยะและปิดฝาถังอย่างรวดเร็ว

“อะไรกันคะ...เรียกแค่นี้ต้องตกใจด้วย” แพรธาราแซว “เลียนแบบแพรที่ต้องคอยหลบคุณปู่หรือคะ”

“โธ่...คุณแพรก้อ” สำอางค้อนให้ “ทานโจ๊กไหมคะ คิดว่าคุณแพรคงลงมาสายพี่เลยเก็บไว้ให้”

“ก็ดีค่ะ” แพรธารายิ้มรับ “วันนี้พี่หนุ่มยุ่งหรือเปล่าคะพี่สำอาง แพรอยากออกไปซื้อของใช้ส่วนตัวหน่อยค่ะ”

“เจ้าหนุ่มออกไปซื้อของให้คุณท่านค่ะ อาจจะกลับมาช่วงบ่าย”

สำอางตอบ พลางเสิร์ฟชามโจ๊กตรงหน้าเจ้านายสาว

“ว้า...แย่จัง แพรอยากได้ของใช้ส่วนตัวตอนนี้ด้วยสิ” แพรธาราพึมพำ “งั้นแพรขับรถไปซื้อเองแล้วกัน”

“โอ๊ย...ไม่ได้นะคะ คุณแพรเพิ่งกลับมายังไม่คุ้นทางนะคะ”

“เมื่อวานตอนออกไป...ไปข้างนอก”

แพรธาราชะงักคำพูดเล็กน้อยเมื่อนึกถึงสถานที่ที่เธอไปเมื่อวานจนเกิดเรื่องน่าอับอาย

“ผ่านห้างตั้งหลายห้างค่ะ แพรพอจำทางได้...รับลองออกไปแล้วกลับบ้านทันก่อนทานข้าวเย็นแน่ค่ะ”

“แต่ว่า...”

“โธ่...ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ” แพรธารารีบอ้อน “สัญญาว่าจะรีบไปรีบกลับ ไม่มีหลง...ไม่มีโอ้เอ้ค่ะ”

สำอางจำใจพยักหน้ารับเมื่อเจอลูกอ้อนตาปรอยของเจ้านายสาวที่ตัวเองสนิทสนมด้วยมาหลายปี แต่ก็ไม่วายกำชับแล้วกำชับอีกเมื่อเจ้านายสาวหยิบกุญแจรถแล้วขับออกไป

แพรธาราเลือกห้างที่ใกล้บ้านที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรที่ติดขัดในขากลับ จุดหมายแรกที่หญิงสาวตรงดิ่งไปคือร้านขายยาเพื่อซื้อยาเคลือบกระเพาะที่หญิงสาวมักจะมีอาการทุกครั้งที่เริ่มเครียด ก่อนจะแวะร้านหนังสือเพื่อซื้อนิตยสารสำหรับผู้หญิงแก้เบื่อสักเล่ม

“อุ๊ย...ใช่คนนี้เปล่า”

“อือ...เหมือนนะ”

แพรธาราหันมองสองสาวที่กำลังซุบซิบและมองมาทางเธออย่างแปลกใจ แต่พอเหลียวมองรอบร้านก็เห็นลูกค้าอีกสามสี่รายมองตรงมาที่เธอเช่นกัน แพรธาราเห็นในมือของสาวสวยคนหนึ่งถือนิตยสารธุรกิจเจ้าปัญหาอยู่ก็เดาว่าพวกนี้คงเห็นบทสัมภาษณ์ของมหาสมุทร จึงรีบหยิบนิตยสารที่ตัวเองเลือกได้แล้วไปชำระเงินที่เคาน์เตอร์ แต่ก็รู้สึกว่าสายตาของแคชเชียร์สาวก็มีแววดูถูกและไม่พอใจเธอเช่นกัน

“ขอบคุณค่ะ”

แพรธาราเป็นฝ่ายเอ่ยปากเสียเองหวังให้แคชเชียร์สาวรู้สึกตัว เมื่อได้รับเงินทอนคืนมาอย่างกระแทกกระทั้น หากแคชเชียร์สาวก็ไม่ได้รู้สึกตัวแถมยังทำท่าเชิดเมินใส่เธอเสียอีก แพรธาราจึงได้แต่ส่ายหน้าระอาคนทำงานบริการแต่กลับไม่มีใจในการให้บริการ เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยจึงไม่คิดสนใจอีก คิดว่าไปรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารญี่ปุ่นให้สบายใจดีกว่า

“ที่เดียวค่ะ”

สาวสวยบอกกับพนักงานต้อนรับที่ยืนให้บริการด้านหน้าร้าน ก่อนจะเดินตามพนักงานไปยังที่นั่งริมหน้าต่าง

“เดี๋ยวพนักงานอีกท่านจะมารับออร์เดอร์นะคะ”

“ขอบคุณค่ะ”

แพรธารายิ้มให้ ก่อนจะหันมาเปิดอ่านเมนูอาหารเพื่อเลือกสรรอาหารจานโปรด

“หน้าตาก็ดีนะไม่น่าแย่งสามีชาวบ้านเลย”

“เห็นว่าเป็นสามีเก่านี่ คงเพิ่งนึกเสียดายนะสิ”

“โอ๊ย...จบตั้งปริญญาเอก หาใหม่ไม่ดีกว่าเหรอ”

“หาใหม่แล้วจะหล่อรวยเท่าคนเก่าหรือเปล่าล่ะยะ”

เสียงซุบซิบจากโต๊ะข้าง ๆ จนแพรธารานึกแปลกใจ เงยหน้าขึ้นมองก็เห็นทั้งสาวน้อยสาวใหญ่มองมาที่เธอเป็นตาเดียว แต่พอหญิงสาวคลี่ยิ้มให้สาวช่างนินทาก็สะบัดหน้าเชิดใส่

“พิลึกคน”

แพรธาราพึมพำ แต่สายตาเหลือบเห็นภาพของตัวเองบนหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งที่ชายชราโต๊ะข้าง ๆ กำลังเปิดอ่านอยู่ หญิงสาวหันมาสบตากับชายชราที่มองมาที่เธอเช่นกัน เพียงแต่สายตาของท่านแฝงด้วยแววเห็นใจและสงสารมากกว่า

“ขอโทษนะคะคุณตา หนูขออ่านข่าวนั้นหน่อยได้ไหมคะ”

ชายชรายิ้มบาง ๆ ก่อนส่งหนังสือพิมพ์ให้หญิงสาว พลางเอ่ยปลอบ

“ใจเย็น ๆ นะหนู เรื่องร้ายจะเปลี่ยนเป็นเรื่องดีได้ถ้าเรามีสติ”

“ข...ขอบ...คุณค่ะ”

แพรธาราเอ่ยเสียงกระท่อนกระแท่นเมื่อได้อ่านพาดหัวข่าวฉาว “ถ่านไฟเก่าคุ หลานเศรษฐีใหญ่แย่งสามีชาวบ้าน” น้ำตาแทบหยดยิ่งเมื่อเหลือบเห็นว่าลูกค้าหลายโต๊ะมองมาที่เธอด้วยสายตาสมเพชและเหยียดหยาม แพรธารารีบส่งหนังสือพิมพ์คืนคุณตาใจอารี ก่อนจะฝืนยิ้มพึมพำเบา ๆ

“ขอบคุณอีกครั้งนะคะ หนูขอตัวก่อนค่ะ”

แพรธารายกมือไหว้ผู้อาวุโสก่อนจะรีบวิ่งออกจากร้านอาหารอย่างรวดเร็ว เพราะทนสายตาดูแคลนของคนในร้านไม่ไหว หากเมื่อเดินผ่านร้านหนังสือร้านเดิมสองเท้าของเธอกลับต้องชะงักเมื่อเห็นพนักงานในร้านนำหนังสือพิมพ์กรอบบ่ายมาวางที่หน้าร้าน และที่สำคัญพาดหัวข่าวหน้าหนึ่งก็ยังเป็นเรื่องร้ายที่ประจานเธอทั้งสิ้น

‘เมียเก่าอยากทวงสามีคืน วิ่งโร่มาหาถึงที่ ขนาดเลขาของสามียังอายแทน’

ทุกถ้อยคำทำร้ายจิตใจจนแพรธาราแทบก้าวขาไม่ไหว หญิงสาวน้ำตานองหน้าเดินโซเซเพื่อจะลงบันไดเลื่อนกลับไปที่ลานจอดรถ แต่ตอนนี้ทั้งสมองทั้งร่างกายเหมือนเป็นอัมพาตที่หญิงสาวไม่มีแรงพอจะควบคุม จนก้าวเท้าพลาดลื่นล้มนั่งแปะอยู่บนบันไดเลื่อน

“อุ๊ย...คุณคะ”

หญิงสาวที่ก้าวขึ้นบันไดเลื่อนตามหลังมารีบขยับเข้าประคอง

“เป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ”

“ม...ไม่เป็นไรค่ะ” แพรธาราฝืนตอบ รีบยกมือเช็ดน้ำตาลวก ๆ “ขอบคุณค่ะ”

“ไปนั่งพักตรงนั้นก่อนไหมคะ”

หญิงสาวใจดีแนะนำพลางชี้มือไปที่ม้านั่งตัวยาว เมื่อบันไดเลื่อนหยุดลงที่ชั้นหนึ่ง แพรธาราพยักหน้ารับเบา ๆ เพราะรู้สึกเจ็บแปลบ ๆ ที่ข้อเท้า

“ขอบคุณมากค่ะ”

แพรธาราเอ่ยซ้ำอีกครั้งอย่างซึ้งใจเมื่อสาวแปลกหน้ายังมอบยานวดไว้ให้เธอใช้ทาข้อเท้าก่อนจะผละไปด้วย หญิงสาวยิ้มอ่อน ๆ กับตัวเองเพราะในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีได้พบคนช่วยเหลือบ้าง ก่อนจะตัดสินใจโทรศัพท์หาน้องสาวที่ตัวเองเพิ่งได้เบอร์มือถือมาเมื่อคืน

“พี่แพร....เป็นยังไงบ้าง”

พิณสุดาเอ่ยถามอย่างห่วงใย เกือบหนึ่งชั่วโมงกว่าที่ตัวเองจะมาถึงจุดหมายจนคิดเครียดเป็นห่วงพี่สาวยิ่ง แต่พอเห็นพี่สาวน้ำตาหยดก็รีบสวมกอดร่างบางเพื่อปลอบโยนทันที

“พิณ...ทำไมถึงเป็นแบบนี้ พี่ไม่เข้าใจ...ทำไมเขาทำร้ายพี่แบบนี้”

“พี่แพร...”

“มันเรื่องโกหกทั้งนั้น ทำไมล่ะ... เขาสองคนทะเลาะกันแล้วทำไมต้องเอาพี่ไปเกี่ยวด้วย”

มือบางลูบหลังลูบไหล่พี่สาวอย่างปลอบโยน อยากจะพูดให้กำลังใจแต่ก็ไม่รู้จะปลอบอย่างไร คิดแล้วก็แค้นยายกัญญารัตน์นักที่พอไม่ได้รับความรักจากมหาสมุทรก็หาเรื่องทำลายทั้งแพรธาราและมหาสมุทรให้ต้องอับอายและเสียชื่อทั้งตัวเองและวงศ์ตระกูล

“อย่าเพิ่งคิดมากนะพี่แพร เรากลับบ้านกันก่อนนะ...เรื่องนี้คุณปู่ต้องจัดการให้พี่แน่”

“คุณปู่...ท่านคงเสียใจมาก” แพรธาราได้สติทันทีเมื่อนึกถึงสิทธิพงศ์ “ป่านนี้ท่านคงโกรธและกังวลมาก เพราะพี่ไม่ดีเองเมื่อวานถ้าไม่ไปหาเขาก็คงไม่ทำให้คุณปู่และครอบครัวของเราต้องอับอายแบบนี้”

“ไม่ใช่ความผิดของพี่แพรสักหน่อย” พิณสุดาแย้ง “แล้วคุณปู่ก็ไม่มีวันโกรธพี่แพรด้วย...มีแต่จะโกรธยายมารร้ายกัญญารัตน์และหาวิธีเอาคืนให้แสบเลย”

“พี่ไม่ได้อยากเอาคืนใคร แต่พี่อยากให้พวกเขาหยุดให้ร้ายพี่เสียที”

พิณสุดาพยักหน้ารับเบา ๆ รู้ดีว่าพูดอะไรตอนนี้ก็คงไม่มีประโยชน์ ทางเดียวที่จะทำตอนนี้คือพาพี่สาวกลับบ้านที่สมาชิกทั้งครอบครัวรอคอยและพร้อมจะแก้ปัญหานี้ให้



ครอบครัววิษณุวงศ์เป็นอีกครอบครัวที่นัดประชุมกันพร้อมหน้า ต่างฝ่ายต่างทราบดีว่าข่าวที่ลงหนังสือพิมพ์ครั้งนี้ไม่ใช่แค่ทำให้แพรธาราและครอบครัวของเธอเสียชื่อเสียง แต่ก็ทำให้ครอบครัววิษณุวงศ์เสียชื่อและมีผลกระทบต่อการพัฒนาธุรกิจของครอบครัวด้วย เพราะตอนนี้ธุรกิจเพชรและอัญมณีกำลังจะร่วมทุนกับต่างชาติเพื่อเจาะตลาดยุโรปและอเมริกา

“รู้ไหมว่าวันนี้ทั้งเพื่อนทั้งคนรู้จักโทรหาฉันจนรับโทรศัพท์ไม่ไหว อีกหน่อยเถอะเดินไปไหนก็คงได้อับอายเป็นขี้ปากชาวบ้านไปทั่ว แล้วธุรกิจใหม่ของเจ้ามาร์คอีก”

“ผมขอโทษครับคุณปู่”

“ความผิดของเมียแกต่างหากเจ้ามาร์ค” เกษมบ่น ก่อนหันไปตำหนิมาริษา “ไงล่ะคุณหญิง

...งามหน้าไหมลูกสะใภ้หล่อนน่ะ”

“ขอโทษค่ะคุณพ่อ”

คุณหญิงมาริษาก้มหน้ารับผิด คิดไม่ถึงว่าลูกสาวของเพื่อนสนิทที่ครอบครัวของเธอรู้จักกันมานานตั้งแต่รุ่นยายรุ่นแม่ จนตนเองสนับสนุนให้มาแต่งงานกับลูกชายจะสร้างเรื่องวุ่นวายให้ครอบครัววิษณุวงศ์ได้

“ฉันก็ไม่อยากตำหนิเธอหรอกนะแม่ษา” เกษมออกตัว “ฉันก็เห็นว่าเธอเป็นคนฉลาดทันคน ไม่นึกว่าจะมาเสียรู้กับยายกิ๊บได้ เห็นรับรองเป็นมั่นเหมาะว่าสนิทสนมกับครอบครัวเธอมานาน ชาติตระกูลฝ่ายนั้นก็วิเศษ แต่ที่ไหนได้ทั้งเจ้าคิดเจ้าแค้น...ดูสิไม่พอใจไม่อยากอยู่ด้วยกันก็คุยกันดีๆ ก็ได้ไม่เห็นต้องทำให้เป็นข่าวอับอายผู้คนอย่างนี้เลย”

“ดิฉันต้องกราบขอโทษคุณพ่อด้วยค่ะ” มาริษารีบยกมือไหว้ “คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่ายายกิ๊บจะกล้าทำแบบนี้ แต่ก็เห็นใจแกหน่อยนะคะจะมีผู้หญิงที่ไหนทนได้ที่สามีไม่สนใจใยดีก็คงน้อยใจ ทำไปก็คงแค่ประชด...ทำไปเพราะไม่ได้คิดน่ะค่ะ”

เกษมทุบเก้าอี้เสียงหนักอย่างขัดใจ

“ไม่ได้คิดอะไร...คิดหนักสิไม่ว่า ขนาดดึงหนูแพรมาเกี่ยวทั้งที่เขาเพิ่งกลับมายังไม่ถึงวันดี” เกษมบอกเสียงเข้ม “สร้างข่าวฟ้องร้องคดีความจนชื่อเสียงป่นปี้ขนาดนี้แล้วฉันจะไปมองหน้าใครได้ ยิ่งบ้านโน่นยิ่งไม่ยอมใหญ่โทรมาถอนหงอกฉันตั้งแต่เช้าแล้วรู้ไหม”

“คุณปู่ครับ...อย่าโทษคุณแม่เลยครับ” มหาสมุทรออกรับแทน “ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของผมเองครับ เพราะผมดูแลกิ๊บไม่ดีทำให้เขามีความสุขไม่ได้ ถ้าจะต้องมีใครรับผิดชอบเรื่องนี้ก็ควรที่จะเป็นผมครับ”

ไกรสรถอนหายใจเสียงหนัก สงสารทั้งเมียทั้งลูก แต่ทุกคำของบิดาก็เป็นเรื่องจริงเป็นปัญหาที่ทุกคนต้องร่วมกันแก้ไขโดยด่วน แต่ข่าวที่เขาทราบมาจากคนสนิทก็ทำให้นึกกังวลอยู่ครามครัน

“เรื่องคงไม่ง่ายนะมาร์ค พ่อได้ข่าวว่านายหัวมณฑลกำลังขึ้นมาจากใต้นะ” ไกรสรเล่า “สงสัยจะมาจัดการเรื่องนี้เอง งานนี้คงไม่ยอมง่าย ๆ...คงตั้งใจเล่นเราหนักแน่”

“ผมยินดีทำทุกอย่างเพื่อให้เรื่องนี้จบครับคุณพ่อ” มหาสมุทรเน้นย้ำเสียงหนัก “เพื่อให้บ้านเราและบ้านแพรไม่เสียชื่อ เพื่อให้แพรได้มีความสุขอีกครั้ง...ต่อให้ยากแค่ไหนผมก็ยินดีทำครับ”

“เมื่อไหร่มาร์คจะเลิกคิดถึงเขาเสียที” มาริษาตำหนิอย่างรับไม่ได้ “เลิกปกป้องแล้วก็ลืมเขาไปได้แล้ว ไม่เข้าใจหรือไงว่าเขาไม่ได้สนใจลูกแล้ว...เลิกจมทุกข์อยู่กับอดีตเสียที เขาไม่มีลูกในความทรงจำอีกแล้ว”

“คุณษา”

ไกรสรครางเรียกชื่อภรรยาเบา ๆ อย่างเห็นใจ เข้าใจดีว่าภรรยารักและเป็นห่วงลูกชายมากแค่ไหน ไม่มีสักวันที่ภรรยาจะสบายใจและมีความสุขอย่างแท้จริงตราบใดที่ลูกชายคนโตยังจมทุกข์อยู่กับความรักในอดีตที่ไม่มีวันหวนคืนมาอีก

“ผมขอโทษครับคุณแม่” มหาสมุทรขยับเข้ากอดมารดาอย่างเข้าใจ “ผมทราบว่าคุณแม่รักและเป็นห่วงผม แต่ผมมีความสุขดีนะครับ...มีความสุขที่ได้เก็บความรักที่ผมมีต่อแพรไว้ในใจ ผมไม่ต้องการสูญเสียความรักนี้ไปพร้อมกับความทรงจำที่พร้อมจะสูญสลาย”

“มาร์ค...”

คุณหญิงมาริษาหันมาสบตาลูกชายอย่างเห็นใจ มือนุ่มยกขึ้นแตะแก้มลูกชายเบา ๆ ทั้งรักทั้งสงสาร

“ความรักของผมที่มีต่อแพรไม่มีวันจางหายครับ” มหาสมุทรกล่าวเสียงหนักเหมือนให้คำมั่น “แต่ผมยอมรับว่าทั้งหมดผมเป็นคนผิด ทั้งความทุกข์ใจของกิ๊บและความทรมานใจของแพร...ทั้งหมดเกิดจากผม ผมจะต้องแก้ไขให้ถูกต้องให้ได้ครับ”

“โธ่...ลูก”

คุณหญิงมาริษาสวมกอดร่างสูงพลางลูบหลังอย่างปลอบโยน เข้าใจแล้วว่าลูกชายมีหัวใจรักที่มั่นคงนัก ไม่ว่าจะหาใครมาทดแทนก็เปล่าประโยชน์เพราะไม่มีใครเทียบเทียมแพรธาราได้เลย


****************************

มาเฉลยต่ออีกเล็กน้อยว่าเกิดอะไรขึ้นกับแพรถึงมีสภาพนี้แล้วนะจ๊ะ มาเพิ่มสองบรรทัดสุดท้าย...หายไปได้ไงไม่ทราบ



พิมดาว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ก.พ. 2555, 20:17:35 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ก.พ. 2555, 20:53:49 น.

จำนวนการเข้าชม : 1370





<< ตอนที่ 4   ตอนที่ 6 >>
Auuuu 11 ก.พ. 2555, 20:33:14 น.
อ่านแล้วเศร้าจัง :(
นางเอกสูญเสียความทรงจำนี่เอง สงสารพระเอกเหมือนกัน


panon 13 ก.พ. 2555, 11:12:23 น.
อ๋อยยยยยยยยยยยอ่านแล้วใจจะขาดดดดดดดดดดดดด


anOO 14 ก.พ. 2555, 18:18:10 น.
มันต้องมีสาเหตุสิ ที่ทำให้แพรลืมความทรงจำไป


117 30 มิ.ย. 2555, 23:45:08 น.
อ่านแล้วเศร้าในใจ พระเอกนางสงสารมาก


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account