Crazy Laws กฏหมายฮาเดือด!!
เมื่อ "วินด์ ฮิลล์" นักเรียนกฎหมายปี 1 ผู้มีดีแค่หน้าตาแต่สติปัญญาอยู่ในระดับน่าอับอาย ต้องมาพานพบกับ "เวสต์ วิซ" ผู้ช่วยผู้พิพากษา ที่ถูกไหว้วานจากอาจารย์ีที่ปรึกษาของวินด์ ฮิลล์ ให้มาช่้่วยเข็นให้หนุ่มดีแต่รูปคนนี้เลื่อนชั้นไปได้ แล้วอะไรจะเกิดขึ้น..เมื่อสองคนนี้ต้องมาร่วมไขคดีไปด้วยกัน พร้อมกับ "ประมวลกฎหมาย" อาวุธประจำตัวนักเรียนกฎหมายทุกคน!?
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: มาตราที่ 8


มาตราที่ 8 : นักเรียนกฎหมายพึงใช้เหตุและผล



กราบเรียนคุณลุงที่เคารพ.........


ตอนนี้ผมได้ข้อคิดใหม่แล้วว่า ‘มนุษย์ที่สมบูรณ์แบบนั้นไม่มีอยู่จริงในโลกนี้หรอก’ และจากข้อคิดนั้น..บางทีนี่อาจจะเป็นจดหมายฉบับสุดท้ายแล้วที่ผมจะได้เขียน ส่วนสาเหตุน่ะเหรอครับ..ก็เพราะว่าผมบังเอิญโชคร้ายพอที่จะได้ไปล่วงรู้ความลับที่ไม่ควรรู้มากที่สุด ของผู้ชายที่ไม่สมควรแตะต้องมากที่สุด...(จดหมายฉบับนี้อ่านยากนิดนะครับ เพราะมันคงนองด้วยน้ำตาของผม ผสมกับมือที่สั่นพั่บๆอยู่นี่...กระซิกๆ)


ถึงผมจะอยากบอกคุณลุงว่าความลับนั้นคืออะไร แต่ว่า..ผมยังไม่อยากตายครับ..เขาขู่ผมเอาไว้ว่าถ้าแพร่งพรายออกมาแม้แต่นิดเดียว เขาจะทำให้ผมตายไปพร้อมกับความลับนี้..คุณลุง ผมกลัวมากเลยครับ!!


ถ้าเป็นไปได้..ผมตั้งใจว่าจดหมายฉบับนี้ผมจะส่งถึงคุณลุงแน่ๆ เผื่อว่าหลังจากนี้ถ้าผมตายไป มันจะได้กลายเป็นหลักฐานให้คุณลุงมาเอาผิด..ไม่สิ..มันจะได้เป็นสัญญาณเตือนภัยให้คุณลุงเผ่นหนีออกนอกประเทศ ไปในที่ที่อิทธิพลของคนคนนี้จะตามไปไม่ถึง อย่าลืมพาทุยศรีไปด้วยนะครับ เพราะเขาบอกว่าถ้าความลับนี้รั่วไหล เขาจะส่งนังทุยศรีไปทำลูกชิ้นเนื้อ...น่ากลัวจริงๆ ไม่รู้หัวจิตหัวใจพี่แกทำด้วยอะไร..แค่คิดก็สยองแล้ว..


ผมควรจะทำยังไงดีครับ คุณลุง!!?



“...ทำอะไรอยู่น่ะ..?”


“...................”


...ช่างเป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ ด้วยว่าตัวคนที่ถูกถามได้ตัวแข็งค้างกลายเป็นหินไปเรียบร้อย ขณะที่คนที่ถามเองก็ไม่ได้สนใจจะฟังคำตอบจริงจัง เมื่อเพียงแค่ชะโงกหน้าข้ามผมดำๆยุ่งๆนั่นมา ก็ได้เห็นแล้วถึงคำตอบที่ต้องการ...


“อ้อ..เขียนจดหมายถึงลุง นายเป็นเด็กกตัญญูนี่นะ”


เวสต์ วิซแย้มรอยยิ้มหวาน มือวางทาบลงไปบนกระดาษเขียนจดหมายฉบับนั้น ก่อนจะขยุ้มมันขึ้นมาช้าๆ...


วินด์ ฮิลล์มองตามมือของคุณรุ่นพี่ที่ถึงจะไม่เห็นออกแรงอะไร แต่จดหมายที่น่าสงสารในมือนั้นก็ถูกขยำขยี้จนแทบไม่เห็นรูปทรงของความเป็นกระดาษอีกต่อไป โดยเฉพาะเมื่ออีกฝ่ายถึงกับหยิบไฟแช็คขึ้นมาจากในกระเป๋า ก่อนจะจ่อเปลวไฟไปที่มุมของอะไรบางอย่างที่เคยเป็นกระดาษแผ่นนั้น


“...นายเองก็คงไม่อยากเป็นเหมือนจดหมายฉบับนี้ใช่มั้ย?”


แสงจากไฟแช็คก่อให้เกิดเงามืดบนใบหน้าคมคายที่ยังคงแย้มรอยยิ้มอย่างน่าหวาดผวา เสียงของกระดาษที่กำลังไหม้ไฟ กลิ่นของควันจางๆ มันก็ล้วนแล้วแต่ทำให้วินด์ ฮิลล์ใช้สัญชาตญาณเค้นเรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายในการส่ายหน้าแบบสุดชีวิต


“มะ..มะ...มะ....ไม่อยาก..แน่นอน..ครับ...”


“เด็กดี...”


มือที่ยังได้กลิ่นควันจางๆตบหัวรุ่นน้องผู้แสนเชื่องเบาๆ รอยยิ้มมาดร้ายยังคงระบายอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาของคนที่ถูกล่วงรู้ความลับสุดยอดไปโดยไม่ได้ตั้งใจ...


ย้อนกลับไปเมื่อหลายวันที่ผ่านมา..เมื่อเวสต์ วิซฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าตนกำลังนอนอยู่ที่ห้องของรุ่นน้องตัวปัญหาภายในหอพักแสนซอมซ่อที่เปิดรับเฉพาะนักเรียนกฎหมายให้เข้ามาซุกหัวนอนเป็นการชั่วคราว


เมื่อลืมตาขึ้นมาได้ สิ่งแรกที่เห็นก็คือนิ้วชี้ของตนที่เวลานี้มีปลาสเตอร์แปะติดอยู่แผ่นหนึ่ง รอยเลือดจางๆยังปรากฏให้เห็นผ่านทางความบางของปลาสเตอร์ราคาถูกแผ่นนั้น และมันก็เป็นรอยเลือดที่ทำให้เวสต์ วิซถึงกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่ พยายามกลั้นความรู้สึกอยากจะอาเจียนไว้ด้วยการเบือนหน้าไปอีกทาง


และนั่นล่ะ..ก็คือการกระทำที่ถูกต้องที่สุด..!!


ดวงตาคู่สีน้ำเงินมองสบกับดวงตาคู่สีฟ้าใสของคนที่ช่วยลากเขาที่สลบเหมือดไปแล้วมานอนพักที่นี่ มันเป็นเรื่องที่ควรจะต้องพูดขอบคุณ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าคนตรงหน้านี่แหละคือคนคนเดียวกับที่ได้รู้ความลับว่า เขาคนนี้..กลัวเลือดของตัวเองเป็นที่สุด..!!


ช่างเป็นความลับที่สุดแสนจะน่าอับอาย ทั้งที่ต่อให้คนอื่นเลือดไหลพลั่กๆจนนองพื้นเปื้อนเท้าหรือยังไง เขาคนนี้ก็ไม่เคยจะรู้สึกอะไรมาก่อน แต่เมื่อเป็นเลือดของตัวเองแล้ว..มันก็กลับส่งผลในทางตรงข้ามอย่างรุนแรง!!


และนี่ก็คือความลับที่อย่าว่าแต่ผีสางนางไม้ที่ไหน หากแม้แต่ญาติสนิทมิตรสหายก็ยังไม่เคยจะล่วงรู้ อีกทั้งเวสต์ วิซยังฝึกฝนทั้งศิลปะการต่อสู้ไม่ว่าจะแบบมือเปล่าหรือแบบใช้อาวุธมาเป็นอย่างดี เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาดที่ตนเองจะได้รับแผลเลือดไหลแล้วล้มลงไปสลบเหมือดอย่างวันนี้


แต่ร้อยคิดพันคำนวณ ก็ยังไม่อาจเทียบเท่ากับตัวหายนะเดินได้อย่างวินด์ ฮิลล์...ผู้ชายที่ล้มลงมากระแทกจนเขาเผลอทำกระดาษบาดมือ และ..เลือดไหลจนได้..!!


ความคิดที่ทำให้ดวงตาคู่สีน้ำเงินหรี่ลงอย่างมาดร้าย และน่ากลัวว่าเป็นเพราะเวสต์ วิซเพิ่งจะฟื้นขึ้นมา จึงทำให้ชายหนุ่มเก็บรังสีอำมหิตเอาไว้ได้ไม่มิดเท่าที่ควร และมันก็ทำให้วินด์ ฮิลล์ถึงกับสั่นสะท้านตั้งแต่ปลายเส้นผมไปจนจรดปลายเล็บเท้า ร่างทั้งร่างสั่นระริกจนไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะวิ่งหนีหรือแหกปากตะโกนขอความช่วยเหลือ..แต่บางทีนั่นอาจเป็นการกระทำที่ถูกต้องแล้ว


เพราะความกลัวจนไม่กล้าเคลื่อนไหวสุ่มสี่สุ่มห้า ทำให้คนที่รู้ความลับของคุณท่านสุดโหดยังคงมีเพียงแค่คนเดียว ซึ่งสำหรับเวสต์ วิซแล้ว สถานการณ์เช่นนี้มันก็จำเป็นแค่ต้องเลือกระหว่างเชือดผู้รู้ความลับเพียงหนึ่งเดียวทิ้งเสีย หรือไม่อย่างนั้นก็.....


“ผะ..ผมขอสาบานว่าจะไม่มีวันพูด เขียน บอก หรือกระทำการใดๆที่อาจทำให้ความลับของรุ่นพี่รั่วไหลออกไปเด็ดขาด เพราะงั้น..ได้โปรดไว้ชีวิตลูกนกลูกกาตาดำๆอย่างผมทีเถอะกั๊บ!!”


ร่างที่ทรุดหมอบลงไปแทบเท้าในชั่วนาทีกับไหวพริบปฏิภาณในการเอาตัวรอดที่ทำให้ชายหนุ่มสบถสาบานออกมาในนาทีนั้น ช่วยให้วินด์ ฮิลล์สามารถต่อชีวิตตัวเองออกมาได้สำเร็จ..แม้ว่าจะเป็นการต่อชีวิตที่ดูง่อนแง่นเหลือประมาณก็ตามที...


ด้วยเหตุนี้เองความลับจึงยังคงเป็นความลับ อย่างที่แม้เวลาจะผ่านมาหลายวันแต่ก็ยังไม่มีใครอื่นที่จะระแคะระคายความลับสุดยอดของเวสต์ วิซอีก...แม้ว่าบางทีอาจต้องใช้การข่มขู่ที่มากกว่านี้ จึงจะทำให้วินด์ ฮิลล์เข้าใจได้ว่า การพูดถึงเรื่องนี้เป็นนัยๆก็เป็นเรื่องต้องห้ามเช่นกัน


“แล้วเรื่องที่ฉันให้ไปตรวจสอบไปถึงไหนแล้ว?”


เวสต์ วิซถามพลางเดินห่างออกมาเพื่อจะนั่งลงหลังโต๊ะทำงานในห้องส่วนตัวของตน ที่ดันมีเจ้าโง่คนนึงที่โง่พอจะมาเขียนจดหมายถึงลุงระหว่างรอเขากลับมาในห้องนี้


“ครับๆ คือว่าฝ่ายพิสูจน์หลักฐานแจ้งมาว่า เลือดที่ติดอยู่บนส้อมที่พบในบ้านแซม วินเตอร์นั้นเป็นเลือดของคุณดาเลีย เฟลแลน และส้อมคันนั้นก็เข้ากันได้กับรอยแผลบนคอของคุณดาเลียครับ”


วินด์ ฮิลล์รีบตอบด้วยความรู้สึกที่เสมือนเก็บชีวิตตัวเองกลับมาจากปากเหวได้แบบหวุดหวิด


“นอกจากนี้บนส้อมคันนั้นยังตรวจพบรอยนิ้วมือของแซม วินเตอร์แค่คนเดียวเท่านั้น ขณะที่บนไม้เสียบลูกชิ้นที่เป็นอาวุธสังหารก็ตรวจพบแค่รอยนิ้วมือของคุณดาเลียคนเดียวเหมือนกัน จะเป็นไปได้มั้ยครับว่าตอนที่แซม วินเตอร์ลงมือสังหารคู่สามีภรรยาเฟลแลน เขาอาจจะใส่ถุงมือเอาไว้?”


หนุ่มผมดำถามด้วยความรู้สึกที่เริ่มระริกระรี้ขึ้นมานิดหน่อย นั่นเพราะว่าแม้จะยังไม่ได้หลักฐานที่ชี้เฉพาะอะไรนัก แต่ด้วยลำพังหลักฐานที่มีในตอนนี้ มันก็มากพอที่จะพุ่งเป้าไปที่ผู้ต้องสงสัยเพียงคนเดียว นั่นคือ แซม วินเตอร์!!


“ตกลงนายคิดว่าแซม วินเตอร์เป็นฆาตกรแล้วอย่างนั้นสินะ?”


“ก็มันไม่น่าจะเป็นคนอื่นแล้วนี่ครับ”


วินด์ ฮิลล์ตอบพลางมองคุณรุ่นพี่ที่นั่งหมุนปากกาเล่น ด้วยความรู้สึกที่อยากแช่งให้ปากกาด้ามนั้นถูกหมุนพลาดจิ้มจึ้กเข้าไปที่มืออีกฝ่ายนัก


“ตามรูปการนี้ แซม วินเตอร์ จะต้องมาเคาะประตูบ้านของคู่สามีภรรยาเฟลแลน แล้วพอพวกเขาเปิดประตูให้ ก็เดินตามไปที่โต๊ะกินข้าวแล้วฉวยโอกาสนั้นเชือดทิ้งทั้งคู่ จากนั้นด้วยความงี่เง่าส่วนบุคคลก็เลยทำให้แซม วินเตอร์เผลอทำไม้เสียบลูกชิ้นหลุดจากมือ แล้วเพราะอย่างนั้นเขาก็เลยต้องใช้ส้อมจากบนโต๊ะมาเสียบเข้าที่คอของคุณดาเลีย เพื่อเอาเลือดกลับไปเป็นที่ระลึก!!”


“เป็นสมมุติฐานที่น่าสนใจมาก”


เสียงตบมือเบาๆดังมาจากคนที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน ดวงตาภายใต้กรอบแว่นฉายร่องรอยของความแปลกใจขึ้นมาเล็กน้อยกับข้อสมมุติฐานซึ่งดูเป็นไปได้มากที่สุดในเวลานี้ และแทบเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำที่มันจะถูกเอ่ยออกมาจากปากของผู้ชายที่มีดีแต่หน้าอย่างวินด์ ฮิลล์ หรือบางทีนี่อาจจะเป็นสิ่งที่เรียกได้ว่าพัฒนาการ?


แม้ว่า..จะเป็นพัฒนาการแบบลุ่มๆดอนๆก็ตามที...


“ถ้าอย่างนั้นนายจะอธิบายว่ายังไงเกี่ยวกับการที่บนโต๊ะอาหาร มีจาน ช้อนส้อม หรือแก้วแค่ 2 ชุดเท่านั้นล่ะ?”


หนุ่มรุ่นพี่ย้อนถามเสียงเรียบ ก่อนจะช่วยอธิบายต่ออย่างรู้ส่าอีกฝ่ายคงไม่เข้าใจความหมายของตน


“ตามปกติแล้ว ถ้ามีแขกมาหาในช่วงระหว่างที่กำลังรับประทานอาหาร มันก็เป็นธรรมดาอยู่เองที่เจ้าบ้านจะต้องเชิญให้แขกเข้าร่วมโต๊ะด้วย แล้วถึงจะเป็นเจ้าบ้านที่แล้งน้ำใจแค่ไหน อย่างน้อยแซม วินเตอร์ก็น่าจะได้น้ำดื่มสักแก้ว แต่นี่กลับมีแก้วน้ำหรืออุปกรณ์บนโต๊ะอาหารอย่างอื่นแค่ 2 ชุดเท่านั้น”


“เอ้อ...บางทีแซม วินเตอร์อาจจะยังไม่ทันนั่งลง แล้วเขาก็ฉวยโอกาสที่คู่สามีภรรยาเฟลแลนนั่งลงที่โต๊ะอาหารก่อนแล้ว ในการแอบลอบสังหาร?”


วินด์ ฮิลล์พยายามหาเหตุผลให้ด้วยสมองที่ทำงานหนักเกินไปในรอบปีจนเริ่มจะปวดตุบๆ แต่น่าเสียดาย..ที่เหตุผลนี้ก็ยังดีไม่พอ


“มีเจ้าของบ้านคนไหนที่จะนั่งลงที่โต๊ะอาหารก่อนแขก แล้วปล่อยให้แขกเดินไปเดินมาอยู่รอบโต๊ะกินข้าวด้วยรึไง..ฟังดูไม่สมเหตุสมผลสักเท่าไหร่เลยนะ” เวสต์ วิซโต้กลับด้วยเหตุผลง่ายๆ “นอกจากนี้ต่อให้คู่สามีภรรยาเฟลแลนเป็นเจ้าบ้านที่ย่ำแย่ขนาดนั้นจริง คิดว่าแซม วินเตอร์จะมีเหตุผลอะไรในการลากศพของไบรอัน เฟลแลนมาไว้ที่หน้าประตูบ้านกันล่ะ?”


“บางที..บางทีอาจเป็นเพราะความหึงหวง เขาก็เลยไม่อยากให้ศพของ 2 คนนี้ได้อยู่ใกล้ชิดกัน?”


“ถ้าเพราะเหตุผลนั้นล่ะก็ เป็นฉันคงใช้วิธีง่ายๆอย่างการเตะเก้าอี้ของไบรอันให้คว่ำก็จบเรื่องแล้ว ไม่จำเป็นต้องลงทุนขนาดลากศพของไบรอันไปกองไว้หน้าประตูหรอก”


ชายหนุ่มผมทองเสนอวิธีการอันสุดแสนจะโหดร้ายทางความรู้สึกด้วยรอยยิ้มหวาน มือขาวได้รูปพลิกหาเอกสารในแฟ้มที่วางบนโต๊ะ ก่อนจะเลือกหยิบออกมา 2-3 แผ่น


“นี่คือรายงานการสอบปากคำแซม วินเตอร์ ที่ฉันเป็นคนไปสอบปากคำหมอนั่นด้วยตัวเองเมื่อวานนี้”


เวสต์ วิซว่าพลางเลื่อนกระดาษกองนั้นไปให้กับหนุ่มรุ่นน้องที่รับมาอย่างไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไหร่


“แซม วินเตอร์ปฏิเสธว่าตนเองไม่ได้เป็นฆาตกร เขายืนยันว่าตอนที่เข้าไปในบ้าน คู่สามีภรรยาเฟลแลนก็ตายอยู่ก่อนแล้ว เขาก็เลยใช้ส้อมจิ้มที่คอของดาเลียเพื่อเอาเลือดเธอไปเป็นที่ระลึก จากนั้นเขาก็กลับไปที่ห้องของเขาเพื่อเอาส้อมคันนั้นไปซ่อน ก่อนจะกลับมาที่ห้องของคู่สามีภรรยาเฟลแลนอีกครั้ง แล้วโทรศัพท์แจ้งทางการ”


“เป็นไปไม่ได้!! ยังไงเขาก็ต้องโกหกแน่!!” วินด์ ฮิลล์โต้กลับทันควัน “บางทีรุ่นพี่อาจจะสอบปากคำไม่เข้มงวดพอ หรือไม่ก็...”


เสียงทุ้มมีอันต้องชะงักขาดหายไป เมื่อชายหนุ่มทันได้สังเกตเห็นดวงตาคู่สีน้ำเงินของคุณรุ่นพี่ผู้ถูกกล่าวหาพลันหรี่ลงอย่างมาดร้าย แล้วมันก็ทำให้วินด์ ฮิลล์คิดออกในนาทีนั้นว่ามีหรือที่คนอย่างเวสต์ วิซจะพลาดกับแค่การสอบปากคำ หรือหากจะพูดให้ถูกแล้ว..เขาควรสงสัยเสียมากกว่าว่าสภาพจิตใจของแซม วินเตอร์หลังจากถูกสอบปากคำด้วยฝีมือของคนคนนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง...


คงไม่ใช่ว่าถูกหามส่งโรงพยาบาลจิตเวชไปแล้วหรอกนะ...


ความคิดที่ชวนให้รู้สึกสงสารแทนอย่างบอกไม่ถูก แต่ไม่สิ..เวลานี้คนที่เขาควรสงสารมากที่สุดไม่ควรจะเป็นใครอื่น นอกไปจาก..ตัวเอง!!


“อะแฮ่ม! คือที่จริงผมก็คิดว่ารุ่นพี่คงจะสอบปากคำแซม วินเตอร์อย่างละเอียดแล้วล่ะครับ” หนุ่มรูปงามพลิกลิ้นอย่างคล่องแคล่ว “แต่ยังไงก็ตาม ถ้าไม่ใช่แซม วินเตอร์แล้ว ผมก็คิดไม่ออกจริงๆว่าจะมีใครอีกที่เป็นฆาตกร”


ว่าพลางก็โบกไม้โบกมือประกอบคำพูด เอกสารที่อยู่ในมือถูกโบกไปมาจนเริ่มกลายเป็นเหมือนพัดลมเอื่อยๆ


“อย่างคุณเลขาฯ กลอเรีย จากที่พวกเราได้ส่งคนไปจับกุมตัวเธอมา โดยใช้หลักฐานจากบรรดาเพชรพลอยที่เธอเอาไปจำนำ เธอสารภาพว่าวันนั้นเธอแวะไปที่อพาร์ตเมนต์จริง แต่กลับพบว่าประตูไม่ได้ล็อคอยู่แล้วก็เจอศพในนั้น เธอก็เลยแอบขโมยพวกเครื่องประดับไป เพราะว่ามันเป็นของที่คุณไบรอันควรจะให้เธอมากกว่า”


นั่นคือคำรับสารภาพที่วินด์ ฮิลล์ใช้เวลา 3 วัน 3 คืนในการเค้นออกจากปากผู้หญิงคนนี้ก็ยังไม่สำเร็จ จนกระทั่งต้องใช้วิธีสุดท้ายด้วยการไปอัญเชิญบลิซซาร์ดให้เข้ามายืนอยู่ในห้องสอบปากคำด้วยกัน แล้วเพียงแค่กลอเรีย แอมป์ได้เห็นหน้าสวยๆที่บึ้งตึงของนักเรียนกฎหมายหนุ่มผู้ถูกลากตัวมาแล้ว เธอก็ยิ่งกว่าจะยินดีคายความจริงทุกอย่างออกมา


และก็เหมือนว่าโชคจะเข้าข้างคุณเลขาฯผู้รับจ็อบเป็นเมียน้อยอยู่บ้าง เมื่อหลังจากสารภาพความจริงออกมาได้ไม่ถึงวัน หญิงสาวอีกคนหนึ่งก็มาปรากฏตัวที่โรงเรียนกฎหมาย


จากคำให้การของหญิงผู้มาใหม่นั้น ทำให้ทราบว่าเธอเป็นเมียหลวงของผู้ชายอีกคนที่กลอเรีย แอมป์รับจ็อบเป็นเมียน้อยนอกเหนือจากไบรอัน และด้วยมโนธรรมประจำใจที่ถึงจะเกลียดขี้หน้าเมียน้อยสักเท่าไหร่ แต่สุดท้ายเธอก็จำยอมมาเป็นพยานให้ว่า ในเช้าวันที่เกิดเหตุฆาตกรรมนั้น..เธอได้บุกไปที่อพาร์ตเมนต์ของกลอเรียและมีปากเสียงกัน ซึ่งถ้าดูจากเวลาที่ระบุแล้ว มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่กลอเรียจะโกยอ้าวมายังอพาร์ตเมนต์ของคู่สามีภรรยาเฟลแลนและทำการฆาตกรรมได้ทัน แน่ล่ะ..นอกจากว่ากลอเรียจะมีอาชีพเสริมอย่างการเป็ยเมียน้อยของซูเปอร์แมนก็อีกเรื่อง


ด้วยเหตุนี้ชื่อของกลอเรีย แอมป์จึงถูกตัดออกจากหนึ่งในรายชื่อผู้ต้องสงสัย และได้รับโทษเป็นการเรียกคืนของมีค่าทั้งหมดที่ขโมยไป รวมถึงจ่ายค่าปรับชดเชยเป็นจำนวนเงินที่คงจะทำให้เธอต้องร้องไห้ไปอีกนาน แต่ไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็คงดีกว่าการต้องมาร้องไห้ในฐานะฆาตกรที่ถูกจับตัวได้มากนัก


“ในเมื่อตัดคุณกลอเรียออกไปแล้ว ยังไงๆฆาตกรก็ต้องเป็น แซม วินเตอร์ แน่นอนครับ!!”


วินด์ ฮิลล์ยืนยันเสียงแข็งด้วยท่าทางที่มั่นใจเสียจนไม่มีทางจะมั่นใจมากไปกว่านี้ได้อีกแล้ว แต่ถึงจะมั่นใจสักแค่ไหน ถึงจะวางท่าดูดีสักแค่ไหน มันก็ไม่อาจปกปิดถึงอาการร้อนรนที่ซ่อนอยู่ภายใต้ท่าทางนั้นได้เลย


“ดูเหมือนว่านายจะอยากให้แซม วินเตอร์เป็นฆาตกรเหลือเกินนะ..”


เวสต์ วิซทักเสียงเรียบ นิ้วเคาะลงกับโต๊ะเบาๆ ก่อนจะเอ่ยวาจาแทงใจดำกระซวกไปถึงตับไตอีกฝ่าย


“ถึงจะเหลือเวลาอีกแค่ 2 อาทิตย์ก็จะหมดเทอมนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่านายจะยัดข้อหาฆาตกรให้ใครก็ได้หรอกนะ วินด์ ฮิลล์”


ชายหนุ่มผู้ถูกเรียกชื่อเต็มโดยอีกฝ่ายเป็นครั้งแรกถึงกับหน้าแดงแปร๊ดตั้งแต่แก้มไปจนจรดใบหู แต่นั่นย่อมไม่ใช่ความเขินอายที่เกิดจากการถูกเรียกชื่อ แต่เป็นเกิดจากการที่.....


“รุ่นพี่!! เห็นผมอย่างนี้ก็มีจรรยาบรรณพอนะครับ ผมไม่มีทางทำเรื่องบ้าๆอย่างการยัดข้อหาให้ใครอยู่แล้ว!!”


วินด์ ฮิลล์ปฏิเสธเสียงดังลั่นจนแทบเป็นตะโกน ร่างโปร่งอยู่ในอาการที่เรียกได้ว่าฉุนเฉียวอย่างที่ยากจะรู้ว่ามันมาจากความโกรธเคืองที่ถูกดูหมิ่นหรือมาจากการร้อนตัวกันแน่ แต่ไม่ว่ามันจะมาจากอะไร..มันก็ไม่ได้ทำให้ชายที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่รู้สึกสะทกสะท้านขึ้นมาสักนิด


“ไม่มีอะไรหรอก แค่เจ้าหมอนี่ลมบ้าหมูกำเริบนิดหน่อย”


เวสต์ วิซตะโกนบอกบรรดานักกฎหมายมุงที่ต่างก็แอบโผล่หัวเข้ามาดูจากทางประตูที่เปิดแง้มอยู่ ศีรษะแต่ละหัวต่างก็พยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ แต่ก็ยังไม่เลิกที่จะแอบซุ่มฟังต่อด้วยความฉงนสนเท่ห์ เพราะนี่อาจจะเป็นครั้งแรกจริงๆที่มีใครสักคนกล้าพอที่จะขึ้นเสียงใส่ผู้ชายที่รั้งตำแหน่งผู้พิพากษาสูงสุดในอนาคต มิหนำซ้ำผู้กล้ารายนี้ยังเป็น วินด์ ฮิลล์ นักเรียนกฎหมายผู้เป็นที่เลื่องลือถึงความโง่มากพอกับความหล่ออีกด้วย!?


“เอาเถอะ ถ้านายไม่คิดจะยัดข้อหาก็ดีแล้ว”


เมื่อเห็นว่าไล่ขามุงไม่ไป เสียงนุ่มทุ้มก็หันมาเอ่ยต่อกับคนที่ยังคงทำเชิดหน้าหันไปอีกทางอย่างแสนงอน แต่ถึงจะงอนให้ตายยังไง..คนอย่างเวสต์ วิซก็ไม่เคยมีความคิดที่จะง้อมาก่อน และนอกจากจะไม่ง้อแล้ว สิ่งที่เขาถนัดยังเป็นการกระทืบซ้ำให้ตายคาที่อีกด้วย


“...เพราะว่าฉันจะเป็นคนยัดข้อหาให้กับ ซิลเวีย แคนน่อน เอง!!”


“ว่าไงนะ!!?”


ตั้งแต่รู้จักกันมาเป็นเวลาหลายสัปดาห์กับอีกหลายวัน วินด์ ฮิลล์จำต้องยอมรับว่าคุณรุ่นพี่ที่เคารพมีความสามารถพิเศษในการทำให้เขาตกตะลึงได้แทบตลอดเวลา แต่ก็ไม่เคยมีครั้งใดเลยที่เวสต์ วิซจะทำให้เขาตกตะลึงจนตาเหลือกได้ขนาดนี้มาก่อน...


..กับคำพูดที่ว่าจะยัดข้อหานั่น..!!?


“หมายความว่ายังไงกันครับ!?”


ชายหนุ่มกระแทกมือลงกับโต๊ะทำงานตัวหรู ก่อนจะต้องแอบสูดปากด้วยความเจ็บกับแรงกระแทกที่มือของตน แต่ถึงจะเจ็บแค่ไหน..วินด์ ฮิลล์ก็ยังขอไว้ฟอร์มด้วยการถลึงตามองอย่างที่ยังคงความหล่อไม่หาย


“คดีนี้คิดยังไงก็มีเรื่องน่าแปลกอยู่มาก” เวสต์ วิซเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่ยี่หระ ดวงตาภายใต้กรอบแว่นเหลือบลงมองมือของคนที่ชักจะกำแหงขึ้นทุกวัน “ตอนนี้คนที่มีโอกาสเป็นฆาตกรมากที่สุดก็คือ แซม วินเตอร์ แต่ในขณะเดียวกันไม่ว่าจะเป็นด้านเหตุผลหรือแรงจูงใจก็ไม่มีมากพอที่จะทำให้เขาเป็นฆาตกรได้ แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ค่อนข้างเชื่อว่าเขากำลังปิดบังอะไรบางอย่างอยู่”


ว่ากันตามตรงแล้ว มันเป็นการยากที่จะมีใครกล้าปิดบังความจริงภายใต้การสอบปากคำของเวสต์ วิซผู้นี้ ด้วยว่าชายหนุ่มย่อมจะไม่ใช่ความหวังแห่งวงการกฎหมาย ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขายิ่งกว่าเชี่ยวชาญในทุกสาขาทางด้านกฎหมาย และแน่นอนว่าย่อมไม่เว้นแม้แต่การกดดัน บังคับ ข่มขู่ หรือกระทำการต่างๆนานาที่สมควรถูกเซ็นเซอร์คำพูดเพื่อที่จะเค้นเอาความจริงออกมาจากปากของผู้ต้องสงสัย


แต่ถึงอย่างนั้น..ภายใต้แสงจากโคมไฟ 100 วัตต์ที่สาดใส่หน้าอย่างไม่ปราณีปราศรัย แต่แซม วินเตอร์ก็ยังคงรักษาท่าทางสงบเยือกเย็นเหมือนหัวหลักหัวตอเอาไว้ได้ โดยไม่ยอมปริปากออกมาแม้แต่คำเดียวนอกเหนือไปจากเรื่องที่ตนเองไม่ใช่ฆาตกร


“คนเรามีเหตุผลในการปิดบังแตกต่างกันไป แต่จากท่าทางของแซม วินเตอร์แล้ว มันให้ความรู้สึกว่าเขากำลังปิดบังเพื่อปกป้องใครคนหนึ่งอยู่มากกว่า”


เวสต์ วิซวิเคราะห์ตามประสาคนที่มีประสบการณ์ในคดีต่างๆมามาก มันมากมายเสียจนทำให้สัญชาตญาณในการเฟ้นหาตัวคนร้ายของเขานั้นคมกริบเสียยิ่งกว่าใบมีดโกนด้วยซ้ำ


“แล้วสำหรับผู้ชายที่หลงรักผู้หญิงคนเดิมมาตลอดสี่สิบกว่าปี เมื่อเธอคนนั้นตายลง..จะมีใครที่ทำให้เขาอยากปกป้องได้อีก นอกไปจาก..คนคนหนึ่งที่ถ่ายทอดพันธุกรรมครึ่งหนึ่งมาจากเธอ”


วินด์ ฮิลล์หน้าถอดสี..ร่างโปร่งที่เคยเต็มไปด้วยความคิดจะโต้เถียงถึงกับนิ่งงันไปชั่วขณะ ด้วยความตกใจที่เกินกว่าจะเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้


“ระ..รุ่นพี่หมายความว่าคุณดาเลียมีพี่น้องฝาแฝดอย่างนั้นเหรอครับ!?”


มันเป็นอีกครั้งที่เวสต์ วิซนึกเสียใจแทนลุงของอีกฝ่าย ที่ตัดสินใจผิดพอที่จะเลือกส่งหลานชายมาเรียนในสายกฎหมาย ทั้งที่หากจะว่ากันตามจริงแล้วการส่งทุยศรีมาเรียนแทน ยังดูมีหวังที่จะได้ประหยัดเงินและได้เรียนจบมากกว่าด้วยซ้ำ!!


“เสร็จเรื่องนี้แล้ว นายควรกลับไปอ่านหนังสือวิทยาศาสตร์เบื้องต้นของเด็กประถมดูบ้างก็ดีนะ”


ชายหนุ่มรุ่นพี่เอ่ยทั้งรอยยิ้มเชือดเฉือน ถ้าไม่ใช่เพราะเริ่มชินจนกลายเป็นปลงกับระดับมันสมองของอีกฝ่ายแล้ว บางทีวินด์ ฮิลล์ก็อาจจะไม่มีชีวิตรอดอยู่ได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นของวันพรุ่งนี้เช่นกัน


“คนที่ฉันหมายถึงคือ ซิลเวีย แคนน่อน” เวสต์ วิซเอ่ยตรงเข้าประเด็นโดยไม่สนใจสีหน้าเอ๋อเหรอของอีกฝ่าย “ตอนที่ฉันสอบปากคำแซม วินเตอร์ หมอนั่นยืนยันว่าตัวเองไม่ได้เป็นคนฆ่าก็จริง แต่ก็หลุดปากมาว่าตอนที่มากดออดประตูนั้น ประตูห้องถูกล็อคเอาไว้อยู่”


“แล้ว..?”


“แล้วแซม วินเตอร์จะเข้าไปในห้องจนพบศพได้ยังไง ถ้าไม่มีกุญแจห้องอยู่ในมือ? ถึงจะบอกว่าเพราะเป็นเพื่อนบ้านกันก็เลยให้กุญแจบ้านกันได้ แต่ถ้าฉันเป็นไบรอัน เฟลแลนล่ะก็ไม่มีทางที่ฉันจะยอมให้กุญแจห้องกับผู้ชายที่ลือกันไปทั่วว่าหลงรักเมียของฉันมาร่วมสี่สิบปีหรอก”


“แต่....”


“แต่ถึงจะคิดว่าดาเลีย เฟลแลนเป็นคนให้กุญแจก็ยังแปลกอยู่” เวสต์ วิซพูดขัดอย่างรู้เท่า “ปกติไม่มีผู้หญิงที่ไหนจะยอมให้กุญแจห้องกับมนุษย์โรคจิตที่ตามตื๊อตัวเองมานานขนาดนั้นหรอก จะคิดยังไงมันก็ไม่ปลอดภัยทั้งนั้น เพราะงั้นไม่มีทางที่ดาเลีย เฟลแลนจะยอมให้กุญแจบ้านของเธอกับคนอย่างแซม วินเตอร์แน่”


“ถ้างั้น....”


“ถ้างั้นเราก็มาถึงจุดที่ว่า แล้วแซม วินเตอร์เข้าไปในบ้านได้ยังไงทั้งที่ประตูล็อค และเจ้าของบ้านก็ตายไปก่อนแล้ว?”


ร่างสูงแย้มรอยยิ้มเยือกเย็น สิ่งที่อยู่ในสมองของตนนั้นยังคงจัดเป็นได้แค่สมมุติฐาน แต่ถึงจะเป็นแค่สมมุติฐาน มันก็คุ้มค่าแล้วแก่การตรวจสอบ


“มันมีความเป็นไปได้ 2 อย่าง อย่างแรกคือ แซม วินเตอร์โกหก หรือไม่อย่างนั้นก็ต้องเป็นอย่างที่ 2 นั่นคือมีคนช่วยไขกุญแจห้องให้กับหมอนั่น ซึ่งนอกเหนือจากคู่สามีภรรยาเฟลแลนแล้ว คนคนเดียวที่มีกุญแจห้องนั้นก็คือ ซิลเวีย แคนน่อน!!”


ชื่อที่ถูกระบุออกมามากพอที่จะทำให้คนที่อยากเลื่อนชั้นจนตัวสั่นก็ยังถึงกับต้องสะดุ้ง มโนธรรมประจำใจที่มีมากกว่าผู้เป็นรุ่นพี่ ทำให้วินด์ ฮิลล์อดไม่ได้ที่จะคิดถึงชายหนุ่มผู้สูญเสียแม่บังเกิดเกล้าและพ่อเลี้ยงไปพร้อมกัน อีกทั้งยังเคราะห์ร้ายพอที่จะต้องมาพัวพันในฐานะผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมอีก แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นซิลเวีย แคนน่อนก็ยังคงมีท่าทางเข้มแข็ง และเหนืออื่นใด วินด์ ฮิลล์เชื่อมั่นว่าเขาได้เห็นถึงความโศกเศร้าอย่างแท้จริงในดวงตาของอีกฝ่าย!!


“ถึงยังไง..มันก็แค่เรื่องที่อาจจะเป็นไปได้เท่านั้น บางทีแซม วินเตอร์อาจจะเคยแอบปั๊มกุญแจหรือเขาอาจจะสำเร็จวิชาสะเดาะกุญแจก็ได้นี่ครับ รุ่นพี่!!”


มันเป็นการช่วยแก้ตัวอย่างที่เรียกได้ว่าเอาสีข้างเข้าแถ แต่ถึงสีข้างซ้ายจะถลอกปอกเปิก สีข้างขวาอาบไปด้วยเลือดจากการแถแบบไม่มีเหตุผลมารองรับสักเพียงใด แต่ถึงอย่างนั้นวินด์ ฮิลล์ก็อดไม่ได้ที่จะพูดปกป้องคนที่กำลังจะถูกยัดข้อหาคนนั้น


“แล้วถึงมันจะมีความเป็นไปได้ก็จริง แต่แซม วินเตอร์ก็ไม่ได้ซัดทอดมาที่ตัวซิลเวีย แถมยังไม่มีหลักฐานอะไรที่บอกว่าซิลเวียเกี่ยวข้องกับคดีนี้ด้วย ที่สำคัญหมอนั่นจะฆ่าแม่ตัวเองกับพ่อเลี้ยงไปเพื่ออะไร..รุ่นพี่ก็ยังตอบไม่ได้ด้วยซ้ำ!!”


มุมปากของคนที่ถูกกล่าวหาว่าตอบไม่ได้ขยับยกขึ้นน้อยๆ มันเป็นอากัปกิริยาที่ใกล้เคียงกับการแย้มรอยยิ้มพอกับใกล้เคียงกับการที่จะเปิดปากพูด แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหน วินด์ ฮิลล์ที่อยู่ในอารมณ์พิทักษ์ปกป้องผู้บริสุทธิ์ก็กำลังเครื่องร้อนจนเป็นแรงขับดันส่งตรงไปถึงสมองให้ทำงานหนักยิ่งกว่าครั้งใด เพื่อจะได้ตอบโต้คุณรุ่นพี่ผู้ไร้ศีลธรรมคนนี้!!


“ผมมั่นใจว่าซิลเวีย แคนน่อนไม่ใช่คนร้าย และตราบใดที่รุ่นพี่ยังหาหลักฐานมาเอาผิดเขาไม่ได้ รุ่นพี่ก็จะยัดข้อหาให้เขาไม่ได้นะครับ!!”


“ถ้าฉันอยากจะทำล่ะก็..ต้องได้สิ”


มันเป็นคำตอบพร้อมรอยยิ้มของคนที่ขยับยกขาขึ้นไขว่ห้าง มือทั้งสองประสานกันหลวมๆวางอยู่บนเข่าด้วยท่าทางผ่อนคลายนัก


“มันก็จริงอย่างที่นายพูด ว่าฉันไม่มีหลักฐาน พยานหรือแรงจูงใจใดๆที่จะบ่งชี้ว่าซิลเวีย แคนน่อนมีส่วนเกี่ยวข้องในคดีนี้” เวสต์ วิซยอมรับอย่างเบิกบาน “แต่ถึงจะไม่มีทั้งหมดที่นายว่ามา แต่ขอแค่ฉันสงสัยก็พอแล้ว..แค่นั้นก็เพียงพอแก่การที่จะจับกุมตัวซิลเวีย แคนน่อน”


นั่นคือคำพูดที่เต็มไปด้วยความหยิ่งผยอง ความทระนงของผู้ชายที่ไม่เคยได้รู้จักกับคำว่าความผิดพลาด ตอลดหลายปีที่เวสต์ วิซอยู่ในแวดวงสายกฎหมาย ไม่เคยมีครั้งใดเลยที่เขาจะคาดการณ์ผิด ไม่เคยมีครั้งใดที่ผู้ร้ายในคดีจะสามารถหลบหนีหรือซ่อนตัวจากการจับกุม และในวันเวลาเหล่านั้นเองก็คือสิ่งที่ช่วยบ่มเพาะความมั่นใจให้กับเขาคนนี้


“เรื่องนี้มันก็เหมือนกับสุภาษิตโบราณที่ยอมฆ่าผิดร้อยคน ดีกว่ายอมปล่อยให้ศัตรูรอดไปแม้เพียง 1 คน...ถึงในที่นี้ซิลเวีย แคนน่อนจะไม่ใช่ศัตรูของฉัน แต่เขาก็คือคนที่มีโอกาสที่จะเป็นคนร้าย และไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจปล่อยให้เขาลอยนวลไปได้”


“ตะ..แต่ว่าการยัดข้อหาแบบนี้น่ะมัน...” วินด์ ฮิลล์พูดตะกุกตะกัก ในชั่วขณะหนึ่งที่เขาเริ่มรู้สึกอยากชกหน้าอีกฝ่าย มากพอกับที่อยากหนีออกไปจากห้องนี้ หนีไปให้ไกลจากคนที่เหมือนกำลังเผยตัวตนที่แท้จริงและสันดานดิบออกมาให้เขาได้เห็นกันอย่างไม่ปิดบัง “เราจะทำแบบนี้ไม่ได้นะครับ!!”


“นายทำแบบนี้ไม่ได้” หนุ่มผมทองเอ่ยแก้ด้วยเสียงนุ่ม “แต่ฉันทำได้...”


ประโยคง่ายๆแต่มากพอที่รุ่นน้องผู้ไร้เดียงสาจะถึงกับผงะ โดยเฉพาะเมื่อคนพูดยังคงแย้มรอยยิ้มเยือกเย็น ราวกับว่าสิ่งที่พูดออกมาเป็นแค่รายการอาหารมื้อกลางวันที่อยากจะกิน...มันก็เท่านั้น


“ฉันคือลูกศิษย์เพียงคนเดียวของศาสตราจารย์ดีฟ อินเฟอร์โน และฉันยังเป็นผู้ที่ได้รับการคาดหวังให้เป็นผู้พิพากษาสูงสุดรุ่นต่อไป อำนาจที่อยู่ในมือของฉันย่อมมากพอที่จะให้ฉันทำอะไรก็ได้..รวมถึงการยัดข้อหาให้ใครสักคนด้วย”


เวสต์ วิซว่าพลางโคลงศีรษะน้อยๆจนเรือนผมสีทองปลิวระสองข้างแก้ม วงหน้าหล่อเหลายังคงแย้มรอยยิ้มบางๆที่เจือเอาไว้ด้วยความขบขันที่มีต่อความอ่อนโลกของหนุ่มรุ่นน้อง ที่จนถึงวันนี้ก็ไม่ได้เข้าใจอะไรเอาซะเลย


“คนเราต่างก็มีอำนาจในมือไม่เหมือนกัน และตอนนี้ภายใต้อำนาจที่ฉันมีในการสั่งนาย และภายใต้อำนาจที่นายมีคือการฟังคำสั่งของฉัน ทีนี้ก็ทำงานชิ้นสุดท้ายของคดีนี้ให้เสร็จได้แล้ว”


ชายหนุ่มทิ้งท้ายด้วยการโยนม้วนเทปขนาดจิ๋วลงในมือของวินด์ ฮิลล์ที่เผลอยื่นออกมารับตามสัญชาตญาณ และสิ่งที่โยนไปให้นั้นก็คือ..อีกหนึ่งหลักฐานชิ้นสำคัญของคดีนี้!!


“นี่คือ..?”


“นั่นคือเทปบันทึกเสียงที่ฉันยึดมาได้จากห้องของแซม วินเตอร์” หนุ่มผมทองอธิบายพลางหัวเราะเบาๆ “ดูเหมือนความโรคจิตของผู้ชายคนนี้จะอยู่เหนือระดับธรรมดาไปมาก หมอนี่ถึงกับแอบเอาเครื่องดักฟังไปติดไว้ตามที่ต่างๆในห้องในอพาร์ทเมนท์ของคู่สามีภรรยาเฟลแลน เพื่อจะได้รับฟังความเคลื่อนไหวของดาเลียตลอด 24 ชั่วโมง”


วินด์ ฮิลล์กลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อก ขนตามแขนลุกพรึ่บด้วยความแขยงกับพฤติกรรมที่สมควรถูกส่งไปกองควบคุมโรค(จิต)ของคนที่ถูกกล่าวถึง


“นายก็เห็นว่างานของฉันยุ่งจนไม่มีเวลาจะมาฟังเทปนี่ด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้นงานของนายคือ ถอดเสียงในเทปออกมาเป็นข้อความแล้วเอามาส่งให้ฉันวันพรุ่งนี้ แล้วก็ระวังอย่าทำตัวเทปเสียหายด้วย เพราะว่าฉันยังไม่ได้ทำตัวแบ็คอัพของเทปม้วนนี้เอาไว้”


เวสต์ วิซมอบหมายงานให้แบบต่อเนื่อง ขณะที่มือก็เริ่มลงมือตรวจเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะต่อ


“ฉันให้เวลานายช้าสุดไม่เกิน 5 โมงเย็นวันพรุ่งนี้นะ”


“เอ้อ..จะพยายามครับ รุ่นพี่เวสสสสสสสสสสต์”


หนุ่มรุ่นน้องตอบอย่างกระอักกระอ่วน ขณะพยายามคิดถึงอุปกรณ์ใดๆก็ตามที่ตนมี ที่พอจะนำมาใช้ฟังข้อความในเทปม้วนนี้ได้ ซึ่งไม่ว่าจะมีอุปกรณ์หรือไม่ แต่สิ่งที่ดีที่สุดก็ควรเป็นการรีบล่าถอยออกมาจากห้องนี้ ก่อนที่คุณท่านจะโยนงานชิ้นต่อไป และต่อไปมาให้เขาทำเพิ่ม


แต่ว่า..แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม........


“รุ่นพี่ครับ...” เสียงทุ้มเต็มไปด้วยความกล้าๆปนกับกลัวๆ แม้จะโน้มเอียงไปในทางกลัวมากกว่า แต่มันก็ไม่อาจหยุดวินด์ ฮิลล์จากการถามคำถามนี้ได้ “แล้ว..เรื่องของซิลเวีย....”


“อ้อ ถ้าเรื่องของซิลเวีย แคนน่อนล่ะก็...”


เสียงทุ้มเอ่ยตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก เมื่อดวงตาภายใต้กรอบแว่นเลือกจะหันกลับมาให้ความสนใจกับเอกสารของคดีอื่นๆบนโต๊ะ มันเป็นการบอกโดยนัยถึงการหมดความสนใจในคดีของคู่สามีภรรยาเฟลแลนอีก


“..วันพรุ่งนี้ฉันจะส่งคนไปจับกุมตัวซิลเวีย แคนน่อนมา ส่วนเรื่องหลักฐานที่ใช้ในการยัดข้อหา..ฉันจะเป็นคนจัดเตรียมเอง ส่วนนายก็แค่นั่งรอได้เลื่อนชั้นก็พอ”


ประโยคที่เหมือนเป็นการบอกว่าคดีนี้ถูกปิดลงแล้วโดยสิ้นเชิง ซึ่งสำหรับที่ว่าระหว่างแซม วินเตอร์ หรือ ซิลเวีย แคนน่อน ใครคนใดคนหนึ่งจะถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกรนั้น ก็คงขึ้นกับว่าเวสต์ วิซจะยัดข้อหานั้นไปที่คนไหน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นคนไหนก็ตาม..เมื่อมันเป็นการยัดข้อหาโดยคนที่มีทั้งตำแหน่งและแบ็คอัพอย่างดีอย่างเวสต์ วิซแล้ว ก็เชื่อได้ว่าไม่มีทางที่คนคนนั้นจะสามารถต่อสู้คดีและรอดพ้นจากโทษประหารไปได้


และนี่..ก็น่าจะเป็นเรื่องดีสำหรับวินด์ ฮิลล์ไม่ใช่หรือ?


เพราะการจับตัวฆาตกรได้ก็เท่ากับว่าเขาได้ทำตามเงื่อนไขสำเร็จ และจะได้ผ่านเลื่อนชั้นไปแบบสบายๆโดยไม่ต้องสนใจว่าใครจะถูกยัดข้อหา หรือใครจะเป็นฆาตกรกันแน่ แต่ว่า...แต่ว่า...ไม่ว่ายังไงก็...


“ผมยอมรับไม่ได้!!”


วินด์ ฮิลล์ตวาดก้อง ร่างสูงโปร่งสั่นเทิ้มด้วยความโกรธ มือทั้งสองกำแน่นจนแทบเห็นเส้นเลือดผุดขึ้นที่หลังมือ และหากว่าวินด์ ฮิลล์มีความกล้ามากกว่านี้อีกสักนิด มีสติน้อยกว่านี้อีกสักหน่อย เขาก็คงไม่ลังเลที่จะโผเข้าไปต่อยหมัดซ้ายใส่หน้าของเวสต์ วิซ แล้วตามด้วยเข่าขวาเข้ากลางลำตัว แถมท้ายด้วยกระโดดถีบขาคู่ใส่จุดยุทธศาสตร์ของบุคคลที่คิดจะปิดคดีด้วยการยัดข้อหาให้คนบริสุทธิ์


“ผมคิดมาตลอดว่ารุ่นพี่ไม่ใช่คนดีอะไรนัก แต่ก็ยังไม่ถึงกับเป็นคนทุเรศของสังคม แต่ว่า..ถ้าการได้เลื่อนชั้น หมายความว่าผมต้องทำตัวทุเรศๆเหมือนอย่างรุ่นพี่แล้วล่ะก็..”


วินด์ ฮิลล์พูดเสียงลอดไรฟัน วงหน้าที่รูปงามอยู่เป็นนิจเต็มไปด้วยโทสะที่มีแต่จะขับให้ตัวเขายิ่งหล่อเหลาจนน่าหลงใหลกว่าเดิม


“ผมยินดีซ้ำชั้นไปชั่วชีวิต ยังดีกว่าจะต้องกลายเป็นคนอย่างรุ่นพี่!!”


ประโยคปิดท้ายกร้าวจัด ร่างโปร่งหมุนตัวก้าวเดินไปยังทิศทางประตูที่เหล่าบรรดาขามุงต่างก็รีบเปิดทางให้ด้วยความตกใจ โดยเฉพาะเมื่อวินด์ ฮิลล์ไม่ได้เดินผ่านออกไปเพียงอย่างเดียว แต่ยังแถมท้ายด้วยการกระแทกประตูปิดดังโครมใหญ่จนบานพับถึงกับสั่นระริกแทบร่วงมาลง!!


...30 วินาทีผ่านไปหลังจากที่ประตูถูกปิดลง แล้วชายหนุ่มผมดำก็พลันเปิดประตูโผล่หน้ากลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง


“ผมไม่ยอมรับเรื่องนี้แน่ รุ่นพี่เวสสสสสสสสสสต์!!”


มันเป็นชั่วขณะที่ดวงตาสองคู่มองสบกัน คู่หนึ่งนั้นเต็มไปด้วยความโกรธจนแทบคุมสติไม่อยู่ ขณะที่อีกคู่กลับยังคงเจือแววขัน โดยเฉพาะเมื่อเจ้าตัวคนโกรธพลันยกนิ้วโป้งขึ้นกลางอากาศ


“โป้งแล้วด้วย!!”


...แล้วตามด้วยเสียงกระแทกประตูปิดอีกครั้ง กับเสียงฝีเท้าที่ดังห่างออกไป บอกชัดถึงการจากไปจริงในคราวนี้...



- - - - TBC. - - - -



Langlae
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ก.พ. 2555, 01:53:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 ก.พ. 2555, 01:53:00 น.

จำนวนการเข้าชม : 1458





<< มาตราที่ 7   
Edelweiss 14 ก.พ. 2555, 16:03:28 น.
เรื่องนี้ก็ฮานะคะ แต่แอบสงสัยว่าป่านนี้น้องปูจะติวแคลคูลัสถึงไหนแล้วน๊าาาา


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account