อรุณสวัสดิ์หัวใจ # ชอนตะวัน (จบแล้ว)
ความรักก่อให้เกิดความทุกข์ และรักที่เป็นไม่ได้ทุกข์ยิ่งกว่า
ตากับยายหล่อหลอมให้หลานสาวมีวิธีคิดอย่างคนพอเพียง
แต่บุญก็พา วาสนาก็ส่ง ให้เธอเป็นไปเกินกว่าที่ใจปรารถนา..

ไกล สุดเอื้อมมือถึง ไกล อยู่ถึงฟ้ากั้น
ไกล ไปหลายคืนวัน ไย รักมิกรายจากใจ

รักคือการแบ่งปัน รักคือการห่วงใบ รักคือการเสียสละ และรักคือการช่วยเหลือ

"ฉันไม่ได้แย่งเธอมาจากใคร เพียงแต่ว่าฉันทำตามที่ใจฉันเรียกร้องเท่านั้น
ถึงฉันจะเหลวไหลไปตามประสา แต่วันหนึ่งฉันก็รู้ว่าฉันควรหยุดที่ใคร"..

ดุจบ่วง ร้อยรัด ดวงใจ
ยิ่งแก้ ยิ่งพันใจ ยุ่งเหยิง
ยิ่งหนี ยิ่งตามติด ยากหลบ
พบคน ที่หัวใจ วางไว้ ใช่เลย

"ฉันรักเธอตั้งแต่เห็นหน้า เมื่อได้อยู่ใกล้ ๆ ได้เห็นเนื้อแท้จากข้างใน ฉันก็รักเธอยิ่งขึ้น หัวใจของฉันเพรียกหาผู้หญิงดีพร้อมคนหนึ่ง แล้วฉันจะปล่อยเธอไปได้อย่างไร"
Tags: โรแมนติกดราม่า

ตอน: ตอน 2

2


“สำออยจริง ๆ มาอยู่ไม่ถึงวัน ออกฤทธิ์เสียแล้วหลานเธอ นี่ถ้าคุณชวนชมรู้ มีหวัง เธอจะพลอยโดนด่าไปด้วย” เป็นเสียงของป้าละเอียด แต่ยังดีที่น้าดาวเรืองยังช่วยเข้าข้าง

“ก็มันตัวร้อนขนาดนั้นจะใช้มันได้อย่างไร”

“เร็ว เร่งมือเถอะ เดี๋ยวไม่ทันได้ใส่บาตรพระ แล้วจะถูกเอ็ดเอาอีก”

สายบัวคว้านาฬิกาที่หัวเตียงมาดู ตีสี่ครึ่งเท่านั้น เธออยากจะร้องกรี๊ด นี่มันสมัยไหนกันแน่ เป็นทาสอย่างนั้นรึเธอต้องไปจากที่นี่ เธอจะไม่มีวันเป็นคนรับใช้ใครเด็ดขาด

สายบัวลุกขึ้นมาค้นหาเบอร์โทรของกาหลง แล้วเธอจะไปใช้โทรศัพท์ที่ไหน เธอจะออกจากบ้านหลังนี้ไปได้อย่างไร นี่กระมังที่เรียกว่า โรงงานนรก ไร้โอกาสเป็นตัวเอง

“อ้าวสายบัวตื่นแล้วก็รีบล้างหน้าแต่งตัว” สีหน้าของน้าดาวเรืองดูคล้ายกลัวว่าหลานสาวอย่างเธอจะโวยวาย

สายบัวอยากทำอย่างนั้น แต่เธอก็ไม่เคยตะบึงตะบอนกับใคร หลังจากล้างหน้าแปรงฟัน เธอก็เปลี่ยนชุดนอนเป็นชุดเสื้อคอปกสีเขียวกับกระโปรงทรงสอบคลุมครึ่งน่อง ชุดของแม่บ้านที่เธอรู้ว่ามันเป็นเปลือกที่ทำให้เธอดูต่ำลง

“แต่งตัวเสร็จแล้วก็มาช่วยขนของออกไปที่หน้าบ้าน พระจะบิณฑบาตประมาณ 6 โมงเช้า คุณผู้หญิงท่านจะต้องใส่บาตรทุกวัน”

ที่บ้านกว่าพระจะมาเกือบเจ็ดโมง ตื่นหกโมง มีเวลาถมเถ เรื่องมากจริง ๆ

เมื่อเปลี่ยนชุดแล้ว สายบัวมาชะเง้อมองเครื่องใส่บาตรที่วางอยู่บนโต๊ะ ข้าวสวยอยู่ในโถเคลือบลายดอกไม้สดสีแดงมีฝาปิดเป็นแก้วใส ในถาดทองเหลืองขัดเงามีอาหารคาวบรรจุอยู่ในถุงพลาสติก สำหรับผลไม้ก็มีการแกะสลักจัดเรียงกันในถาดโฟมซีลพลาสติกบางใสมิดชิดกันฝุ่น ขนมไทยจำพวก ทองหยิบ ทองหยอด ขนมชั้นซึ่งมีรูปลักษณ์สีสันน่ากินก็แพ็คอย่างดี น้ำดื่มก็เป็นน้ำแร่มียี่ห้อมีราคา ทุกอย่างประณีตเสียจนสายบัวขนลุกเกรียว

‘ผู้ให้ของเลิศ ย่อมได้ของเลิศ ผู้ให้ของประเสริฐ’ เสียงเทศน์ของหลวงพ่อในวัดแถวบ้านที่สายบัวได้ยินแต่ไม่ใคร่ใส่ใจ สายบัวมองกลับไปทั่วบ้านหลังงาม รู้สึกถึงความทะยานอยากและความหดหู่ใจในคราวเดียวกัน



เมื่อสายบัวกับกระแตถือถาดอาหารตามคุณชวนชมไปที่หน้าบ้าน พบว่ามีผู้หญิงวัยเดียวกับคุณชวนชมและวัยเดียวกับน้าดาวเรืองเฝ้าอีกโต๊ะที่ปูผ้าถักเป็นรูปลูกไม้ลายตา บนนั้นมีเครื่องใส่บาตรที่ประณีตกว่า

เมื่อคุณชวนชม นำสายบัวกับกระแตไปหยุดที่โต๊ะอีกตัวซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 20 เมตร สายบัวก็รู้สึกถึงความริษยากันระหว่างคนฝั่งนี้กับฝั่งนั้น ณ เวลานั้นเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ใครผิดใครถูก แต่เมื่อเธอยืนอยู่ฝั่งนี้แล้วแน่นอนว่าฝั่งนั้นต้องเป็นศัตรู

“เชิด เชิด” กระแตพูดเบา ๆ พร้อมกับกลั้นหัวเราะ

สายบัวมองหน้าแล้วก็ใช้หางตาเหลือบมองไปอีกโต๊ะก็พบว่าบริวารทางนั้นก็ ‘เชิด’ ใส่

“นั่นน่ะคุณนันทพร คุณแม่บ้านบ้านใหญ่” กระแตกระซิบกระซาบ แล้วสายตาของคุณชวนชมก็ตวัดเข้าใส่ เป็นเชิงให้รู้ว่าไม่พอใจ กระแตเม้มปากในทันที

พักเดียว ผู้หญิงที่ดูสง่ากว่าคุณจารุวรรณก็เดินออกมา เธออยู่ในชุดผ้านุ่งสำเร็จสีขาวยาวกรอมเท้าเสื้อผ้าฉลุ เกล้าผมเรียบร้อย พร้อมกับแต่งหน้าบาง ๆ คงเป็นคุณศิรินทิพย์ คุณนายบ้านใหญ่ที่น้าดาวเรืองเล่าให้ฟัง ยังไม่ทันที่สายบัวจะพินิจอะไรให้มากกว่าที่เห็น กลิ่นหอมจรุงใจโชยมาเตะจมูกจนแทบจามให้ได้อาย

ไม่มองเธอก็รู้ว่าเป็นใคร คุณจารุวรรณ มาในชุดแดงเพลิง ใส่เครื่องประดับแพรวพราว แต่งหน้าเข้มและเกล้าผมติดเครื่องประดับจนเลิศอลังการกว่า

เมื่อพระกำลังรับบาตรจากบ้านใหญ่ คนบ้านเล็กก็ยกของขึ้นอธิษฐาน

คงจะอยากเป็นดีกว่ากัน เป็นธรรมดา มาทีหลัง ก็ย่อมอยากได้ที่หนึ่ง

และแว้บนั้นเธอนึกถึงตากับยาย และกิจวัตรประจำวันของเธอเช่นกัน

ข้าวสวยร้อน ๆ ในขันลงหิน ซึ่งยายบอกว่า อยู่คู่บุญมากว่า 60 ปี ในถ้วยก็จะมีแกงหรือต้มหรือผัดแล้วแต่สะดวก กำลังมีควันฉุย บอกให้รู้ว่าใหม่จากเตา ถ้าเทียบกับที่นี่ ถึงตามมีตามเกิดแต่มันก็ดีที่สุดสำหรับที่นั่น และผลบุญนั้น คงส่งผลให้ ตากับยาย ซึ่งจากไปแล้ว คงอยู่ในวิมาน ณ สวรรค์ ชั้นใด ชั้นหนึ่งตามคำพระเทศน์ นึกถึงตรงนี้ สายบัวจำต้องก้มหน้าใช้ปลายนิ้วแตะหัวตา

ยืนอยู่ตรงนี้ รู้ว่าการอนุโมทนาบุญกับพวกท่าน ขวนขวายช่วยเหลือก็ได้บุญ ขออุทิศบุญนี้ให้ตากับยาย วันหน้าเธอจะหาอะไรที่เป็นน้ำพักน้ำแรงของเธอมาใส่บาตรอุทิศให้ ตา ยาย และพ่อแม่บ้าง

เมื่อพระภิกษุจากไปแล้ว คนสองคนแทบจะทำอากัปกิริยาเหมือน ๆ กัน คือ ‘เชิด’ แล้วเดินกลับเข้าบ้าน ไม่มีเสียงถามไถ่ สารทุกข์สุกดิบ ไม่บอกก็รู้ว่า ไม่ถูกกัน

“ไม่พูดน่ะดีแล้ว ถ้าพูดขึ้นมา ขี้ข้าสองบ้านจะยิ่งลำบากใจทั้งคู่ และถ้าเงียบอย่างนี้ แสดงว่า คุณผู้ชายไม่ได้อยู่ที่บ้านไหนทั้งนั้น” กระแตกระซิบบอก

ขณะเก็บถาดซ้อนกันสายบัวถอนหายใจออกมา เมียหลวงกับเมียน้อย เธอไม่ปรารถนาตำแหน่งไหนทั้งนั้น เมื่อสลัดความคิดเรื่องคนอื่นออก สายบัวก็กลับมากลุ้มเรื่องของตัวเอง หญิงสาวมองไปที่ตู้โทรศัพท์ซึ่งอยู่ห่างจากรั้วบ้านไปประมาณร้อยเมตร เป็นไปได้ไหมที่เธอจะกระบิดกระบวนจนได้โทรหากาหลง

“กระแต ฉันอยากโทรศัพท์”

คนบ้านใหญ่เก็บของเรียบร้อยก่อน

“ยกมือไหว้นะ ฉันจะแนะนำ”

“คุณนันทพรคะ นี่ สายบัว เพิ่งมาใหม่”

สายบัวยกมือไหว้ คุณนันทพร พยักหน้าแล้วก็พาเด็ก ๆ ของตนเข้าบ้านไป

“คุณศิรินทิพย์ เป็นลูกของหม่อมหลวงอะไรก็ไม่รู้ คุณนันทพร เขาก็ว่า ทางบ้านเขามีเชื้อมีสายมาจากในวัง ทำขนมนมเนยอาหารดี ๆ ได้สารพัด ก็ดูถูกดูแคลน ทางบ้านเล็ก โดยเฉพาะคุณชวนชม หาว่าไม่เอาไหนคุณชวนชมแกก็โกรธ พยายามที่จะฝึกทำนั่นทำนี่ แต่มันก็ดีเท่าที่เธอเห็น”

“ฉันอยากโทรศัพท์” สายบัวยังคงพูดเรื่องของตน

“กลับเข้าบ้านเถอะ” กระแตทำเหมือนไม่ได้ฟังที่สายบัวพูด

กระแตเดินนำหน้า สายบัวเดินพะวักพะวงพะวนอยู่ข้างหลัง ถ้าเอาของไปเก็บแล้วเธอจะต้องหาทางออกมาให้ได้ แต่เป็นว่า เมื่อไปถึง เธอได้รับคำสั่งจากน้าดาวเรืองถึงงานชิ้นที่หนึ่งของเธอในบ้านหลังนี้

“รีบขึ้นไปทำความสะอาดชั้นบนเลย เพราะคุณผู้หญิงออกไปแล้ว” สายบัวจำต้องทำตามคำสั่ง

สายบัวรู้สึกว่าบ้านหรูหราแห่งนี้ไม่มีขี้ฝุ่นจับตรงไหนเลย แล้วจะให้ทำอะไร

“ราวบันไดทำจากทองเหลือง เพราะฉะนั้นต้องขัดให้แวววาว” คุณชวนชมเน้นคำว่า “แวววาว”

สายบัวถอนหายใจออกมา

“ขัดทุกวันเลยหรือ” สายบัวกระซิบถามกระแต ซึ่งพยักหน้าตอบรับ

“โคมไฟระย้านั่นด้วยหรือเปล่า” น้ำเสียงนั้นประชด

“ถ้าเธอปีนขึ้นไปได้ก็คงได้ทำแหล่ะ”

“โง่ หรือบ้ากันแน่เนี่ย” สายบัวสบถเบา ๆ แต่คุณชวนชมดันได้ยิน

“เธอว่าอะไร”

สายบัวรู้ว่าตัวผิด จำต้องสงบปาก แต่คุณชวนชม ไม่สงบปากด้วย

“เธอต้องรู้ตัวเองว่ามาอยู่ที่นี่ในฐานะอะไร เรื่องสเป็คของเจ้านาย เธอไม่มีสิทธิ์มาวิพากษ์วิจารณ์อะไรทั้งนั้น จำเอาไว้ด้วย และบนนี้ ถ้าฉันไม่ได้เรียกให้ขึ้นมา อย่าได้ขึ้นมาเด็ดขาด”

“คุณคนเดียวหรือคะ” สายบัวสงสัยว่าถ้าเป็นคนอื่นเรียกจะทำอย่างไร แต่คุณชวนชมกลับคิดไปเสียอีกทาง

“แม่นี่กล้าต่อปากต่อคำ”

“บัว”

“ดิฉันเท่านั้น สำหรับที่นี่”

คุณชวนชมเดินจากไปแล้ว แต่สายบัวยังคงนั่งขัดราวทองเหลืองด้วยน้ำตาหลั่งริน



เป็นอันว่ามาอยู่ที่บ้านหลังใหญ่หลังโตท่ามกลางสวนดอกไม้นานาพรรณ ประหนึ่งพระราชวังเมื่อแรกเห็นไม่ได้สร้างความสุขให้กับสายบัวเลยสักนิด ที่ตั้งใจจะออกไปโทรศัพท์หากาหลงก็ทำไม่ได้

เพราะรู้สึกว่ามีเรื่องยุ่งยากใจให้ทำตลอด ต้องตื่นตั้งแต่ตีสี่เพื่อเตรียมอาหารใส่บาตร พอกลับมาจากหน้าบ้านก็ต้องรีบขึ้นไปทำความสะอาดข้างบน ห้องคุณจารุวรรณนั้นคุณชวนชมให้น้าดาวเรืองเข้านอกออกในได้คนเดียว ส่วนห้องของคุณลูกทั้งสองนั้นเมื่อไม่มีใครมาใช้ก็ให้ปิด แต่ก็ต้องเข้าไปทำวันเว้นสองวันโดยเป็นหน้าที่ของกระแตที่เธอจะต้องช่วยแบ่งเบาต่อไป

และในระหว่างวันสายบัวจะต้องขัดตรงโน้น เช็ดตรงนั้นทั้งที่มันไม่ได้เลอะอะไร สายบัวไม่เคยคิดว่าจะต้องเอาแรงงานมาแลกกับอะไรที่มันไร้สาระเช่นนี้ ทำให้มันดูดีขึ้นทั้งที่มันก็ดูดีอยู่แล้ว

บ้าบอคอแตก ไหนจะต้องมาคอยเชิดให้กับอีกบ้านในตอนเช้า และพยายามแข่งกันทำให้มันวุ่นวายในตอนกลางวัน

สายบัวรู้คร่าว ๆ ว่า คุณแม่บ้าน บ้านโน้นมาจากโรงเรียนการเรือนมีฝีมือการปรุงอาหารที่เป็นเลิศ แต่ทางนี้ก็แก้ลำที่ว่าเป็นคนมีระเบียบ สะอาดสุด เลิศหรูอลังการ แล้วงานหนักก็มาตกที่บรรดาคนรับใช้

ในตอนกลางวันคุณชวนชมจะเข้าห้องพัก กระแตจึงมีโอกาสกระซิบเบา ๆ ว่า

“คุณชวนชมเธอจะอาบน้ำแล้วพักผ่อน ดีอย่างที่ปล่อยให้พวกเราได้พักผ่อนเหมือนกัน แต่ตอนเย็นประมาณบ่ายสาม พวกบริวารในบ้านก็ต้องตื่น ถ้ามีเจ้านายสักคนอยู่ในบ้าน เธอก็วุ่นวายกับการประดิษฐ์ประดอยเตรียมอาหาร แต่ถ้าไม่มี ก็จะวุ่นวายสำหรับทำของใส่บาตรพระในตอนเช้า”

ดังนั้น บ่ายต้น ๆ สายบัวจึงมีโอกาสสำรวจพื้นที่โดยรอบของบ้าน ริมรั้วด้านในสุดมันมีที่ว่างที่เท่านี้ สายบัวนึกถึงตากับยาย ตาจะตัดไม้ไผ่มาจัก มาเหลาแล้วขัดเป็นตาแกรง เป็นรั้วป้องกันไก่เข้าไปจิกกิน ส่วนยายก็จะปลูกสารพัดเครื่องครัวลงไปมีตะไคร้ กระเพรา โหระพา แมงลัก ผักปัง สะระแหน่ ต้นหอม ผักชี ผักกาดขาว ผักกาดเขียว มะเขือ พริกแกว พริกหยวก เครื่องครัวครบครัน

จับจ่ายหาซื้อกับข้าว ก็เฉพาะเนื้อสัตว์เท่านั้น ถ้าเป็นจำพวกปลา ยายจะกำชับเป็นนักหนาว่า ต้องให้สิ้นลมรออยู่แล้วเท่านั้น ห้ามชี้สั่งให้ฆ่าโดยเด็ดขาด

ตากับยาย เหมือนคนขี้ตระหนี่ถี่เหนียว อย่างที่ใคร ๆ เขาว่า แต่เธออยู่ใกล้ เธอรู้ว่าไม่ใช่ สมัยที่ตากับยายยังมีแรงทำไร่ของตนบางส่วน ถั่วเขียว หรือเม็ดข้าวโพดที่ตกลานอยู่ในดิน ยายจะกวาดมากอง ติดเม็ดฝุ่นเม็ดดิน ยายจะใช้ตะแกรงร่อน แล้วก็เอากระด้งมาฝัดคัดกรวด ได้ไม่ถึงลิตรหรอก เป็นเงินก็ไม่เท่าไหร่ แต่ยายจะพูดว่า

‘สงสารมัน เดี๋ยวไม่ได้ไปเที่ยวในเมืองกับเขา’

หรือไม่ก็

‘คนสมัยนี้มือห่างตีนห่างกันนัก มันถึงได้ทำไม่เหลือกิน’

และเมื่อได้เงินจากการขายพืชไร่มาแล้ว ยายจะนับแล้วพับเป็นแหนบ แล้วก็เอาสมุดมาบันทึกทำบัญชี หลังจากนั้นก็จะมีส่วนหนึ่งที่ยายดึงออกมา ก่อนจะห่อหนังสือพิมพ์เก็บเข้าตู้ รอไปฝากธนาคาร หรือไม่ก็ทำบุญ

‘เก็บไว้กินภพหน้า’



สายบัวเดินวกกลับไปทางทิศตะวันตกของบ้าน ตลอดแนวรั้วสูงที่ติดกับบ้านหลังใหญ่เหมือนกันเป็นต้นลั่นทม มีดอกสีขาวร่วงหล่นสู่พื้น

‘ยาย ปลูกได้ เปลี่ยนชื่อแล้ว ลีลาวดี’

‘ซื้ออย่างอื่นไปปลูกดีกว่ามั้ง สวยแต่กินไม่ได้ เสียเวลา’

แล้วเธอก็รู้สึกว่า เป็นน้อยหน่า มะนาว มะกรูด ละมุด ทับทิม ฝรั่ง ส้มเช้ง มะม่วง มะกอก ก็ไม่ทำให้เธอต้องเสียเงินซื้อผลไม้

ยายกับตาไม่ใช่คนขี้ตระหนี่ แต่รู้จักหา รู้จักใช้

บ่าย ๆ อย่างนี้ ตาจะจักตอก เก็บไว้ ร้อยละไม่กี่บาท แต่มันก็ทำให้เวลาฟังข่าว ฟังลิเก หรือนิยายทางวิทยุ am ดูไม่เสียเปล่า

ตากับยายมีกิจกรรมทำตลอด จึงอายุยืน

ตากับยายอารมณ์ดี ไม่โกรธ ไม่เกลียด ไม่เก็บอารมณ์ขุ่นไว้ในใจ จึงไปอย่างสงบ

ตาจักตอก ยายสานตะแกรง กระด้ง บางทีก็เป็นพัดวีเตาอันเล็ก ๆ มีงานวัดในบ้าน ยายยังพาเธอ เก็บผักหญ้า ผลหมากรากไม้ ในบริเวณรั้วบ้านไปนั่งขาย

‘ยาย จะทำไปทำไมนักหนา ที่มีอยู่นี่ก็ไม่ใช่น้อย ๆ แล้ว’ คนแซวก็มี

แต่บางที คนที่อยู่ไกล ๆ ไม่รู้จักกันจริง ก็สงสาร ยายแก่ ๆ ใส่เสื้อผ้าเก่า ๆ กับหลานสาวหน้าตาซื่อ ๆ

‘เหมาเลยละกัน’

เมื่อของหมด ยายก็จะหัวเราะ

‘รู้จักไหมสายบัว ผ้าขี้ริ้วห่อทอง แต่ให้เป็นทองทั้งทรัพย์และก็หัวใจนะ อยู่ที่ไหนก็ไม่ลำบาก’

เธอเป็นหลานยายกับตา จะกลัวอะไรกับความลำบาก

เพียงแต่วันนี้ เธอกำลังเลือก ว่าจะลำบากอย่างไร เธอถึงมีเกียรติ์มีศักดิ์แห่งตนดังเดิม



เมื่อวันอาทิตย์มาถึง แม้รู้ว่าจะต้องเมารถและผจญกับควันฝุ่นในถนน แต่สายบัวจำต้องตามกระแตออกไปที่ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน น้าดาวเรืองรีบให้โอกาส หารู้ไม่ว่า สายบัวต้องการที่จะโทรศัพท์ไปปรึกษากับกาหลง

“แกจริง ๆ ด้วย ฉันรู้แล้วจากไอ้ดินว่าแกมาอยู่ในกรุงเทพกับน้าแก แต่ว่าไม่รู้จะหาได้ที่ไหน เออ ๆ เบื่อหรือ มาอยู่ด้วยกันได้ น้าไม่อนุญาต ไม่ใช่แม่ไม่ใช่รึ ก็ลองขอดูซิ ถ้าไม่ให้ค่อยว่ากัน คงไม่ได้ใช่ไหม จะให้เรียนหนังสือ แค่ ม. 3 โรงงานก็รับแล้ว เงินเดือนบวกโอที เป็นหมื่นนะแก อิสระด้วยนะไม่ต้องคุกเข่า พะเน้าพะนออย่างนั้นหรอก ขอคิดดูอีกทีรึ รีบตัดสินใจนะโว้ย ขอบอกว่าที่นี่ผู้ชายหล่อ ๆ ตรึม”

“ทำไมคุยนานจัง ไปเถอะ” กระแตเปิดประตูมาบ่น แถมทำสีหน้าว่าเร่งรีบ สายบัวจำต้องวางโทรศัพท์ อีกเป็นสัปดาห์กว่าจะโทรหากาหลงได้

ที่เรียนของกระแต อยู่ชั้นบนสุดของอาคารห้องสมุด ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับโรงพยาบาล ด้วยเบื่อที่จะนั่งรอ สายบัวจึงต้องขึ้นสะพานลอย ข้ามมาฝั่งโรงพยาบาล เมื่อก้าวเข้าประตูรั้ว สายตาของสายบัวก็กวาดไปทั่วบริเวณ เธอเดินไปหาห้องฉุกเฉิน ไปนั่งอยู่ที่เก้าอี้หน้าห้อง สายตาจับอยู่กับประตูห้องที่เปิดปิดอยู่เรื่อย ๆ แต่ใจนั้นล่องลอยไปอยู่ ณ อีกที่หนึ่ง

โหวงเหวงและหดหู่ ไกล เธอกับหมอโกมุทไกลกันขึ้นเรื่อย ๆ แล้วปัญญาที่มีอยู่มันก็สอนว่า เธออย่าโง่งมไปเลย ตัดใจเสีย ความทุกข์จะได้ไม่ก่อเกิด นึกถึงสมัยที่เธอไม่เคยเห็นหน้าเขาสิถึงจะอยู่บ้านนอกเธอก็มีเสียงหัวเราะมีความสุขกับหมูหมา กาไก่ ต้นไม้ใบหญ้าได้ทุกวี่วัน

เมื่อได้เวลาที่กระแตนัดไว้ สายบัวก็เดินกลับมาที่ศูนย์ กศน. ด้วยความรู้สึกห่อเหี่ยว พยายามสลัดใบหน้าหมอโกมุทออกไปแต่ก็ไม่สำเร็จ สายบัวพบกระแตกำลังนั่งหัวร่อต่อกระซิกกับผู้ชายหน้าตารูปร่างจัดว่าขี้เหร่ แต่ก็เหมาะสมกัน

กระแตแนะนำให้สายบัวรู้จัก

“นี่สมบัติเพื่อเรา”

สายบัวไม่ได้ยกมือไหว้ แค่ยิ้มให้เฉย ๆ

แยกจากหนุ่มคนนั้นแล้ว สายบัวรู้สึกว่า กระแตดูอารมณ์ดีกว่าวันไหน ๆ

“แฟนเธอซิ”

กระแตพยักหน้า

“สมกันนะ”

“เอ๊ะ ดูถูกกันนี่” กระแตดูมีอารมณ์ สายบัวหันกลับมาพบว่า กระแตหน้าบึ้ง

“ฉันจะคอยดูน้ำหน้าคนรักของเธอ จะดีกว่าฉันสักเท่าไหร่”

สายบัวถอนหายใจออกมาไม่มีอารมณ์ต่อปากต่อคำ มีคนรักอย่างกระแตก็ดีกว่ามีรักแต่ไร้คนรับ วันนี้เธอไม่อยากกลับบ้าน เบื่อทุกอย่างที่นั่น อะไร ๆ ต้องเป็นระเบียบเรียบร้อย งานไม่มี ก็จะทำให้มันมีให้ได้ ของที่เก็บอยู่ในตู้ดูดีอยู่แล้ว เป็นต้องเอามาเช็ดทำความสะอาด ห้องที่ไม่มีคนนอน ก็ยังต้องกวาดและถูให้สะอาดเอี่ยม

“เบื่อก็หาทางออกเอาเอง” กระแตว่าให้ขณะโหนรถเมล์กลับบ้านด้วยกัน


แม้รู้ว่า สิ่งละอันพันละน้อยที่คุณชวนชมกับป้าละเอียดพร่ำบอกถึงเรื่องอาหารหวานคาวการจัดแต่งจานผลไม้โต๊ะอาหารเป็นเรื่องดีมีประโยชน์ แต่สายบัวก็ยังรู้สึกว่า ที่นี่ ‘ไม่ใช่’ สำหรับตน เมื่อบอกความต้องการของตัวให้น้าดาวเรืองได้รับรู้แล้ว สายบัวก็ต้องผิดหวัง

“เธอนี่พูดไม่รู้เรื่องหรืออย่างไร น้าบอกให้เรียนให้จบ ม.6 ก่อน ค่อยไปอยู่ตรงนั้น ตอนนี้เธอยังเด็กนัก อาจจะถูกคนอื่นหลอกเอาได้ และอย่างอีกาหลง น้าก็ไม่ไว้ใจมันสักเท่าไหร่หรอก ป่านนี้มีผัวไปกี่สิบคนแล้ว”

“น้าก็พูดเกินไป” สายบัวดูมีอารมณ์ขึ้นมาเพราะน้านั้นก็ไม่มีเหตุผล

“ฉันพอรู้วิถีชีวิตของสาวโรงงานอยู่บ้างหรอกและคนอย่างนังกาหลงใช่ว่าจะดูยากนักหรอก”

“น้าคิดว่าที่นี่มันจะทำให้คนอย่างบัวรุ่งเรืองรึ งานคนใช้ เหมือนทาส บัวเรียนไม่เก่ง หัวบัวไม่ดี คงเรียนต่อไปไม่ไหว งานโรงงาน กาหลงมันว่าบางคนก็อยู่มาได้ 20 ปี อีกอย่าง ถ้าบัวมีเงินสักก้อน บัวอาจจะกลับไปอยู่ที่บ้าน กินดอกเบี้ยกับเก็บค่าเช่าที่ก็คงพอ”

“ชีวิตอีกยี่สิบปีสามสิบปีข้างหน้ามันไม่ได้ง่ายอย่างที่ใจเราปรารถนาหรอกสายบัว ฉันจะสี่สิบอยู่แล้ว ฉันยังพอใจที่จะนั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ที่นี่เลย”

“แล้วตอนที่น้าหกสิบเจ็ดสิบใกล้ตายน้าจะทำอย่างไร ลูกผัวก็ไม่มี คนบ้านนี้จะเลี้ยงน้าไว้อย่างนั้นรึ”

“น้าก็แค่ให้เธออดทนแค่สองปีสามปีเท่านั้น อยู่ไปก่อนเถอะ หาโอกาสดี ๆ ให้ได้ ค่อยว่ากัน”

‘โอกาสดี ๆ เชอะ!’ หนีเท่านั้นคือทางออก

เช้าวันถัดมาสายบัว วิ่งจากโต๊ะใส่บาตรไปที่ตู้โทรศัพท์ ปรากฏว่ากาหลงไม่มารับสาย จนกระทั่งวันอาทิตย์ถัดมา ซึ่งเป็นวันหยุดงานของคนงานทั้งสองบ้าน

“เขาไปไหนกันล่ะ”

สายบัวร้องถามกระแต เมื่อเห็นพวกคนใช้บ้านนั้น ใส่ชุดสีขาวปีนเข้าไปในรถตู้

“อ๋อ ไปวัดกัน ไปเกือบจะทุกอาทิตย์ ไปฝึกสมาธิอะไรก็ไม่รู้”

สีหน้าของกระแตไม่ได้สนใจจริง ๆ แต่สายบัวรู้สึกว่ายังค้างอยู่ในใจ

วันพระ เป็นอีกวันที่สายบัวรู้สึกอยากให้มันถึงไว ๆ ได้แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่สวยสุด ได้เห็นรอยยิ้มของคนในหมู่บ้าน ได้ถือปิ่นโตไปวัด ได้ฟังเทศน์ และได้อุทิศบุญให้พ่อกับแม่

หากแต่อยู่ที่นี่ผ่านไปสองวันพระ ไม่เห็นคนในบ้านนั้นพูดอะไรกัน เรื่องใส่บาตรถามน้าดาวเรือง

“อย่าไปวุ่นวายเลย เราไม่มีปัญญาหาของดี ๆ ไปทำกับเขาหรอก อีกอย่างพระท่านรับของเราไปจะฉันหรือเปล่าก็ไม่รู้ ของทั้งสองบ้านมีแต่เนื้อ นม ไข่ ปัจจัยพร้อม”

สายบัวนึกถึงน้ำพริกขี้กา ยอดแค ดอกแคต้ม ไข่ต้ม หรือไม่ก็น้ำพริกกะปิ ดอกโสนฉาบน้ำมัน และปลาทูทอด ปลาตะเพียนต้มเค็ม ปลาทูต้มส้ม หลวงพ่อที่วัดต้องสั่งให้เธอทำอย่างใดอย่างหนึ่งไปวางไว้ตรงหน้าทุกวันพระไป

‘มีแต่หมู แต่ไก่ เคี้ยวไม่ค่อยจะไหว’ หลวงพ่อบอกกับเธออย่างนั้น

ใยพระทางกรุงเทพจะไม่นึกอยากฉันอะไรที่มันบ้านนอก ๆ บ้าง

เรื่องเก่าในอดีตยากจะลืม แต่เรื่องในปัจจุบันก็ต้องเป็นไป วันถัดมาพอกาหลงรับสาย

“วันนี้ วันหยุด วันก่อน ๆ นั้นเข้ากะกลางคืน กลับมาก็สายแล้ว จะมาอยู่กับฉันรึ ให้ไปรับรึ บอกซอยมาสิ”

สายบัว หยิบกระดาษที่แอบจดที่อยู่ของบ้านจากซองจดหมายออกมา

“ไปถูก เอ็งรอหน้าปากซอยล่ะกัน อาทิตย์หน้านะโว้ย อาทิตย์นี้มีนัด”

กาหลงวางโทรศัพท์ไปแล้ว อีกแค่อาทิตย์เดียวเท่านั้น เธอจะได้ไปจากชีวิตนางทาสเสียที


ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิต เพราะเธอไม่เคยดื้อรั้นกับใคร แต่ถ้าไม่ทำอย่างนี้ เห็นจะได้เป็นนางทาสตลอดไป เมื่อคิดไม่ซื่อ พอได้คุยกับน้า น้ำคำจึงตะกุกตะกัก

สัปดาห์เดียวเท่านั้น สายบัวกัดฟันอดทนไม่เถียงและสร้างความขุ่นให้กับคุณชวนชมเช่นวันเก่า ๆ

“เป็นอะไรสงบปากสงบคำ” คุณชวนชมก็รู้ว่าวันนี้สายบัวแปลกไป

“เปล่า”

“เออ มาอยู่ได้ไม่กี่สัปดาห์ ใบหน้าเกลี้ยงเกลาขึ้น คงจะถูกกับน้ำประปา” คุณชวนชมละมือจากดอกไม้สดที่กำลังปักลงสู่ถาดสำหรับตั้งไว้ตามมุมห้อง

สายบัวลูบหน้าตัวเอง

“โตเต็มตัวอีกนิด แต่งสักหน่อย ไม่มีใครรู้หรอกว่าเธอมาจากบ้านนอก”

“คุณชวนชมไม่เบื่อบ้างหรือคะ วัน ๆ” วัน ๆ ทำแต่งานเดิม ๆ ซ้ำซากจำเจชีวิตเป็นวงกลม ตื่นมาดูแลเรื่องอาหารใส่บาตร ซึ่งงานบางอย่างป้าละเอียดก็ทำได้ดีจนไม่มีที่ต้องติ ส่วนงานเสื้อผ้า งานห้องนอน งานบ้านรึน้าดาวเรืองก็คล่องแคล่วจนน่าวางใจได้ ผิแต่ว่าคุณชวนชมเอง ชอบมองเห็นจุดเล็ก ๆ น้อยที่ไม่ควรจะเห็น ขืนพูดไปอย่างที่ใจคิดมีหวัง

คนต้องตอบ ใช้สายตาตำหนิ แต่คนถามหากลัวไม่

“คุณชวนชมไม่เคยมีแฟนหรือคะ”

“แม่นี่ ปากกล้านัก ใครเขาถามกัน เสียมารยาท”

แต่ เห็นว่าคนถามคงจะอยากรู้ จริง ๆ แล้วคุณชวนชมก็คงอยากจะเล่าสู่กันฟังบ้าง

“เคยมี แต่เขาไปแต่งงานกับคนที่ว่าคู่ควร ฉันก็เลยอกหัก แล้วก็ปิดประตูหัวใจตัวเอง ผ่านมา เรื่อย ๆ วัน เดือน ปี เดี๋ยวปี ๆ มันก็เป็นปกติ ชินเสียแล้ว”

ถ้างานเสร็จสมใจ เรียบร้อยอย่างที่หวัง เป็นอันว่า มีพิเศษให้เหมือนกัน

“เก็บไว้เรียนหนังสือ” แบงก์ร้อยทีเดียว

เมื่อกลับมาถึงห้อง สายบัวยืนหน้ากระจกเงา รู้สึกว่า หน้าตาผิวพรรณตัวเองเปลี่ยนไป เพราะน้ำประปาอย่างนั้นหรือ เพราะอากาศหรือว่าอาหาร ก่อนที่กาหลงจะเข้ากรุงเทพหน้าตาก็ดูไม่ได้ ผ่านไปไม่กี่เดือน มันดูดีกว่าที่เคยเห็น

ถ้าเธอกลับไปที่โรงพยาบาล ไม่แน่ คุณหมอ อาจจะ เธอจะเข้าไปอย่างไร ขอบคุณที่คุณหมอ ช่วยรักษาตา แต่มันก็เป็นหน้าที่ของหมอนี่






จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 เม.ย. 2554, 14:15:23 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 เม.ย. 2554, 14:15:23 น.

จำนวนการเข้าชม : 2340





<< ตอนที่ 1   ตอนที่ 3 >>
innam 4 เม.ย. 2554, 09:18:44 น.
ตามเป็นกำลังใจ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account