กฤตยามหาภูต โดย ตารกา (รอวางแผง)
"มหาสงครามแห่งเทพและอสูรกำลังจะอุบัติขึ้น ทางเดียวที่จะหยุดยั้งได้คือใช้ศิวะตรีศูล อาวุธเทพในตำนาน ผู้เดียวที่รู้ว่ามันอยู่ที่ใดคือเธอ เทวีแห่งสายฟ้าผู้ซึ่งกลับมาจุติใหม่โดยไร้ความทรงจำในอดีตชาติ"



เรื่องกฤตยามหาภูตเขียนจบมานานแล้วค่ะ

ตอนนี้ผ่านการพิจารณาจากสำนักพิมพ์ตะวันส่อง (ใช้นามปากกาตารกา)

แต่ว่าไม่วางแผงสักทีเพราะเหตุขัดห้อง (ปีกว่าได้แล้ว)

บกแจ้งมาว่าปกกับเนื้อในพิมพ์คนละไซค์ค่ะ กำลังพยายามแก้ไขอยู่

ระหว่างนั้นก็เกิดน้ำท่วม ก็เลยต้องรอกันต่อไป

หลายคนถามหาบอกว่าคิดถึง เลยเอามาลงให้อ่านฆ่าเวลาก่อนค่ะ ^O^

Tags: แฟนตาซี ผจญภัย เทพ เทวี ปีศาจ วรรณกรรมเยาวชน ความรัก ปริศนา อดีตชาติ

ตอน: ตอนที่ 2 การทักทายของวายุเทพ : บทที่ 6 เล่ห์วายุ

บทที่ 6 เล่ห์วายุ

บรรยากาศของห้องเรียนวันแรกดูแปลกตาสำหรับนิสิตใหม่อย่างวิชชุตาและนิศารัตน์ จากห้องเรียนที่เคยเป็นโต๊ะเก้าอี้ไม้มีคนนั่งเรียนไม่เกินห้าสิบคน กลับกลายเป็นต้องสโลปกว้างจุคนได้ไม่ต่ำกว่าห้าร้อย ส่วนคนที่นั่งเรียนด้วยก็มีหลากหลายคณะคละกันไป แยกแยะกันออกได้จากป้ายที่คล้องที่คออยู่

ป้ายสีฟ้ามีตราสัญลักษณ์เหมือนในเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ เป็นของคณะสหเวชศาสตร์ ป้ายสีแสดสะท้อนแสงบาดตาเป็นของคณะพยาบาลศาสตร์ ป้ายรูปตัวการ์ตูนเด็กฉีกยิ้มหวานเป็นป้ายของเภสัชศาสตร์ ถึงจะน่าอายไปบ้าง แต่มันก็สะดวกดีเวลาเรียกชื่อและความความรู้จักเพื่อนใหม่ พอเห็นคนคล้องป้ายคณะเดียวกันก็อดยิ้มทักทายกันไม่ได้ นานเข้าก็คุ้นหน้าและกลายเป็นเพื่อนกันไปเอง

วิชาแรกเป็นวิชาเคมีสองสาวเลือกนั่งในกลุ่มที่คล้องป้ายแบบเดียวกัน เสียงทักทายถามชื่อกันจึงดังระงมเหมือนนกกระจอกแตกรัง ทั้งอาจารย์ยังมาสายเกือบครึ่งชั่วโมง พวกนิสิตใหม่เลยได้โอกาสทำความรู้จักกันมากขึ้น

วันนี้ตามแผนการสอนแล้วมีแค่การชี้แจงจุดประสงค์รายวิชาเท่านั้น ชี้แจงเสร็จอาจารย์ก็ปล่อยให้ไปพักผ่อนตามอัธยาศัย

“ปล่อยเร็วอย่างนี้เราก็ว่างยาวเลยสิ กว่าจะเรียนอีกก็บ่ายสามแถมยังแค่คาบเดียวอีกต่างหาก” วิชชุตาเปรย

เรียนมหาวิทยาลัยก็สบายไปอีกแบบเหมือนกัน ไม่ต้องเรียนติดกันเป็นพรืดเหมือนสมัยมัธยม คาบว่างก็เยอะทั้งยังไม่มีการเช็กชื่อด้วย เพราะอย่างนี้เองพวกรุ่นพี่ถึงบอกว่าต้องรับผิดชอบตัวเอง

“ไหนๆ ก็ว่างยาวแล้ว เราไปแอบดูพี่หมอคนนั้นที่โรงพยาบาลดีกว่า” นิศารัตน์ชวน

เธอจำเป็นจะต้องพบเขาเพื่อตรวจสอบว่าสิ่งที่เธอสงสัยจะเป็นจริงหรือไม่

“ไปก็ไม่เจอหรอกนิ อาทิตย์นี้พี่เขาเข้าเวรวันอังคาร พุธแล้วก็เสาร์ ถ้าอยากเจอก็ต้องไปพรุ่งนี้”

วิชชุตารู้เพราะพัชราวดีเล่าให้ฟัง เมื่อคืนตอนดูดวงเจ้าหล่อนยังทำหน้าจ๋อยอยู่เลย พอตอนเช้าพี่เขาโทรมาอรุณสวัสดิ์หน่อยเดียว ก็กลับมาปลื้มต่อได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เมื่อเป้าหมายที่ต้องการพบไม่อยู่นิศารัตน์ก็เปลี่ยนไปหาอาหารเที่ยงรับประทานก่อนเวลา แล้วชวนวิชชุตาไปนั่งตากแอร์ที่หอสมุด

อาคารหอสมุดประจำมหาวิทยาลัยแห่งนี้เปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ทั้งยังมีห้องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ไว้ให้บริการนิสิตอีกด้วย วิชชุตาจึงไปนั่งเล่นคอมพิวเตอร์ในระหว่างที่เพื่อนไปหาหนังสืออ่านเล่น หญิงสาวตั้งใจว่าจะส่งอีเมลหาคนเช่าบ้านเสียหน่อย ไม่รู้ป่านนี้นายไตรจะเป็นอย่างไรบ้าง โทรไปก็ไม่ค่อยจะรับสาย ไม่มีเธอคอยเตือนให้กินข้าว ป่านนี้ผอมแห้งหัวโตไปแล้วกระมัง

หญิงสาวเขียนเล่าเรื่องประหลาดที่เกิดขึ้นให้ไตรภพฟังรวมถึงเรื่องวารัคคนีด้วย แต่แล้วก็ต้องลบมันทิ้งเปลี่ยนเป็นเขียนถามสารทุกข์สุขดิบแทน

สำหรับเธอแล้วเขาเหมือนพี่ชายที่สามารถบอกเล่าทุกอย่างให้ฟังได้ก็จริง ทว่าตั้งแต่เกิดเรื่องพลัดตกน้ำไปเมื่อคราวก่อน เขาก็เริ่มแสดงอาการเป็นห่วงเธอมากกว่าปกติ เวลาจะไปไหนก็มักจะไปด้วยเสมอ แล้วก็พร่ำเตือนเรื่องความปลอดภัยเสียจนเธอระอา ต้องอยู่ห่างกันแบบนี้ขืนเธอเล่าให้ฟังว่าออกไปเจอปีศาจสูบเลือดมาตอนกลางดึก มีหวังไตรภพได้บ่นเธอหูชาแน่ เพราะฉะนั้นปิดเงียบไว้จะดีกว่า

ถึงจะตัดเรื่องเหลือเชื่อที่ได้เจอมาออกไปแต่เธอก็ยังมีเรื่องมากมายเล่าให้เขาฟังอยู่ดี จดหมายของวิชชุตาเลยกินพื้นที่เกือบสามหน้ากระดาษ

ส่งอีเมลเสร็จหญิงสาวก็นั่งเล่นคอมพิวเตอร์ไปเรื่อยเปื่อยจนใกล้เวลาเข้าเรียนจึงลุกขึ้นสอดส่ายสายตามองหาเพื่อน

นิศารัตน์นั่งหลบมุมอยู่ทางปีกซ้ายของห้องสมุด กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือเล่มใหญ่ที่เขียนด้วยตัวหนังสือหงิกงอ มันไม่ใช่ภาษาไทยหรือภาษาชาติไหนๆ ที่เธอเคยเรียนรู้ พอลองสังเกตดูแล้วมันก็เหมือนกับตัวอักษรบนวารัคคนีไม่มีผิด

“เธออ่านออกเหรอยัยนิ” วิชชุตามองเพื่อนอ่านทึ่งจัด

“พอมั่วได้บ้าง พวกนี้เขาเรียกภาษาพันตา พันตาหมายถึงพระอินทร์ เป็นนัยว่าองค์อินทร์เป็นคนสอนให้ มันดัดแปลงมาจากภาษาธาตะของพวกชนเผ่ามหาภูตน่ะ แต่ถ้าเทียบกันแล้วภาษาพันตาอ่านง่ายกว่าธาตะนะ เพราะว่าธาตะมันมีทั้งภาษาจารึกแล้วก็ภาษามนตร์เลยซับซ้อนกว่ามาก”

วิชชุตาพยักหน้าทำความเข้าใจกับเลกเชอร์วิชาภาษาศาสตร์ยามบ่ายของเพื่อนสาว แล้วก็ฉุดแม่หนอนหนังสือออกจากห้องสมุดเสียก่อนที่จะสายในวิชาเลกเชอร์ของจริง

คนอย่างนิศารัตน์น่าจะไปเรียนภาษาศาสตร์ไม่ก็โบราณคดีให้รู้แล้วรู้รอด เธอล่ะแปลกใจที่เจ้าหล่อนหลงมาอยู่กายภาพบำบัดเสียได้

สองสาวเข้าห้องได้ทันเวลาก่อนอาจารย์เริ่มสอนเฉียดฉิว ภาษาอังกฤษคาบแรกเป็นการชี้แจงรายวิชาอีกเช่นเคย ชี้แจงเสร็จก็ปล่อยให้กลับบ้าน นิศารัตน์จึงมีโอกาสได้พูดกับเพื่อนเรื่องหนังสือเล่มนั้นต่อ

“เสียดายยังไม่ได้บัตรนิสิตเลยอดยืม ในนั้นมีเรื่องของเธอด้วยนะฟ้า”

“อย่าพูดอะไรเพี้ยนๆ น่ายัยนิ สภาพหนังสือมันเก่าจะตาย ท่าทางจะมากกว่าอายุแม่ฉันอีก” วิชชุตาแย้ง

“แกล้งมึนหรือเบลอจริงจ๊ะ ฉันหมายถึงเรื่องวิชชุตาเทวีต่างหาก เธอนี่ดังนะ ขนาดชนเผ่ามหาภูตล่มสลายไปแล้ว พวกชนเผ่าพันตายังนับถือเธอเป็นเทวีแห่งสงครามอยู่เลย แสดงว่าเธอต้องไปสร้างวีรกรรมอะไรโหดๆ โดนใจคนสมัยนั้นแน่เลย” นิศารัตน์แซว

หญิงสาวตีความเอาว่าพวกเทพเจ้าในสมัยก่อนก็คือคนธรรมดาที่มีพลังพิเศษ เพราะพลังนี้ก็เลยได้รับการยกย่องให้ได้รับตำแหน่งเทพเจ้า

“ไม่รู้สิ ฉันจำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง” วิชชุตาเอ่ยแล้วก็ถอนใจยาว

นิศารัตน์จึงตรงเข้าไปโอบไหล่เพื่อนแล้วปลอบว่า

“อย่าคิดมากเลยน่า ต่อให้จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไรหรอก ถ้าอยากรู้ฉันจะช่วยเธอหาข้อมูลอีกแรง เรื่องพวกนี้ฉันถนัดอยู่แล้วล่ะ”

ใจจริงวิชชุตาไม่ได้อยากรู้อะไรเกี่ยวกับอดีตชาติของตัวเองเท่าไรนัก แต่พอเห็นแววตาจริงจังของเพื่อนแล้วเธอก็ไม่กล้าปฏิเสธน้ำใจ ดูท่างานนี้เธอคงไม่ต้องเหนื่อยขุดคุ้ยเรื่องราวในอดีตของตัวเอง เพราะมีคนช่วยหาข้อมูลให้อย่างเต็มใจ แถมยังเป็นสาวนักค้นที่บ้าพลังเสียด้วยสิ


สองสัปดาห์สำหรับการเรียนในมหาวิทยาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทั้งเรื่องเรียนและเรื่องกิจกรรมที่ประดังเข้ามาทำให้วิชชุตาลืมเรื่องปีศาจและการกลับชาติไปเกือบหมด หญิงสาวถูกเลือกให้เป็นเชียร์ลีดเดอร์ของคณะ ทำให้ต้องอยู่ซ้อมดึกมากกว่าทุกคน

ส่วนนิศารัตน์นั้นนอกจากจะเข้าห้องเชียร์กับอาสาทำอุปกรณ์เชียร์แล้ว เธอยังทำหน้าที่เป็นเพื่อนที่ดีด้วยการคอยกลับพร้อมกับวิชชุตาเสมอ ไม่ว่าเพื่อนจะเลิกซ้อมดึกดื่นแค่ไหน มาคอยทีไรก็จะแบกหนังสือเล่มใหญ่ที่เป็นภาษาโบราณมาอ่านด้วย เนื่องจากยังไม่ละความสนใจไปจากประวัติศาสตร์เกี่ยวกับชนเผ่ามหาภูต

ความที่ทั้งสองทำตัวติดหนึบกันเป็นฝาแฝด ทั้งเพื่อนทั้งรุ่นพี่เลยพากันตั้งฉายาสุดเก๋ให้ด้วยว่า ‘แฝดนางฟ้าพญามาร’

วิชชุตาได้เป็นนางฟ้าเพราะว่าชื่อฟ้าแถมยังสวยพอตัว ส่วนนิศารัตน์ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่แต่เรื่องความสามารถให้การดูไพ่ของหล่อนเลื่องลือไปทั่ว โดยเฉพาะเรื่องร้ายๆ นั้นจะแม่นเป็นพิเศษ ทุกคนเลยเห็นเป็นแม่หมอมนตร์ดำและพร้อมใจยกฉายาพญามารให้

พอย่างเข้าสัปดาห์ที่สามกิจกรรมที่สองสาวต้องเข้าร่วมก็ยิ่งมากขึ้น ไม่เว้นแม้กระทั่งวันหยุดเสาร์อาทิตย์ก็ต้องออกจากที่พักมาทำกิจกรรม

ช่วงเช้าของวันเสาร์มีการซ้อมขึ้นเชียร์บนอัฒจันทร์ เนื่องจากทุกคนทำได้ดีตามที่ซ้อมไว้ พอเที่ยงวันจึงได้รับอนุญาตให้กลับไปพักผ่อนกันได้แล้วค่อยมาซ้อมกันใหม่ในวันรุ่งขึ้น พวกเชียร์ลีดเดอร์อย่างวิชชุตาจึงพลอยได้เลิกเร็วไปด้วยแต่ต้องกลับมาซ้อมอีกครั้งหลังหกโมงเย็น

นิศารัตน์จึงมาอยู่เป็นเพื่อนเพื่อนเหมือนทุกที ตารางซ้อมวันนี้เลิกตอนสี่ทุ่ม ซ้อมดึกแบบนี้พวกรุ่นพี่มักจะมีข้าวปลาอาหารขนมนมเนยมาเลี้ยงเสมอ หญิงสาวเลยได้อานิสงส์ไปด้วย

ในขณะที่กำลังนั่งเคี้ยวขนมกรุบกรอบควบคู่ไปกับการอ่านหนังสือ หญิงสาวก็สัมผัสได้ถึงคลื่นพลังรุนแรงจากทางด้านหลัง พอหันขวับไปมองก็เป็นชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งยืนอยู่ห่างไปราวสิบเมตร สายตาของเขาจับจ้องไปทางวิชชุตา พอเพื่อนเธอสบตาด้วยเขาก็ยิ้มให้แล้วเดินจากไป

ยังไม่ทันที่ร่างของชายหนุ่มจะลับไปจากสายตา ภาพของเขาในชุดแปลกตาก็แวบเข้ามาในสมองของนิศารัตน์ ชุดนี้เหมือนกับภาพเขียนที่เธอเคยดูผ่านตามาอย่างไม่มีผิดเพี้ยน

“วายุเทพ!” นิศารัตน์โพล่งออกมาเสียงดังพอๆ กับวารัคคนี แต่คนอื่นได้ยินแค่เสียงของเธอเท่านั้นก็เลยหยุดซ้อมแล้วหันมามองเธอเป็นตาเดียว

“เป็นอะไรไปคะน้องนิ ทำเอาตกใจหมดเลย” รุ่นพี่สุดสวยแสนใจดีหันมาถาม

“เปล่าค่ะ…พอดีเจอเรื่องที่หามานานเลยดีใจไปหน่อย ขอโทษนะคะซ้อมกันต่อเถอะค่ะ” นิศารัตน์พูดกลบเกลื่อนแล้วหันไปสบตาวิชชุตา

หญิงสาวเองก็รู้สึกได้เช่นกัน เธอหันมาขยับปากพูดกับเพื่อนแบบไม่มีเสียงว่า ‘พี่หมอเป็นเหมือนฉัน’ นิศารัตน์ก็เลยได้เข้าใจว่าความรู้สึกของเธอนั้นถูกต้อง ผู้ชายที่พัชราวดีแอบชอบอยู่เป็นเทพที่กลับมาจุติเหมือนกับวิชชุตา

การได้รู้ตัวตนที่แท้จริงของหมอมารุตทำให้วิชชุตาไม่มีสมาธิในการซ้อมจนโดนดุหลายครั้ง เช่นเดียวกับนิศารัตน์ที่เริ่มอ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง เธอรู้สึกสังหรณ์ใจว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น พอเพื่อนซ้อมเสร็จหญิงสาวจึงเร่งให้รีบกลับ

“รู้สึกเป็นห่วงเรยังไงก็ไม่รู้สิ” หญิงสาวว่าแล้วบิดเครื่องเร่งความเร็วรถโดยไม่สนใจว่าบนถนนจะมีลูกระนาดอยู่

ตัวของคนซ้อนอย่างวิชชุตาเลยกระดอนขึ้นจากเบาะรถตามแรงกระแทก ทำเอาต้องร้องวี้ดเสียงหลงแล้วเกาะเอวเพื่อนไว้แน่น

“ระวังหน่อยสินิ!”

“ขอโทษที ลืมเตือนไป เกาะแน่นๆ นะ”

แม้จะรู้ตัวว่าขับรถเร็วจนเข้าขั้นอันตรายแต่หญิงสาวก็ยังไม่ชะลอความเร็วลง วิชชุตาเลยต้องกระเด้งกระดอนไปตามจังหวะของลูกระนาดไปตลอดทางจนกลับมาถึงที่พัก

ในห้องมืดสนิทไม่มีไฟเปิดไว้เลยสักดวง ส่วนพัชราวดีที่บอกว่าจะกลับมาตั้งแต่เย็นก็ไม่รู้ว่าไปอยู่เสียที่ไหน

ห้านาทีต่อมาวิชชุตาก็สังเกตเห็นกระดาษโน้ตแผ่นหนึ่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง หญิงสาวจึงหยิบมันมาอ่านให้นิศารัตน์ฟัง

“เค้าไปนั่งรถเล่นกับพี่หมอนะ จะกลับมาไม่เกินสามทุ่ม”

“อะไรนะ!” นิศารัตน์ร้องลั่นราวกับได้ยินว่าเพื่อนสาวถูกลักพาตัว “ยัยเรบ้าไปกับเขาได้อย่างไร เตือนแล้วเตือนอีก ไม่รู้จักฟังกันเลย”

“ใจเย็นน่านิ พี่เขาคงไม่อันตรายขนาดจะฆ่าจะแกงเรหรอก บางทีเขาอาจจะเหมือนฉันก็ได้ จำอะไรไม่ได้เหมือนกัน รู้แค่ว่าตัวเองมีพลังนิดหน่อย” วิชชุตาพูดปลอบใจเพื่อน

“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็คงดีน่ะสิ แต่ฉันว่าไม่ใช่ ก่อนหน้านี้ที่เจอกันเธอกับวารัคคนีไม่รู้ว่าเขาเป็นวายุเทพเพราะเขาปกปิดตัวเองเอาไว้ใช่ไหมล่ะ แล้วทำไมอยู่ๆ ถึงได้มาเปิดเผยตัวต่อหน้าพวกเราล่ะ ฉันว่ามันต้องมีอะไรแน่”

คำพูดของเพื่อนทำให้วิชชุตาเริ่มเป็นห่วงพัชราวดีขึ้นมา ตอนนี้สี่ทุ่มกว่าแล้วแต่หญิงสาวก็ยังไม่กลับมาเลย เธอจึงลองติดต่อเพื่อนดู ปรากฏว่าติดต่อไม่ได้ ลักษณะเหมือนกับว่าปิดมือถือเอาไว้

“ข้าเห็นด้วยเรื่องต้องระวังวายุเทพไว้นะขอรับ แม้กาลก่อนนายหญิงกับวายุเทพจะมิมีเรื่องบาดหมางแต่วายุเทพนั้นก็ค่อนข้างแปลกแยก ท่านชอบทำตามใจตน ไม่นำพาต่อกฎเกณฑ์ของเหล่าเทพ เรียกว่าพวกเทพนอก…”

วารัคคนีเตือนยังไม่ทันจบร่างโปร่งแสงของวายุเทพก็มาปรากฏอยู่กลางห้อง

“เรอยู่ไหน บอกมาเดี๋ยวนี้” นิศารัตน์ร้องถามแต่อีกฝ่ายไม่ยอมตอบคำถาม

วายุเทพมองผ่านนิศารัตน์ไปแล้วหันมาคุยกับวิชชุตาแทน

“ไม่ได้เจอกันนานทีเดียวนะวิชชุตาเทวี เพื่อนเก่ากลับมาเจอกันทั้งทีลองปะมือสู้กับข้าหน่อยเป็นไร ของเดิมพันแด่ผู้ชนะเอาเป็นสหายมนุษย์ของท่านเป็นอย่างไร ข้าจะรอท่านจนถึงเที่ยงคืน ช้ากว่านั้นข้าไม่รับประกันหรอกนะว่าจะเล่นสนุกกับนางแบบไหน”

ขาดคำร่างของวายุเทพก็หายไปกลายเป็นภาพของพัชราวดีถูกตรึงแขนขาไว้บนเสารูปกางเขนแทน ไม่กี่วินาทีที่ร่างโปรงแสงนั้นก็สลายกลายเป็นพายุขนาดย่อมพัดข้าวของในห้องกระจัดกระจาย

วิชชุตาได้แต่ยืนตาค้างอย่างไม่เชื่อสายตา ในขณะที่นิศารัตน์ตรงไปคว้ากุญแจรถแล้วดึงแขนวิชชุตาออกไปจากห้อง

“ฟ้าไปกัน...ไปช่วยเร”

“เดี๋ยวๆ เธอจะไปไหนนิ เรายังไม่รู้เลยว่าเรอยู่ไหน” วิชชุตารั้งตัวไว้

“ถามวารัคคนีสิฟ้า มันต้องรู้อยู่แล้วว่าเรอยู่ไหน”

“ข้าไม่รู้ ถึงรู้ก็ต้องขออภัยที่ไม่สามารถบอกได้ขอรับ นายหญิงตอนนี้ยังไม่แข็งแกร่งพอ ถ้าไปต่อสู้ตอนนี้อาจได้รับอันตรายได้ ทางที่ดีอย่าเสี่ยงดีกว่าขอรับ มนุษย์ไร้ค่าคนเดียว วายุเทพจะเอาไปทำอะไรก็ปล่อยท่านเทพไปเถิด“ วารัคคนีชิงตัดบทก่อนที่วิชชุตาจะทันได้ขอร้อง

คำตอบที่ได้ทำให้นิศารัตน์โกรธจนหน้าแดงก่ำ

“ไอ้กำไลงี่เง่าไร้น้ำใจ! ไม่ง้อก็ได้”

หญิงสาวสะบัดหน้าหนีแล้วกระโดดขึ้นโซฟานั่งทำสมาธิ เธอจะต้องเห็นให้ได้ว่าเพื่อนถูกจับตัวไปไว้ที่ไหน

ในวินาทีที่นิศารัตน์หลับตาลง ภูตพยากรณ์ประจำตัวของเธอก็ปรากฏกายขึ้นตรงหน้า สมใจวารัคคนีที่วางแผนแกล้งยั่วโมโห เพื่อให้นิมิตราของหญิงสาวปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง ทว่านิมิตรากลับใช้เวทปิดบังใบหน้า

เอาไว้มากกว่าเดิมราวกับจะรับรู้ว่ามีคนจ้องค้นหาตัวตนของผู้เป็นนาย ปริศนาว่ามนุษย์น้อยนางนี้เป็นใครจึงยังเป็นปริศนาต่อไป

วารัคคนีออกจะผิดหวังอยู่มากแต่ก็ไม่ได้แสดงออกมา มันหันไปเฝ้ามองว่ามนุษย์น้อยนางนี้จะมีความสามารถเพียงไหน

นิศารัตน์นั่งเงียบไปอึดใจใหญ่ก่อนจะลืมตาขึ้นมาพร้อมรอยยิ้ม

“เจอแล้ว หาเรเจอแล้ว อยู่ในโกดังร้างแถวบางระกำ”

สองสาวจึงผุดลุกไปที่ประตูเพื่อช่วยเพื่อน แต่ประตูกลับเปิดไม่ออกเพราะอำนาจของวารัคคนี

“ไปตอนนี้ก็เสียเวลาเปล่าขอรับนายหญิง กว่าท่านจะไปถึงก็คงไม่ทันเวลาแล้ว”

จริงอย่างที่วารัคคนีว่าตอนนี้เหลือเวลาอีกไม่มาก ต่อให้รีบแค่ไหนก็คงไปถึงหลังเที่ยงคืนอยู่ดี

“เรเป็นเพื่อนของฉันยังไงฉันก็ต้องไป คุณเปิดประตูเถอะค่ะ” วิชชุตาพูดกับวารัคคนีเสียงมุ่งมั่น

ประโยคนี้สร้างความพึงพอใจและความหนักใจให้วารัคคนีพร้อมๆ กัน มันพอใจที่นายหญิงคิดจะสู้เพื่อปกป้องผู้คนดังเช่นที่เคยทำในอดีต แต่ในทางกลับกัน ความสามารถของนายหญิงตอนนี้ไม่มีทางจะต่อการกับผู้ที่ควบคุมพลังได้อย่างเชี่ยวชาญอย่างวายุเทพ

วารัคคนีนิ่งงันไปอึดใจเพื่อตรองดูข้อดีและข้อเสีย สุดท้ายมันก็ตัดสินใจให้ความช่วยเหลือ

“เมื่อนายหญิงต้องการเช่นนั้นข้าก็จะขออยู่เคียงข้างท่าน ข้าจะบอกวิธีไปที่เร็วที่สุดให้ขอรับ ลองเรียกสายฟ้าแล้วให้มันพาท่านไปยังสถานที่ที่ต้องการสิขอรับ”

เนื่องจากคนที่รู้ที่อยู่ของพัชราวดีคือนิศารัตน์ส่วนคนที่เรียกสายฟ้าได้คือวิชชุตา วารัคคนีจึงให้ทั้งคู่จับมือกันไว้ แล้วให้นิศารัตน์ทำสมาธินึกถึงสถานที่ที่จะไปไว้ให้ดี ส่วนวิชชุตาก็ท่องคาถาตามที่มันบอกเพื่อเรียกสายฟ้า

“สายฟ้าเอ่ยจงฟังคำแห่งข้าผู้เป็นนายเจ้า จงฟาดผ่าลงมาแล้วนำข้าไปยังที่หมาย”

ขาดคำเสียงฟ้าร้องคำรามก็ดังก้อง

“เปรี้ยง!” สายฟ้าสีน้ำเงินเส้นใหญ่ผ่าลงตรงกลางระหว่างสองสาวพอดิบพอดี

ความรู้สึกเหมือนเป็นเหน็บชาแล่นไปทั่วทั้งตัวของวิชชุตาทำเอาเนื้อตัวหนักอึ้ง แล้วรอบตัวมีแต่แสงสีฟ้าเปล่งรัศมีจ้าจนตาพร่าไปหมด พอแสงจ้านั้นจางลงหญิงสาวก็ได้พบว่าตัวเองกับเพื่อนกำลังยืนอยู่กลางโกดังร้างได้อย่างน่าอัศจรรย์





นิชาภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ก.พ. 2555, 00:06:37 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ก.พ. 2555, 00:06:37 น.

จำนวนการเข้าชม : 1689





<< ตอนที่ 2 การทักทายของวายุเทพ : บทที่ 5 นิมิตรา   ตอนที่ 2 การทักทายของวายุเทพ : บทที่ 7 การทักทายของวายุเทพ >>
Zephyr 21 ก.พ. 2555, 00:22:19 น.
แหม ไปโดยใช้สายฟ้า เท่จริงๆเลย
อ่านย่อหน้าแรกแล้ว คิดถึงวันที่ตัวเองเป็นเฟรชชี่ ฮ่าๆๆๆ (บ่งบอกอายุเชียว หึหึ) มหาลัยเราแยกกันที่สีเนคไทอ่ะ สวยมากเลย เขียว ส้ม ม่วง ชมพู ละลานตา ใส่ตั้งเทอมนึงแน่ะ พอเทอมสองมาก หายเกลี้ยง เออ ว่าแล้วตอนนี้เนกไทคณะชั้นเอาไปเก็บไหนแล้วหว่า


Auuuu 21 ก.พ. 2555, 00:29:54 น.
สนุก ^^ อ่านหลายๆรอบก็ยังสนุกอยู่ จินตนาการรรรรรรร


นิชาภา 21 ก.พ. 2555, 00:34:20 น.
คุณ Auuuu มหาลัยเราเป็นป้ายอย่างในเรื่องค่ะ แลดูเด็กน้อย 555 แต่ก็น่ารักดี เหมือนจะเก็บบ้านเอาไว้อยู่เลย อยู่ที่ไหนสักที่ในห้องเก็บของนี่แหละ เอิ๊กๆ

คุณ Auuuu ว่าจะถามอยู่อ่ะค่ะว่าอ่านหลายรอบไม่เหลือเหรอ ขยันอ่านจัง 5555


Zephyr 21 ก.พ. 2555, 00:37:14 น.
จริงด้วยนะคะ น่ารักดีอ่ะ แรกๆไม่รู้จักใครก็ดูสีเนกไทนี่แหละค่ะ สีเดียวกะเราคณะเดียวกันชัวร์ เวลาหาห้องเรียนไม่เจอนะ ก็ตามๆเค้าไป ฮ่าๆๆๆ แต่เวลาโดนว้ากนี่สิ แบบ ไม่อยากจะบรรยาย แต่ว่าพอเป็นพี่ว้ากเอง ถึงรู้ว่ามันขำๆอ่ะ เก๊กหน้ากันสุดฤทธิ์


Auuuu 21 ก.พ. 2555, 00:46:39 น.
คุณ Neferretti ได้เป็นพี่ว้ากด้วยหรอคะ ว้าววว เท่ห์มั่กมากก ^^b


อสิตา 21 ก.พ. 2555, 01:11:52 น.
หุหุ พอรู้ว่ามารุตนิสัยไม่ค่อยจะดียิ่งชอบมากขึ้นไปอีก จริงๆปิ๊งพี่แกตั้งแต่ฉากที่อยู่ในห้องผ่าศพแล้วละค่ะ :D


Zephyr 21 ก.พ. 2555, 01:54:32 น.
คุณ Auuuu (ต้องนับเลยนะเนี่ยว่ามี u กี่ตัว ^^)
อิอิ เป็น ได้สองวันเลิกค่ะ แหกปากมากไปแล้วกล่องเสียงอักเสบ ฮ่าๆๆๆ เลยได้ไปเป็นฝ่ายพยาบาลแทน เหอๆๆๆ แล้วเราเส้นตื้น บ้าจี้อ่ะ หลังๆมันจะขำตลอดเลยไม่เอาแระ เดี๋ยวงานเสีย ^^
คุณอสิตามาปิ๊งตามารุตแล้ว อัคนิล่ะเจ้าคะ ^^จริงๆตอนแรกก็แอบนิดนึงเหมือนกันนะ แต่แบบ มันต้องมีไรแน่กะตาคนนี้
คุณนิชาภาคะ จะเฉลยว่านิเป็นใครเมื่อไรนี่ เราอยากรู้จะแย่แล้ว วันๆไปจิ้มเวบนู้นตลอดๆๆ ทั้งๆที่ก็รู้อ่ะนะว่าลงวันละตอน ฮ่าๆๆๆ ตอนนี้เหมือนฟ้าจะกลายเป็นตัวประกอบไปเลย ได้ข่าวว่าเธอเป็นนางเอก(ที่บทมีน้อยเหลือเกิน ถ้าเทียบกะนิ ^^)นี่นา


Auuuu 21 ก.พ. 2555, 01:58:57 น.
คิดถึงอัคนิเหมือนกันค่าๆๆๆ ^^ จริงๆก็ไปจิ้มเว็บนู้นบ่อยเหมือนกันค่า ;D
สงสัยทั้งน ทั้งไตรภพเลยว่าเป็นใครกันว้าาา


เพลา 21 ก.พ. 2555, 09:31:41 น.
ว้าว ฟ้าเริ่มใช้พลังจากวารัคคนีแล้ว เท่จังเลย วิชชุตาเทวี เทพแห่งสายฟ้า โดยส่วยตัวแล้วกลัวสายฟ้า กลัวฟ้าร้องมากๆ แปลกดีที่ให้ผู้หญิงเป็นเทพแห่งสายฟ้า เพราะผู้หญิงส่วนใหญ่น่าจะกลัวฟ้าร้อง อิอิ


นิชาภา 21 ก.พ. 2555, 13:28:07 น.
คุณ อสิตา อ่าชอบมารุตเหรอคะ ท่านชอบของแปลกนะนี่ 5555 ไมใช่ล่ะ มีคนกรี๊ดตัวละครตัวนี้หลายคนอยู่ค่ะ ก็นะ ผู้ชายเรื่องนี้คือแรร์ไอเทม บทน้อยเหลือเกิน โผล่มาแวบๆ ก็ชื่นใจแลื้ว หุๆๆ

คุณ Auuuu ขอถามหน่อยได้ไหมคะ Auuuu อ่านว่าอะไรอ่ะคะ เอ-อู้ หรือ อู๋ (ลากเสียงยาว)หรือ เอ-ยู-ยู-ยู-ยู พยายามสะกดแต่เดาไม่ถูกจริงๆ ค่ะ

คุณ Neferretti ฮา เราก็นับเหมือนกันค่ะ ตัวยูสี่ตัวไม่ขาดไม่เกินเอิ๊ก คณะเราไม่ให้มีพี่ว้ากเป็นผู้หญิงค่ะ รุ่นเรานะ แต่รุ่นหลังๆ มาเหมือนอนุโลม แต่ส่วนใหญ่น้องจะรำคาญพี่ว้ากผู้หญิงมากกว่าจะกลัว ก็เลยไม่ค่อยมีอ่ะค่ะ ส่วนเราเรื่อยๆ ชิวๆ ให้ช่วยงานอะไรก็ทำ เอิ๊กๆ แต่ส่วนใหญ่เหมาะเป็นพิธีกรทุกเทศกาล ไม่เคยเกี่ยงงาน ขอแค่พิธีกรคู่ต้องหล่อๆ กร๊ากกกกก เป็นเงื่อนไขแบบตายตัวมาก 5555


นิชาภา 21 ก.พ. 2555, 13:29:28 น.
คุณเพลา อิๆ สงสัยเราจะเป็นผู้หญิงส่วนน้อยอ่ะค่ะ เราไม่กลัวฟ้าร้องฟ้าผ่านะคะ แค่ตกใจนิดหน่อย พอชินก็จะเฉยๆ เมื่อก่อนจะชิวกับอะไรแบบนี้มาก แต่ตอนหลังมารยาหญิงเข้าสิง ถ้าอยู่คนเดียวก็เฉยไป ถ้าอยู่กับหนุ่มก็แอ็กติ้งหวาดกลัวไปพอประมาณ เพิ่มความน่ารักให้ตัวเอง กร๊ากกกกก


หนอนฮับ 21 ก.พ. 2555, 20:30:14 น.
ความสามารถกลับกำลังกลับมาแระ..ต่อให้ปีศาจหน้าไหนๆ ก็ต้องจอดละงานนี้ อิอิ


นิชาภา 21 ก.พ. 2555, 21:02:22 น.
คุณหนอนฮับ อิๆ อยากจะบอกว่าใช่ค่ะ ความสามารถกลับมาแล้ว แต่...หุๆๆ ไม่สปอย แต่บอกว่าชีิวิตมันไม่ง่ายค่ะ ^_^


Auuuu 21 ก.พ. 2555, 23:33:07 น.
Auuuu อ่านว่า "อุ๊" ค่ะ
คือจริงชื่อเขียนสั้นๆว่า Au แต่รู้สึกมันสั้นมากๆๆๆๆ ก็เลยเพิ่มตัวอักษรให้ยาวๆ ตัว A กับตัว u จะได้ไม่เหงา :"D


Zephyr 22 ก.พ. 2555, 11:59:44 น.
^
^
อืม คุณอุ๊คะ ชื่อล็อกเราก็มีคนบ่นว่าอ่านยาก เขียนยาก นะ ฮ่าๆๆ แต่อาจเป็นเพราะชื่อจริงชื่อเล่นเรามันสั้น เลยเก็บกด อยากได้อะไรยาวๆ เลยจัดการซะ ฮ่าๆๆๆ จิตอ่ะ :p


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account