อรุณสวัสดิ์หัวใจ # ชอนตะวัน (จบแล้ว)
ความรักก่อให้เกิดความทุกข์ และรักที่เป็นไม่ได้ทุกข์ยิ่งกว่า
ตากับยายหล่อหลอมให้หลานสาวมีวิธีคิดอย่างคนพอเพียง
แต่บุญก็พา วาสนาก็ส่ง ให้เธอเป็นไปเกินกว่าที่ใจปรารถนา..

ไกล สุดเอื้อมมือถึง ไกล อยู่ถึงฟ้ากั้น
ไกล ไปหลายคืนวัน ไย รักมิกรายจากใจ

รักคือการแบ่งปัน รักคือการห่วงใบ รักคือการเสียสละ และรักคือการช่วยเหลือ

"ฉันไม่ได้แย่งเธอมาจากใคร เพียงแต่ว่าฉันทำตามที่ใจฉันเรียกร้องเท่านั้น
ถึงฉันจะเหลวไหลไปตามประสา แต่วันหนึ่งฉันก็รู้ว่าฉันควรหยุดที่ใคร"..

ดุจบ่วง ร้อยรัด ดวงใจ
ยิ่งแก้ ยิ่งพันใจ ยุ่งเหยิง
ยิ่งหนี ยิ่งตามติด ยากหลบ
พบคน ที่หัวใจ วางไว้ ใช่เลย

"ฉันรักเธอตั้งแต่เห็นหน้า เมื่อได้อยู่ใกล้ ๆ ได้เห็นเนื้อแท้จากข้างใน ฉันก็รักเธอยิ่งขึ้น หัวใจของฉันเพรียกหาผู้หญิงดีพร้อมคนหนึ่ง แล้วฉันจะปล่อยเธอไปได้อย่างไร"
Tags: โรแมนติกดราม่า

ตอน: ตอนที่ 3

3

“เรียบร้อยแล้วก็ออกไปได้แล้ว” คำพูดนุ่ม ๆ แต่ทรงอำนาจของผู้เป็นเจ้าของบ้าน สายบัวจำต้องถอยออกมา หากแต่ยังไม่ทันจะพ้นประตู

“เด็กใหม่หรือคะคุณแม่” คุณอาภัสวรรณ ลูกสาวคนเล็ก สวย เฉี่ยว อย่างกับเดินออกมาจากโทรทัศน์หรือไม่ก็นิตยสารราคาแพง

ส่วนอีกคนที่นั่งไขว่ห้างแต่งตัวเซอร์ ๆ แต่ดูสะอาดและมีราคานั้นก็คือคุณอารักษ์ผู้ ‘หล่อลากไส้’ ในความรู้สึกของสายบัว
พวกนี้บุญเยอะจริง โก้หรูดูดี แต่กระแตมันก็แง้ม ๆ มาว่า

“ไม่ได้เรื่องได้ความอะไรหรอก ดีแต่แต่งตัวโก้เก๋ไปวัน ๆ เรียนก็ไม่เรียน ดีแต่ใช้เงิน”

ศรัทธาจึงตก

สู้หมอโกมุทก็ไม่ได้ ด้วยหน้าตาผิวพรรณคงมีชาติตระกูลเหมือนกัน แต่งานที่ทำนั้น สายบัวนึกถึงตอนที่หมอนั่งคุกเข่ากับพื้นเพื่อความถนัด แล้วใช้อะไรสักอย่างยัดลงในคอคนไข้ ดูใจเย็นจริงใจต่อหน้าที่อันยิ่งใหญ่ ไม่เสียใจหรอก ที่จะคิดถึงเขา อย่างน้อย มันก็ทำให้เธอมีความสุข

ลับตาแล้ว ใช่ว่าหูจะไม่เงี่ยฟัง อยากรู้เหมือนกันว่า คนรวย ๆ เขาคุยกันอย่างไร

“เพลาเที่ยวหน่อยนะพวกเรา หยิบจับอะไรให้มันเป็นเรื่องเป็นราวบ้าง ช่วยรักษาหน้าแม่บ้าง” น้ำเสียงคนเป็นแม่ไม่แจ่มใสนัก

“ผมว่าผมทำดีที่สุดแล้วนะครับคุณแม่”

“ดี แต่มันก็ยังไม่เท่า”

“อย่าเอาผมไปเปรียบกับเขาสิครับ”

“ทำไมจะเปรียบไม่ได้ เธอก็ลูกคุณพ่อเหมือนกัน กิจการของคุณพ่อ พวกเธอก็ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องเหมือนกัน เงินทั้งนั้น จะรอแค่เงินปันผลอย่างเดียวไม่ได้”

“ผมไม่ชอบกลิ่นโรงพยาบาล คุณแม่ก็รู้”

“หนูจะเรียนต่อด้านประชาสัมพันธ์”

“วรรณจบหกแล้วก็กลับมาอยู่บ้าน อยู่เป็นเพื่อนแม่บ้าง แม่เหงา”

“เหงาอะไรครับ ผมได้ข่าวคุณแม่ออกงานสังคมแทบทุกคืน ออกไปข้างนอกแทบทุกวัน”

“ก็เพราะแม่เหงานะซิ”

คนรวยมีเงินล้นฟ้า เบื่อและเหงาเป็นเหมือนกันรึ สายบัวถอนหายใจออกมาฟังเรื่องที่เขาทุ่มเถียงกันแล้วนึกอยากจะหัวเราะให้ฟันหัก ลูกพูดอย่าง แม่พูดอย่าง แต่พูดเรื่องเดียวกันได้ เธอเคยได้ยินว่าคนมีเงินต้องการความรัก แล้วความรักแบบไหนกันนะที่คุณลูกทั้งสองคนของคุณแม่ต้อง
การ

“นั่งฟังอะไรตรงนี้” คุณชวนชมก้มหน้ากระซิบเพราะกลัวคนข้างในห้องโถงจะรู้ พูดไม่พูดเปล่า แถมหยิกหมับให้ที่ต้นแขน

“ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าเจ๋อ”

ถูกหยิกมั้บเข้าให้ ข้างในมันบอกว่า พอกันทีสำหรับที่นี่



กลับมาในห้องพบว่าน้าสาวกำลังรีดผ้าเหมือนที่เคยทำทุก ๆ วัน

“บัวจะไปอยู่ที่อื่นนะน้า” ดวงตาของสายบัวแดงช้ำ เพราะแอบร้องไห้ที่ข้างหลังบ้านพร้อมกับเตะต้นไม้ใบหญ้ามาแล้ว

คนเป็นน้าถอนหายใจออกมา

“ตามใจเธอแล้วกัน คิดว่าปีกกล้าขาแข็ง ไร้ญาติขาดมิตรที่จะเกรงใจกันแล้วก็ตามสบาย”

รู้ว่าเขาว่าแดกดันให้ แต่หาใส่ใจคิด

“บัวจะไปอยู่กับกาหลงนะน้า ไม่ต้องห่วง” รู้ว่าไปได้ แต่ก็อดจะทำตามมารยาทอันดีงามไม่ได้ ง้อสักหน่อย อย่างน้อย น้าก็แสดงความรักความห่วงใยออกมา

“น้าไม่ต้องห่วงบัวหรอก บัวเอาตัวรอดได้ และถ้าวันหนึ่งน้าแก่ไม่มีใคร บัวจะเลี้ยงน้าเอง”

คนเป็นน้านั่งเช็ดน้ำตาเมื่อเห็นหลานสาวเก็บผ้าลงกระเป๋า

“บัวจะไปเย็นนี้นะน้า เดี๋ยวจะออกไปโทรศัพท์ให้กาหลงมันมารับ วันนี้วันหยุดมัน” ทำเป็นร่าเริงเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกใจหาย หวั่นใจกับก้าวที่ต้องเดินตามลำพัง

เมื่อเก็บของใส่กระเป๋าเรียบร้อย สายบัวออกมานอกห้องพัก แล้วลัดเลาะไปตามเส้นทางคนรับใช้ พอพ้นประตูอัลลอยด์ หญิงสาวก็รีบวิ่งไปที่ตู้โทรศัพท์ อารามดีใจ จึงไม่ได้ดูรถที่วิ่งมาอีกทาง

เอี๊ยด!!

ใจหาย นึกว่าของแข็งจะกระแทกร่างให้ลอยละลิ่วเสียแล้ว แม้จะไม่รู้สึกเจ็บ แต่มันก็ตกใจจนสติดับวูบ มารู้สึกตัวอีกที สายบัวได้กลิ่นหอมๆ แล้วก็พบตัวเอง นั่งอยู่บนเบาะรถนุ่ม ๆ แถมไอแอร์เย็นฉ่ำ

“ตื่นแล้ว” น้ำเสียงทุ้มไม่ดังเกินไป

พอปรือตามอง มาทางเจ้าของเสียง สายบัวแทบจะกรี๊ดแล้วสลบไปอีกรอบเสียให้ได้

“คุณหมอ”

“เธอ” หมอทำท่าครุ่นคิด

สายบัวยิ้มหน้าบาน “คนที่ไปเฝ้าตาค่ะ”

“มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร” น้ำเสียงของหมอก็แปลกใจเหมือนกัน

“มาอยู่กับน้า มาทำงาน” ตอบไม่เต็มคำนัก ด้วยนึกอายกับวาสนาของตน

“นี่จะไปไหน”

“โทรศัพท์”

“ดีขึ้นแล้วนะ” ถามเหมือนไล่ แม้จะไม่อยากลงจากรถ แต่มันก็หมดเวลา

รถแล่นออกไปแล้วหยุดนิ่งหน้าประตูอัลลอยด์ ใจของสายบัวเต้นไม่เป็นส่ำ เขาคือใคร มีอะไรเกี่ยวข้องกับบ้านหลังนั้น สายบัวมองตู้
โทรศัพท์ แล้วก็มองรถที่กำลังลับหายเข้าบ้าน

หรือว่า คุณหมอจะเป็นลูกชายคนเล็กที่ว่าไปเรียนอยู่ต่างจังหวัด

เมื่อคิดได้ดังนั้น สายบัวโทรหากาหลงบอกยกเลิกแผนการ แล้วรีบวิ่งกลับเข้าบ้านด้วยความดีใจ

ขณะที่เดินเลาะกลับมาทางเดินคนรับใช้ สายบัวก็พบว่า รถคันนั้นจอดนิ่งอยู่ที่หน้าตึก เมื่อเดินไปทางด้านหลังเรือนใหญ่ แผนกแม่บ้านหลังใหญ่มีใบหน้าดีอกดีใจอะไรบางอย่าง

“คุณหนูมา คุณหมอโกมุทกลับบ้าน”

แน่แล้ว สวรรค์โปรด ใจหนึ่งก็อยากจะหัวเราะ ใจหนึ่งก็อยากจะร้องไห้ อยากจะตะโกนก้อง ให้มันสะใจ แต่เมื่อมองสภาพตัวเองกับเขา

คนรับใช้ความรู้น้อย กับลูกเจ้าของบ้าน ดูไกลเกินฝัน



“น้า คือ บัว” สายบัวพูดตะกุกตะกัก

“จะไปแล้วซิ ดูแลตัวเองแล้วกันนะ ระวังอย่าไว้ใจผู้ชาย หน้าไหนก็ไว้ใจไม่ได้ทั้งนั้น” คนเป็นน้ายังคงนั่งรีดผ้าทำเหมือนไม่อยากจะสนใจในหลานจอมดื้อคนนี้อีกแล้ว

“คือ บัว ไม่ไปแล้วน้า บัวจะอยู่ที่นี่”

“อ้าว” น้ำเสียงของน้าดาวเรืองดูตกใจระคนดีใจ

“คือ บัวอยากเรียนต่อ บัวอยากมีความรู้ กลัวลำบากน่ะน้า” ท้ายประโยคไม่เต็มคำนัก

“อีกอย่าง บัวมาคิด ๆ ดูแล้ว ก็มีน้าอยู่คนเดียว น้าก็เหมือนแม่ อยู่กับน้าคงดีกว่าอยู่กับกาหลง”

หลังจากจัดเสื้อผ้าเข้าตู้เรียบร้อย สายบัวก็ออกมาสูดอากาศที่แสนจะสดชื่นอยู่นอกบ้าน ยังไม่ทันจะตั้งตัว กระแตก็เดินมาตาม

“สายบัว คุณชวนชมให้ออกไปพบที่ระเบียงหน้าบ้าน”

พอสายบัวเดินออกไป พบว่าคุณหมอยืนกอดอกหันหลังให้ สายบัวยิ้มให้เก้อ ๆ มือไม้ดูเกะกะไปหมด

เมื่อคุณหมอผู้มีผมปรกหน้าหันมาพร้อมกับรอยยิ้มนิดที่มุมปากเหมือนเคย สายบัวแทบจะทรุดลงไปกองกับพื้น

“โลกกลมจริง ๆ” คุณหมอเป็นฝ่ายเริ่มต้น

“มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”

พอตั้งสติได้ สายบัวจึงตอบ

“น้าดาวเรืองทำงานอยู่บ้านนี้ พอตาตายแล้ว คือดิฉันไม่มีใคร ค่ะ” รู้สึกว่าคำลงท้ายมันยากเย็นเหมือนกัน

“ไม่เป็นไรแล้วนะ” คุณหมอคงหมายถึง เรื่องที่ตกใจรถจะชนจนเป็นลม สายบัว ยิ้มเก้อ ๆ เขินที่ตนเองทำขายหน้า

“ดูแลตัวเองหน่อยแล้วกัน มีอะไรให้ช่วยก็บอก”
สายบัวทำหน้างุนงง มีอะไรให้ช่วยก็บอก หมายถึงอะไร
คุณหมอเดินกลับไปที่เรือนหลังใหญ่แล้ว แต่สายบัวรู้สึกว่า ยิ่งใกล้ก็เหมือนยิ่งไกล ไกลมาก ๆ เสียด้วย เพราะเคยมีคำสั่งจากคุณชวนชมว่า อย่าได้ล้ำเส้นไปในเขตบ้านใหญ่เด็ดขาด

“มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ผู้น้อยอย่างพวกเรา ไม่มีปัญหา” บางทีกระแตกับน้าดาวเรืองก็ไปเอาส้มตำจากคนบ้านโน้นมานั่งกินกันที่บ้านนี้

เมื่อก่อนเรื่องพวกนี้สายบัวไม่ได้คิดเอามาใส่ใจ คิดแค่ว่ามันเป็นเรื่องตลก คนในรั้วบ้านเดียวกัน แต่แบ่งเป็นพรรคเป็นพวก แต่วันนี้เธอจะต้องทลายกำแพงใจคนสองบ้าน เพื่อคุณหมอ

“พี่” สายบัวไปด้อม ๆ มอง ๆ อยู่ทางท้ายครัวบ้านใหญ่ พี่ที่เรียกก็คือ พี่ดวงใจ กับพี่ ดวงตา สองพี่น้องจากร้อยเอ็ดซึ่งมาทำงานเป็นผู้ช่วยคุณนันทพร และคุณแม่ครัวประณีต ซึ่งทำงานได้ไม่ต่างกับชื่อ

“อะไร” แม้จะเชิด ๆ ใส่ในตอนเช้า ๆ ใน ทุก ๆ วันตามความเคยชิน แต่เมื่อฝ่ายเป็นเด็กมาทำหน้าเจียมตัว มางอนง้อเรียกด้วยน้ำเสียงเพราะพริ้ง แถมคล้ายจะเป็นความลับ พี่ดวงใจจึงกรากเข้ามาหา

“มีอะไรรึ”

“เปล่า” แปลว่า มี

สายบัวเกาหัวแกรก ๆ เธอไม่ใช่คนเจ้าเล่ห์หรือมีปัญญามากนัก เรื่องที่จะคิดแผนหรืออะไรที่มันซับซ้อนไม่เคยอยู่ในหัวสมอง

ในหัวตอนนี้คือ “คุณหมอล่ะ” แต่จะพูดไป เดี๋ยวก็หาว่าไม่เจียมตัว หรือว่ามีใครสักคนในบ้านรู้ว่าเธอมีใจให้ลูกเจ้าของบ้าน คงไม่ดีแน่

อยู่ใกล้แม้ไกล ก็ยังดีกว่า ไกลลับตา

ว่าไกลเหมือนฟ้ากั้น ยังพานพบกันได้

แหละ อำนาจของใจ

“เปล่าแล้วมาทำไม”

“มีอะไรให้บัวช่วยไหม”

“เอ๊ะ แม่นี่ ลืมหรือเปล่าว่าคนละบ้าน กลับไป” ดุให้แล้วจึงเดินหนี คนที่จะช่วยให้อาการแน่นในหัวอกหายไปได้ก็คือกระแต

“กระแตจ๋า เล่าเรื่องลูกชายคนเล็กของบ้านใหญ่ให้ฟังบ้างสิ”

“ไม่รู้ มาอยู่ก็ได้ข่าวแค่ว่าเรียนหมอเหมือนพ่อเหมือนพี่ แล้วก็ไปอยู่ต่างจังหวัด ไปอยู่ทำไมก็ไม่รู้ สนใจเขารึ”

“เปล่า”

“แต่สายตาของเธอมันปิดไม่มิดนะสายบัว เธอเคยได้ยินเพลงนี้ไหม เจ้าไม้ขีดไฟก้านน้อยเดียวดายแอบรักดอกทานตะวัน”

อยากจะทำท่าโกรธ แต่กระแตมันก็พูดถูก



แล้วห้องที่เคยปิดไฟสนิท ก็สว่างไสว เสียงเครื่องแอร์คอนดิชั่นครางอื้ออึง สายบัวถอนหายใจอย่างแรง อยากเห็นหน้าสักนิดก่อนจะเข้านอน ทำประการใดดี

“ดึกแล้วไม่นอนอีกรึสายบัว” น้าดาวเรืองออกมาร้องเรียก

“ยังจ้ะ” มีความหวัง เผื่อบางทีอยากจะออกมาสูดอากาศที่ระเบียงด้านนอก เผื่อบางทีใจที่แน่วแน่ดวงนี้ จะมีพลังไปกระซิบที่ข้างหูว่า

มีใครคนหนึ่ง คิดถึง คิดถึง

มีใครคนหนึ่ง อยากเห็นหน้า

ปะดวงตา แลยิ้มละมุน

สายบัวสงบใจที่ว้าวุ่น เพื่อรวบรวมสมาธิ ใกล้แค่นี้เธอต้องทำได้ เธอเคยอ่านเจอะในหนังสือของคุณชวนชมเรื่องสัมผัสที่หก หากใครมองเราอยู่ แม้อยู่ข้างหลัง ก็รู้

แค่อยากให้เขารู้ ว่ามีคนคอยอยู่ตรงนี้

เวลาเคลื่อน เดือนที่สว่างคล้อย ดาวกระจ่างฟ้า สายบัวรู้สึกว่า เดียวดาย อ้างว้าง ไฟในห้องดับลงแล้ว เสียงรถแล่นออกไปจากบ้าน คงมีนัดกับคนในกรุงเทพ คงคิดถึงกัน ใครคือคนที่คุณหมอคิดถึง ไม่ใช่หมอผู้หญิงวัยเดียวกัน ที่ควงกัน คุยกันกระจุ๋งกระจิ๋งนั่นรึ



คุณหมอโกมุทกลับไปแล้ว สายบัวรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ทำอะไร แต่เธอก็ตามหัวใจของตนไปไม่ได้เสียแล้ว รู้แค่ที่รู้ ก็ยังดีกว่าไม่รู้อะไรเหมือนเมื่อก่อน

ยังมีหวัง เธอหวังอะไร ไกลเกินฝัน บอกตนไว้อย่างนั้น ทุก ๆ วันที่เวลาหมุนไป

สายบัวตัดสินใจ สมัครเข้าเรียนในศูนย์ กศน. กับกระแต เรียนเพื่อให้มีวุฒิ ม.6 หลังจากนั้นค่อยว่ากัน งานที่ทำอยู่กับคุณชวนชม แม้จะน่าเบื่อ ไร้ความก้าวหน้าในอนาคต แต่มันก็เป็นงานเดียวที่ทำให้เธอมีหวัง แต่อีกใจ หากเธอยังอยู่ที่นี่ มีหรือเขาจะชายตาแลคนในบ้าน ต่ำต้อยด้อยค่า

เมื่อออกไปมีชีวิตนอกบ้านบ้าง ดวงตาและปัญญาจึงได้สว่างไสว เพื่อนที่เรียนมีหลายคนชี้ช่องทางให้ชีวิตเป็นไปในทางที่ดีขึ้น

“ทำงานกลางคืนไหม หน้าตาอย่างเธอนะสายบัว รับรอง เป็นกอบเป็นกำ”

“เด็กในร้านอาหาร อยากทำก็ไปสิ อาจมีเสี่ยเลี้ยง” กระแตกระซิบบอก

สายบัวปฏิเสธ หากเป็นเช่นนั้น ยิ่งไกล จากคุณหมอ เป็นหนักหนา

การเรียนก็แสนยาก โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ

“ผมช่วยติวให้” เธอรู้แล้วว่า ในบรรดาเด็กทั้งห้อง ถึงไม่ใช่คนสวยจัด แต่ก็เป็นหนึ่งไม่รองใคร มีรึที่จะไม่มีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ ผู้ให้โอกาสตนกับการศึกษามาจีบ

รับนายลิขิตไว้เพียงช่วยติว แต่ปฏิเสธ ความสัมพันธ์ด้านอื่น

“ไปดูหนังกันไหม”

ไปได้อย่างไร เดี๋ยวคุณหมอรู้ อาจจะไม่พอใจ สายของดอกบัว ต้องคู่ควร จึงจะเบ่งบานอวดโฉมได้ไม่อายใคร

รักษาเนื้อรักษาตัวไว้ ตราบใดที่เธอยังอยู่ในบ้านหลังนั้น เธอก็ยังมีความหวัง



“ตายแล้วชวนชม ทางโรงพยาบาลโทรมาบอกว่าตาอารักษ์มอเตอร์ไซค์ล้มคว่ำ”

“แล้วอาการเป็นอย่างไรบ้างคะ”

สายบัวที่กำลังลำเลียงถ้วยอาหารออกจากโต๊ะ ไม่เร่งมือเพราะต้องการฟังเรื่องที่เกิดขึ้นให้จบ และกระแตที่เดินเข้ามาอีกรอบก็มีสีหน้าแปลกใจเมื่อได้ยินเสียงของคุณจารุวรรณ

“หมอบอกว่าขาหัก โอ๊ย ตารักษ์นะตารักษ์ทำไมถึงได้ทำกับแม่ได้ เดี๋ยวเธอให้สะอาดไปเตรียมรถแล้วเธอไปกับฉันด้วย” พูดจบคนเป็นแม่ถอนหายใจออกมา ก่อนจะรีบขึ้นไปชั้นบน คงไปเปลี่ยนเป็นชุดอลังการเหมือนทุกครั้งที่ออกจากบ้าน

“ลูกกำลังจะตายยังมีอารมณ์แต่งตัว” สายบัวพูดกับกระแต

กระแตถลึงตาใส่ สายบัวทำเป็นไม่สนใจ เมื่องานบ้านของตนเสร็จเรียบร้อย สายบัวก็เดินไปหาพี่ดวงตากับพี่ดวงใจ จุดมุ่งหมายนั้นเพื่อสร้างสัมพันธไมตรี

“ได้ข่าวว่า คุณอารักษ์รถมอเตอร์ไซค์คว่ำขาหักจริงหรือเปล่า”

“จริง” สายบัวรีบรายงาน

“สมแล้ว มีรถเก๋งคันใหญ่ให้ขับไม่ขับชอบทำตัวแปลก ๆ”

“ทำไมพี่กล้าพูดว่าลูกของท่าน” สายบัวถามตามตรง

“เธอจะไปบอกคนอื่นซิ”

“เปล่าหรอก ก็สมแล้วอย่างที่พี่พูดนั่นแหละ เออพี่ คุณหมอโกมุทจะกลับมาอีกเมื่อไหร่คะ”

“ไม่รู้หรอก ไม่ค่อยได้รู้อะไร รู้แต่ว่าต้องใช้ทุนอยู่ต่างจังหวัดสองปีสามปีนี่แหละมีอะไรหรือ”

“คุณหมอเป็นคนดีนะคะ ผิดกับน้องชาย”

“คนนี้แม่เขาสั่งสอนไว้ดีเธอ ส่วนลูกบ้านนั้นแม่มักจะให้ท้าย ลูกทำผิดก็ว่าลูกทำถูก ไม่อยากเรียนก็ไม่ต้องเรียน ถ้าไม่เรียนหนังสือแล้วอนาคตมันจะเป็นอย่างไร ดูหมอโกมุทซิ จริง ๆ ไม่จำเป็นต้องออกไปอยู่ต่างจังหวัดก็ได้ แต่ที่ยอมลำบากเพราะอยากโตในหน้าที่ตามขั้นตอนของหมอ ดี ๆ สักคน แต่ลูกบ้านนี้ คนโตก็งั้นแล้ว คนเล็กก็ดีแต่แต่งตัว คนเป็นแม่ก็ให้ท้ายเหลือเกิน”

“ไม่ได้ให้นะคะ บางทีก็เห็นมีดุแต่เขาไม่เชื่อ”

“นั่นแหละเรียกว่าให้ท้าย”

นินทาเจ้านายได้ไม่กี่นาที คนบ้านนี้มีงานจุกจิกต้องทำ จนสายบัวต้องขอตัวกลับมา หญิงสาวนั่งอ่านหนังสือ แม้มันจะไม่เข้าหัว แต่เธอจำต้องอ่านให้ได้ทุกวัน เพราะหมอโกมุท กำลังใจเดียวที่เธอมีอยู่ในตอนนี้ สายบัวพยายามคิดว่า เธอจะทำอย่างไรจึงจะได้คู่ควรกับเขา เมื่อเรียนจบมอหกแล้วเธอจะไปต่อรามคำแหงอย่างที่น้าเธอวาดฝันให้ไว้ เรียนคณะอะไรถึงจะได้อยู่ใกล้กับหมอ

สายบัวครุ่นคิดวน ๆ เวียน ๆ อยู่อย่างนี้ทุกวัน จนกระทั่งคนเจ็บได้กลับมาพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน


“บัวฉันหิวน้ำ” คนเจ็บที่นอนดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟารูปทรงแปลกตาร้องเรียกเมื่อเห็นว่าเธอจะลุกออกจากห้องโฮมเธียเตอร์ สายบัวถอนหายใจออกมาอย่างไม่ได้รู้กริ่งเกรง ก็หน็อยพอกลับมาพักรักษาตัวที่บ้านคุณชวนชมก็เรียกให้เธอไปทำหน้าที่เป็นนางพยาบาลจำเป็น

“น้ำก็อยู่บนโต๊ะนี่คะ” สายบัวบอกไปอย่างที่คิด

“อ้าวก็คุณชวนชมให้เธอดูแลฉันไม่ใช่หรือ”

“แต่น้ำมันอยู่บนโต๊ะ คุณอารักษ์ก็หยิบเองได้นี่คะ แขนไม่ได้หักสักหน่อย”

“โอ้โฮ นี่ปากคนใช้บ้านฉันหรือนี่ ฉันจะให้คุณแม่ตัดเงินเดือนเธอ”

เมื่อได้ฟังเขาพูดสายบัวจำต้องเดินเข่ากลับมา หยิบแก้วน้ำส่งให้

“ฉันอยากกินน้ำอัดลมเย็น ๆ เป็นเป๊ปซี่นะ” คนนอนเจ็บตายังจ้องอยู่ที่โทรทัศน์อย่างเป็นต่อ

“ค่ะ”

พักใหญ่สายบัวกลับมาอีกรอบพร้อมขวดน้ำอัดลมและแก้วใบสูง

“ขอน้ำแข็งด้วยได้ไหม”

“ได้ค่ะ”

และอีกพักใหญ่เหมือนเคยที่สายบัวกลับมาอีกรอบพร้อมกับน้ำแข็งเหยือกใหญ่ หญิงสาววัยสิบหกบรรจงคีบน้ำแข็งออกจากเหยือกลงแก้วอย่างต้องการแกล้ง

“ปีนี้เธออายุเท่าไหร่”

“16 ปีค่ะ”

“มีแฟนหรือยัง” คำถามเหมือนถามแก้เซ็งไปอย่างนั้นเอง

“ต้องตอบด้วยหรือคะ” ว่าพลางเลื่อนแก้วน้ำอัดลมไปที่ใกล้มือเรียวดั่งลำเทียน

เมื่อเห็นว่าสายบัวมีท่าจะโกรธ คนยั่วจึงทำเป็นดูโทรทัศน์ต่อ

“หยิบแผ่นซีดีใส่เครื่องเล่นให้ฉันหน่อยอยากดูหนัง”

สายบัวหันซ้ายหันขวาจนกระทั่งไปเจอะกระเป๋าใส่แผ่นซีดี หญิงสาวค่อย ๆ เดินเข่าเข้าไปหยิบขึ้นมาเปิดซิปแล้วดูแผ่นข้างใน

“แผ่นไหนหรือคะ”

“แผ่นสีแดงนั่นแหละ” สายบัวพลิกดูหน้าปก เห็นเป็นรูปผู้หญิงเปลือยแสดงว่าเพื่อนที่มาหาเมื่อวานเอามาให้อย่างแน่นอน

“เออ ฉันเปลี่ยนใจและ ฉันว่าฉันไปดูบนห้องนอนดีกว่า เธอช่วยพยุงฉันขึ้นหน่อยนะ”

สายบัวทำตาเขียวเข้าใส่ แต่เธอจะทำอะไรได้ และเขาจะทำอะไรเธอได้มากกว่า ว่าแล้วสายบัวก็ส่งไม้เท้าให้

“ฉันบอกให้ช่วยพยุงฉันลุกขึ้นหน่อย”

สายบัวมองซ้ายมองขวานึกถึงกระแต มันน่าจะเป็นกระแตคนร่างบึกบึนที่จะพาผู้ชายหน้าตายียวนคนนี้ไปชั้นบน

“มาเหอะฉันไม่ได้นึกพิศวาสเธอหรอก” สายบัวถอนหายใจออกมา พอรู้อยู่บ้างว่าผู้ชายคนนี้มีประวัติความเป็นมาอย่างไร เจ้าชู้เหมือนพ่อ เกเรและขี้โกงเป็นที่หนึ่ง จะเอาอะไรต้องเอาให้ได้ดั่งใจ ถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัยเพราะมีเรื่องชกต่อย ชอบแข่งรถ เที่ยวกลางคืน สูบบุหรี่จัด เธอนึกไม่ออกเลยว่าคนที่มีชาติกำเนิดดี ๆ แบบนี้ปล่อยตัวเองให้ตกต่ำผิดพี่ ๆ น้อง ๆ ได้อย่างไร

สายบัวเข้าไปประคอง กลิ่นน้ำหอมจากตัวคนเจ็บเย็นฉ่ำถึงปอด เมื่อประคองขึ้นบันไดไปอย่างทุลักทุเลจนถึงเตียงนอนแล้วเธอก็ไปทิ้งเขาไว้ก่อนจะรีบถอยออกมานั่งอยู่ตรงประตู ยอมรับกับตัวเองว่าไม่มีอาการใจเต้นแรงเลยสักนิด แต่เธอก็ไม่อยากให้เขารู้สึกว่าเธอพร้อมสมยอม

“ลงไปเอาแผ่นหนังมาใส่เครื่องเล่นให้ฉันด้วย” สายบัวรีบลงมาตามคำสั่ง แต่หาได้รีบร้อน หญิงสาวกลับไปที่ห้องล้างหน้าแปรงฟันหวีผมให้หน้าตาดูสดชื่นขยับแข้งขยับขาเผื่อเกิดอะไรไม่ดีไม่งามขึ้น รับรองเลยว่าเขาจะต้องเจ็บตัวอีกรอบแน่

สายบัวขึ้นไปอีกรอบพบว่าเจ้านายของเธอนอนมองเธอตาเขียวปัดเลยทีเดียว

“ให้ไปเอาซีดีแผ่นเดียวไปเป็นชาติเลยนะเธอ”

“จริง ๆ มันเป็นเวลาพักของดิฉันค่ะ ก็เลยไปล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นสักหน่อย”

เมื่อจัดการให้เรียบร้อย สายบัวรีบออกจากห้องโดยไม่สนใจเสียงร้องเรียก

ก็เธอจะอยู่ได้อย่างไร มันแผ่นหนังโป๊ชัด ๆ





จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 เม.ย. 2554, 14:18:13 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 เม.ย. 2554, 14:18:13 น.

จำนวนการเข้าชม : 2275





<< ตอน 2   ตอนที่ 4 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account