เล่ห์รัก...เล่ห์แค้น
เป็นนิยายเรื่องแรกของปอแก้ว...ที่เคยลงจนจบไว้นานมากแล้ว ตอนนี้เลยลองเอามาปัดฝุ่นรีไรท์ใหม่ค่ะ :)

-----------------------------------------------------------------

เรื่องราวความรักระหว่างคนสองคนที่เริ่มด้วยความแค้นเมื่อ ‘ธนาดล’ ลูกชายคนเล็กของพ่อเลี้ยงธฤตกลับมาจากต่างประเทศ เขาทำทุกวิถีทางเพื่อจะแก้แค้นศิรสาซึ่งเป็นแม่เลี้ยงโดยใช้ ‘ศรินดา’ ซึ่งเป็นลูกสาวเป็นเครื่องมือในการแก้แค้นครั้งนี้
Tags: ธนาดล ศรินดา พนาดร สลิลธาร

ตอน: บทที่ 4

แปะคุณดลไว้ก่อนค่ะ เดี๋ยววันเสาร์จะเข็นพี่อาร์มแอนด์เดอะแก๊งค์มาให้อ่านกัน (ยังปั่นไม่เสร็จเลยอ่ะค่ะ =_=')

ปล. ตอนนี้หลายคนต้องต่อว่าว่านานดลร้ายแน่เลย ><~~

----------------------------------------------------------------------------------------


บทที่ 4





ร่างเล็กบางในชุดเสื้อคอเต่าแขนยาวสีชมพูหวานกับกระโปรงยาวคลุมเข่าสีขาว ลำคอระหงพันไว้ด้วยผ้าพันคอสีเดียวกับเสื้อก้าวออกมาจากห้องนอน ตากลมสวยบ่งบอกได้ชัดว่าเมื่อคืนเจ้าตัวนอนน้อยแค่ไหนเพราะมันจะปิดแหล่ไม่ปิดแหล่ทั้งๆที่เจ้าตัวพยายามจะลืมมันขึ้นมาอย่างเต็มความสามารถก็เถอะ ส่วนสาเหตุก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องราวเมื่อตอยเย็นวาน ยามที่ผู้หญิงคนนั้น คนที่ชื่อ ‘ชินานาฏ’ เข้ามาอาศัยร่วมชายคากับเธอและเรื่องจะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าเธอไม่ต้องไปดูแลผู้หญิงคนนั้นตามคำสั่งของใครบางคนที่ใช้แม่เธอกับพ่อเลี้ยงธฤตบังหน้า!

‘แม่คะ...รินไม่’ หญิงสาวพยายามที่จะปฏิเสธกับมารดาที่ยอมทำตามคำพูดของธนาดล

‘นะลูก...แค่ดูแลคุณนาฏ รินทำได้ แม่เชื่อ’ เมื่อเจอมารดาพูดแบบนี้ ศรินดาถึงกับอึ้งไปพักใหญ่ หากแต่ในใจยังปฏิเสธดังๆว่า...ไม่เด็ดขาด เธอจะไม่มีวันดูแลผู้หญิงคนนี้ เธอจะไม่มีวันเดินตามเส้นที่ธนาดลขีดไว้ ไม่!!!

‘แม่...’ รินเอ่ยเรียกมารดาออกมาเบาๆ

‘ดูแลหนูนาฏเขาหน่อยนะริน รินทำได้...ถือว่าพ่อขอร้อง’ แค่แม่คนเดียวเธอก็ลำบากใจมากแล้วแต่นี่คุณพ่อเล่นเข้ามาร่วมวงอีกคน แล้วจะให้เธอปฏิเสธว่าอย่างไร บอกว่า คุณพ่อคะ รินไม่ทำหรอก แบบนี้น่ะหรือ...เธอทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก

‘ค่ะ...คุณพ่อ’ รอยยิ้มอย่างผู้มีชัยเกิดขึ้นบนใบหน้าคมของธนาดลเพราะสิ่งที่ชายหนุ่มต้องการให้มันเป็นกำลังดำเนินไปในสิ่งที่เขากำหนดเองกับมือ

ชีวิตของผู้หญิงคนนี้เป็นของเขา เขาสั่งให้เธอทำอะไรเธอก็ต้องทำ ถ้าเขาอยากให้เธอเจ็บปวด ศรินดาก็ต้องเจ็บปวด เจ็บ...อย่างที่เขาเองเคยเจ็บ











มือเรียวกับลูกบิดประตูพร้อมกับเปิดออกแต่แล้วก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อเจอเข้ากับเพื่อนสาวที่กำลังจะเคาะประตูห้องเธอพอดี

“มีอะไรยะคุณหมอน้ำ มาทำอะไรห้องฉันแต่เช้า” แล้วก็เป็นศรินดาที่ชิงทักขึ้นมาก่อน

“ก็จะมาบอกว่าวันนี้ฉันจะเข้าเมือง คงจะกลับมาตอนเย็นๆ” รินเริมทำหน้าแหย งั้นก็แปลว่าวันนี้เธอต้องอยู่บ้านกับผู้หญิงที่ชื่อ ‘ชินานาฏ’ คนเดียวอย่างนั้นสินะ โอย...แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว!

“แกจะปล่อยให้ฉันอยู่กับแฟนคุณดลคนเดียวเหรอน้ำ” ตากลมโตมองเพื่อนอย่างเว้าวอน เสียงหวานออดอ้อนนิดๆ

“เออ...วันเดียวแกไม่ตายหรอก” แล้วสายตาเว้าวอนก็แปรเปลี่ยนมาเป็นแข็งกร้าวในบัดดลเมื่อเพื่อนสาวไม่ยอมช่วยเหลือ

ไอ้เพื่อนบ้า! ไม่ตายงั้นเหรอ แค่ตอนคุยโทรศัพท์ ยังไม่ทันได้เจอหน้าก็คิดว่ายัยนั่นไม่ธรรมดาแล้วนะ แล้วนี่มาเจอตัวเป็นๆ เออ...ฉันไม่ตายหรอก แค่บาดเจ็บสาหัสเท่านั้นเอง!!

“แล้วแกจะเข้าเมืองทำไม หรือว่า...” รินหลิ่วตาให้เพื่อน “...ไปหา...หมอเขต”

สลิลธารหยิกแขนเพื่อนเบาๆด้วยความมันเขี้ยวที่ยัยรินคนนี้ช่างรู้ทันความคิดเธอไปซะทุกอย่าง

“รู้ดีจริงนะ”

“แล้วจะไปยังไง” รินถามอย่างเป็นห่วง เพราะเพื่อนสาวไม่ได้ขับรถมาเอง ที่มาถึงบ้านเธอก็เพราะพนาดรให้คนในไร่ขับรถไปรับที่สนามบิน

“ติดรถคนในไร่ไปนี่แหละ” แล้วก็เป็นศรินดาคนเดิมที่โบกไม้โบกมือห้าม

“ไม่ต้องๆ วันนี้พี่ต้นเข้าเมืองพอดี แกไปกับพี่ต้นสิ” สลิลธารทำหน้าตาอึกอัก ปากก็ทำท่าว่าจะเถียง แต่มีหรือที่คนริอาจจะเป็นแม่สื่ออย่างเพื่อนสาวจอมจุ้นจะยอมให้เพื่อนปฏิเสธ ไม่มีวันซะล่ะ

“ไม่ต้องปฏิเสธเลยยัยน้ำ...โน่น พี่ต้นมาพอดี”

“พี่ต้น! น้ำจะเข้าเมือง พี่ต้นไปส่งน้ำหน่อยนะ” แม่สื่อจอมจุ้นยิ้มหน้าบาน โดยไม่รู้เลยว่าเพื่อนตัวเองตอนนี้หน้าเริ่มเป็นยังไง พนาดรมองหน้าสลิลธารแต่อีกฝ่ายกลับสะบัดหน้าหนีอย่างไม่อยากจะมองหน้าอีกฝ่ายสักเท่าไหร่

“ได้สิ น้ำจะไปไหนล่ะ” พี่ชายคนโตรับปากก่อนจะถามถึงจุดหมายปลายทางของคุณหมอ

“โรงพยาบาลค่ะ น้ำจะไปหาหมอเขต” สลิลธารพูดออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำและถ้าสังเกตดีๆพนาดรถึงกับผงะไปนิดหนึ่งเมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย มันเหมือนกับเขาโดนหมัดๆหนึ่งต่อยแรงๆจนแทบน็อค

“อืม...ได้ พี่จะไปส่งให้” แต่ชายหนุ่มกลับรักษาอาการได้เป็นอย่างดี ไม่มีการแสดงออกมาให้เห็นแม้แต่น้อย เมื่อตกลงกันได้สองหนุ่มสาวก็เดินเคียงข้างกันลงไปชั้นล่าง เดินคู่กัน...หากใครจะรู้ ระหว่างพนาดรและสลิลธาร มันกลับมีทั้งช่องว่าง ทั้งกำแพง ที่ต่างฝ่ายต่างกั้นขึ้นมา ทั้งๆที่ก็รู้อยู่เต็มหัวใจว่าทำแบบนี้ก็มีแต่...เจ็บกันทั้งสองฝ่าย

ศรินดามองตามหลังคนทั้งคู่ ความสงสัยเริ่มก่อตัวเป็นหมอกควันจางๆ รู้สึกว่าสองคนนี้มีอะไรแปลกๆ แต่แปลกยังไง เธอเองก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน

"ทำอะไร" รินสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ๆก็มีเสียงพูดขึ้นมา เธอน่าจะชินได้แล้วนะศรินดาที่จู่ๆก็มีเสียงพูดขึ้นข้าง
หลัง เพราะคงไม่ใช่ใครนอกจากเด็กมีปัญหาของบ้าน ธนาดลคนเดียว!

"เปล่า"

ธนาดลมองผู้หญิงตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า

หึ! แต่งตัวแบบนี้คิดจะไปจับผู้ชายที่ไหนอีกล่ะ ผู้หญิงแบบนี้ ‘เลว’ ใช่ไหมฮะแม่ ผู้หญิงแบบศรินดา ผู้หญิงแบบนี้...เลวใช่ไหมครับ

“แต่งตัวแบบนี้คิดจะไปจับผู้ชายที่ไหนล่ะหืม...ศรินดา”

รินตวัดสายตามองผู้ชายปากร้าย คำก็จับผู้ชาย สองคำก็จับผู้ชาย เขาอยากให้เธอจับมากใช่ไหม ไอ้ผู้ชายน่ะ ได้...ถ้าเขาอยากให้เธอทำเธอก็จะทำ!

รินกระเถิบตัวเข้าชิดร่างสูงจนตัวเองรู้สึกได้ถึงลมหายใจของเขาเป่าเบาๆอยู่ที่หน้าผากของเธอธนาดลเองก็ดูเหมือนว่าตัวแข็งขึ้นมาทันทีทันใดที่จู่ๆก็เจอรุกในระยะกระชั้นชิดแบบนี้

“แล้วถ้าฉันคิดจะจับผู้ชายแถวนี้ล่ะ จะได้ไหม” เสียงหวานทอดอ่อนอย่างเย้ายวน

มุมปากของธนาดลกระตุกขึ้นทั้งสองข้าง

...อ่อนหัดไปศรินดา...

อ้อมแขนแข็งแรงตวัดรั้งเอวของอีกฝ่ายเข้าหาตัว รินเองก็ตกใจไม่น้อยเมื่อสิ่งที่ตัวเองทำกำลังย้อนกลับมาเล่นงานตัวเองแบบนี้ ไม่น่าเลยริน....ไม่น่าเลย

“ได้สิ...ผู้หญิงอย่างเธอ ฉันรับไว้เป็นนางบำเรอได้อยู่แล้ว” น้ำเสียงนั่นแผ่วเบาแต่ก็แฝงไปด้วยแววเย้ยหยัน รินผลักอกกว้างนั่นอย่างแรง หากยิ่งผลัก แขนนั่นก็ยิ่งกอดเธอไว้แน่น

“ปล่อยฉันนะคุณดล ฉันไม่ใช่นางบำเรอของคุณ ไม่ใช่!”

“เข้ามายั่วกันต่อหน้าแล้วหนี คิดว่าฉันจะปล่อยเธอไปง่ายๆหรือยังไง” เสียงห้าวเป่าอยู่ข้างขมับ

“คุณ! ปล่อยนะ ปล่อยซี่!!”

“ไม่ปล่อย!! เธอยั่วฉันก่อนนะศรินดา” ธนาดลย้ำเสียงต่ำ กดจมูกจนเกือบชิดแก้มนวล

“ดล!!!” ยังไม่ทันได้กระพริบตา รินกระเด็นออกห่างจากอ้อมแขนของธนาดลจนแทบล้มด้วยแรงผลักของสาวผู้มาใหม่

“แกทำอะไรดล! ฉันถามว่าแกทำอะไรเขา หา!!”

แล้วรินก็เข้าใจขึ้นมาในบัดดลว่าทำไมเขาถึงเจาะจงว่าต้องเป็นเธอที่ต้องดูแลคุณนาฏ เขาต้องการให้
ผู้หญิงคนนี้ทำร้ายเธอด้วยความหึงหวง เขาต้องการให้เธอเจ็บโดยที่เขาไม่ต้องทำอะไรเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆแล้วคอยมองดูความเจ็บปวดของเธออย่างเลือดเย็น

“ถามเขาสิ ทำไมต้องถามฉัน” รินตอบกลับไป แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลยเพราะเมื่อฝ่ามือแรงๆฟาดมาโดนดวงหน้าหวานเต็มฝ่ามือแล้วก็ทำท่าจะตบอีกครั้ง ถ้าร่างสูงของใครบางคนไม่แทรกตัวเข้ามาบัง

“พอแล้วน่ะนาฏ” ธนาดลเข้ามารวบมือหญิงสาวไว้

“อะไรคะดล ดลเข้าข้างมันเหรอ ดลเข้าข้างลูกเลี้ยงพ่อดลงั้นหรือคะ”

“ผมไม่ได้เข้าข้างใคร แล้วผมกับศรินดาก็ไม่ได้มีอะไรกัน” ชายหนุ่มอธิบาย รินมองร่างสูงนั่นด้วยแววตาโกรธแค้น

...อย่าคิดว่าฉันจะซึ้งในน้ำใจคุณนะ ที่ห้ามคุณนาฏไม่ให้ตบฉันอีกครั้ง มันก็แค่อยู่ในแผนการของคุณเพราะคนอย่างคุณคงไม่มีวันคิดช่วยใครจากใจจริง!...

“มันจะจับดล นาฏรู้”

“ฉันไม่คิดจะจับผู้ชายอย่างเขา ผู้ชายแย่ๆอย่างนี้ ให้ตายยังไงฉันก็ไม่เอา!” รินเถียงเสียงแข็ง

“แก...แกมีสิทธิ์อะไรมาพูดกับดลแบบนี้!” ชินานาฏโต้กลับแทนคนรัก

“แล้วคุณล่ะมีสิทธิอะไรมาตบหน้าฉัน” หากรินเองก็สวนกลับทันควัน

“สิทธิ์อะไรงั้นเหรอ” สาวสวยเก๋เดินเข้าควงแขนธนาดล “ดลขา...ดลบอกเขาหน่อยสิคะ ว่าตอนนี้เขาต้องฟังคำสั่งใคร” สายตาที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเหยียดหยามนั้นจ้องมองศรินดาอย่างเต็มสายตา

ธนาดลมองหญิงสาวหน้าหวานที่ตอนนี้แก้มข้างหนึ่งเป็นรอยนิ้วมือครบห้านิ้วแดงเป็นเป็นปื้นก่อนจะบอกว่า

“ต่อไปนี้เธอต้องทำตามคำสั่งคุณนาฏ แม่เธอก็อนุญาตเองกับปากไม่ใช่หรือไง แล้วเธอก็ตอบตกลงพ่อฉันไปแล้ว คิดจะกลับคำพูดหรือศรินดา” ธนาดลจี้จุดเพราะรู้ดีว่า คนอย่างศรินดาจะไม่ยอมกลับคำพูด ผู้หญิงคนนี้พูดไว้อย่างไรก็ต้องทำให้ได้

รินชะงักทันทีที่เจอจี้จุดอย่างนี้ หญิงสาวกัดริมฝีปากล่างอย่างแรงจนตัวเองรู้สึกเจ็บ เมื่อไหร่เธอจะชนะผู้ชายคนนี้ เมื่อไหร่เธอจะชนะเขาสักที เมื่อไหร่กัน...!!

“คนอย่างฉันไม่เคยกลับคำพูด” ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความแข็งกร้าว มือเรียวกำแน่นอยู่ข้างลำตัวด้วยความโกรธ

“งั้นก็ดี ทำหน้าที่ของเธอให้ดีแล้วกันนะศรินดา” พูดจบร่างสูงก็ควงแขนออกไปกับสาวสวยอย่างชินานาฏ ไม่วายที่ผู้หญิงคนนั้นจะส่งรอยยิ้มหยามเหยียดมาถึงเธอ

หญิงสาวลูบแก้มข้างที่โดนฝ่ามือนั่นเบาๆ เจ็บ! ความรู้สึกนี้พุ่งเมื่อมือเธอแตะโดนแก้มแค่เพียงเบาๆ

ทำไมเธอต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย ทำไมชีวิตเธอต้องเป็นแบบนี้ ทำไม!!













“ขากลับจะให้พี่มารับหรือเปล่า” พนาดรถามคนที่นั่งนิ่งราวกับหุ่น

“ไม่ต้องค่ะ” หมอน้ำตอบกลับห้วนๆ

“แล้วน้ำจะกลับยังไง” น้ำเสียงนั้นเจือไปด้วยความเป็นห่วงและสลิลธารเองก็รับรู้ได้ว่าประโยคนั้นแฝงไปด้วยความห่วงใยแค่ไหน แต่เพื่ออะไรล่ะ พี่ชายห่วงน้องสาวงั้นเหรอ ไม่เอา! น้ำไม่ต้องการ พี่ต้นปฏิเสธน้ำแล้ว ปฏิเสธก็ไม่ต้องมาเป็นห่วงกันอีก น้ำไม่อยากได้ความเป็นห่วงจากพี่ต้นอีกแล้ว ไม่อยากได้! พี่ต้นได้ยินไหม น้ำไม่อยากได้!!!

“หมอเขตจะมาส่งน้ำที่ไร่เองค่ะ พี่ต้นไม่ต้องห่วงหรอก หมอเขตเขาคงไม่ปล่อยให้ ‘ว่าที่คู่หมั้น’ เขาเป็นอะไรหรอกค่ะ”

ยังดีที่พนาดรเป็นคนมีสติพอควรเวลาขับรถเพราะคำพูดขอสลิลธารเมื่อครู่ ถ้าเขาสติไม่ดีพอมีหวังได้หักพวงมาลัยจนรถเบี่ยงออกนอกเส้นทางและอาจเกิดอุบัติเหตุไปแล้ว

...ว่าที่คู่หมั้นงั้นเหรอ...ดีแล้วล่ะ น้ำควรจะมีอนาคตที่ดีกับคนที่ดี แต่งงานกับคนดีๆ ใครก็ได้ที่ไม่ใช่เขา...

“นั่นสิ...หมอเขตเขาคงไม่ปล่อยให้คนรักของเขาเป็นอะไรไปหรอก” เพราะถ้าเป็นพี่ พี่ก็ไม่ปล่อยให้น้ำเป็นอะไรเหมือนกัน พนาดรต่อประโยคหลังนั่นในใจ เขาไม่มีสิทธิ์จะพูดแบบนั้น เขาต้องถอนออกมาให้หมดทั้งรากทั้งโคนที่ฝังหยั่งลึกกับคุณหมอน้ำคนนี้ ต้องตัดให้สิ้นไม่ให้เหลือแม้แต่เยื่อใย

“ใช่ค่ะ หมอเขตเขาเป็นคนดี น้ำคิดไม่ผิดจริงๆที่จะแต่งงานกับเขา” แล้วรถทั้งคันก็เงียบสนิทโดยไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักคำ











“คุณริน คุณนนท์มาหาเจ้า” เอื้องเดินเข้ามาบอกทันทีที่เธอก้าวลงจากบันไดขั้นสุดท้ายและเสียงของสาวใช้คงไม่เบานักเพราะธนาดลที่ลงมาก่อนเธอส่งสายตามามองอย่างไม่พอใจ แต่รินเลือกที่จะไม่สนใจสายตานั้น

“อยู่ไหนเอื้อง”

“หน้าบ้านเจ้า” รินพยักหน้ารับรู้และเดินออกไป

“ลืมหน้าที่เธอหรือเปล่าศรินดา” รินหยุดเดิน หันมามองหน้าชายหนุ่มตรงๆ

“ฉันจำหน้าที่ของฉันได้เสมอค่ะคุณดล” หญิงสาวกระแทกเสียงตอบ

“จำได้แล้วจะไปไหนยะ เป็นแค่คนใช้มีสิทธิ์อะไรที่จะไปไหนมาไหนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้านาย”คราวนี้เป็นชินานาฏบ้างที่เป็นฝ่ายพูดย้ำให้รู้ว่าสถานะของศรินดาเป็นเช่นไร

“รินไม่ใช่คนใช้!” สองสาวหนึ่งหนุ่มหันไปมองต้นเสียงเป็นตาเดียว

นนท์! ศรินดาอุทานชื่อของนนทนัฐในใจ เห็นเค้าลางการทะเลาะมาแต่ไกล

“แกเป็นใครเข้ามาในบ้านดลได้ยังไง” ชินานาฏวีนเสียงสูง แต่นนทนัฐกลับไม่สนใจและเดินเข้ามาเคียงข้างหญิงสาวที่ตนหลงรัก

“ผมเป็นใครไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ แต่รินไม่ใช่คนใช้ คุณจำไว้แค่นั้นก็พอ” นนทนัฐพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว รินแตะแขนชายหนุ่มเบาๆเชิงปราม เพราะถ้าชายหนุ่มพูดหนักไปกว่านี้มีหวังได้เป็นเรื่องกันบ้าง แต่ดูเหมือนว่าการเตือนของเธอจะไม่เป็นผลเอาเสียเลย

“นายไม่มีสิทธิ์มาพูดจาแบบนี้ในบ้านของฉัน” ธนาดลพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ทว่าทำให้ผู้ฟังเย็นจนเสียวสันหลังได้ทีเดียว

“แล้วผู้หญิงคนนี้มีสิทธิ์อะไรมาบอกว่ารินเป็นคนใช้” ชายหนุ่มชี้นิ้วไปทางชินานาฏ

“เรื่องในบ้านฉันนายอย่ามายุ่ง ศรินดาเป็นคนของฉัน ฉันจะทำอะไรกับคนของฉันก็ได้” ความอดทนสุดท้ายของนนทนัฐขาดลงทันทีเมื่อคำว่า ‘ศรินดาเป็นคนของฉัน’ กระทบเข้าหู

“ไอ้ดล!” นนทนัฐโถมตัวเข้าใส่ศัตรูหมายเลขหนึ่งอย่างธนาดลเต็มแรง

“นนท์! อย่า”

รินหวีดร้องเสียงสูง รั้งแขนนนทนัฐไว้ก่อนที่หมัดลุ่นๆจะเข้าปะทะใบหน้าธนาดล

“นนท์ พอแล้ว!!” รินบอกเสียงดังจับแขนนนทนัฐไว้มั่น

“รินไม่ใช่คนของแก!” นายหัวน้อยบอกเสียงเหี้ยม ธนาดลมองอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงกลัว

“แต่ตอนนี้ผู้หญิงคนนี้อยู้บ้านฉัน ฉันให้ทำอะไรผู้หญิงคนนี้ก็ต้องทำ”

“แก!” สติของนนทนัฐเริ่มขาดอีกรอบ

“นนท์!” รินเรียกชื่อชายหนุ่มเต็มเสียง จนคนสติขาดได้สติกลับขึ้นมา นนทนัฐยืนนิ่งพยายามที่จะข่มใจตัวเองไว้ไม่ให้เกิดโทสะไปมากกว่านี้ แต่...มันระงับแทบจะไม่ไหวจริงๆ ไอ้ดล! มันคิดว่ามันเป็นใครถึงมาทำกับผู้หญิงที่เป็นหัวใจของเขาแบบนี้!!

“รินเป็นน้องสาวแกนะ แกเป็นพี่ประสาอะไรถึงให้น้องมาเป็นคนใช้แบบนี้” นนทนัฐพยายามที่จะระงับอารมณ์โกรธที่พุ่งพล่านหันมาเจรจากับธนาดลดีๆ เขาไม่ยอมให้รินคอยรับใคร ไม่ยอมให้ผู้หญิงที่เขารักยิ่งกว่าชีวิตเป็นที่รองรับอารมณ์ร้ายๆของคนรักของธนาดลเด็ดขาด!

“ฉันเคยบอกแกหรือไงว่าฉันมีน้องสาว ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่น้องสาวฉัน กับอีแค่ลูกติดเมียน้อยพ่อฉัน ฉันไม่นับเป็นคนแบบนี้เป็นน้องหรอก ไม่มีวัน!”

นนทนัฐตัวแข็งทื่อด้วยความโกรธจัด ตั้งแต่ชายหนุ่มเกิดมา เพิ่งจะเคยเห็นพี่ชายถึงแม้จะไม่ใช่สายเลือดเดียวกันที่ปฏิเสธสายสัมพันธ์ของพี่น้องได้เต็มปากเต็มคำขนาดนี้

“แก...แกพูดออกมาได้ยังไง พูดได้ยังไง!” นนทนัฐตะโกนใส่หน้าเจ้าของบ้านอย่างไม่เกรงกลัว

“แกเป็นใคร! กล้าดียังไงมาตะโกนใส่หน้าดล” ชินานฏปรี่เข้ามาหวังทำร้ายร่างกายนนทนัฐ หากชายหนุ่มกลับทำแค่เพียงชี้นิ้วไปที่หญิงสาวก่อนที่จะพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน

“คุณอย่ามายุ่ง! ถ้าก้าวอีกก้าวเดียว อย่าหาว่าผมไม่เตือน” ได้ผล...เพราะชินานาฎถอยกรูดไปหลบข้างหลังธนาดลทันที

“มากไปแล้วนะไอ้นนท์ นี่มันบ้านฉัน แกไม่มีสิทธิมาออกคำสั่งอะไรทั้งนั้น!!” ธนาดลเองก็เริ่มที่จะควบคุมกิริยาของตัวเองไม่อยู่เช่นกัน ชายหนุ่มมองมาที่ศรินดาอย่างเคืองโกรธ ผู้หญิงอย่างเธอมันมีดีอะไรนักหนา ผู้ชายถึงได้ออกตัวปกป้องขนาดนี้ ฉันล่ะอยากรู้จริง!!

“นนท์...พอแล้ว รินขอล่ะ อย่ามีเรื่องกันเลย” หญิงสาวขอร้องเสียงอ่อนและนนทนัฐก็ยอมฟังแต่โดยดี ชายหนุ่มหันมามองดวงหน้าหวาน อารมณ์ที่ว่าเย็นลงแล้วกลับพุ่งพล่านขึ้นมาอีกจนเกินจุดสูงสุด เมื่อเห็นรอยแดงเป็นปื้นที่แก้มข้างหนึ่งของริน

มือหนาหากไม่หยาบกระด้างแตะข้างแก้มที่แดงเป็นรอยนิ้วมือนั่นเบาๆ แล้วเจ้าตัวก็แทบบ้าเมื่อคิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นด้วยความเจ็บปวด นนทนัฐกำหมัดแน่นด้วยความโกรธล้นปรี่

มันจะมากไปแล้วไอ้ดล มากไปแล้ว!!

พลั่ก!!

นนทนัฐปล่อยหมัดลุ่นๆเข้าเต็มหน้าของธนาดลจนอีกฝ่ายเซถลาเพราะแรงหมัด ธนาดลสะบัดหัวเเพื่อไล่ความมึนออกไป มือหนาแตะมุมปากของตัวเองเพราะรับรสของเค็มของลิ่มเลือด

“ต่อไปนี้ถ้ารินเจ็บตัวอีกแม้แต่นิดเดียว ฉันไม่เอาแกไว้แน่!”

“แกเป็นอะไรกับผู้หญิงคนนี้” ธนาดลมองไปทางรินด้วยหางตา

“รินเป็นผู้หญิงที่ฉันรัก เพราะฉะนั้นฉันจะไม่ยอให้รินเจ็บตัวเพราะแก ไม่มีทาง!!” นนทนัฐประกาศกร้าว ดึงรินให้เดินตามออกไปข้างนอกโดยมีสายตาของธนาดลไล่ตามหลัง

“เจ็บมั้ยคะดล” ชินานาฏเข้ามาดูแผลที่มุมปากของชายหนุ่มอย่างประจบประแจง

“มันเป็นใครกัน ป่าเถื่อนที่สุด ยัยรินนั่นก็อีกคน คอยดูนะนาฏจะจัดการให้หลาบจำ”

ธนาดลแทบจะไม่สนใจกับคำพูดของชินานาฏลยแม้แต่น้อย เพราะตอนนี้ในหัวของชายหนุ่มมีแต่คำพูดประโยคสุดท้ายของนนทนัฐ

‘รินเป็นผู้หญิงที่ฉันรัก เพราะฉะนั้นฉันจะไม่ยอให้รินเจ็บตัวเพราะแก ไม่มีทาง!!’

…ผู้หญิงที่แกรักงั้นเหรอ เข้าใจอะไรผิดไปรึเปล่าไอ้นนท์ ศรินดาเป็นของฉัน ต่อให้ตายผู้หญิงคนนั้นก็ต้องเป็นของฉัน หึ! แล้วฉันจะคอยดู วันที่แกทุรนทุราย วันที่ผู้หญิงที่แกรักรักหนาเป็นของฉัน วันที่ฉันแย่งของรักมาจากแก!!...











รินเดินตามแรงดึงของนนทนัฐโดยไม่พูดอะไรซักคำ จนอีกฝ่ายหยุดนั่นล่ะ หญิงสาวถึงมองชายหนุ่มด้วยสายตาที่ไม่พอใจ

“รินไม่พอใจอะไรนนท์ใช่มั้ย” นนทนัฐถามเสียงอ่อนเพราะรู้ตัวดีว่าที่ต่อยธนาดลไป มันออกจะวู่วามไปหน่อย

“รู้ด้วยเหรอ” รินตอบเสียงสะบัด

“นนท์ทำอะไรรู้บ้างไหม รู้ทั้งรู้ว่าคุณดลอารมณ์ร้าย ถ้าเขาต่อยนนท์กลับ นนท์จะเจ็บกว่าเขารู้บ้างหรือเปล่า” พอหญิงสาวพูดจบ นนทนัฐถึงกับยิ้มกว้างออกมา จนคนที่กำลังโกรธขมวดคิ้วอย่างสงสัย

“ยิ้มอะไร”

“ดีใจ...ที่รินเป็นห่วง” เพียงแค่นั้นองศาร้อนก็วูบวาบที่ใบหน้าหวาน หากเจ้าตัวก็กลบเกลื่อนอาการด้วยน้ำเสียงเข้มๆ

“ก็รู้นี่ว่าคนเขาเป็นห่วง ทีหลังอย่าไปมีเรื่องกับคุณดลอีกนะ ถือว่ารินขอ”

“ทำไมล่ะริน มันรังแกรินขนาดนั้น ทำไมรินต้องไปยอมมัน” รินก้มหน้าลงต่ำเพื่อปิดบังรอยบางอย่างในดวงตา

“รินไม่มีสิทธิ์หรอกนนท์ นนท์ก็ได้ยินนี่ เขาไม่รับรินเป็นน้องมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว รินมันก็แค่ลูกเลี้ยซึ่งเขาไม่เคยเห็นรินเป็นด้วยซ้ำ เขาเกลียดรินเพราะแม่รินทำให้แม่เขาตาย เพราะแม่รินแย่งพ่อเลี้ยงธฤตมาจากแม่ของเขา เขาเลยโยนความแค้นั้งหมดมาที่ริน เพราะถ้ารินเจ็บแม่ก็จะเจ็บยิ่งกว่า เขาต้องการให้รินทรมานเจียนตาย”

“จะ...จริงเหรอริน ที่แม่รินแย่งพ่อเลี้ยงธฤตมา” นนทนัฐถามอย่างไม่เชื่อหูเพราะเท่าที่เขารู้จักมารดาของศรินดา...น้าริสา ไม่น่าจะเป็นคนแบบนั้น

ศรินดาส่ายหน้า “แม่บอกว่าคุณพ่อจะขอหย่ากับแม่คุณดลมานานแล้ว ช่วงนั้น...ตอนที่พ่อรินเสีย แม่ขึ้นมาทำงานบัญชีที่ไร่นี้พอดี ท่านทั้งสองคนรักกัน คุณพ่อเลยตัดสินใจที่จะหย่ากับแม่ของคุณดล คุณดลติดแม่มากเลยไปอยู่กับกับแม่ของเขา ส่วนพี่ต้นอยู่กับคุณพ่อ พอตอนหลังแม่ของคุณดลตาย คุณดลเลยย้ายมาอยู่ที่นี่ ช่วงที่แม่ของคุณดลป่วย รินไม่รู้ว่าคุณดลรู้อะไรมาบ้าง แต่พอเขาเจอรินกับแม่เขาก็อาละวาดใส่ลูกเดียว เขาบอกว่าแม่รินแย่งคุณพ่อไปจากเขา แม่รินทำให้แม่เขาตายอย่างทรมาน ถ้าไม่มีแม่รินแม่เขาก็จะไม่ตาย”

นนทนัฐรู้สึกเห็นใจหญิงสาวอย่าบอกไม่ถูก ทำไมรินต้องมารับกรรมกับสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ก่อด้วย คิดแล้วยิ่งแค้นไอ้บ้านั่นนัก ชายหนุ่มหมายมั่นในใจหากธนาดลทำอะไรศรินดาเขาจะไม่มีวันให้อภัยมันเลย!!

“นนท์จะปกป้องรินเอง” นนทนัฐจ้องลึกไปในดวงตากลมโตอย่างค้นหา รินหลบสายตาคู่นั้นของชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว เพราะรู้ว่านนทนัฐจะพูดอะไรต่อไป

“คบกับนนท์นะริน” นั่นอย่างไร...เธอกะแล้วว่านนท์จะต้องพูดแบบนี้ แต่ถ้าจะเอาคำตอบตอนนี้ มันยังเร็วไป เธอยังหาคำตอบให้กับเขาไม่ได้

“คือริน...รินขอโทษนะนนท์ รินยังให้คำตอบนนท์ตอนนี้ไม่ได้ รินขอเวลานนท์หน่อยได้ไหม”
นนทนัฐยิ้มบางๆอย่างเข้าใจ “ได้สิ...นนท์รอรินมาตั้งแต่เรียนมหา’ลัย ทำไมแค่นี้นนท์ถึงจะรอรินไม่ได้”

“ขอบคุณนะนนท์” รินยิ้มหวานให้จนนนทนัฐยิ้มแก้มแทบปริ

“เฮ้อ...วันนี้ฝันดีแน่เล้ย รินยิ้มหวานให้ด้วย” รินตีแขนอีกฝ่ายเบาๆ แล้วเสียงหัวเราะของทั้งสองคนก็ดังออกมา

“รินอยู่ได้แน่นะ” นนทนัฐถามเป็นรอบที่เท่าไหร่ศรินดาเองก็ไม่ได้นับเพราะมันมากเหลือเกิน

“ได้สิ...คราวนี้รินจะไม่ยอมแล้ว ถ้าผู้หญิงคนนั้นทำอะไรริน รินจะทำกลับ ดีไหม”

“ดี” ชายหนุ่มตอบกลับทันที “ยัยนั่นทำมา รินสวนไปเลย ถ้าไอ้ดลมันทำอะไรริน โทรหานนท์เลยนะ เดี๋ยวนนท์จะมาช่วยรินเอง” รินยิ้มๆกับคำพูดนั้น

“จ้ะ” รินยิ้มหวานให้อีกที มองจนรถของนนทนัฐลับตา หญิงสาวถอนหายใจหนักๆออกมาหนึ่งเฮือก สายตามองเข้าไปในบ้าหลังใหญ่

...เอาน่ะ! เป็นไงเป็นกัน ตายเป็นตาย!!...

แล้วร่างบางก็เดินฉับๆเข้าไปในบ้าน แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเจอสายตาเย็นชามองมาทางเธอ ผู้ชายที่ชื่อ
ธนาดลดำลังนั่งอยู่ที่โซฟารับแขก ที่แปลกก็คือข้างตัวเขาไม่มียัยชินานาฏอะไรนั่นอยู่ด้วย

รินมองแผลข้างมุมปากของเขาอย่างสะใจ เจ็บมากใช่ไหมคุณดล หึ! สม คนอย่างคุณ เจ็บแค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ

“มองอะไร” เสียงทุ้มห้าวถามห้วนๆ

“เปล่า” รินปฏิเสธ

“ก็ฉันเห็นว่าเธอมอง”

“ก็ฉันบอกว่าเปล่า” รินเถียงอย่างไม่ลดละ

“ทำแผลให้ฉันหน่อย” เสียงนั้นยังคงสั่งเข้มๆ

“อะไรนะ” รินถามกลับอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง

...นี่เขากะจะมาไม้ไหนอีก...

“ก็แผลที่ไอ้นนท์มันฝากไว้ เพราะใครล่ะ? เธอไม่คิดจะรับผิดชอบผลงานตัวเองบ้างหรือยังไง”

“สมแล้วที่โดน” รินพูดเบาๆ แต่ก็ไปหยิบชุดปฐมพยาบาลมาทำแผลให้ธนาดลแต่โดยดี

...หึๆๆ ทำแผลเหรอคุณดล ได้สิคะ เดี๋ยวนางพยาบาลคนนี้จะทำแผลให้แสบไปถึงขั้วหัวใจเลย!...

รินคีบสำลีที่จุ่มแอลกอฮอล์จนชุ่มและเล็งเจ้าก้อนสำลีนั้นไปที่มุมปากของธนาดล

“แอลกอฮอล์...ฆ่าเชื้อโรค” หญิงสาวบอกเบาๆทว่าในใจกลับคิดเอาคืนเต็มที่

ธนาดลมองสำลีที่ชุ่มไปด้วยแอลกอฮอล์อย่างหวาดๆ นี่เขาคิดถูกรือคิดผิดกันแน่ที่จะแกล้งผู้หญิงคนนี้ แทนที่แอลกอฮอล์จะถูกเช็ดเพื่อฆ่าเชื้อโรคแค่รอบแผล แต่มันกลับถูกวางแปะลงบนแผลเต็มๆ ไม่เพียงแค่นั้นเพราะยังมีแรงที่หนักมือกดซ้ำลงไปอีกที

“โอ๊ย! แสบ...ซี้ด...” ชายหนุ่มร้องโอดครวญ โอ๊ย! จะพูดมากก็ไม่ได้ แสบแผล! ยัยตัวแสบ อย่าให้ฉันเอาคืนเธอบ้างนะ

รินอมยิ้มทั้งที่ใจจริงอบากจะหัวเราะให้ท้องคัดท้องแข็ง

...ไงล่ะคุณดล ฝีมือทำแผลของพยาบาลคนนี้ ‘แสบ’ ไปถึงขั้วหัวใจเลยมั้ยคะ…

“อยู่นิ่งๆสิคุณ” รินตวาดคนที่ปัดมือเธอออก ก่อนที่เธอจะเอาสำลีชุ่มแอลกอฮอล์ก้อนที่สองโปะอีกครั้ง...เพื่อความสะใจส่วนตัว

“เธอจะบ้าเหรอ! ใครเขาใช้แอลกอฮอล์ เช็ดในแผลกัน” ธนาดลว่า รินแกล้งทำตาโตอย่างไม่เคยรู้เรื่องแบบนี้มาก่อน

“เหรอคะ...ฉันไม่ยักรู้ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว อีกซักทีก็แล้วกันนะคะ” รินเล่นทีเผลอ มือเรียวโปะสำลีชุ่มแอลกอฮอล์บนแผลปากแตกนั่นอีกครั้ง แถมแรงกว่าเดิมอีกต่างหาก

“โอ๊ย!!! แสบบบบ!!!” ธนาดลโวยลั่นบ้าน นิ่วเข้มขมวดนิ่วบอกได้ถึงรสชาติของความเจ็บปวดเป็นอย่างดี ศรินดาจึงรีบถอยห่างมนุษย์ที่กำลังจะแปลงร่างเป็นมังกรพ่นไฟ

“เป็นอะไรคะดล!” ชินานาฏวิ่งมาจากไหนไม่รู้ รินมองภาพหญิงสาวที่แตะแผลชายหนุ่มเบาๆอย่างนึกขัน

...แสบจนชาแล้วใช่มั้ยล่ะคุณดล สมน้ำหน้า!...

“แกทำอะไรดล” ชินานาฏถามเสียงขุ่น รินถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน มันจะอะไรกันนักหนานะ!

“ทำแผล”

“ใครใช้ให้เสนอหน้ามาทำ” คราวนี้รินมองอีกฝ่ายดวงแววตาขุ่นมัวบ้าง

“ฉันก็ไม่อยากจะเสนอหน้ามาทำนักหรอกนะ ถ้าใครบางคนไม่บอกให้มาทำให้ เอ๊ะ! หรือว่าเขาเชื่อมือฉันมากกว่าใครบางคน” ไม่วายที่จะหยอดคำให้อีกฝ่ายเต้นร่ำด้วยความโกรธ

“แล้วแกทำแผลให้ดลยังไง เขาถึงได้เจ็บขนาดนี้" สาวสวยวีนเสียงสูง

“ไม่รู้ ไม่ได้เป็นพยาบาล” แล้วบ้านก็แทบแตกเมื่อสาวสวยอิมพอร์ตมาจากเมืองนอกร้องกรี๊ดๆๆลั่นบ้าน

“แก...ขอตบให้หายหมั่นไส้สักทีเถอะ” ชินานาฏเงื้อมือจะตบรินอีกฉาด คราวนี้รินเงื้อมือขึ้นกลางอากาศบ้าง

“ฉันก็มีมือเหมือนกันนะคะคุณนาฏ วันนี้คุณตบฉันทีนึงมันก็มากเกินพอแล้ว ถ้าคุณทำร้ายฉันอีกที ฉันเอาคุณคืนแน่ ไม่เชื่อก็ลองดู” รินบอกอย่างไม่เกรงกลัว วันนี้เธอโดนทำร้ายมามากพอแล้ว ถ้า ‘ใคร’ จะมาทำร้ายเธออีก คอยดู...แม่จะสู้ยิบตาเลย

ชินานาฏลดมือลงเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายเอาจริง ดวงหน้าสวยเก๋สะบัดพรืดไปหาธนาดลก่อนที่จะจีบปากจีบคอประจบประแจง

“ดลคะ มันกล้าขึ้นเสียงกับนาฏ ดลจัดการให้นาฏนะ”

ธนาดลมองมาที่รินด้วยแววตาคมกริบ “ลืมฐานะของตัวเองไปหรือเปล่า” เขาถามเธอเรียบๆ และเบา เพราะเจ้าตัวยังคงแสบแผลที่มุมปากด้วยฝีมือของผู้หญิงที่ชื่อ...ศรินดา

“ฉันไม่เคยลืมฐานะของตัวเองค่ะ ฐานะของฉันคือลูกสาวของพ่อเลี้ยงธฤต น้องสาวของพี่ต้น ส่วนคนอื่นจะคิดว่าฉันเป็นแค่ตัวอะไร ฉันไม่สนใจ” รินหันหลังเดินออกจากจากจุดนั้นโดยไม่สนเลยว่าธนาดลจะมองเธอด้วยสายตาอย่างไร

“ลูกสาวของพ่อเลี้ยงธฤตงั้นเหรอ เธอพูดมันออกมาได้ยังไงศรินดา ภูมิใจนักหรือไงที่ได้เป็นลูกสาวของพ่อเลี้ยงธฤตเพราะแม่เธอแย่งพ่อฉันไป ภูมิใจนักรึไงที่แม่เธอแย่งผัวชาวบ้าน ภูมิใจนักเหรอที่เป็นลูกสาวของฆาตกรที่ฆ่าแม่ฉันอย่างเลือดเย็น!”

ธนาดลพูดออกมาอย่างเหลืออด ไม่สนความเจ็บแสบที่มุมปากที่เจ็บทุกครั้งยามพูดออกมาแต่ละคำ

“มากไปแล้วนะดล!” ธนาดลหันควับมองตามเสียงทันที ศรินดาเองก็เช่นกัน

พ่อเลี้ยงธฤตเดินเข้ามาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ใบหน้าที่มีริ้วรอยเหี่ยวย่นสมวัยหากแต่ยังคงเหลือเค้าความหล่อในสมัยหนุ่มในดูออก บ่งบอกถึงอารมณ์ที่โกรธเกรี้ยวเมื่อได้ยินคำปรามาศจากลูกชาย

ธนาดลเพียงแค่ตกใจในตอนแรกเท่านั้นเพราะตอนนี้ชายหนุ่มกล้าพอที่จะมองบิดาเต็มดวงตา

“มากไปตรงไหนครับพ่อ พ่อทิ้งแม่ไปแต่งงานใหม่กับผู้หญิงอย่างนี้ ผมถามว่ามันมากไปตรงไหน!" ธนาดลชี้นิ้วไปทางมารดาศรินดาที่ตอนนี้ยืนเคียงข้างอยู่ข้างบุตรสาว

“ไอ้ดล!”

ธนาดลเบิกตาโพลงเมื่อคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อบังเกิดเกล้าเรียกลูกว่า ‘ไอ้’

“พ่อเรียกผมว่าไอ้ เพราะผู้หญิงอย่างนี้เหรอ พ่อโกรธลูกแท้ๆของตัวเองเพราะผู้หญิงอย่างนี้งั้นหรือครับ” คนเป็นลูกชายถามด้วยดวงตาที่แข็งกร้าว หากลึกๆในดวงตาคู่คมกลับแฝงไปด้วยร่องรอยของหยาดน้ำตา

“แม่แกไม่ได้สอนเรื่องสัมมาคารวะหรือยังไง”

“พ่อไม่มีสิทธิ์มาว่าแม่! พ่อไม่มีสิทธิมาพูดอะไรถึงแม่ทั้งนั้น พ่อเลือดเย็นพอที่จะทิ้งแม่ เพราะฉะนั้นพ่อไม่มีสิทธิ์ที่จะมาว่าอะไรแม่ผม!!” ธนาดลสวนกลับอย่างดุเดือด

“คุณดลคะ ค่อยๆพูดกันก็ได้นะคะ คุณพ่อไม่ค่อย...”

“ไม่ใช่เรื่องของคุณ!” ธนาดลหันมาตวาดใส่มารดาศรินดาที่พยายามจะเข้ามาเป็นตัวกลางระหว่างสองพ่อลูกเพื่อให้สถานการณ์เย็นลง แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย

“อย่ามาตีสองหน้า ผู้หญิงอย่างคุณมันก็ดีแต่แย่งผัวชาวบ้าน พอผัวเก่าตายปุ๊บ ก็หาทางจับผู้ชายรวยๆปั๊บ แล้วพ่อผมก็ตาต่ำไปเลือกผู้หญิงอย่างคุณ ไงล่ะ คุณได้ทุกอย่างตามที่ต้องการแล้วนี่ คุณแย่งทุกอย่างไปจากแม่ผม แย่งความสุขไปจากท่าน!”

เผียะ!!!

เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าดังก้องไปทั้งห้อง ใบหน้าขาวของธนาดลหันไปตามแรงฝ่ามือของบิดาที่ประทับลงบนหน้า...ข้างเดียวกับแผลที่นนทนัฐต่อยไปเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา ตาคมจ้องมองบิดาอย่างเคืองโกรธผสมปนเปไปกับความน้อยเนื้อต่ำใจ

“แกมันก้าวร้าวไปแล้วนะ...ธนาดล!!” พ่อเลี้ยงธฤตตวาดลูกชายคนเล็กเสียงดัง

“ใช่สิ!! ผมมันชั่ว ผมมันก้าวร้าว แต่ผมคงดีอยู่อย่างหนึ่ง เพราะผมคงไม่เลือดเย็นพอที่จะขอหย่าผู้หญิงที่
เป็นมะเร็งขั้นสุดท้าย!” บิดาของชายหนุ่มเบิกตาโพลง

“แก...แกว่าอะไรนะ ใคร....เป็นมะเร็ง....” แล้วชายชราอายุหกสิบกว่าก็ทรุดฮวบลงกับพื้น

“คุณธฤต!”

“คุณพ่อ!”

-------------------------------------------------------------------------------------------

อย่าเพิ่งสาปแช่งคุณดลกันนะคะ อย่างที่บอกไปตั้งแต่แรกค่ะ ผู้ชายคนนี้...แรงพอตัวทีเดียว -.-!

ชอบไม่ชอบยังไงบอกได้นะคะ :) ติ-ชมได้เสมอเลยค่ะ


คุยกันหลังเรื่องค่าาา...

คุณ anOO : คงจะต้องเป็นเช่นนั้นค่ะ เค้าแค้นมากนี่คะ รักแม่มากเห็นแม่ตัวเองต้องเศร้าขนาดนั้น เพราะความเป็นเด็กเลยโกรธคนที่มาแย่งความรักของพ่อไปน่ะค่ะ

คุณ ดาวคันชั่ง : เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเชียวค่ะ น่าหมั่นไส้ยัยคุณนาฏมากๆ

คุณ หมูบูลิน : ตอนนี้หนูรินได้เอาคืนคุณดลนิดหน่อยค่ะ แต่แค่นิด...เดียวจริงๆเล้ย

คุณ nunoi : ใจร้ายมากค่ะ และยังสามารถจะร้ายได้กว่านี้ เง้ออออ...

คุณ viengkawe : จะพยายามไม่ให้ใจร้ายมากไปกว่านี้ค่ะ จะพยายามค้าาาา

คุณ บุรีวาด : ฮืออออ...ใจร้ายจริงๆค่ะ เป็นพระเอกของปอแก้วที่ร้ายที่สุดไปเลย

คุณ Amata : ฮ่าาาาาา...ต้องรอดูต่อไปค่ะว่าจะ 'รักแรง' หรือไม่ อิอิอิอิ



ปอแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 มี.ค. 2555, 08:44:53 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 มี.ค. 2555, 08:55:41 น.

จำนวนการเข้าชม : 1994





<< บทที่ 3   บทที่ 5 >>
Amata 28 มี.ค. 2555, 12:12:51 น.
เจาะจงใช้หนูรินดูแลอย่างนี้ ส่อเจตนาว่าจะแกล้ง แล้วทำไมถึงยอมให้หนูรินดูแลล่ะ ขัดใจจริง


บุรีวาด 28 มี.ค. 2555, 13:52:17 น.
อ๋า...พระเอกทำงี้ได้ไงคะ ปล่อยให้นางเอกถูกตบได้ไง สงสารหนูริน อ่ะ


WallyValent 28 มี.ค. 2555, 13:59:30 น.
Vote คุณ ดล ออกไปจากเรื่องนี้!!! 55+


ดาวคันชั่ง 28 มี.ค. 2555, 16:05:51 น.
แอบสะใจนิดนึงตอนทำแผล ฮ่า
ชอบคู่หมอน้ำกับพี่ต้น ต่างคนต่างซึนซะงั้น
ตอนหน้าพ่อเลี้ยงจะเป็นไรมากมั้ยเนี่ย ><


anOO 28 มี.ค. 2555, 16:40:48 น.
เพราะแบบนี้นี่เอง นายดลถึงได้เกลียดแม่ของรินมากขนาดนี้


nunoi 28 มี.ค. 2555, 23:55:31 น.
เข้าใจนายดลนะที่เกลียดแม่ริน คงเสียใจน่าดูที่เห็นแม่ทรมาน แต่ก็ไม่น่าจะมาลงกับหนูรินขนาดนี้น่ะ


กานตี 29 มี.ค. 2555, 08:21:10 น.
เดี๋ยวเข้าไปอ่านตอนแรกๆ ก่อนนะคะ


teesaparn 30 มี.ค. 2555, 11:23:12 น.
ขะใจ๋ปั่น ข้าเจ้าอยากอ่านต๋อนต่อไป


มุกมาดา 3 เม.ย. 2555, 15:47:32 น.
อืม ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง นายดลถึงเกลียดแม่นางเอกขนาดนี้ หนูรินเลยซวยไป


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account