ทรัพย์สิดี ชื่อนี้ที่ผมรัก (รีไรท์)
เป็นเรื่องเก่าที่เคยลงที่นี่แล้ว เมื่อ 3-4 ปีก่อนได้มั้งคะ ตอนนี้เราเอามารีไรท์ใหม่ เพราะต้องการส่งสำนักพิมพ์แบบจริงจัง เพราะตอนนี้เรียนจบแล้ว มีเวลาแล้ว ถ้าคนที่เคยอ่านแล้ว เราก็ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ลงซ้ำซาก แต่ถ้าช่วยอ่านตอนรีไรท์ใหม่อีกครั้ง และลงคำติชมไว้ เพื่อแก้ไข้ก่อนส่งสำนักพิมพ์ เราก็ยินดีและขอบคุณมากเลยค่ะ สำหรับใครที่ไม่เคยอ่าน ก็รบกวนลงคำติชมไว้เพื่อการปรับปรุงได้นะคะ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ

เรื่องย่อ...

พนักงานสาวออฟฟิศที่กำลังจะไปสัมภาษณ์งานใหม่ ปรากฏว่าชนชายคนหนึ่ง ล้มลงที่สถานีรถไฟฟ้า หล่อนโวยวายและทุบตีเขา แต่ที่ไหนได้ ปรากฏว่าเขานั่นแหละคือประธานบริษัทที่หล่อนจะไปสมัครงาน!!!
Tags: Romantic comedy

ตอน: เรื่องใหญ่

ตอนที่ 8

ขอโทษทีค่ะ ไม่ธุระมาหลายวัน

วันนี้เป็นวันดี วันดีจริงๆ เพราะนอกจากฉันจะตื่นก่อนนาฬิกาปลุกแล้ว ฉันยังกระโดดรับหนังสือพิมพ์ที่อาบังส่งหนังสือพิมพ์ชอบโยนเข้ามาในบ้านอยู่เรื่อย บางวันเขาปาหนังสือพิมพ์พลาดเป้าลงไปในบ่อน้ำเล็กๆหน้าบ้าน ฉันเคยบอกเขาด้วยสำเนียงอินเดียสุดๆให้เขาเข้าใจไปว่า

“อีนี่ไม่ต้องโยนหนังสือพิมพ์เข้ามาก็ได้นะจ๊ะนายจ๋า” พร้อมทำท่าสั่นหัวประกอบ ให้กลมกลืนกับวัฒนธรรมของเขา แต่อาบังกลับมองหน้าฉันอย่างรังเกียจแล้วขว้างมันผ่านศีรษะฉันไปเช่นเคย
แต่!!!วันนี้ไม่ใช่ ฉันกระโดดรับหนังสือพิมพ์อย่างสวยงาม เฮ้ย! ฉันไม่ได้ดีใจแค่เรื่องหนังสือพิมพ์สักหน่อย วันนี้เป็นวันดีก็เพราะ เงินเดือนออกแล้ว! 20% ของฉัน!

“แม่ขา วันนี้หนูจะซื้อแป้งทำขนมกับถาดอบขนมอันใหม่ให้แม่นะคะ แม่จะได้ทำ lemon muffin อีก ดีไหมคะ” ฉันถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง มือขวาโบก เครื่องคิดเลขไปมาอวดเงินเดือนงวดแรกให้แม่ดู

แม่เงยหน้าจากหนังสือพิมพ์มามองฉัน “เงินเดือนออกเหรอลูก ดีใจล่ะสิ แต่แม่ว่ารับไปทำงานดกีว่านะ เดี่ยวสาย”

เป็นจริงอย่างที่แม่พูด ฉันจึงรีบลาแม่แล้วออกไปทำงานด้วยความร่าเริง ลัลล้า เรื่องทะเลาะกับหนูเล็ก นั่นจิ๊บจ๊อยไปเลย เดี๋ยวฉันซื้อรองเท้าที่เธออยากได้ไปฝากล่ะจะพูดไม่ออก ฉันนี่มีเงินก็คิดถึงคนอื่นก่อนเลยนะ ดีจริงๆฉันวางแผนไว้แล้วล่ะว่าเงินที่เหลือฉันจะฝากธนาคารแล้วก็จะไปซื้อหนังสืออีก 2-3 เล่ม อืม ฉันซื้อเสื้อใหม่สักตัวดีกว่า

แล้วฉันก็มาถึงที่ทำงาน พร้อมทักทายกับพนักงานหลายคนที่ฉันเริ่มสนิทด้วย จากนั้นเริ่มทำงานอย่างแข็งขัน ฉันต้องโทรนัดประชุมกับบริษัทสิทราสำหรับวันพรุ่งนี้ต้องโทรเลื่อนนัดกับผู้จัดการธนาคาร

“อรุณสวัสดิ์คุณทรัพย์สิดี ดีแต่เกิด” เสียงคุณนรนิทร์ทักฉันอย่างแสนจะแจ่มใส นี่ถ้าเขาไม่เพิ่มให้ฉัน 20% ฉันคงเคืองเขาเรื่องที่ทำกับฉันในหลายวันก่อน แล้วฉันก็ทักทายเขากลับอย่างอารมณ์ดี

“อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณนรินทร์ นราธร ประธานบริษัท นราธรกรุ๊ป”

แล้วฉันก็ต้องเดินตามเขาเข้าไปในห้องทำงานเพื่อรายงานกำหนดการ และส่งเอกสารให้เซ็นต์

คุณนรินทร์นั่งลงบนเก้าอี้ประจำตำแหน่งที่แสนสง่าผ่าเผยอย่างสบายๆ แต่กระนั้นเขาก็ยังดูภูมิฐาน น่าเกรงขาม เอ แต่ฉันว่ามันมีอะไรแปลกไปนะ ห้องทำงานของเขาน่ะดูภูมิฐานก็จริงหรอก โซฟารับแขกก็บุหนังอย่างดี โต๊ะไม้โอ๊ก แสนคลาสสิคแต่ขาดอะไรไปนะ มันไม่เหมือนห้องประธานบริษัท สิทรา ฉันว่าห้องนั้นน่าสบายและน่าดึงดูดมากกว่า ห้องตานี่ต้องขาดอะไรไปบางอย่างแน่

“วันนี้มีอะไรบ้างล่ะคุณสิดี” เขาถามขณะที่ฉันมองไปรอบๆห้องนี้อย่างสงสัย ฉันยังคงไม่ตอบ ฉันต้องรู้ให้ได้สิว่ามันขาดอะไรไป

“คุณสิดี!” เขาเรียกฉันเสียงดัง เริ่มทำหน้าหงิกเล็กๆ คิ้วเข้มนั้นขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ตาคมกริบจ้องฉันเป๋ง

“คะ วันนี้ไม่มีอะไรเลยค่ะ นอกจากเอกสารมากมาย ฉันจัดตารางใหม่น่ะค่ะ แต่พรุ่งนี้ คุณมีประชุม 3 ที่นะคะ แล้วฉันเลื่อนนัดกับผู้จัดการธนาคารไปวันศุกร์ด้วยค่ะ เพราะระหว่างนั้นคุณต้องพิจารณาข้อมูลเรื่องจะตั้งโรงแรมสาขาใหม่น่ะค่ะ” ฉันรายงานอย่างคล่องแคล่ว

“อืม...คุณจัดตารางได้ดีมาก แล้วนี่คุณสิดี คุณไปเบิกเงินเดือนรึยังล่ะ” เขาถาม

“แหมคุณคะเดี๋ยวดิฉันจะไปเบิกตอนเย็นน่ะค่ะ หวังว่าคุณคงไม่ลืมเรื่องเพิ่มเงินเดือน 20%นะคะ” ฉันโปรยยิ้มสวยสุดๆให้ เขายังคงก้มหน้ามองเอกสาร แล้วแอบยิ้ม “ผมไม่ลืมร้อก”

“ขอบคุณมากนะคะ” ฉันพูดในสิ่งที่เขาอยากจะฟังแล้ว และขณะที่ฉันกำลังเดินออกจาห้องทำงานของเขาไป เขาก็พูดอะไรขึ้นมาอีก

“นี่ๆ ผมว่าคุณไปเบิกเงินตอนกลางวันเลยดีกว่านะ เพราะผมจะวานคุณไปจ่ายค่าบัตรเครดิต กับค่าน้ำ ค่าไฟด้วย หมู่นี้ผมขี้ลืมบ่อยๆ”

ฉันไม่ใช่เค้าเตอร์เซอร์วิสนะ แต่นะ 20% สำคัญกว่า

“ได้ค่ะ แต่คุณคะ ฉันมีวิธีนะคะ ถ้าชอบลืมจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟบ่อยๆ คุณไม่เคยดูโฆษณาเหรอคะ ทำตามนี้นะคะ แล้วจะจำได้แน่ๆ” ฉันพูดเสร็จเขาก็มองฉันอย่างสงสัย ฉันรีบเดินถอยห่างโต๊ะทำงานเขานิดหนึ่ง จัดท่ายืนให้สวยงามแล้วก็เริ่มสอนวิธีที่เขาจะได้ไม่ลืมจ่ายค่าน้ำค่าไฟ แล้วฉันก็ร้องเพลงประกอบท่าเต้น เอาสองมือมาแตะหัว ไล่ลงไปที่ไหล่ เอว แล้วก็สะโพก ตามลำดับ

“ค่านำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่างวดบัตรเครดิต อย่าลืม ยู้ฮู! ค่าน้ำค่าไฟค่าโทรศัพท์ ค่างวดบัตรเครดิต อย่าลืม ยู้......”

“คุณไปทำงานได้แล้วคุณสิดี!” เขาตวาดฉันเสียอย่างนั้น ใจร้ายที่สุด! ฉันยังเต้นไม่จบเลยนะ ฉันหยุดทันทีในท่าเอามือแตะศีรษะ คงเหมือนตัวตลกปัญญาอ่อน แต่ฉันหวังดีนี่นา! เป็นอีกครั้งที่ฉันไม่มีทางเลือกนอกจากเดินคอตกออกจากห้องเขาไปแต่ตาบ้ายังตะโกนไล่หลังฉัน “อย่าลืมจ่ายให้ผมด้วยนะ!”

เออๆ รวยขนาดนั้นก็ take over เค้าเตอร์เซอร์วิสมาไว้หน้าบ้านตัวเองเสียเลยสิ

ฉันตั้งต้นทำงานต่อไปสักพัก แล้วก็ได้เห็นคุณทิมมาหยุดยืนหน้าโต๊ะทำงานของฉัน

“มีอะไรให้รับใช้คะ” ฉันถามตามมารยาท แต่ความรู้สึกของฉันบอกว่า มันต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่ๆ เอ่อ ไม่รู้สิ คุณทิมเธอก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอก แต่สัมผัสที่ 6 ของฉัน เตือนว่าอยู่ห่างๆผู้หญิงคนนี้จะดีกว่า

“ฉันมาพบท่านประธาน” เธอตอบฉันเรียบๆ ในดวงตามีแววกังวล

ฉันไม่รีรอรีบต่อสายตรงไปหาคุณนรินทร์ทันที

“คุณทิมมาขอพบค่ะท่าน” ฉันแจ้งเขาไป

ฝ่ายนั้นกลับเงียบ ไม่มีเสียงตอบมาสักนิด

“คุณคะ...” ฉันเรียกเขาอีกครั้ง

“คุณสิดีช่วยบอกคุณทิมด้วยว่าผมไม่ว่าง” เขาตอบกลับห้วนๆแล้วกดตัดสายไป

ฉันรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เพราะไม่ว่าคุณนรินทร์จะงานยุ่งขนาดไหน แต่ถ้ามีใครต้องการพบ เขาก็ยินดีต้อนรับเสมอ

“ขอโทษด้วยค่ะคุณทิม คุณนรินทร์บอกว่าไม่ว่าง คุณค่อยมาหาท่านอีกครั้งตอนเที่ยงน่าจะดีนะคะ” ฉันบอกคุณทิมที่ยืนตีหน้าแหยใส่

“ไม่ได้ ฉันต้องเข้าพบเดี๋ยวนี้” หล่อนเริ่มขึ้นเสียงกับฉัน ฉันพยายามสะกดอารมณ์ เพราะคุณนรินทร์เคยสั่งสอนถึงมารยาทอันพึงกระทำของพนักงานบริษัทนราธร เอ๊ะ! แล้วเจ๊ทับทิม เธอไม่ใช่พนักงานที่นี่รึไงกัน

“ท่านบอกว่าไม่ว่างจริงๆค่ะ“ แต่แม่เจ้าโว้ย! พอสิ้นเสียงฉันเธอก็พรวดพราดวิ่งผ่านฉันตรงไปยังประตูห้องทำงานคุณนรินทร์ทันที พนักงานแถวนั้นเริ่มหันมาให้ความสนใจกันใหญ่ แต่ขอโทษ! ก้นใหญ่ๆของคุณทิมคงจะทำให้เธอวิ่งช้าไปหน่อย เพราะฉันลุกปราดเดียวก็ไปกันหล่อนที่หน้าประตูไว้ได้ทัน

ฉันยื่นแขนสองข้างกันเธอไว้ แต่คุณทิมกลับจับแขนฉันแล้วพยายามเหวี่ยงฉันออกไปให้พ้นทาง เฮ้ย! นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกันเนี่ย ฉันก็ไม่ยอมให้หล่อนทำฝ่ายเดียวหรอก แต่ลำพังฉันคนเดียวก็คงจะต้านทานพลังหมูบินของเธอไม่ไหว ตอนนี้เธอเริ่มจับตัวฉันกระแทกกับประตูแล้ว

“คุณนลิน! ใครก็ได้ช่วยฉันที โอ๊ย! ยัยช้างน้ำจะคว่ำฉันได้แล้ว” ฉันร้องโวยวายขอความช่วยเหลือจากคุณนลินฝ่ายโฆษณาที่นั่งทำงานอยู่แถวนั้น และไม่นานทั้งคุณนลินรวมถึงพนักงานคนอื่นก็เริ่มโวยวายแล้วเข้ามาดึงตัวยัยทับทิมออกไป ฉันหมดแรงล้มลงตรงหน้าประตู แรงกระแทกของเธอเมื่อกี้ทำเอาฉันเจ็บไปหมด มือเธอใหญ่มาก จับแขนฉันแน่นแล้วบีบใหญ่ ให้ตาย ปวดข้อมือจัง ว้าย!!!!

จู่ๆ คุณนรินทร์ก็เปิดประตูห้องทำงานออกมา ทำเอาฉันที่นั่งพิงประตูอยู่หงายหลังไปนอนแทบเท้าเขา

“เกิดอะไรขึ้น! คุณสิดี เป็นอะไรรึเปล่า” เขาถามเสียงตกใจ แต่ยังคงตั้งสติได้ดี เมื่อเห็นคุณทับทิมถูก ขจรฝ่ายขาย กึ่งลากกึ่งฉุด ออกไปจากบริเวณเกิดเหตุ แล้วเขาก็พยุงฉันลุกขึ้นไปนั่งเก้าอี้

“ผมถามว่าเกิดอะไรขึ้น!!! คุณนลิน เมื่อกี้คุณทับทิมทำอะไร” ฉันได้ยินเขาตะคอกถามพนักงานแถวนั้น คุณนลินเล่าเหตุการณ์เท่าที่เห็น ตัวฉันกำลังมึนไปหมด เลยได้แต่นั่งนวดแขนตัวเอง

เมื่อคุณนรินทร์รับรู้เรื่องราวทั้งหมด ก็ประกาศก้องว่าเรื่องจบลงแล้ว ให้ทุกคนทำงานต่อไป คุณนลินยิ้มให้ฉันทีหนึ่งแล้ว กลับไปประจำที่ของเธอ ส่วนคุณนรินทร์ฉุดตัวฉันให้ลุกขึ้น แล้วพาเข้าไปในห้องทำงาน จากนั้นก็สั่งฉันให้นั่งตามสบายที่โซฟาหนานุ่ม แล้วเดินไปหยิบยาหม่องน้ำ เซียงเพียงอิ๊วมาให้ฉัน แม่ฉันก็มีขวดนึงนะที่บ้าน 

“ทาตรงที่ปวดซะ” เขายื่นให้พร้อมกับสั่ง แล้วก็เดินไปโทรศัพท์ที่โต๊ะทำงาน

“ขจร บอกคุณทับทิมว่า ผมพักงานเธอ 1 อาทิตย์ อ้อ บอกเธออีกด้วยนะว่า ถ้ายังจะพบผมนอกจากเรื่องงานล่ะก็ ให้เธอเตรียมตัว สมัครงานที่อื่นไว้ได้เลย”

โอ้ว!!!! มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันนี่!!!! คุณนรินทร์หน้าตาหน้ากลัวมากตอนนี้ ฉันจะถามอะไรตั้งมากมาย แต่รักษาชีวิตสำคัญที่สุด

“คุณเป็นอะไรมากรึเปล่า” เขาถามฉันอย่างห่วงใย ขณะที่ทิ้งตัวลงข้างๆ พลางพลิกแขนฉันดู
“ก็เคล็ดขัดยอกธรรมดาน่ะค่ะ แรงคุณทิมเธอเยอะจริงๆ ท่านไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ เดี๋ยวดิฉันไปทำงานต่อนะคะ” แล้วฉันก็ลุกขึ้น

“เดี๋ยวก่อน” เขาเรียก อืม เขาใจดีจังนะ ห่วงแม้กระทั่ง เลขาตัวเล็กๆ

“ส่งขวดเซียงเพียวอิ๊วคืนมาด้วย” หะ?

ฉันมองไปที่มือตัวเองก็เห็นว่ากำยาหม่องน้ำนั้นไว้แน่น จากนั้นก็ยื่นคืนให้เขา กล่าวขอบคุณอีกทีที่ให้ยืม แล้วออกมาทำงานตามปกติ แต่ปวดแขนจัง ยายทิมตัวแสบเอ๊ย! แต่เธอก็ได้รับบทเรียนแล้วล่ะ แต่นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมเธอต้องโมโหขนาดนั้น โอ๊ะ! รึว่า ไม่นะๆๆๆ อย่าบอกนะว่าท่านประธานทำเจ๊ทิมท้อง แล้วไม่รับผิดชอบ โอ๊ย!!! แย่ที่สุด รู้อย่างนี้ฉันปล่อยให้คุณทิม เข้าไปก็ดีหรอก

แต่พอฉันออกมาจากห้องทำงานของเขา พนักงานทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด กำลังพูดคุยถึงเรื่องนี้กันใหญ่ หลายคนไต่ถามฉันอย่างห่วงใย พร้อมกลับพลิกแขนฉันดูว่าเจ็บตรงไหนบ้างรึเปล่า

“ซวยจริงๆเลยนะสิดี แต่รู้ไหม ยายทิมคงไม่กระแทกเธอแรงขนาดนั้นหรอก ถ้าเธอไม่เรียกหล่อนว่า ‘ช้างน้ำ’ น่ะ” ทิพา พูดเสร็จก็ทำหน้าห่วงใย แล้วเดินจากไป

“แต่ฉันว่า ‘ช้างน้ำ’ เหมาะกับยายนั่นมากเลยล่ะ “ ราตรีคู่ซี้ทิพา ขยิบตาให้ฉันอย่างพอใจแล้วเดินตามเพื่อนสนิทไป

แต่ประโยคสุดท้ายที่ฉันได้ยินเพื่อนซี้ 2 คนนี้คุยกันก็คือ "ต้องเป็นเรื่องนั้นแน่ๆเลยทิพา”

หา!!! คนที่นี่รู้เหรอว่าท่านประธานบริษัททำเจ๊ทิมท้อง!!!! โอ้ว!!! ถึงว่าวันที่ฉันทะเลาะกับยัยทิมเรื่องชื่อท่านประธานเข้าข้างคุณทิมน่าดู ทำไมฉันรู้เรื่องนี้ทีหลังคนอื่นล่ะ

เวลาที่เหลือก่อนพักเที่ยง ฉันนั่งทำงานไป จิตใจว้าวุ่นไป คุณนรินทร์คนที่บอกฉันว่าจะเป็นโสด ทำสาวท้องเสียแล้ว อืม ฉันรู้สึกปวดหัวตึ้บๆ ทำไมคนเราปากกับใจไม่ตรงกันอย่างนี้ เขาไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลย.เฮ้ย ฉันคิดอะไรเนี่ย เรื่องของคนอื่น จะไปยุ่งทำไม ทำงานต่อไปเถอะน่า

พอถึงพักเที่ยง ฉันไปทานข้าวกับคุณนลิน คิดว่ากินอิ่มก่อนแล้วค่อยไปเบิกเงิน พร้อมจ่ายอะไรต่อมิอะไรให้เจ้านาย แต่นึกถึงหน้าเขา ฉันก็ไม่อยากไปจ่ายให้แล้ว

“ยายคุณทิมนี่ ร้ายกาจมากเลยนะ เธอเป็นอะไรรึเปล่าสิดี” นลินถามอย่างห่วงใย

“ไม่เป็นไรมากหรอก ขอบคุณนะนลิน แต่เธอพอรู้ไหมว่า คุณทิมเขาอยากพบท่านประธานเรื่องอะไร” ฉันหยั่งเสียงถาม

นลินมองหน้าฉันงงๆ “เธอยังไม่รู้อีกเหรอสิดี” เสียงเธอดูแปลกใจมาก

“เอ่อก็พอรู้นะ คือท่านประธานทำคุณทิมท้องเหรอ” สิ้นเสียงฉัน นลินแทบจะสำลักข้าวออกมาทั้งปาก
“ใครบอกเธอเนี่ย! ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง คุณนรินทร์คงขึ้นสวรรค์แล้วล่ะ ที่ช่วยทำบุญให้คนอย่างนั้นมีสามีได้น่ะ” แล้วคุณนลิน ก็ขำกลิ้งไม่ยอมหยุด “ใครเป็นคนบอกเธอสิดี เอิ๊กๆๆๆๆ”

ฉันรู้สึกโล่งอกพิกล ฉันมันคิดมากสุดๆเลยนะเนี่ย

“คือฉันคิดเองน่ะ แล้วความจริงมันเป็นยังไงเหรอคะ” ฉันถามอย่างอยากรู้ คุณนรินทร์ ยังเชื่อถือได้อยู่นะเนี่ย
นลิน หันซ้ายหันขวา ดูว่ามีใครแอบฟังรึเปล่า จากนั้นก็เริ่มบอกความจริง

“สิดีเธอรู้จัก คุณถวิการองนางสาวไทยรึเปล่า”
ฉันชักงง ”รู้ค่ะ เธอเคยทำงานที่นี่ใช่มั้ย แต่ตอนนี้ออกไปรับงานบันเทิงใช่รึเปล่า”

คุณนลินพยักหน้าหงึกหงัก “นั่นน่ะแฟนเก่าคุณนรินทร์ ที่ออกไม่ใช่เพราะไปเป็นดาราหรอก เธอหักอกคุณนรินทร์ไปเป็นแฟนคุณ จิทัศน์ สิทราแทนน่ะ“

“แล้วเกี่ยวอะไรกับคุณทิมล่ะคะ ฉันชักงง”

คุณนลินกลอกตาไปมาอย่างร้อนรน “ฟังให้จบก่อนสิคะ...คืองอย่างนี้ค่ะ ยายทิมเนี่ย เป็นลูกสมุน...เอ่อ....ใช้คำว่าอะไรดีล่ะ สาวรับใช้แล้วกัน เป็นสาวรับใช้ คุณถวิกา คอยประจบหลังจากเธอได้ตำแหน่ง ไม่มีพนักงานคนไหนเห่อร้อก มีแต่ยายทิมนี่แหละ แล้วแม่นี่นี่แหละที่เป็นทั้งแม่สื่อให้รักและสื่อให้เลิก กับคุณนรินทร์น่ะ”

ฉันพูดอะไรไม่ออก ได้แต่นั่งฟังคุณนลินปากหวอ คุณนลินหยุดพูดเพื่อดื่มน้ำแล้วเล่าต่อ

“ฉันก็เลยคิดว่า มันมีข่าวออกมาว่าคุณจิทัศน์น่ะเขี่ยคุณถวิกาแล้ว ก็เขาน่ะเสือผู้หญิงจะตายไป ฉะนั้นคนในบริษัทเลยเข้าใจได้ว่า ที่คุณทิมอยากเข้าพบท่านประธานก็เพราะเรื่องเป็นแม่สื่อให้คุณถวิกาไง เธอคงอยากหันมาซบอกท่านประธานของเราอีกรอบ ร้ายจริงๆ”

เอ่อ เรื่องมันเป็นอย่างนี้เองเหรอ ฉันเข้าใจแล้วที่คุณนรินทร์บอกว่าจะเป็นโสดเพราะไม่อยากเสียใครไปอีก เขาน่าสงสารจัง แต่ทำไมฉันไม่เคยรู้ข่าวพวกนี้เลยเนี่ย!!!!

“แล้วคุณนรินทร์ยังให้ยายทิมทำงานอยู่ที่นี่อีกเหรอคะ” เพราะถ้าเป็นฉันคงไล่ออกไปนานแล้ว ไล่ไปเลี้ยงวัวเลยด้วย"

“ก็คุณนรินทร์เขาไม่เคยเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องงานหรอกค่ะ“ คุณนลินบอก

“แต่วันนี้เขาสั่งพักงานยายทิมอาทิตย์นึงเลยนะคะ แถมขู่ว่าจะไล่ออกอีก” ฉันพูด

คุณนลินยิ้มอย่างดีใจ “สมควรแล้วค่ะ นี่แสดงว่าคุณนรินทร์ทนไม่ไหวจริงๆ”

แล้วฉันก็นึกอะไรออก ”คุณนรินทร์ เป็นคู่แข่งกับบริษัทสิทราเพราะเรื่องนี้รึเปล่าคะ”

คุณนลินส่ายหน้า “เปล่าค่ะ แข่งกันมานานแล้ว เรื่องนี้มันเป็นส่วนประกอบ”

ฉันมองนาฬิกา ใกล้หมดเวลาพักแล้วนี่นา “นลินเราฉันขอบใจมากนะ เข้าใจอะไรหลายๆอย่างแล้ว แต่ตอนนี้ต้องไปทำธุระก่อน ไปก่อนนะคะ”

ฉันผละออกมาตรงดิ่งสู่ธนาคาร ในหัวเต็มไปด้วยเรื่องราวของคุณนรินทร์มากมาย เขาถูกหักอก แถมแฟนเก่าก็ไปซบอกศัตรูเสียอีก แม่เขาก็บ๊องๆ ฉันไม่อยากได้ 20% เสียแล้วสิ แล้วฉันก็ให้อภัยเขาที่เคยตะคอกใส่ฉันแล้วกัน เขาไม่มีอารมณ์ขันก็เพราอย่างนี้เองล่ะมั้ง....

เมื่อถึงธนาคาร ฉันรีบชำระค่าบัตรเครดิต ค่าน้ำ ค่าไฟ แล้วก็รีบเบิกเงินของตัวเอง ฉันมองตัวเลขในบัญชีอย่างไม่เข้าใจ

“ขอโทษนะคะ คือ เงินเข้าแค่หมื่นเดียวแน่เหรอคะ” ฉันถามเจ้าหน้าที่ธนาคารอย่างไม่เชื่อสายตา มันต้องเข้ามากกว่านี้สิ

“คงไม่มีอะไรผิดพลาดหรอกค่ะ” เจ้าหน้าที่บอกด้วยความมั่นใจ แล้วฉันก็ไม่สามารถถามอะไรได้อีก เพราะลูกค้าคนอื่นเริ่มจ่อคิวเข้ามาเรื่อยๆ

อะไรเนี่ยเงินหายไปไหน คุณนรินทร์ใส่เงินผิดรึเปล่า???????

ฉันกลับไปที่บริษัทด้วยความร้อนรน คนที่ออฟฟิศเลิกพูดถึงเรื่องคุณทิมไปแล้ว ฉันยืน เก้ๆ กังๆอยู่หน้าห้องทำงานคุณนรินทร์ จะเข้าไปถามเรื่องเงินดีไหมเนี่ยแต่มันไม่ใช่เวลาที่จะ.....

“มาทำอะไรลับๆล่อ” เสียงห้าวๆดังขึ้นจากข้างหลังฉัน

“อ้าวคุณคือมีปัญหาน่ะค่ะ เงินที่เข้าบัญชีมันไม่ครบ” ฉันหันไปบอกเขา

“ตามผมเข้ามา” เขาพูดเสียงเข้มเช่นเคยแถมกลิ่นเยนตาโฟแรงอีกต่างหาก ไปกินที่ร้านแถวบีทีเอสมาอีกล่ะสิ
พอเข้าไปในห้อง เขาก็นั่งลงประจำตำแหน่ง ความรู้สึกเหมือนตอนเช้าเข้ามาในหัวฉัน ห้องทำงานของเขามันขาดอะไรไปนะ

“บัญชีคุณไม่ผิดหรอก ผมใส่เงินเดือนให้ 10000 เดียวจริงๆ” คุณนรินทร์ชี้แจง

หา!!!! ไหนบอก 20%ไงล่ะ เพิ่มด้วยนะ ไม่ใช่ลด

“ก็คุณบอกว่า ยี่สิบ...” ฉันยังพูดไม่จบ เขาก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ หยิบมือถือเครื่องใหม่ออกจากระเป๋ากางเกง รุ่นใหม่ล่าสุดเลยนะนั่นแบบที่มี touch screen

“ผมก็เอาเงินเดือนคุณไปซื้อมือถือน่ะสิ คุณต้องชดใช้นะ จำไม่ได้เหรอ” เขาพูดหน้านิ่ง

ฉันขอถอนคำพูดว่าจะให้อภัยเขา สงสารเขา เขาน่ะ เลวร้ายที่สุด ชีวิตตัวเองก็แย่แล้ว ยังไม่รู้จักใจดี สร้างความสุขให้คนรอบข้างอีก แล้วคนอื่นเขาก็จะมอบความสุขตอบเหมือนกัน แต่ดูเขาทำสิ เขาเอาเงินเดือนลูกน้องไปซื้อมือถือเนี่ยนะ แล้วเขาก็รวยเป็นร้อยล้านขนาดนั้น ฉันน่ะยังไม่มีเงินเก็บเลยด้วยซ้ำ!!!! ฉันยืนเดือดดาลอยู่หน้าเขา หน้าฉันแดงก่ำด้วยความโมโห

“คุณทำอย่างกับว่าฉันมาของานคุณทำเปล่าๆอย่างนั้นล่ะ คุณน่ะชอบดูถูกคนอื่น เห็นแก่ตัว” แล้วฉันก็ขว้างสมุดบัญชีใส่หน้าเขา

“เอาเงินที่เหลือคืนไปเลย ฉันไม่ต้องการ ฉันใช้หนี้คุณครบแล้วใช่ไหม ฉันลาออก!!!!”

ฉันพูดจริงทำจริงนะ แล้วฉันก็วิ่งออกจากห้องเขาไป ลงลิฟท์ด้วยความเร็วสูง ฉันรู้แล้วว่าห้องเขาน่ะ ขาดอะไรไป ขาดเงินเงินเดือนฉันน่ะสิ ทุเรศที่สุด ฉันเกลียดเขา!!!!!

ฉันกำลังจะวิ่งออกจากออฟฟิศแต่อยู่ดีดียามร่างบึ้กสองคนก็เข้ามาจับตัวฉันไว้ มันเกิดอะไรขึ้น!!!!! คนทั้งบริษัทมองฉันแหกปากสั่งให้พวกเขาปล่อยฉันลง แต่แล้วยามสองคนก็พาฉันกลับไปเส้นทางเดิม สู่ห้องทำงานของคุณนรินทร์ ฉันดิ้นพล่านสุดชีวิต ถอดรองเท้าแล้วเอามากระหน่ำตีหัวยามร่างยักษ์ แต่มันเหมือนไม่ระคายผิวเขาเลย ก่อนฉันจะถูกอุ้มเข้าสู่ห้องทำงานคุณนรินทร์อีกครั้ง ฉันเห็นคุณนลินและพนักงานคนอื่น อ้าปากหวอ มองด้วยความตกใจ

ยามกระแทกฉันลงกับโซฟางี่เง่านั่น ฉันขอถอนคำพูดที่เคยบอกว่าโซฟาบุหนังอย่างดี ตอนนี้มันอาจจะทำมาจากหนังหัวคู่นัดบอดของเขาก็เป็นได้ ยามออกไปแล้วแต่ทว่าฉันยังคงนอนกรี๊ดๆ ต่อต้านเขา ด่าทอเขาแทบจะไม่เป็นภาษาคน ขว้างปาทุกสิ่งเท่าที่จะทำได้ รองเท้าเอย กระเป๋า มีแค่นั้นแหละ

“หยุด!!!!!!” เสียงเขาคำรามกึกก้อง ราวกับเสียงท้องฟ้าพิโรธ

ได้ผล...ฉันกลัวจริงๆ เพราะไม่คำราเปล่า กลับย่างสามขุมตรงมาที่ฉัน แต่หน้าตาเขากลับสงบนิ่งจนน่ากลัว ฉันรีบปาดน้ำตาที่ไหลเอ่อออกมา แล้วรีบลุกขึ้นสู้

“คุณจะทำอะไรฉัน คุณนรินทร์!!!” ฉันคำรามบ้าง แต่เขาไม่สะทกสะท้านเลย เขายื่นมือมาหาฉัน เขาจะทำอะไรน่ะ จะจับหน้าอกฉันเหรอ!!! ทุเรศที่สุด ต่ำช้ามาก!!!

“หยุดร้อง” อะ...อะไรนะ จู่ๆเขากลับเสียงอ่อนโยน แล้วยื่นมือนั้นมาเช็ดน้ำตาให้ฉัน ฉันตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก อะไรของเขาวะ แล้วฉันก็รีบปัดมือเขาออกไป มองเขาด้วยความเจ็บแค้น เงินฉันเหลือหมื่นเดียว ฉันไม่มีตังพอซื้อโคนันหรอกนะ ถ้าต้องซื้อ แป้งทำขนมให้แม่ด้วยน่ะ!!!!!

“นั่งลง” เขาสั่งอีก แล้วฉันก็ทำตาม แต่ก็นึกขึ้นมาได้ว่าทำไม ต้องนั่งด้วยล่ะ เลยยืนขึ้นอีก

“คุณมีสิทธิ์อะไรมาสั่ง ฉันลาออกแล้ว!!!!!!” ฉันตะคอกใส่หน้าเขาเต็มๆ

คราวนี้เขาเอามือปิดจมูกตัวเองพร้อมส่งสายตารังเกียจสุดๆมาให้ แล้วถอยหลังไปนิดหนึ่ง

“คุณแปรงฟันบ้างรึเปล่าเนี่ย ห๊า!!!!!!!”



ลายเส้น
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 มี.ค. 2555, 15:26:28 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 มี.ค. 2555, 15:26:45 น.

จำนวนการเข้าชม : 1942





<< บังเอิญ   ลึกซึ้ง >>
Kapoh 28 มี.ค. 2555, 16:42:14 น.
เอ๊ยยย!! หักมุมมาก 5555


คิมหันตุ์ 28 มี.ค. 2555, 18:59:29 น.
หมด mood ทุกที นางเอกคนนี้


konhin 28 มี.ค. 2555, 20:16:41 น.
แปรงฟ้น ฮ่าๆๆๆ


wane 29 มี.ค. 2555, 01:00:35 น.
บ๊องพอกันเร้ยยยย คู่นี้


ling 29 มี.ค. 2555, 10:42:50 น.
นางเอกเป็นซะอย่างงี้ทุกที อิอิ


เนยแข็ง 3 เม.ย. 2555, 13:37:39 น.

คำผิด

แต่แม่ว่ารับไปทำงานดกีว่านะ เดี่ยวสาย >> แต่แม่ว่า(รีบ)ไปทำงาน(ดีกว่า)นะ (เดี๋ยว)สาย

คืองอย่างนี้ค่ะ >> คืออย่างนี้ค่ะ

เพราะไม่คำราเปล่า >> เพราะไม่คำรามเปล่า


อันนี้แอบแปลกๆ

“คะ วันนี้ไม่มีอะไรเลยค่ะ นอกจากเอกสารมากมาย ฉันจัดตารางใหม่น่ะค่ะ แต่พรุ่งนี้
คุณมีประชุม 3 ที่นะคะ แล้วฉันเลื่อนนัดกับผู้จัดการธนาคารไปวันศุกร์ด้วยค่ะ
เพราะระหว่างนั้นคุณต้องพิจารณาข้อมูลเรื่องจะตั้งโรงแรมสาขาใหม่น่ะค่ะ”

ตรงที่มี นะคะ + น่ะค่ะ + ค่ะ เยอะไปนะ น่าจะตัดออกบ้าง
อันนี้ไม่เคยสังเกตเหมือนกัน ว่าเวลาคนเราพูดกับเจ้านาย จะต้องมีทุกประโยคหรือเปล่า
แต่น่าจะไม่นะคะ พูดไม่มีหางเสียงบางประโยค แต่จบท้ายด้วยมีหางเสียง ก็น่าจะโอ (หรือเปล่าหว่า 555++)


ปล. แอบฮา นึกว่าพระเอกห่วง แต่ขอยาหม่องน้ำคืน 55555++
ว่าแต่ว่า นางเอกเราจินตนาการกว้างไกล คิดเองเออเองสุดยอดดดดดด ที่ว่าคุณทับทิมท้องอ่ะ 5555++
ที่สำคัญ สงสารยามโดนรองเท้าตีหัว!!!! 55555


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account